“ท่านพี่ท่านป้าให้ข้ามาตามท่าน” เสียงของเซี่ยซือหยางดังขัดจังหวะของทั้งคู่ ศีรษะน้อย ๆ ของเขายื่นออกมา ผ่านช่องประตูที่แง้มไว้เพียงเล็กน้อย
“มีเรื่องอันใดน้องเล็ก” เซี่ยซือซือเห็นน้องชายไม่กล้าเข้ามาก็นึกแปลกใจ
“ท่านหมออวี่มาหาท่านพี่ขอรับ”
เซี่ยซือซือขานรับในลำคอ หันไปทางเจ้าของห้อง เห็นเขาหันหลังกลับไปคัดลอกตำราต่อ ไม่ได้สนใจนางเลยแม้แต่น้อย เซี่ยซือซือทำปากยื่นใส่อย่างหมั่นไส้ เขาก่อนหมุนตัวออกจากห้องไป
“น้องเล็กทำไมไม่เข้าไปในห้องล่ะ” นางจูงมือน้องชายเดินไปตามทางเดิน
“ท่านป้าถานบอกว่า ห้ามข้าเข้าห้องพี่เขยก่อนได้รับอนุญาต”
พี่เขย ! ทำไมคำนี้ทำนางรู้สึกกระดากอายชอบกล
“เช่นนั้นเจ้าต้องส่งเสียงบอกเจ้าของห้องก่อน รอให้เขาอนุญาตค่อยเปิดประตูเข้าไป”
“อื้ม ข้าจะจำไว้”
ทั้งคู่เดินมาถึงห้องโถงของบ้านสกุลถาน เห็นนางถานนั่งคุยเป็นเพื่อนท่านหมออวี่อยู่ บนโต๊ะด้านข้างมีกาชาร้อนวางต้อนรับ
“เจ้ามาพอดีเลยซือซือ ท่านหมออวี่มีธุระเรื่องน้องสาวของเจ้า”
“ท่านหมออวี่” เซี่ยซือซือโค้งคำนับทักทาย นั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่าง คว้าตัวน้องชายให้นั่งลงบนตักของนาง
“เมื่อวานข้าไปที่ตำบลแต่ดันเจอสหายเก่าที่ห่างหายกันไปนาน ปลีกตัวกลับมาไม่ได้มันมืดแล้ว เลยต้องอยู่ค้างคืนที่โรงเตี๊ยมคืนหนึ่ง ไม่ได้เอายากลับมาให้อาซาน นางเป็นอย่างไรบ้าง” สีหน้าของท่านหมออวี่ไม่ใคร่สบายใจนัก
“อาการของนางคงที่เจ้าค่ะ ข้าทายาภายนอกให้นางแล้ว ท่านหมออวี่ไม่ต้องเป็นห่วง ท่านจะเข้าไปดูนางเสียหน่อยไหม”
“ไปสิ”
“ท่านป้าถานเจ้าคะ ข้าขอพาท่านหมออวี่เข้าไปดูอาการอาซานก่อนนะเจ้าคะ”
“ข้าเองก็จะไปดูนางอยู่เหมือนกัน ไปพร้อมกันนี่แหละซือซือ” เพราะเซี่ยซือซือเป็นลูกสะใภ้ของนางแล้ว นางถานจึงไม่สามารถให้บุรุษอื่นอยู่กับนางตามลำพังได้ เดินตามหลังพวกเขาเข้าไปภายในห้องฝั่งปีกขวา
ท่านหมออวี่ทำการตรวจชีพจรของอาซาน สีหน้าของเขายังคงไม่เข้าใจอาการของนางอยู่ดี ชีพจรเต้นคงที่ไม่มีตรงไหนบ่งบอกว่าอาการรุนแรงแต่อย่างใด
เซี่ยซือซือเห็นว่านี่เป็นโอกาสดี ที่จะเอ่ยเรื่องการฟื้นของน้องสาว “ท่านหมออวี่เจ้าคะ ไม่รู้ว่าข้ารู้สึกไปเองไหม เหมือนข้าเห็นนิ้วมือของอาซานขยับได้ อาการของนางกำลังดีขึ้นแล้วใช่ไหม”
“เจ้าเห็นนิ้วนางขยับรึ เมื่อใดกันอาซือ”
“เอ่อ เมื่อคืนเจ้าค่ะ ตอนข้าป้อนน้ำให้นาง แต่พอข้าเพ่งดูดี ๆ ก็ไม่ขยับแล้ว จึงไม่ค่อยแน่ใจเจ้าค่ะ”
“ไม่เลว ๆ อาการนางคงดีขึ้นจริง ๆ เจ้าต้มยาที่ข้าซื้อมา พยายามป้อนให้นางกินทุกวัน สามเวลาเช้า กลางวัน เย็น หากโชคดีนางอาจจะฟื้นขึ้นมาในเร็ววันนี้ก็เป็นได้”
“นี่ถือได้ว่าเป็นเรื่องดีใช่ไหมท่านหมออวี่” นางถานรู้สึกดีใจไปกับเด็ก ๆ ด้วย อีกทั้งยังปลดก้อนหินหนักในใจลงได้
“ย่อมดีอยู่แล้วเหลียนฮวา มีแนวโน้มที่ดีเลยล่ะ การขยับร่างกายบางส่วนได้ หมายความว่าร่างกายกำลังฟื้นตัวขึ้นมา อีกหน่อยคงขยับได้ทั้งตัว” ท่านหมออวี่สีหน้าสดใสขึ้นมาในทันที อาการป่วยของเซี่ยซานซานนั้นแปลกนัก หากนางไม่ฟื้นขึ้นมาอีก เขาคงรู้สึกค้างคาใจไปจนวันตาย
แต่คนรู้ความจริงสองคน กลับรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย เซี่ยซือซือคิดว่าอีกสองวันนางคงต้องน้องสาวฟื้นขึ้นมาแล้ว
“เจ้าล่ะเหลียนฮวาอาการของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” จู่ ๆ ท่านหมออวี่ก็หันไปทางนางถาน
“ข้ากินยาต้มตามเทียบยาของท่านหมอในตำบลอยู่เจ้าค่ะ แต่ว่าอาการไม่ได้ดีขึ้นเท่าไรนัก” นางถานทำหน้าหมดหวัง ไม่ว่าจะเปลี่ยนหมอสักกี่คน ทุกคนต่างพูดไปในทิศทางเดียวกันหมด นั่นคือหมดทางเยียวยา
