เสียงร้องไห้โหยหวนปานคนกำลังจะขาดใจตายของเซี่ยซือซือ ไม่เพียงทำให้เด็กน้อยอย่างเซี่ยซือหยางร้องไห้ตาม เซี่ยฮุ่ยหนิงกับสหายของนางที่กำลังปีนขึ้นจากคูนา หมายจะตามมาตบตีทั้งคู่เป็นอันต้องชะงักอยู่กับที่ ได้แต่มองหน้ากันไปมาอย่างไม่เข้าใจ
“เจ้าพูดบ้าอันใดกันอาซือ มีใครตายที่ไหนกัน”
เซี่ยฮุ่ยหนิงรีบเดินเข้าไปใกล้ ๆ สองพี่น้อง พอเห็นศีรษะของเซี่ยซานซานปูดบวม มุมปากก็มีเลือดไหลออกมา ยังทั้งยังไม่ได้สติไม่รู้เป็นหรือตาย นางตกใจจนผงะถอยหลังไปสองก้าว
“พี่ฮุ่ยหนิง ท่านมันฆาตกร ! ท่านทำให้อาซานของข้าต้องตาย ฮือ ๆ ๆ”
เซี่ยซือซือชี้นิ้วก่นด่านาง ส่งเสียงร้องไห้ดังขึ้นกว่าเดิม มีชาวบ้านสี่ห้าคนทยอยเดินมามุงดูเหตุการณ์ ก่อนหน้าพวกเขาแค่มองดูอยู่ไกล ๆ เสียงร้องไห้ของนางเรียกร้องความสนใจจากชาวบ้านได้ นางจงใจเอ่ยชื่อเซี่ยฮุ่ยหนิงเพียงผู้เดียว ยัดเยียดให้นางเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้
“อย่ามาใส่ร้ายข้านะ ข้าไม่ได้ทำ !” เซี่ยฮุ่ยหนิงสะบัดแขนเสื้อหันไปทางอวี่ไป๋ชิงกับอวี่เยี่ยนเอ๋อ พวกนางกลับหลบตาไปทางอื่นแทน
“นี่พวกเจ้า !”
“ท่านเป็นลงมือตบตีอาซานของข้า น้องเล็กก็เห็นคนอื่นเขาก็เห็น !” เซี่ยซือซือรีบตัดบทไม่ให้นางเอ่ยสิ่งใดออกมา
“พี่ฮุ่ยหนิง ท่านฆ่าพี่รองข้าทำไม เจ้าคนชั่ว ! แง ๆ ๆ” ปากน้อย ๆ ของเซี่ยซือหยางด่าทอออกไป พร้อมน้ำตากลั่นเม็ดหยดแหมะลงข้างแก้ม ช่างเป็นภาพน่าเวทนาเหลือเกิน
“อาซานเจ้าตื่นขึ้นมา !”
“น่าสงสารอาซานเหลือเกิน ฮุ่ยหนิงเจ้าทำเกินไปจริง ๆ”
หญิงชราในกลุ่มชาวบ้านส่ายหน้าใส่เซี่ยฮุ่ยหนิง ใช่ว่าคนในหมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่จะไม่รู้ถึงนิสัยใจคอของนางกับคนบ้านใหญ่ แต่เพราะเป็นเรื่องในบ้านคนอื่น จึงไม่สามารถทำอันใดได้
“ข้าเปล่านะ” เซี่ยฮุ่ยหนิงเห็นสายตาของชาวบ้านมองมาที่นาง ก็รีบปฏิเสธด้วยความหวาดกลัว
“พวกเราช่วยกันแบกอาซานกลับบ้านไปก่อนดีกว่า เรื่องอื่นค่อยว่ากันภายหลังเถอะ” อวี่เฉินฟู่นายพรานประจำหมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ พาสหายอีกสองคนตัดไม้มาทำเปล เพื่อหามเซี่ยซานซานกลับหมู่บ้าน
มีหนึ่งคนนอนไม่ได้สติบนเปลไม้ ตามด้วยเสียงร่ำไห้คล้ายคนทรมานใจแสนสาหัสของเซี่ยซือซือ ตามด้วยเสียงก่นด่าเล็ก ๆ ของเด็กน้อยเซี่ยซือหยาง มีชาวบ้านผู้เห็นเหตุการณ์อีกกลุ่มหนึ่งเดินตามหลังมา ชาวบ้านคนอื่นที่เห็นขบวนหามคนเจ็บผ่านหน้า ก็พากันเดินตามหลังมาจนถึงหน้าบ้านสกุลเซี่ย ทั้งยังยืนรออยู่ด้านนอกด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เปลหามคนเจ็บถูกวางไว้ตรงลานบ้านของสกุลเซี่ย
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” แม่เฒ่าเซี่ยหน้าบึ้งตึงมาตลอดทั้งวัน โมโหคนบ้านสามหนีหายไม่ยอมทำงาน ยังไม่ทันจะได้ทุบตีให้หายโมโห กลับมีคนหามร่างไร้สติของเซี่ยซานซานมาวางกลางลานบ้านของตน
“ท่านย่าข้าไม่ได้ทำคนตายนะเจ้าคะ” เซี่ยฮุ่ยหนิงร้อนตัวรีบเดินไปหลบอยู่ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ย
“ฮุ่ยหนิงมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเจ้าเนื้อตัวเปื้อนดินโคลนเช่นนี้ได้ นี่มันเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ข้าเพิ่งซื้อให้เจ้านี่ !”
