แชร์

6 : กั้นกำแพง

ผู้แต่ง: หิมะที่ปลิดปลิว
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-26 11:19:20

6 : กั้นกำแพง

          “ตามธรรมเนียมการแยกบ้านนั้น จำต้องระบุไว้ว่าคนเป็นลูก จะต้องแสดงความกตัญญูต่อบิดามารดาด้วยนะพี่ใหญ่” แม่เฒ่าเซี่ยยังหมายหวังผลประโยชน์จากเด็กทั้งสาม

          “เจ้ายังมีหน้ามาพูดเรื่องนี้อีกหรือจิ่วเม่ย เจ้าขายอาซือไปแล้วจะให้นางเอาอันใดมาตอบแทนบุญคุณเจ้า นางกลายเป็นคนบ้านอื่นไปแล้ว อาซานก็ป่วยติดเตียงซือหยางยังเป็นเด็กเล็ก จิ่วเม่ยไหนเจ้าลองบอกพี่ใหญ่คนนี้ให้กระจ่างซิ เจ้ายังต้องการสิ่งใดจากเด็กน่าสงสารพวกนี้อีก !”

          เซี่ยคุนทั้งโกรธทั้งอยากทุบตีน้องสะใภ้คนนี้เหลือเกิน หากน้องชายของเขายังอยู่ เด็กทั้งสามไม่มีทางวันได้รับความคับข้องใจแบบนี้เป็นแน่

          “ข้าเห็นด้วยกับท่านผู้นำตระกูล แม่เฒ่าเซี่ยเจ้าอย่าได้คิดเอาเปรียบเด็ก ๆ เหล่านี้เลย ไม่เพียงแค่นั้นเจ้ายังต้องมอบธัญพืชให้เด็ก ๆ ไว้สำหรับเลี้ยงชีพอีกด้วย” อวี่กังออกความเห็นช่วยเด็กบ้านสาม

          “อันใดกัน ! พวกนางอยากแยกบ้านออกไปเอง มีสิทธิ์อันใดมาขอธัญพืชจากข้าอีก”

          “จิ่วเม่ยนั่นหลานของเจ้าเองนะ เป็นสายเลือดของเจ้าแท้ ๆ แค่ให้ธัญพืชพวกเขาไว้กินสักสองสามวันจะเป็นอันใดไป ยังมีบ้านกับที่นาอีก เจ้าต้องแบ่งให้คนบ้านสามด้วย”

          “พี่ใหญ่ท่านเลอะเลือนเกินไปแล้ว ก่อนหน้าท่านบอกว่าเด็ก ๆ พวกนี้ยังเล็ก ไม่จำเป็นต้องกตัญญูต่อข้า มาตอนนี้จะให้ข้าแบ่งที่นาให้อีก ท่านคิดว่าข้าโง่งมเพียงนั้นเลยหรือ ข้าไม่มีวันแบ่งที่นาให้คนบ้านสามเด็ดขาด ให้ได้แค่บ้านหลังที่พวกเขาอยู่เท่านั้น หากอยากได้ธัญพืชข้าสามารถแบ่งธัญพืชหยาบให้ได้ราวหนึ่งชั่ง[1]”

          “หนึ่งชั่ง ! เจ้านี่มันเกินจะเยียวยาจริง ๆ” เซี่ยคุนชี้นิ้วใส่แม่เฒ่าเซี่ย ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อไปอีกทาง พ่นลมหายใจดังฟืดฟาดออกมา

          เซี่ยซือซือกลอกตาอย่างเหนื่อยหน่ายใจ ธัญพืชหยาบแค่หนึ่งชั่งจะไปทำอันใดได้ ท่านย่าของนางใจไม้ไส้ระกำจริง ๆ ในใจคงไม่คิดว่านางกับน้อง ๆ เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองด้วยซ้ำ

          “เอาเถอะเจ้าค่ะ หากท่านย่าเมตตาพวกข้าสามพี่น้องเพียงธัญพืชหยาบหนึ่งชั่ง เช่นนั้นวันข้างหน้า หากพวกข้าคนบ้านสามมีอันจะกินขึ้นมา ข้าจะแบ่งปันท่านย่าด้วยธัญพืชหยาบเพียงหนึ่งชั่งเช่นเดียวกัน ท่านปู่ใหญ่ท่านลุงผู้ใหญ่บ้าน พวกท่านเห็นควรว่าอย่างไร”

