วันต่อมาสกุลซ่งได้ยินข่าวจากสกุลลั่ว แต่ละคนล้วนเคร่งเครียด“เดิมทีสุขภาพของชิงอินก็ไม่ดีอยู่แล้ว เมื่อวานได้รับความตกใจ อีกทั้งยังเป็นหวัด ตอนนี้ไข้สูงไม่ยอมลด น่ากลัวว่าฟื้นขึ้นมาแล้วยังต้องพักรักษาตัวอีกระยะหนึ่ง”หลิ่วหรูเยียนสีหน้าเป็นกังวล “เด็กคนนี้ช่างน่าสงสาร หากพวกเรายังมีโอกาสให้นางแต่งเข้ามาได้ นั่นก็เป็นวาสนาของพวกเราแล้ว เพียงแต่เรื่องในปีนั้นทำให้ลั่วฮูหยินไม่ยอมเหลียวแลข้ามาโดยตลอด ส่งเทียบเชิญไปแล้วก็ปฏิเสธ...”พวกซ่งรั่วเจินสองสามคนสบตากัน นึกถึงเมื่อแรกพวกเขาและสกุลลั่วมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาก ทว่าหลังซ่งเยี่ยนโจวแต่งงาน สกุลลั่วก็ไม่ไปมาหาสู่กับพวกเขาอีกคิ้วบนใบหน้าหล่อเหลาของซ่งเยี่ยนโจวขมวดแน่นไม่คลายออกจากกัน “ท่านแม่ ข้าอยากไปดูที่สกุลลั่วขอรับ”“สมควรไปดูๆ จริงนั่นล่ะ” หลิ่วหรูเยียนพยักหน้า “เมื่อแรกข้าก็รู้ว่านางเป็นเด็กดีเอาใจใส่คนหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าทำให้นางได้รับความทุกข์มากเพียงนี้” “เรื่องนี้เป็นพวกเราทำผิดต่อชิงอิน ทำผิดต่อสกุลลั่ว หลังไปแล้วไม่ว่าท่าทีของสกุลลั่วจะเป็นเช่นไร พวกเราก็ควรยอมรับแต่โดยดี เข้าใจหรือไม่?”เมื่อวานพวกซ่งรั่วเจินกล
“ไม่ใช่นะเจ้าคะ!” ซ่งรั่วเจินรีบโบกมือ “พวกท่านอย่าเข้าใจผิดเป็นอันขาด ฉู่อ๋องมารับข้าเพราะมีปัญหาเล็กน้อยต้องการให้ข้าช่วยเหลือ”ฉู่อ๋องในหนังสือไม่ได้แต่งงาน ยิ่งไปกว่านั้นอวิ๋นอ๋องเองก็เตือนนางอย่าได้คิดเลยเถิดเกินไป นางจะปล่อยให้คนในครอบครัวเข้าใจผิดไม่ได้ ประเดี๋ยวจะเกิดปัญหายุ่งยากซ่งจืออวี้สีหน้าสงสัย “ฉู่อ๋องยอดเยี่ยมเพียงนั้น แม้แต่ปัญหาที่เขาแก้ไม่ได้ เจ้าจะสามารถแก้ได้หรือ?”“พี่สาม ท่านดูเบาข้ารึ?”ซ่งจืออวี้ส่ายหน้า แต่สีหน้ากลับเขียนว่าไม่เชื่อ “ในเมืองหลวงใครบ้างไม่รู้ความสามารถของฉู่อ๋อง? ได้ยินมาว่าคนมีความสามารถติดตามเขาเองก็ไม่น้อย แต่...คงไม่ใช่วิชาเต๋ากระมัง?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “เกี่ยวข้องกับสกุลไป๋”“สกุลไป๋?” หลิ่วหรูเยียนเข้าใจขึ้นมาในทันใด “ระยะก่อนข้าเองก็เคยได้ยินฮูหยินเหล่านั้นเอ่ยถึง พูดว่าน่าตกใจมาก เจินเอ๋อร์ จะเป็นอันตรายหรือไม่?”“ท่านแม่วางใจได้ จะต้องไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ”ซ่งรั่วเจินโบกมือ นางเป็นถึงเจ้าสำนักสำนักเต๋าผู้ยิ่งใหญ่ เรื่องเล็กแค่นี้ทำร้ายนางไม่ได้“พูดถึงคุณชายใหญ่สกุลไป๋ ข้ากลับเคยพบมาก่อน เขามีความสามารถมาก เพียงน่าเสียดายไม่ไ