นางหลินเห็นเสื้อผ้าหน้าผมลูกสาวแล้วแทบลมจับ นางอุตส่าห์เสียเงินมากมายประโคมแต่งตัวให้ลูกสาว เพื่อที่จะได้ออกเรือนกับคนใหญ่คนโต แล้วดูตอนนี้สิเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งทั้งยังสกปรกอีก
“ใคร ! ใครทำลูกสาวข้า !” นางไม่เห็นค่าชีวิตของคนบนลานบ้าน นอกจากห่วงใยเสื้อผ้าของลูกสาวตนเอง
“แม่ฮุ่ยหนิง ลูกสาวเจ้าตีอาซานจนสลบไม่ได้สติอยู่บนพื้น เจ้ายังจะห่วงเสื้อผ้าลูกสาวเจ้าอยู่อีก จิตใจเจ้าช่างโหดร้ายเสียจริง” เสียงชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์บนคูนาเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ
“แม่เฒ่าเซี่ย ฮุ่ยหนิงตีอาซานจนเป็นเช่นนี้ ข้าว่าท่านไปตามหมออวี่มาดูก่อนเถิด” มีเสียงชาวบ้านอีกคนดังขึ้น จากนั้นทุกคนก็ส่งเสียงเห็นด้วยตามกันมา
เซี่ยซือซือที่ก้มหน้าปิดปากร้องไห้เบา ๆ กำลังประเมินสถานการณ์ตรงหน้าอย่างรอบคอบ นางเดินร้องไห้จนเหนื่อย ตอนนี้เสียงแทบจะหายไปหมด เหลือบตามองน้องชายด้านข้าง สภาพก็ร่อแร่ไม่ต่างจากตัวนางเลย
“ท่านย่า ท่านช่วยไปตามท่านหมอมารักษาอาซานด้วยเถิด นางถูกพี่ฮุ่ยหนิงตีจนเป็นเช่นนี้ ท่านต้องช่วยชีวิตนางนะเจ้าคะ ฮือ ๆ ๆ สวรรค์ช่างไม่เห็นใจพวกเราสามพี่น้องบ้างเลย ท่านพ่อท่านแม่ของพวกข้าท่านก็พรากไป ตอนนี้ยังจะมาพรากน้องสาวของข้าไปอีก ฮือ ๆ ๆ”
เรื่องเล่นใหญ่ไว้ใจเซี่ยซือซือได้เลย นางอ่านนิยายแนวนี้มาเยอะ
“ท่านย่า ท่านต้องฆ่าพี่ฮุ่ยหนิงชดใช้ชีวิตพี่รองของข้านะขอรับ แง ๆ ๆ”
โอ้ น้องเล็กของนางเล่นใหญ่กว่านางอีก มิใช่ว่าเมื่อกี้หมดแรงไปแล้วหรอกหรือ วันหลังต้องจับมานั่งคุยกันเสียหน่อย เป็นเด็กเป็นเล็กมาพูดเรื่องฆ่าคนได้อย่างไรกัน เซี่ยซือซือยกมือนวดขมับ มืออีกข้างบีบมือน้องสาวเบา ๆ ให้กำลังใจในการแสดงต่อ
“เจ้าเด็กเนรคุณ ! วันนี้ข้าจะเอาเลือดหัวเจ้าออกให้ได้ !” แม่เฒ่าเซี่ยนิ่งมาตลอด แต่พอเซี่ยซือหยางด่าทอหลานสาวสุดที่รักของตน นางก็เงื้อมือพร้อมตบในทันที
“ท่านย่า ! ท่านจะฆ่าน้องชายข้าอีกคนหรือเจ้าคะ” เซี่ยซือซือรีบคว้าน้องชายมากอดไว้ ฝ่ามือที่กำลังจะฟาดลงเลยพลาดท่าไป ทำให้แม่เฒ่าเซี่ยหัวคะมำไปอีกทาง
“มาให้ข้าตีซะดี ๆ !”
“ท่านหมออวี่มาแล้ว ๆ”
“หลีกทางให้ท่านหมออวี่หน่อย”
แม่เฒ่าเซี่ยตกตะลึง นางยังไม่ได้ออกปากให้ใครไปตามหมอเลย แต่พอเห็นอวี่กังผู้ใหญ่บ้านอวี่เดินตามหลังท่านหมออวี่มา อีกทั้งยังมีเซี่ยคุนผู้นำตระกูลเซี่ยมาด้วย นางก็พูดอะไรไม่ออก
อวี่เจียอีเป็นหมอเพียงคนเดียวในหมู่บ้านแห่งนี้ เขาถูกตามตัวระหว่างทำการรักษาอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยให้เด็กคนหนึ่งในหมู่บ้าน ครั้นได้ยินว่าเซี่ยซานซานถูกคนทุบตีจนหมดสติ จึงรีบมาดูอาการให้เป็นการด้วยความเป็นห่วง
“ยกนางเข้าไปในห้องเร็วเข้า ! พวกเจ้าคนสกุลเซี่ยนี่อย่างไรกัน ไม่เข้าท่าเลยจริง ๆ”
ท่านหมออวี่เห็นคนเจ็บไม่ได้สติ แต่กลับไม่มีคนในบ้านพาเข้าห้อง ปล่อยวางไว้บนพื้นแข็งอยู่แบบนั้น รู้สึกโมโหจนหน้าดำมืด
“ข้าอุ้มนางเองเจ้าค่ะ” เซี่ยซือซือรู้ว่าชายหญิงไม่ควรแตะเนื้อต้องตัวกัน นางจึงอาสาอุ้มน้องสาวเอง หวังให้ท่านป้าสะใภ้ทั้งสองมาอุ้มคงยาก
“เจ้าไหวไหมอาซือ”
ท่านหมออวี่เห็นนางผอมบางคล้ายคนไร้เรี่ยวแรงก็นึกห่วงขึ้นมา ดูไปแล้วเหมือนเด็กอุ้มเด็กด้วยกันเอง ครั้นเหลือบตาไปมองบรรดาผู้ใหญ่ในบ้าน ก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
“ไหวเจ้าค่ะท่านหมอ ข้าอุ้มนางออกบ่อย” นางรีบช้อนตัวน้องสาวอุ้มพาเข้าบ้านของตนเองไป มีเจ้าตัวน้อยเดินตามหลังไปติด ๆ
“ท่านแม่ท่านจะปล่อยให้ท่านหมออวี่รักษานางไม่ได้นะเจ้าคะ ใครจะจ่ายค่ารักษาให้นาง” นางหลินสะกดแม่สามีเบา ๆ
“นั่นสิเจ้าคะข้าก็ว่าจะเตือนท่านเหมือนกัน” นางจงเห็นด้วยกับพี่สะใภ้ของตน
“ไอหยา ! ข้าช่างเลอะเลือนจริง ๆ” แม่เฒ่าเซี่ยหมุนตัวเดินตามคนบ้านสามไปติด ๆ
“ท่านหมออวี่ ท่านหยุดก่อน !”
