หน้าหลัก / รักโบราณ / ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ / ตอนที่ 5 ขายลูกชิ้นวันแรกหมดเกลี้ยง

แชร์

ตอนที่ 5 ขายลูกชิ้นวันแรกหมดเกลี้ยง

ผู้เขียน: ต้าซินซิน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-05 13:25:09

ยามเหม่าของวันต่อมา จ้าวจางหมิ่นตื่นพร้อมกับสาวใช้ทั้งสอง เพื่อเตรียมของสำหรับการค้าวันแรก รถเข็นที่มีวัตถุดิบและอุปกรณ์ครบครัน ถูกเข็นออกจากจวนมุ่งหน้าไปยังตลาดเช้า ซึ่งแผงขายของนี้ของจ้าวจางหมิ่น อยู่ข้าง ๆ กับแผงขายผักพอดี

ทั้งสามคนแบ่งงานกันทำเช่นเมื่อวาน เมื่อเตาถ่านเริ่มร้อนลูกชิ้นที่เตรียมไว้ ถูกนำออกมาวางลงบนเตา เพื่ออุ่นให้ร้อนอีกครั้งสำหรับขายให้ลูกค้า และกลิ่นหอมของลูกชิ้นปิ้ง ก็เรียกความสนใจของคนที่เดินผ่านไปมา จนมีบุรุษวัยกลางคนเดินเข้ามาถาม ด้วยความสนใจอาหารของจ้าวจางหมิ่น

“เอ่อ แม่ค้าเจ้าทำอันใดมาขายเช่นนั้นหรือ กลิ่นมันคล้ายเนื้อแต่ทำไมมันถึงเป็นลูกกลม ๆ ไปเสียได้เล่า”

“นั่นน่ะสิ แต่ข้าสองคนทนกลิ่นหอมนี้ไม่ไหว ถึงได้มาถามดูเสียก่อนว่ามันคือสิ่งใด”

“ท่านอาทั้งสองช่างมีจมูกที่ดีมากเจ้าค่ะ เจ้าลูกกลม ๆ นี้ข้าเรียกมันว่าลูกชิ้น และมันทำมาจากเนื้อหมูจริง ๆ พอนำมาปิ้งกับเตาถ่านจึงมีกลิ่นหอม นอกจากนี้ยังมีน้ำจิ้มสองรสให้เลือก หากท่านอาสนใจข้าจะหั่นให้พวกท่านลองชิมดู ถ้าถูกใจในรสชาติค่อยซื้อก็ยังไม่สายเจ้าค่ะ” จ้าวจางหมิ่นตอบคำถามลูกค้าอย่างเป็นกันเอง

บุรุษทั้งสองรับไม้จิ้มขนาดเล็ก ที่มีลูกชิ้นหั่นครึ่งจิ้มน้ำจิ้มแล้วมาลองชิม พอได้สัมผัสกับเนื้อหมูที่มีส่วนผสมของเครื่องปรุง ก็หันมามองหน้ากันพยักหน้าขึ้นลงรัว ๆ ในที่สุดก็ทนกับความอร่อยลงตัวไม่ไหว

“อื้อหือ! แม่ค้าเจ้าลูกชิ้นนี้อร่อยจริง ๆ ชิมแค่ชิ้นเล็กคงไม่จุใจข้าแล้วล่ะ เจ้าขายอย่างไรว่าราคามาได้เลย”

“ใช่ ๆ ๆ ข้าชอบน้ำจิ้มรสเผ็ดร้อนนี่มาก รู้สึกมันทำให้เลือดลมในร่างกายร้อนไปทั่ว”

“ขอบคุณท่านอาที่ชอบเจ้าค่ะ เนื่องจากลูกชิ้นของข้าทำมาจากเนื้อหมู และมีต้นทุนอย่างอื่นอีกเล็กน้อย ข้าขายอยู่ที่ไม้ละสี่อีแปะเจ้าค่ะ พวกท่านรับได้หรือไม่เจ้าคะ นอกจากจะทานกับน้ำจิ้มแล้ว พวกท่านจะนำไปทานกับข้าวก็ได้ ถ้าจะให้ดีกินเนื้อก็ควรกินผักควบคู่กัน ยิ่งทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์ด้วยนะเจ้าคะ” จ้าวจางหมิ่นคิดว่าสี่อีแปะต่อไม้ น่าจะขายให้ทุกคนสามารถซื้อกินได้ไม่ยาก

“นี่ถือว่าถูกมากนะสำหรับอาหารที่ทำจากเนื้อ แม่ค้าข้าเอาลูกชิ้นห้าไม้ราดน้ำจิ้มรสหวาน เอ้านี่ ยี่สิบอีแปะค่าลูกชิ้นของเจ้า”

“ข้าขอราดน้ำจิ้มรสเผ็ดห้าไม้ และอีกห้าไม้ราดน้ำจิ้มรสหวานนะ อ่ะ สี่สิบอีแปะข้าคำนวณให้เจ้าเลย”

“ได้เลยเจ้าค่ะ ท่านอารอไม่นานได้กินของอร่อยแน่นอน ขอบคุณมากที่ชอบอาหารของข้านะเจ้าคะ”

จ้าวจางหมิ่นรับคำสั่งซื้อมาแล้ว ก็ให้หนิงอวี่ช่วยจัดการแทน เพราะนางยังเด็กไม่สามารถหยิบจับอะไรได้คล่องนัก จึงทำหน้าที่รับเงินใส่กระปุกและต้อนรับลูกค้าเท่านั้น

เมื่อมีคนได้ลองกินแล้วยืนยันว่าอร่อย พอลูกค้าทั้งสองเดินจากไปก็เริ่มมีคนเข้ามาซื้อตาม บางคนทดลองซื้อแค่หนึ่งไม้เพราะกลัวไม่อร่อย แต่หลังจากรับรู้รสชาติแล้วต้องรีบกลับมาซื้อ เนื่องจากมีคนมาต่อแถวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และพากันซื้ออย่างต่ำคนละห้าไม้ทั้งสิ้น

“ขอบคุณทุกท่านที่อุดหนุนนะเจ้าคะ อยากอร่อยเพิ่มต้องมีผักสด ๆ กินคู่กันเจ้าค่ะ”

“นี่เจ้าทำตามที่แม่ค้าบอกเถิด ข้าลองทำตามแล้วมันอร่อยคนละแบบเลยล่ะ”

“ไอหยา มีคนยืนยันเช่นนี้ไม่ทำตามได้รึ”

“ของข้ายี่สิบไม้นะแม่ค้า หากจะนำน้ำจิ้มมาผสมกันได้หรือไม่”

“ท่านน้าคือคนที่ค้นเจอเส้นทางความอร่อยใหม่ และมันย่อมทำได้อยู่แล้วเจ้าค่ะ เมื่อผสมน้ำจิ้มทั้งสองเข้าด้วยกัน จะได้รสชาติใหม่ที่ไม่เผ็ดหรือหวานจนเกินไป ให้ความอร่อยไปอีกแบบ” จ้าวจางหมิ่นไม่คิดว่าลูกค้าคนนี้จะคิดวิธีกินเช่นนี้ได้

“เช่นนั้นของข้าสามสิบไม้ราดด้วยน้ำจิ้มทั้งสองอย่าง ข้าต้องเอาไปเผื่อคนที่จวนด้วยน่ะ”

“โอ้ย ข้ากลัวจะไม่เหลือมาถึงข้าจริง ๆ หากหมดเสียก่อนวันนี้คงอดกิน”

