Share

ตอนที่ 3 ข่าวดีของตระกูลฉู่

last update Last Updated: 2025-01-04 11:15:38

ฉู่จางหมิ่นมองจนสองแม่ลูกพ้นไปจากสายตา แต่ยังไม่ยอมพูดสิ่งใดออกมา สาวใช้ทั้งสองจึงคิดว่าเจ้านายน้อย คงสะเทือนใจกับคำพูดเยาะเย้ยของอนุชุย ก็สรรหาคำพูดมาปลอบใจ ทำเอาฉู่จางหมิ่นอดขำไม่ได้

“คิ คิ พวกพี่สองคนสบายใจเถิดเจ้าค่ะ ข้าไม่ใช่คนอ่อนแอเช่นก่อนหน้านี้อีกแล้ว ถึงจะยังเป็นเด็กอายุหกหนาว แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับข้า ย่อมทำให้เติบโตรู้ความกว่าเด็กคนอื่น ไม่มีบิดามารดาญาติพี่น้องแล้วอย่างไร อย่าลืมว่าคนที่คอยเลี้ยงดูข้าฉู่จางหมิ่นคือพวกท่าน ฉะนั้นคนที่มีพระคุณจริง ๆ คือพี่ทั้งสองคนต่างหาก” เรื่องนี้คือสิ่งที่ทำให้ฉู่จางหมิ่นซาบซึ้งใจเป็นที่สุด

“โธ่ คุณหนูของบ่าว อย่าได้กล่าวว่าหน้าที่ของพวกเราสองคน เป็นบุญคุณอันใดเลยนะเจ้าคะ ใครไม่รักก็ช่างแต่บ่าวรักคุณหนูและจะปกป้องท่านให้ดีที่สุดเจ้าค่ะ” ฮุยอินไม่คิดว่าเจ้านายน้อยของนาง จะมีความคิดเป็นผู้ใหญ่เกินวัยเช่นนี้

“พี่หนิงอวี่ พี่ฮุยอิน หากข้าถูกครอบครัวทิ้งขว้าง พวกท่านยังยินดีที่จะติดตามข้าหรือไม่เจ้าคะ” คำถามนี้ฉู่จางหมิ่นจริงจังมาก เพราะนางคิดว่าคนตระกูลฉู่ ไม่มีทางนำตัวนางกลับไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอีกแน่นอน จึงคิดจะหาทางหนีทีไล่เอาไว้ล่วงหน้า

“หากเป็นเช่นที่คุณหนูพูดจริง บ่าวยินดีติดตามคุณหนูเจ้าค่ะ” หนิงอวี่ย่อมเข้าใจความรู้สึกของฉู่จางหมิ่นดี

“บ่าวก็เช่นกันเจ้าค่ะ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ บ่าวจะติดตามคุณหนูผู้เดียวเท่านั้น”

“ขอบคุณพวกพี่ทั้งสองมาก ข้าสัญญาจะทำให้พวกท่านอยู่ดีกินดีได้แน่เจ้าค่ะ” ฉู่จางหมิ่นมั่นใจว่านางต้องถูกทอดทิ้ง จากคนที่เรียกว่าครอบครัวเต็มสิบส่วน

“แต่ตอนนี้บ่าวว่าคุณหนูพักผ่อนอีกสักหน่อยเถิด เพิ่งจะฟื้นจากพิษไข้นะเจ้าคะ รอให้ร่างกายแข็งแรงมากกว่านี้ ค่อยคุยเรื่องอื่นกันเจ้าค่ะ” หนิงอวี่เป็นห่วงสุขภาพของเจ้านายน้อย ไม่อยากให้นางต้องล้มป่วยซ้ำอีก

“ใช่เจ้าค่ะ คุณหนูนอนพักไปก่อน ประเดี๋ยวบ่าวจะช่วยกันทำงานแทนเองเจ้าค่ะ” เพราะยังมีงานค้างอยู่อีกเล็กน้อย พวกนางสองคนต้องกลับไปทำให้เสร็จ

“ได้ข้าจะพักเจ้าค่ะ”

ฉู่จางหมิ่นมองความห่วงใยจากบ่าวสองคนนี้ จึงไม่คิดขัดใจพวกนางอีก พอล้มตัวลงนอนไม่นานก็ผล็อยหลับไป ด้วยร่างกายเล็ก ๆ ที่ยังอ่อนเพลียจากพิษไข้ เมื่อหนิงอวี่กับฮุยอินเห็นว่าฉู่จางหมิ่นหลับสนิท จึงได้กลับออกไปทำงานที่เหลือต่อทันที

ตั้งแต่ดวงจิตทะลุมิติมาเกิดใหม่ในยุคโบราณ ผ่านมาได้เพียงสามวันฉู่จางหมิ่นก็ทนไม่ไหว กับอาหารการกินที่ได้รับจากโรงครัว เพราะจะเรียกว่าเป็นอาหารของคนคงไม่ได้ ควรจะเรียกว่าเศษอาหารเสียมากกว่า นางจึงตัดสินใจนำตำลึงทองออกมาหนึ่งก้อน มอบให้สาวใช้ทั้งสองแอบไปซื้อข้าวรวมถึงเนื้อและผัก มาเก็บไว้ทำอาหารกินเอง

หนิงอวี่กับฮุยอินถึงกับตกใจ ที่เจ้านายน้อยมีก้อนตำลึงทอง พวกนางอยากถามเหลือเกินว่าได้มาอย่างไร แต่เป็นฉู่จางหมิ่นที่ขอร้องพวกนางไว้ว่า ถึงแม้จะสงสัยแต่อย่าเพิ่งตั้งคำถาม รอให้เป็นอิสระจากครอบครัวนี้ แล้วนางจะเล่าให้ฟังด้วยตนเอง คำตอบนี้จึงทำให้สาวใช้ทั้งสอง กลืนคำถามของตนลงท้องไปทันที

หลังจากวันนั้นทั้งสามคนก็ได้กินอิ่มท้อง ทำให้ร่างกายเริ่มแข็งแรงขึ้นมาบ้าง จนกระทั่งถึงวันที่ขุนนางจากเมืองหลวง

นำราชโองการมาประกาศยังจวนตระกูลฉู่ ในห้องโถงใหญ่บรรยากาศเต็มไปด้วยความหวัง ทุกคนแต่งกายอย่างเรียบร้อยเพื่อรอรับราชโองการ พ่อของฉู่จางหมิ่นยืนอยู่ตรงกลางห้องอย่างสงบ

รองเจ้ากรมขุนนางเหล่ยเดินนำทหารสองนาย ที่ถือม้วนราชโองการสีทองงดงามเข้ามา ทุกคนในห้องคุกเข่าลงอย่างพร้อมเพรียง ต่อด้วยเสียงประกาศราชโองการ

“ฉู่หมิงซ่านรับราชโองการ”

“ด้วยความสามารถในการปกครอง และพัฒนาเมืองเหอเฟยอย่างต่อเนื่องมาหลายปี จากผลงานอันโดดเด่นนี้จึงให้ฉู่หมิงซ่านเลื่อนขั้นเป็นขุนนางขั้นห้า และเดินทางเข้าเมืองหลวงโดยเร็ว เพื่อรายงานตัวในตำแหน่งผู้ช่วยเสนาบดีกรมการมหาดไทย จบราชโองการ”

“กระหม่อมฉู่หมิงซ่านรับราชโองการ ขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณพ่ะย่ะค่ะ” ฉู่หมิงซ่านยื่นมือไปรับราชโองการสีทอง ด้วยมืออันสั่นเทาจากความตื่นเต้นดีใจ