ณ จวนสกุลไป๋หลังซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงลงจากรถม้า มองปราดเดียวก็มองเห็นไป๋จื่อมู่กำลังยืนรออยู่ด้านนอกฝ่ายชายสวมชุดสีฟ้าอ่อน เส้นผมดำดุจกาถูกมัดไว้ด้วยแถบผ้าสีเดียวกัน ปอยผมพลิ้วไหวตามสายลม เผยความบริสุทธิ์อ่อนโยนเขาก็คล้ายภูผาสูงสายน้ำไหล เจือกลิ่นอายของบทกวี รัศมีสูงสง่าบริสุทธิ์ บางทีนี่อาจเป็นเสน่ห์ดั่งในท้องมีบทกวีมีความสง่างามด้วยตนเอง“ดังคาด ชายหล่อเหลาในยุคสมัยโบราณมีมากเหลือเกิน...”ซ่งรั่วเจินสลดใจอย่างอดไม่ได้ หลังตนเองทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ไม่เพียงกินดื่มโดยไร้กังวลภายในสกุลซ่ง ยังได้เห็นชายหล่อเหลาคนแล้วคนเล่า คุณชายไป๋ตรงหน้านี้ก็เป็นของชั้นเลิศพบเห็นได้ยากยิ่ง ช่างเป็นวาสนาต่อสายตาโดยแท้“เจ้าพูดว่าใครเป็นชายหล่อเหลา?”ฉู่จวินถิงได้ยินไม่ชัดเจนซ่งรั่วเจินพูดว่าอะไร ได้ยินเพียงชายหล่อเหลาสามพยางค์นี้ สายตาเลื่อนมองทางไป๋จื่อมู่อย่างไม่รู้ตัวคนผู้นี้สวมชุดสีฟ้า ท่วงท่าสง่างามดุจสายลมเป็นปกติดังเดิม เพียงแต่บัดนี้เขามองดูแล้วกลับรู้สึกไม่ถูกชะตาอยู่บ้าง“หม่อมฉันพูดว่าคุณชายไป๋และท่านอ๋องล้วนเป็นชายหล่อเหลาเพคะ”ซ่งรั่วเจินหัวเราะ ลอบรังเกียจตนเอง เหตุใดไม่ร
ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงล้วนสังเกตเห็นแผลบนหน้าผากของไป๋จวิ้นอวี่ พันผ้าไว้มองดูแล้วร้ายแรงเป็นพิเศษ“พี่ใหญ่ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ได้รับบาดเจ็บก็ช่างเถอะ ท่านอย่าพาฉู่อ๋องเข้าไปเป็นอันขาด หากได้รับบาดเจ็บจะทำเช่นไร?” ไป๋จวิ้นอวี่ตำหนิอย่างอดไม่ได้ไป๋จื่อมู่ขมวดคิ้วแน่น เขาอยู่ที่บ้านชินชากับการใช้คำพูดเช่นนี้มากดดันตนของไป๋จวิ้นอวี่แล้ว นึกถึงเมื่อแรกยังนับว่าไว้หน้า บัดนี้กำเริบเสิบสาน นับว่าฉีกหน้ากันแล้ว“ข้ากำลังคิดว่าเรื่องนี้น่าสนใจจึงตั้งใจมาเป็นพิเศษ”สุ้มเสียงฉู่จวินถิงเยียบเย็น ทันใดนั้นทำให้ไป๋จวิ้นอวี่เงียบปากลงในทันใดเขาเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ เผชิญหน้ากับเรื่องพรรค์นี้ไม่สมควรหลีกเลี่ยงหรอกหรือ? เหตุใดฉู่อ๋องจึงตั้งใจมาดูเล่า?อาศัยช่วงเวลาทุกคนกำลังพูดคุย ซ่งรั่วเจินมองเรือนอึมครึมมืดมน สลดใจอย่างสุดระงับไอแค้นฝังลึกเพียงนี้ คาดการณ์ว่ามีมาหลายปีแล้วคนปกติอยู่ที่นี่ได้ไม่เกินสามวันก็ต้องเกิดเรื่อง ตรงข้ามกันไป๋จื่อมู่ท่าทางธรรมดา กลับไม่มีพลังชั่วร้ายรอบกายแม้แต่น้อยผิดกับไป๋จวิ้นอวี่ เมื่อหลายวันก่อนเข้าไปเพียงเที่ยวเดียว จุดอิ้นถังก็เริ่มดำ ดว
