Share

บทที่ 108

Author: จี้เวยเวย
เมื่อเห็นฉินเซี่ยงเหิงพยายามดึงตัวจ้าวซูหว่านอีกครั้ง สวีเฮ่ออันกับอวิ๋นเฉิงเจ๋อจึงรีบก้าวเข้ามาขวางไว้ทันที

“ฉินเซี่ยงเหิง เจ้าบอกเองว่าเจ้ากับคุณหนูจ้าวไม่มีความเกี่ยวข้องกัน แล้วเจ้าจะมีสิทธิ์อันใดมาจัดการแทน?” สวีเฮ่ออันเอ่ยถาม

ขณะเดียวกัน อวิ๋นเนี่ยนชูก็ฉวยโอกาสยัดยาลูกกลอนใส่มือจ้าวซูหว่าน “รีบกินเถิด!”

จ้าวซูหว่านรีบกลืนยาลงไป ซ่งรั่วเจินจับชีพจรของนางอย่างรวดเร็ว และพบว่ากรณีของนางเป็นอันตรายอย่างยิ่ง จึงหยิบเข็มเงินออกมาและเริ่มลงมือรักษาทันที

ซ่งอี้อันที่ยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดเงียบ ๆ สั่งมั่วอวี่ให้ไปเชิญหมอมา

ในเมื่อจ้าวซูหว่านตั้งครรภ์ เรื่องนี้ก็จะเป็นหลักฐานที่ชัดเจนที่สุดในการยืนยันความสัมพันธ์ลับ ๆ ของพวกเขา!

อวิ๋นเฉิงเจ๋อมองไปยังเฉียนเหว่ยและพรรคพวก ใบหน้าที่เย็นชาของเขาแสดงถึงความเย้ยหยันอย่างเห็นได้ชัด “นี่หรือ สหายฉินที่พวกเจ้าชื่นชมกันว่าเป็นผู้มีปณิธานสูงส่ง มีความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่?”

ได้ยินคำเย้ยหยันของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ หากเป็นก่อนหน้านี้ เฉียนเหว่ยและพรรคพวกคงโต้กลับพร้อมกับเหยียดหยามเขาอย่างแน่นอน

ทว่าในเวลานี้ ทุกคนกลับนิ่งเงียบราวกับกลายเป็นคนบื้อใบ้ ไ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 109

    จ้าวซูหว่านร่ำไห้อย่างเสียสติ ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเคียดแค้นก่อนหน้านี้นางเคยถามฉินเซี่ยงเหิงอยู่หลายครา หากความลับนี้ถูกเปิดเผยจะทำเช่นไรดี?เขาเอ่ยคำสาบานอย่างหนักแน่นว่าจะบอกให้ทุกคนรู้และแต่งนางเป็นภรรยา แต่พอมาถึงวันนี้แล้ว เขานั้นไม่เพียงไม่ยอมรับความสัมพันธ์ของพวกเขา แต่กลับสาดโคลนมาให้นางสตรีนางหนึ่งถูกทำให้ชื่อเสียงป่นปี้ นั่นไม่ต่างอะไรกับการผลักนางไปสู่ความตาย!ฝูงชนต่างตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน“ฉินเซี่ยงเหิงช่างเลวทรามเกินให้อภัย รู้ดีว่านางเป็นคู่หมั้นของสหายแต่ยังจงใจหลอกล่อ เช่นนี้…คำสอนของนักปราชญ์ที่ร่ำเรียนมาช่างเสียเปล่าโดยแท้!”“คนต่ำช้าไร้ยางอายเช่นนี้ จะเขียนบทความดี ๆ ได้อย่างไร? เกรงว่าบทความพวกนั้นก็คงขโมยมากระมัง?”“ข้าดูแล้ว จ้าวซูหว่านตั้งครรภ์จริง ๆ ฉินเซี่ยงเหิงยังกล้าพูดปดหน้าตาย รอให้เด็กคลอดออกมา ก็ทำการหยดเลือดพิสูจน์เสียสิ ดูว่าถึงตอนนั้นเขาจะกล้าเถียงอะไรอีก?”อวิ๋นเนี่ยนชูกวาดตามองเฉียนเหว่ยและคนอื่น ๆ แล้วเอ่ยขึ้นว่า “พวกเจ้าไม่ใช่เคยเอ่ยปากชมฉินเซี่ยงเหิงว่าเป็นคนดีอยู่ร่ำไปหรือ? ข้าขอเตือนพวกเจ้าเสียหน่อย อย่าให้ถึงตอนที่ฮูหยินของตั