“แม่เฒ่าเซี่ย ท่านต้องการสิ่งใดอีก” ท่านหมออวี่หันมาทำหน้าไม่พอใจใส่แม่เฒ่าเซี่ย หลานสาวของนางเป็นตายยังไม่รู้ กลับมาถ่วงเวลารักษาอีก
“ท่านหมออวี่ข้าไม่มีเงินจ่ายค่าหมอหรอก” หญิงชราโกหกหน้าตาย
“อะแฮ่ม” เสียงกระแอมมาจากผู้นำตระกูลเซี่ยที่เดินตามหลังมา “จิ่วเม่ยเจ้าจะไม่ไยดีหลานสาวตัวเองไม่ได้ นางเป็นคนตระกูลเซี่ยของพวกเรา หากเจ้ารองอยู่คงได้ทุบตีเจ้าตายแน่”
“พี่ใหญ่ข้าไม่มีเงินจริง ๆ เจ้าค่ะ”
เซี่ยซือซือค่อย ๆ วางน้องสาวลงบนเตียง “ท่านย่าท่านจะไม่ช่วยอาซานจริง ๆ หรือเจ้าคะ นางยังไม่ฟื้นเลยนะเจ้าคะ ข้าขอร้องท่านล่ะได้โปรดช่วยนางด้วย”
ตุบ ! คุกเข่าอ้อนวอนท่านย่าใจร้ายของตัวเอง ไม่ลืมกระตุกน้องชายให้คุกเข่าลงเป็นเพื่อนด้วย
“ท่านย่าท่านอย่าปล่อยให้พี่รองของข้าตายนะขอรับ ท่านย่า ฮืออ” เด็กน้อยไม่แค่ขอร้องยังร้องไห้ต่อได้อีก พี่สาวอย่างเซี่ยซือซือแอบยกนิ้วให้เลย เด็กสามขวบคนนี้ช่างโตเกินวัยเสียจริง
“เรื่องค่ารักษานั้น พวกเจ้าคนตระกูลเซี่ยปรึกษากันเอาเองเถอะ ข้าในฐานะหมอไม่อาจทนเห็นคนตายต่อหน้าได้” ท่านหมออวี่ส่ายหน้าก่อนเดินเข้าไปตรวจอาการคนเจ็บ บิดามารดาของเด็กสามคนนี้ดีกับภรรยาเขานัก ไม่อาจเพิกเฉยได้จริง ๆ
“จิ่วเม่ยเจ้าออกไปรอที่ห้องโถงกับข้าก่อนเถอะ ให้ท่านหมออวี่รักษาอาซานเสร็จก่อนค่อยคุยกัน”
เซี่ยคุนไม่อยากให้นางอยู่ขัดขวางการรักษา จึงชวนออกไปนั่งรอที่ห้องโถงของสกุลเซี่ย ลูกสะใภ้ทั้งสองกับหลานสาวอย่างเซี่ยฮุ่ยหนิงเลยต้องตามออกมาด้วย
ภายในห้องนอนของบ้านสาม
“ท่านหมออวี่อาการของอาซานเป็นอย่างไรบ้าง ทำไมนางถึงยังไม่ฟื้นเสียทีล่ะเจ้าคะ” เซี่ยซือซือแสร้งทำหน้าเศร้า ทั้งที่หวาดหวั่นว่าท่านหมอวี่จะเดาอาการแกล้งป่วยออก
“น่าแปลกจริง ๆ อาการบาดเจ็บแค่ภายนอก เหตุใดนางถึงไม่ฟื้นข้าก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน” ท่านหมออวี่เอียงหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดหนัก
“ข้าเห็นพี่ฮุ่ยหนิงจับหัวอาซานกระแทกกับก้อนหินตรงคันนา ท่านว่าเรื่องนี้มีส่วนทำให้นางไม่ฟื้นหรือไม่เจ้าคะ” นี่เป็นการชี้นำทางให้ท่านหมออวี่
“อืม เช่นนั้นก็มีส่วนแล้วล่ะ ข้าเคยได้ยินมาว่ามีคนป่วยบางคนหัวกระแทก ทำให้หมดสติไม่ตื่นไปหลายปีก็มี”
“ท่านหมอ ! ท่านพูดจริงหรือเจ้าคะ อาซานของข้าจะหลับไม่ตื่นเช่นนั้นหรือ โถ่อาซาน”
“คงต้องรอดูอาการต่อไป ไม่แน่ในภายภาคหน้านางอาจจะฟื้นขึ้นมาก็ได้ ยามนี้ข้าทำได้เพียงแค่เขียนเทียบยารักษาอาการบาดเจ็บให้ ส่วนเรื่องฟื้นขึ้นมานั้น เจ้าต้องทำใจแล้วล่ะอาซือ”
ไม่ใช่ว่าท่านหมออวี่เชื่อถือไม่ได้ แต่ความสามารถของหมอประจำหมู่บ้านนั้นมีจำกัด เมื่อไม่รู้จึงไม่กล้าตัดสินใจ ได้แต่คลำทางไปตามคำบอกเล่าของเซี่ยซือซือ
5 : จ่ายเงินค่าหมอหรือแยกบ้าน ภายในห้องโถงของบ้านสกุลเซี่ย ท่านหมออวี่กำลังบอกเล่าถึงอาการของเซี่ยซานซานให้ทุกคนได้รับรู้ เซี่ยซือซือให้น้องชายอยู่เป็นเพื่อนน้องสาวในห้องนอน ตัวนางออกมายืนฟังผู้ใหญ่คุยกันอยู่ในห้องโถง อยากรู้ว่าเรื่องนี้จะเป็นไปตามที่นางคาดคิดไว้หรือไม่ “ค่าหมอสองตำลึง ส่วนเทียบยาใบนี้ข้าคิดแค่หนึ่งตำลึงเป็นพอ” ท่านหมออวี่บอกค่ารักษาให้ทุกคนได้รับรู้ “อันใดกันท่านหมออวี่ คนก็รักษาไม่ฟื้นท่านยังมีหน้าจะมาคิดค่าหมอกับข้าอีก” แม่เฒ่าเซี่ยไม่พึงพอใจเป็นอย่างมาก ตวัดตาไปมองเซี่ยซือซืออย่างเอาเรื่อง “นังตัวดีใครใช้ให้เจ้าไปตามท่านหมออวี่มา เจ้ากี้เจ้าการนักนะ !” “ท่านย่าข้าไม่ได้ให้คนไปตามท่านหมออวี่มานะเจ้าคะ เป็นชาวบ้านที่เขาสงสารพวกข้าเลยพากันไปตามมาต่างหาก” เซี่ยซือซือเม้มปากทำท่าคล้ายอยากร้องไห้อีกรอบ “ตอนนี้อาซานถูกทำร้ายนอนแน่นิ่งไม่ฟื้นคืนสติ อีกทั้งยังไม่รู้ว่าชีวิตนี้นางจะฟื้นขึ้นมาอีกไหม ฮืออ ท่านย่านางต้องได้กินยาที่ท่านหมออวี๋เขียนให้นะเจ้าคะ ข้าขอร้องท่านย่าท่านช่วยอาซานของข้าด้วยเถอะ”