“ขอแสดงความยินดีกับใต้เท้าฉู่ด้วยนะ ไว้พบกันที่เมืองหลวงเร็ว ๆ นี้” รองเจ้ากรมขุนนางเหล่ย เป็นคนหนึ่งที่สนับสนุนให้เสนาบดีเกา คัดเลือกฉู่หมิงซ่านเข้าเมืองหลวง เพื่อให้เป็นแรงสนับสนุนฝ่ายตนเอง ที่หนุนหลังองค์ชายสี่แย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท

“ลำบากใต้เท้าเหล่ยเดินทางแล้ว หากไปถึงเมืองหลวงข้าจะไปเยี่ยมคารวะที่จวนขอรับ” ฉู่หมิงซ่านรู้ดีว่าการได้รับตำแหน่งในราชสำนัก ย่อมต้องหาไม้ใหญ่เป็นเกราะกำบัง เพื่อไต่เต้าในตำแหน่งที่สูงกว่านี้

“อืม ข้าต้องขอตัวก่อนยังต้องไปอีกสองสามเมือง”

“ใต้เท้าเดินทางปลอดภัยขอรับ”

ฉู่หมิงซ่านส่งรองเจ้ากรมขุนนางเหล่ยขึ้นรถม้า เมื่อกลับเข้ามาในห้องโถงคนอื่น ๆ ยังรอแสดงความยินดี โดยพวกเขาลืมฉู่จางหมิ่นไปอย่างสิ้นเชิง

“ลูกแม่เจ้าทำให้ตระกูลฉู่ของเรารุ่งเรืองจริง ๆ”

“ท่านแม่อย่าพูดเช่นนั้นเลยขอรับ ข้าเป็นทายาทตระกูลฉู่ย่อมมีหน้าที่ สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลนั้นถูกต้องแล้ว”

“ยินดีกับท่านพี่ด้วยเจ้าค่ะ” หลิวฮูหยินพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

ฉู่เฟินเยว่ที่ถูกอนุชุยสั่งสอนอยู่เสมอว่า นางคือคุณหนูเพียงคนเดียวของจวน และต้องทำตัวเรียบร้อยไร้เดียงสาต่อหน้าบิดาเสมอมิได้แสดงความยินดีแต่มีคำถามขึ้นมาแทน

“ท่านพ่อเจ้าคะต่อไปเยว่เอ๋อร์กับพี่ใหญ่ ก็จะกลายเป็นคุณชายกับคุณหนูในเมืองหลวง ใช่หรือไม่เจ้าคะ”

“ใช่แล้วลูก ที่นั่นมีบุตรหลานขุนนางมากมาย ในอนาคตพ่อย่อมเลือกคู่ครองที่เหมาะสมให้เจ้าได้” ฉู่หมิงซ่านหันมาตอบบุตรสาว

“ไหน ๆ วันนี้ก็มีข่าวดีของตระกูลเรา พ่อบ้านสั่งแม่ครัวทำอาหารเพิ่มสักหน่อย ยังไม่ต้องจัดงานเลี้ยง ไว้พวกเราไปถึงเมืองหลวงค่อยจัดงานเลี้ยง จะได้ผูกมิตรกับเหล่าขุนนางไปในตัว” ฮูหยินผู้เฒ่าตัดสินใจแทนบุตรชายของตน

“ดีเหมือนกันขอรับท่านแม่ เพราะพวกเรายังต้องเตรียมตัวเก็บข้าวของ ไม่อาจออกเดินทางล่าช้าได้ รบกวนฮูหยินจัดการเรื่องอาหารของวันนี้ด้วยนะ” ฉู่หมิงซ่านก็คิดเช่นเดียวกับมารดา เขาจึงไม่คัดค้านแต่อย่างใด

“เจ้าค่ะท่านพี่ เอ่อ แล้วเราจะพาจางหมิ่นไปด้วยหรือไม่เจ้าคะ” เพียงคำถามนี้ของหลิวฮูหยินดังขึ้น สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันที

ฮูหยินผู้เฒ่าที่ปักใจกับคำทำนายของนักพรต ยิ่งมีสีหน้าไม่พอใจมากกว่าเดิม เพราะนางเพิ่งได้รับคำเตือนมาเมื่อวันก่อน จะให้ฉู่จางหมิ่นตามไปเมืองหลวงไม่ได้เด็ดขาด เนื่องจากดวงชะตาของนางจะขัดขวาง ความเจริญก้าวหน้าของบุตรชาย

“คงไม่ได้! ท่านนักพรตได้เตือนไว้แล้ว ข้าไม่ยอมให้คนทั้งตระกูลต้องเสี่ยงล่มสลายแน่ นางควรเข้าใจและยอมรับมัน” ฮูหยินผู้เฒ่าพูดเพียงเท่านั้นก็ให้สาวใช้พากลับเรือน

“...” ทุกคนไม่มีใครกล้าเอ่ยคัดค้านแม้แต่ครึ่งคำ

ฉู่หมิงซ่านที่เชื่อฟังมารดามาตลอด เขาไม่ลังเลที่จะตัดสินใจทำตามคำสั่งของมารดา หนังสือตัดขาดที่ระบุว่าไม่มีชื่อของฉู่จางหมิ่นอยู่ในผังตระกูลฉู่อีกต่อไป ถูกมอบให้ซูหยางนำมันไปที่เรือนท้ายจวน เพื่อให้ฉู่จางหมิ่นประทับลายนิ้วมือ ยอมรับหนังสือตัดขาดฉบับนี้ทันที

ข่าวดีของตระกูลฉู่จะไม่มาถึงหูของฉู่จางหมิ่นได้หรือ เมื่อบ่าวไพร่ในจวนต่างยินดีปรีดา พูดกันไปทั่วทุกมุมในจวนแห่งนี้ และสิ่งที่ฉู่จางหมิ่นรอคอยก็เกิดขึ้นเสียที นางนั่งรออยู่ที่หน้าเรือนกับสาวใช้ทั้งสองอย่างใจจดใจจ่อ และมันทำให้ซูหยางคาดไม่ถึงว่า เจ้าของเรือนท้ายจวนจะนั่งรออย่างสงบนิ่งเช่นนี้

ฉู่จางหมิ่นเห็นว่าซูหยางไม่ยอมพูด นางจึงเป็นคนพูดเองเสียทุกอย่างจะได้จบสิ้นกันเสียที

“อย่าเอาแต่ยืนนิ่งอยู่เช่นนั้นเลย สิ่งที่ควรทำก็ทำตามหน้าที่ให้เสร็จโดยไวเถิด” เสียงเล็ก ๆ ที่ดังกังวาน ปลุกซูหยางให้ตื่นจากภวังค์

“รบกวนคุณหนูอ่านให้ถี่ถ้วน ก่อนจะประทับลายนิ้วมือลงไปทั้งสองฉบับ อย่าลืมให้สาวใช้ของคุณหนูหาที่อยู่ใหม่ไว้ล่วงหน้าด้วย เนื่องจากนายท่านจะออกเดินทางทันที เมื่อทุกอย่างในจวนจัดการเรียบร้อยแล้ว” ซูหยางพูดพลางมองไปยังร่างของเด็กน้อยตรงหน้าซึ่งนางไม่มีท่าทีหวั่นไหวหรือเสียใจร้องไห้สักนิด