“ข้ามันไร้ความสามารถรักษาเจ้าไม่ได้”
“โทษท่านได้อย่างไร ขนาดท่านหมอในตำบลยังรักษาข้าไม่ได้เลย เรื่องนี้คงต้องโทษตัวข้าเองที่ร่างกายอ่อนแอเกินไป”
เซี่ยซือซือเดินมาส่งท่านหมออวี่กับนางถานตรงประตูหน้าบ้าน ได้ยินสิ่งที่พวกเขาสนทนากันตลอดทาง พอจะเข้าใจได้ไม่ยาก นางถานมีอาการไออย่างรุนแรง นางไม่ใช่หมอจึงไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไรกันแน่ แต่ที่เข้าใจคือท่านหมออวี่รักษาไม่ได้ ส่วนหมอในตำบล ทำได้แค่เขียนเทียบยาบรรเทาอาการให้เท่านั้น
มื้อเที่ยงที่นางถานทำต้อนรับลูกสะใภ้ มีเพียงข้าวต้มผสมธัญพืชหยาบ ส่วนกับเป็นผักป่าผัดใส่น้ำมันกับเกลือ ไม่มีเนื้อสัตว์แต่อย่างใด เซี่ยซือซือลองเดินไปเปิดดูถังข้าวสาร พบว่ามีอยู่เพียงก้นถังเท่านั้น ส่วนพวกแป้งก็เหลืออยู่ติดก้นถุง ไม่รู้จะอยู่ได้อีกสักกี่วัน
“เสี่ยวซือหยางเจ้าไปเรียกพี่เขยเจ้าออกมากินข้าวได้แล้ว” นางถานบอกเด็กน้อยระหว่างวางถ้วยข้าวลงบนโต๊ะ
“ขอรับท่านป้า” เซี่ยซือหยางรับปากแล้วรีบวิ่งไปตามถานจ้านที่ห้อง เขาหยุดยืนรอหน้าประตูอย่างที่พี่สาวสั่งสอน
“พี่เขยขอรับ ท่านป้าให้มาเรียกท่านไปกินข้าว”
“ข้ารู้แล้ว”
เสียงคนด้านในตอบกลับมาแล้ว แต่เจ้าตัวน้อยกลับไม่ยอมจากไปในทันที เขายังยืนรออยู่หน้าประตูดังเดิม พอประตูห้องถูกเปิดออก เขาก็ยิ้มแฉ่งในทันที “โอ๊ะ ท่านออกมาแล้ว”
ถานจ้านใช้ไม้ค้ำช่วยในการเดิน ทุกย่างก้าวจึงเป็นไปอย่างลำบาก เซี่ยซือหยางแอบมองเขาอยู่ตลอดทาง เด็กน้อยอยากจะเอื้อมมือออกไปช่วย แต่ว่าแขนของเขานั้นแสนสั้น คว้าเอวถานจ้านยังไม่ถึงด้วยซ้ำ ได้แต่เอามือไพล่หลัง โน้มตัวลงไปด้านหน้า คล้ายคนแก่หลังค่อม ค่อย ๆ เดินตามหลังคนตัวโตไป
เซี่ยซือหยางที่กำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวด อยู่ด้านหลังของถานจ้าน ทำให้คนเป็นพี่สาวอย่างเซี่ยซือซือ ถึงกับมุมปากกระตุก น้องชายของนางนี่คิดอะไรอยู่นะ
“มานั่งเร็วเข้าจ้านเออร์ มื้อนี้ข้าทำอาหารเลี้ยงต้อนรับภรรยาของเจ้าเชียวนะ เสียดายไม่มีเนื้อให้กิน”
ภรรยาของข้า ? ถานจ้านข่มความไม่เห็นด้วยเอาไว้ พยายามคิดว่าเจ้าเด็กผอมแห้งคนนี้คือภรรยาของตนก็แล้วกัน อย่างไรเสียท่านแม่ของเขาก็ซื้อนางมาแล้วนี่
“ขอบคุณท่านป้าถานมากเจ้าค่ะ”
“เหตุใดยังเรียกท่านป้าอีกล่ะ เจ้าควรเรียกข้าว่าท่านแม่ได้แล้ว”
เซี่ยซือซือหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “เจ้าค่ะท่านแม่”
“ดีมาก พวกเจ้ากินข้าวได้แล้ว ฝีมือของข้าไม่ได้เลอรสแต่พอกินได้แน่นอน” นางถานดูเหมือนจะเบิกบานกว่าใครเพื่อน นางคีบผักป่าให้ลูกชายก่อน จากนั้นก็คีบให้ลูกสะใภ้ ตามด้วยเซี่ยซือหยาง
รสชาติผักป่าผัดใส่น้ำมันอันน้อยนิด ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย ช่างเป็นรสชาติที่เซี่ยซือซือเกินจะบรรยายได้ นางหวนคิดถึงมันฝรั่งต้มโจ๊กเมื่อเช้าขึ้นมา พอมองดูคนอื่น ๆ กินแล้ว พลอยรู้สึกว่านี่มันรสชาติปกติของพวกเขา มีเพียงคนที่มาจากยุคปัจจุบันอย่างนาง ถึงรู้สึกว่ารสชาติอาหารมื้อนี้ไม่อร่อยเลยสักนิด
หลังกินมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว ถานจ้านกลับเข้าห้องเข้าไปคัดลอกตำราของตนเองต่อ เซี่ยซือซือมารู้ภายหลังว่าเขารับจ้างคัดลอกตำรา เพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว ส่วนนางถานนั้นมีอาชีพหลักคือการปักผ้าเช็ดหน้า นำไปขายที่ร้านขายผ้าในตำบลหานตง แต่ว่าระยะนี้อาการของนางถานไม่สู้ดีนัก จึงปักผ้าได้ปริมาณน้อยลง
“ท่านแม่เจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าว่าจะขึ้นเขาไปหาของป่า” หลังล้างจานเสร็จแล้วเซี่ยซือซือก็เดินมาบอกแม่สามีที่ห้องของนาง