6 : กั้นกำแพง “ตามธรรมเนียมการแยกบ้านนั้น จำต้องระบุไว้ว่าคนเป็นลูก จะต้องแสดงความกตัญญูต่อบิดามารดาด้วยนะพี่ใหญ่” แม่เฒ่าเซี่ยยังหมายหวังผลประโยชน์จากเด็กทั้งสาม “เจ้ายังมีหน้ามาพูดเรื่องนี้อีกหรือจิ่วเม่ย เจ้าขายอาซือไปแล้วจะให้นางเอาอันใดมาตอบแทนบุญคุณเจ้า นางกลายเป็นคนบ้านอื่นไปแล้ว อาซานก็ป่วยติดเตียงซือหยางยังเป็นเด็กเล็ก จิ่วเม่ยไหนเจ้าลองบอกพี่ใหญ่คนนี้ให้กระจ่างซิ เจ้ายังต้องการสิ่งใดจากเด็กน่าสงสารพวกนี้อีก !” เซี่ยคุนทั้งโกรธทั้งอยากทุบตีน้องสะใภ้คนนี้เหลือเกิน หากน้องชายของเขายังอยู่ เด็กทั้งสามไม่มีทางวันได้รับความคับข้องใจแบบนี้เป็นแน่ “ข้าเห็นด้วยกับท่านผู้นำตระกูล แม่เฒ่าเซี่ยเจ้าอย่าได้คิดเอาเปรียบเด็ก ๆ เหล่านี้เลย ไม่เพียงแค่นั้นเจ้ายังต้องมอบธัญพืชให้เด็ก ๆ ไว้สำหรับเลี้ยงชีพอีกด้วย” อวี่กังออกความเห็นช่วยเด็กบ้านสาม “อันใดกัน ! พวกนางอยากแยกบ้านออกไปเอง มีสิทธิ์อันใดมาขอธัญพืชจากข้าอีก” “จิ่วเม่ยนั่นหลานของเจ้าเองนะ เป็นสายเลือดของเจ้าแท้ ๆ แค่ให้ธัญพืชพวกเขาไว้กินสักสองสามวันจะเป็นอันใดไป ยังมีบ้านกับที่
7 : เซี่ยเหมยลี่ เซี่ยซือซือบอกน้องสาวให้สงบจิตใจเอาไว้ก่อน นางกำลังพยายามหาหนทางให้สามพี่น้องได้อยู่ด้วยกัน ระหว่างนี้เซี่ยซานซานยังต้องแกล้งนอนติดเตียงเช่นเดิมอยู่ แม้แต่น้องเล็กก็ห้ามบอกความจริง เหตุเพราะเขายังเด็กนัก เกิดออกไปวิ่งเล่น แล้วมีชาวบ้านมาหลอกถาม อาจทำให้หลุดพูดความจริงออกไปแบบไม่รู้ตัว “ข้าเชื่อฟังท่านพี่เจ้าค่ะ” เซี่ยซานซานไม่มีทางเลือกอื่น นางจำเป็นต้องนอนติดเตียงไปก่อนสักระยะ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย นางจะกลับมาใช้ชีวิตได้ดังเดิม “ลำบากเจ้าต่อไปอีกสักพักนะอาซาน แต่ไม่นานนักหรอกเจ้าอย่าได้กังวลเกินเหตุ ให้ข้าไปดูลาดเลาที่บ้านท่านป้าถานก่อน ข้าไม่รู้ว่าทางนั้นเขาอยู่กันอย่างไร” เซี่ยซือซือมีความคิดแก้ไขสถานการณ์อยู่ในใจ แต่ยังไม่กล้าตัดสินใจในทันที นางเพิ่งทะลุมิติมาที่นี่ได้ไม่กี่วัน ผลีผลามเกินไปย่อมไม่เป็นผลดี “ท่านพี่ท่านคงไม่คิดจะพาข้ากับน้องเล็กไปอยู่กับท่าน ที่บ้านท่านป้าถานหรอกนะเจ้าคะ” “ทำไมเล่า ทำเช่นนั้นไม่ได้หรือ” นางเอียงคอมองน้องสาวคล้ายไม่เข้าใจ “ไม่ได้เจ้าค่ะ มีชาวบ้านคนไหนแต่งภรรยาแล้วต้องให้ที
8 : สำรวจมิติพิเศษ นางยิ้มอย่างพึงพอใจ ละสายตาจากบ่อน้ำพุมองไปยังทุ่งหญ้ากว้างไกล ก่อนจะวกสายตาไปที่กระท่อมหลังน้อย รีบก้าวเท้าตรงไปสำรวจในทันที ภายในกระท่อมมีเพียงเตียงนอนหนึ่งหลัง ชั้นวางตำราที่มีตำราวางเรียงรายอยู่นับสิบเล่ม แน่นอนว่าเป็นภาษาโบราณซึ่งนางอ่านไม่ออก ไม่รู้ว่ามันเขียนสิ่งใดเอาไว้ มีสี่สิ่งล้ำค่าในห้องหนังสือ[1]วางอยู่บนโต๊ะ นางใช้พู่กันกับหมึกโบราณเป็นเสียที่ไหนกัน ไม่ใช่ว่าสิ่งนี้มันเปล่าประโยชน์สำหรับนางหรอกหรือ มีห้องครัวสำหรับทำอาหารด้วย มีเพียงอุปกรณ์พวกเตาหม้อกระทะเหล็ก แต่กลับไร้เงาของวัตถุดิบประกอบอาหาร ในกระท่อมหมดความน่าสนใจไปเพียงเท่านั้น แต่พอเปิดประตูด้านหลังกระท่อมออกไป พลันดวงตาของนางก็สว่างจ้าขึ้นด้วยทิวทัศน์แสนงดงาม มีธารน้ำไหลมาจากที่ไหนสักแห่ง นางลองชิมดูแล้วไม่ปรากฏว่ามีพลังพิเศษแต่อย่างใด แตกต่างจากน้ำพุใจกลางลาน ต้นไม้น้อยใหญ่เรียงรายอยู่รอบด้าน มีต้นผิงกั่ว[2] อยู่สามต้น ซึ่งผลของมันสีแดงสุกเต็มต้น รีบเอื้อมมือออกไปเด็ดมาชิมดูผลหนึ่ง เซี่ยซือซืออ้าปากกว้างกัดดังกร๊วบ ! ผิงกั่วผลนี้หวานอร่อยสดชื่น
