ก่อนถึงบ้านสกุลถาน เซี่ยซือซือได้นำปลา หน่อไม้ และเห็ดเยื่อไผ่ส่วนหนึ่งออกมาใส่ตะกร้าบนหลัง ยังมีผักป่ากับสมุนไพรอีกหลายชนิดที่นางเก็บกลับมาด้วย นางเหลือเห็ดเยื่อไผ่เอาไว้ในมิติพิเศษ เพื่อนำไปขายในวันพรุ่งนี้ พอกลับมาถึงหน้าบ้านสกุลถาน บรรยากาศภายในบ้านกลับดูแปลกไป นางถานนั่งหน้าเครียดอยู่ตรงห้องโถงเพียงลำพัง
“ท่านแม่เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ” เซี่ยซือซือปลดตะกร้าบนหลังวางลงที่พื้น
“เจ้าบอกข้ามาตามตรงซือซือ เจ้ารังเกียจจ้านเออร์ของข้าหรือไม่”
“ท่านแม่เหตุใดถึงถามข้าเช่นนี้”
“ชาวบ้านต่างหาว่าข้าโง่นักที่ซื้อเจ้ามาเป็นภรรยาให้จ้านเออร์ ทั้งที่เจ้าไม่ได้เต็มใจอีกทั้งยังรังเกียจ ที่ลูกชายของข้าพิการ จนคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย”
ตอนเย็นนางถานเดินไปซื้อไข่ไก่ที่บ้านของหวางชุนลี่ กลับได้ยินหวางชุนลี่พูดกับอวี่กุ้ยสามีของนาง ว่าเห็นกับตาตอนเซี่ยซือซือกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย นางไม่ได้พลัดตกน้ำไปเองอย่างที่ทุกคนคิดกัน
“สามีข้าน้าเหลียนฮวาช่างโง่นัก ซือซือรังเกียจที่ถานจ้านพิการ จนเลือกกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย วันนี้น้าเหลียนฮวาไปรับนางเข้าบ้าน ยังเอาน้องสองคนของนางเข้าไปเลี้ยงดูอีก”
ผลัวะ !
“เจ้าอย่าพูดจาเลื่อนเปื้อนนะชุนลี่” ในคราแรกนางถานคิดว่าอีกฝ่ายพูดโป้ปด
“น้าเหลียนฮวา !” หวางชุนลี่ไม่คิดว่านางถานจะมาอยู่หน้าบ้านของตนเองในยามนี้ “ข้าไม่ได้พูดไปเรื่อยนะน้าเหลียนฮวา ข้าเห็นกับตาตัวเองจริง ๆ”
“ใช่แล้วน้าเหลียนฮวา เรื่องนี้ชุนลี่บอกข้าตั้งแต่วันแรกที่ซือซือเกิดเรื่องแล้ว เพียงแต่ชาวบ้านบอกว่านางตกน้ำไปเอง ข้าสองคนเลยไม่ได้พูดอะไรออกไป” อวี่กุ้ยรีบอธิบายเพิ่ม มองเห็นนางถานหิ้วตะกร้ามาด้วยหนึ่งใบ พลันนึกถึงเงินอีแปะที่กำลังจะได้รับ “น้าเหลียนฮวาท่านจะซื้อไข่ไก่ใช่ไหม วันนี้เอากี่ฟองดีล่ะ”
“ชุนลี่เจ้าบอกข้ามาก่อน ที่เจ้าพูดเมื่อครู่นี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่” นางถานยังไม่ยอมยื่นตะกร้าในมือให้อวี่กุ้ย กลับหันไปคาดคั้นเอาความจริงกับหวางชุนลี่แทน
“น้าเหลียนฮวาเป็นความจริงเจ้าค่ะ ข้าเองก็ไม่อยากพูดเหมือนกัน เพราะท่านพานางเข้าบ้านไปแล้ว จึงได้แต่มาบ่นให้สามีข้าฟัง ข้าหวังดีต่อท่านจริง ๆ ไม่ได้มีใจคิดเป็นอื่นเลย”
นางถานหลับตาลงแน่น ๆ ก่อนลืมขึ้นใหม่อีกครั้ง “ซือซือกระโดดน้ำฆ่าตัวตายจริงหรือชุนลี่”
“จริงเจ้าค่ะ ยามนั้นนางตั้งใจกระโดดน้ำลงไปเองจริง ๆ ข้ายืนอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำ เห็นตอนนางกระโดดกับตาเลยเจ้าค่ะ” คำพูดและสีหน้าของหวางชุนลี่ดูไม่เหมือนคนโกหกแม้แต่น้อย
นางถานเซถอยหลังไปสองก้าว ยื่นตะกร้ากับเงินสิบอีแปะให้อวี่กุ้ย “เอาไข่ไก่มาสิบฟอง”
หลังรู้เรื่องทั้งหมดเซี่ยซือซือถึงกับหนังตากระตุก พยายามคิดหาทางออกให้เรื่องนี้ เจ้าของร่างเดิมเหตุใดจึงคิดสั้นเช่นนั้น ถานจ้านไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นต้องไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย เขาพิการก็จริงแต่ยังดูแลตัวเองได้ ยังคิดหาเงินด้วยการคัดลอกตำรา
แต่พอรื้อฟื้นความทรงจำขึ้นมา พบว่าคนในหมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ต่างเยาะเย้ยถากถางนาง ยิ่งสตรีรุ่นราวคราวเดียวกัน ทั้งหัวเราะเยาะทั้งต่อว่าต่อขาน เห็นนางเป็นตัวตลกที่กำลังจะได้สามีเป็นคนพิการ ครั้งแรกไม่เท่าไรแต่พอนานวันเข้า จิตใจของเจ้าของร่างเดิมก็อ่อนแอลง กระทั่งตัดสินใจลงไปแบบนั้น นี่ไม่เรียกว่าคำพูดฆ่าคนได้หรอกหรือ
“ท่านแม่เจ้าค่ะ ก่อนหน้าข้าโง่เขลานัก ได้แต่นึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป ข้าเลอะเลือนไปชั่วขณะหนึ่ง ท่านอย่าได้โกรธเกลียดข้าเลยนะเจ้าคะ คำสาบานที่ข้าให้แก่ท่านย่อมเป็นความจริงจากใจข้า วันนั้นพอข้าฟื้นขึ้นมาเห็นน้องทั้งสองคน ข้าก็นึกเสียใจจนถึงทุกวันนี้” เซี่ยซือซือไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่เจ้าของร่างเดิมทำลงไปได้ นางต้องรับผลที่กำลังจะตามมา
