16 : ขายเขากวางอ่อน ระหว่างทางที่เดินออกมาจากร้านขายผ้าหยู่จี้ เซี่ยซือซือมองเห็นแม่เฒ่านางหนึ่งนั่งขายถังหูลู่[1]อยู่ อดนึกถึงน้องทั้งสองคนของนางไม่ได้ เอาไว้ทำธุระสำคัญเสร็จดีเสียก่อน นางค่อยกลับมาซื้อกลับไปฝากพวกเขา หอโอสถหยวนเป่า เป็นเรือนไม้สองชั้น มีขนาดค่อนข้างใหญ่โต เซี่ยซือซือสัมผัสได้ว่าผู้คนที่เดินเข้าออกหอโอสถแห่งนี้ ล้วนแต่งตัวดูดีกันทุกคน มีเพียงนางที่ดูซอมซ่อในชุดเสื้อผ้าปะชุนแบบนี้ ก่อนหน้าที่หอหนังสือกับร้านขายผ้า นางไม่ได้รู้สึกถึงสายตาของผู้อื่นเลย ครั้นเข้ามาในหอโอสถแห่งนี้ กลับพบสายตาดูถูกดูแคลนนาง “พี่ชายหอโอสถของท่านรับซื้อสมุนไพรหรือไม่” นางทำใจกล้าถามคนดูแลที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุด “แม่นางน้อยหอโอสถของเรารับซื้อสมุนไพรอยู่ ท่านนำสมุนไพรตัวไหนมาขายรึ” นับว่าผู้ดูแลคนนี้ยังปฏิบัติดีต่อนาง เซี่ยซือซือเหลือบตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะกระซิบเบา ๆ ออกไปว่า “เขากวางอ่อนเจ้าค่ะ” ดวงตาของผู้ดูแลเฉาเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ รีบผายมือเชื้อเชิญนางเข้าไปในห้องรับรองส่วนตัว พร้อมนำน้ำชาออกมาต้อนรับอีกต่างหาก นี
17 : อาซานเจ้าฟื้นแล้วหรือ นางทำให้ห้องครัวในมิติพิเศษมีทุกอย่างครบครัน ทั้งหมดใช้เงินไปไม่ถึงสิบตำลึงด้วยซ้ำ พวกผ้าห่มผืนใหม่ที่ซื้อมา นางคงต้องเก็บไว้ในมิติพิเศษไปก่อน เพราะไม่มีเหตุผลจะมาบอกทุกคนได้ ยามนี้เซี่ยซือซือต้องการเก็บงำเรื่องเงินก้อนนี้เอาไว้ นางไม่อยากเป็นเศรษฐีใหม่ ที่คนอื่นต่างพุ่งความสนใจมาหา ของแบบนี้มันต้องค่อยเป็นค่อยไป นางเดินสำรวจในตำบลหานตงเพื่อหาช่องทางหาเงินในอนาคต ในใจพลันสับสนนางจะสามารถสร้างรายได้จากอาชีพอะไรได้บ้าง เอาล่ะตอนนี้นางยังคิดอะไรไม่ออก ใครใช้ให้นางเป็นแค่พนักงานออฟฟิศธรรมดาล่ะ หากนางปลูกของกินได้ในมิติพิเศษ นางจะเก็บเกี่ยวมันออกมาอย่างไรไม่ให้ผู้คนสงสัย เป็นปัญหาที่นางนอนคิดมาสองคืนแล้วก็ยังคิดไม่ตก พลังวิเศษมักมากับปัญหาหากใช้พร่ำเพรื่อจนเกินเหตุ ถ้านางเอาเงินก้อนนี้ไปซื้อที่ดินปลูกบ้านหลังใหม่ แค่คิดผีโหยในบ้านใหญ่สกุลเซี่ย คงไม่ปล่อยให้พวกนางหลุดรอดไปแน่ ให้ตัดขาดจากกันดันไม่มีเหตุผลเพียงพอให้ทำเช่นนั้น ยิ่งยุคโบราณบูชาความกตัญญูแบบไม่สนใจเหตุผลแบบนี้ แค่มีพ่อเฒ่าแม่เฒ่าทิ้งตัวลงไปกลิ้งเกลือกกับดินโคลน ก่นด่าบุตร