นางถานเงยหน้าขึ้นจากผ้าที่กำลังปักอยู่ในมือ “เหตุใดต้องขึ้นเขาตอนนี้ด้วยล่ะซือซือ ข้าบอกแล้วไงว่าวันนี้เจ้าไม่ต้องทำกับข้าวให้น้อง ข้าจะเลี้ยงพวกเจ้าเองรวมถึงมื้อเย็นด้วย”
“ข้าจะไปจับปลาบนเขาเจ้าค่ะ น้องชายของข้ายังเล็กต้องได้กินเนื้อหน่อยถึงจะโต”
“บนเขามีปลาด้วยหรือ” นางถานเคยไปแค่ตีนเขาเพื่อเก็บผักป่ากับพวกผลไม้ป่า จึงไม่เคยเห็นลำธารที่อยู่ลึกเข้าไปด้านใน
“มีเจ้าค่ะ มีน้ำตกที่ไหลลงมาเป็นลำธารอยู่ด้านบนด้วย หนก่อนข้ากับน้อง ๆ เคยขึ้นไปจับปลามาย่างกินกันแล้วเจ้าค่ะ”
“มันจะอันตรายไหมซือซือเจ้าไปคนเดียว”
“ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ บริเวณนั้นค่อนข้างปลอดภัย ข้าจะรีบไปรีบกลับ ส่วนน้องเล็กตอนนี้นอนกลางวันอยู่ ถ้าตื่นขึ้นมาเกรงว่าจะร้องหาข้า วานท่านแม่ช่วยบอกเขาหน่อย ว่าข้าขึ้นเขาเดี๋ยวก็กลับลงมาแล้ว”
“ได้เช่นนั้นเจ้าเองก็ระวังตัวด้วยล่ะซือซือ”
“เจ้าค่ะท่านแม่”
เซี่ยซือซือเดินกลับไปยังห้องครัว หยิบตะกร้าพร้อมจอบมือขึ้นสะพายบนหลัง มุ่งหน้าขึ้นเขาไฉ่หงไปเพียงลำพัง
พอลับตาคนนางก็ดื่มน้ำพุวิเศษไปอึกหนึ่ง ร่างกายร้อนวูบวาบขึ้นในทันที นางวางฝ่ามือลงบนพื้นดิน พบว่าบริเวณใกล้ ๆ ไม่มีผู้คน จึงตั้งใจเดินขึ้นไปตรงน้ำตก ฝีเท้าเดินอย่างมั่นคงและคงความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ แต่เหงื่อสักหยดก็ไม่มี ความเมื่อยล้าก็ไม่ปรากฏ นางมาถึงธารน้ำตกในเวลาอันรวดเร็ว
และด้วยความเร็วของนาง ปลาในลำธารจึงไม่สามารถหลุดพ้นจากฝ่ามือของนางไปได้ ห้าตัวนางคิดว่าจับมาแค่นี้คงเพียงพอสำหรับการกินของทุกคน นางนำพวกมันเข้าไปไว้ในมิติพิเศษ ขังไว้ในถังภายในกระท่อมก่อน นางยังไม่อยากนำปลาจากมิติพิเศษออกมา เอาไว้ยามนางลำบากจริง ๆ ค่อยจับพวกมันออกมากินแล้วกัน
เซี่ยซือซือนั่งพิงโคนต้นไม้ใหญ่ มองไปน้ำตกที่ทิ้งตัวลงสู่เบื้องล่าง นางกำลังคิดว่าจะหาเงินได้จากอะไร โสมคน ! เห็ดหลินจือ ! บ้าชะมัดนางรู้จักสมุนไพรล้ำค่าแค่น้อยนิด มิติพิเศษแห่งนี้สามารถหาของตามที่นางต้องการ ย่อมหมายความว่านางต้องรู้จักของสิ่งนั้นด้วย หากนางไม่รู้จักมันก็ไม่สามารถจัดหาให้ได้
ไหนเลยจะมีของวิเศษให้นางเก็บเกี่ยวได้ง่ายดายเพียงนั้น นางใช้ฝ่ามือวางบนพื้นดินถ่ายพลังสำรวจรอบภูเขาลูกนี้ ไม่ปรากฏโสมหรือเห็ดหลินจือเลยสักต้น แต่ใช่ว่าจะไม่มีอะไรน่าสนใจเลยทีเดียว นางรีบตรงไปยังบริเวณที่ตัวเองค้นพบ หน่อไม้ขนาดใหญ่หลายหน่อ ถูกใบไผ่ทับถมจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
เซี่ยซือซือใช้จอบมือขุดหน่อไม้ขนาดใหญ่เท่าขาออกมาสี่ห้าหน่อ จากนั้นก็โยนเข้าไว้ในมิติพิเศษของตัวเอง สักพักสายตาของนางก็เจอเข้ากับเห็ดเยื่อไผ่ นี่เป็นเห็ดดีมีราคา อีกทั้งมีปริมาณค่อนข้างเยอะ นางรีบเก็บเข้าไปไว้ในมิติพิเศษอีกด้วย จำนวนเยอะขนาดนี้ นางพอจะเอาไปขายให้ร้านอาหารหรือหอโอสถในตำบลได้
แกรก ๆ เสียงสัตว์เล็กวิ่งอยู่ไม่ไกล แค่วางฝ่ามือสำรวจก็รู้ว่ามันคือกระต่ายสีขาวปุยครอบครัวหนึ่ง
ไม่ ข้าไม่กินกระต่าย !
พอวางฝ่ามือสำรวจสัตว์ป่าตัวอื่น นางไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าตัวเองจะสามารถเอาชนะเสือตัวใหญ่ หมาป่าทั้งฝูง หรือว่าหมูป่าตัวนั้นได้ไหม เช่นนั้นอย่าเสี่ยงจะดีกว่า
แต่ว่า ! เจ้ากวางป่าบาดเจ็บตัวนั้นกำลังดึงดูดความสนใจจากนาง มันถูกเสือจู่โจมมาอย่างหนัก แต่กลับหนีรอดออกไปได้ เซี่ยซือซือมองตามหลังมันไป เห็นมันเข้าไปแอบหลบอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ลมหายใจของมันแผ่วเบาลงเรื่อย ๆ ดวงตาของมันค่อย ๆ ปิดลงไป
มันกำลังจะตาย !