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 110

    เสียงวิพากษ์วิจารณ์รอบกายล้วนเป็นไปในทางเดียวกัน“ฉินเซี่ยงเหิง เราสองคนเป็นสหายร่วมสำนักกันมาหลายปี แท้จริงแล้วข้าเคยทำสิ่งใดให้เจ้าขุ่นเคืองหรือ ถึงต้องทำเช่นนี้กับข้า?”ซ่งอี้อันหันหน้าไปทางที่ฉินเซี่ยงเหิงยืนอยู่ ใบหน้าหล่อเหลามีแต่ความเจ็บปวดระคนไม่เข้าใจ“ข้าไม่ได้ทำ! พวกเจ้าไม่มีหลักฐานอันใด หรือพวกเจ้าบอกว่าเช่นไรก็เป็นเช่นนั้นหรือ?”“ข้าไม่มีความสัมพันธ์ใดกับจ้าวซูหว่าน และยิ่งไม่มีทางเป็นคนที่ทำร้ายเจ้า เจ้าคิดจะโยนความผิดมาให้ข้าหรือ ไม่มีทางเด็ดขาด!”ฉินเซี่ยงเหิงกัดฟันแน่นและไม่ยอมรับตราบใดที่พวกเขาหาหลักฐานไม่ได้ ลูกของจ้าวซูหว่านแท้งไป เขาก็ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ อีกทั้งยังอาจพลิกกลับมาโจมตีให้ตระกูลซ่งต้องมาขอโทษเขาได้!ทว่าใบหน้าของซ่งอี้อันที่งดงามดุจหยกนั้นกลับไม่แสดงท่าทีหวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เขากลับดูสงบนิ่งอย่างมาก“หากข้ามีหลักฐานเล่า?”ฉินเซี่ยงเหิงตกตะลึง “เจ้าว่าอย่างไรนะ?”“วันนั้น ข้าได้ต่อสู้กับคนร้ายและบังเอิญเก็บเศษกระเบื้องที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมากรีดแขนของเขา บาดแผลลึกมาก คงทิ้งรอยแผลเป็นไว้อย่างแน่นอน”“ในเมื่อเจ้ายืนยันว่าตนเป็นผู

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 111

    ฉินเซี่ยงเหิงเห็นว่าจ้าวซูหว่านถูกคนประคองไว้ได้ ทั้งดูจะไม่ได้รับความกระทบกระเทือนอันใด ในใจก็เต็มไปด้วยความเกลียดชังเขาทุ่มเทไปมากขนาดนี้ แต่กลับต้องมาพังพินาศเพราะน้ำมือสตรีผู้เดียว ต่อให้เขาสอบติดอันดับต้นๆ ในการสอบฤดูใบไม้ผลิ เรื่องนี้ก็ทำให้ชื่อเสียงเขาป่นปี้ไปหมดแล้ว!“ไม่ผิด ข้าเคยหลับนอนกับจ้าวซูหว่านจริงๆ แต่นางเป็นหญิงที่มีสัมพันธ์กับผู้ชายไม่เลือกหน้า ผู้ใดจะไปรู้ว่าเด็กในท้องนางเป็นลูกใครกันแน่?”“ท่านว่าอะไรนะ?”จ้าวซูหว่านสะบัดฝ่ามือออกไปด้วยความโมโห!ฉินเซี่ยงเหิงถูกตบไปหนึ่งฉาด แววตายิ่งแข็งกร้าวกว่าเดิม “หากเจ้าเป็นหญิงที่รักนวลสงวนตัว มีพันธะหมั้นหมายแล้วแท้ๆ ยังจะมาข้องแวะกับข้าอีกทำไม?“ตอนนี้พอเรื่องแดงออกมาก็โยนความรับผิดชอบมาให้ข้า ผู้หญิงคนอื่นไม่มีชายใดมาชมชอบหลังจากหมั้นหมายเลยเช่นนั้นหรือ? เหตุใดถึงมีแต่เจ้าที่คบชู้สู่ชายกันเล่า?”จ้าวซูหว่านโมโหจนทั้งร่างสั่นระริก สีหน้าที่เพิ่งจะมีเลือดฝาดค่อยๆ เผือดสีลงทีละนิด“เรื่องมาถึงขั้นนี้ ข้าจะบอกพวกท่านก็ได้ว่าทำไมอาภรณ์ข้าจึงไม่เรียบร้อยเช่นนี้? นั่นก็เพราะ...”“ฉินเซี่ยงเหิง ท่านหุบปากเดี๋ยวนี้นะ!”จ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 112