9 : นางถานมารับตัวเซี่ยซือซือ ยามเฉิน[1] เสียงดังเหมือนคนกำลังก่อสร้างบางอย่าง รบกวนสามพี่น้องในตอนเช้าของอีกวัน เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นด้วยความหงุดหงิดใจ น้องสาวของนางยันตัวลุกขึ้นมานั่งเหมือนกัน ทั้งคู่หันไปมองเจ้าตัวน้อยมุมในสุดของเตียง เซี่ยซือหยางยังคงนอนหลับอุตุอยู่ที่เดิม สองพี่น้องจึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก “ข้าจะออกไปดูเองเจ้านอนต่อเถอะ” เซี่ยซือซือกระซิบเสียงเบา น้องสาวของนางก็เอนตัวลงนอนอย่างว่าเชื่อฟัง พอเดินออกมาอยู่หน้าบ้าน เซี่ยซือซือถึงได้รู้ว่าท่านลุงใหญ่กับท่านลุงรองของนาง กำลังช่วยกันปั้นก้อนดินก่อกำแพงกั้นบ้านอยู่ ทำงานกันเช้าเพียงนี้เชียวหรือ ดูท่าแม่เฒ่าเซี่ยคงอยากตัดขาดพวกนางให้เร็วที่สุด เซี่ยฉางเงยหน้าขึ้นมาเห็นหลานสาวของตน สายตาพลันเย็นชาขึ้นในทันที “ข้าไม่อยู่แค่วันเดียวเจ้าก็ปีกกล้าขาแข็งขอแยกบ้าน ช่างเป็นเด็กเนรคุณจริง ๆ” เมื่อวานเซี่ยฉางกับน้องชายเซี่ยชุน พากันเข้าไปเยี่ยมบุตรชายที่สำนักศึกษาในอำเภอ จึงไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ขอแยกบ้าน พอกลับมาถึงช่วงเย็นภรรยาของพวกเขา ต่างก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่
10 : เจ้ากล้าสาบานไหมซือซือ หลังจิบน้ำต้มจอกที่สองจนหมด นางถานถึงรู้สึกหายใจคล่องคอขึ้น อาการไอก่อนหน้าหยุดลง ตัวนางนั้นย่อมรู้ดีว่ามันจะหยุดแค่ชั่วคราว สักพักจะกลับมาไอรุนแรงอีกครั้ง เหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา “เอาล่ะ ๆ ข้าดีขึ้นมากแล้ว มาว่าเรื่องของเจ้าต่อซือซือ เจ้ารีบไปเก็บของแล้วตามข้ากลับบ้านเถอะ” เซี่ยซือซือมองนางถานอีกหน มองให้ลึกไปถึงความเป็นจริงตรงหน้า ก่อนจะหันมองไปรอบ ๆ บ้านหลังเก่าทรุดโทรมแห่งนี้ ด้วยอายุของเจ้าของร่างกับอายุของน้องทั้งสองคน อันตรายเกินกว่าจะปล่อยให้อยู่ตามลำพังได้ “ท่านป้าถานเจ้าคะ ท่านรู้เรื่องแยกบ้านของข้าแล้วใช่ไหม” “ข้าย่อมรู้ดี ข้าไปหาแม่เฒ่าเซี่ยมาก่อนหน้า นี่ใบซื้อขายตัวของเจ้า” นางถานดึงเอกสารซื้อขายตัวออกมาจากอกเสื้อตนเอง “แต่แม่เฒ่าเซี่ยไม่ยอมพาเจ้าออกมาให้ข้า บอกว่าแยกบ้านกันแล้วให้ข้ามาตามเจ้าที่บ้านสามเอง พวกเขาช่างกั้นกำแพงได้รวดเร็วยิ่งนัก ข้าล่ะนึกแปลกใจจริง ๆ” เซี่ยซือซือสัมผัสได้ถึงความเห็นอกเห็นใจในคำพูดของนางถาน พลอยทำให้นางรู้สึกดีขึ้นมาไม่น้อย อย่างน้อยแม่สามีของนางก็ไม่ได้
11 : ท่านแม่ ท่านขาดทุนแล้วล่ะ “ท่านพี่สามีท่านงามมาก” เซี่ยซือหยางเอ่ยขึ้นหลังก้าวเท้าเข้าไปภายในห้องนอนของพวกเขาแล้ว ทันใดนั้นคนบนเตียงนอนก็ลืมตาขึ้นข้างเดียว เงี่ยหูฟังด้วยความอยากรู้อยากเห็นเต็มไปหมด ก่อนหน้าเซี่ยซานซานผุดลุกผุดนั่ง คลายความขบเมื่อยอยู่หลายรอบ พอได้ยินเสียงคนเดินมานางก็รีบกลับไปนอนนิ่งอยู่ตามเดิม นางเองก็อยากเห็นพี่เขยของตัวเองเหมือนกัน ตั้งแต่ถานจ้านพิการเขาก็ไม่ค่อยออกจากบ้านไปไหน ภาพจำของนางจึงติดอยู่ตอนก่อนที่เขาจะพิการ “เจ้าอย่าได้เอ่ยคำนี้ต่อหน้าพี่ถานจ้านเด็ดขาด บุรุษไม่พึงพอใจให้ผู้อื่นชมตนเองว่างามหรอก ต้องชมว่าหล่อเหลาเข้าใจไหม” “เช่นนั้นข้าก็ต้องหล่อเหลาใช่ไหมท่านพี่” เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นยิ้มตาหยีให้พี่สาว “ถูกต้องน้องเล็กของข้านั้นหน้าตาหล่อเหลาเหลือเกิน ปานเทพเซียนตัวน้อย ๆ” เซี่ยซือซืออุ้มเจ้าตัวน้อยขึ้นมา แล้วแนบแก้มถูไถเบา ๆ “ท่านพี่บุรุษสตรีไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกัน” “ไอหยา ! เจ้าตัวเท่านี้ไม่นับว่าเป็นบุรุษหรอก” นางอุ้มน้องชายขึ้นแล้วหมุนไปรอบ ๆ เจ้าตัวส่งเสียงหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่