ฉู่จางหมิ่นรับหนังสือตัดขาดมาอ่านอย่างละเอียด โดยไม่แสดงความรู้สึกยินดียินร้ายกับเรื่องนี้ ก่อนจะใช้พู่กันที่ซูหยางนำมาเขียนชื่อตนเอง รวมถึงประทับลายนิ้วมือลงไปอย่างไม่ลังเล และยังฝากคำขอบคุณไปยังอดีตบิดาผู้ให้กำเนิด “ฝากขอบคุณใต้เท้าฉู่ด้วยที่ตัดชื่อของข้าออกจากผังตระกูล วันหน้าหากพวกท่านตกต่ำอย่าได้นึกถึงข้าผู้นี้ก็พอ”

ซูหยางสะอึกกับคำพูดนี้ของฉู่จางหมิ่น เพราะมันฟังดูเป็นคำปรามาสที่รุนแรงไม่น้อย หากนายท่านหรือฮูหยินผู้เฒ่าได้ยิน คงสั่งลงโทษนางอย่างหนักเป็นแน่ เมื่อรับหนังสือตัดขาดคืนมาซูหยางจึงกลับไปหาเจ้านายของตน

พอลับร่างของซูหยางไปไม่ถึงอึดใจ ฉู่จางหมิ่นก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ ที่ตนได้หลุดพ้นจากครอบครัวเช่นนี้เสียที

“เย้ ๆ ๆ ในที่สุดพวกเราก็หลุดพ้นจากตระกูลนี้แล้ว ต่อไปอยากทำสิ่งใดก็ไม่ต้องกลัวจะถูกขัดขวางอีก”

“บ่าวดีใจกับคุณหนูด้วยเจ้าค่ะ แต่ว่าท่านถูกตัดชื่อจากผังตระกูลเช่นนี้ นั่นหมายความว่าจะใช้แซ่ฉู่อีกไม่ได้นะเจ้าคะ” หนิงอวี่ดีใจกับเจ้านายน้อยแต่ไม่ลืมเตือนเรื่องแซ่ของนาง

“หืม เรื่องชื่อแซ่พวกพี่สองคนไม่ต้องกังวล ข้าคิดเอาไว้แล้วล่ะว่าหลังจากนี้ไปข้ามีนามว่า ‘จ้าวจางหมิ่น’ คุณหนูตระกูลจ้าวที่มีข้าเป็นผู้ก่อตั้งด้วยตนเอง” ในเมื่อไม่ให้นางใช้แซ่เดิมก็แค่เปลี่ยนแซ่ใหม่ เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่หลวงอันใดเลยสักนิด

“บ่าวทั้งสองคารวะคุณหนูจ้าวเจ้าค่ะ ว่าแต่ว่าพวกเราจะไปอยู่ที่ไหนกันล่ะเจ้าคะ” ฮุยอินถามเรื่องที่อยู่ขึ้น เมื่อรู้ว่าเจ้านายน้อยตั้งแซ่ใหม่ให้ตนเอง

“อืม พวกเรายังมีเวลาอีกสองสามวัน ตอนนี้ข้าพอจะมีเงินตำลึงอยู่บ้าง แต่อย่างไรเสียพวกเราควรหาเงินให้มากกว่าเดิมสักหน่อยถึงจะหาซื้อจวนเล็ก ๆ สักหลังในเมืองเหอเฟยได้ เอาเช่นนี้พวกพี่สองคนนำเงินไปซื้อเครื่องประดับ ที่ทำจากทองคำและเสื้อผ้าที่ตัดสำเร็จ เลือกชิ้นที่ดูงดงามกลับมาให้ข้าสักสามสี่ชิ้นนะ” จางหมิ่นคิดวิธีหาเงินเพิ่มเสียก่อน

“เจ้าค่ะ พวกบ่าวจะทำตามที่คุณหนูสั่ง ท่านอยู่ที่เรือนนี้อย่าออกไปไหนนะเจ้าคะ บ่าวไม่อยากให้คนพวกนั้นใช้คำพูด ทำร้ายคุณหนูของบ่าวอีกเจ้าค่ะ” หนิงอวี่ขอร้องแกมบังคับเจ้านายน้อยของตน

“คิ คิ ข้าจะรออยู่ที่นี่ไม่ซุกซนอย่างแน่นอน พวกท่านรีบไปรีบกลับเถิด อ้อ อย่าลืมซื้ออาหารกลับมาด้วยล่ะ”

“เจ้าค่ะคุณหนู”

ระหว่างรอสาวใช้ทั้งสองกลับมาก จ้าวจางหมิ่นมิได้รอเฉย ๆ นางกำลังคิดว่า หลังจากออกจากที่นี่ไปแล้ว จะทำอาชีพอันใดกับสาวใช้ดี จนกระทั่งนึกถึงอาหารที่นางชอบทาน และยังเคยเปิดร้านในโลกก่อนจ้าวจางหมิ่นพยักหน้าให้กับตนเองเบา ๆ หากนางทำอาหารชนิดนี้มาขาย จะต้องขายดีอย่างแน่นอน

Related chapters

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 4 เตรียมเปิดกิจการเลี้ยงชีพ

    ด้านเรือนใหญ่ต่างสั่งบ่าวไพร่เร่งมือเก็บของ เพื่อต้องการออกเดินทางให้เร็วที่สุด แต่ด้วยข้าวของที่มีมากจำต้องใช้เวลาสองสามวัน กว่าจะเก็บทั้งหมดให้แล้วเสร็จได้ส่วนจางหมิ่นที่นอนเอกเขนกรอสาวใช้ หลังจากคิดเรื่องอาชีพของตนไว้เรียบร้อยแล้ว ก็นึกถึงระบบขึ้นมาได้ว่าวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆที่จำเป็นต้องใช้สำหรับค้าขาย ย่อมมีให้นางได้เลือกซื้อจึงเรียกระบบออกมาอย่างเร็วรี่“ระบบ ข้าต้องการค้นหาสิ่งจำเป็นในการสร้างอาชีพ”[ติ๊ง ระบบออนไลน์ขั้นเทพยินดีรับใช้ ไม่ทราบว่าท่านต้องการสิ่งของประเภทใด]“ข้าอยากรู้ราคาพวกเตาและตะแกรง สำหรับอาหารจำพวกเสียบไม้ย่าง รวมถึงราคาของลูกชิ้น ไม้เสียบลูกชิ้น น้ำจิ้มแบบหวานและเผ็ด ถาดดินเผาสำหรับวางอาหาร หรือสิ่งที่จำเป็นต้องใช้อื่น ๆ เพื่อคำนวณค่าใช้จ่ายก่อนจะสร้างอาชีพ” จ้าวจางหมิ่นต้องคำนวณต้นทุนการค้าเสียก่อน นางจะได้ตั้งราคาขายที่ทุกคนสามารถซื้อกินได้[กรุณารอสักครู่ ระบบกำลังเรียกรายการสินค้าที่เกี่ยวข้อง]“ขอบใจมาก”[ติ๊ง สิ่งที่ท่านต้องการปรากฏตามหน้าจอ พร้อมราคาขายท่านสามารถคำนวณเงินไว้ล่วงหน้าได้ พร้อมเมื่อใดแจ้งกับระบบได้ทุกเวลา]จางหมิ่นใช้นิ้วป้อม ๆ เลื่อนหน้

    Last Updated : 2025-01-05
  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 5 ขายลูกชิ้นวันแรกหมดเกลี้ยง