เนื้อกวางไม่ได้ทำให้เซี่ยซือซือสนใจมากนัก ที่นางต้องการคือเขากวางอ่อนต่างหาก ราคาในโลกปัจจุบันค่อนข้างแพงเลย ถือว่าเป็นยาบำรุงอย่างดี นางวิ่งไปยังถ้ำที่เจ้ากวางตัวนั้นหมดลมหายใจไป รีบนำมันเข้าไปเก็บไว้ในมิติพิเศษ นางสัมผัสได้ว่ามิติแห่งนี้สามารถคงสภาพสิ่งของที่นำเข้าไปได้ คล้ายว่ามันสามารถรักษาความสดของอาหารได้ด้วย
พรุ่งนี้นางจะเอากวางตัวนี้เข้าไปขายให้หอโอสถในตำบลหานตง เซี่ยซือซือไม่รู้วิธีตัดเขากวาง เช่นนั้นให้คนของหอโอสถทำเองจะดีกว่า
13 : น้าเหลียนฮวาช่างโง่นัก ก่อนถึงบ้านสกุลถาน เซี่ยซือซือได้นำปลา หน่อไม้ และเห็ดเยื่อไผ่ส่วนหนึ่งออกมาใส่ตะกร้าบนหลัง ยังมีผักป่ากับสมุนไพรอีกหลายชนิดที่นางเก็บกลับมาด้วย นางเหลือเห็ดเยื่อไผ่เอาไว้ในมิติพิเศษ เพื่อนำไปขายในวันพรุ่งนี้ พอกลับมาถึงหน้าบ้านสกุลถาน บรรยากาศภายในบ้านกลับดูแปลกไป นางถานนั่งหน้าเครียดอยู่ตรงห้องโถงเพียงลำพัง “ท่านแม่เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ” เซี่ยซือซือปลดตะกร้าบนหลังวางลงที่พื้น “เจ้าบอกข้ามาตามตรงซือซือ เจ้ารังเกียจจ้านเออร์ของข้าหรือไม่” “ท่านแม่เหตุใดถึงถามข้าเช่นนี้” “ชาวบ้านต่างหาว่าข้าโง่นักที่ซื้อเจ้ามาเป็นภรรยาให้จ้านเออร์ ทั้งที่เจ้าไม่ได้เต็มใจอีกทั้งยังรังเกียจ ที่ลูกชายของข้าพิการ จนคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย” ตอนเย็นนางถานเดินไปซื้อไข่ไก่ที่บ้านของหวางชุนลี่ กลับได้ยินหวางชุนลี่พูดกับอวี่กุ้ยสามีของนาง ว่าเห็นกับตาตอนเซี่ยซือซือกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย นางไม่ได้พลัดตกน้ำไปเองอย่างที่ทุกคนคิดกัน “สามีข้าน้าเหลียนฮวาช่างโง่นัก ซือซือรังเกียจที่ถานจ้านพิการ จนเลือกกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย
14 : แอบช่วยแม่สามี อาหารบนโต๊ะมีซุปเยื่อไผ่ ปลาตุ๋นสมุนไพรจีน ผัดผักป่า แล้วยังมีไข่ตุ๋นเห็ดหอมอีกด้วย เซี่ยซือซือหุงข้าวขาวให้สองแม่ลูก ส่วนนางกับน้อง ๆ ยังคงกินโจ๊กธัญพืชหยาบผสมกับมันฝรั่ง นางถานเห็นอาหารบนโต๊ะแล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าใดนัก สองแม่ลูกจึงกินแค่ผัดผักป่ากับไข่ตุ๋นเห็ดหอม ไม่กล้าแตะต้องซุปเยื่อไผ่กับปลาตุ๋นสมุนไพรจีน เซี่ยซือซือเห็นเช่นนั้นจึงหยิบถ้วยมาตักอาหารทั้งสองชนิด วางตรงหน้าของนางถานก่อน “ท่านแม่ปลาตุ๋นกับซุปเยื่อไผ่นี่ข้าตั้งใจทำเลยนะเจ้าคะ ท่านลองชิมดูหน่อยว่าฝีมือข้าเป็นอย่างไรบ้าง” ก่อนจะยื่นอีกถ้วยให้ถานจ้าน “พี่จ้านท่านก็ลองดูหน่อย ข้าไม่ค่อยถนัดเรื่องทำอาหาร พวกสมุนไพรที่ใส่วันนี้ก็เก็บเอาตามป่าเขานั่นแหละ” นางใช้ขิง ต้นหอมป่า เห็ดหอมป่า มาเป็นส่วนผสม ปรุงรสด้วยเกลือเพียงอย่างเดียว รสชาติจึงไม่อาจรู้ได้ ว่าจะอร่อยถูกใจผู้อื่นไหม เซี่ยซือซือไม่รอฟังความเห็นของสองแม่ลูก นางหันไปใส่ใจน้องชายของตัวเองต่อ “น้องเล็กเนื้อปลานี่ดูก้างดี ๆ ด้วยล่ะ เผื่อหลุดรอดสายตาข้าไป” เซี่ยซือหยางคีบเนื้อปลาเข้าปาก
15 : เข้าตำบลหานตง เซี่ยซือซือสะพายตะกร้าที่ใส่เห็ดเยื่อไผ่เอาไว้ นางถานนำห่อผ้าเช็ดหน้าปักของตัวเองกับตำราของลูกชาย มาส่งยื่นให้นางถือไป เพราะกลัวจะทำให้เห็ดเยื่อไผ่ช้ำ และตำราอาจได้รับความเสียหาย พอพ้นสายตาคนในบ้านไป เซี่ยซือซือตั้งใจนำของในมือใส่ไว้ในมิติพิเศษ เหลือไว้แค่เห็ดเยื่อไผ่ในตะกร้า “ลำบากเจ้าแล้วซือซือ รีบไปเถอะก่อนที่เกวียนของเฒ่าอวี่ไห่จะออกไปเสียก่อน นี่เอาไว้จ่ายค่าเกวียน” เงินสองอีแปะถูกยัดใส่มือของเซี่ยซือซือ “หลังได้เงินค่าผ้าปักมาแล้ว เจ้านำไปซื้อข้าวกับธัญพืชกลับมาด้วย กะว่าให้กินได้หลายวันเสียหน่อย ส่วนค่าคัดลอกตำราของจ้านเออร์เจ้าห้ามใช้ เงินส่วนนั้นให้นำกลับมาให้จ้านเออร์ทั้งหมด” “ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ฝากท่านดูแลน้องชายของข้าด้วยนะเจ้าคะ ส่วนอาซานข้าป้อนยานางไปแล้ว” “ได้เดินทางดี ๆ ล่ะ เจอคนแปลกหน้าก็ไม่ต้องไปคุยด้วย ได้เงินมาแล้วต้องเก็บให้ดี ๆ อย่าให้คนอื่นมาฉกฉวยเอาไปได้” นางถานมองลูกสะใภ้ด้วยความเป็นห่วง แต่อย่างไรเสียนางต้องปล่อยให้เซี่ยซือซือทำเรื่องพวกนี้ด้วยตัวเอง “เจ้าค่ะท่านแม่” เซ