“นี่เจ้าจะเศร้าไปใย วันนี้อดกินพรุ่งนี้เจ้าก็มาเร็วกว่าเดิมสิ รับรองได้กินก่อนใคร”

“จริงด้วย! ฮ่า ๆ ๆ ข้าจะตื่นมารอแต่เช้าเชียว ฮึ่ม”

นับว่าแผนการรับมือลูกค้าของจ้าวจางหมิ่น เป็นสิ่งที่ถูกต้องกับการเตรียมลูกชิ้นปิ้งไว้ก่อน และนำมาอุ่นให้ร้อนก่อนขายอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นลูกค้าที่ต่อแถวคงยืนจนขาแข็งแน่ ๆ สตรีวัยกลางคนที่ขายผักอยู่แผงใกล้ ๆ ถึงกับขอบอกขอบใจจ้าวจางหมิ่น ที่ช่วยให้นางขายผักได้เยอะกว่าทุกวัน

และสาวใช้ของจ้าวจางหมิ่นพูดถูก เพราะพวกนางขายลูกชิ้นปิ้งได้หมด ก่อนจะถึงยามเฉินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากเก็บข้าวของแล้วหนิงอวี่ไม่ลืมซื้อผัก ข้าวสารอาหารแห้งที่จำเป็น นำกลับไปทำอาหารสำหรับเช้านี้

พอกลับมาถึงจวนจ้าวจางหมิ่นให้หนิงอวี่ไปทำอาหาร ส่วนตนเองจะช่วยฮุยอินทำความสะอาดอุปกรณ์หากินเอง จากนั้นจึงนั่งนับเงินจากการค้าวันแรกรอมื้อเช้า “พวกเราทำลูกชิ้นขายสำหรับวันแรก ทั้งหมดสามร้อยไม้ขายไม้ละสี่อีแปะและขายได้ไม่เหลือกลับมา รวมแล้วหนึ่งพันสองร้อยอีแปะเชียวนะ”

“หนึ่งพันสองร้อยอีแปะ!” ฮุยอินเดินมาตามาจ้าวจางหมิ่น ทันได้ยินจำนวนเงินที่ขายของได้ ก็ไม่คิดเชื่อจนต้องมาดูกองเหรียญบนโต๊ะทันที

“ใช่แล้วล่ะพี่ฮุยอิน พวกเราทำการค้าวันแรกได้หนึ่งพันสองร้อยอีแปะ หรือก็คือหนึ่งตำลึงเงินสองร้อยอีแปะเจ้าค่ะ”

“คุณหนูเจ้าคะ บ่าวไม่อยากเชื่อเลยจริง ๆ ว่าจะขายได้เงินเยอะตั้งแต่วันแรก”

“นี่เป็นการเริ่มต้นกิจการเท่านั้น หากเราเพิ่มจำนวนไม้ขึ้นอีก ยอดขายย่อมเพิ่มตาม เราต้องขายให้ได้มากกว่าเดิมสักหน่อย และทำบัญชีรายรับรายจ่ายทุกวัน จะได้รู้ว่าหลังหักต้นทุนทั้งหมดกำไรที่ได้จริง ๆ คือเท่าใด” จ้าวจางหมิ่นอธิบายให้สาวใช้เข้าใจ

“อ้อ บ่าวคงต้องเรียนรู้จากคุณหนูให้มากแล้วเจ้าค่ะ”

ทั้งสองคนพูดคุยไม่ทันไร หนิงอวี่ก็ยกถาดอาหารมื้อเช้าเข้ามา ฮุยอินที่ดีใจยังไม่หายจึงหันไปบอกกับสหายอีกครั้ง

“อาหารเช้ามาแล้วเจ้าค่ะคุณหนู”

“หนิงอวี่ ๆ เจ้ารู้หรือไม่ว่าการค้าของเราเช้านี้ ทำเงินได้ถึงหนึ่งตำลึงสองร้อยอีแปะเชียวนะ”

“เจ้าพูดจริงรึฮุยอิน!! คุณหนูที่ฮุยอินพูดเป็นเรื่องจริงหรือเจ้าคะ” หนิงอวี่ต้องการความมั่นใจ จึงถามกับจ้าวจางหมิ่นอีกครั้ง

“จริงสิเจ้าคะ พวกเราเริ่มต้นการค้าได้ดีทีเดียว” จ้าวจางหมิ่นตอบสาวใช้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“ดีจริง ๆ เจ้าค่ะ เท่าที่เห็นลูกค้าซื้อไม่ทันไร ก็หยิบขึ้นมากินทันทีก็บ่งบอกแล้วว่า ลูกชิ้นปิ้งของคุณหนูอร่อยเป็นแน่แท้ เช่นนั้นเช้านี้ท่านต้องทานข้าวให้มากหน่อยนะเจ้าคะ ร่างกายจะได้แข็งแรงมากกว่าเดิมเจ้าค่ะ” หนิงอวี่อยากเห็นจ้าวจางหมิ่น มีรูปร่างสมบูรณ์เช่นเด็กวัยเดียวกันบ้าง

“ได้เจ้าค่ะ แต่นอกจากการทานอาหารแล้ว ไว้ข้าจะซื้อยาบำรุงอย่างดีมาทาน และจะซื้อให้พวกพี่สองคนด้วยนะ” เรื่องนี้จ้าวจางหมิ่นคิดเอาไว้แล้ว ไม่มีทางที่นางจะยอมกินยาต้มขม ๆ ในยุคนี้แน่ อาหารเสริมมากมายที่ระบบมีขาย นั่นคือตัวช่วยอย่างดี

“ขอบคุณคุณหนูที่นึกถึงพวกบ่าวเจ้าค่ะ” สาวใช้ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความตื้นตัน ที่เจ้านายน้อยมีใจห่วงใยสุขภาพของตน

“เอาล่ะมาทานอาหารกันเถิด ประเดี๋ยวจะเย็นชืดไปเสียก่อน”

“เจ้าค่ะคุณหนู/เจ้าค่ะคุณหนู”

จ้าวจางหมิ่นรู้ว่ายามใดควรเป็นกันเอง ยามใดควรเคร่งครัดกับคนของตน แม้อาหารตรงหน้ายามนี้จะมีรสชาติอ่อนไปบ้าง นางก็ไม่ได้คิดอันใดให้ปวดหัว เอาไว้ค่อยหาซื้อสิ่งที่จำเป็นทีหลังก็ยังทันถมเถ

ในเมื่อนางมีระบบออนไลน์ขั้นเทพอยู่กับตัว จะกลัวขาดแคลนปัจจัยทั้งสี่ไปทำไม อาหารเช้าง่าย ๆ จึงถูกนายบ่าวจัดการจนเกลี้ยงจาน และก่อนจะเข้านอนฉู่จางหมิ่น ได้รับเงินรางวัลพิเศษจากระบบ หนึ่งพันตำลึงทองเมื่อนางสามารถเปิดกิจการ ก่อนครบกำหนดเจ็ดวัน ทำให้คืนนี้ฉู่จางหมิ่นนอนหลับฝันดี เกือบตื่นสายเมื่อถึงเวลาไปขายของ

จวนตระกูลจ้าวของจ้าวจางหมิ่น นายบ่าวใช้ชีวิตวันแรกอย่างสบายใจ มิได้สนใจจวนเจ้าเมืองที่วุ่นวายเก็บข้าวของ

