ฤดูร้อนของหมู่บ้านซีสุ่ย อากาศร้อนจนทนไม่ไหวซูหวั่นตื่นขึ้นมาท่ามกลางเสียงร้องไห้ รู้สึกราวกับว่าเนื้อตัวถูกอะไรกดทับเอาไว้ ลำคอแสบร้อนไปหมด และปลายจมูกก็เต็มไปด้วยกลิ่นราจากผ้าห่มนางนอนอยู่บนกระดานไม้แข็ง ซึ่งแค่ขยับตัวก็จะมีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดออกมา และดูเหมือนว่ากระดานไม้จะรับน้ำหนักเอาไว้ไม่ไหวจ
รับอัดตำลึงมาโดยไม่ถามนางสักคำ และยังคิดที่จะเอาปัญหาทั้งหมดมาลงที่พวกนางอีกช่างเป็นการคํานวณที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!แม่เฒ่าเซี่ยงมองมายังซูหวั่นอย่างไม่เชื่อ เพราะปกติแล้วหลานสาวของนางเป็นเด็กที่หัวอ่อนมาโดยตลอด แม้แต่การกระโดดน้ำฆ่าตัวตายเมื่อวานนี้ก็เพราะถูกบังคับจนไม่มีทางเลือก แต่ไหงวันนี้กลับตะโกน
นางจางและนางหวางรีบปล่อยมือออกจากตัวนางหลี่ เพราะหลี่เจิ้งกำลังเดินเข้ามาจากนั้นนางหลี่ก็รีบกระโจนเข้าไปอยู่ข้างๆซูหวั่นโดยแทบไม่ต้องคิดอะไร นางปกป้องซูหวั่นเอาไว้ แล้วพูดทั้งน้ำตาที่พร่ามัวออกมาว่า“ข้าต่างหากที่เป็นแม่ของอาหวั่น ข้าไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานในครั้งนี้หรอกนะ!”แม่เฒ่าเซี่ยงผ่อนลมหายใ
ซึ่งพวกนางจะไม่ยอมรับเรื่องสกปรกๆแบบนี้อย่างเด็ดขาด!เหล่าบรรดาผู้คนที่มามุงดูต่างก็รับรู้นิสัยใจคอของแม่เฒ่าเซี่ยงเป็นอย่างดี และแววตาก็เผยการเยาะเย้ยถากถางออกมาอย่างชัดเจนแม่เฒ่าเซี่ยงยังคงหน้าด้านหน้าทน พร้อมกับพูดด้วยไหวพริบที่ฉับไวขึ้นมาว่า“เจ้าทำร้ายลุงสามจนบาดเจ็บ เงินห้าตำลึงนั่นก็ถือว่าเป็
ในห้องทางทิศตะวันออก ซูหวั่นนอนพิงอยู่บนเตียงอิฐไฟ โดยภายใต้ผ้าห่มสีเทายังมีฟางแห้งรองเอาไว้อีกหนึ่งชั้นโดยที่นางหลี่ได้นั่งอยู่บนขอบเตียงพร้อมกับดึงผ้ามาห่มให้กับนางด้วยความห่วงใย ซึ่งนางก็ยังจำได้ว่าก่อนหน้านี้ซูหวั่นได้บ่นบอกว่าหิว“อาหวั่น แม่จะไปทำกับข้าวนะ ประเดี๋ยวจะเอาโจ๊กมาให้เจ้า”ซูหวั่นเ
เมื่อได้อาหารตามที่ต้องการแล้ว ซูหวั่นและนางหลี่ก็เดินกลับไปที่ห้องตะวันออกทันทีโดยไม่สนใจว่าแม่เฒ่าเซี่ยงจะกระทืบเท้าและสาปแช่งตามหลังนางมากแค่ไหนโจ๊กนั้นมีไม่มาก ดังนั้นนางหลี่จึงแบ่งเป็นสามส่วน โดยส่วนของนางเองน้อยที่สุด และซาลาเปาก็แบ่งเพียงเศษไปเท่านั้นซูหวั่นเพิ่งจะกินผลไม้ไปจึงไม่หิวสักเท่
หลังจากได้กลิ่น ซูหวั่นก็กลืนน้ำลายอย่างเงียบๆด้วยเช่นกันเดิมทีปากก็รู้สึกจืดชืดอยู่แล้ว เมื่อได้กลิ่นหอมๆแบบนี้ขึ้นมา ร่างกายของนางก็ไม่สามารถอดกลั้นเอาไว้ได้อีกแล้วนางจึงรีบหยิบชามดินเผาขึ้นมา จากนั้นก็ตักซุปและเนื้อไก่ให้ซูลิ่วหลางและตัวนางเองคนละครึ่งชาม“กินเสร็จแล้วเรากลับบ้านกัน ที่เหลือเก็บ
“พี่รอง นังหนูฝูกับนังหนูหรงกลับมาแล้ว ท่านแม่ให้มาตามพวกพี่ไปที่บ้านใหญ่ รีบตามมาเร็วเข้า!”นางหวางตะโกนเสียงดังอยู่ด้านนอกนางหลี่เปิดประตูออกมา และเตรียมที่จะเดินตามนางหวางไปแต่จมูกของนางหวางนั้นดีมาก นางรู้สึกว่ามีกลิ่นแปลกๆอยู่ในห้อง จึงรีบกระโจนเข้ามาในทันทีนางหลี่รู้สึกเย็นวาบขึ้นมาทันที เพ
มีกลิ่นที่คุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ได้ปะทะที่ปลายจมูก พร้อมกับลมหนาวที่พัดเอาความเย็นเข้ามา "แม่นางซู" เสียงที่คุ้นเคยทำให้นางตื่นตกใจ นางหันกลับมาและผลักไป๋หลี่ชิงออกไป พร้อมกับพูดด้วยใบหน้าที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็งว่า "ไป๋หลี่ชิง เป็นสุภาพบุรุษบนขื่อคาน มันสนุกมากเลยใช่ไหม?" ไป๋หลี่ชิงถอยห
"ซู่ซู่——" ลมหนาวพัดมากระทบกับใบหน้าของคนทั้งสอง จนรู้สึกเจ็บอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ กิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่ริมทางแกว่งไปมาสองสามครั้ง ทำให้หิมะไหลตามใบไม้และตกลงสู่พื้นเสียงดังเปาะแปะ ซึ่งเมื่อตกลงไปในพื้นที่หิมะที่กว้างใหญ่แล้วนั้น มันก็ทำให้รู้สึกหนาวเหน็บเป็นอย่างมาก พ่อเฒ่าซูพูดคัดค้าน
เมื่อซูเหลียนเฉิงและซูลิ่วหลางเข้ามาในห้อง นางก็เอื้อมมือไปบีบเอวของซูฉางโซว่ อย่างดุเดือด แล้วพูดคำรุนแรงออกมาว่า "เจ้ามีสมองหรือเปล่า ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าต่อต้านบ้านรอง ทำไมไม่ฟังเลยล่ะ?" ซูฉางโซว่ไม่ได้จริงจังกับมัน และพูดด้วยรอยยิ้ม "เมียจ๋า เจ้าจะกลัวเขาไปทำไม แล้วอีกอย่าง พี่รองก็ไม่ไ
เมื่อซูหวั่นได้ยินดังนั้นจึงเดินออกไป หมูถูกแบ่งและแต่ละชิ้นมีขนาดเท่ากัน ขั้นแรกนางโรยเกลือบนเนื้อแต่ละชิ้นแล้วเกลี่ยให้ทั่วเนื้อแต่ละชิ้นแล้วใส่ในขวดเพื่อหมัก หลังจากผ่านไปสองสามวันก็สามารถนำไปแขวนบนฟืนและรมควันได้ หมูและเศษหมูหนักประมาณหนึ่งร้อยกิโลกรัม ซูหวั่นเก็บไว้ยี่สิบห้ากิโลกรัม
แม่เฒ่าเซี่ยงได้ยินนางพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของนางก็อ่อนลง นางกังวลและพูดว่า "ฉางอานอายุมากขึ้นแล้ว เขาควรจะหาภรรยาหลังจากการสอบในฤดูใบไม้ผลิ ตราบใดที่เขามีชื่อเสียงในซิ่วไฉ ผู้หญิงที่สูงศักดิ์พวกนั้น เขาก็เลือกได้ตามใจชอบไม่ใช่หรือ?" นางจางแอบพึมพำอยู่ในใจว่าสตรีผู้สูงศักดิ์ทุกคนต้องการแต่ง
ซูซานหลางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ตอนแรกท่านป้าไม่เห็นด้วย แต่ต่อมานางก็ผ่อนคลายเมื่อได้ยินว่าครอบครัวมีวิธีที่จะให้พี่รองกลายเป็นซิ่วไฉได้" ที่แท้ก็เพราะแบบนี้นี่เอง รายชื่อที่จะเข้าสอบซิ่วไฉเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก นอกจากนี้ ซูเอ้อหลางยังอยู่ในคุกซึ่งเทียบเท่ากับการสิ้นสุดอาชีพการงานของเข
"เจ้ามาที่นี่ทำไม?" ซูหวั่นถาม โดยปล่อยให้คนเสิร์ฟน้ำชา ไม่ใช่ว่านางแปลกใจ แต่หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งที่แล้ว แม่เฒ่าเซี่ยงและพวกเขาก็เข้าหน้ากันไม่ติด และไม่มีใครกลับมาที่บ้านหลักอีก ควรจะห้ามไว้ชัดแจ้งแล้ว เมื่อซูซานหลางมาแล้วแบบนี้ นี่เขาได้รับคำสั่งมาหรือมาเองกันแน่? ซูซานหลางกระแ
"ไม่มีค่ะ ท่านยาย ข้ายังไม่ได้พิจารณาเรื่องเหล่านี้เลยเสียด้วยซ้ำ" หลายคนเห็นซูหวั่นหน้าตาแดงก่ำ และหัวเราะออกมาดังๆ หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ได้ยินเสี่ยวอาหลีหัวเราะอีกครั้งบนเปล น้ำเสียงของทารกแตกต่างจากเสียงของคนทั่วไปซึ่งทำให้ผู้คนมีความสุขเป็นพิเศษ "ดูสิ เสี่ยวอาหลีของเราก็เห็นด้วยกับส
แม่เฒ่าเซี่ยงสะดุ้ง ตบหน้าอกของนางแล้วพูดว่า "เจ้าจะไล่ข้าออกไปเหรอ? อย่าลืมว่าข้าเป็นแม่ของเจ้านะ!" "ใช่!" ซูเหลียนเฉิงผลักนางออกไป "ถ้าท่านคิดว่าท่านเป็นแม่ของข้าจริงๆ ก็รีบออกไป อย่าให้ข้าต้องเป็นฝ่ายไล่ตะเพิดออกไป!" นางจางพูดอย่างกระตือรือร้น พยายามโน้มน้าว "น้องรอง..." ดวงตาของนางเห