16 : ขายเขากวางอ่อน ระหว่างทางที่เดินออกมาจากร้านขายผ้าหยู่จี้ เซี่ยซือซือมองเห็นแม่เฒ่านางหนึ่งนั่งขายถังหูลู่[1]อยู่ อดนึกถึงน้องทั้งสองคนของนางไม่ได้ เอาไว้ทำธุระสำคัญเสร็จดีเสียก่อน นางค่อยกลับมาซื้อกลับไปฝากพวกเขา หอโอสถหยวนเป่า เป็นเรือนไม้สองชั้น มีขนาดค่อนข้างใหญ่โต เซี่ยซือซือสัมผัสได้ว่าผู้คนที่เดินเข้าออกหอโอสถแห่งนี้ ล้วนแต่งตัวดูดีกันทุกคน มีเพียงนางที่ดูซอมซ่อในชุดเสื้อผ้าปะชุนแบบนี้ ก่อนหน้าที่หอหนังสือกับร้านขายผ้า นางไม่ได้รู้สึกถึงสายตาของผู้อื่นเลย ครั้นเข้ามาในหอโอสถแห่งนี้ กลับพบสายตาดูถูกดูแคลนนาง “พี่ชายหอโอสถของท่านรับซื้อสมุนไพรหรือไม่” นางทำใจกล้าถามคนดูแลที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุด “แม่นางน้อยหอโอสถของเรารับซื้อสมุนไพรอยู่ ท่านนำสมุนไพรตัวไหนมาขายรึ” นับว่าผู้ดูแลคนนี้ยังปฏิบัติดีต่อนาง เซี่ยซือซือเหลือบตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะกระซิบเบา ๆ ออกไปว่า “เขากวางอ่อนเจ้าค่ะ” ดวงตาของผู้ดูแลเฉาเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ รีบผายมือเชื้อเชิญนางเข้าไปในห้องรับรองส่วนตัว พร้อมนำน้ำชาออกมาต้อนรับอีกต่างหาก นี
17 : อาซานเจ้าฟื้นแล้วหรือ นางทำให้ห้องครัวในมิติพิเศษมีทุกอย่างครบครัน ทั้งหมดใช้เงินไปไม่ถึงสิบตำลึงด้วยซ้ำ พวกผ้าห่มผืนใหม่ที่ซื้อมา นางคงต้องเก็บไว้ในมิติพิเศษไปก่อน เพราะไม่มีเหตุผลจะมาบอกทุกคนได้ ยามนี้เซี่ยซือซือต้องการเก็บงำเรื่องเงินก้อนนี้เอาไว้ นางไม่อยากเป็นเศรษฐีใหม่ ที่คนอื่นต่างพุ่งความสนใจมาหา ของแบบนี้มันต้องค่อยเป็นค่อยไป นางเดินสำรวจในตำบลหานตงเพื่อหาช่องทางหาเงินในอนาคต ในใจพลันสับสนนางจะสามารถสร้างรายได้จากอาชีพอะไรได้บ้าง เอาล่ะตอนนี้นางยังคิดอะไรไม่ออก ใครใช้ให้นางเป็นแค่พนักงานออฟฟิศธรรมดาล่ะ หากนางปลูกของกินได้ในมิติพิเศษ นางจะเก็บเกี่ยวมันออกมาอย่างไรไม่ให้ผู้คนสงสัย เป็นปัญหาที่นางนอนคิดมาสองคืนแล้วก็ยังคิดไม่ตก พลังวิเศษมักมากับปัญหาหากใช้พร่ำเพรื่อจนเกินเหตุ ถ้านางเอาเงินก้อนนี้ไปซื้อที่ดินปลูกบ้านหลังใหม่ แค่คิดผีโหยในบ้านใหญ่สกุลเซี่ย คงไม่ปล่อยให้พวกนางหลุดรอดไปแน่ ให้ตัดขาดจากกันดันไม่มีเหตุผลเพียงพอให้ทำเช่นนั้น ยิ่งยุคโบราณบูชาความกตัญญูแบบไม่สนใจเหตุผลแบบนี้ แค่มีพ่อเฒ่าแม่เฒ่าทิ้งตัวลงไปกลิ้งเกลือกกับดินโคลน ก่นด่าบุตร
18 : น้องเล็กก่อเรื่อง “ซือซือเจ้ามาทันเวลาพอดี ซานซานเพิ่งฟื้นเมื่อครู่ใหญ่ ๆ นี้เอง เสี่ยวซือหยางเป็นคนวิ่งไปบอกข้า ข้าเลยให้คนไปตามท่านหมออวี่มาตรวจดูอาการของนาง” นางถานยิ้มจนหน้าบาน เดินไปดึงมือของลูกสะใภ้มาตบปลอบเบา ๆ นี่นับว่าเป็นเรื่องดีของครอบครัวนาง “ท่านหมออวี่อาซานเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” “อาการแทบจะเป็นปกติดีทุกอย่าง ยาที่ข้าให้เจ้ามาได้ผลดีเกินคาด กินไปไม่ทันข้ามวันก็ฟื้นแล้ว” ท่านหมออวี่ยืดอกขึ้นอย่างภาคภูมิใจ เซี่ยซือซือ “...” เซี่ยซานซาน “...” “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ปวดเมื่อยเนื้อตัวตรงไหนไหม” เซี่ยซือซือเดินเข้าไปหาน้องสาว พร้อมกับลูบศีรษะนางเบา ๆ สายตาของเซี่ยซานซานเหมือนกำลังอยากฟ้องนางเหลือเกิน นี่มันต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ ๆ “ไม่ปวดเลยท่านพี่ ข้าเหมือนคนเพิ่งฟื้นจากความตายมา สวรรค์ยังเมตตาข้าอยู่” “ข้าบอกแล้วว่าเสียงของข้า ต้องทำให้พี่รองประทับใจจนต้องฟื้นขึ้นมา” เซี่ยซือหยางกอดอกฉีกยิ้มกว้าง จนเห็นฟันสีขาวเรียงกัน เซี่ยซานซาน “...!” “เช่นนั้นหรอกหรือ น้องเล็กเจ้าเก่ง