    สายตาของซ่งรั่วเจินกวาดไปทางสวีเฮ่ออันและอวิ๋นเฉิงเจ๋อที่อยู่ข้างๆ สหายของพี่รองล้วนมีชาติสกุลดี ฉินเซี่ยงเหิงไม่ใช่คนที่โดดเด่นที่สุดในจำนวนนั้น เหตุใดจึงมีเขาคนเดียวที่ทำเรื่องแบบนี้?สองคนนี้เดิมทีก็เป็นหญิงร้ายชายเลวไม่มีใครดีสักคน วันนี้พอเรื่องถูกเปิดโปงกลับโยนความผิดให้จ้าวซูหว่านคนเดียว ช่างน่าขันนัก!คนอื่นไม่รู้ แต่นางกลับกระจ่างใจดีว่าฉินเซี่ยงเหิงเป็นคนเริ่มก่อน!แม้ว่าในนิยายสุดท้ายแล้วจ้าวซูหว่านจะได้แต่งให้ฉินเซี่ยงเหิง แต่ก็ไม่ได้มีจุดจบที่ดีแต่ฉินซวงซวงเป็นนางเอกในนิยาย มีนางคอยคิดแผนการ เป็นคนทำให้ทั้งจวนหลินโหวและสกุลฉินได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จึงสามารถปิดบังเรื่องสกปรกของฉินเซี่ยงเหิงเอาไว้ได้ครั้นพวกสวีเฮ่ออันคนถูกซ่งรั่วเจินมองมาก็รีบก้าวออกมาแสดงท่าที“มีแต่คนหน้าหนาไร้ยางอายอย่างเจ้าถึงทำเรื่องผิดศีลธรรมพรรค์นี้ออกมาได้!”อวิ๋นเฉิงเจ๋อตวัดสายตาไปทางเฉียนเหว่ย “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว พวกเจ้ายังยินดีเป็นสหายกับคนแบบฉินเซี่ยงเหิงอยู่อีกงั้นรึ?”พวกเฉียนเหว่ยเปลี่ยนท่าทีตั้งแต่เรื่องราวเปิดเผยออกมาแล้ว ถึงพวกเขาจะอิจฉาซ่งอี้อัน แต่ก็รังเกียจพฤติกรรมของฉินเซี่ยงเห

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 113

    “คิดไม่ถึงว่าจะเกิดไฟไหม้บนเรือของพวกเขาจึงสามารถเปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงของสองคนนั้นได้อย่างราบรื่น ประเดี๋ยวพวกเราเรียกพี่ใหญ่กับน้องสามมาดื่มฉลองด้วยกันดีหรือไม่?”ซ่งรั่วเจินหยักมุมปากขึ้นเล็กน้อย “พี่รอง เกรงว่าเรื่องนี้คงไม่จบลงง่ายดายปานนั้น...”“น้องหญิงห้า เจ้าหมายความว่า...อีกสักครู่คนสกุลฉินจะมาเยือนที่จวนหรือ?”หลังสงบลงแล้ว ซ่งอี้อันใคร่ครวญอย่างละเอียดก็ตระหนักถึงปัญหา“วันนี้เปิดโปงเรื่องงามหน้าของฉินเซี่ยงเหิงกับจ้าวซูหว่าน สกุลจ้าวคงไม่มากเรื่องนัก แต่ฉินเซี่ยงเหิงเป็นสหายร่วมสำนักกับท่าน เป็นอดีตสหายสนิท เขาทำร้ายท่านจนตาบอดสองข้าง นี่คืออาชญากรรม!”“พี่รอง ท่านยังจำได้หรือไม่ว่าวันนั้นหลังเกิดเรื่องขึ้นกับท่าน ท่านแม่ไปแจ้งความกับทางการไว้ว่าอันธพาลลอบทำร้ายจนท่านได้รับบาดเจ็บสาหัส”“ยามนี้พบตัวผู้ร้ายแล้ว ทางการจะต้องมอบคำอธิบายให้พี่รองแน่นอน แต่ใกล้จะถึงการสอบฤดูใบไม้ผลิแล้ว สกุลฉินจะยอมปล่อยให้ฉินเซี่ยงเหิงพลาดโอกาสสอบรับราชการเพราะเรื่องนี้งั้นหรือ?”ประกายแห่งสติปัญญาสะท้อนอยู่ในดวงตาของซ่งรั่วเจิน หากพลาดการสอบฤดูใบไม้ผลิครานี้ไปก็ต้องรอถึงสามปีฉินเซี

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 114

    ฉินเจิงเดือดดาลอยู่เป็นทุนเดิม ครั้นได้ยินวาจาของบุตรชายทั้งสองก็ยกเท้าเตะไปทางฉินเซี่ยงเหิง“เจ้าลูกสารเลว ทำไมข้าถึงมีลูกทรพีแบบเจ้าได้!”ฉินเซี่ยงเหิงถูกเตะล้มโดยไม่ทันตั้งตัว ร้องเสียงต่ำด้วยความเจ็บปวด ถึงกับกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง“เหิงเอ๋อร์!” กู้อวิ๋นเวยหน้าเปลี่ยนสี รีบเข้ามาประคองฉินเซี่ยงเหิง ถามอย่างร้อนใจว่า “เจ้าไม่เป็นไรนะ? รีบไปเชิญหมอมาเร็วเข้า!”“ตามหมอมาตามทำไม? เจ้าลูกน่าขายหน้าพรรค์นี้ ปล่อยให้ตายไปทั้งอย่างนี้แหละ!”ฉินเจิงตวาดเสียงเกรี้ยว ในดวงตามีเพียงความเดือดดาล เพียงนึกถึงว่าจะต้องถูกเพื่อนร่วมงานเยาะเย้ยถากถางในท้องพระโรงวันพรุ่งนี้ เขาก็แค้นใจจนอยากตัดขาดสัมพันธ์พ่อลูกเสียให้ได้!“ท่านแม่ทัพ เรื่องนี้เหิงเอ๋อร์ทำไม่ถูกจริงๆ ท่านใจเย็นลงก่อน”กู้อวิ๋นเวยรีบร้อนเอ่ยปาก ตวัดสายตาไปทางคนสองคนที่จงใจกระพือไฟ ในใจมีความโกรธที่พูดออกมาไม่ได้ ทำได้เพียงอดทนอดกลั้นเอาไว้อย่างเต็มกำลังนางเป็นภรรยาที่มาทีหลัง ถึงจะไม่ชอบบุตรชายที่อดีตภรรยาเอกให้กำเนิด แต่ก็ไม่อาจได้ชื่อว่าปฏิบัติต่อลูกๆ อย่างโหดร้าย ดังนั้นจะไม่พอใจอย่างไรก็ไม่สามารถเอ่ยปากตำหนิ“ท่านแม่ทัพ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 115