18 : น้องเล็กก่อเรื่อง “ซือซือเจ้ามาทันเวลาพอดี ซานซานเพิ่งฟื้นเมื่อครู่ใหญ่ ๆ นี้เอง เสี่ยวซือหยางเป็นคนวิ่งไปบอกข้า ข้าเลยให้คนไปตามท่านหมออวี่มาตรวจดูอาการของนาง” นางถานยิ้มจนหน้าบาน เดินไปดึงมือของลูกสะใภ้มาตบปลอบเบา ๆ นี่นับว่าเป็นเรื่องดีของครอบครัวนาง “ท่านหมออวี่อาซานเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” “อาการแทบจะเป็นปกติดีทุกอย่าง ยาที่ข้าให้เจ้ามาได้ผลดีเกินคาด กินไปไม่ทันข้ามวันก็ฟื้นแล้ว” ท่านหมออวี่ยืดอกขึ้นอย่างภาคภูมิใจ เซี่ยซือซือ “...” เซี่ยซานซาน “...” “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ปวดเมื่อยเนื้อตัวตรงไหนไหม” เซี่ยซือซือเดินเข้าไปหาน้องสาว พร้อมกับลูบศีรษะนางเบา ๆ สายตาของเซี่ยซานซานเหมือนกำลังอยากฟ้องนางเหลือเกิน นี่มันต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ ๆ “ไม่ปวดเลยท่านพี่ ข้าเหมือนคนเพิ่งฟื้นจากความตายมา สวรรค์ยังเมตตาข้าอยู่” “ข้าบอกแล้วว่าเสียงของข้า ต้องทำให้พี่รองประทับใจจนต้องฟื้นขึ้นมา” เซี่ยซือหยางกอดอกฉีกยิ้มกว้าง จนเห็นฟันสีขาวเรียงกัน เซี่ยซานซาน “...!” “เช่นนั้นหรอกหรือ น้องเล็กเจ้าเก่ง
19 : ไอหยา ! วันนี้ข้ามีเนื้อกินอีกแล้ว เซี่ยซือซือเดินกลับมายังห้องครัวของบ้าน เห็นนางถานกำลังหิ้วเนื้อหมูหนึ่งก้อนขึ้นมา สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความสงสัย “นี่มันเนื้อหมูน้ำหนักสองจิน[1]ใช่ไหมซือซือ” “เจ้าค่ะท่านแม่ พวกข้าขาดเนื้อมาหลายปีแล้ว อยู่ที่บ้านหลังเก่าท่านย่าไม่เคยให้พวกข้ากินเนื้อเลยเจ้าค่ะ พอวันนี้มีเงินก็อยากซื้อเนื้อมาให้น้อง ๆ ได้กินบ้าง ท่านแม่ท่านอย่าหาว่าข้าใช้เงินเปลืองเลยนะเจ้าคะ น้อง ๆ ของข้าอยู่ในวัยกำลังโต พวกเขาควรได้กินของดี ๆ บ้าง” อย่าว่าแต่เนื้อเลยอาหารดี ๆ ยังหากินได้ยาก ส่วนใหญ่พวกนางสามพี่น้อง มักได้อาหารเหลือกินของทุกคนด้วยซ้ำ เพราะไม่มีบิดามารดาคอยหนุนหลัง ทุกคนจึงเอารัดเอาเปรียบอยู่ร่ำไป เจ้าของร่างเดิมเป็นคนไม่มีปากเสียง ถือเรื่องกตัญญูต่อผู้อาวุโสมาก่อน แม่เฒ่าเซี่ยบอกให้ไปซ้าย นางจะไม่มีวันไปทางขวาเด็ดขาด “ข้าจะไปว่าเจ้าได้อย่างไรซือซือ เงินนั้นเป็นของเจ้า ดีแล้วที่เจ้าคิดถึงเรื่องพวกนี้ น้องของเจ้ารวมถึงตัวเจ้าด้วยผ่ายผอมเกินไปจริง ๆ” นางถานวางเนื้อหมูที่เดิม นางเข้าใจความคิดของลูกสะใภ้เป็นอย่างดี