12 : เหมือนข้าเห็นนิ้วมือของอาซานขยับได้ “ท่านพี่ท่านป้าให้ข้ามาตามท่าน” เสียงของเซี่ยซือหยางดังขัดจังหวะของทั้งคู่ ศีรษะน้อย ๆ ของเขายื่นออกมา ผ่านช่องประตูที่แง้มไว้เพียงเล็กน้อย “มีเรื่องอันใดน้องเล็ก” เซี่ยซือซือเห็นน้องชายไม่กล้าเข้ามาก็นึกแปลกใจ “ท่านหมออวี่มาหาท่านพี่ขอรับ” เซี่ยซือซือขานรับในลำคอ หันไปทางเจ้าของห้อง เห็นเขาหันหลังกลับไปคัดลอกตำราต่อ ไม่ได้สนใจนางเลยแม้แต่น้อย เซี่ยซือซือทำปากยื่นใส่อย่างหมั่นไส้ เขาก่อนหมุนตัวออกจากห้องไป “น้องเล็กทำไมไม่เข้าไปในห้องล่ะ” นางจูงมือน้องชายเดินไปตามทางเดิน “ท่านป้าถานบอกว่า ห้ามข้าเข้าห้องพี่เขยก่อนได้รับอนุญาต” พี่เขย ! ทำไมคำนี้ทำนางรู้สึกกระดากอายชอบกล “เช่นนั้นเจ้าต้องส่งเสียงบอกเจ้าของห้องก่อน รอให้เขาอนุญาตค่อยเปิดประตูเข้าไป” “อื้ม ข้าจะจำไว้” ทั้งคู่เดินมาถึงห้องโถงของบ้านสกุลถาน เห็นนางถานนั่งคุยเป็นเพื่อนท่านหมออวี่อยู่ บนโต๊ะด้านข้างมีกาชาร้อนวางต้อนรับ “เจ้ามาพอดีเลยซือซือ ท่านหมออวี่มีธุระเรื่องน้องสาวของเจ้า
114 : ยวนยางคู่ (จบ) สองเดือนต่อมา เสียงประทัดจุดขึ้นตรงหน้าคฤหาสน์ตระกูลเซี่ย ถานจ้านเป็นฝ่ายแต่งเข้ามาเป็นเขยของตระกูล คนนอกไม่รู้มักคิดติฉินนินทา แต่การที่เซี่ยซือซืออยู่กับสองแม่ลูกตระกูลถานมาตั้งแต่ต้น พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกันมาหลายปีแล้ว ไม่แบ่งแยกว่าใครต้องแต่งเข้าบ้านใคร นางถานเองย่อมรู้ว่าการที่บุตรชายแต่งเข้าบ้านของภรรยา เป็นเพราะเขาต้องการช่วยนางดูแลน้อง ๆ ทั้งสองคน ตัวนางเองมีวันนี้ได้เพราะเซี่ยซือซือเช่นเดียวกัน “เจ้าไม่เสียใจแน่นะเหลี่ยฮวา” แม่เฒ่าจางแอบถามก่อนพิธีเริ่มต้นขึ้น “ข้าไม่เสียใจเจ้าค่ะแม่เฒ่าจาง ลูกชายข้ายังใช้แซ่ของข้ามาตั้งแต่เกิด ข้าไม่สนใจเรื่องชื่อแซ่หรอกเจ้าค่ะ สนใจแค่ว่าเขามีความสุขในชีวิตหรือไม่ ข้าเคยถามเรื่องซื้อเรือนเป็นของตัวเอง จ้านเออร์ปฏิเสธในทันที เขาไม่ยอมแยกจากซือซือไปไหน และรู้ว่านางเองก็ไม่สามารถแยกจากน้อง ๆ ไปได้เช่นเดียวกัน พวกเราอยู่ด้วยกันเช่นนี้ก็มีความสุขดีแล้วนี่เจ้าคะ ยังท่านมีครอบครัวอาจารย์ฮู่ ล้วนแล้วแต่เป็นครอบครัวเดียวกัน” “เจ้าคิดเช่นนี้ย่อมดีแก่พวกเขา อย่าไปฟังเสียงผ
113 : ขอแต่งงาน ถานจ้านพานางไปเลือกซื้อโคมไฟอันใหม่ จากนั้นก็ชวนกันไปล่องเรือในบึง เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของผืนน้ำ ที่สะท้อนแสงเป็นดวงไฟน้อยใหญ่เต็มไปหมด ฝีพายยืนอยู่ด้านหลังทำเป็นไม่สนใจคู่สามีภรรยา ที่กำลังอิงอกซบไหล่กันอยู่ ถานจ้านถอดเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกออกคลุมให้ภรรยา “ซือซือ” “หืม” “เจ้าอายุสิบแปดแล้วนะ” “อื้ม” “เราแต่งงานกันเถอะ” เซี่ยซือซือ “...” นางรีบดันศีรษะตัวเองออก เงยหน้ามองเขาด้วยความงุนงง “ไม่ใช่เราเป็นสามีภรรยากันแล้วรึ” “ใช่ แต่เราไม่เคยเข้าพิธีแต่งงานกัน และยังไม่เคยร่วมหอ” ทำไมเซี่ยซือซือได้ยินแล้วรู้สึกว่า เขาย้ำสองคำสุดท้ายแบบแปลก ๆ ก้มลงเล่นนิ้วมือตัวเองเงียบ ๆ “ร่วมเหอหรือ” พวงแก้มแดงปลั่ง ภายใต้แสงจากโคมไฟที่แขวนไว้ตรงหัวเรือ “เจ้าเคยเล่าให้ข้าฟังว่า โลกของเจ้าบุรุษขอสตรีแต่งงาน จะสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย” ถานจ้านล้วงหยิบแหวนหยกเนื้อดีสีขาวออกมาจากแขนเสื้อ บรรจงสวมใส่บนนิ้วนางข้างซ้ายให้นาง “แต่งงานกับข้านะซือซือ” เซี่ยซือซือมองแหวนบนนิ้ว
112 : ชีวิตในเมืองหลวง เมื่อแคว้นฉีแพ้สงครามย่อยยับ เพื่อแสดงความจริงใจว่าจะไม่บุกแคว้นจ้าวในช่วงสิบปีนับจากนี้ พวกเขาจึงยอมส่งองค์ชายหกซึ่งมีอายุเพียงห้าปี มาเป็นตัวประกันที่แคว้นจ้าว หลังจากนั้นเพียงห้าเดือน เมืองหลวงได้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น เนื่องจากฮ่องเต้ทรงสวรรคตลงด้วยโรคร้าย ท่านอ๋องเจ็ดกับท่านอ๋องห้าจึงต้องนำทัพ เข้าไปปราบปรามขุนนางชั่วที่ก่อกบฏ และปลดองค์รัชทายาทผู้ไร้ความสามารถลงจากบัลลังก์ ท่านอ๋องเจ็ดได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ให้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้องค์ถัดไป เมืองหลวงที่เคยเต็มไปด้วยขุนนางชั่ว กลับถูกกำจัดทิ้งไปในเวลาเพียงสองปีกว่า