    ยามเหม่าของวันต่อมา จ้าวจางหมิ่นตื่นพร้อมกับสาวใช้ทั้งสอง เพื่อเตรียมของสำหรับการค้าวันแรก รถเข็นที่มีวัตถุดิบและอุปกรณ์ครบครัน ถูกเข็นออกจากจวนมุ่งหน้าไปยังตลาดเช้า ซึ่งแผงขายของนี้ของจ้าวจางหมิ่น อยู่ข้าง ๆ กับแผงขายผักพอดีทั้งสามคนแบ่งงานกันทำเช่นเมื่อวาน เมื่อเตาถ่านเริ่มร้อนลูกชิ้นที่เตรียมไว้ ถูกนำออกมาวางลงบนเตา เพื่ออุ่นให้ร้อนอีกครั้งสำหรับขายให้ลูกค้า และกลิ่นหอมของลูกชิ้นปิ้ง ก็เรียกความสนใจของคนที่เดินผ่านไปมา จนมีบุรุษวัยกลางคนเดินเข้ามาถาม ด้วยความสนใจอาหารของจ้าวจางหมิ่น“เอ่อ แม่ค้าเจ้าทำอันใดมาขายเช่นนั้นหรือ กลิ่นมันคล้ายเนื้อแต่ทำไมมันถึงเป็นลูกกลม ๆ ไปเสียได้เล่า”“นั่นน่ะสิ แต่ข้าสองคนทนกลิ่นหอมนี้ไม่ไหว ถึงได้มาถามดูเสียก่อนว่ามันคือสิ่งใด”“ท่านอาทั้งสองช่างมีจมูกที่ดีมากเจ้าค่ะ เจ้าลูกกลม ๆ นี้ข้าเรียกมันว่าลูกชิ้น และมันทำมาจากเนื้อหมูจริง ๆ พอนำมาปิ้งกับเตาถ่านจึงมีกลิ่นหอม นอกจากนี้ยังมีน้ำจิ้มสองรสให้เลือก หากท่านอาสนใจข้าจะหั่นให้พวกท่านลองชิมดู ถ้าถูกใจในรสชาติค่อยซื้อก็ยังไม่สายเจ้าค่ะ” จ้าวจางหมิ่นตอบคำถามลูกค้าอย่างเป็นกันเองบุรุษทั้งสองรับไม้จิ้มขนา

    Last Updated : 2025-01-05
  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 6 ภารกิจพิเศษกับเงินรางวัลใหญ่

    ยามเฉินของเช้าวันที่สี่ หลังจากเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างเสร็จ จ้าวจางหมิ่นและสาวใช้กำลังจะกลับจวนของตน ก็ได้ยินเสียงแสดงความยินดีกับอดีตเจ้าเมือง ที่ได้เลื่อนตำแหน่งเข้าทำงานในราชสำนัก ถึงจะไม่มีใครพูดชื่อตระกูลจ้าวจางหมิ่นย่อมรู้ดีว่าคือใครหนิงอวี่เห็นเจ้านายน้อยหยุดมองนิ่ง ๆ ก็ฉุกคิดได้และจะพานางกลับจวน แต่กลับได้รับคำปฏิเสธ นอกจากนี้จ้าวจางหมิ่นยังเดินเข้าไปใกล้อีกนิด เพื่อจดจำคนตระกูลฉู่นี้เอาไว้ให้ขึ้นใจ และมีคำอวยพรที่พึมพำออกมาเบา ๆหึ ขอให้พวกเจ้าตระกูลฉู่อยู่กับความสุขเหล่านี้มาก ๆ วันใดที่ถูกหลอกใช้จนหมดประโยชน์ ผู้มีอำนาจเฉดหัวทิ้งขึ้นมาจะได้รู้เสียทีว่าการถูกทอดทิ้งมันสิ้นหวังเพียงใด“คุณหนูเจ้าคะ” ฮุยอินเรียกเพียงสั้น ๆจ้าวจางหมิ่นได้ยินเสียงสาวใช้ จึงดึงสติของตนกลับมา “พี่ฮุยอินไม่ต้องคิดมากเจ้าค่ะ ข้าแค่อยากยืนส่งพวกเขาเป็นครั้งสุดท้าย และรอคอยให้เวรกรรมตามสนองคนตระกูลนี้เท่านั้น”หนิงอวี่ได้ยินคำนี้ของจ้าวจางหมิ่น ก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างแรง “คุณหนูพูดถูกสักวันหนึ่งสิ่งที่พวกเขาทำไว้กับท่าน ย่อมสนองกลับหลายร้อยหลายพันเท่า แต่ตอนนี้กลับจวนไปพักเถิดเจ้าค่ะ”“อืม ไปกันเถิด พวก

    Last Updated : 2025-01-05
  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 7 พักฟื้นก่อนเริ่มงาน

    ภายหลังพาเหล่าทาสที่ซื้อมาถึงจวน จ้าวจางหมิ่นให้สาวใช้ทั้งสองคน ช่วยกันหุงหาอาหารสำหรับสมาชิกใหม่ ซึ่งยามนี้พวกเขายังคงอ่อนแรง แม้จะพยายามทำให้นางเห็นว่าเข้มแข็งก็ตาม นางรอจนกระทั่งพ่อบ้านกับทาสอีกสามคนกลับมา และแจกจ่ายเสื้อผ้าให้ทุกคนเรียบร้อยแล้ว จึงได้พูดคุยในสิ่งที่ตั้งใจเอาไว้“เอาล่ะ ตอนนี้พวกท่านทุกคนก็มาอยู่ในจวนของข้าแล้ว ตัวข้ามีนามว่าจ้าวจางหมิ่น สาวใช้ทั้งสองมีชื่อว่าหนิงอวี่และฮุยอินอย่างที่พวกท่านเห็นว่า จวนของข้ามีขนาดกลางลำพังเด็กและสตรีสองคนไม่อาจดูแลได้ทั่วถึง นอกจากนี้ข้ายังต้องทำการค้า ถึงได้ตัดสินใจไปซื้อตัวพวกท่านมา” จ้าวจางหมิ่นหยุดพูดเมื่อเห็นว่ามีคนอยากถามบางอย่าง“เอ่อ ทำไมคุณหนูจ้าวถึงเลือกเฉพาะพวกข้า ที่มีวรยุทธ์ทั้งหมดเล่าขอรับ แม้แต่คนที่จะทำหน้าที่พ่อบ้านยังมีวรยุทธ์ไม่ธรรมดา”“ที่ข้าเลือกพวกท่านทุกคน เพราะมองเห็นถึงความซื่อสัตย์ สตรีคอยดูแลรับผิดชอบภายในเรือน พ่อบ้านความหมายย่อมบ่งบอกอยู่แล้ว ส่วนพวกท่านหลังจากรักษาตัวจนหาย มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยและทำสินค้าไว้สำหรับนำไปขาย ในอนาคตอันใกล้ข้าจะมีร้านเป็นของตนเอง จากนั้นจะมีการค้าชนิดใหม่เพิ่มขึ้นอีกมากม

    Last Updated : 2025-01-06
  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 8 สอนลูกจ้างทำลูกชิ้น