    สุดท้ายจ้าวซูหว่านก็ตายไปในฤดูหนาวคราวนั้นสำหรับฉินซวงซวง จ้าวซูหว่านเป็นเพียงสตรีที่ไม่สลักสำคัญคนหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องให้ความสนใจผู้ใดจะคาดคิดว่าวันนี้เรื่องราวจะลุกลามบานปลายเช่นนี้ ถึงกับถูกเปิดโปงออกมา เหตุใดเหตุการณ์ต่างๆ จึงแตกต่างจากชาติก่อนมากขนาดนี้?พอฉินซวงซวงมาถึงก็รีบถามว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ เรื่องนี้จะชักช้าไม่ได้ จะต้องไปแบกกิ่งหนามยอมรับความผิด[1]ที่จวนสกุลซ่งโดยเร็วที่สุดเจ้าค่ะ!”“แบกกิ่งหนามยอมรับความผิด? สกุลฉินของพวกเรายอมขายหน้าเช่นนั้นไม่ได้หรอกนะ!”ฉินเจิงมีสีหน้าบึ้งตึงที่ผ่านมา ซ่งหลินกดหัวเขาไว้มาโดยตลอด ยามนี้ในที่สุดซ่งหลินก็ตายไปในสนามรบได้เสียที สกุลซ่งปราศจากผู้นำ พวกเขายังจะต้องไปแบกกิ่งหนามยอมรับความผิดต่อสกุลซ่งอีก จะมิกลายเป็นเรื่องน่าขำไปหรอกรึ?“อนาคตของท่านพี่จะรอช้าไม่ได้ ตอนนี้มีแต่ต้องแบกกิ่งหนามยอมรับความผิดและได้รับการให้อภัยจากสกุลซ่ง จะให้เรื่องไปถึงทางการไม่ได้เด็ดขาดเจ้าค่ะ!”ฉินซวงซวงมีสีหน้าจริงจัง นี่เป็นวิธีคลี่คลายเพียงวิธีเดียวที่นางคิดออกในตอนนี้แม้เรื่องนี้พูดขึ้นมาแล้วอาจไม่น่าฟัง แต่ก็ไม่ได้ละเมิดกฎระเบียบของราชสำนัก

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 116

    “พวกเจ้ายังไม่ได้ยินงั้นรึ? ฉินเซี่ยงเหิงผู้นั้นเป็นเดรัจฉานชัดๆ ก่อนหน้านี้ไม่เพียงลักลอบมีสัมพันธ์กับคู่หมั้นของคุณชายรองซ่ง ยังถึงขั้นมีลูกด้วยกันแล้ว!”“วันนี้ตอนถูกจับได้ที่ริมทะเลสาบยังไม่ยอมรับ สุดท้ายถูกคุณชายรองซ่งเปิดโปงต่อหน้าธารกำนัล ผู้ร้ายที่ทำร้ายคุณชายรองซ่งจนตาบอดสองข้างในตอนนั้นก็คือเขานี่แหละ!”ผู้คนที่มองดูด้วยความสงสารในตอนแรกพอได้ยินแบบนี้ก็พลันเปลี่ยนสีหน้า “เดรัจฉานแบบนี้ถูกตีจนตายก็นับว่าสมควรแล้ว!”“ใช่แล้ว ได้ยินว่ากระทั่งเรียงความก็ยังขโมยผลงานของคุณชายรองซ่งมา คนชั่วช้าสารเลวแบบนี้จะเขียนเรียงความดีๆ ออกมาได้อย่างไรกัน?”“ข้าว่านะ ทำไมแม่ทัพฉินต้องมาตีถึงหน้าประตูจวนสกุลซ่งด้วย จัดการสั่งสอนในบ้านตัวเองก็จบแล้วไม่ใช่รึ น่ากลัวว่าคงมาแสดงละครสิท่า?”ฉินเซี่ยงเหิงถูกประคบประหงมมาตั้งแต่เล็กจนโต มีมารดาคอยปกป้อง ไม่เคยถูกลงโทษด้วยกฎบ้านเช่นนี้มาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการรับโทษโบยต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้!ตอนแรกนึกว่าทุกคนจะเห็นใจเขา คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินเสียงร่ำร้องสมน้ำหน้าตนเองเช่นนี้ น่าแค้นใจนักที่ไม่อาจด่าทอกลับไปได้!เขาแค่เล่นกับสตรีนางเดียวไม่ใช่หรื