20 : แม่เฒ่าเซี่ยมารับเซี่ยซานซานกลับบ้าน เมื่อข่าวการฟื้นของเซี่ยซานซานกระจายไปทั่วทั้งหมู่บ้าน เช้าวันต่อมาแม่เฒ่าเซี่ยรีบพาลูกชายทั้งสองคน มาหาหลานสาวที่บ้านสกุลเซี่ยทันที นางถานให้การต้อนรับพวกเขาที่ห้องโถง สักพักสามพี่น้องจับมือกันเดินออกมา ด้วยสีหน้าหวาดระแวง สีหน้าของนางถานกำลังฟ้อง แม่เฒ่าเซี่ยได้สร้างความลำบากใจให้แก่นาง เซี่ยซือซือมองท่านย่ากับท่านลุงทั้งสองคนของตน นี่มิใช่เอากำลังคนมาข่มขู่พวกนางหรอกรึ “ท่านย่าเหตุใดถึงได้มาที่นี่ได้ล่ะเจ้าคะ” นางพาน้อง ๆ เดินไปอยู่ด้านข้างกับแม่สามี แบ่งแยกชัดเจนว่านางต้องการอยู่ฝั่งไหน แม่เฒ่าเซี่ยเห็นดังนั้นก็กัดฟันกรอด “ข้าจะหามาเยี่ยมเยียนพวกเจ้าบ้างไม่ได้เชียวหรือ” “เฮอะ ! เยี่ยมเยียนอันใดกัน แม่เฒ่าเซี่ยอยากมารับตัวซานซานกลับไปอยู่บ้านต่างหาก” นางถานเบื่อหญิงชราผู้นี้เต็มทน มาถึงบ้านของนางก็เอาแต่พูดจากถากถางไม่ว่างเว้น พอถูกนางจี้ถามเข้าให้ ถึงได้เอ่ยจุดประสงค์ที่แท้จริงออกมา “ท่านย่าท่านความจำเลอะเลือนหรืออย่างไร พวกข้านั้นแยกบ้านออกมาแล้ว ไม่มีความเกี่ยวข้องกับพวกท่านอีกต
21 : อยากขุดบ่อน้ำ เมื่อปิดประตูบ้านเรียบร้อยแล้ว เซี่ยซือซือก็หันมาขอบคุณสองแม่ลูกสกุลถาน ที่ช่วยเหลือนางกับน้อง ๆ ในคราวนี้ ถานจ้านทำเพียงถอนหายใจเบา ๆ แล้วเดินกลับเข้าห้องไป นางถานเอ่ยปลอบเด็กสามคนเพียงไม่กี่ประโยค จากนั้นต่างก็แยกย้ายกันไปงานของตัวเอง “เจ้าอย่าเสียใจไปเลยอาซาน ข้าไม่ได้อยากอยู่บ้านหลังนั้นแล้วเหมือนกัน” เห็นน้องสาวทำหน้าเศร้าสร้อย เซี่ยซือซือก็อดปลอบนางไม่ได้ “แต่นั่นเป็นบ้านของพวกเรานะท่านพี่ ท่านย่ายึดไปแล้ว ภายภาคหน้าพวกเราจะไปอยู่ที่ไหนกัน” “ข้าตั้งใจจะเก็บเงินซื้อบ้านของพวกเราเอง เอาให้อยู่ไกลจากคนบ้านใหญ่ให้มากที่สุด” “ท่านพี่ท่านไม่มีเงิน” เซี่ยซานซานทำหน้าเหมือนไม่เชื่อใจพี่สาวตัวเอง “ไม่มีก็หาสิจะยากอะไร” “ข้าเชื่อท่านพี่ ท่านพี่กล่าวได้ถูกต้องแล้ว” เซี่ยซือหยางแม้ยังเล็ก แต่เขาก็ฟังเข้าใจในเรื่องนี้ “ข้าไม่อยากอยู่ใกล้คนชั่วพวกนั้น” “เห็นไหมอาซาน ขนาดน้องเล็กยังเข้าใจ” เซี่ยซือซือหันไปหยิกแก้มน้องชายเบา ๆ “ท่านพี่ เมื่อก่อนท่านจะดุทันทีที่น้องเล็กพูดเช่นนี้ ทำไมตอนน
22 : นี่คือผลของการใช้น้ำพุวิเศษเกินขนาดสินะ บ้านสกุลถานตั้งอยู่ตรงตีนเขา ไม่ได้อยู่ติดกับบ้านคนอื่น มีหลังที่อยู่ใกล้ที่สุดคือบ้านของอวี่กุ้ย ชาวบ้านหลายคนเดินมาถามหวางชุนลี่ภรรยาของอวี่กุ้ย คนที่บ้านสกุลถานทำอะไรกัน เห็นผู้ใหญ่บ้านพาคนถือจอบเสียมเดินไปทางนั้น พอหวางชุนลี่บอกว่าพวกเขากำลังขุดบ่อน้ำกัน ต่างพากันหัวเราะเยาะคนบ้านสกุลถานกันหมด หาว่าทำแต่เรื่องโง่งมเสียเวลาทำมาหากิน ไม่เว้นกระทั่งคนในบ้านสกุลเซี่ย “เฮอะ ! ข้าจะรอดูว่าน้ำมันจะไหลออกมาไหม คิดว่าตัวเองเป็นเทพเซียนรึไง ถึงเสกน้ำให้ออกมาตามใจชอบได้ คนอื่นเขาลองขุดกันมาตั้งกี่ปีแล้ว เจ้าพวกโง่นี่ !” นางหลินตะโกนปาว ๆ ต่อหน้าชาวบ้าน ที่กำลังนั่งซักผ้าอยู่ริมแม่น้ำ “พ่านเอ๋อลูกสาวเจ้าไปไหนเสียแล้วล่ะ เหตุใดถึงเป็นเจ้ามาซักผ้า ปกติข้าไม่เคยเห็นเจ้าทำงานหนักเช่นนี้มาก่อน” โจวลี่อิงสะใภ้สามของผู้นำตระกูลเซี่ยคุน แสร้งถามนางเสียงดัง ทำให้สตรีที่ซักผ้าอยู่ตรงนี้หกคน หันมามองนางหลินเป็นสายตาเดียวกัน “ฮุ่ยหนิงของข้าต้องเก็บเนื้อเก็บตัว จะได้มีการหมั้นหมายที่ดี ข้าจะปล่อยให้ลูกสาวตัวเอง มานั่งตากแ
23 : เจอตาน้ำแล้ว หลังจากกินข้าวเที่ยงอิ่ม นั่งพักผ่อนอยู่ครู่หนึ่งก็ได้ฤกษ์กลับไปทำงานต่อ คราวนี้ทุกคนในบ้านสกุลถาน ออกมานั่งดูทั้งสี่คนทำงานอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากัน กระทั่งถานจ้านก็ออกมาดูด้วย เขาอยากรู้ว่าความมั่นใจของเซี่ยซือซือ จะให้ผลเป็นอย่างไร “น้ำมา ๆ ๆ” เซี่ยซือหยางวิ่งวนไปรอบ ๆ กองดินโคลนที่ถูกตักขึ้นมาเท ตอนนี้เนื้อตัวของเขาเต็มไปด้วยคราบดินเลน แต่เซี่ยซือซือไม่ต่อว่าเขา ให้เขาวิ่งเล่นตามประสาเด็ก เสื้อผ้าสกปรกนางยังซักให้เขาได้ “ดูน้องเล็กจะตื่นเต้นกว่าพวกเราอีกนะท่านพี่” เซี่ยซานซานเองก็ตื่นเต้นไม่ต่างไปจากน้องชาย แต่นางทำเพียงชะโงกหน้ามองดูผู้ใหญ่ทำงาน ไม่ได้วิ่งวนไปมาเหมือนเซี่ยซือหยาง ขุดไปสักพักอวี่จงส่งสัญญาณมือจากก้นบ่อ ว่าเขาไม่เจอตาน้ำแต่อย่างใด สีหน้าทุกคนแลดูสิ้นหวังกันหมด “อาซือขุดมาสองจั้งแล้วยังไม่เจอตาน้ำเลย ข้าว่าเจ้าต้องผิดหวังแล้วล่ะ” อวี่เฉินฟู่ตะโกนไปบอกเซี่ยซือซือ ที่นั่งอยู่ด้านหลังกองดิน นางไม่ได้ทำหน้าหมดหวังเหมือนเช่นคนอื่น กลับยิ้มสุขุมไม่ตื่นตระหนกแต่อย่างใด “ท่านลุงขุดต่อไปอีกสักศอกหนึ
114 : ยวนยางคู่ (จบ) สองเดือนต่อมา เสียงประทัดจุดขึ้นตรงหน้าคฤหาสน์ตระกูลเซี่ย ถานจ้านเป็นฝ่ายแต่งเข้ามาเป็นเขยของตระกูล คนนอกไม่รู้มักคิดติฉินนินทา แต่การที่เซี่ยซือซืออยู่กับสองแม่ลูกตระกูลถานมาตั้งแต่ต้น พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกันมาหลายปีแล้ว ไม่แบ่งแยกว่าใครต้องแต่งเข้าบ้านใคร นางถานเองย่อมรู้ว่าการที่บุตรชายแต่งเข้าบ้านของภรรยา เป็นเพราะเขาต้องการช่วยนางดูแลน้อง ๆ ทั้งสองคน ตัวนางเองมีวันนี้ได้เพราะเซี่ยซือซือเช่นเดียวกัน “เจ้าไม่เสียใจแน่นะเหลี่ยฮวา” แม่เฒ่าจางแอบถามก่อนพิธีเริ่มต้นขึ้น “ข้าไม่เสียใจเจ้าค่ะแม่เฒ่าจาง