นางถานกำมือใต้แขนเสื้อจนแน่น “เจ้าบอกข้ามาคำเดียวซือซือ เจ้ารังเกียจจ้านเออร์ของข้าหรือเปล่า”
“ไม่เจ้าค่ะ พี่จ้านเป็นบัณฑิตมากความรู้ ข้าจะไปรังเกียจเขาได้อย่างไร ท่านแม่ท่านอย่าไปฟังคำคนอื่นมากเลยนะเจ้าคะ ดูสิ วันนี้ข้าหาปลามาได้ตั้งหลายตัว ยังมีเห็ดเยื่อไผ่อีกด้วย พรุ่งนี้ข้าจะเอาเห็ดเยื่อไผ่เข้าไปขายในตำบล จะได้ซื้อข้าวสารแป้งขาวกับพวกธัญพืชกลับมา” เซี่ยซือซือรีบเบี่ยงเบนความสนใจของนางถาน เดินไปทางตะกร้าที่ตัวเองวางไว้เมื่อครู่นี้
ซึ่งมันก็ได้ผลนางถานเดินตามหลังลูกสะใภ้ไปดูของที่อยู่ในตะกร้า แต่ยังไม่ทันเปิดผักป่าที่คลุมอยู่ด้านบนออกดู เสียงเจ้าตัวน้อยก็ดังขึ้นเสียก่อน
“ท่านพี่ ! ท่านกลับมาแล้ว” เสียงเล็ก ๆ ของเซี่ยซือหยางดังมาก่อน ไม่ช้าตัวสั้น ๆ ของเขาก็วิ่งออกมา
นางถานตกใจเพราะเจ้าตัวน้อยวิ่งเร็วเกินไป “เจ้าอย่าวิ่งแบบนั้นเสี่ยวซือหยาง เดี๋ยวก็ล้มลงไปหรอก !”
“ไอหยา !” เพราะกลัวล้มเด็กน้อยจึงหยุดกึก นั่นยิ่งทำให้เขาหัวแทบคะมำไปกองอยู่บนพื้น เซี่ยซือซือเดินไปอุ้มน้องชายขึ้นมา พลางแนบแก้มถูไถอย่างเคยชิน
“เจ้าเป็นเด็กดีหรือไม่ ดื้อกับท่านป้าหรือเปล่า”
“ข้าไม่ดื้อ” ศีรษะน้อยส่ายไปมาเร็ว ๆ
“วันนี้ข้าได้ปลามาด้วย เย็นนี้เราจะมีปลากินกันแล้ว”
“จริงหรือท่านพี่ ข้าจะได้กินปลาอีกแล้วรึ นี่ข้าไม่ได้ฝันไปใช่ไหม”
“ฝันที่ไหนกัน เจ้าไปดูที่ตะกร้าเร็วเข้า” เซี่ยซือซือวางน้องชายลงบนพื้น เขาก็ใช้ขาสั้น ๆ วิ่งไปทางนางถาน แล้วชะโงกหน้าเข้าไปดูภายในตะกร้า
“ปลาจริงด้วย !”
“พี่สาวเจ้าเก่งจับปลามาได้ตั้งหลายตัว” นางถานเห็นปลาแล้วอดชื่นชมลูกสะใภ้คนนี้ไม่ได้ แต่ก็ยังหวาดระแวงเรื่องที่ตนได้ยินมาก่อนหน้า
“เจ้ารีบทำกับข้าวให้น้องเจ้ากินเถอะ วันนี้ข้าไปซื้อไข่ไก่มาด้วย วานเจ้าทำไข่ตุ๋นให้จ้านเกอร์ด้วยแล้วกัน”
“ท่านแม่ท่านไม่ทำอาหารให้พี่จ้านเองหรือเจ้าคะ ข้าเกรงว่าฝีมือของข้าจะไม่ถูกปากพี่จ้าน”
นางถานยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “เจ้าทำเถอะซือซือ อีกหน่อยต้องเป็นเจ้าได้ทำอยู่แล้ว” นางถานไม่คิดว่าตนเองจะมีชีวิตอยู่ได้นาน ท่านหมอในตำบลเคยบอกว่า หนาวนี้อาจเป็นเหมันตฤดูสุดท้ายของนาง
เซี่ยซือซือย่อมเข้าใจในคำกล่าวนี้ของแม่สามี นางมองตามหลังนางถานไปจนลับสายตา แล้วหันกลับมาสนใจกับวัตถุดิบที่ตนหามา
“ท่านพี่วันนี้ข้าพูดเรื่องต่าง ๆ ให้พี่รองฟังด้วย”
“หืม”
“นิ้วพี่รองกระตุกด้วยล่ะ”
“เอ่อ”
“ข้าว่าเสียงของข้าต้องทำให้พี่รองประทับใจ จนอยากลืมตาตื่นขึ้นมาแน่ ๆ”
อาซานของนางช่างน่าสงสารนัก เห็นทีต้องให้นางฟื้นในเร็ววันนี้แล้ว
“เอาที่เจ้าสบายเถอะ อ้อ นี่ข้าทำกังหันไม้ไผ่ให้เจ้าเล่นด้วย เจ้าเอาไปวิ่งเล่นตรงลานหน้าบ้านนะ ห้ามออกนอกบ้านไปเสียล่ะ เล่นรอข้าทำของอร่อยให้เจ้ากิน” นางหยิบกังหันไม้ไผ่ที่นางทำเองกับมือออกมาให้น้องชาย
“ได้ขอรับ” เซี่ยซือหยางยื่นมือออกไปรับกังหันไม้ไผ่ ดวงตาประกายขึ้นอย่างดีใจ เด็กน้อยไม่เคยได้รับของเล่นอีกเลย นับจากบิดามารดาได้จากโลกนี้ไป ใช้ปากน้อย ๆ ของตนเป่าลมฟู่แล้วฟู่เล่า แต่เจ้ากังหันไม้ไผ่ดันหมุนเฉื่อยช้าไม่ทันใจ เจ้าตัวน้อยเลยออกแรงวิ่งไปยังลานหน้าบ้านแทน
หลังทำกับข้าวมื้อเย็นเสร็จ เซี่ยซือซือแอบเก็บอาหารไว้ให้น้องสาวในมิติพิเศษ ระหว่างนั้นมีแอบเอาผิงกั่วไปให้นางกินรองท้องก่อน กระซิบบอกเซี่ยซานซานไปว่านางเก็บมาจากบนเขาไฉ่หง น้องสาวของนางถึงได้คลายความสงสัยลง
เซี่ยซือหยางได้รับมอบหมายหน้าที่จากพี่สาว เรียกทุกคนในบ้านให้มากินข้าว เขายังคงเดินเอามือไพล่หลังมองพี่เขยตัวเองเช่นเดิม นางถานเห็นแล้วยังต้องแปลกใจ เด็กน้อยคนนี้คิดว่าตัวเองเป็นพ่อเฒ่าเดินตามหลังลูกหลานหรืออย่างไรกัน
“ทำไมเจ้าต้องเดินหลังค่อมแบบนั้นล่ะเสี่ยวซือหยาง” นางถานอดถามไม่ได้
“ข้ากลัวพี่เขยจะสะดุดล้ม อยู่ข้างหลังจะได้ช่วยทันไงขอรับท่านป้า”
นางถาน “...”