Latest chapter

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 602

    “สกุลหลิ่วจะถูกปลดตำแหน่งขุนนางหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินมองเขาอย่างสงสัย สายตาแยกดำขาวอย่างชัดเจนภายใต้แสงจันทร์ทอประกายระยับ สุกสกาวเป็นพิเศษสุ้มเสียงนางนุ่มนวล เพียงแค่เอ่ยถามเรียบๆ หนึ่งประโยค ทว่าตกอยู่ในหูของฉู่จวินถิง กลับอยากจะทำเรื่องนี้ให้กลายเป็นจริง“แน่นอน”เส้นเสียงของเขาต่ำหนัก สุ้มเสียงมั่นใจอย่างมากซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้น “หลายปีมานี้ภายใต้การช่วยเหลือของสกุลฉินใต้เท้าหลิ่วก็สร้างผลงานไว้บ้าง แม้ว่าบัดนี้มีความผิดสลับตัวเด็ก แต่ทำให้เขาถูกลดตำแหน่งนั้นง่าย ปลดตำแหน่งขุนนางกลับไม่ง่ายถึงเพียงนั้น”เรื่องพรรค์นี้ในแวดวงขุนนาง แท้จริงแล้วเป็นเรื่องส่วนตัวของสองตระกูล คนอื่นมากที่สุดก็ล้วนรับชมความครึกครื้นยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่นายท่านหลิ่วโยนความผิดทั้งหมดไว้บนตัวญาติฝ่ายหญิง หากเป็นเรื่องภายในเรือน ย่อมเกี่ยวข้องกับเขาไม่มากเพียงแต่ นางรู้ดีมากว่านายท่านหลิ่วจะต้องมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ นายหญิงหลิ่วเองก็วางอุบายเพื่อให้เขาโชคดีในเส้นทางของขุนนาง คนที่ได้รับผลประโยชน์เหล่านี้...ไม่มีผู้บริสุทธิ์แม้คนเดียว“เจ้าเชื่อข้าหรือไม่?”ฉู่จวินถิงเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าด้านข

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 601

    “พวกเจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าปีนั้นสกุลกู้เคยคิดจะให้กู้อวิ๋นเวยแต่งงานกับแม่ทัพซ่ง แต่ท้ายที่สุดงานแต่งนี้ก็ไม่สำเร็จ?คิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายแล้ว แม่ทัพซ่งยังเป็นลูกเขยของสกุลกู้ นี่นับว่าเป็นชะตาฟ้าลิขิตใช่หรือไม่?”“ข้าก็พูดแล้วสกุลกู้ซื่อสัตย์ภักดีทั้งตระกูล เหตุใดอุปนิสัยของกู้อวิ๋นเวยจึงแตกต่างออกไปถึงเพียงนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูล ตกอับจนมีจุดจบเฉกเช่นทุกวันนี้ บัดนี้นับว่าเข้าใจทั้งหมดแล้ว การกระทำนั้นยังไม่เหมือนสกุลหลิ่วทุกกระเบียดนิ้วอีกหรือ?”ทุกคนต่างพากันส่ายหน้า รู้สึกเพียงสลดใจบัดนี้หลิ่วหรูเยียนกำลังนั่งอยู่ร่วมกับพวกราชครูกู้ ได้ยินพวกเขาเอ่ยถึงเรื่องในตอนแรก“ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าอุบัติเหตุในตอนนั้นจะทำให้เจ้าต้องตกลำบากอยู่ภายนอกมานานหลายปีถึงเพียงนี้ เป็นแม่ทำผิดต่อเจ้า...”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้จับมือหลิ่วหรูเยียนพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น ที่ผ่านมานางก็เคยได้ยินเรื่องของหลิ่วหรูเยียน รู้ว่าหลายปีมานี้นางใช้ชีวิตอยู่ที่สกุลหลิ่วอย่างยากลำบาก ยังแปลกใจเหตุใดสกุลหลิ่วลำเอียงถึงเพียงนี้เพียงแต่ เดิมทีก็เป็นลูกของบ้านอื่น พวกเขาไม่สามารถพูดอะไรได้บัด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 600