ลูกชายข้ายังใช้แซ่ของข้ามาตั้งแต่เกิด ข้าไม่สนใจเรื่องชื่อแซ่หรอกเจ้าค่ะ สนใจแค่ว่าเขามีความสุขในชีวิตหรือไม่ ข้าเคยถามเรื่องซื้อเรือนเป็นของตัวเอง จ้านเออร์ปฏิเสธในทันที เขาไม่ยอมแยกจากซือซือไปไหน และรู้ว่านางเองก็ไม่สามารถแยกจากน้อง ๆ ไปได้เช่นเดียวกัน พวกเราอยู่ด้วยกันเช่นนี้ก็มีความสุขดีแล้วนี่เจ้าคะ ยังท่านมีครอบครัวอาจารย์ฮู่ ล้วนแล้วแต่เป็นครอบครัวเดียวกัน” “เจ้าคิดเช่นนี้ย่อมดีแก่พวกเขา อย่าไปฟังเสียงผ
113 : ขอแต่งงาน ถานจ้านพานางไปเลือกซื้อโคมไฟอันใหม่ จากนั้นก็ชวนกันไปล่องเรือในบึง เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของผืนน้ำ ที่สะท้อนแสงเป็นดวงไฟน้อยใหญ่เต็มไปหมด ฝีพายยืนอยู่ด้านหลังทำเป็นไม่สนใจคู่สามีภรรยา ที่กำลังอิงอกซบไหล่กันอยู่ ถานจ้านถอดเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกออกคลุมให้ภรรยา “ซือซือ” “หืม” “เจ้าอายุสิบแปดแล้วนะ” “อื้ม” “เราแต่งงานกันเถอะ” เซี่ยซือซือ “...” นางรีบดันศีรษะตัวเองออก เงยหน้ามองเขาด้วยความงุนงง “ไม่ใช่เราเป็นสามีภรรยากันแล้วรึ” “ใช่ แต่เราไม่เคยเข้าพิธีแต่งงานกัน และยังไม่เคยร่วมหอ” ทำไมเซี่ยซือซือได้ยินแล้วรู้สึกว่า เขาย้ำสองคำสุดท้ายแบบแปลก ๆ ก้มลงเล่นนิ้วมือตัวเองเงียบ ๆ “ร่วมเหอหรือ” พวงแก้มแดงปลั่ง ภายใต้แสงจากโคมไฟที่แขวนไว้ตรงหัวเรือ “เจ้าเคยเล่าให้ข้าฟังว่า โลกของเจ้าบุรุษขอสตรีแต่งงาน จะสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย” ถานจ้านล้วงหยิบแหวนหยกเนื้อดีสีขาวออกมาจากแขนเสื้อ บรรจงสวมใส่บนนิ้วนางข้างซ้ายให้นาง “แต่งงานกับข้านะซือซือ” เซี่ยซือซือมองแหวนบนนิ้ว
112 : ชีวิตในเมืองหลวง เมื่อแคว้นฉีแพ้สงครามย่อยยับ เพื่อแสดงความจริงใจว่าจะไม่บุกแคว้นจ้าวในช่วงสิบปีนับจากนี้ พวกเขาจึงยอมส่งองค์ชายหกซึ่งมีอายุเพียงห้าปี มาเป็นตัวประกันที่แคว้นจ้าว หลังจากนั้นเพียงห้าเดือน เมืองหลวงได้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น เนื่องจากฮ่องเต้ทรงสวรรคตลงด้วยโรคร้าย ท่านอ๋องเจ็ดกับท่านอ๋องห้าจึงต้องนำทัพ เข้าไปปราบปรามขุนนางชั่วที่ก่อกบฏ และปลดองค์รัชทายาทผู้ไร้ความสามารถลงจากบัลลังก์ ท่านอ๋องเจ็ดได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ให้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้องค์ถัดไป เมืองหลวงที่เคยเต็มไปด้วยขุนนางชั่ว กลับถูกกำจัดทิ้งไปในเวลาเพียงสองปีกว่า แน่นอนว่าคนที่อยู่เบื้องหลัง