19 : ไอหยา ! วันนี้ข้ามีเนื้อกินอีกแล้ว เซี่ยซือซือเดินกลับมายังห้องครัวของบ้าน เห็นนางถานกำลังหิ้วเนื้อหมูหนึ่งก้อนขึ้นมา สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความสงสัย “นี่มันเนื้อหมูน้ำหนักสองจิน[1]ใช่ไหมซือซือ” “เจ้าค่ะท่านแม่ พวกข้าขาดเนื้อมาหลายปีแล้ว อยู่ที่บ้านหลังเก่าท่านย่าไม่เคยให้พวกข้ากินเนื้อเลยเจ้าค่ะ พอวันนี้มีเงินก็อยากซื้อเนื้อมาให้น้อง ๆ ได้กินบ้าง ท่านแม่ท่านอย่าหาว่าข้าใช้เงินเปลืองเลยนะเจ้าคะ น้อง ๆ ของข้าอยู่ในวัยกำลังโต พวกเขาควรได้กินของดี ๆ บ้าง” อย่าว่าแต่เนื้อเลยอาหารดี ๆ ยังหากินได้ยาก ส่วนใหญ่พวกนางสามพี่น้อง มักได้อาหารเหลือกินของทุกคนด้วยซ้ำ เพราะไม่มีบิดามารดาคอยหนุนหลัง ทุกคนจึงเอารัดเอาเปรียบอยู่ร่ำไป เจ้าของร่างเดิมเป็นคนไม่มีปากเสียง ถือเรื่องกตัญญูต่อผู้อาวุโสมาก่อน แม่เฒ่าเซี่ยบอกให้ไปซ้าย นางจะไม่มีวันไปทางขวาเด็ดขาด “ข้าจะไปว่าเจ้าได้อย่างไรซือซือ เงินนั้นเป็นของเจ้า ดีแล้วที่เจ้าคิดถึงเรื่องพวกนี้ น้องของเจ้ารวมถึงตัวเจ้าด้วยผ่ายผอมเกินไปจริง ๆ” นางถานวางเนื้อหมูที่เดิม นางเข้าใจความคิดของลูกสะใภ้เป็นอย่างดี
20 : แม่เฒ่าเซี่ยมารับเซี่ยซานซานกลับบ้าน เมื่อข่าวการฟื้นของเซี่ยซานซานกระจายไปทั่วทั้งหมู่บ้าน เช้าวันต่อมาแม่เฒ่าเซี่ยรีบพาลูกชายทั้งสองคน มาหาหลานสาวที่บ้านสกุลเซี่ยทันที นางถานให้การต้อนรับพวกเขาที่ห้องโถง สักพักสามพี่น้องจับมือกันเดินออกมา ด้วยสีหน้าหวาดระแวง สีหน้าของนางถานกำลังฟ้อง แม่เฒ่าเซี่ยได้สร้างความลำบากใจให้แก่นาง เซี่ยซือซือมองท่านย่ากับท่านลุงทั้งสองคนของตน นี่มิใช่เอากำลังคนมาข่มขู่พวกนางหรอกรึ “ท่านย่าเหตุใดถึงได้มาที่นี่ได้ล่ะเจ้าคะ” นางพาน้อง ๆ เดินไปอยู่ด้านข้างกับแม่สามี แบ่งแยกชัดเจนว่านางต้องการอยู่ฝั่งไหน แม่เฒ่าเซี่ยเห็นดังนั้นก็กัดฟันกรอด “ข้าจะหามาเยี่ยมเยียนพวกเจ้าบ้างไม่ได้เชียวหรือ” “เฮอะ ! เยี่ยมเยียนอันใดกัน แม่เฒ่าเซี่ยอยากมารับตัวซานซานกลับไปอยู่บ้านต่างหาก” นางถานเบื่อหญิงชราผู้นี้เต็มทน มาถึงบ้านของนางก็เอาแต่พูดจากถากถางไม่ว่างเว้น พอถูกนางจี้ถามเข้าให้ ถึงได้เอ่ยจุดประสงค์ที่แท้จริงออกมา “ท่านย่าท่านความจำเลอะเลือนหรืออย่างไร พวกข้านั้นแยกบ้านออกมาแล้ว ไม่มีความเกี่ยวข้องกับพวกท่านอีกต
114 : ยวนยางคู่ (จบ) สองเดือนต่อมา เสียงประทัดจุดขึ้นตรงหน้าคฤหาสน์ตระกูลเซี่ย ถานจ้านเป็นฝ่ายแต่งเข้ามาเป็นเขยของตระกูล คนนอกไม่รู้มักคิดติฉินนินทา แต่การที่เซี่ยซือซืออยู่กับสองแม่ลูกตระกูลถานมาตั้งแต่ต้น พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกันมาหลายปีแล้ว ไม่แบ่งแยกว่าใครต้องแต่งเข้าบ้านใคร นางถานเองย่อมรู้ว่าการที่บุตรชายแต่งเข้าบ้านของภรรยา เป็นเพราะเขาต้องการช่วยนางดูแลน้อง ๆ ทั้งสองคน ตัวนางเองมีวันนี้ได้เพราะเซี่ยซือซือเช่นเดียวกัน “เจ้าไม่เสียใจแน่นะเหลี่ยฮวา” แม่เฒ่าจางแอบถามก่อนพิธีเริ่มต้นขึ้น “ข้าไม่เสียใจเจ้าค่ะแม่เฒ่าจาง ลูกชายข้ายังใช้แซ่ของข้ามาตั้งแต่เกิด ข้าไม่สนใจเรื่องชื่อแซ่หรอกเจ้าค่ะ สนใจแค่ว่าเขามีความสุขในชีวิตหรือไม่ ข้าเคยถามเรื่องซื้อเรือนเป็นของตัวเอง จ้านเออร์ปฏิเสธในทันที เขาไม่ยอมแยกจากซือซือไปไหน และรู้ว่านางเองก็ไม่สามารถแยกจากน้อง ๆ ไปได้เช่นเดียวกัน พวกเราอยู่ด้วยกันเช่นนี้ก็มีความสุขดีแล้วนี่เจ้าคะ ยังท่านมีครอบครัวอาจารย์ฮู่ ล้วนแล้วแต่เป็นครอบครัวเดียวกัน” “เจ้าคิดเช่นนี้ย่อมดีแก่พวกเขา อย่าไปฟังเสียงผ
113 : ขอแต่งงาน ถานจ้านพานางไปเลือกซื้อโคมไฟอันใหม่ จากนั้นก็ชวนกันไปล่องเรือในบึง เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของผืนน้ำ ที่สะท้อนแสงเป็นดวงไฟน้อยใหญ่เต็มไปหมด ฝีพายยืนอยู่ด้านหลังทำเป็นไม่สนใจคู่สามีภรรยา ที่กำลังอิงอกซบไหล่กันอยู่ ถานจ้านถอดเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกออกคลุมให้ภรรยา “ซือซือ” “หืม” “เจ้าอายุสิบแปดแล้วนะ” “อื้ม” “เราแต่งงานกันเถอะ” เซี่ยซือซือ “...” นางรีบดันศีรษะตัวเองออก เงยหน้ามองเขาด้วยความงุนงง “ไม่ใช่เราเป็นสามีภรรยากันแล้วรึ” “ใช่ แต่เราไม่เคยเข้าพิธีแต่งงานกัน และยังไม่เคยร่วมหอ” ทำไมเซี่ยซือซือได้ยินแล้วรู้สึกว่า เขาย้ำสองคำสุดท้ายแบบแปลก ๆ ก้มลงเล่นนิ้วมือตัวเองเงียบ ๆ “ร่วมเหอหรือ” พวงแก้มแดงปลั่ง ภายใต้แสงจากโคมไฟที่แขวนไว้ตรงหัวเรือ “เจ้าเคยเล่าให้ข้าฟังว่า โลกของเจ้าบุรุษขอสตรีแต่งงาน จะสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย” ถานจ้านล้วงหยิบแหวนหยกเนื้อดีสีขาวออกมาจากแขนเสื้อ บรรจงสวมใส่บนนิ้วนางข้างซ้ายให้นาง “แต่งงานกับข้านะซือซือ” เซี่ยซือซือมองแหวนบนนิ้ว