    ก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน ในคืนแรกของการได้รับอิสระห้าวเหลียงได้หารือกับคนอื่น ๆ เกี่ยวกับหน้าที่ต่าง ๆ ที่ต้องทำในแต่ละวัน พวกเขาได้ข้อสรุปที่ตรงกันก็คือ การเรียนรู้ทำสินค้าของจ้าวจางหมิ่นจะทำร่วมกัน เผื่อวันใดวันหนึ่งคนในกลุ่มไม่อยู่ พวกเขาสามารถทำแทนกันได้โดยเฉพาะเหว่ยหงกับเสียอี้สองคนนี้ เคยทำงานในสำนักคุ้มภัยมาก่อน ในอนาคตหากการค้าของเจ้านายขยายไปต่างเมือง ทั้งสองจะเป็นกำลังหลักสำหรับการส่งสินค้าทันที ดังนั้นห้าวเหลียงและทุกคนจึงลงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันเมื่อได้กินอิ่มท้องและพักผ่อนเต็มที่ ทำให้สมาชิกใหม่ของจวนตระกูลจ้าว พร้อมใจกันตื่นตั้งแต่ยามเหม่า และเป็นเวลาที่จ้าวจางหมิ่นเตรียมออกไปขายของเช่นทุกวัน ห้าวเหลียงเห็นอุปกรณ์บนรถเข็น ก็รู้สึกเห็นใจสาวใช้ของจ้าวจางหมิ่น ที่เป็นสตรีรูปร่างบอบบาง แต่กลับต้องมายกข้าวของที่มีน้ำหนักมากเช่นนี้ จึงให้เป่าเฟิงกับจงเหลียนช่วยเข็นไปที่ตลาดแทน คนที่เหลือก็คิดไม่ต่างจางห้าวเหลียงนัก“พ่อบ้าน อย่าหาว่าข้าสอดรู้สอดเห็นไม่เข้าเรื่องเลย คนในครอบครัวของคุณหนูหายไปที่ใดหมด ถึงปล่อยให้เด็กที่ควรได้วิ่งเล่น ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำงานหาเงินเช่นน

    Last Updated : 2025-01-06
  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 9 ภูมิหลังของเจ้านายตัวน้อย

    ลูกจ้างของจ้าวจางหมิ่นต่างตื่นตาตื่นใจ สำหรับเครื่องมือที่นางได้สอนพวกเขา แต่ละคนคิดว่านี่คือสิ่งที่อัศจรรย์มาก และขั้นตอนการทำมิได้ยุ่งยากเลยสักนิด พอทำจนถึงขั้นตอนสุดท้ายนำลูกชิ้นสะเด็ดน้ำ ก็มานั่งช่วยกันเสียบลูกชิ้นไม้ละห้าลูก ซึ่งเป็นลูกขนาดพอดีไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป แค่ให้สมกับราคาที่ตั้งเอาไว้เท่านั้นก็พอเนื่องจากครั้งทดลองทำและได้ลูกชิ้นถึงเจ็ดร้อยไม้ จ้าวจางหมิ่นจึงให้นำเตามาย่างลูกชิ้นหนึ่งร้อยไม้ เพื่อให้ทุกคนได้ชิมฝีมือของตนเอง ดังนั้นในยามอู่อาหารมื้อเที่ยงจึงเป็นลูกชิ้นปิ้ง และไม่ลืมให้เป้ยอิงแบ่งใส่จาน นำไปให้กับคนสนิทของเสิ่นหนิงเทียนที่เรือนเล็กด้วยนับตั้งแต่ได้เรียนวิธีการทำลูกชิ้น จ้าวจางหมิ่นได้มอบเงินให้ห้าวเหลียงจำนวนหนึ่ง สำหรับให้แม่ครัวหงชิงใช้ซื้อวัตถุดิบทำอาหาร และซื้อเนื้อหมูสำหรับทำลูกชิ้นไว้รอจ้าวจางหมิ่นเสมอ แต่เรื่องที่พวกห้าวเหลียงได้พูดคุยไว้ ก็เป็นหยางไห่ที่ออกไปสืบหาข้อมูล เกี่ยวกับครอบครัวของเจ้านายและเขาก็เลือกมาถูกที่เสียด้วยหน้าจวนเจ้าเมืองที่ปิดประตูเอาไว้ ยังคงมีทหารผลัดเปลี่ยนมาคอยดูแล เพื่อป้องกันมิให้มีใครฉวยโอกาส เข้าไปอยู่อาศัยจนทำให้เร

    Last Updated : 2025-01-07
  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 10 ชิมยำวุ้นเส้นรสแซ่บ

    เนื่องจากวัตถุดิบมีหลายอย่าง จ้าวจางหมิ่นจึงให้ฮุยอินไปตามพ่อบ้าน และคนอื่นมาช่วยเพื่อนำไปเก็บที่ห้องเสบียง โดยแบ่งส่วนหนึ่งไว้สำหรับทำเป็นมื้อเย็น แม้จะรู้สึกแปลกใจว่าสิ่งของเหล่านี้ มาอยู่ในห้องของเจ้านายพวกตนได้อย่างไร แต่นั่นเป็นคำถามที่ต้องเก็บไว้ในใจเท่านั้นเมื่อเลือกที่จะซื่อสัตย์ภักดีกับจ้าวจางหมิ่นแล้ว ถึงจะอยากรู้ถ้าเจ้านายไม่บอกด้วยตนเอง พวกเขาไม่สมควรก้าวก่าย พ่อบ้านห้าวและเพ่ยตงที่มาช่วยยกของ จึงทำเพียงหน้าที่ของตนเท่านั้นจ้าวจางหมิ่นเดินตามทุกคนไปถึงห้องครัว เพื่ออธิบายถึงวัตถุดิบทั้งหมดว่าใช้สำหรับทำอะไร รวมถึงบอกว่าจะสอนแม่ครัวหงชิงหรือคนอื่น ๆ ที่สนใจอยากทำอาหารชนิดนี้เป็น เผื่อวันใดอยากกินจะได้ลงมือทำด้วยตนเองได้ทันที ไม่ต้องร้องขอให้แม่ครัวหงชิงทำให้“คุณหนูเจ้าคะ ของพวกนี้จะใช้ทำอาหารชนิดใดหรือเจ้าคะ บ่าวไม่เคยเห็นผักที่เป็นหัวหรือเจ้าลูกสีแดงนี่มาก่อนเลยเจ้าค่ะ” แม่ครัวหงชิงมองผักที่นางไม่รู้จัก เพราะตั้งแต่เล็กจนโตนางรู้จักอยู่ไม่กี่อย่าง“อ้อ วัตถุดิบที่ทุกคนเห็นตรงหน้าทั้งหมด คือส่วนประกอบของอาหารชนิดใหม่ ที่ข้าจะทำให้ลองชิมก่อนจะทำขายเจ้าค่ะ” จ้าวจางหมิ่นตอบ

    Last Updated : 2025-01-07
  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 11 สั่งสอนครอบครัวเห็นแก่ตัว