    “ลูกที่ใส่ใจเลี้ยงดูมานานหลายปี ย่อมไม่ใช่พูดว่าตัดสายสัมพันธ์ก็ตัดขาดไปเลยได้ข้าผิดไปแล้ว เป็นข้าทำผิดต่อซ่งฮูหยิน ทำผิดต่อสกุลกู้!”ได้ยินแผนการของสกุลหลิ่วที่ก่อนหน้านี้ทุกคนหยั่งเดาเอาไว้แล้ว คราวนี้ตกตะลึงพรึงเพริดอย่างอดไม่ได้ นี่วางอุบายได้อย่างยอดเยี่ยมเกินไปแล้วกระมัง!ผลประโยชน์ล้วนถูกพวกเขาเอาเปรียบจนหมดสิ้น!หากไม่ใช่กู้อวิ๋นเวยไร้ความสามารถ ก่อความวุ่นวายจนสกุลกู้ตัดขาดความสัมพันธ์ พวกเขาสกุลหลิ่วก็สามารถอาศัยความสัมพันธ์นี้ดึงความสัมพันธ์ของสกุลกู้ให้ใกล้ชิดกันได้ ยิ่งไม่ต้องพูดว่าหลิ่วหรูเยียนมีความสามารถถึงเพียงนี้ ทำให้พวกเขาเอาเปรียบได้สีหน้าราชครูกู้แข็งทื่อดุจเหล็ก พูดเสียงโกรธขึ้ง “บัดนี้พวกเจ้ายังมีอะไรจะพูดอีก!”“ราชครูกู้ ท่านระงับโทสะก่อน นี่ล้วนเป็นเรื่องที่ฮูหยินของข้าทำ เดิมทีข้าก็ไม่รู้เรื่องนี้!”นายท่านหลิ่วเห็นความลับถูกเปิดเผยแล้ว รีบโยนเรื่องทั้งหมดไว้ที่นายหญิงหลิ่วนายหญิงหลิ่วตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าคนนอนเคียงหมอนร่วมกันมานานหลายปีเห็นปัญหาใหญ่มาเยือนก็ผลักนางออกไปในทันที พูดเสียงโกรธขึ้ง“นี่ เหตุใดถึงโยนทั้งหมดมาที่ข้าคนเดียวเล่า?ทั้งๆ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 599

    เผชิญหน้ากับคำวิงวอนขอความเมตตาจากนายท่านหลิ่ว ราชครูกู้ไม่ชายตาแลมองเขาเลยสักครั้ง ใบหน้าหยาบกร้านกำลังสบมองกู้อวิ๋นเวย ภายในสายตาเปี่ยมความสงสารและห่วงใย“ลูกเอ๋ย หลายปีมานี้ เจ้าลำบากแล้ว เป็นพวกเราทำผิดต่อเจ้า”หลิ่วหรูเยียนยังมิอาจยอมรับความจริงที่ว่าตนเป็นลูกของสกุลกู้ในทันทีเลยได้ เพียงแต่เผชิญหน้ากับท่าทางสงสารนั้นของราชครูกู้และฮูหยินผู้เฒ่ากู้ เพียงครู่เดียวนางก็ใจอ่อนแล้วเมื่อหลายวันก่อนได้พบฮูหยินผู้เฒ่ากู้ครั้งแรกนางก็รู้สึกคุ้นเคย หลายปีมานี้ไม่เคยรู้สึกสนิทสนมเช่นนี้มาก่อน บัดนี้ได้เห็นราชครูกู้ นางก็รู้สึกว่าตนเองหน้าตาคล้ายเขาอยู่บ้าง ขอบตาแดงเรื่อโดยไม่รู้ตัวที่แท้...นี่ต่างหากคือพ่อแม่แท้ๆ ของนาง!นึกถึงเมื่อแรกนางเคยได้ยินมาว่าสกุลกู้รักใคร่เอ็นดูลูกสาวเพียงคนเดียวมาก ความรุ่งโรจน์ในเวลานั้นทำให้แม่นางในเมืองหลวงมากมายต่างพากันอิจฉาตอนนั้น นางเองก็เคยอิจฉากู้อวิ๋นเวย อย่างไรเสียสำหรับนางแล้ว ยังไม่ต้องพูดว่ารักใคร่เอ็นดูเช่นนี้เลย แม้แต่พี่น้องเองก็ปฏิบัติคล้ายนางเป็นส่วนเกิน“ไม่ ไม่เจ้าค่ะ”หลิ่วหรูเยียนส่ายหน้า ใบหน้ากลับประดับยิ้มนางเข้าใจ สกุลกู้มิ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 598

    วาจาคมกริบนี้ฉีกหน้าสกุลหลิ่วอย่างไม่ต้องสงสัย พริบตาต่อมาคนภายในงานเข้าใจแล้วก่อนหน้านี้คนที่ยังคิดว่าสกุลหลิ่วพูดมีเหตุผลและน่าสงสารมาก บัดนี้รู้สึกเพียงถูกตบหน้าหนึ่งฉาดด้วยมือที่มองไม่เห็น!อีกฝ่ายเป็นคนจิตใจดีมีเมตตาที่ใดกัน เห็นชัดว่าพวกเขาหน้าซื่อใจคดอีกทั้งยังเย็นชา ยังไม่ต้องพูดว่าเอาเปรียบสกุลกู้ ยังสามารถแสร้งทำท่าทางเป็นคนดีกล่าวโทษหลิ่วหรูเยียนได้อีกด้วยหากไม่ใช่วันนี้ถูกเปิดโปงโดยบังเอิญ เช่นนั้นน่ากลัวว่าหลิ่วหรูเยียนก็ต้องถูกตราหน้าว่าทำผิดต่อสกุลหลิ่วและกลายเป็นวัวเป็นม้าเลี้ยงดูตอบแทนบุญคุณไปชั่วชีวิต ถึงขั้นยังถูกด่าว่าทำร้ายคุณหนูสกุลหลิ่วที่แท้จริงอีกด้วย!ภายใต้การใคร่ครวญอย่างละเอียด นี่น่ากลัวมากเพียงใดกัน?“หลิ่วเฟยเยี่ยนและกู้อวิ๋นเวยมีความสัมพันธ์ที่ดีมากมิใช่หรือ? ที่ผ่านมาข้าเคยพบพวกเขามิใช่เพียงครั้งเดียว น่ากลัวว่าพี่สาวน้องสาวคู่นี้นับญาติกันตั้งนานแล้วกระมัง!”“ไม่เพียงแค่นี้! ที่ผ่านมาข้ายังเคยเห็นกู้อวิ๋นเวยเข้าออกสกุลหลิ่วอีกด้วย ตอนนั้นข้าก็คิดว่าแปลก ปกติแล้วกู้อวิ๋นเวยคนนี้ไม่เคยเห็นคนทั่วไปอยู่ในสายตาด้วยฐานะของสกุลหลิ่ว นางน่าจะไม่สนใจ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 597