ชั่วขณะมือของซ่งรั่วเจินสัมผัสสตรีชุดแดง ภาพเหตุการณ์ในชีวิตแต่ละภาพก็ผ่านตาอย่างรวดเร็วเริ่มจากนางดีใจที่ได้แต่งงานกับไป๋เฉิงหง ต้องการคลอดลูกชายลูกสาวให้เขา จนถึงตอนนี้ที่พบว่าทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องเท็จบัณฑิตหน้าขาวที่นางชอบเป็นเรื่องเท็จ แต่งงานกราบไหว้ฟ้าดินเป็นเรื่องเท็จ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องหลอกลวงที่ไป๋เฉิงหงแต่งขึ้นนางที่กำลังตั้งครรภ์ถูกพามาที่สกุลไป๋ นี่ถึงรู้ว่าไป๋เฉิงหงเป็นคุณชายใหญ่สกุลไป๋ แต่งงานตั้งนานแล้ว ส่วนนางเป็นเพียงอนุที่ถูกเลี้ยงดูอยู่ภายนอกคนหนึ่งหลังอวี้เยว่หลิงถูกพากลับบ้านก็ได้รับการเลี้ยงดูอาศัยอยู่ภายในเรือนแห่งนี้ นางเคยคิดจากไป ทั้งยังเคยอ้อนวอนไป๋เฉิงหงหลายครั้ง กลับได้รับคำหลอกลวงและปลอบใจครั้งแล้วครั้งเล่าจากเขาสุดท้าย ลูกก็คลอดออกมานางอยากพาลูกจากไป ถึงขั้นอยากไปขอให้ไป๋ฮูหยินรับปาก กลับพบว่าลูกกลายเป็นคุณชายใหญ่ ส่วนแม่มิใช่นางนางถึงรู้ว่า...ที่แท้ไป๋ฮูหยินหลี่ว์เหวินซิ่วและไป๋เฉิงหงแต่งงานกันมาสามปีแต่ไม่มีลูกมาโดยตลอด ไป๋เฉิงหงถึงออกตามหานางจากภายนอกหลี่ว์เหวินซิ่วรู้เรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ ตัดสินใจให้นางช่วยคลอดลูกออกมาคนหนึ
“นางมองข้าด้วยสายตาอันอ่อนโยน เป็นความรักความห่วงใยจากผู้ใหญ่ที่ข้าไม่เคยสัมผัสมาก่อน แต่ไม่นานนัก ท่านแม่ของข้าก็พบเข้า ไม่เพียงแค่ตำหนิข้าอย่างรุนแรง ยังสั่งห้ามข้าไม่ให้มาอีก”“นั่นเป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นท่านแม่ดุถึงเพียงนั้น อีกทั้งยังโดนโบย ในคืนนั้นข้าก็ป่วยเป็นไข้สูง หลังจากฟื้นตัว ข้าพยายามถามแม่นม และเคยถามเหล่าบ่าวไพร่เช่นกัน”“ทุกคนล้วนกล่าวว่าในจวนนี้ไม่มีอี๋เหนียง คงเป็นเพราะข้าตัวร้อนจนสับสน คิดไปเองว่าฝันเป็นความจริง”ใบหน้าของไป๋จื่อมู่แสดงอารมณ์สับสน ความทรงจำในครั้งนั้นยังคงฝังลึก ราวกับไม่ใช่เพียงแค่ความฝัน แต่เมื่อเขาเติบโตขึ้นและกลับมาที่นี่อีกครั้ง ก็พบเพียงเรือนที่รกร้าง ไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่สักคนนานวันเข้า แม้แต่เขาเองก็เริ่มเชื่อว่าเรื่องราวทั้งหมดอาจเป็นเพียงความฝัน“แต่เดิมข้าไม่ได้พำนักอยู่ที่นี่ เพียงเพราะน้องชายคนรองร่ำร้องอยากได้เรือนของข้า ท่านพ่อจึงให้ข้าย้ายไปหาเรือนใหม่”“ข้าก็ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงนึกถึงเรือนนี้ จึงสั่งให้คนซ่อมแซมให้เรียบร้อยก่อนจะย้ายเข้ามาอาศัยอย่างสบายใจ แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ กลับเกิดเหตุประหลาดขึ้นมากมาย”“ท่านแม่และน้องชายทั
“จะเป็นไปได้อย่างไร?”ไป๋จื่อมู่ยืนตะลึงงันอยู่ที่เดิม ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ“แม่นางซ่งเอ่ยเช่นนี้ คงไม่ใช่เรื่องเท็จแน่ ลองคิดให้ดีเถิด ตลอดหลายปีที่เจ้าพำนักอยู่ร่วมกับไป๋ฮูหยิน เจ้าไม่เคยรู้สึกถึงความผิดแปลกแม้สักนิดเลยหรือ?” ฉู่จวินถิงเอ่ยถามด้วยเสียงหนักแน่นซ่งรั่วเจินหันไปมองชายหนุ่มข้างกายด้วยความประหลาดใจ เรื่องที่น่าตกตะลึงถึงเพียงนี้ เขากลับเชื่อโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยเลยหรือ?ไป๋จื่อมู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความไม่แน่ใจ “แม่นางซ่ง ที่เจ้ากล่าวมาทั้งหมดเป็นความจริงหรือ?”“เรื่องเช่นนี้ข้าไม่กล่าวความเท็จกับท่านหรอก” ซ่งรั่วเจินพยักหน้าอย่างหนักแน่น“ข้าเข้าใจแล้ว” ไป๋จื่อมู่ยิ้มเยาะตนเอง รอยยิ้มที่ปรากฏนั้นแฝงไว้ด้วยความเศร้าสร้อย “แท้จริงแล้ว ข้ารู้ตั้งแต่ยังเยาว์ว่าท่านแม่รักน้องชายทั้งสองมากกว่า ข้าไม่เคยได้รับความใส่ใจเท่าพวกเขา”“ทุกคนล้วนบอกว่าเป็นเพราะข้าเป็นบุตรชายคนโต จำต้องแบกรับหน้าที่ในการสร้างความรุ่งเรืองให้แก่ตระกูล จึงต้องเข้มงวดกับข้าเป็นพิเศษ...”ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยสงสัย แต่ทุกคนรอบตัวต่างยืนกรานว่าความคิดของเขานั้นผิดไปพวกเข
“ท่านอ๋องไม่สงสัยหรือว่าเรื่องนี้เป็นมาอย่างไร?”ซ่งรั่วเจินเห็นฉู่อ๋องยังคงมีสีหน้าปกติราวกับไม่แปลกใจในเรื่องนี้เลย นางจึงรู้สึกแปลกใจไม่น้อย“ก่อนหน้านี้ข้าเคยพบไป๋ฮูหยิน ท่าทีของนางที่มีต่อไป๋จื่อมู่ไม่เหมือนกับมารดาที่รักและเอ็นดูบุตร วันนี้ได้ฟังคำของเจ้า ข้ากลับคิดว่ามันสมเหตุสมผลยิ่งนัก”“ในวังหลวง หากมีสนมคนใดต้องโทษ บุตรของนางจะถูกยกให้ฮองเฮาหรือสนมตำแหน่งสูงเลี้ยงดู”“ครานั้นไป๋ฮูหยินแต่งงานมาได้สามปียังไม่ตั้งครรภ์ ฮูหยินผู้เฒ่าเคยมีความคิดจะให้ใต้เท้าไป๋หย่าขาดเพื่อแต่งภรรยาใหม่ ข้าจึงคิดว่าไป๋จื่อมู่คงเป็นบุตรของอนุภรรยา เพียงแต่เลี้ยงดูในนามไป๋ฮูหยิน”“หลังจากที่ไป๋ฮูหยินตั้งครรภ์เอง นางก็ยิ่งห่างเหินจากไป๋จื่อมู่ไปตามธรรมชาติ”ฉู่จวินถิงดูเหมือนจะเข้าใจทุกสิ่ง เขาเติบโตในวังหลวง เรื่องเช่นนี้เห็นมามากมาย จึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจนักเพียงแต่ที่ตระกูลไป๋ปิดบังเรื่องนี้ก็ยังพอเข้าใจได้ ทว่าการที่ไม่เปิดโอกาสให้ไป๋จื่อมู่ได้พบเจอมารดาแท้ๆ เลยนั้น นับว่าเกินไปแล้วซ่งรั่วเจินถอนหายใจเบาๆ “หากเป็นเพียงอนุภรรยาทั่วไป คงไม่ทิ้งร่องรอยความอาฆาตรุนแรงไว้ที่นี่ จนไม่อาจไปเกิด
ฉู่อวิ๋นกุยและสี่พี่น้องสกุลซ่งสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล แต่ไหนแต่ไรมาฉู่อ๋องไม่ใช่คนปากไม่มีหูรูด ยิ่งไม่มีวันโจมตีองค์ชายสี่ร่างกายอ่อนแอโดยไร้สาเหตุในเมื่อเขาทำถึงเพียงนี้ ก็หมายความว่าเขาไม่ชอบเหลียงอ๋องเพราะเหตุนี้ ซ่งรั่วเจินจึงสังเกตเห็นว่าไม่ว่าอวิ๋นอ๋องหรือพี่ชายของตนก็ล้วนมีท่าทีเปลี่ยนไปในเวลาเพียงชั่วพริบตาฉู่เทียนเช่อเกิดความสงสัย หรือว่าฉู่อ๋องและเหลียงอ๋องมีความขัดแย้งใดที่เขาไม่รู้?