แน่นอนว่าคนที่อยู่เบื้องหลัง คอยเฝ้าดูคนชั่วและชี้เป้าหมายความผิดได้อย่างแม่นยำ ยังเป็นเซี่ยซือซือคนเดิม แม้นางไม่ขอรับตำแหน่งใด ๆ เพราะอยากทำการค้าเพื่อความร่ำรวย แต่หากมีเรื่องสำคัญจริง ๆ อยากให้นางช่วย นางก็พร้อมช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ แม่ทัพโหย่วถูกย้ายมาเป็นแม่ทัพประจำเมืองหลวง ฮ่องเต้ได้มอบจวนให้เขาได้อยู่อาศัยอย่างสมเกียรติ และมอบตำแหน่งให้บุตรชายทั้งสอง โหย่วหยางหลงได้เป็นหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพร แม้เขาแขนพ
111 : ขับไล่ข้าศึก เซี่ยซือซือนอนไปได้เพียงหนึ่งชั่วยามเศษ ท่านอ๋องเจ็ดก็ส่งคนมาตามนางที่กระโจม ให้นางตรวจสอบดูสถานการณ์ที่ค่ายของข้าศึก เซี่ยซือซือใช้เวลาไม่นานก็พบว่าฤทธิ์ของยาเริ่มทำงาน ท่านหมอใช้ยาที่ทำให้ร่างกายอ่อนแรง ไร้รสไร้กลิ่นไร้สี ม้าศึกนับหมื่นตัวล้มเกลื่อนอยู่บนพื้น ส่วนทหารหนึ่งในสี่ต่างก็ลุกไม่ขึ้นเช่นกัน “ได้ผลเจ้าค่ะท่านอ๋อง แม้จำนวนที่ได้รับยาไม่มากนัก แต่ก็ทำให้กองทหารม้าทมิฬไร้อาชาสู้รบได้จริง ๆ” “เช่นนั้นดี ออกคำสั่งไปให้เตรียมตัวออกรบ ส่งข่าวให้ทางซื่อจื่อได้รู้ด้วย” ท่านอ๋องเจ็ดจะรุกฆาตข้าศึกในเช้านี้ เซี่ยซือซือตัดสินใจพูดเรื่องน้ำพุวิเศษกับท่านอ๋องเจ็ดตามลำพัง นางไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องนี้มากนัก แต่ทหารนับแสนนาย นางไม่สามารถลงมือคนเดียวได้ “เจ้าบอกว่าน้ำพุวิเศษสามารถทำให้กำลังวังชาเพิ่มขึ้นได้เช่นนั้นรึ” “เจ้าค่ะ ท่านลองดื่มดูก็ได้แต่แค่อึกเดียวพอนะเจ้าคะ มันช่วยในการรักษาเป็นหลัก ร่างกายคนปกติหากดื่มเกินหนึ่งอึก มันจะส่งผลเสีย” นางล้วงหยิบขวดน้ำพุวิเศษยื่นให้ท่านอ๋องเจ็ด ท่านอ๋องเจ็ดรับข
110 : กำจัดหน่วยสอดแนม ซื่อจื่อได้รับจดหมายเตือนแล้วถึงกับหน้าดำคล้ำในทันที หากไม่มีการเตือนจากฝั่งท่านอ๋องเจ็ด เขาคงไม่ได้สนใจข้าศึกที่แอบมาด้านข้างเป็นแน่ รีบออกคำสั่งให้ทหารหลักสามหมื่นนาย ดักซุ่มโจมตีข้าศึกที่จ้องทำลายคลังเสบียงในคืนนี้ ส่วนข้าศึกด้านหน้าที่แสร้งทำเป็นบุกโจมตี ก็ให้กองทัพย่อย ๆ ออกไปจัดการส่วนหนึ่ง ที่เหลือตรึงกำลังอยู่กับที่ ห้ามผลีผลามโดยเด็ดขาด ยามดึกทหารทั้งสองฝั่งต่างทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ถานจ้านนำทหารร้อยนาย ตามด้วยเซี่ยซือซือกับอาจารย์ฮู่ ลอบเข้าไปโจมตีหน่วยสอดแนมของอีกฝ่าย หนนี้พวกมันมากันเพียงสิบสองคน แบ่งออกเป็นสองกลุ่มกลุ่มละหกคน เซี่ยซือซือชี้เป้าให้พลธนูโจมตีได้อย่างง่ายดาย จากนั้นนางก็ปลีกตัวไปช่วยสามีกับอาจารย์ฮู่ หน่วยสอดแนมทั้งแปดกลายเป็นศพในเวลาอันรวดเร็ว “จุดพลุส่งสัญญาณ” นางสั่งทหารด้านหลัง ปัง ! ปัง ! ตามที่ตกลงกันไว้ หากพลุส่งสัญญาณดังขึ้น รุ่งเช้าทหารทุกนายต้องเดินทางลงจากเทือกเขาชิงเทียนอย่างเงียบ ๆ กลุ่มของถานจ้านจะเดินทางนำหน้าไปก่อน เพื่อที่จะได้ส่งสัญญาณบอกคนด้านหลังเป็นระยะ เป
109 : เข้าสู่สมรภูมิรบ เรือนโหย่วเสวี่ยหยา เซี่ยซานซานฝึกฝนวรยุทธ์กับคุณหนูสามจนเหนื่อยล้า นางกำลังนั่งกินขนมที่สาวใช้นำมาให้ ส่วนโหย่วเสวี่ยหยาขอตัวเข้าไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ความจริงนางชวนเซี่ยซานซานไปอาบน้ำด้วย แต่เซี่ยซานซานปฏิเสธไม่อยากรบกวน “เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่” เสียงนุ่มทุ้มของโหย่วหยางหลงดังขึ้นอยู่ด้านหลัง “คุณชายใหญ่” เซี่ยซือซือรีบลุกขึ้นโค้งศีรษะให้เขา “ข้าเห็นสาวใช้บอกว่าเสวี่ยหยามีแขก นึกว่าจะเป็นใครที่ไหนเสียอีก นั่งลงสิเจ้ากำลังกินขนมอยู่ไม่ใช่รึ” “เจ้าค่ะ” เซี่ยซานซานไม่อยากอยู่กับคนผู้นี้ตามลำพัง นางเหมือนเด็กน้อยขี้ขลาด มองไปทางประตูห้องของโหย่วเสวี่ยหยาตลอดเวลา “เหตุใดถึงไม่นั่ง รังเกียจข้ารึ” “มะไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้านั่งแล้ว” นางไม่กล้ามองสบสายตากับเขาด้วยซ้ำ นั่งลงบนเก้าอี้อย่างจำใจ “กลัวข้ารึ” มุมปากของโหย่วหยางหลงกระตุกเบา ๆ นึกอยากแกล้งเด็กสาวคนนี้ขึ้นมา “เจ้ามาฝึกวรยุทธ์กับน้องสามของข้า เหตุใดไม่มาลองฝึกกับข้าดูบ้างล่ะ” “ข้าฝีมืออ่อนหัดนัก ไม่บังอาจไ