    “เดิมทียังคิดว่าไม่รู้จะนับญาติยามใดถึงจะเหมาะสม คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นวันแต่งงานของพี่ใหญ่ นี่ก็นับเป็นเรื่องมงคลยิ่งขึ้นไปอีกกระมัง?” ซ่งอี้อันหัวเราะเบาๆซ่งเยี่ยนโจวผลิยิ้ม “ข้าดูแล้วท่านตา ท่านยายและท่านลุงทั้งสองท่านล้วนดีมาก เทียบกับปลิงเหล่านั้นแล้วไม่รู้ดียิ่งกว่ามากเพียงใดท่านแม่นับญาติแล้ว ภายภาคหน้าก็ไม่ต้องถูกสกุลหลิ่วบีบบังคับอีกต่อไป คิดแล้วก็ดีใจยิ่งนัก”แม้พูดว่าเกิดเรื่องเอะอะวุ่นวายในวันแต่งงานหลายครั้ง แต่มองดูผลลัพธ์แล้วเขากลับดีใจมาก คิดว่าชิงอินเองก็ดีใจเฉกเดียวกันซ่งจืออวี้มองสองสามคนที่รู้เรื่องตั้งแต่แรกแล้ว เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “พวกท่านล้วนรู้เรื่องแล้ว มีแค่ข้าไม่รู้?”“อย่าเสียใจไปเลย ข้าเองก็เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้นี่แหละ” ซ่งจิ่งเซินเอ่ยปลอบซ่งจืออวี้ “เหตุใดข้าไม่อยากจะเชื่อกันเล่า?”ซ่งอี้อันมองทั้งหมดเงียบๆ พูดว่า “ตอนนั้นอุ้มเด็กผิดตัวไป...น่ากลัวว่าอาจไม่ใช่อุบัติเหตุกระมัง”หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาเชื่อว่าอาจอุ้มเด็กผิดไปจริง แต่พวกเขารู้จักอุปนิสัยของสกุลหลิ่วดีมาก ภายใต้สถานการณ์ไม่รู้ว่าลูกของตนอยู่ที่ใด ไฉนเลยจะเลี้ยงดูมารดาให้เติบใหญ่ได้?

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 596

    ทว่า ในเมื่อพวกเขาชอบแสดงละคร เช่นนั้นก็ให้พวกเขาแสดงอีกสักครู่เถอะขณะเดียวกันคนเหล่านั้นยิ่งเชื่อพวกเขามาก รอความจริงถูกเปิดเผยแล้ว คนโกรธแค้นที่สุดก็คือพวกเขาเฉกเดียวกัน นี่ก็คือธรรมชาติของมนุษย์“พอดีเลย ข้าทำนายออกมาได้ว่าพ่อแม่แท้ๆ ของท่านแม่ก็อยู่ในเมืองหลวง ยิ่งไปกว่านั้นยังมาเข้าร่วมงานเลี้ยงในวันนี้อีกด้วย!”ชั่วขณะที่เสียงของซ่งรั่วเจินเพิ่งจบลง ดวงตาของทุกคนภายในงานล้วนเผยแววตกใจ จากนั้นกลายเป็นตกตะลึงพรึงเพริด“เมื่อแรกแม่นางซ่งก็ช่วยสวีฮูหยินตามหาลูกสาวที่หายตัวไปนานพบมิใช่หรือ? นางจะต้องทำนายออกมาได้แน่ว่าพ่อแม่แท้ๆ ของซ่งฮูหยินเป็นใคร!”“คนก็อยู่ในงานเลี้ยงวันนี้ คงมิได้หมายความว่าอีกฝ่ายคือบ่าวสูงวัยหรือหญิงบ้านนอกหรอกกระมัง?”ทุกคนต่างหันหน้ามองกัน ประโยคนี้มีความหมายท่วมท้น ทุกคนย้อนนึกคิดอย่างอดไม่ได้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าบ้านใดคลอดลูกในเวลาไล่เรี่ยกับฮูหยินผู้เฒ่าหลิ่ว อายุฮูหยินของอีกฝ่ายยังห่างจากหลิ่วหรูเยียนไม่มากฮูหยินผู้เฒ่ากู้ได้ยินถ้อยคำนี้แล้ว ดูตกใจเล็กน้อย ความทรงจำในตอนแรกอย่างหนึ่งผุดออกจากสมองนางจำได้ยามตนเองตั้งครรภ์กู้อวิ๋นเวยเคยได้พบฮูหยินผู้เฒ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 595