“เจ้าอย่าได้คิดไปช่วยพี่เขยตอนล้มเชียว มิเช่นนั้นเจ้าจะแบน !”
“แบน ?” เซี่ยซือหยางไม่เข้าใจ เขาคิดไว้ว่าหากพี่เขยของเขาล้ม เขาจะต้องยื่นมือออกไปช่วยเหลือให้จงได้ เพราะข้าเป็นเด็กดีอย่างไรเล่า
14 : แอบช่วยแม่สามี อาหารบนโต๊ะมีซุปเยื่อไผ่ ปลาตุ๋นสมุนไพรจีน ผัดผักป่า แล้วยังมีไข่ตุ๋นเห็ดหอมอีกด้วย เซี่ยซือซือหุงข้าวขาวให้สองแม่ลูก ส่วนนางกับน้อง ๆ ยังคงกินโจ๊กธัญพืชหยาบผสมกับมันฝรั่ง นางถานเห็นอาหารบนโต๊ะแล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าใดนัก สองแม่ลูกจึงกินแค่ผัดผักป่ากับไข่ตุ๋นเห็ดหอม ไม่กล้าแตะต้องซุปเยื่อไผ่กับปลาตุ๋นสมุนไพรจีน เซี่ยซือซือเห็นเช่นนั้นจึงหยิบถ้วยมาตักอาหารทั้งสองชนิด วางตรงหน้าของนางถานก่อน “ท่านแม่ปลาตุ๋นกับซุปเยื่อไผ่นี่ข้าตั้งใจทำเลยนะเจ้าคะ ท่านลองชิมดูหน่อยว่าฝีมือข้าเป็นอย่างไรบ้าง” ก่อนจะยื่นอีกถ้วยให้ถานจ้าน “พี่จ้านท่านก็ลองดูหน่อย ข้าไม่ค่อยถนัดเรื่องทำอาหาร พวกสมุนไพรที่ใส่วันนี้ก็เก็บเอาตามป่าเขานั่นแหละ” นางใช้ขิง ต้นหอมป่า เห็ดหอมป่า มาเป็นส่วนผสม ปรุงรสด้วยเกลือเพียงอย่างเดียว รสชาติจึงไม่อาจรู้ได้ ว่าจะอร่อยถูกใจผู้อื่นไหม เซี่ยซือซือไม่รอฟังความเห็นของสองแม่ลูก นางหันไปใส่ใจน้องชายของตัวเองต่อ “น้องเล็กเนื้อปลานี่ดูก้างดี ๆ ด้วยล่ะ เผื่อหลุดรอดสายตาข้าไป” เซี่ยซือหยางคีบเนื้อปลาเข้าปาก
15 : เข้าตำบลหานตง เซี่ยซือซือสะพายตะกร้าที่ใส่เห็ดเยื่อไผ่เอาไว้ นางถานนำห่อผ้าเช็ดหน้าปักของตัวเองกับตำราของลูกชาย มาส่งยื่นให้นางถือไป เพราะกลัวจะทำให้เห็ดเยื่อไผ่ช้ำ และตำราอาจได้รับความเสียหาย พอพ้นสายตาคนในบ้านไป เซี่ยซือซือตั้งใจนำของในมือใส่ไว้ในมิติพิเศษ เหลือไว้แค่เห็ดเยื่อไผ่ในตะกร้า “ลำบากเจ้าแล้วซือซือ รีบไปเถอะก่อนที่เกวียนของเฒ่าอวี่ไห่จะออกไปเสียก่อน นี่เอาไว้จ่ายค่าเกวียน” เงินสองอีแปะถูกยัดใส่มือของเซี่ยซือซือ “หลังได้เงินค่าผ้าปักมาแล้ว เจ้านำไปซื้อข้าวกับธัญพืชกลับมาด้วย กะว่าให้กินได้หลายวันเสียหน่อย ส่วนค่าคัดลอกตำราของจ้านเออร์เจ้าห้ามใช้ เงินส่วนนั้นให้นำกลับมาให้จ้านเออร์ทั้งหมด” “ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ฝากท่านดูแลน้องชายของข้าด้วยนะเจ้าคะ ส่วนอาซานข้าป้อนยานางไปแล้ว” “ได้เดินทางดี ๆ ล่ะ เจอคนแปลกหน้าก็ไม่ต้องไปคุยด้วย ได้เงินมาแล้วต้องเก็บให้ดี ๆ อย่าให้คนอื่นมาฉกฉวยเอาไปได้” นางถานมองลูกสะใภ้ด้วยความเป็นห่วง แต่อย่างไรเสียนางต้องปล่อยให้เซี่ยซือซือทำเรื่องพวกนี้ด้วยตัวเอง “เจ้าค่ะท่านแม่” เซ
16 : ขายเขากวางอ่อน ระหว่างทางที่เดินออกมาจากร้านขายผ้าหยู่จี้ เซี่ยซือซือมองเห็นแม่เฒ่านางหนึ่งนั่งขายถังหูลู่[1]อยู่ อดนึกถึงน้องทั้งสองคนของนางไม่ได้ เอาไว้ทำธุระสำคัญเสร็จดีเสียก่อน นางค่อยกลับมาซื้อกลับไปฝากพวกเขา หอโอสถหยวนเป่า เป็นเรือนไม้สองชั้น มีขนาดค่อนข้างใหญ่โต เซี่ยซือซือสัมผัสได้ว่าผู้คนที่เดินเข้าออกหอโอสถแห่งนี้ ล้วนแต่งตัวดูดีกันทุกคน มีเพียงนางที่ดูซอมซ่อในชุดเสื้อผ้าปะชุนแบบนี้ ก่อนหน้าที่หอหนังสือกับร้านขายผ้า นางไม่ได้รู้สึกถึงสายตาของผู้อื่นเลย ครั้นเข้ามาในหอโอสถแห่งนี้ กลับพบสายตาดูถูกดูแคลนนาง “พี่ชายหอโอสถของท่านรับซื้อสมุนไพรหรือไม่” นางทำใจกล้าถามคนดูแลที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุด “แม่นางน้อยหอโอสถของเรารับซื้อสมุนไพรอยู่ ท่านนำสมุนไพรตัวไหนมาขายรึ” นับว่าผู้ดูแลคนนี้ยังปฏิบัติดีต่อนาง เซี่ยซือซือเหลือบตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะกระซิบเบา ๆ ออกไปว่า “เขากวางอ่อนเจ้าค่ะ” ดวงตาของผู้ดูแลเฉาเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ รีบผายมือเชื้อเชิญนางเข้าไปในห้องรับรองส่วนตัว พร้อมนำน้ำชาออกมาต้อนรับอีกต่างหาก นี