          “ดี ! ข้ากับผู้ใหญ่บ้านจะเป็นพยานเรื่องนี้เอง หากวันข้างหน้าพวกเจ้าบ้านสามมีกินมีใช้ขึ้นมา ก็ตอบแทนท่านย่าของพวกเจ้าด้วยธัญพืชหยาบหนึ่งชั่งนั่นแหละ” เซี่ยคุนถูกใจคำพูดนี้ของเซี่ยซือซือยิ่งนัก

          “เฮอะ ! ยังไม่ทันไรเจ้าก็ฝันหวานว่าจะได้อยู่ดีกินดีเสียแล้ว ไม่มีแม่เฒ่าอย่างข้าพวกเจ้าจะอยู่รอดถึงสองวันหรือเปล่าก็ไม่รู้ ข้าไม่กล้าหวังสูงให้พวกเจ้ามาตอบแทนบุญคุณข้าหรอก แค่ไม่มาขอข้าวข้ากินเป็นพอ”

          “ท่านย่าหากวันข้างหน้าพวกข้าบ้านสามไม่มีอันจะกินจริง ๆ พวกข้าจะไม่มาขอข้าวท่านกินหรอกเจ้าค่ะ ท่านเองก็เหมือนกัน หากวันข้างหน้าไม่มีอันจะกิน ก็ไม่ต้องไปขอพวกข้าคนบ้านสามนะเจ้าคะ”

          “นังเด็กอกตัญญู ! เจ้ารีบไสหัวออกไปจากบ้านข้าเดี๋ยวนี้ พ่านเอ๋อพรุ่งนี้เจ้ารีบให้เจ้าใหญ่ไปก่อกำแพงกั้นบ้านสามออกไปเลย ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกมันอีก !”

          “เจ้าค่ะท่านแม่ ท่านพี่กลับมาเมื่อใด ข้าจะรีบบอกให้ไปจัดการเจ้าค่ะ” นางหลินรีบรับปากในทันที กั้นกำแพงย่อมดี เด็กป่วยติดเตียงจะได้ไม่มารบกวนพวกนางได้ นางไม่มีวันเชื่อว่าเด็กบ้านสามจะเอาตัวรอดได้

          เมื่อจัดการกับเอกสารการแยกบ้านเสร็จเรียบร้อย แม่เฒ่าเซี่ยก็ขับไล่เซี่ยซือซือกลับบ้านนางในทันที เซี่ยซือซือจดจำบุญคุณของท่านปู่ใหญ่กับท่านลุงผู้ใหญ่บ้านเอาไว้ในใจ วันข้างหน้านางต้องหาโอกาสตอบแทนบุญคุณทั้งสองอย่างแน่นอน ส่วนคนที่ทำไม่ดีกับนางและน้อง นางจำจารึกไว้ในใจเช่นเดียวกัน

          ในบ้านใหญ่แม่เฒ่าเซี่ยกำลังสืบสาวหาเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น จึงได้รู้ความจริงว่ายังมีคนร่วมลงมือทำร้ายเซี่ยซานซานอีกสองคน

          “เจ้านี่มันอย่างไรนะฮุ่ยหนิง ทำไมไม่พูดออกมาตั้งแต่แรก ว่าไป๋ชิงกับเยี่ยนเอ๋อก็มีส่วนร่วมในเรื่องนี้” แม่เฒ่าเซี่ยบ่นหลานสาวที่ไม่ฉลาดเอาเสียเลย

          “หากรู้ก่อนหน้าว่าเด็กสองคนนั้น มีส่วนทำให้อาซานเป็นเช่นนี้ จะได้ให้คนพวกนั้นมาช่วยจ่ายค่าหมอค่ายาให้”

          “ท่านย่าเจ้าคะ ข้าก็บอกอยู่ว่าข้าไม่ได้ทำ แต่ไม่มีใครเชื่อข้าเลยเจ้าค่ะ นังตัวดีอาซือก็เอาแต่ป่าวประกาศว่าข้าทำอาซานตายอยู่นั่นแหละ พวกชาวบ้านเลยเชื่อนางกันหมด พอกลับถึงบ้านไป๋ชิงกับเยี่ยนเอ๋อก็หายหัวไปเลยเจ้าค่ะ”