เพื่อเดินทางเข้าเมืองหลวงในเร็ววัน มีสาวใช้ที่ช่วยงานในครัว ออกมาหาซื้อวัตถุดิบไปทำอาหารให้เจ้านาย เห็นสาวใช้สองคนของจ้าวจางหมิ่น ยิ้มแย้มแจ่มใสไม่ต้องทำงานหนักเช่นเดิม ก็อิจฉาไม่น้อยและนำเรื่องนี้ไปเล่าให้คนอื่น ๆ ได้ฟัง

แม้แต่เจ้านายของจวนฉู่ก็ได้ยินผ่านหู ถึงจะฉุกคิดขึ้นมาได้บ้างเพียงนิด หลังจากนั้นไม่มีใครนำมาใส่ใจอีกในเมื่อตัดขาดไปแล้ว ตอนนี้จ้าวจางหมิ่นก็คือคนอื่น ฉู่หมิงซ่านจึงมีคำสั่งห้ามพูดถึงนางอีก

กิจการลูกชิ้นปิ้งของจ้าวจางหมิ่นยังคงขายดีต่อเนื่อง และนางต้องเพิ่มจำนวนไม้ลูกชิ้นเป็นห้าร้อยไม้ นอกจากนี้ยังได้แนะนำลูกค้าเกี่ยวกับการกินลูกชิ้นของนาง

“แม่ค้าวันนี้ข้ามาอุดหนุนอีกแล้วนะ เมื่อวานซื้อน้อยไปหน่อยกินไม่จุใจเลย”

“อ้าวท่านอา แล้ววันนี้จะรับกี่ไม้ดีเจ้าคะ” จ้าวจางหมิ่นจำลูกค้าคนแรกของนางได้

“ข้าเอายี่สิบไม้เลยนะแม่ค้า เมื่อวานคนที่จวนแย่งกันกิน จนเกือบทะเลาะกันเพราะความอร่อยของเจ้าลูกชิ้น หากซื้อเท่าเดิมมีหวังข้าถูกบ่นจนหูชาแน่ ๆ”

“ได้เจ้าค่ะ แต่ถ้ากินไม่หมดตอนเย็นนำมาอุ่นได้นะเจ้าคะ”

“อ้อ ถ้าข้าจะซื้อเผื่อไว้กินพรุ่งนี้ มันจะเน่าเสียก่อนหรือไม่เล่า”

“หืม เป็นคำถามที่ดีมากเลยเจ้าค่ะท่านลุง หากท่านซื้อไปแล้วสามารถแบ่งเก็บได้ หลังจากลูกชิ้นหายร้อน โดยใส่กล่องที่มีฝาปิดมิดชิด เก็บไว้ในที่มีความเย็นพรุ่งนี้เช้า ก็นำออกมาอุ่นบนเตาย่าง หรือจะนำไปผัดกับผักต่าง ๆ ก็ยังได้เจ้าค่ะ แต่ข้าไม่แนะนำให้เก็บไว้เกินสองวันนะเจ้าคะ เมื่ออาหารเริ่มมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว ต้องทิ้งทันทีอย่าเสียดายเป็นอันขาด มิเช่นนั้นมันจะทำให้พวกท่านล้มป่วย เสียเงินค่ารักษามากกว่าค่าลูกชิ้นได้เจ้าค่ะ” จ้าวจางหมิ่นทั้งบอกและเตือนลูกค้าในคราวเดียวกัน

“แม่ค้าพูดถูก ญาติของข้าเคยล้มป่วยเพราะเสียดายของนี่แหละ เกือบเอาชีวิตไม่รอดเสียตำลึงเงินรักษาไปมาก ข้าเชื่อคำเตือนของแม่ค้าและจะทำตามแน่นอน”

“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ เรื่องใดมีประโยชน์หรือมีโทษ หากข้ารู้หรือพวกท่านรู้สามารถกล่าวเตือนกันได้ ทุกคนจะได้เข้าใจตรงกันนะเจ้าคะ” จ้าวจางหมิ่นรู้สึกโชคดีมาก ที่ลูกค้าของนางเป็นคนมีเหตุผล

“แม่ค้าหวังว่าวันนี้จะทำลูกชิ้นมาเยอะกว่าเมื่อวานนะ ข้าเองก็อยากซื้อหลาย ๆ ไม้ เพราะทำตามที่แม่ค้าบอกทั้งอิ่มทั้งอร่อยจริง ๆ”

“ท่านน้าไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ วันนี้ข้านำมาเยอะพอสมควร”

หนิงอวี่กับฮุยอินเห็นจ้าวจางหมิ่น พูดคุยกับลูกค้าอย่างยิ้มแย้ม พวกนางยิ่งรู้สึกโล่งอกและมีความสุข ที่เจ้านายน้อยของพวกตน ไม่มีสีหน้าของความหม่นหมองอมทุกข์เช่นแต่ก่อนอีก สิ่งที่สำคัญก็คือเจ้านายน้อยผู้นี้เป็นเด็กหญิงที่มีเค้าลางว่า จะกลายเป็นหญิงงามเมื่อถึงวัยปักปิ่น เนื่องจากบิดามารดามีใบหน้าที่งดงามทั้งคู่

สองสามวันหลังจากออกมาซื้อจวนเป็นของตนเอง จ้าวจางหมิ่นเพิ่งได้สำรวจภายในจวน เมื่อเห็นว่ามีพื้นที่ว่างด้านข้าง จึงอยากนำเมล็ดพันธุ์ผักมาปลูกเสียหน่อย เพื่อใช้ทำอาหารทานเอง เพราะผักจากระบบมีหลากหลายสายพันธุ์ และน่าทานมากเมื่อนำมาทำอาหาร เนื่องจากผักที่นางเห็นในตลาดมีเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 6 ภารกิจพิเศษกับเงินรางวัลใหญ่

    ยามเฉินของเช้าวันที่สี่ หลังจากเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างเสร็จ จ้าวจางหมิ่นและสาวใช้กำลังจะกลับจวนของตน ก็ได้ยินเสียงแสดงความยินดีกับอดีตเจ้าเมือง ที่ได้เลื่อนตำแหน่งเข้าทำงานในราชสำนัก ถึงจะไม่มีใครพูดชื่อตระกูลจ้าวจางหมิ่นย่อมรู้ดีว่าคือใครหนิงอวี่เห็นเจ้านายน้อยหยุดมองนิ่ง ๆ ก็ฉุกคิดได้และจะพานางกลับจวน แต่กลับได้รับคำปฏิเสธ นอกจากนี้จ้าวจางหมิ่นยังเดินเข้าไปใกล้อีกนิด เพื่อจดจำคนตระกูลฉู่นี้เอาไว้ให้ขึ้นใจ และมีคำอวยพรที่พึมพำออกมาเบา ๆหึ ขอให้พวกเจ้าตระกูลฉู่อยู่กับความสุขเหล่านี้มาก ๆ วันใดที่ถูกหลอกใช้จนหมดประโยชน์ ผู้มีอำนาจเฉดหัวทิ้งขึ้นมาจะได้รู้เสียทีว่าการถูกทอดทิ้งมันสิ้นหวังเพียงใด“คุณหนูเจ้าคะ” ฮุยอินเรียกเพียงสั้น ๆจ้าวจางหมิ่นได้ยินเสียงสาวใช้ จึงดึงสติของตนกลับมา “พี่ฮุยอินไม่ต้องคิดมากเจ้าค่ะ ข้าแค่อยากยืนส่งพวกเขาเป็นครั้งสุดท้าย และรอคอยให้เวรกรรมตามสนองคนตระกูลนี้เท่านั้น”หนิงอวี่ได้ยินคำนี้ของจ้าวจางหมิ่น ก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างแรง “คุณหนูพูดถูกสักวันหนึ่งสิ่งที่พวกเขาทำไว้กับท่าน ย่อมสนองกลับหลายร้อยหลายพันเท่า แต่ตอนนี้กลับจวนไปพักเถิดเจ้าค่ะ”“อืม ไปกันเถิด พวก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-05
  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 7 พักฟื้นก่อนเริ่มงาน