“น้องสี่ ก่อนหน้านี้ข้ารู้เพียงว่าไม่ว่าโยนลูกศรลงไหหรือโยนห่วงเจ้าก็ล้วนแม่นยำทั้งสิ้น ในเมื่อวันนี้มาแล้ว ไม่สู้ให้พวกเราได้ประจักษ์ต่อสายตาสักหน่อย”ฉู่เทียนเช่อยังแย้มยิ้มดังเดิม หยิบห่วงทางด้านข้างวางไว้ในมือฉู่ซิ่นเหลียงเขาไม่สนใจหรอกว่าระหว่างทั้งสองคนมีความขัดแย้งกันหรือไม่ หากว่ามี นั่นก็ดีอย่างไม่ต้องสงสัย!“เช่นนั้นข้าจะลองดู”ฉู่ซิ่นเหลียงพยักหน้ายิ้มๆ สายตาสะท้อนแสงเย็นชาวูบหนึ่ง ครุ่นคิดภายในใจตกลงเขาปกปิดที่ใดไม่ดีถึงถูกฉู่อ๋องสังเกตเห็น?ทุกคนเห็นเหลียงอ๋องผู้อ่อนแอยกห่วงขึ้น มองแจกันดอกไม้ที่อยู่ไกลๆ วัดระยะครู่หนึ่งแล้วโยนออกไปได้เห็นห่วงนั้นสั่นไหวเล็กน้อยบ
ชั่วขณะฉู่จวินถิงได้เห็นเหลียงอ๋อง นัยน์ตาไร้คลื่นอารมณ์สะท้อนแสงเย็นวูบหนึ่งซ่งรั่วเจินสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของฉู่จวินถิง ลอบตกตะลึงภายในใจ ใช่หรือไม่ว่าเขาพบอะไรเข้าแล้ว?ภายในหนังสือ ทีแรกไม่มีใครสังเกตเห็นความเจ้าเล่ห์ทะเยอทะยานของเหลียงอ๋อง เขาลอบวางอุบายอยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด รับชมองค์ชายท่านอื่นกัดกันเหมือนสุนัขด้วยสายตาเย็นชาอยู่วงนอกและได้รับผลปะโยชน์ไปในตอนสุดท้ายกอปรกับเดิมทีหลินจือเยว่และฉินซวงซวงก็มีรัศมีของพระเอกนางเอก เพียงสองคนลงมือก็ไม่มีเรื่องใดไม่สามารถจัดการได้ทว่า บัดนี้หลินจือเยว่และฉินซวงซวงไร้ประโยชน์ไปแล้ว คาดว่าเหลียงอ๋องต้องการทำถึงขั้นนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องยากกระมัง“ขอบคุณน้องหกมากที่ห่วงใย ระยะนี้ร่างกายข้าดีขึ้นบ้างแล้ว” เหลียงอ๋องผลิยิ้ม กลับไอออกมาสองทีโดยไม่รู้ตัว“เสด็จพี่ แม้ว่าระยะนี้อากาศอุ่นแล้ว แต่ท่านจะต้องรักษาสุขภาพให้ดี อย่าต้องความเย็นเป็นอันขาด ช่วงต้นวสันต์อากาศเย็นมากนัก เป็นหวัดได้ง่ายที่สุด” ฉู่มู่เหยาพูดอย่างห่วงใยฉู่เทียนเช่อมองสถานการณ์ของโยนลูกศรลงไหและพูดว่า “น้องสาม หากวันนี้เจ้าต้องการคว้าชัยชนะ น่ากลัวว่าไม่ง่ายถ
บัดนี้ได้เห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง ก็อยากจะมอบสิ่งที่นางชอบทั้งหมดมาวางไว้ต่อหน้านาง“เสด็จพี่ มองเห็นแจกันดอกไม้อยู่ไกลที่สุดทางด้านหน้านั้นหรือไม่? ขอเพียงโยนลงเจ้านั่น ก็จะสามารถคว้าชัยชนะการแข่งขันโยนห่วงได้!”ฉู่อวิ๋นกุยชี้แจกันดอกไม้ที่อยู่ไกลที่สุด รอบข้างแจกันดอกไม้ล้วนเต็มไปด้วยห่วงที่คล้องเพียงความว่างเปล่า ตอนนี้ยังไม่มีคนโยนลงซ่งรั่วเจินเพ่งพินิจเล็กน้อย พบว่าแจกันดอกไม้ไม่เพียงแต่สูง ขนาดของปากแจกันยังแตกต่างจากห่วงไม่มากอีกด้วย คิดจะโยนให้ลงนั้นยากเสียยิ่งกว่ายาก!“งานเทศกาลโคมไฟของทุกปี การโยนห่วงนี้ยากที่สุด ข้าแทบจะไม่เคยเห็นคนโยนลงมาก่อน” ฉู่อวิ๋นกุยพูดอย่างเสียดายลั่วชิงอินเห็นแจกันดอกไม้ใหญ่ถึงเพียงนั้น ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “เยี่ยนโจว การโยนห่วงนี้ยากเกินไปแล้วกระมัง มีคนโยนลงจริงหรือ?”