    และแล้วก็ถึงวันหยุดที่จ้าวจางหมิ่นได้พูดไว้ ซึ่งวันนี้นางจะไปยังหมู่บ้านหลิ่วซู่ของหนิงอวี่ ที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองเหอเฟยมากนัก นั่งรถม้าไปเพียงสองเค่อก็ถึงหมู่บ้านแห่งนี้แล้วครั้งนี้จ้าวจางหมิ่นให้เหล่ยหง เสียอี้และซีหยุนติดตามไปดูแล ด้านหนิงอวี่ดีใจที่จะได้กลับไปเยี่ยมครอบครัว แม้ไม่รู้ว่าพวกเขาจะยินดียามที่เห็นตนเองหรือไม่ แต่หนิงอวี่ยังมีใจซื้อข้าวสารอาหารแห้ง รวมถึงผ้าอีกหนึ่งพับไปเป็นของฝากส่วนจ้าวจางหมิ่นไม่ได้แต่งกายหรูหราอันใด นางสวมใส่ชุดสำหรับเด็กทั่วไปเพียงแค่เนื้อผ้า อาจจะดูดีกว่าเล็กน้อยเท่านั้น เพราะนางไม่คิดว่าจะต้องแต่งกายไปอวดผู้ใดก่อนจะออกเดินทางจ้าวจางหมิ่นไม่ลืมกำชับพ่อบ้านห้าว เรื่องของคนที่พักอยู่ในเรือนเล็ก “ลุงพ่อบ้านข้าฝากดูแลคุณชายเสิ่นด้วยนะเจ้าคะ หากเขาต้องการสิ่งใดเพิ่มเติมก็จัดหาให้ ไม่เกินยามเซินพวกข้าก็กลับมาแล้วล่ะ”“ขอรับ บ่าวจะดูแลคุณชายเสิ่นเป็นอย่างดีขอรับ เหล่ยหงพวกเจ้าสามคนดูแลคุณหนูให้ดีเล่า อย่าให้เกิดเรื่องไม่ดีกับคุณหนูเป็นอันขาด”“พ่อบ้านวางใจเถิด หากใครกล้าคิดทำร้ายคุณหนูล่ะก็ รับรองพวกมันไม่มีโอกาสได้ร้องขอความเมตตาแน่”“น้าเหล่ยหงไปกันเ

    Last Updated : 2025-01-07

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 16 พบเจอศัตรูบนทางแคบ

    ผ่านมาเกือบสองเดือนแล้วกับการเปิดร้านอาหาร ไม่มีวันไหนที่ลูกค้าไม่นั่งทานเต็มร้าน บางคนถึงกับนำเถาใส่อาหารติดตัวมาเพื่อซื้อกลับไปฝากคนในครอบครัวของตน แม้แต่แขกที่เข้าพักในโรงเตี๊ยมของเถ้าแก่เย่ ยังอยากซื้อไปกินระหว่างเดินทางเมื่อทุกอย่างของร้านอาหารลงตัวแล้ว ทุกคนจึงขอให้จ้าวจางหมิ่นอยู่พักผ่อนที่จวน หากต้องการไปที่ร้านสามสี่วันไปหนึ่งครั้งก็พอ เพราะพวกเขาอยากให้จ้าวจางหมิ่น ได้ใช้เวลาเป็นส่วนตัวมากขึ้น และได้ยินว่าเจ้านายกำลังคิดจะส่งสินค้าไปต่างเมืองการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นอิสระ จากตระกูลที่มีความเชื่อผิด ๆ ของจ้าวจางหมิ่นเป็นไปอย่างมีความสุข ทั้งเจ้านายและลูกจ้างทั้งหลาย แต่การเดินทางของเสิ่นหนิงเทียน กลับต้องพบเจอปัญหากลางทาง เมื่อเหลืออีกสี่หัวเมืองก็จะถึงเมืองหลวงอยู่แล้วเสียอย่างนั้นกลางภูเขาเฟิงซานรถม้าคันใหญ่งดงาม ซึ่งกลุ่มเดินทางเล็ก ๆ ของเสิ่นหนิงเทียน มาถึงบริเวณนี้ใกล้จะเข้ากลางยามเซินไปทุกที เหล่ยหงจึงส่งสัญญาณให้สหายหยุดรถม้า “เสียอี้เจ้าไปดูที่โล่งด้านหน้าเสียหน่อย ว่าสามารถใช้เป็นที่พักสำหรับคืนนี้ได้หรือไม่”“ได้ข้ากับหยางไห่จะไปดูเพื่อความปลอดภัย” เสียอี้พูดแล

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 15 เปิดร้านวันแรกก็ได้คู่ค้าทันที

    หลังจากที่ส่งเสิ่นหนิงเทียนออกเดินทาง จ้าวจางหมิ่นและลูกจ้างอีกที่เหลือ จึงไปช่วยกันทำความสะอาดร้านค้า พร้อมกับนำอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่าง นำมาจัดวางให้เข้าที่เข้าทางภายในร้าน ชั้นสองของร้านมีห้องส่วนตัวสองห้อง จ้าวจางหมิ่นนำวัสดุออกมาตกแต่งจนงดงาม โต๊ะเก้าอี้ที่สีซีดก็นำมาทาสีเสียใหม่ส่วนแม่ครัวหงชิงกับสาวใช้ที่เหลือ จ้าวจางหมิ่นให้อยู่ที่จวนและทำแหนมซี่โครงหมูเพิ่ม โดยไม่ลืมให้พวกนางแยกตะกร้าเอาไว้ ว่าตะกร้าไหนทำก่อนหรือหลังเพื่อง่ายต่อการนำไปขายที่ร้าน ทุกคนร่วมแรงร่วมใจทำงานอย่างขยันขันแข็งจ้าวจางหมิ่นไม่ได้จ้างใครมาทำงานเพิ่ม เนื่องจากแค่ลูกจ้างที่มีอยู่ตอนนี้ ก็สามารถช่วยกันทำงานได้ แต่ต่อไปก็ไม่แน่หากกิจการทำเงินได้ดี นางอาจจะหาลูกจ้างมาเพิ่มและให้คนอื่น ๆ ถอนตัวเพื่อไปช่วยจัดการกิจการใหม่ ๆ ในอนาคต และก่อนจะถึงวันเปิดร้านหนึ่งวัน จ้าวจางหมิ่นได้ให้พ่อบ้านห้าวกับหมิงเช่อ ไปซื้อเสื้อผ้ามาให้ทุกคนเพิ่มอีกคนละสองชุด เพราะพวกเขาต้องมีเสื้อผ้าผลัดเปลี่ยนทุกวันพ่อบ้านห้าวเป็นตัวแทนของทุกคนพูดกับจ้าวจางหมิ่น “ขอบคุณคุณหนูที่ใส่ใจพวกเราขอรับ"“อย่าพูดเช่นนั้นเลยเจ้าค่ะ นี่ยัง

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 14 จดหมายถึงบิดา

    กลางดึกของคืนวันเดียวกันนั้น จ้าวจางหมิ่นได้เลือกซื้อข้าวสารอาหารแห้ง ยาชนิดต่าง ๆ สำหรับสามคน ที่สำคัญนางไม่ลืมซื้อรถม้าเพิ่ม ซึ่งมันเป็นรถม้าที่คันใหญ่กว่าเดิม โดยใช้ม้าตัวใหญ่แข็งแรงถึงสามตัว เนื่องจากรถม้าคันนี้เสิ่นหนิงเทียนกับคนสนิท สามารถนอนพักระหว่างเดินทางได้สบาย จ้าวจางหมิ่นยังไม่ลืมซื้อกระโจมที่กางง่าย มอบให้เหล่ยหงเพิ่มเพราะไม่อยากให้ใครต้องนอนตากยุงนั่นเองต้นยามเหม่าคนที่รับหน้าที่คุ้มกันเสิ่นหนิงเทียน ก็มาพบจ้าวจางหมิ่นที่เรือนเพื่อรับสิ่งของที่จำเป็น ก็รู้สึกแปลกตามากแล้ว แต่พอได้เห็นรถม้าคันใหม่ยิ่งทำให้ตาโตเป็นไข่ห่าน พวกเขาต่างหยิกแขนตบหน้าตนเอง เพราะคิดว่ากำลังอยู่ในความฝันเสียอี้ลูบแขนตนเองไปมาและถามอย่างไม่เชื่อ กับสิ่งที่เห็นตรงหน้ากับเหล่ยหง “พะ พะ พี่เหล่ยหงนี่มันใช่รถม้าจริง ๆ รึ ข้าไม่เคยเห็นรถม้าเช่นนี้มาก่อน”“คุณหนูเป็นคนซื้อมาก็ต้องใช่รถม้าแล้วล่ะ อึก แต่ข้าไม่อยากนึกถึงราคาของมันเลยนะเสียอี้”“ใช่เจ้าคนเดียวที่ไหนเสียอี้ พวกข้าก็ไม่เคยเห็นมาก่อนเช่นกัน แต่ข้าคิดว่ามันงดงามกว่ารถม้าของเชื้อพระวงศ์เสียอีกนะ พวกเจ้าคิดเช่นเดียวกับข้าหรือไม่” หยางไห่ที่ตะล