    ภายหลังพาเหล่าทาสที่ซื้อมาถึงจวน จ้าวจางหมิ่นให้สาวใช้ทั้งสองคน ช่วยกันหุงหาอาหารสำหรับสมาชิกใหม่ ซึ่งยามนี้พวกเขายังคงอ่อนแรง แม้จะพยายามทำให้นางเห็นว่าเข้มแข็งก็ตาม นางรอจนกระทั่งพ่อบ้านกับทาสอีกสามคนกลับมา และแจกจ่ายเสื้อผ้าให้ทุกคนเรียบร้อยแล้ว จึงได้พูดคุยในสิ่งที่ตั้งใจเอาไว้“เอาล่ะ ตอนนี้พวกท่านทุกคนก็มาอยู่ในจวนของข้าแล้ว ตัวข้ามีนามว่าจ้าวจางหมิ่น สาวใช้ทั้งสองมีชื่อว่าหนิงอวี่และฮุยอินอย่างที่พวกท่านเห็นว่า จวนของข้ามีขนาดกลางลำพังเด็กและสตรีสองคนไม่อาจดูแลได้ทั่วถึง นอกจากนี้ข้ายังต้องทำการค้า ถึงได้ตัดสินใจไปซื้อตัวพวกท่านมา” จ้าวจางหมิ่นหยุดพูดเมื่อเห็นว่ามีคนอยากถามบางอย่าง“เอ่อ ทำไมคุณหนูจ้าวถึงเลือกเฉพาะพวกข้า ที่มีวรยุทธ์ทั้งหมดเล่าขอรับ แม้แต่คนที่จะทำหน้าที่พ่อบ้านยังมีวรยุทธ์ไม่ธรรมดา”“ที่ข้าเลือกพวกท่านทุกคน เพราะมองเห็นถึงความซื่อสัตย์ สตรีคอยดูแลรับผิดชอบภายในเรือน พ่อบ้านความหมายย่อมบ่งบอกอยู่แล้ว ส่วนพวกท่านหลังจากรักษาตัวจนหาย มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยและทำสินค้าไว้สำหรับนำไปขาย ในอนาคตอันใกล้ข้าจะมีร้านเป็นของตนเอง จากนั้นจะมีการค้าชนิดใหม่เพิ่มขึ้นอีกมากม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-06
  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 8 สอนลูกจ้างทำลูกชิ้น

    ก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน ในคืนแรกของการได้รับอิสระห้าวเหลียงได้หารือกับคนอื่น ๆ เกี่ยวกับหน้าที่ต่าง ๆ ที่ต้องทำในแต่ละวัน พวกเขาได้ข้อสรุปที่ตรงกันก็คือ การเรียนรู้ทำสินค้าของจ้าวจางหมิ่นจะทำร่วมกัน เผื่อวันใดวันหนึ่งคนในกลุ่มไม่อยู่ พวกเขาสามารถทำแทนกันได้โดยเฉพาะเหว่ยหงกับเสียอี้สองคนนี้ เคยทำงานในสำนักคุ้มภัยมาก่อน ในอนาคตหากการค้าของเจ้านายขยายไปต่างเมือง ทั้งสองจะเป็นกำลังหลักสำหรับการส่งสินค้าทันที ดังนั้นห้าวเหลียงและทุกคนจึงลงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันเมื่อได้กินอิ่มท้องและพักผ่อนเต็มที่ ทำให้สมาชิกใหม่ของจวนตระกูลจ้าว พร้อมใจกันตื่นตั้งแต่ยามเหม่า และเป็นเวลาที่จ้าวจางหมิ่นเตรียมออกไปขายของเช่นทุกวัน ห้าวเหลียงเห็นอุปกรณ์บนรถเข็น ก็รู้สึกเห็นใจสาวใช้ของจ้าวจางหมิ่น ที่เป็นสตรีรูปร่างบอบบาง แต่กลับต้องมายกข้าวของที่มีน้ำหนักมากเช่นนี้ จึงให้เป่าเฟิงกับจงเหลียนช่วยเข็นไปที่ตลาดแทน คนที่เหลือก็คิดไม่ต่างจางห้าวเหลียงนัก“พ่อบ้าน อย่าหาว่าข้าสอดรู้สอดเห็นไม่เข้าเรื่องเลย คนในครอบครัวของคุณหนูหายไปที่ใดหมด ถึงปล่อยให้เด็กที่ควรได้วิ่งเล่น ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำงานหาเงินเช่นน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-06
  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 9 ภูมิหลังของเจ้านายตัวน้อย

    ลูกจ้างของจ้าวจางหมิ่นต่างตื่นตาตื่นใจ สำหรับเครื่องมือที่นางได้สอนพวกเขา แต่ละคนคิดว่านี่คือสิ่งที่อัศจรรย์มาก และขั้นตอนการทำมิได้ยุ่งยากเลยสักนิด พอทำจนถึงขั้นตอนสุดท้ายนำลูกชิ้นสะเด็ดน้ำ ก็มานั่งช่วยกันเสียบลูกชิ้นไม้ละห้าลูก ซึ่งเป็นลูกขนาดพอดีไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป แค่ให้สมกับราคาที่ตั้งเอาไว้เท่านั้นก็พอเนื่องจากครั้งทดลองทำและได้ลูกชิ้นถึงเจ็ดร้อยไม้ จ้าวจางหมิ่นจึงให้นำเตามาย่างลูกชิ้นหนึ่งร้อยไม้ เพื่อให้ทุกคนได้ชิมฝีมือของตนเอง ดังนั้นในยามอู่อาหารมื้อเที่ยงจึงเป็นลูกชิ้นปิ้ง และไม่ลืมให้เป้ยอิงแบ่งใส่จาน นำไปให้กับคนสนิทของเสิ่นหนิงเทียนที่เรือนเล็กด้วยนับตั้งแต่ได้เรียนวิธีการทำลูกชิ้น จ้าวจางหมิ่นได้มอบเงินให้ห้าวเหลียงจำนวนหนึ่ง สำหรับให้แม่ครัวหงชิงใช้ซื้อวัตถุดิบทำอาหาร และซื้อเนื้อหมูสำหรับทำลูกชิ้นไว้รอจ้าวจางหมิ่นเสมอ แต่เรื่องที่พวกห้าวเหลียงได้พูดคุยไว้ ก็เป็นหยางไห่ที่ออกไปสืบหาข้อมูล เกี่ยวกับครอบครัวของเจ้านายและเขาก็เลือกมาถูกที่เสียด้วยหน้าจวนเจ้าเมืองที่ปิดประตูเอาไว้ ยังคงมีทหารผลัดเปลี่ยนมาคอยดูแล เพื่อป้องกันมิให้มีใครฉวยโอกาส เข้าไปอยู่อาศัยจนทำให้เร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 10 ชิมยำวุ้นเส้นรสแซ่บ