“ยากจริงนั่นล่ะ แทบจะไม่มีใครสามารถโยนลงได้ จะต้องแม่นยำมากถึงจะใช้ได้ ต่อให้เป็นข้าก็ยากจะทำได้”ซ่งเยี่ยนโจวพยักหน้า แต่ไหนแต่ไรมาล้วนมีคนชื่นชมวิชายุทธ์ของเขา แต่บัดนี้ได้เห็นแจกันดอกไม้ขนาดเท่าห่วง รู้สึกเพียงว่าความยากนั้นมากเกินไป ดูท่าแล้วไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนส
ฉู่มู่เหยาเบิกตากว้าง เผยสีหน้าตกตะลึง นางคิดว่าซ่งจิงเซินได้สติแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าจะสูญเสียความทรงจำไป?“ข้ายังไม่แต่งงานเพราะคิดถึงเจ้า?” ซ่งจิ่งเซินถูกประโยคนี้ทำให้โมโหจนหัวเราะออกมาแล้ว “เจ้าวางใจได้ ข้าจะต้องแต่งงานแน่ เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันแต่งกับเจ้า”“เจ้าและชวีคั่วสมควรเป็นคู่รักสวรรค์สร้าง ข้าชี้แนะเจ้าให้รีบแต่งงาน ประเดี๋ยวจะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน”เคอหยวนจื่อโมโหแทบแย่ “ท่านยังไม่ยอมรับ!”ฉู่มู่เหยาปิดปากหัวเราะ ลดเสียงให้เบาลง “คุณชายสี่ซ่ง เหตุใดเจ้ายังไม่ยอมแต่งงานเล่า? คงไม่ใช่ว่ากำลังรอเคอหยวนจื่อจริงๆ หรอกกระมัง?”ซ่งจิ่งเซินผินมองนางแวบหนึ่ง “องค์หญิง ท่านสนใจเรื่องงานแต่งของกระหม่อมทั้งวี่ทั้งวันเช่นนี้ไปทำไม? คงไม่ใช่...”ฉู่มู่เหยาเห็นสีหน้าหยอกเย้าของฝ่ายชาย สีหน้าแข็งทื่อไป “อะไรกันเล่า? ข้าไม่ได้สนใจงานแต่งของเจ้าเสียหน่อย”“ไม่ใช่ก็ดี” ซ่งจิ่งเซินถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่ง “หาไม่แล้วองค์หญิงดีๆ คนหนึ่งคิดอยากเป็นแม่สื่อ นั่นจะดีได้อย่างไร?”ฉู่มู่เหยา “???”“พี่สะใภ้ ข้าทนไม่ไหวแล้ว เขาถึงขั้นพูดว่าข้าอยากเป็นแม่สื่อ เจ้ารีบหาทางอุดปากเขาเถอ
ตอนนั้นเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตในพิธีล่าสัตว์ ต่อให้ผ่านไปนานแล้ว ทุกคนก็ยังจำได้ดังเดิม“ซ่งจิ่งเซิน แม่นางเคอท่านนั้นของเจ้าถูกตีน่าสารยิ่งนัก เจ้าไม่ไปช่วยหรือ?”ฉู่มู่เหยากะพริบตามองซ่งจิ่งเซิน ใบหน้าเผยรอยยิ้ม ระยะนี้ซ่งจิ่งเซินมักได้เห็นเรื่องตลกของนาง วันนี้นับว่าถึงตานางหยอกล้อซ่งจิ่งเซินแล้วซ่งจิ่งเซินเหล่มองนาง “พูดเช่นนี้แล้ว วันนี้คุณชายเสิ่นท่านนั้นของท่านเองก็อาจจะมาเช่นกัน มิสู้ลองหาดู?”ฉู่มู่เหยา “...หุบปากเจ้าเสีย”ซ่งจิ่งเซินเห็นรอยยิ้มฉู่มู่เหยาหายวับไปในทันใด หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “ก็แค่หนังหน้านี้ของท่าน ยังคิดล้อกระหม่อมเล่นอีกหรือ? กลับไปฝึกดีๆ เถอะ”ฉู่มู่เหยา “! ! !”กู้ฮวนเอ๋อร์และซ่งรั่วเจินเห็นท่าทางทะเลาะกันของสองคนนี้ สบตากันแวบหนึ่ง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าสองคนนี้อยู่ด้วยกันช่างครึกครื้นเสียจริง“ที่นี่เอะอะเกินไปแล้ว พวกเราไปโยนห่วงทางนั้นเถอะ!” ฉู่อวิ๋นกุยเอ่ยปาก หันมองทางกู้ฮวนเอ๋อร์อีกครั้ง “อีกเดี๋ยวเจ้าชอบสิ่งใดก็บอกข้า ข้าจะช่วยเอามาให้เจ้า!”กู้ฮวนเอ๋อร์พยักหน้าลงด้วยความดีใจ จนกระทั่งตอนนี้ นางถึงเชื่อว่าอวิ๋นอ๋องชอบนางจริงๆ และยอมคบหากับน