112 : ชีวิตในเมืองหลวง เมื่อแคว้นฉีแพ้สงครามย่อยยับ เพื่อแสดงความจริงใจว่าจะไม่บุกแคว้นจ้าวในช่วงสิบปีนับจากนี้ พวกเขาจึงยอมส่งองค์ชายหกซึ่งมีอายุเพียงห้าปี มาเป็นตัวประกันที่แคว้นจ้าว หลังจากนั้นเพียงห้าเดือน เมืองหลวงได้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น เนื่องจากฮ่องเต้ทรงสวรรคตลงด้วยโรคร้าย ท่านอ๋องเจ็ดกับท่านอ๋องห้าจึงต้องนำทัพ เข้าไปปราบปรามขุนนางชั่วที่ก่อกบฏ และปลดองค์รัชทายาทผู้ไร้ความสามารถลงจากบัลลังก์ ท่านอ๋องเจ็ดได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ให้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้องค์ถัดไป เมืองหลวงที่เคยเต็มไปด้วยขุนนางชั่ว กลับถูกกำจัดทิ้งไปในเวลาเพียงสองปีกว่า แน่นอนว่าคนที่อยู่เบื้องหลัง คอยเฝ้าดูคนชั่วและชี้เป้าหมายความผิดได้อย่างแม่นยำ ยังเป็นเซี่ยซือซือคนเดิม แม้นางไม่ขอรับตำแหน่งใด ๆ เพราะอยากทำการค้าเพื่อความร่ำรวย แต่หากมีเรื่องสำคัญจริง ๆ อยากให้นางช่วย นางก็พร้อมช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ แม่ทัพโหย่วถูกย้ายมาเป็นแม่ทัพประจำเมืองหลวง ฮ่องเต้ได้มอบจวนให้เขาได้อยู่อาศัยอย่างสมเกียรติ และมอบตำแหน่งให้บุตรชายทั้งสอง โหย่วหยางหลงได้เป็นหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพร แม้เขาแขนพ
111 : ขับไล่ข้าศึก เซี่ยซือซือนอนไปได้เพียงหนึ่งชั่วยามเศษ ท่านอ๋องเจ็ดก็ส่งคนมาตามนางที่กระโจม ให้นางตรวจสอบดูสถานการณ์ที่ค่ายของข้าศึก เซี่ยซือซือใช้เวลาไม่นานก็พบว่าฤทธิ์ของยาเริ่มทำงาน ท่านหมอใช้ยาที่ทำให้ร่างกายอ่อนแรง ไร้รสไร้กลิ่นไร้สี ม้าศึกนับหมื่นตัวล้มเกลื่อนอยู่บนพื้น ส่วนทหารหนึ่งในสี่ต่างก็ลุกไม่ขึ้นเช่นกัน “ได้ผลเจ้าค่ะท่านอ๋อง แม้จำนวนที่ได้รับยาไม่มากนัก แต่ก็ทำให้กองทหารม้าทมิฬไร้อาชาสู้รบได้จริง ๆ” “เช่นนั้นดี ออกคำสั่งไปให้เตรียมตัวออกรบ ส่งข่าวให้ทางซื่อจื่อได้รู้ด้วย” ท่านอ๋องเจ็ดจะรุกฆาตข้าศึกในเช้านี้ เซี่ยซือซือตัดสินใจพูดเรื่องน้ำพุวิเศษกับท่านอ๋องเจ็ดตามลำพัง นางไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องนี้มากนัก แต่ทหารนับแสนนาย นางไม่สามารถลงมือคนเดียวได้ “เจ้าบอกว่าน้ำพุวิเศษสามารถทำให้กำลังวังชาเพิ่มขึ้นได้เช่นนั้นรึ” “เจ้าค่ะ ท่านลองดื่มดูก็ได้แต่แค่อึกเดียวพอนะเจ้าคะ มันช่วยในการรักษาเป็นหลัก ร่างกายคนปกติหากดื่มเกินหนึ่งอึก มันจะส่งผลเสีย” นางล้วงหยิบขวดน้ำพุวิเศษยื่นให้ท่านอ๋องเจ็ด ท่านอ๋องเจ็ดรับข
110 : กำจัดหน่วยสอดแนม ซื่อจื่อได้รับจดหมายเตือนแล้วถึงกับหน้าดำคล้ำในทันที หากไม่มีการเตือนจากฝั่งท่านอ๋องเจ็ด เขาคงไม่ได้สนใจข้าศึกที่แอบมาด้านข้างเป็นแน่ รีบออกคำสั่งให้ทหารหลักสามหมื่นนาย ดักซุ่มโจมตีข้าศึกที่จ้องทำลายคลังเสบียงในคืนนี้ ส่วนข้าศึกด้านหน้าที่แสร้งทำเป็นบุกโจมตี ก็ให้กองทัพย่อย ๆ ออกไปจัดการส่วนหนึ่ง ที่เหลือตรึงกำลังอยู่กับที่ ห้ามผลีผลามโดยเด็ดขาด ยามดึกทหารทั้งสองฝั่งต่างทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ถานจ้านนำทหารร้อยนาย ตามด้วยเซี่ยซือซือกับอาจารย์ฮู่ ลอบเข้าไปโจมตีหน่วยสอดแนมของอีกฝ่าย หนนี้พวกมันมากันเพียงสิบสองคน แบ่งออกเป็นสองกลุ่มกลุ่มละหกคน เซี่ยซือซือชี้เป้าให้พลธนูโจมตีได้อย่างง่ายดาย จากนั้นนางก็ปลีกตัวไปช่วยสามีกับอาจารย์ฮู่ หน่วยสอดแนมทั้งแปดกลายเป็นศพในเวลาอันรวดเร็ว “จุดพลุส่งสัญญาณ” นางสั่งทหารด้านหลัง ปัง ! ปัง ! ตามที่ตกลงกันไว้ หากพลุส่งสัญญาณดังขึ้น รุ่งเช้าทหารทุกนายต้องเดินทางลงจากเทือกเขาชิงเทียนอย่างเงียบ ๆ กลุ่มของถานจ้านจะเดินทางนำหน้าไปก่อน เพื่อที่จะได้ส่งสัญญาณบอกคนด้านหลังเป็นระยะ เป