17 : อาซานเจ้าฟื้นแล้วหรือ นางทำให้ห้องครัวในมิติพิเศษมีทุกอย่างครบครัน ทั้งหมดใช้เงินไปไม่ถึงสิบตำลึงด้วยซ้ำ พวกผ้าห่มผืนใหม่ที่ซื้อมา นางคงต้องเก็บไว้ในมิติพิเศษไปก่อน เพราะไม่มีเหตุผลจะมาบอกทุกคนได้ ยามนี้เซี่ยซือซือต้องการเก็บงำเรื่องเงินก้อนนี้เอาไว้ นางไม่อยากเป็นเศรษฐีใหม่ ที่คนอื่นต่างพุ่งความสนใจมาหา ของแบบนี้มันต้องค่อยเป็นค่อยไป นางเดินสำรวจในตำบลหานตงเพื่อหาช่องทางหาเงินในอนาคต ในใจพลันสับสนนางจะสามารถสร้างรายได้จากอาชีพอะไรได้บ้าง เอาล่ะตอนนี้นางยังคิดอะไรไม่ออก ใครใช้ให้นางเป็นแค่พนักงานออฟฟิศธรรมดาล่ะ หากนางปลูกของกินได้ในมิติพิเศษ นางจะเก็บเกี่ยวมันออกมาอย่างไรไม่ให้ผู้คนสงสัย เป็นปัญหาที่นางนอนคิดมาสองคืนแล้วก็ยังคิดไม่ตก พลังวิเศษมักมากับปัญหาหากใช้พร่ำเพรื่อจนเกินเหตุ ถ้านางเอาเงินก้อนนี้ไปซื้อที่ดินปลูกบ้านหลังใหม่ แค่คิดผีโหยในบ้านใหญ่สกุลเซี่ย คงไม่ปล่อยให้พวกนางหลุดรอดไปแน่ ให้ตัดขาดจากกันดันไม่มีเหตุผลเพียงพอให้ทำเช่นนั้น ยิ่งยุคโบราณบูชาความกตัญญูแบบไม่สนใจเหตุผลแบบนี้ แค่มีพ่อเฒ่าแม่เฒ่าทิ้งตัวลงไปกลิ้งเกลือกกับดินโคลน ก่นด่าบุตร
18 : น้องเล็กก่อเรื่อง “ซือซือเจ้ามาทันเวลาพอดี ซานซานเพิ่งฟื้นเมื่อครู่ใหญ่ ๆ นี้เอง เสี่ยวซือหยางเป็นคนวิ่งไปบอกข้า ข้าเลยให้คนไปตามท่านหมออวี่มาตรวจดูอาการของนาง” นางถานยิ้มจนหน้าบาน เดินไปดึงมือของลูกสะใภ้มาตบปลอบเบา ๆ นี่นับว่าเป็นเรื่องดีของครอบครัวนาง “ท่านหมออวี่อาซานเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” “อาการแทบจะเป็นปกติดีทุกอย่าง ยาที่ข้าให้เจ้ามาได้ผลดีเกินคาด กินไปไม่ทันข้ามวันก็ฟื้นแล้ว” ท่านหมออวี่ยืดอกขึ้นอย่างภาคภูมิใจ เซี่ยซือซือ “...” เซี่ยซานซาน “...” “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ปวดเมื่อยเนื้อตัวตรงไหนไหม” เซี่ยซือซือเดินเข้าไปหาน้องสาว พร้อมกับลูบศีรษะนางเบา ๆ สายตาของเซี่ยซานซานเหมือนกำลังอยากฟ้องนางเหลือเกิน นี่มันต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ ๆ “ไม่ปวดเลยท่านพี่ ข้าเหมือนคนเพิ่งฟื้นจากความตายมา สวรรค์ยังเมตตาข้าอยู่” “ข้าบอกแล้วว่าเสียงของข้า ต้องทำให้พี่รองประทับใจจนต้องฟื้นขึ้นมา” เซี่ยซือหยางกอดอกฉีกยิ้มกว้าง จนเห็นฟันสีขาวเรียงกัน เซี่ยซานซาน “...!” “เช่นนั้นหรอกหรือ น้องเล็กเจ้าเก่ง
19 : ไอหยา ! วันนี้ข้ามีเนื้อกินอีกแล้ว เซี่ยซือซือเดินกลับมายังห้องครัวของบ้าน เห็นนางถานกำลังหิ้วเนื้อหมูหนึ่งก้อนขึ้นมา สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความสงสัย “นี่มันเนื้อหมูน้ำหนักสองจิน[1]ใช่ไหมซือซือ” “เจ้าค่ะท่านแม่ พวกข้าขาดเนื้อมาหลายปีแล้ว อยู่ที่บ้านหลังเก่าท่านย่าไม่เคยให้พวกข้ากินเนื้อเลยเจ้าค่ะ พอวันนี้มีเงินก็อยากซื้อเนื้อมาให้น้อง ๆ ได้กินบ้าง ท่านแม่ท่านอย่าหาว่าข้าใช้เงินเปลืองเลยนะเจ้าคะ น้อง ๆ ของข้าอยู่ในวัยกำลังโต พวกเขาควรได้กินของดี ๆ บ้าง” อย่าว่าแต่เนื้อเลยอาหารดี ๆ ยังหากินได้ยาก ส่วนใหญ่พวกนางสามพี่น้อง มักได้อาหารเหลือกินของทุกคนด้วยซ้ำ เพราะไม่มีบิดามารดาคอยหนุนหลัง ทุกคนจึงเอารัดเอาเปรียบอยู่ร่ำไป เจ้าของร่างเดิมเป็นคนไม่มีปากเสียง ถือเรื่องกตัญญูต่อผู้อาวุโสมาก่อน แม่เฒ่าเซี่ยบอกให้ไปซ้าย นางจะไม่มีวันไปทางขวาเด็ดขาด “ข้าจะไปว่าเจ้าได้อย่างไรซือซือ เงินนั้นเป็นของเจ้า ดีแล้วที่เจ้าคิดถึงเรื่องพวกนี้ น้องของเจ้ารวมถึงตัวเจ้าด้วยผ่ายผอมเกินไปจริง ๆ” นางถานวางเนื้อหมูที่เดิม นางเข้าใจความคิดของลูกสะใภ้เป็นอย่างดี
20 : แม่เฒ่าเซี่ยมารับเซี่ยซานซานกลับบ้าน เมื่อข่าวการฟื้นของเซี่ยซานซานกระจายไปทั่วทั้งหมู่บ้าน เช้าวันต่อมาแม่เฒ่าเซี่ยรีบพาลูกชายทั้งสองคน มาหาหลานสาวที่บ้านสกุลเซี่ยทันที นางถานให้การต้อนรับพวกเขาที่ห้องโถง สักพักสามพี่น้องจับมือกันเดินออกมา ด้วยสีหน้าหวาดระแวง สีหน้าของนางถานกำลังฟ้อง แม่เฒ่าเซี่ยได้สร้างความลำบากใจให้แก่นาง เซี่ยซือซือมองท่านย่ากับท่านลุงทั้งสองคนของตน นี่มิใช่เอากำลังคนมาข่มขู่พวกนางหรอกรึ “ท่านย่าเหตุใดถึงได้มาที่นี่ได้ล่ะเจ้าคะ” นางพาน้อง ๆ เดินไปอยู่ด้านข้างกับแม่สามี แบ่งแยกชัดเจนว่านางต้องการอยู่ฝั่งไหน แม่เฒ่าเซี่ยเห็นดังนั้นก็กัดฟันกรอด “ข้าจะหามาเยี่ยมเยียนพวกเจ้าบ้างไม่ได้เชียวหรือ” “เฮอะ ! เยี่ยมเยียนอันใดกัน แม่เฒ่าเซี่ยอยากมารับตัวซานซานกลับไปอยู่บ้านต่างหาก” นางถานเบื่อหญิงชราผู้นี้เต็มทน มาถึงบ้านของนางก็เอาแต่พูดจากถากถางไม่ว่างเว้น พอถูกนางจี้ถามเข้าให้ ถึงได้เอ่ยจุดประสงค์ที่แท้จริงออกมา “ท่านย่าท่านความจำเลอะเลือนหรืออย่างไร พวกข้านั้นแยกบ้านออกมาแล้ว ไม่มีความเกี่ยวข้องกับพวกท่านอีกต
21 : อยากขุดบ่อน้ำ เมื่อปิดประตูบ้านเรียบร้อยแล้ว เซี่ยซือซือก็หันมาขอบคุณสองแม่ลูกสกุลถาน ที่ช่วยเหลือนางกับน้อง ๆ ในคราวนี้ ถานจ้านทำเพียงถอนหายใจเบา ๆ แล้วเดินกลับเข้าห้องไป นางถานเอ่ยปลอบเด็กสามคนเพียงไม่กี่ประโยค จากนั้นต่างก็แยกย้ายกันไปงานของตัวเอง “เจ้าอย่าเสียใจไปเลยอาซาน ข้าไม่ได้อยากอยู่บ้านหลังนั้นแล้วเหมือนกัน” เห็นน้องสาวทำหน้าเศร้าสร้อย เซี่ยซือซือก็อดปลอบนางไม่ได้ “แต่นั่นเป็นบ้านของพวกเรานะท่านพี่ ท่านย่ายึดไปแล้ว ภายภาคหน้าพวกเราจะไปอยู่ที่ไหนกัน” “ข้าตั้งใจจะเก็บเงินซื้อบ้านของพวกเราเอง เอาให้อยู่ไกลจากคนบ้านใหญ่ให้มากที่สุด” “ท่านพี่ท่านไม่มีเงิน” เซี่ยซานซานทำหน้าเหมือนไม่เชื่อใจพี่สาวตัวเอง “ไม่มีก็หาสิจะยากอะไร” “ข้าเชื่อท่านพี่ ท่านพี่กล่าวได้ถูกต้องแล้ว” เซี่ยซือหยางแม้ยังเล็ก แต่เขาก็ฟังเข้าใจในเรื่องนี้ “ข้าไม่อยากอยู่ใกล้คนชั่วพวกนั้น” “เห็นไหมอาซาน ขนาดน้องเล็กยังเข้าใจ” เซี่ยซือซือหันไปหยิกแก้มน้องชายเบา ๆ “ท่านพี่ เมื่อก่อนท่านจะดุทันทีที่น้องเล็กพูดเช่นนี้ ทำไมตอนน
114 : ยวนยางคู่ (จบ) สองเดือนต่อมา เสียงประทัดจุดขึ้นตรงหน้าคฤหาสน์ตระกูลเซี่ย ถานจ้านเป็นฝ่ายแต่งเข้ามาเป็นเขยของตระกูล คนนอกไม่รู้มักคิดติฉินนินทา แต่การที่เซี่ยซือซืออยู่กับสองแม่ลูกตระกูลถานมาตั้งแต่ต้น พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกันมาหลายปีแล้ว ไม่แบ่งแยกว่าใครต้องแต่งเข้าบ้านใคร นางถานเองย่อมรู้ว่าการที่บุตรชายแต่งเข้าบ้านของภรรยา เป็นเพราะเขาต้องการช่วยนางดูแลน้อง ๆ ทั้งสองคน ตัวนางเองมีวันนี้ได้เพราะเซี่ยซือซือเช่นเดียวกัน “เจ้าไม่เสียใจแน่นะเหลี่ยฮวา” แม่เฒ่าจางแอบถามก่อนพิธีเริ่มต้นขึ้น “ข้าไม่เสียใจเจ้าค่ะแม่เฒ่าจาง ลูกชายข้ายังใช้แซ่ของข้ามาตั้งแต่เกิด ข้าไม่สนใจเรื่องชื่อแซ่หรอกเจ้าค่ะ สนใจแค่ว่าเขามีความสุขในชีวิตหรือไม่ ข้าเคยถามเรื่องซื้อเรือนเป็นของตัวเอง จ้านเออร์ปฏิเสธในทันที เขาไม่ยอมแยกจากซือซือไปไหน และรู้ว่านางเองก็ไม่สามารถแยกจากน้อง ๆ ไปได้เช่นเดียวกัน พวกเราอยู่ด้วยกันเช่นนี้ก็มีความสุขดีแล้วนี่เจ้าคะ ยังท่านมีครอบครัวอาจารย์ฮู่ ล้วนแล้วแต่เป็นครอบครัวเดียวกัน” “เจ้าคิดเช่นนี้ย่อมดีแก่พวกเขา อย่าไปฟังเสียงผ
113 : ขอแต่งงาน ถานจ้านพานางไปเลือกซื้อโคมไฟอันใหม่ จากนั้นก็ชวนกันไปล่องเรือในบึง เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของผืนน้ำ ที่สะท้อนแสงเป็นดวงไฟน้อยใหญ่เต็มไปหมด ฝีพายยืนอยู่ด้านหลังทำเป็นไม่สนใจคู่สามีภรรยา ที่กำลังอิงอกซบไหล่กันอยู่ ถานจ้านถอดเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกออกคลุมให้ภรรยา “ซือซือ” “หืม” “เจ้าอายุสิบแปดแล้วนะ” “อื้ม” “เราแต่งงานกันเถอะ” เซี่ยซือซือ “...” นางรีบดันศีรษะตัวเองออก เงยหน้ามองเขาด้วยความงุนงง “ไม่ใช่เราเป็นสามีภรรยากันแล้วรึ” “ใช่ แต่เราไม่เคยเข้าพิธีแต่งงานกัน และยังไม่เคยร่วมหอ” ทำไมเซี่ยซือซือได้ยินแล้วรู้สึกว่า เขาย้ำสองคำสุดท้ายแบบแปลก ๆ ก้มลงเล่นนิ้วมือตัวเองเงียบ ๆ “ร่วมเหอหรือ” พวงแก้มแดงปลั่ง ภายใต้แสงจากโคมไฟที่แขวนไว้ตรงหัวเรือ “เจ้าเคยเล่าให้ข้าฟังว่า โลกของเจ้าบุรุษขอสตรีแต่งงาน จะสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย” ถานจ้านล้วงหยิบแหวนหยกเนื้อดีสีขาวออกมาจากแขนเสื้อ บรรจงสวมใส่บนนิ้วนางข้างซ้ายให้นาง “แต่งงานกับข้านะซือซือ” เซี่ยซือซือมองแหวนบนนิ้ว
112 : ชีวิตในเมืองหลวง เมื่อแคว้นฉีแพ้สงครามย่อยยับ เพื่อแสดงความจริงใจว่าจะไม่บุกแคว้นจ้าวในช่วงสิบปีนับจากนี้ พวกเขาจึงยอมส่งองค์ชายหกซึ่งมีอายุเพียงห้าปี มาเป็นตัวประกันที่แคว้นจ้าว หลังจากนั้นเพียงห้าเดือน เมืองหลวงได้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น เนื่องจากฮ่องเต้ทรงสวรรคตลงด้วยโรคร้าย ท่านอ๋องเจ็ดกับท่านอ๋องห้าจึงต้องนำทัพ เข้าไปปราบปรามขุนนางชั่วที่ก่อกบฏ และปลดองค์รัชทายาทผู้ไร้ความสามารถลงจากบัลลังก์ ท่านอ๋องเจ็ดได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ให้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้องค์ถัดไป เมืองหลวงที่เคยเต็มไปด้วยขุนนางชั่ว กลับถูกกำจัดทิ้งไปในเวลาเพียงสองปีกว่า แน่นอนว่าคนที่อยู่เบื้องหลัง คอยเฝ้าดูคนชั่วและชี้เป้าหมายความผิดได้อย่างแม่นยำ ยังเป็นเซี่ยซือซือคนเดิม แม้นางไม่ขอรับตำแหน่งใด ๆ เพราะอยากทำการค้าเพื่อความร่ำรวย แต่หากมีเรื่องสำคัญจริง ๆ อยากให้นางช่วย นางก็พร้อมช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ แม่ทัพโหย่วถูกย้ายมาเป็นแม่ทัพประจำเมืองหลวง ฮ่องเต้ได้มอบจวนให้เขาได้อยู่อาศัยอย่างสมเกียรติ และมอบตำแหน่งให้บุตรชายทั้งสอง โหย่วหยางหลงได้เป็นหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพร แม้เขาแขนพ