    ยิ่งคนสกุลหลิ่วนำความจริงออกบิดเบือนเช่นนี้ ผู้คนรอบข้างก็ยิ่งรู้สึกว่ามีเหตุผลอยู่บ้างหลิ่วหรูเยียนมิใช่บุตรในไส้ ดังนั้นที่สกุลหลิ่วลำเอียงก็นับว่าเข้าใจได้ ยิ่งเมื่อเปลี่ยนเป็นครอบครัวอื่นแล้ว ความลำเอียงเช่นนี้เรียกได้ว่ามิอาจหลีกเลี่ยงอยู่แล้วแม้จะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข ยังยากจะปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันได้ นับประสาอะไรกับเด็กที่มิใช่สายเลือดเดียวกันหากหลิ่วหรูเยียนเป็นเพียงบุตรของบ่าวรับใช้ เมื่อถูกสับเปลี่ยนให้มาเสวยสุขเป็นคุณหนูในจวน ก็นับว่าโชคมหาศาลหล่นทับนางแล้ว!“หากว่ากันตามนี้ หลิ่วหรูเยียนก็ติดค้างบุญคุณสกุลหลิ่วอยู่เช่นกัน ต่อให้ต้องชดใช้ด้วยทรัพย์สินมากหน่อยก็เป็นการสมควรแล้ว มิเช่นนั้นจะมีวาสนาได้เป็นถึงคุณหนูผู้สูงศักดิ์หรือ?”“บุตรสาวแท้ๆ ของสกุลหลิ่วบัดนี้ก็ไม่รู้ไปอยู่แห่งหนใด ทว่าสกุลหลิ่วรู้ความจริงนี้แล้วยังคงเก็บงำไว้มิยอมปริปาก ก็มิใช่ว่าใจคอกว้างขวางมากแล้วหรือ?”กระแสความคิดเริ่มโน้มเอียงไปอีกทาง คนรอบข้างต่างพูดกันไปต่างๆ นานา บ้างเริ่มเข้าอกเข้าใจถึงความใจคอคับแคบแล้งน้ำใจของสกุลหลิ่วต่งฮูหยินและจางเหวินที่มองดูเหตุการณ์มีหรือจะอดรนทนฟังได้?“หาก

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 594

    “อะไรกัน? ใต้เท้าหลิ่วมิกล้าอย่างนั้นหรือ?” ฉู่จวิ้นถิงกล่าวเสียงขรึมใต้เท้าหลิ่วนิ่งเงียบอยู่ครู่ ก่อนมีทีท่าคล้ายหมดเรี่ยวแรงแล้วก็มิปาน พลางหันมองนายหญิงหลิ่วด้วยความจนใจ “ช่างเถิด เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้วก็พูดไปเสียเถิด”นายหญิงหลิ่วย่อมไม่อยากที่จะยอมรับความจริง ทว่ากลับรู้ดีว่าไม่อาจเลี่ยงต่อไปได้อีก นางจึงได้แผดเสียงร่ำไห้โหยหวน “ข้าเองก็มิรู้เช่นกันว่สารเลวคนไหนมันสับเปลี่ยนลูกข้าไป!”“หลายปีมานี้ข้าก็เลี้ยงดูหรูเยียนดังบุตรในไส้มาโดยตลอด จนเมื่อไม่นานมานี้จึงเพิ่งได้รู้ว่านางมิใช่บุตรสาวแท้ๆ ของข้า! แต่อย่างไรพระคุณเลี้ยงดูย่อมยิ่งใหญ่กว่าพระคุณให้กำเนิด หรือเพียงเพราะเรื่องเท่านี้ก็ทำให้มิอาจยอมรับข้าผู้นี้เป็นแม่เจ้าแล้ว?” ใต้เท้าหลิ่วเองก็กล่าวด้วยสีหน้าปวดร้าวเช่นกัน “ครานั้น ฮูหยินข้าตั้งครรภ์ลูกถึงสิบเดือนจนคลอดออกมา บัดนี้กลับไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าลูกไปอยู่แห่งหนใด หรือยังจะกล่าวโทษพวกข้าด้วย?”“ที่พวกข้าปิดเอาไว้มิยอมพูด ก็เพราะมิต้องการให้หรูเยียนปฏิบัติห่างเหินต่อพวกข้า มินึกเลยว่า...”ผู้คนได้เห็นสกุลหลิ่วออกปากยอมรับด้วยตนเองเช่นนี้แล้วก็อดทอดถอนใจไม่ได้ เส

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status