          เซี่ยฮุ่ยหนิงเอยอย่างเคียดแค้นใจ ในสายตาของชาวบ้านนางกลายเป็นคนผิดไปแล้ว แค่จะเอ่ยปากแย้งก็ถูกมองด้วยสายตาจ้องจับผิด ทำให้นางไม่กล้าเอ่ยอันใดออกมา ได้แต่ปล่อยให้พวกผู้ใหญ่คุยกันเอาเอง

          “เจ้าไม่ได้ทำเลยหรือฮุ่ยหนิง ถ้าไม่ได้ทำจริงพวกชาวบ้านจะยืนกรานว่าเป็นเจ้าได้อย่างไรกัน”

          นางจงเบ้ปากไม่เชื่อเด็ดขาด นิสัยใจคอหลานสาวคนนี้มีหรือนางจะไม่รู้ งานหนักไม่เอางานเบาไม่สู้  วัน ๆ เอาแต่แต่งเนื้อแต่งตัวเดินกรีดกรายไปมา เห็นใครสวยกว่าหน่อยไม่ได้เป็นอันต้องเข้าไปหาเรื่องเขาก่อน กระทั่งเซี่ยยวี่เฟยลูกสาววัยแปดขวบของนาง ยังเคยถูกเซี่ยฮุ่ยหนิงเล่นงาน เหตุเพราะสวมใส่เครื่องประดับงดงามกว่า

          แม่เฒ่าเซี่ยมีหรือจะไม่เข้าใจเหตุการณ์ ลำพังเสื้อผ้าหน้าผมของหลานสาวตนเองยับเยินจนดูไม่ได้ ก็พอเป็นหลักฐานได้เป็นอย่างดี ว่าเซี่ยฮุ่ยหนิงเป็นคนลงไม้ลงมือกับเซี่ยซานซานจริง เพราะเหตุนี้นางจึงไม่อาจปฏิเสธความผิดของหลานสาวได้

          “ท่านแม่ท่านอย่าถือโทษโกรธฮุ่ยหนิงเลยเจ้าค่ะ นางยังเด็กคงตกใจที่เห็นอาซานสลบไปแบบนั้น เลยทำตัวไม่ถูกเจ้าค่ะ” นางหลินรีบดึงมือลูกสาวมาลูบปลอบเบา ๆ

          เด็กมารดาเจ้าสิ ! นางจงส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่าย เคราะห์ดีที่ลูกสาวนางตามสามีของนางเข้าไปในอำเภอเจียง จึงไม่ต้องมาอยู่ในเหตุความวุ่นวายนี้

          “ว่าแต่เจ้าไปทำอีท่าไหนล่ะฮุ่ยหนิง ทำไมนังเด็กตายยากอย่างอาซาน ถึงได้กลายเป็นแบบนั้นไปได้”

          “ท่านย่าข้าแค่จับหัวนางกระแทกคันนาดินเองนะเจ้าคะ ใครจะไปคิดว่านางจะบอบบางปานนั้น”

          จนป่านนี้เซี่ยฮุ่ยหนิงยังไม่เข้าใจ เหตุใดเซี่ยซานซานถึงยังไม่ฟื้นขึ้นมาอีก มิหนำซ้ำพี่สาวของนางยังปั้นเรื่องว่านางจับเซี่ยซานซานกระแทกก้อนหินไปอีก ยิ่งทำให้นางดูแย่ในสายตาทุกคน

          “เรื่องมันเกิดไปแล้วก็ช่างมันเถอะท่านแม่ ข้าว่าเช่นนี้ก็ดีแล้วล่ะเจ้าค่ะ ขืนท่านไปตามครอบครัวเด็กสองคนนั้นมาช่วยรับผิดชอบ พวกเขาต้องบ่ายเบี่ยงหาเรื่องพวกเราสกุลเซี่ยแน่ อีกอย่างอาซือก็เขียนใบค้างชำระกับท่านหมออวี่ไปแล้ว ต่อไปหนี้ก้อนหนี้ก็ไม่เกี่ยวกับพวกเราอีก”

          นางหลินพยายามหาข้อดีของเรื่องนี้ มาลดหย่อนความผิดของลูกสาว

          “จะว่าไปจริงอย่างพี่สะใภ้พูดนะเจ้าคะ นอกจากหนี้ก้อนนี้บ้านเราไม่ต้องจ่าย ยังไม่ต้องเปลืองข้าวเปลืองธัญพืชเลี้ยงพวกเด็กไร้ประโยชน์สามคนนั้นอีก เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องดีนะเจ้าคะท่านแม่”