111 : ขับไล่ข้าศึก เซี่ยซือซือนอนไปได้เพียงหนึ่งชั่วยามเศษ ท่านอ๋องเจ็ดก็ส่งคนมาตามนางที่กระโจม ให้นางตรวจสอบดูสถานการณ์ที่ค่ายของข้าศึก เซี่ยซือซือใช้เวลาไม่นานก็พบว่าฤทธิ์ของยาเริ่มทำงาน ท่านหมอใช้ยาที่ทำให้ร่างกายอ่อนแรง ไร้รสไร้กลิ่นไร้สี ม้าศึกนับหมื่นตัวล้มเกลื่อนอยู่บนพื้น ส่วนทหารหนึ่งในสี่ต่างก็ลุกไม่ขึ้นเช่นกัน “ได้ผลเจ้าค่ะท่านอ๋อง แม้จำนวนที่ได้รับยาไม่มากนัก แต่ก็ทำให้กองทหารม้าทมิฬไร้อาชาสู้รบได้จริง ๆ” “เช่นนั้นดี ออกคำสั่งไปให้เตรียมตัวออกรบ ส่งข่าวให้ทางซื่อจื่อได้รู้ด้วย” ท่านอ๋องเจ็ดจะรุกฆาตข้าศึกในเช้านี้ เซี่ยซือซือตัดสินใจพูดเรื่องน้ำพุวิเศษกับท่านอ๋องเจ็ดตามลำพัง นางไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องนี้มากนัก แต่ทหารนับแสนนาย นางไม่สามารถลงมือคนเดียวได้ “เจ้าบอกว่าน้ำพุวิเศษสามารถทำให้กำลังวังชาเพิ่มขึ้นได้เช่นนั้นรึ” “เจ้าค่ะ ท่านลองดื่มดูก็ได้แต่แค่อึกเดียวพอนะเจ้าคะ มันช่วยในการรักษาเป็นหลัก ร่างกายคนปกติหากดื่มเกินหนึ่งอึก มันจะส่งผลเสีย” นางล้วงหยิบขวดน้ำพุวิเศษยื่นให้ท่านอ๋องเจ็ด ท่านอ๋องเจ็ดรับข
110 : กำจัดหน่วยสอดแนม ซื่อจื่อได้รับจดหมายเตือนแล้วถึงกับหน้าดำคล้ำในทันที หากไม่มีการเตือนจากฝั่งท่านอ๋องเจ็ด เขาคงไม่ได้สนใจข้าศึกที่แอบมาด้านข้างเป็นแน่ รีบออกคำสั่งให้ทหารหลักสามหมื่นนาย ดักซุ่มโจมตีข้าศึกที่จ้องทำลายคลังเสบียงในคืนนี้ ส่วนข้าศึกด้านหน้าที่แสร้งทำเป็นบุกโจมตี ก็ให้กองทัพย่อย ๆ ออกไปจัดการส่วนหนึ่ง ที่เหลือตรึงกำลังอยู่กับที่ ห้ามผลีผลามโดยเด็ดขาด ยามดึกทหารทั้งสองฝั่งต่างทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ถานจ้านนำทหารร้อยนาย ตามด้วยเซี่ยซือซือกับอาจารย์ฮู่ ลอบเข้าไปโจมตีหน่วยสอดแนมของอีกฝ่าย หนนี้พวกมันมากันเพียงสิบสองคน แบ่งออกเป็นสองกลุ่มกลุ่มละหกคน เซี่ยซือซือชี้เป้าให้พลธนูโจมตีได้อย่างง่ายดาย จากนั้นนางก็ปลีกตัวไปช่วยสามีกับอาจารย์ฮู่ หน่วยสอดแนมทั้งแปดกลายเป็นศพในเวลาอันรวดเร็ว “จุดพลุส่งสัญญาณ” นางสั่งทหารด้านหลัง ปัง ! ปัง ! ตามที่ตกลงกันไว้ หากพลุส่งสัญญาณดังขึ้น รุ่งเช้าทหารทุกนายต้องเดินทางลงจากเทือกเขาชิงเทียนอย่างเงียบ ๆ กลุ่มของถานจ้านจะเดินทางนำหน้าไปก่อน เพื่อที่จะได้ส่งสัญญาณบอกคนด้านหลังเป็นระยะ เป
109 : เข้าสู่สมรภูมิรบ เรือนโหย่วเสวี่ยหยา เซี่ยซานซานฝึกฝนวรยุทธ์กับคุณหนูสามจนเหนื่อยล้า นางกำลังนั่งกินขนมที่สาวใช้นำมาให้ ส่วนโหย่วเสวี่ยหยาขอตัวเข้าไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ความจริงนางชวนเซี่ยซานซานไปอาบน้ำด้วย แต่เซี่ยซานซานปฏิเสธไม่อยากรบกวน “เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่” เสียงนุ่มทุ้มของโหย่วหยางหลงดังขึ้นอยู่ด้านหลัง “คุณชายใหญ่” เซี่ยซือซือรีบลุกขึ้นโค้งศีรษะให้เขา “ข้าเห็นสาวใช้บอกว่าเสวี่ยหยามีแขก นึกว่าจะเป็นใครที่ไหนเสียอีก นั่งลงสิเจ้ากำลังกินขนมอยู่ไม่ใช่รึ” “เจ้าค่ะ” เซี่ยซานซานไม่อยากอยู่กับคนผู้นี้ตามลำพัง นางเหมือนเด็กน้อยขี้ขลาด มองไปทางประตูห้องของโหย่วเสวี่ยหยาตลอดเวลา “เหตุใดถึงไม่นั่ง รังเกียจข้ารึ” “มะไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้านั่งแล้ว” นางไม่กล้ามองสบสายตากับเขาด้วยซ้ำ นั่งลงบนเก้าอี้อย่างจำใจ “กลัวข้ารึ” มุมปากของโหย่วหยางหลงกระตุกเบา ๆ นึกอยากแกล้งเด็กสาวคนนี้ขึ้นมา “เจ้ามาฝึกวรยุทธ์กับน้องสามของข้า เหตุใดไม่มาลองฝึกกับข้าดูบ้างล่ะ” “ข้าฝีมืออ่อนหัดนัก ไม่บังอาจไ