    เนื่องจากวัตถุดิบมีหลายอย่าง จ้าวจางหมิ่นจึงให้ฮุยอินไปตามพ่อบ้าน และคนอื่นมาช่วยเพื่อนำไปเก็บที่ห้องเสบียง โดยแบ่งส่วนหนึ่งไว้สำหรับทำเป็นมื้อเย็น แม้จะรู้สึกแปลกใจว่าสิ่งของเหล่านี้ มาอยู่ในห้องของเจ้านายพวกตนได้อย่างไร แต่นั่นเป็นคำถามที่ต้องเก็บไว้ในใจเท่านั้นเมื่อเลือกที่จะซื่อสัตย์ภักดีกับจ้าวจางหมิ่นแล้ว ถึงจะอยากรู้ถ้าเจ้านายไม่บอกด้วยตนเอง พวกเขาไม่สมควรก้าวก่าย พ่อบ้านห้าวและเพ่ยตงที่มาช่วยยกของ จึงทำเพียงหน้าที่ของตนเท่านั้นจ้าวจางหมิ่นเดินตามทุกคนไปถึงห้องครัว เพื่ออธิบายถึงวัตถุดิบทั้งหมดว่าใช้สำหรับทำอะไร รวมถึงบอกว่าจะสอนแม่ครัวหงชิงหรือคนอื่น ๆ ที่สนใจอยากทำอาหารชนิดนี้เป็น เผื่อวันใดอยากกินจะได้ลงมือทำด้วยตนเองได้ทันที ไม่ต้องร้องขอให้แม่ครัวหงชิงทำให้“คุณหนูเจ้าคะ ของพวกนี้จะใช้ทำอาหารชนิดใดหรือเจ้าคะ บ่าวไม่เคยเห็นผักที่เป็นหัวหรือเจ้าลูกสีแดงนี่มาก่อนเลยเจ้าค่ะ” แม่ครัวหงชิงมองผักที่นางไม่รู้จัก เพราะตั้งแต่เล็กจนโตนางรู้จักอยู่ไม่กี่อย่าง“อ้อ วัตถุดิบที่ทุกคนเห็นตรงหน้าทั้งหมด คือส่วนประกอบของอาหารชนิดใหม่ ที่ข้าจะทำให้ลองชิมก่อนจะทำขายเจ้าค่ะ” จ้าวจางหมิ่นตอบ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 11 สั่งสอนครอบครัวเห็นแก่ตัว

    และแล้วก็ถึงวันหยุดที่จ้าวจางหมิ่นได้พูดไว้ ซึ่งวันนี้นางจะไปยังหมู่บ้านหลิ่วซู่ของหนิงอวี่ ที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองเหอเฟยมากนัก นั่งรถม้าไปเพียงสองเค่อก็ถึงหมู่บ้านแห่งนี้แล้วครั้งนี้จ้าวจางหมิ่นให้เหล่ยหง เสียอี้และซีหยุนติดตามไปดูแล ด้านหนิงอวี่ดีใจที่จะได้กลับไปเยี่ยมครอบครัว แม้ไม่รู้ว่าพวกเขาจะยินดียามที่เห็นตนเองหรือไม่ แต่หนิงอวี่ยังมีใจซื้อข้าวสารอาหารแห้ง รวมถึงผ้าอีกหนึ่งพับไปเป็นของฝากส่วนจ้าวจางหมิ่นไม่ได้แต่งกายหรูหราอันใด นางสวมใส่ชุดสำหรับเด็กทั่วไปเพียงแค่เนื้อผ้า อาจจะดูดีกว่าเล็กน้อยเท่านั้น เพราะนางไม่คิดว่าจะต้องแต่งกายไปอวดผู้ใดก่อนจะออกเดินทางจ้าวจางหมิ่นไม่ลืมกำชับพ่อบ้านห้าว เรื่องของคนที่พักอยู่ในเรือนเล็ก “ลุงพ่อบ้านข้าฝากดูแลคุณชายเสิ่นด้วยนะเจ้าคะ หากเขาต้องการสิ่งใดเพิ่มเติมก็จัดหาให้ ไม่เกินยามเซินพวกข้าก็กลับมาแล้วล่ะ”“ขอรับ บ่าวจะดูแลคุณชายเสิ่นเป็นอย่างดีขอรับ เหล่ยหงพวกเจ้าสามคนดูแลคุณหนูให้ดีเล่า อย่าให้เกิดเรื่องไม่ดีกับคุณหนูเป็นอันขาด”“พ่อบ้านวางใจเถิด หากใครกล้าคิดทำร้ายคุณหนูล่ะก็ รับรองพวกมันไม่มีโอกาสได้ร้องขอความเมตตาแน่”“น้าเหล่ยหงไปกันเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 12 ร้านค้าแรกของตระกูลจ้าว

    ระหว่างนั่งรถม้ากลับเข้าเมือง จ้าวจางหมิ่นยังโมโหไม่หาย เมื่อเห็นใบหน้าของหนิงอวี่เริ่มเห็นรอยนิ้วมือชัดเจนขึ้น “ฮึ่ย! ข้าไม่น่าให้น้าเหล่ยหงสั่งสอนแค่นั้นเลยจริง ๆ พี่หนิงอวี่จากนี้ไปท่านสนใจแค่ตัวเองก็พอ ตัดครอบครัวเช่นนั้นออกไปจากชีวิตเถิดเจ้าค่ะ อย่างไรเสียก็มีข้ากับทุกคนเป็นครอบครัว ภายหน้าท่านต้องแต่งงานมีคู่ชีวิตที่ดีได้แน่”“บ่าวจะมีครอบครัวได้อย่างไรเจ้าคะ คุณหนูยังไม่ถึงวัยปักปิ่นเลยด้วยซ้ำ รอคุณหนูปักปิ่นเมื่อใดบ่าวค่อยแต่งงานเจ้าค่ะ หากคนรักของบ่าวรับข้อนี้ไม่ได้ ก็แค่ไม่แต่งและอยู่ดูแลคุณหนูจนแก่ รอเลี้ยงคุณชายน้อยคุณหนูน้อยก็ไม่เป็นอันใดนะเจ้าคะ” หนิงอวี่คิดเอาไว้เช่นนั้นจริง ๆ“บ่าวก็คิดแบบเดียวกับหนิงอวี่เจ้าค่ะ แม้จะแต่งงานแล้วเราสองคนก็จะติดตามคุณหนูเช่นเดิม ไม่มีทางแยกไปสุขสบายไม่สนใจคุณหนูได้อย่างไรเจ้าคะ” ฮุยอินเคยพูดคุยเรื่องนี้กับหนิงอวี่อยู่บ้าง“อืม ก็ดีเหมือนกันนะไว้ข้าสร้างกิจการให้มั่นคง ค้าขายมีกำไรร่ำรวยเป็นเศรษฐีนีมีเงินเหลือกินเหลือใช้ จะมอบเป็นสินเดิมเจ้าสาวให้พวกพี่สองคนก็แล้วกันนะเจ้าคะ อิ อิ” จ้าวจางหมิ่นพิจารณาสิ่งที่สาวใช้พูดมา ก็เห็นจะจริงนางยังเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-08
  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 13 หากมีวาสนาคงได้พบกันอีก