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 13 หากมีวาสนาคงได้พบกันอีก

    เมื่อกลับมาถึงจวนจ้าวจางหมิ่นขอแยกกลับเรือนตนเอง โดยไม่ลืมให้พ่อบ้านห้าวบอกทุกคน ไปรวมตัวกันที่ห้องครัวรอนาง พ่อบ้านห้าวรับคำยังไม่ทันหันหลังกลับ จงเหลียนที่ยืนอยู่ด้วยกันกลับหายตัวไปก่อนแล้ว ด้วยความตื่นเต้นที่จ้าวจางหมิ่นจะสอนทำอาหารจ้าวจางหมิ่นนั่งคิดมาในรถม้าระหว่างกลับจวน ว่านางจะทำสิ่งใดเพิ่มอีกพอคิดไปคิดมา ก็คิดถึงอาหารที่ชอบขึ้นมาได้ และมันยังเป็นวิธีการถนอมอาหารอย่างหนึ่งเช่นกัน นั่นก็คือแหนมซี่โครงหมูและสามชั้นต้มจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ด แค่จ้าวจางหมิ่นคิดก็เริ่มน้ำลายสอเสียเองพอเข้ามาในห้องไม่พูดพร่ำทำเพลง สาวใช้ยังไม่ทันได้เอ่ยถามเรื่องร้านค้า จ้าวจางหมิ่นกลับเรียกหาระบบทันที “ระบบข้าต้องการซื้อสินค้ากับเจ้า”[ติ๊ง ระบบออนไลน์ขั้นเทพยินดีให้บริการ ไม่ทราบว่าท่านต้องการซื้อสินค้าชนิดใด จากโลกไหนบ้างกรุณาแจ้งต่อระบบได้เลย]“ข้าต้องการซี่โครงหมูหนึ่งร้อยชั่ง สามชั้นมันน้อยหนึ่งร้อยชั่ง ข้าวเหนียวหนึ่งร้อยชั่ง กระเทียม น้ำปลา มะนาว พริกขี้หนู ผักชี ผักกาดขาว ผักสลัด ขิงดอง อย่างละห้าสิบจิน และใบเซียงเจียวพร้อมเชือกป่าน จำนวนหนึ่งร้อยพับนะระบบ”[ตกลง รายการสินค้าที่ท่านต้องการ ระบบจ

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 12 ร้านค้าแรกของตระกูลจ้าว

    ระหว่างนั่งรถม้ากลับเข้าเมือง จ้าวจางหมิ่นยังโมโหไม่หาย เมื่อเห็นใบหน้าของหนิงอวี่เริ่มเห็นรอยนิ้วมือชัดเจนขึ้น “ฮึ่ย! ข้าไม่น่าให้น้าเหล่ยหงสั่งสอนแค่นั้นเลยจริง ๆ พี่หนิงอวี่จากนี้ไปท่านสนใจแค่ตัวเองก็พอ ตัดครอบครัวเช่นนั้นออกไปจากชีวิตเถิดเจ้าค่ะ อย่างไรเสียก็มีข้ากับทุกคนเป็นครอบครัว ภายหน้าท่านต้องแต่งงานมีคู่ชีวิตที่ดีได้แน่”“บ่าวจะมีครอบครัวได้อย่างไรเจ้าคะ คุณหนูยังไม่ถึงวัยปักปิ่นเลยด้วยซ้ำ รอคุณหนูปักปิ่นเมื่อใดบ่าวค่อยแต่งงานเจ้าค่ะ หากคนรักของบ่าวรับข้อนี้ไม่ได้ ก็แค่ไม่แต่งและอยู่ดูแลคุณหนูจนแก่ รอเลี้ยงคุณชายน้อยคุณหนูน้อยก็ไม่เป็นอันใดนะเจ้าคะ” หนิงอวี่คิดเอาไว้เช่นนั้นจริง ๆ“บ่าวก็คิดแบบเดียวกับหนิงอวี่เจ้าค่ะ แม้จะแต่งงานแล้วเราสองคนก็จะติดตามคุณหนูเช่นเดิม ไม่มีทางแยกไปสุขสบายไม่สนใจคุณหนูได้อย่างไรเจ้าคะ” ฮุยอินเคยพูดคุยเรื่องนี้กับหนิงอวี่อยู่บ้าง“อืม ก็ดีเหมือนกันนะไว้ข้าสร้างกิจการให้มั่นคง ค้าขายมีกำไรร่ำรวยเป็นเศรษฐีนีมีเงินเหลือกินเหลือใช้ จะมอบเป็นสินเดิมเจ้าสาวให้พวกพี่สองคนก็แล้วกันนะเจ้าคะ อิ อิ” จ้าวจางหมิ่นพิจารณาสิ่งที่สาวใช้พูดมา ก็เห็นจะจริงนางยังเ

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 11 สั่งสอนครอบครัวเห็นแก่ตัว

    และแล้วก็ถึงวันหยุดที่จ้าวจางหมิ่นได้พูดไว้ ซึ่งวันนี้นางจะไปยังหมู่บ้านหลิ่วซู่ของหนิงอวี่ ที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองเหอเฟยมากนัก นั่งรถม้าไปเพียงสองเค่อก็ถึงหมู่บ้านแห่งนี้แล้วครั้งนี้จ้าวจางหมิ่นให้เหล่ยหง เสียอี้และซีหยุนติดตามไปดูแล ด้านหนิงอวี่ดีใจที่จะได้กลับไปเยี่ยมครอบครัว แม้ไม่รู้ว่าพวกเขาจะยินดียามที่เห็นตนเองหรือไม่ แต่หนิงอวี่ยังมีใจซื้อข้าวสารอาหารแห้ง รวมถึงผ้าอีกหนึ่งพับไปเป็นของฝากส่วนจ้าวจางหมิ่นไม่ได้แต่งกายหรูหราอันใด นางสวมใส่ชุดสำหรับเด็กทั่วไปเพียงแค่เนื้อผ้า อาจจะดูดีกว่าเล็กน้อยเท่านั้น เพราะนางไม่คิดว่าจะต้องแต่งกายไปอวดผู้ใดก่อนจะออกเดินทางจ้าวจางหมิ่นไม่ลืมกำชับพ่อบ้านห้าว เรื่องของคนที่พักอยู่ในเรือนเล็ก “ลุงพ่อบ้านข้าฝากดูแลคุณชายเสิ่นด้วยนะเจ้าคะ หากเขาต้องการสิ่งใดเพิ่มเติมก็จัดหาให้ ไม่เกินยามเซินพวกข้าก็กลับมาแล้วล่ะ”“ขอรับ บ่าวจะดูแลคุณชายเสิ่นเป็นอย่างดีขอรับ เหล่ยหงพวกเจ้าสามคนดูแลคุณหนูให้ดีเล่า อย่าให้เกิดเรื่องไม่ดีกับคุณหนูเป็นอันขาด”“พ่อบ้านวางใจเถิด หากใครกล้าคิดทำร้ายคุณหนูล่ะก็ รับรองพวกมันไม่มีโอกาสได้ร้องขอความเมตตาแน่”“น้าเหล่ยหงไปกันเ