109 : เข้าสู่สมรภูมิรบ เรือนโหย่วเสวี่ยหยา เซี่ยซานซานฝึกฝนวรยุทธ์กับคุณหนูสามจนเหนื่อยล้า นางกำลังนั่งกินขนมที่สาวใช้นำมาให้ ส่วนโหย่วเสวี่ยหยาขอตัวเข้าไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ความจริงนางชวนเซี่ยซานซานไปอาบน้ำด้วย แต่เซี่ยซานซานปฏิเสธไม่อยากรบกวน “เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่” เสียงนุ่มทุ้มของโหย่วหยางหลงดังขึ้นอยู่ด้านหลัง “คุณชายใหญ่” เซี่ยซือซือรีบลุกขึ้นโค้งศีรษะให้เขา “ข้าเห็นสาวใช้บอกว่าเสวี่ยหยามีแขก นึกว่าจะเป็นใครที่ไหนเสียอีก นั่งลงสิเจ้ากำลังกินขนมอยู่ไม่ใช่รึ” “เจ้าค่ะ” เซี่ยซานซานไม่อยากอยู่กับคนผู้นี้ตามลำพัง นางเหมือนเด็กน้อยขี้ขลาด มองไปทางประตูห้องของโหย่วเสวี่ยหยาตลอดเวลา “เหตุใดถึงไม่นั่ง รังเกียจข้ารึ” “มะไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้านั่งแล้ว” นางไม่กล้ามองสบสายตากับเขาด้วยซ้ำ นั่งลงบนเก้าอี้อย่างจำใจ “กลัวข้ารึ” มุมปากของโหย่วหยางหลงกระตุกเบา ๆ นึกอยากแกล้งเด็กสาวคนนี้ขึ้นมา “เจ้ามาฝึกวรยุทธ์กับน้องสามของข้า เหตุใดไม่มาลองฝึกกับข้าดูบ้างล่ะ” “ข้าฝีมืออ่อนหัดนัก ไม่บังอาจไ
108 : รักษาท่านอ๋องห้า แม่เฒ่าจางกับเสี่ยวเป่าเริ่มปรับตัวเข้ากับทุกคนได้แล้ว นางคอยช่วยเหลืองานบ้านทุกอย่าง ไม่ทำตัวนิ่งดูดายแต่อย่างใด แม้ว่านางถานจะบอกให้อยู่เฉย ๆ ไม่ต้องทำอันใด แต่ความเกรงใจของหญิงชรานั้นมีมากเหลือเกิน เซี่ยซือซือเลยปล่อยให้ท่านทำไป การอยู่เฉย ๆ จะยิ่งทำให้รู้สึกเครียด นางคอยกำชับแม่เฒ่าจางว่า นางมีเงินสามารถเลี้ยงดูทั้งคู่ได้ ไม่ต้องคิดว่านางจะลำบาก แม่เฒ่าจางถึงได้วางใจ “ท่านพี่ข้าไปหาคุณหนูสามได้หรือไม่” เซี่ยซานซานอยากเจอหน้าโหย่วเสวี่ยหยา นางอยากรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างไร ถอนหมั้นไปแล้วทางซื่อจื่อจะตำหนินางหรือไม่ “อืม” เซี่ยซือซือคิดหนักเพราะนางต้องไปทำงานนี่สิ “ไปเพิ่มอีกคนคงไม่เป็นไรหรอกซือซือ” ถานจ้านหน้าน้องสาวภรรยาแล้วรู้สึกสงสาร “แล้วน้องเล็กล่ะ” เซี่ยซือซือมองหาน้องชายบ้าง เพราะปกติเซี่ยซานซานจะเป็นคนคอยดูแลเขา เซี่ยซานซาน “เขาเล่นอยู่กับเสี่ยวเป่าหลังบ้านเจ้าค่ะ มีหนิงเซียนคอยดูอยู่” “เจ้าเข้าไปบอกท่านแม่ไว้ก่อน เผื่อไม่เห็นเจ้าท่านจะเป็นห่วงเอา” “ได้ท่านพี่” เซี่ยซา
107 : คุณชายเริ่นก้งเยว่กับพี่หญิงใหญ่ วันต่อมาโรงประมูลหยางชุนกระจายข่าวออกไปอย่างหนาหู ว่าคุณชายเริ่นก้งเยว่ได้นำของล้ำค่ามาร่วมประมูล ผู้คนต่างแห่มาซื้อตั๋วเข้าชมกันอย่างล้นหลาม รวมไปถึงคนในจวนท่านอ๋องห้าด้วย “เจ้าแน่ใจนะว่าข้าเหมือนสตรีแล้ว” สตรีร่างสูงอย่างถานจ้านเริ่มรู้สึกประหม่า เขาแอบออกมาแต่งตัวที่โรงเตี๊ยมด้านนอก เพราะไม่อยากให้คนในบ้านรู้เรื่องนี้ “พี่หญิงใหญ่เหตุใดไม่เชื่อมือข้าล่ะขอรับ” เซี่ยซือซือที่อยู่ในชุดของคุณชายเริ่นก้งเยว่กลั้นขำแทบตาย นางถักเปียทำมวยผมให้เขาอย่างน่ารัก ใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางอย่างสวยงาม “พี่หญิงใหญ่ท่านงามมากขอรับ บุรุษในโรงประมูลต้องคลั่งไคล้ท่านแน่” ถานจ้าน “...!?” เขามองพ่อหนุ่มน้อยหน้าตาเกลี้ยงเกลาตรงหน้า นางจะรู้บ้างไหมว่าแต่งเช่นนี้แล้วดึงดูดสายตาผู้คนยิ่งนัก “เจ้ารีบสวมหมวกเถอะ” เขาหยิบหมวกใบใหญ่ครอบลงบนศีรษะของนาง ก่อนจะสวมให้ตัวเองอีกด้วย หากเซี่ยซือซือไม่บอกว่านางสวมหมวกปิดบังใบหน้า ไว้ตลอดเวลาที่ปลอมตัวเป็นคุณชายเริ่นก้งเยว่ เขาคงห้ามไม่ให้นางเข้าไปยังโรงประมูลแล้ว ก่อนหน้
106 : เสี่ยวเป่า นั่นเจ้าใช่ไหม ! รถม้าวิ่งช้า ๆ ผ่านถนนที่มีขอทานกับคนไร้บ้านรวมตัวกันอยู่ เซี่ยซือซือไม่อยากให้น้องชายของนาง เห็นภาพน่าเวทนาเหล่านี้ นางอยากพาเขากลับเข้าไปนั่งในรถม้า แต่ไม่มีที่ให้จอดรถม้าได้อย่างปลอดภัย หากจอดไปแล้วเกรงว่าคนไร้บ้านเหล่านี้ จะกรูกันเข้ามารุมทึ้งรถม้าของนางเข้า จึงต้องให้เขานั่งอยู่บนตักของนางต่อไป เซี่ยซือหยางกินขนมในมือแล้วมองสองข้างทางไปด้วย เขาเห็นคนยากไร้นอนเกลื่อนข้างถนนเต็มไปหมด เขาได้แต่ถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า ก้มลงมองขาสั้น ๆ กับนิ้วมือป้อม ๆ ของตัวเอง จะไปช่วยเหลืออันใดผู้อื่นได้ “แต่เอ๋ ?” เขาหันกลับไปมองดูอีกที ขนมในมือถูกปล่อยทิ้งลงพื้น ลุกขึ้นยืนหันหน้ามองไปยังด้านหลัง “น้องเล็กอันตรายอย่าลุก” เซี่ยซือซือจับเขาเอาไว้แน่น ๆ แต่เหตุใดเขาถึงได้ดิ้นรน อยากมองไปด้านหลังเช่นนี้ “เสี่ยวเป่า นั่นเจ้าใช่ไหม !” ถานจ้านถึงกับค่อย ๆ หยุดรถม้าลง เขาหันไปมองหน้าเซี่ยซือหยางด้วยความแปลกใจ “เสี่ยวซือหยางเจ้าเรียกใคร” “เหมือนข้าจะเห็นเสี่ยวเป่า” เขาพูดคล้ายไม่แน่ใจ “เสี่ยวเป