    เมื่อกลับมาถึงจวนจ้าวจางหมิ่นขอแยกกลับเรือนตนเอง โดยไม่ลืมให้พ่อบ้านห้าวบอกทุกคน ไปรวมตัวกันที่ห้องครัวรอนาง พ่อบ้านห้าวรับคำยังไม่ทันหันหลังกลับ จงเหลียนที่ยืนอยู่ด้วยกันกลับหายตัวไปก่อนแล้ว ด้วยความตื่นเต้นที่จ้าวจางหมิ่นจะสอนทำอาหารจ้าวจางหมิ่นนั่งคิดมาในรถม้าระหว่างกลับจวน ว่านางจะทำสิ่งใดเพิ่มอีกพอคิดไปคิดมา ก็คิดถึงอาหารที่ชอบขึ้นมาได้ และมันยังเป็นวิธีการถนอมอาหารอย่างหนึ่งเช่นกัน นั่นก็คือแหนมซี่โครงหมูและสามชั้นต้มจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ด แค่จ้าวจางหมิ่นคิดก็เริ่มน้ำลายสอเสียเองพอเข้ามาในห้องไม่พูดพร่ำทำเพลง สาวใช้ยังไม่ทันได้เอ่ยถามเรื่องร้านค้า จ้าวจางหมิ่นกลับเรียกหาระบบทันที “ระบบข้าต้องการซื้อสินค้ากับเจ้า”[ติ๊ง ระบบออนไลน์ขั้นเทพยินดีให้บริการ ไม่ทราบว่าท่านต้องการซื้อสินค้าชนิดใด จากโลกไหนบ้างกรุณาแจ้งต่อระบบได้เลย]“ข้าต้องการซี่โครงหมูหนึ่งร้อยชั่ง สามชั้นมันน้อยหนึ่งร้อยชั่ง ข้าวเหนียวหนึ่งร้อยชั่ง กระเทียม น้ำปลา มะนาว พริกขี้หนู ผักชี ผักกาดขาว ผักสลัด ขิงดอง อย่างละห้าสิบจิน และใบเซียงเจียวพร้อมเชือกป่าน จำนวนหนึ่งร้อยพับนะระบบ”[ตกลง รายการสินค้าที่ท่านต้องการ ระบบจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-08

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 20 ซื้อจวนทำที่เก็บสินค้า

    ภายหลังเสร็จสิ้นการแจกอาหารในวันเกิดแล้ว จ้าวจางหมิ่นให้หลิวฉีพาไปดูจวนหลังดังกล่าว ที่เจ้าของปิดป้ายประกาศขายจวนไว้ ซึ่งมีบ่าวไพร่อยู่ดูแลที่นี่สองคน เพื่อรอให้ขายจวนเรียบร้อยถึงจะตามเจ้านายไปทีหลังกันพ่ายกับกันเตี้ยวสองพี่น้องที่อาสาเฝ้าจวน ได้ยินเสียงเคาะประตูจวนจึงชวนกันออกมาดู กันพ่ายเห็นแขกสี่คนยืนอยู่จึงถามออกไป “เอ่อ ไม่ทราบว่าพวกท่านมาเรื่องซื้อขายจวนใช่หรือไม่ขอรับ?”หลิวฉีทำหน้าที่แทนจ้าวจางหมิ่นในการตอบคำถาม “ใช่แล้วน้องชาย คุณหนูของข้าอยู่จวนหลังติดกันกับจวนหลังนี้ และสนใจอยากซื้อจวนไว้จึงต้องการมาดูด้านในจวนเสียก่อน หากคุณหนูถูกใจก็มาคุยเรื่องราคา พวกเจ้าพอจะพาคุณหนูของข้าเดินชมจวนได้ไหม”กันเตี้ยวได้ยินเช่นนั้นก็หูผึ่งทันที เพราะถ้าขายจวนได้เร็วก็ไม่ต้องอยู่ที่นี่อีก “ได้สิขอรับ เชิญคุณหนูตามพวกข้าเข้าไปดูเรือนทุกหลังเถิด รับรองว่าคุณหนูต้องชอบจวนหลังนี้ขอรับ”จ้าวจางหมิ่นทำเพียงพยักหน้าตอบ และเดินตามสองพี่น้องไปด้านใน ไล่ตั้งแต่โถงรับรองติดเรือนใหญ่ ไปจนถึงเรือนหลักเล็กสำหรับเหล่าอนุ พื้นที่ทั้งหมดดูกว้างขวางกว่าเรือนของนางเล็กน้อยจ้าวจางหมิ่นคิดว่าจะเก็บเรือนใหญ่เอา

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 19 การเติบโตที่น่าชื่นชม

    หลังจากวันที่ทำสัญญาการค้า นายท่านหลี่จัดการเรื่องสินค้าแล้วเสร็จ จึงได้พาหลี่ลู่เหอไปพบจ้าวจางหมิ่นที่จวน ทั้งสองคนนอกจากได้ทานอาหารและของว่างที่อร่อย ยังได้เห็นวิธีทำลูกชิ้นก่อนคนของตนจะมาร่ำเรียนสิ่งนี้ เมื่อได้เห็นการทำงานของเครื่องมือสองชิ้นนี้ นายท่านหลี่ยิ่งดีใจที่ตนคิดถูก เรื่องมาเจรจาการค้ากับจ้าวจางหมิ่นเมื่อถึงกำหนดต้องกลับเมืองเชาหู สองพ่อลูกยังได้อาหารไว้ทานระหว่างวัน จากจวนตระกูลจ้าวอีกเล็กน้อย ภายหลังนายท่านหลี่กลับไปได้ไม่นาน คนจากตระกูลหลี่ก็ถือจดหมายมาพบจ้าวจางหมิ่น และการเรียนวิธีทำลูกชิ้นจึงเริ่มขึ้น พวกเขาเรียนรู้ได้รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ พอมั่นใจแล้วว่าทุกอย่างไม่มีปัญหา ทั้งคนทั้งเครื่องมือสองชิ้นนี้ก็เดินทางกลับเมืองเชาหูพวกเหล่ยหงที่ออกเดินทางจากเมืองหลวง ภายหลังพาเสิ่นหนิงเทียนไปส่งถึงจวนเสิ่นอันโหว ก็เดินทางกลับมาถึงเมืองเหอเฟยเมื่อผ่านไปเกือบสามเดือน และนำของตอบแทนจากเสิ่นอันโหว ซึ่งเป็นตำลึงทองรวมถึงหีบใบชาชั้นดีขึ้นชื่อของเสิ่นฮูหยิน จ้าวจางหมิ่นไม่คิดว่าครอบครัวของเสิ่นหนิงเทียน จะมอบของตอบแทนมีราคากลับมาให้นางภารกิจใหญ่ครั้งแรกสำเร็จลุล่วงด้วยดี ทำใ

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 18 คู่ค้าและสหายจากต่างแคว้น

    ระหว่างสองวันที่พวกเหล่ยหงพักอยู่ในโรงเตี๊ยมชุ่ยฮวา มีคนในเมืองหลวงไม่น้อยที่แอบเมียงมองไปที่รถม้า เนื่องจากมันดูงดงามแปลกตาจากรถม้าทั่วไป จนกลายเป็นที่กล่าวถึงอย่างรวดเร็ว ไม่แพ้ข่าวของเสิ่นหนิงเทียนเลยสักนิดเมื่อถึงวันออกเดินทางกลับเมืองเหอเฟย อวี่หรงได้มาเชิญเหล่ยหงกับพวกไปที่จวนเสิ่นอันโหว เพื่อนำของตอบแทนจากเจ้าตระกูล ไปมอบให้กับจ้าวจางหมิ่น เหล่ยหงคิดว่าคงเป็นของตอบแทนเล็กน้อย แต่ผิดคาดมันเป็นหีบขนาดใหญ่ถึงสามหีบ และหีบขนาดเล็กอีกหนึ่งหีบซึ่งผู้ที่ออกมาส่งมอบของตอบแทนในครั้งนี้ ก็คือเสิ่นอันโหวและเสิ่นหนิงเทียน “เจ้าคงเป็นเหล่ยหงที่บุตรชายข้าพูดถึงกระมัง ขอบใจพวกเจ้าทุกคนมากที่ดูแลบุตรชายของข้าเป็นอย่างดี และฝากขอบใจคุณหนูจ้าวผู้ที่ช่วยบุตรชายผู้นี้ของข้า ออกมาจากสถานที่อัปมงคลเช่นนั้น หีบที่พวกเจ้าเห็นอยู่คือน้ำใจจากตระกูลเสิ่น วันหน้าหากมีเรื่องเดือดร้อนอันใด พวกข้ายินดียื่นมือให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่แน่นอน”เหล่ยหงที่ถูกกล่าวถึงทำความเคารพเสิ่นอันโหว “ข้าน้อยเหล่ยหงคารวะเสิ่นอันโหวขอรับ สิ่งของเหล่านี้ข้าจะนำไปมอบให้ถึงมือคุณหนู หวังว่าวันหน้าที่ได้พบกันคุณชายเสิ่นจะแข็