          “จริงของพวกเจ้า บ้านสามแยกบ้านออกไปแล้ว ต่อให้อดตายอยู่ข้างนอกก็ไม่เกี่ยวกับข้าอีกต่อไป ใครหน้าไหนมันจะกล้ามาเอาเรื่องข้าอีก” แม่เฒ่าเซี่ยหัวเราะออกมาอย่างสบายอกสบายใจ ก่อนหน้าคิดหาหนทางกำจัดเด็กบ้านสามแทบตาย ท้ายที่สุดวันนี้หญิงชราก็สมดังปรารถนา

          ครอบครัวใหญ่ของแม่เฒ่าเซี่ยกำลังยินดีปรีดากับการแยกบ้านสามออกไปได้ ขณะที่คนบ้านสามเองก็รู้สึกมีความสุขไม่น้อยไปกว่ากัน ทว่าความสุขนั้นกลับตามมาด้วยปัญหาอีกอย่างหนึ่ง

          “อาซานลำบากเจ้าแล้ว” เซี่ยซือซือกระซิบบอกน้องสาวเบา ๆ

          “ท่านพี่เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ ข้าเกือบถูกน้องเล็กจับได้ตั้งหลายครั้ง เด็กนี่เอานิ้วมาจิ้ม ๆ ข้าด้วยเจ้าค่ะ” เซี่ยซานซานรีบฟ้องพี่สาวทันที หันไปมองค้อนน้องชายที่หลับไม่ได้รู้เรื่องราวอยู่ด้านข้าง

          ได้ยินแล้วเซี่ยซือซือก็อดขำไม่ได้ น้องชายของนางยังเด็กนัก ยังมีความอยากรู้อยากเห็นอยู่ไม่น้อย เอื้อมมือไปจับมือน้องสาวเข้ามากุมไว้ “พวกเราแยกบ้านได้แล้วล่ะอาซาน”

          “จริงหรือเจ้าคะ !”

          “ซู่ววเบา ๆ สิ เจ้ายังต้องเล่นละครนอนไม่ได้สติอยู่รู้ไหม”

          “นี่ข้ายังต้องแสดงต่ออีกหรือเจ้าคะ ข้าเบื่อจะแย่อยู่แล้วท่านพี่”

          “เป็นเช่นนั้น หากเจ้าฟื้นขึ้นมาตอนนี้ เกรงว่าแผนการที่ข้าวางไว้ทั้งหมดคงพังครืนลงมาไม่เป็นท่า ตอนนี้พวกเราแยกบ้านออกมาแล้ว ท่านย่าไม่มีสิทธิ์เอาเจ้ากับน้องเล็กไปขายให้ใครได้อีก ยิ่งไม่มีสิทธิ์บังคับพวกเจ้าทำงานรับใช้พวกเขาอีกต่อไป”

          “ข้าไม่ต้องทำงานให้คนบ้านใหญ่แล้วจริงหรือเจ้าคะ” ความทุกข์ทรมานจากการถูกใช้งานหนัก ทำให้เซี่ยซานซานเจ็บปวดจนฝังใจ

          “จริงสิอาซาน วันข้างหน้าพวกเราจะมีครอบครัวของเราเอง เพียงแต่ว่าข้ามีเรื่องไม่สบายใจอยู่บ้าง”

          “เรื่องอันใดหรือเจ้าคะ”

          “ท่านย่าจะให้ท่านลุงใหญ่มากั้นกำแพงบ้านสามกับบ้านใหญ่”

          “แล้วไม่ดีหรือเจ้าคะ”

          “ลืมไปแล้วหรือว่าข้าต้องไปอยู่บ้านท่านป้าถาน”

          “โอ๊ะ จริงด้วย เช่นนั้นข้าต้องอยู่บ้านหลังนี้กับน้องเล็กแค่สองคนหรือเจ้าคะ” หน้าของเซี่ยซานซานซีดเซียวหนักกว่าเดิม นางไม่เคยห่างพี่สาวเลยสักวัน แค่เพียงคิดน้ำตาก็คลอเบ้า

          เดิมทีเซี่ยซือซือคาดการณ์ไว้ว่า หากนางเข้าไปอยู่ในบ้านสกุลถานแล้ว ให้น้องทั้งสองอยู่บ้านหลังเก่าไปก่อนชั่วคราว ถึงอย่างไรยังมีผู้ใหญ่อยู่ในบ้านบริเวณเดียวกัน แต่เมื่อแม่เฒ่าเซี่ยต้องการกั้นกำแพง ความหวังของนางจึงพังทลายลง ยามค่ำคืนหากมีโจรผู้ร้ายบุกเข้าบ้านสาม คนบ้านใหญ่คงไม่ปีนกำแพงมาช่วยน้อง ๆ ของนางแน่