ถังเสวี่ยหนิงย่อมไม่ยอมแพ้ เคอหยวนจื่อคนนี้มีดีอะไร ไม่ว่ามองอย่างไรซ่งจิ่งเซินก็ดีกว่านางมากนักไม่รู้จริงๆ ว่าเหตุใดถึงตาบอด ไปชอบผู้หญิงคนนี้ได้!ต้องรู้ว่าเมื่อแรกเคอหยวนจื่อร่ำรวยยิ่งกว่าบุตรีจวนอัครมหาเสนาบดีอย่างนางเสียอีก บัดนี้เห็นนางตกต่ำถึงขั้นนี้ นางกลับรู้สึกมีความสุขภายในใจ“มิน่าเล่าพวกเจ้าสองคนถึงสามารถเป็นสหายกันได้ ได้ยินมาว่าเสิ่นหวยอันทำได้กระทั่งทำลายชื่อเสียงขององค์หญิงเพื่อให้ได้เป็นราชบุตรเขย”“พวกเจ้ามีเวลาพูดไร้สาระอยู่ที่นี่ มิสู้ดูให้ดี องค์หญิงมู่เหยาและซ่งจิ่งเซินอยู่ด้วยกันแล้วเหมาะสมกันมากเพียงใด!”ต่อจากคำพูดของถังเสวี่ยหนิงที่เพิ่งจบลง สายตาของพวกเคอหยวนจื่อสองคนก็หันมองไปอย่างอดไม่ได้ มองเห็นฉู่มู่เหยาและซ่งจิ่งเซินกำลังพูดคุยหัวเราะให้กัน สนิทสนมกันไม่ธรรมดา“พวกเขาสนิทสนมกันถึงเพียงนี้ตั้งแต่ยามใด?”เคอหยวนจื่อโง่งมแล้ว มองทางซ่งปี้อวิ๋นอย่างอดไม่ได้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ซ่งปี้อวิ๋นพูดว่าองค์หญิงและเสิ่นหวยอันมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา เพราะเหตุนี้ซ่งปี้อวิ๋นจึงอารมณ์ไม่ดีนี่มันเรื่องอะไรกัน?ซ่งปี้อวิ๋นเองก็ตกใจอย่างสุดระงับ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้า
“ทว่าผ่านไปนานถึงเพียงนี้แล้ว เจ้าเคยได้ยินข่าวหมั้นหมายของทั้งสองคนหรือไม่?” ถังเสวี่ยหนิงถามกลับเถียนเจียวเจียวนี่ถึงวางใจลง “เช่นนั้นก็ดีแล้ว เสื้อผ้าหนึ่งชุดไม่นับเป็นอะไร ตอนนั้นซ่งจิ่งเซินนำของดีมากมายมามอบให้เคอหยวนจื่อ แต่สุดท้ายเจ้าดูเถอะ ยังไม่ใช่พูดว่าไม่เอาก็ไม่เอาแล้วหรอกหรือ?”ถังเสวี่ยหนิงหัวเราะเบาๆ พวกเขาย่อมได้ยินสถานการณ์ของเคอหยวนจื่อมาก่อน“พวกเจ้ากำลังว่าข้าหรือ?”เคอหยวนจื่อและซ่งปี้อวิ๋นยืนอยู่ด้วยกัน วันนี้ครึกครื้นอย่างมาก ทั้งสองคนย่อมไม่พลาดไป กอปรกับฉู่อ๋องโยนลูกศรลงไห ไม่รู้ว่าเรียกความสนใจของคนมากี่มากน้อย ดังนั้นพวกนางสองคนก็มารับชมความครึกครื้นเฉกเดียวกันคิดไม่ถึงเลยว่ายังไม่ทันได้เห็นสถานการณ์อย่างชัดเจน ก็ได้ยินสองคนนี้นินทาตนเอง สีหน้าเคอหยวนจื่อเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์ถังเสวี่ยหนิงและเถียนเจียวเจียวเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าขณะกำลังนินทาคนก็จะบังเอิญได้พบเจ้าตัว ใบหน้าเผยแววเก้อกระดาก แต่กลับมาเป็นปกติอย่างว่องไวชาติกำเนิดของเคอหยวนจื่อยังไม่เพียงพอให้พวกนางชายตาแล!“ว่าเจ้าแล้วจะทำไมเล่า? หรือว่าไม่ใช่ความจริง?” เถียนเจียวเจียวเผยสีหน้าเย้ยหยัน