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 17 ยอมรับความผิดพลาด

    เช้าวันถัดมาจากกลุ่มเดินทางไม่กี่คน ยามนี้เปลี่ยนเป็นขบวนเดินทางที่ใหญ่ขึ้น เนื่องจากมีองครักษ์ของตระกูลเสิ่น มาช่วยคุ้มกันบุตรชายของเจ้านายพวกเขา เพื่อพาไปถึงเมืองหลวงโดยไร้ซึ่งบาดแผลภายหลังกำจัดกลุ่มของจิ้งหยิ่งได้ ขบวนของเสิ่นหนิงเทียนก็มิได้สนใจอันใดอีก ทั้งหมดเร่งเดินทางให้เร็วขึ้นกว่าเดิม เพราะต้องการหลีกเลี่ยงสายตาคนของเสนาบดีเจาเต๋อหมิงนั่นเอง หลังจากการเดินทางเกือบสามเดือน ท่ามกลางภูเขาและแม่น้ำที่ผ่านตา ยามนี้เสิ่นหนิงเทียนจับจ้องไปที่เส้นขอบฟ้า ที่เริ่มปรากฏเป็นภาพของเมืองหลวงอันยิ่งใหญ่ตรงหน้า กำแพงเมืองสูงใหญ่ปกคลุมไปด้วยแสงสีทองจากดวงอาทิตย์ที่ใกล้ตกดิน ตัวกำแพงหนาที่แข็งแกร่งมีผู้คนบางตา ด้วยใกล้ถึงเวลาปิดประตูเมืองเข้ามาเต็มทีเมื่อต้องถูกตรวจค้นก่อนเข้าเมือง เฉิงตงจึงอ้างว่าด้านในรถม้าที่สวยแปลกตานี้ เป็นญาติของฮูหยินเสิ่นอันโหว ซึ่งได้เดินทางมาเยี่ยมเยียนก่อนถึงงานปีใหม่ พอเห็นว่าเป็นเด็กหนุ่มเพียงสามคน ทหารยามก็มิได้คิดอันใดมากนัก ทุกคนผ่านเข้าเมืองหลวงได้อย่างสบายใจ จนกระทั่งรถม้าหยุดลงด้านหน้าจวนอันใหญ่โตโออ่า ที่บนป้ายเขียนชื่อเอาไว้อย่างชัดเจน“น้าเหล่ย

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 16 พบเจอศัตรูบนทางแคบ

    ผ่านมาเกือบสองเดือนแล้วกับการเปิดร้านอาหาร ไม่มีวันไหนที่ลูกค้าไม่นั่งทานเต็มร้าน บางคนถึงกับนำเถาใส่อาหารติดตัวมาเพื่อซื้อกลับไปฝากคนในครอบครัวของตน แม้แต่แขกที่เข้าพักในโรงเตี๊ยมของเถ้าแก่เย่ ยังอยากซื้อไปกินระหว่างเดินทางเมื่อทุกอย่างของร้านอาหารลงตัวแล้ว ทุกคนจึงขอให้จ้าวจางหมิ่นอยู่พักผ่อนที่จวน หากต้องการไปที่ร้านสามสี่วันไปหนึ่งครั้งก็พอ เพราะพวกเขาอยากให้จ้าวจางหมิ่น ได้ใช้เวลาเป็นส่วนตัวมากขึ้น และได้ยินว่าเจ้านายกำลังคิดจะส่งสินค้าไปต่างเมืองการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นอิสระ จากตระกูลที่มีความเชื่อผิด ๆ ของจ้าวจางหมิ่นเป็นไปอย่างมีความสุข ทั้งเจ้านายและลูกจ้างทั้งหลาย แต่การเดินทางของเสิ่นหนิงเทียน กลับต้องพบเจอปัญหากลางทาง เมื่อเหลืออีกสี่หัวเมืองก็จะถึงเมืองหลวงอยู่แล้วเสียอย่างนั้นกลางภูเขาเฟิงซานรถม้าคันใหญ่งดงาม ซึ่งกลุ่มเดินทางเล็ก ๆ ของเสิ่นหนิงเทียน มาถึงบริเวณนี้ใกล้จะเข้ากลางยามเซินไปทุกที เหล่ยหงจึงส่งสัญญาณให้สหายหยุดรถม้า “เสียอี้เจ้าไปดูที่โล่งด้านหน้าเสียหน่อย ว่าสามารถใช้เป็นที่พักสำหรับคืนนี้ได้หรือไม่”“ได้ข้ากับหยางไห่จะไปดูเพื่อความปลอดภัย” เสียอี้พูดแล

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 15 เปิดร้านวันแรกก็ได้คู่ค้าทันที

    หลังจากที่ส่งเสิ่นหนิงเทียนออกเดินทาง จ้าวจางหมิ่นและลูกจ้างอีกที่เหลือ จึงไปช่วยกันทำความสะอาดร้านค้า พร้อมกับนำอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่าง นำมาจัดวางให้เข้าที่เข้าทางภายในร้าน ชั้นสองของร้านมีห้องส่วนตัวสองห้อง จ้าวจางหมิ่นนำวัสดุออกมาตกแต่งจนงดงาม โต๊ะเก้าอี้ที่สีซีดก็นำมาทาสีเสียใหม่ส่วนแม่ครัวหงชิงกับสาวใช้ที่เหลือ จ้าวจางหมิ่นให้อยู่ที่จวนและทำแหนมซี่โครงหมูเพิ่ม โดยไม่ลืมให้พวกนางแยกตะกร้าเอาไว้ ว่าตะกร้าไหนทำก่อนหรือหลังเพื่อง่ายต่อการนำไปขายที่ร้าน ทุกคนร่วมแรงร่วมใจทำงานอย่างขยันขันแข็งจ้าวจางหมิ่นไม่ได้จ้างใครมาทำงานเพิ่ม เนื่องจากแค่ลูกจ้างที่มีอยู่ตอนนี้ ก็สามารถช่วยกันทำงานได้ แต่ต่อไปก็ไม่แน่หากกิจการทำเงินได้ดี นางอาจจะหาลูกจ้างมาเพิ่มและให้คนอื่น ๆ ถอนตัวเพื่อไปช่วยจัดการกิจการใหม่ ๆ ในอนาคต และก่อนจะถึงวันเปิดร้านหนึ่งวัน จ้าวจางหมิ่นได้ให้พ่อบ้านห้าวกับหมิงเช่อ ไปซื้อเสื้อผ้ามาให้ทุกคนเพิ่มอีกคนละสองชุด เพราะพวกเขาต้องมีเสื้อผ้าผลัดเปลี่ยนทุกวันพ่อบ้านห้าวเป็นตัวแทนของทุกคนพูดกับจ้าวจางหมิ่น “ขอบคุณคุณหนูที่ใส่ใจพวกเราขอรับ"“อย่าพูดเช่นนั้นเลยเจ้าค่ะ นี่ยัง