          ใจจริงนางไม่ต้องการแยกจากน้องทั้งสองคน แต่นางไม่รู้ว่าบ้านสกุลถานเป็นมาอย่างไร คนในบ้านยินดีต้อนรับนางหรือไม่ ยังไม่รู้นิสัยใจคอของท่านป้าถาน และยิ่งไม่รู้ว่าสามีพิการของนางเป็นคนแบบไหน เรื่องจะพาน้อง ๆ ไปฝากตัวขออาศัยนั้น คาดว่าเป็นไปได้ยากยิ่ง

[1] หนึ่งชั่ง คือ 600กรัม

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ   7 : เซี่ยเหมยลี่

    7 : เซี่ยเหมยลี่ เซี่ยซือซือบอกน้องสาวให้สงบจิตใจเอาไว้ก่อน นางกำลังพยายามหาหนทางให้สามพี่น้องได้อยู่ด้วยกัน ระหว่างนี้เซี่ยซานซานยังต้องแกล้งนอนติดเตียงเช่นเดิมอยู่ แม้แต่น้องเล็กก็ห้ามบอกความจริง เหตุเพราะเขายังเด็กนัก เกิดออกไปวิ่งเล่น แล้วมีชาวบ้านมาหลอกถาม อาจทำให้หลุดพูดความจริงออกไปแบบไม่รู้ตัว “ข้าเชื่อฟังท่านพี่เจ้าค่ะ” เซี่ยซานซานไม่มีทางเลือกอื่น นางจำเป็นต้องนอนติดเตียงไปก่อนสักระยะ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย นางจะกลับมาใช้ชีวิตได้ดังเดิม “ลำบากเจ้าต่อไปอีกสักพักนะอาซาน แต่ไม่นานนักหรอกเจ้าอย่าได้กังวลเกินเหตุ ให้ข้าไปดูลาดเลาที่บ้านท่านป้าถานก่อน ข้าไม่รู้ว่าทางนั้นเขาอยู่กันอย่างไร” เซี่ยซือซือมีความคิดแก้ไขสถานการณ์อยู่ในใจ แต่ยังไม่กล้าตัดสินใจในทันที นางเพิ่งทะลุมิติมาที่นี่ได้ไม่กี่วัน ผลีผลามเกินไปย่อมไม่เป็นผลดี “ท่านพี่ท่านคงไม่คิดจะพาข้ากับน้องเล็กไปอยู่กับท่าน ที่บ้านท่านป้าถานหรอกนะเจ้าคะ” “ทำไมเล่า ทำเช่นนั้นไม่ได้หรือ” นางเอียงคอมองน้องสาวคล้ายไม่เข้าใจ “ไม่ได้เจ้าค่ะ มีชาวบ้านคนไหนแต่งภรรยาแล้วต้องให้ที

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ   8 : สำรวจมิติพิเศษ

    8 : สำรวจมิติพิเศษ นางยิ้มอย่างพึงพอใจ ละสายตาจากบ่อน้ำพุมองไปยังทุ่งหญ้ากว้างไกล ก่อนจะวกสายตาไปที่กระท่อมหลังน้อย รีบก้าวเท้าตรงไปสำรวจในทันที ภายในกระท่อมมีเพียงเตียงนอนหนึ่งหลัง ชั้นวางตำราที่มีตำราวางเรียงรายอยู่นับสิบเล่ม แน่นอนว่าเป็นภาษาโบราณซึ่งนางอ่านไม่ออก ไม่รู้ว่ามันเขียนสิ่งใดเอาไว้ มีสี่สิ่งล้ำค่าในห้องหนังสือ[1]วางอยู่บนโต๊ะ นางใช้พู่กันกับหมึกโบราณเป็นเสียที่ไหนกัน ไม่ใช่ว่าสิ่งนี้มันเปล่าประโยชน์สำหรับนางหรอกหรือ มีห้องครัวสำหรับทำอาหารด้วย มีเพียงอุปกรณ์พวกเตาหม้อกระทะเหล็ก แต่กลับไร้เงาของวัตถุดิบประกอบอาหาร ในกระท่อมหมดความน่าสนใจไปเพียงเท่านั้น แต่พอเปิดประตูด้านหลังกระท่อมออกไป พลันดวงตาของนางก็สว่างจ้าขึ้นด้วยทิวทัศน์แสนงดงาม มีธารน้ำไหลมาจากที่ไหนสักแห่ง นางลองชิมดูแล้วไม่ปรากฏว่ามีพลังพิเศษแต่อย่างใด แตกต่างจากน้ำพุใจกลางลาน ต้นไม้น้อยใหญ่เรียงรายอยู่รอบด้าน มีต้นผิงกั่ว[2] อยู่สามต้น ซึ่งผลของมันสีแดงสุกเต็มต้น รีบเอื้อมมือออกไปเด็ดมาชิมดูผลหนึ่ง เซี่ยซือซืออ้าปากกว้างกัดดังกร๊วบ ! ผิงกั่วผลนี้หวานอร่อยสดชื่น