คอยเฝ้าดูคนชั่วและชี้เป้าหมายความผิดได้อย่างแม่นยำ ยังเป็นเซี่ยซือซือคนเดิม แม้นางไม่ขอรับตำแหน่งใด ๆ เพราะอยากทำการค้าเพื่อความร่ำรวย แต่หากมีเรื่องสำคัญจริง ๆ อยากให้นางช่วย นางก็พร้อมช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ แม่ทัพโหย่วถูกย้ายมาเป็นแม่ทัพประจำเมืองหลวง ฮ่องเต้ได้มอบจวนให้เขาได้อยู่อาศัยอย่างสมเกียรติ และมอบตำแหน่งให้บุตรชายทั้งสอง โหย่วหยางหลงได้เป็นหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพร แม้เขาแขนพ
111 : ขับไล่ข้าศึก เซี่ยซือซือนอนไปได้เพียงหนึ่งชั่วยามเศษ ท่านอ๋องเจ็ดก็ส่งคนมาตามนางที่กระโจม ให้นางตรวจสอบดูสถานการณ์ที่ค่ายของข้าศึก เซี่ยซือซือใช้เวลาไม่นานก็พบว่าฤทธิ์ของยาเริ่มทำงาน ท่านหมอใช้ยาที่ทำให้ร่างกายอ่อนแรง ไร้รสไร้กลิ่นไร้สี ม้าศึกนับหมื่นตัวล้มเกลื่อนอยู่บนพื้น ส่วนทหารหนึ่งในสี่ต่างก็ลุกไม่ขึ้นเช่นกัน “ได้ผลเจ้าค่ะท่านอ๋อง แม้จำนวนที่ได้รับยาไม่มากนัก แต่ก็ทำให้กองทหารม้าทมิฬไร้อาชาสู้รบได้จริง ๆ” “เช่นนั้นดี ออกคำสั่งไปให้เตรียมตัวออกรบ ส่งข่าวให้ทางซื่อจื่อได้รู้ด้วย” ท่านอ๋องเจ็ดจะรุกฆาตข้าศึกในเช้านี้ เซี่ยซือซือตัดสินใจพูดเรื่องน้ำพุวิเศษกับท่านอ๋องเจ็ดตามลำพัง นางไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องนี้มากนัก แต่ทหารนับแสนนาย นางไม่สามารถลงมือคนเดียวได้ “เจ้าบอกว่าน้ำพุวิเศษสามารถทำให้กำลังวังชาเพิ่มขึ้นได้เช่นนั้นรึ” “เจ้าค่ะ ท่านลองดื่มดูก็ได้แต่แค่อึกเดียวพอนะเจ้าคะ มันช่วยในการรักษาเป็นหลัก ร่างกายคนปกติหากดื่มเกินหนึ่งอึก มันจะส่งผลเสีย” นางล้วงหยิบขวดน้ำพุวิเศษยื่นให้ท่านอ๋องเจ็ด ท่านอ๋องเจ็ดรับข
110 : กำจัดหน่วยสอดแนม ซื่อจื่อได้รับจดหมายเตือนแล้วถึงกับหน้าดำคล้ำในทันที หากไม่มีการเตือนจากฝั่งท่านอ๋องเจ็ด เขาคงไม่ได้สนใจข้าศึกที่แอบมาด้านข้างเป็นแน่ รีบออกคำสั่งให้ทหารหลักสามหมื่นนาย ดักซุ่มโจมตีข้าศึกที่จ้องทำลายคลังเสบียงในคืนนี้ ส่วนข้าศึกด้านหน้าที่แสร้งทำเป็นบุกโจมตี ก็ให้กองทัพย่อย ๆ ออกไปจัดการส่วนหนึ่ง ที่เหลือตรึงกำลังอยู่กับที่ ห้ามผลีผลามโดยเด็ดขาด ยามดึกทหารทั้งสองฝั่งต่างทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ถานจ้านนำทหารร้อยนาย ตามด้วยเซี่ยซือซือกับอาจารย์ฮู่ ลอบเข้าไปโจมตีหน่วยสอดแนมของอีกฝ่าย หนนี้พวกมันมากันเพียงสิบสองคน แบ่งออกเป็นสองกลุ่มกลุ่มละหกคน เซี่ยซือซือชี้เป้าให้พลธนูโจมตีได้อย่างง่ายดาย จากนั้นนางก็ปลีกตัวไปช่วยสามีกับอาจารย์ฮู่ หน่วยสอดแนมทั้งแปดกลายเป็นศพในเวลาอันรวดเร็ว “จุดพลุส่งสัญญาณ” นางสั่งทหารด้านหลัง ปัง ! ปัง ! ตามที่ตกลงกันไว้ หากพลุส่งสัญญาณดังขึ้น รุ่งเช้าทหารทุกนายต้องเดินทางลงจากเทือกเขาชิงเทียนอย่างเงียบ ๆ กลุ่มของถานจ้านจะเดินทางนำหน้าไปก่อน เพื่อที่จะได้ส่งสัญญาณบอกคนด้านหลังเป็นระยะ เป