108 : รักษาท่านอ๋องห้า แม่เฒ่าจางกับเสี่ยวเป่าเริ่มปรับตัวเข้ากับทุกคนได้แล้ว นางคอยช่วยเหลืองานบ้านทุกอย่าง ไม่ทำตัวนิ่งดูดายแต่อย่างใด แม้ว่านางถานจะบอกให้อยู่เฉย ๆ ไม่ต้องทำอันใด แต่ความเกรงใจของหญิงชรานั้นมีมากเหลือเกิน เซี่ยซือซือเลยปล่อยให้ท่านทำไป การอยู่เฉย ๆ จะยิ่งทำให้รู้สึกเครียด นางคอยกำชับแม่เฒ่าจางว่า นางมีเงินสามารถเลี้ยงดูทั้งคู่ได้ ไม่ต้องคิดว่านางจะลำบาก แม่เฒ่าจางถึงได้วางใจ “ท่านพี่ข้าไปหาคุณหนูสามได้หรือไม่” เซี่ยซานซานอยากเจอหน้าโหย่วเสวี่ยหยา นางอยากรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างไร ถอนหมั้นไปแล้วทางซื่อจื่อจะตำหนินางหรือไม่ “อืม” เซี่ยซือซือคิดหนักเพราะนางต้องไปทำงานนี่สิ “ไปเพิ่มอีกคนคงไม่เป็นไรหรอกซือซือ” ถานจ้านหน้าน้องสาวภรรยาแล้วรู้สึกสงสาร “แล้วน้องเล็กล่ะ” เซี่ยซือซือมองหาน้องชายบ้าง เพราะปกติเซี่ยซานซานจะเป็นคนคอยดูแลเขา เซี่ยซานซาน “เขาเล่นอยู่กับเสี่ยวเป่าหลังบ้านเจ้าค่ะ มีหนิงเซียนคอยดูอยู่” “เจ้าเข้าไปบอกท่านแม่ไว้ก่อน เผื่อไม่เห็นเจ้าท่านจะเป็นห่วงเอา” “ได้ท่านพี่” เซี่ยซา
107 : คุณชายเริ่นก้งเยว่กับพี่หญิงใหญ่ วันต่อมาโรงประมูลหยางชุนกระจายข่าวออกไปอย่างหนาหู ว่าคุณชายเริ่นก้งเยว่ได้นำของล้ำค่ามาร่วมประมูล ผู้คนต่างแห่มาซื้อตั๋วเข้าชมกันอย่างล้นหลาม รวมไปถึงคนในจวนท่านอ๋องห้าด้วย “เจ้าแน่ใจนะว่าข้าเหมือนสตรีแล้ว” สตรีร่างสูงอย่างถานจ้านเริ่มรู้สึกประหม่า เขาแอบออกมาแต่งตัวที่โรงเตี๊ยมด้านนอก เพราะไม่อยากให้คนในบ้านรู้เรื่องนี้ “พี่หญิงใหญ่เหตุใดไม่เชื่อมือข้าล่ะขอรับ” เซี่ยซือซือที่อยู่ในชุดของคุณชายเริ่นก้งเยว่กลั้นขำแทบตาย นางถักเปียทำมวยผมให้เขาอย่างน่ารัก ใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางอย่างสวยงาม “พี่หญิงใหญ่ท่านงามมากขอรับ บุรุษในโรงประมูลต้องคลั่งไคล้ท่านแน่” ถานจ้าน “...!?” เขามองพ่อหนุ่มน้อยหน้าตาเกลี้ยงเกลาตรงหน้า นางจะรู้บ้างไหมว่าแต่งเช่นนี้แล้วดึงดูดสายตาผู้คนยิ่งนัก “เจ้ารีบสวมหมวกเถอะ” เขาหยิบหมวกใบใหญ่ครอบลงบนศีรษะของนาง ก่อนจะสวมให้ตัวเองอีกด้วย หากเซี่ยซือซือไม่บอกว่านางสวมหมวกปิดบังใบหน้า ไว้ตลอดเวลาที่ปลอมตัวเป็นคุณชายเริ่นก้งเยว่ เขาคงห้ามไม่ให้นางเข้าไปยังโรงประมูลแล้ว ก่อนหน้
106 : เสี่ยวเป่า นั่นเจ้าใช่ไหม ! รถม้าวิ่งช้า ๆ ผ่านถนนที่มีขอทานกับคนไร้บ้านรวมตัวกันอยู่ เซี่ยซือซือไม่อยากให้น้องชายของนาง เห็นภาพน่าเวทนาเหล่านี้ นางอยากพาเขากลับเข้าไปนั่งในรถม้า แต่ไม่มีที่ให้จอดรถม้าได้อย่างปลอดภัย หากจอดไปแล้วเกรงว่าคนไร้บ้านเหล่านี้ จะกรูกันเข้ามารุมทึ้งรถม้าของนางเข้า จึงต้องให้เขานั่งอยู่บนตักของนางต่อไป เซี่ยซือหยางกินขนมในมือแล้วมองสองข้างทางไปด้วย เขาเห็นคนยากไร้นอนเกลื่อนข้างถนนเต็มไปหมด เขาได้แต่ถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า ก้มลงมองขาสั้น ๆ กับนิ้วมือป้อม ๆ ของตัวเอง จะไปช่วยเหลืออันใดผู้อื่นได้ “แต่เอ๋ ?” เขาหันกลับไปมองดูอีกที ขนมในมือถูกปล่อยทิ้งลงพื้น ลุกขึ้นยืนหันหน้ามองไปยังด้านหลัง “น้องเล็กอันตรายอย่าลุก” เซี่ยซือซือจับเขาเอาไว้แน่น ๆ แต่เหตุใดเขาถึงได้ดิ้นรน อยากมองไปด้านหลังเช่นนี้ “เสี่ยวเป่า นั่นเจ้าใช่ไหม !” ถานจ้านถึงกับค่อย ๆ หยุดรถม้าลง เขาหันไปมองหน้าเซี่ยซือหยางด้วยความแปลกใจ “เสี่ยวซือหยางเจ้าเรียกใคร” “เหมือนข้าจะเห็นเสี่ยวเป่า” เขาพูดคล้ายไม่แน่ใจ “เสี่ยวเป