ซ่งรั่วเจินเห็นฉู่จวินถิงท่ามกลางกลุ่มคน เขาคล้ายเกิดมาเป็นตัวเอก รัศมีเปล่งประกายเหนือผู้อื่น ท่วงท่าสง่างามดุจหยก ทำให้คนยากจะเมินข้ามได้เทียบกับท่าทางเย็นชาในอดีต เขาในวันนี้มีรัศมีของชายหนุ่มมากหลายส่วนมองเห็นเขาคว้าชัยชนะครั้งแรกไปได้ ชั่วขณะหันใบหน้าประดับยิ้มมามองนาง หัวใจของนางเองก็ถูกทำให้หวั่นไหวโดยไม่รู้ตัว หัวใจเต้นเร็วยิ่งขึ้น“องค์ชาย นี่คือรางวัลคว้าชัยชนะโยนลูกศรลงไหของท่าน”ฝ่ายชายยื่นพู่สีแดงหนึ่งพวงมาให้อย่างเคารพนบนอบฉู่จวินถิงรับพู่ไป เดินมาหยุดต่อหน้าซ่งรั่วเจินด้วยท่วงท่าสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาสง่างามยามสบมองนางอ่อนโยนเป็นพิเศษ“เก็บไว้ให้ดี ข้าจะไปคว้าชัยชนะกลับมาให้มากๆ”ซ่งรั่วเจินมองพู่แดงในมือของตน แม้ว่าเป็นเพียงของรางวัลของผู้ชนะ กลับทำได้งดงามประณีตมาก ถักหัวใจสีแดงอย่างซับซ้อนห้อยเหรียญเอาไว้ ต่อให้นำมาเป็นเครื่องประดับก็งดงามไม่น้อยสำคัญที่สุดคือ...เสียงเปี่ยมความมั่นใจ คล้ายสามีไปหาเงินกลับมาได้และมอบให้ฮูหยินจัดการแม่นางรอบข้างได้เห็นภาพนี้ ภายในสายตาเปี่ยมความอิจฉา ใครสามารถคิดออกเล่าว่าฉู่อ๋องผู้สูงส่งและเย็นชาจะมีวันที่อ่อนโยนต่อแม่นาง
ฉู่จวินถิงมองซ่งรั่วเจินทางด้านข้าง ลดเสียงให้เบาลง “ข้าจะคว้าชัยชนะกลับมาให้เจ้าให้ได้”ทุกคนล้วนเห็นว่าฉู่อ๋องคิดจะโยนลูกศรลงไหจริง ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึงพรึงเพริด นี่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกหรือ!ภายในกลุ่มคน ถังเสวี่ยหนิงเองก็สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวทางฝั่งนี้แล้ว มองเห็นฉู่อ๋องพาซ่งรั่วเจินออกมาเปิดเผยในฐานะคนรัก ภายในสายตาเปี่ยมความแค้นเคือง“ข้าดูแล้วฉู่อ๋องไม่ได้ชอบแม่นางซ่งลึกซึ้งมากมายอะไร หากชอบถึงเพียงนั้น ป่านนี้คงแต่งงานรับคนกลับไปนานแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวไม่ใช่หรือ?”เถียนเจียวเจียวเผยสีหน้าเย้ยหยัน นางเองก็ริษยาซ่งรั่วเจิน ถือสิทธิ์อะไรสตรีคนนี้วาสนาดีถึงเพียงนี้!ทว่าเห็นฉู่อ๋องกลับมาแล้ว ทั้งสองคนยังไม่แต่งงานกัน นางรู้สึกมีความสุขไม่น้อยภายในใจบัดนี้เห็นซ่งอี้อันแสดงความสามารถในราชสำนักได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ บิดาของนางชื่นชมเป็นครั้งคราว มารดาเองก็เสียดายที่นางไม่สามารถแต่งกับซ่งอี้อันได้ หาไม่แล้วบัดนี้จะต้องกลายเป็นที่อิจฉาของทุกคนแน่ทั้งหมดนี้ล้วนต้องโทษซ่งรั่วเจิน!“ไม่มีความเคลื่อนไหวจริงนั่นแหละ แต่ข้าได้ยินว่าฉู่อ๋องคล้ายมีเจตนาสู่ข