109 : เข้าสู่สมรภูมิรบ เรือนโหย่วเสวี่ยหยา เซี่ยซานซานฝึกฝนวรยุทธ์กับคุณหนูสามจนเหนื่อยล้า นางกำลังนั่งกินขนมที่สาวใช้นำมาให้ ส่วนโหย่วเสวี่ยหยาขอตัวเข้าไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ความจริงนางชวนเซี่ยซานซานไปอาบน้ำด้วย แต่เซี่ยซานซานปฏิเสธไม่อยากรบกวน “เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่” เสียงนุ่มทุ้มของโหย่วหยางหลงดังขึ้นอยู่ด้านหลัง “คุณชายใหญ่” เซี่ยซือซือรีบลุกขึ้นโค้งศีรษะให้เขา “ข้าเห็นสาวใช้บอกว่าเสวี่ยหยามีแขก นึกว่าจะเป็นใครที่ไหนเสียอีก นั่งลงสิเจ้ากำลังกินขนมอยู่ไม่ใช่รึ” “เจ้าค่ะ” เซี่ยซานซานไม่อยากอยู่กับคนผู้นี้ตามลำพัง นางเหมือนเด็กน้อยขี้ขลาด มองไปทางประตูห้องของโหย่วเสวี่ยหยาตลอดเวลา “เหตุใดถึงไม่นั่ง รังเกียจข้ารึ” “มะไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้านั่งแล้ว” นางไม่กล้ามองสบสายตากับเขาด้วยซ้ำ นั่งลงบนเก้าอี้อย่างจำใจ “กลัวข้ารึ” มุมปากของโหย่วหยางหลงกระตุกเบา ๆ นึกอยากแกล้งเด็กสาวคนนี้ขึ้นมา “เจ้ามาฝึกวรยุทธ์กับน้องสามของข้า เหตุใดไม่มาลองฝึกกับข้าดูบ้างล่ะ” “ข้าฝีมืออ่อนหัดนัก ไม่บังอาจไ
108 : รักษาท่านอ๋องห้า แม่เฒ่าจางกับเสี่ยวเป่าเริ่มปรับตัวเข้ากับทุกคนได้แล้ว นางคอยช่วยเหลืองานบ้านทุกอย่าง ไม่ทำตัวนิ่งดูดายแต่อย่างใด แม้ว่านางถานจะบอกให้อยู่เฉย ๆ ไม่ต้องทำอันใด แต่ความเกรงใจของหญิงชรานั้นมีมากเหลือเกิน เซี่ยซือซือเลยปล่อยให้ท่านทำไป การอยู่เฉย ๆ จะยิ่งทำให้รู้สึกเครียด นางคอยกำชับแม่เฒ่าจางว่า นางมีเงินสามารถเลี้ยงดูทั้งคู่ได้ ไม่ต้องคิดว่านางจะลำบาก แม่เฒ่าจางถึงได้วางใจ “ท่านพี่ข้าไปหาคุณหนูสามได้หรือไม่” เซี่ยซานซานอยากเจอหน้าโหย่วเสวี่ยหยา นางอยากรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างไร ถอนหมั้นไปแล้วทางซื่อจื่อจะตำหนินางหรือไม่ “อืม” เซี่ยซือซือคิดหนักเพราะนางต้องไปทำงานนี่สิ “ไปเพิ่มอีกคนคงไม่เป็นไรหรอกซือซือ” ถานจ้านหน้าน้องสาวภรรยาแล้วรู้สึกสงสาร “แล้วน้องเล็กล่ะ” เซี่ยซือซือมองหาน้องชายบ้าง เพราะปกติเซี่ยซานซานจะเป็นคนคอยดูแลเขา เซี่ยซานซาน “เขาเล่นอยู่กับเสี่ยวเป่าหลังบ้านเจ้าค่ะ มีหนิงเซียนคอยดูอยู่” “เจ้าเข้าไปบอกท่านแม่ไว้ก่อน เผื่อไม่เห็นเจ้าท่านจะเป็นห่วงเอา” “ได้ท่านพี่” เซี่ยซา