108 : รักษาท่านอ๋องห้า แม่เฒ่าจางกับเสี่ยวเป่าเริ่มปรับตัวเข้ากับทุกคนได้แล้ว นางคอยช่วยเหลืองานบ้านทุกอย่าง ไม่ทำตัวนิ่งดูดายแต่อย่างใด แม้ว่านางถานจะบอกให้อยู่เฉย ๆ ไม่ต้องทำอันใด แต่ความเกรงใจของหญิงชรานั้นมีมากเหลือเกิน เซี่ยซือซือเลยปล่อยให้ท่านทำไป การอยู่เฉย ๆ จะยิ่งทำให้รู้สึกเครียด นางคอยกำชับแม่เฒ่าจางว่า นางมีเงินสามารถเลี้ยงดูทั้งคู่ได้ ไม่ต้องคิดว่านางจะลำบาก แม่เฒ่าจางถึงได้วางใจ “ท่านพี่ข้าไปหาคุณหนูสามได้หรือไม่” เซี่ยซานซานอยากเจอหน้าโหย่วเสวี่ยหยา นางอยากรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างไร ถอนหมั้นไปแล้วทางซื่อจื่อจะตำหนินางหรือไม่ “อืม” เซี่ยซือซือคิดหนักเพราะนางต้องไปทำงานนี่สิ “ไปเพิ่มอีกคนคงไม่เป็นไรหรอกซือซือ” ถานจ้านหน้าน้องสาวภรรยาแล้วรู้สึกสงสาร “แล้วน้องเล็กล่ะ” เซี่ยซือซือมองหาน้องชายบ้าง เพราะปกติเซี่ยซานซานจะเป็นคนคอยดูแลเขา เซี่ยซานซาน “เขาเล่นอยู่กับเสี่ยวเป่าหลังบ้านเจ้าค่ะ มีหนิงเซียนคอยดูอยู่” “เจ้าเข้าไปบอกท่านแม่ไว้ก่อน เผื่อไม่เห็นเจ้าท่านจะเป็นห่วงเอา” “ได้ท่านพี่” เซี่ยซา
107 : คุณชายเริ่นก้งเยว่กับพี่หญิงใหญ่ วันต่อมาโรงประมูลหยางชุนกระจายข่าวออกไปอย่างหนาหู ว่าคุณชายเริ่นก้งเยว่ได้นำของล้ำค่ามาร่วมประมูล ผู้คนต่างแห่มาซื้อตั๋วเข้าชมกันอย่างล้นหลาม รวมไปถึงคนในจวนท่านอ๋องห้าด้วย “เจ้าแน่ใจนะว่าข้าเหมือนสตรีแล้ว” สตรีร่างสูงอย่างถานจ้านเริ่มรู้สึกประหม่า เขาแอบออกมาแต่งตัวที่โรงเตี๊ยมด้านนอก เพราะไม่อยากให้คนในบ้านรู้เรื่องนี้ “พี่หญิงใหญ่เหตุใดไม่เชื่อมือข้าล่ะขอรับ” เซี่ยซือซือที่อยู่ในชุดของคุณชายเริ่นก้งเยว่กลั้นขำแทบตาย นางถักเปียทำมวยผมให้เขาอย่างน่ารัก ใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางอย่างสวยงาม “พี่หญิงใหญ่ท่านงามมากขอรับ บุรุษในโรงประมูลต้องคลั่งไคล้ท่านแน่” ถานจ้าน “...!?” เขามองพ่อหนุ่มน้อยหน้าตาเกลี้ยงเกลาตรงหน้า นางจะรู้บ้างไหมว่าแต่งเช่นนี้แล้วดึงดูดสายตาผู้คนยิ่งนัก “เจ้ารีบสวมหมวกเถอะ” เขาหยิบหมวกใบใหญ่ครอบลงบนศีรษะของนาง ก่อนจะสวมให้ตัวเองอีกด้วย หากเซี่ยซือซือไม่บอกว่านางสวมหมวกปิดบังใบหน้า ไว้ตลอดเวลาที่ปลอมตัวเป็นคุณชายเริ่นก้งเยว่ เขาคงห้ามไม่ให้นางเข้าไปยังโรงประมูลแล้ว ก่อนหน้
106 : เสี่ยวเป่า นั่นเจ้าใช่ไหม ! รถม้าวิ่งช้า ๆ ผ่านถนนที่มีขอทานกับคนไร้บ้านรวมตัวกันอยู่ เซี่ยซือซือไม่อยากให้น้องชายของนาง เห็นภาพน่าเวทนาเหล่านี้ นางอยากพาเขากลับเข้าไปนั่งในรถม้า แต่ไม่มีที่ให้จอดรถม้าได้อย่างปลอดภัย หากจอดไปแล้วเกรงว่าคนไร้บ้านเหล่านี้ จะกรูกันเข้ามารุมทึ้งรถม้าของนางเข้า จึงต้องให้เขานั่งอยู่บนตักของนางต่อไป เซี่ยซือหยางกินขนมในมือแล้วมองสองข้างทางไปด้วย เขาเห็นคนยากไร้นอนเกลื่อนข้างถนนเต็มไปหมด เขาได้แต่ถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า ก้มลงมองขาสั้น ๆ กับนิ้วมือป้อม ๆ ของตัวเอง จะไปช่วยเหลืออันใดผู้อื่นได้ “แต่เอ๋ ?” เขาหันกลับไปมองดูอีกที ขนมในมือถูกปล่อยทิ้งลงพื้น ลุกขึ้นยืนหันหน้ามองไปยังด้านหลัง “น้องเล็กอันตรายอย่าลุก” เซี่ยซือซือจับเขาเอาไว้แน่น ๆ แต่เหตุใดเขาถึงได้ดิ้นรน อยากมองไปด้านหลังเช่นนี้ “เสี่ยวเป่า นั่นเจ้าใช่ไหม !” ถานจ้านถึงกับค่อย ๆ หยุดรถม้าลง เขาหันไปมองหน้าเซี่ยซือหยางด้วยความแปลกใจ “เสี่ยวซือหยางเจ้าเรียกใคร” “เหมือนข้าจะเห็นเสี่ยวเป่า” เขาพูดคล้ายไม่แน่ใจ “เสี่ยวเป