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 14 จดหมายถึงบิดา

    กลางดึกของคืนวันเดียวกันนั้น จ้าวจางหมิ่นได้เลือกซื้อข้าวสารอาหารแห้ง ยาชนิดต่าง ๆ สำหรับสามคน ที่สำคัญนางไม่ลืมซื้อรถม้าเพิ่ม ซึ่งมันเป็นรถม้าที่คันใหญ่กว่าเดิม โดยใช้ม้าตัวใหญ่แข็งแรงถึงสามตัว เนื่องจากรถม้าคันนี้เสิ่นหนิงเทียนกับคนสนิท สามารถนอนพักระหว่างเดินทางได้สบาย จ้าวจางหมิ่นยังไม่ลืมซื้อกระโจมที่กางง่าย มอบให้เหล่ยหงเพิ่มเพราะไม่อยากให้ใครต้องนอนตากยุงนั่นเองต้นยามเหม่าคนที่รับหน้าที่คุ้มกันเสิ่นหนิงเทียน ก็มาพบจ้าวจางหมิ่นที่เรือนเพื่อรับสิ่งของที่จำเป็น ก็รู้สึกแปลกตามากแล้ว แต่พอได้เห็นรถม้าคันใหม่ยิ่งทำให้ตาโตเป็นไข่ห่าน พวกเขาต่างหยิกแขนตบหน้าตนเอง เพราะคิดว่ากำลังอยู่ในความฝันเสียอี้ลูบแขนตนเองไปมาและถามอย่างไม่เชื่อ กับสิ่งที่เห็นตรงหน้ากับเหล่ยหง “พะ พะ พี่เหล่ยหงนี่มันใช่รถม้าจริง ๆ รึ ข้าไม่เคยเห็นรถม้าเช่นนี้มาก่อน”“คุณหนูเป็นคนซื้อมาก็ต้องใช่รถม้าแล้วล่ะ อึก แต่ข้าไม่อยากนึกถึงราคาของมันเลยนะเสียอี้”“ใช่เจ้าคนเดียวที่ไหนเสียอี้ พวกข้าก็ไม่เคยเห็นมาก่อนเช่นกัน แต่ข้าคิดว่ามันงดงามกว่ารถม้าของเชื้อพระวงศ์เสียอีกนะ พวกเจ้าคิดเช่นเดียวกับข้าหรือไม่” หยางไห่ที่ตะล

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 13 หากมีวาสนาคงได้พบกันอีก

    เมื่อกลับมาถึงจวนจ้าวจางหมิ่นขอแยกกลับเรือนตนเอง โดยไม่ลืมให้พ่อบ้านห้าวบอกทุกคน ไปรวมตัวกันที่ห้องครัวรอนาง พ่อบ้านห้าวรับคำยังไม่ทันหันหลังกลับ จงเหลียนที่ยืนอยู่ด้วยกันกลับหายตัวไปก่อนแล้ว ด้วยความตื่นเต้นที่จ้าวจางหมิ่นจะสอนทำอาหารจ้าวจางหมิ่นนั่งคิดมาในรถม้าระหว่างกลับจวน ว่านางจะทำสิ่งใดเพิ่มอีกพอคิดไปคิดมา ก็คิดถึงอาหารที่ชอบขึ้นมาได้ และมันยังเป็นวิธีการถนอมอาหารอย่างหนึ่งเช่นกัน นั่นก็คือแหนมซี่โครงหมูและสามชั้นต้มจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ด แค่จ้าวจางหมิ่นคิดก็เริ่มน้ำลายสอเสียเองพอเข้ามาในห้องไม่พูดพร่ำทำเพลง สาวใช้ยังไม่ทันได้เอ่ยถามเรื่องร้านค้า จ้าวจางหมิ่นกลับเรียกหาระบบทันที “ระบบข้าต้องการซื้อสินค้ากับเจ้า”[ติ๊ง ระบบออนไลน์ขั้นเทพยินดีให้บริการ ไม่ทราบว่าท่านต้องการซื้อสินค้าชนิดใด จากโลกไหนบ้างกรุณาแจ้งต่อระบบได้เลย]“ข้าต้องการซี่โครงหมูหนึ่งร้อยชั่ง สามชั้นมันน้อยหนึ่งร้อยชั่ง ข้าวเหนียวหนึ่งร้อยชั่ง กระเทียม น้ำปลา มะนาว พริกขี้หนู ผักชี ผักกาดขาว ผักสลัด ขิงดอง อย่างละห้าสิบจิน และใบเซียงเจียวพร้อมเชือกป่าน จำนวนหนึ่งร้อยพับนะระบบ”[ตกลง รายการสินค้าที่ท่านต้องการ ระบบจ

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 12 ร้านค้าแรกของตระกูลจ้าว

    ระหว่างนั่งรถม้ากลับเข้าเมือง จ้าวจางหมิ่นยังโมโหไม่หาย เมื่อเห็นใบหน้าของหนิงอวี่เริ่มเห็นรอยนิ้วมือชัดเจนขึ้น “ฮึ่ย! ข้าไม่น่าให้น้าเหล่ยหงสั่งสอนแค่นั้นเลยจริง ๆ พี่หนิงอวี่จากนี้ไปท่านสนใจแค่ตัวเองก็พอ ตัดครอบครัวเช่นนั้นออกไปจากชีวิตเถิดเจ้าค่ะ อย่างไรเสียก็มีข้ากับทุกคนเป็นครอบครัว ภายหน้าท่านต้องแต่งงานมีคู่ชีวิตที่ดีได้แน่”“บ่าวจะมีครอบครัวได้อย่างไรเจ้าคะ คุณหนูยังไม่ถึงวัยปักปิ่นเลยด้วยซ้ำ รอคุณหนูปักปิ่นเมื่อใดบ่าวค่อยแต่งงานเจ้าค่ะ หากคนรักของบ่าวรับข้อนี้ไม่ได้ ก็แค่ไม่แต่งและอยู่ดูแลคุณหนูจนแก่ รอเลี้ยงคุณชายน้อยคุณหนูน้อยก็ไม่เป็นอันใดนะเจ้าคะ” หนิงอวี่คิดเอาไว้เช่นนั้นจริง ๆ“บ่าวก็คิดแบบเดียวกับหนิงอวี่เจ้าค่ะ แม้จะแต่งงานแล้วเราสองคนก็จะติดตามคุณหนูเช่นเดิม ไม่มีทางแยกไปสุขสบายไม่สนใจคุณหนูได้อย่างไรเจ้าคะ” ฮุยอินเคยพูดคุยเรื่องนี้กับหนิงอวี่อยู่บ้าง“อืม ก็ดีเหมือนกันนะไว้ข้าสร้างกิจการให้มั่นคง ค้าขายมีกำไรร่ำรวยเป็นเศรษฐีนีมีเงินเหลือกินเหลือใช้ จะมอบเป็นสินเดิมเจ้าสาวให้พวกพี่สองคนก็แล้วกันนะเจ้าคะ อิ อิ” จ้าวจางหมิ่นพิจารณาสิ่งที่สาวใช้พูดมา ก็เห็นจะจริงนางยังเ

DMCA.com Protection Status