107 : คุณชายเริ่นก้งเยว่กับพี่หญิงใหญ่ วันต่อมาโรงประมูลหยางชุนกระจายข่าวออกไปอย่างหนาหู ว่าคุณชายเริ่นก้งเยว่ได้นำของล้ำค่ามาร่วมประมูล ผู้คนต่างแห่มาซื้อตั๋วเข้าชมกันอย่างล้นหลาม รวมไปถึงคนในจวนท่านอ๋องห้าด้วย “เจ้าแน่ใจนะว่าข้าเหมือนสตรีแล้ว” สตรีร่างสูงอย่างถานจ้านเริ่มรู้สึกประหม่า เขาแอบออกมาแต่งตัวที่โรงเตี๊ยมด้านนอก เพราะไม่อยากให้คนในบ้านรู้เรื่องนี้ “พี่หญิงใหญ่เหตุใดไม่เชื่อมือข้าล่ะขอรับ” เซี่ยซือซือที่อยู่ในชุดของคุณชายเริ่นก้งเยว่กลั้นขำแทบตาย นางถักเปียทำมวยผมให้เขาอย่างน่ารัก ใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางอย่างสวยงาม “พี่หญิงใหญ่ท่านงามมากขอรับ บุรุษในโรงประมูลต้องคลั่งไคล้ท่านแน่” ถานจ้าน “...!?” เขามองพ่อหนุ่มน้อยหน้าตาเกลี้ยงเกลาตรงหน้า นางจะรู้บ้างไหมว่าแต่งเช่นนี้แล้วดึงดูดสายตาผู้คนยิ่งนัก “เจ้ารีบสวมหมวกเถอะ” เขาหยิบหมวกใบใหญ่ครอบลงบนศีรษะของนาง ก่อนจะสวมให้ตัวเองอีกด้วย หากเซี่ยซือซือไม่บอกว่านางสวมหมวกปิดบังใบหน้า ไว้ตลอดเวลาที่ปลอมตัวเป็นคุณชายเริ่นก้งเยว่ เขาคงห้ามไม่ให้นางเข้าไปยังโรงประมูลแล้ว ก่อนหน้
106 : เสี่ยวเป่า นั่นเจ้าใช่ไหม ! รถม้าวิ่งช้า ๆ ผ่านถนนที่มีขอทานกับคนไร้บ้านรวมตัวกันอยู่ เซี่ยซือซือไม่อยากให้น้องชายของนาง เห็นภาพน่าเวทนาเหล่านี้ นางอยากพาเขากลับเข้าไปนั่งในรถม้า แต่ไม่มีที่ให้จอดรถม้าได้อย่างปลอดภัย หากจอดไปแล้วเกรงว่าคนไร้บ้านเหล่านี้ จะกรูกันเข้ามารุมทึ้งรถม้าของนางเข้า จึงต้องให้เขานั่งอยู่บนตักของนางต่อไป เซี่ยซือหยางกินขนมในมือแล้วมองสองข้างทางไปด้วย เขาเห็นคนยากไร้นอนเกลื่อนข้างถนนเต็มไปหมด เขาได้แต่ถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า ก้มลงมองขาสั้น ๆ กับนิ้วมือป้อม ๆ ของตัวเอง จะไปช่วยเหลืออันใดผู้อื่นได้ “แต่เอ๋ ?” เขาหันกลับไปมองดูอีกที ขนมในมือถูกปล่อยทิ้งลงพื้น ลุกขึ้นยืนหันหน้ามองไปยังด้านหลัง “น้องเล็กอันตรายอย่าลุก” เซี่ยซือซือจับเขาเอาไว้แน่น ๆ แต่เหตุใดเขาถึงได้ดิ้นรน อยากมองไปด้านหลังเช่นนี้ “เสี่ยวเป่า นั่นเจ้าใช่ไหม !” ถานจ้านถึงกับค่อย ๆ หยุดรถม้าลง เขาหันไปมองหน้าเซี่ยซือหยางด้วยความแปลกใจ “เสี่ยวซือหยางเจ้าเรียกใคร” “เหมือนข้าจะเห็นเสี่ยวเป่า” เขาพูดคล้ายไม่แน่ใจ “เสี่ยวเป