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 10 ชิมยำวุ้นเส้นรสแซ่บ

    เนื่องจากวัตถุดิบมีหลายอย่าง จ้าวจางหมิ่นจึงให้ฮุยอินไปตามพ่อบ้าน และคนอื่นมาช่วยเพื่อนำไปเก็บที่ห้องเสบียง โดยแบ่งส่วนหนึ่งไว้สำหรับทำเป็นมื้อเย็น แม้จะรู้สึกแปลกใจว่าสิ่งของเหล่านี้ มาอยู่ในห้องของเจ้านายพวกตนได้อย่างไร แต่นั่นเป็นคำถามที่ต้องเก็บไว้ในใจเท่านั้นเมื่อเลือกที่จะซื่อสัตย์ภักดีกับจ้าวจางหมิ่นแล้ว ถึงจะอยากรู้ถ้าเจ้านายไม่บอกด้วยตนเอง พวกเขาไม่สมควรก้าวก่าย พ่อบ้านห้าวและเพ่ยตงที่มาช่วยยกของ จึงทำเพียงหน้าที่ของตนเท่านั้นจ้าวจางหมิ่นเดินตามทุกคนไปถึงห้องครัว เพื่ออธิบายถึงวัตถุดิบทั้งหมดว่าใช้สำหรับทำอะไร รวมถึงบอกว่าจะสอนแม่ครัวหงชิงหรือคนอื่น ๆ ที่สนใจอยากทำอาหารชนิดนี้เป็น เผื่อวันใดอยากกินจะได้ลงมือทำด้วยตนเองได้ทันที ไม่ต้องร้องขอให้แม่ครัวหงชิงทำให้“คุณหนูเจ้าคะ ของพวกนี้จะใช้ทำอาหารชนิดใดหรือเจ้าคะ บ่าวไม่เคยเห็นผักที่เป็นหัวหรือเจ้าลูกสีแดงนี่มาก่อนเลยเจ้าค่ะ” แม่ครัวหงชิงมองผักที่นางไม่รู้จัก เพราะตั้งแต่เล็กจนโตนางรู้จักอยู่ไม่กี่อย่าง“อ้อ วัตถุดิบที่ทุกคนเห็นตรงหน้าทั้งหมด คือส่วนประกอบของอาหารชนิดใหม่ ที่ข้าจะทำให้ลองชิมก่อนจะทำขายเจ้าค่ะ” จ้าวจางหมิ่นตอบ

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 9 ภูมิหลังของเจ้านายตัวน้อย

    ลูกจ้างของจ้าวจางหมิ่นต่างตื่นตาตื่นใจ สำหรับเครื่องมือที่นางได้สอนพวกเขา แต่ละคนคิดว่านี่คือสิ่งที่อัศจรรย์มาก และขั้นตอนการทำมิได้ยุ่งยากเลยสักนิด พอทำจนถึงขั้นตอนสุดท้ายนำลูกชิ้นสะเด็ดน้ำ ก็มานั่งช่วยกันเสียบลูกชิ้นไม้ละห้าลูก ซึ่งเป็นลูกขนาดพอดีไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป แค่ให้สมกับราคาที่ตั้งเอาไว้เท่านั้นก็พอเนื่องจากครั้งทดลองทำและได้ลูกชิ้นถึงเจ็ดร้อยไม้ จ้าวจางหมิ่นจึงให้นำเตามาย่างลูกชิ้นหนึ่งร้อยไม้ เพื่อให้ทุกคนได้ชิมฝีมือของตนเอง ดังนั้นในยามอู่อาหารมื้อเที่ยงจึงเป็นลูกชิ้นปิ้ง และไม่ลืมให้เป้ยอิงแบ่งใส่จาน นำไปให้กับคนสนิทของเสิ่นหนิงเทียนที่เรือนเล็กด้วยนับตั้งแต่ได้เรียนวิธีการทำลูกชิ้น จ้าวจางหมิ่นได้มอบเงินให้ห้าวเหลียงจำนวนหนึ่ง สำหรับให้แม่ครัวหงชิงใช้ซื้อวัตถุดิบทำอาหาร และซื้อเนื้อหมูสำหรับทำลูกชิ้นไว้รอจ้าวจางหมิ่นเสมอ แต่เรื่องที่พวกห้าวเหลียงได้พูดคุยไว้ ก็เป็นหยางไห่ที่ออกไปสืบหาข้อมูล เกี่ยวกับครอบครัวของเจ้านายและเขาก็เลือกมาถูกที่เสียด้วยหน้าจวนเจ้าเมืองที่ปิดประตูเอาไว้ ยังคงมีทหารผลัดเปลี่ยนมาคอยดูแล เพื่อป้องกันมิให้มีใครฉวยโอกาส เข้าไปอยู่อาศัยจนทำให้เร

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 8 สอนลูกจ้างทำลูกชิ้น

    ก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน ในคืนแรกของการได้รับอิสระห้าวเหลียงได้หารือกับคนอื่น ๆ เกี่ยวกับหน้าที่ต่าง ๆ ที่ต้องทำในแต่ละวัน พวกเขาได้ข้อสรุปที่ตรงกันก็คือ การเรียนรู้ทำสินค้าของจ้าวจางหมิ่นจะทำร่วมกัน เผื่อวันใดวันหนึ่งคนในกลุ่มไม่อยู่ พวกเขาสามารถทำแทนกันได้โดยเฉพาะเหว่ยหงกับเสียอี้สองคนนี้ เคยทำงานในสำนักคุ้มภัยมาก่อน ในอนาคตหากการค้าของเจ้านายขยายไปต่างเมือง ทั้งสองจะเป็นกำลังหลักสำหรับการส่งสินค้าทันที ดังนั้นห้าวเหลียงและทุกคนจึงลงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันเมื่อได้กินอิ่มท้องและพักผ่อนเต็มที่ ทำให้สมาชิกใหม่ของจวนตระกูลจ้าว พร้อมใจกันตื่นตั้งแต่ยามเหม่า และเป็นเวลาที่จ้าวจางหมิ่นเตรียมออกไปขายของเช่นทุกวัน ห้าวเหลียงเห็นอุปกรณ์บนรถเข็น ก็รู้สึกเห็นใจสาวใช้ของจ้าวจางหมิ่น ที่เป็นสตรีรูปร่างบอบบาง แต่กลับต้องมายกข้าวของที่มีน้ำหนักมากเช่นนี้ จึงให้เป่าเฟิงกับจงเหลียนช่วยเข็นไปที่ตลาดแทน คนที่เหลือก็คิดไม่ต่างจางห้าวเหลียงนัก“พ่อบ้าน อย่าหาว่าข้าสอดรู้สอดเห็นไม่เข้าเรื่องเลย คนในครอบครัวของคุณหนูหายไปที่ใดหมด ถึงปล่อยให้เด็กที่ควรได้วิ่งเล่น ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำงานหาเงินเช่นน

DMCA.com Protection Status