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ   9 : นางถานมารับตัวเซี่ยซือซือ

    9 : นางถานมารับตัวเซี่ยซือซือ ยามเฉิน[1] เสียงดังเหมือนคนกำลังก่อสร้างบางอย่าง รบกวนสามพี่น้องในตอนเช้าของอีกวัน เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นด้วยความหงุดหงิดใจ น้องสาวของนางยันตัวลุกขึ้นมานั่งเหมือนกัน ทั้งคู่หันไปมองเจ้าตัวน้อยมุมในสุดของเตียง เซี่ยซือหยางยังคงนอนหลับอุตุอยู่ที่เดิม สองพี่น้องจึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก “ข้าจะออกไปดูเองเจ้านอนต่อเถอะ” เซี่ยซือซือกระซิบเสียงเบา น้องสาวของนางก็เอนตัวลงนอนอย่างว่าเชื่อฟัง พอเดินออกมาอยู่หน้าบ้าน เซี่ยซือซือถึงได้รู้ว่าท่านลุงใหญ่กับท่านลุงรองของนาง กำลังช่วยกันปั้นก้อนดินก่อกำแพงกั้นบ้านอยู่ ทำงานกันเช้าเพียงนี้เชียวหรือ ดูท่าแม่เฒ่าเซี่ยคงอยากตัดขาดพวกนางให้เร็วที่สุด เซี่ยฉางเงยหน้าขึ้นมาเห็นหลานสาวของตน สายตาพลันเย็นชาขึ้นในทันที “ข้าไม่อยู่แค่วันเดียวเจ้าก็ปีกกล้าขาแข็งขอแยกบ้าน ช่างเป็นเด็กเนรคุณจริง ๆ” เมื่อวานเซี่ยฉางกับน้องชายเซี่ยชุน พากันเข้าไปเยี่ยมบุตรชายที่สำนักศึกษาในอำเภอ จึงไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ขอแยกบ้าน พอกลับมาถึงช่วงเย็นภรรยาของพวกเขา ต่างก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ   10 : เจ้ากล้าสาบานไหมซือซือ

    10 : เจ้ากล้าสาบานไหมซือซือ หลังจิบน้ำต้มจอกที่สองจนหมด นางถานถึงรู้สึกหายใจคล่องคอขึ้น อาการไอก่อนหน้าหยุดลง ตัวนางนั้นย่อมรู้ดีว่ามันจะหยุดแค่ชั่วคราว สักพักจะกลับมาไอรุนแรงอีกครั้ง เหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา “เอาล่ะ ๆ ข้าดีขึ้นมากแล้ว มาว่าเรื่องของเจ้าต่อซือซือ เจ้ารีบไปเก็บของแล้วตามข้ากลับบ้านเถอะ” เซี่ยซือซือมองนางถานอีกหน มองให้ลึกไปถึงความเป็นจริงตรงหน้า ก่อนจะหันมองไปรอบ ๆ บ้านหลังเก่าทรุดโทรมแห่งนี้ ด้วยอายุของเจ้าของร่างกับอายุของน้องทั้งสองคน อันตรายเกินกว่าจะปล่อยให้อยู่ตามลำพังได้ “ท่านป้าถานเจ้าคะ ท่านรู้เรื่องแยกบ้านของข้าแล้วใช่ไหม” “ข้าย่อมรู้ดี ข้าไปหาแม่เฒ่าเซี่ยมาก่อนหน้า นี่ใบซื้อขายตัวของเจ้า” นางถานดึงเอกสารซื้อขายตัวออกมาจากอกเสื้อตนเอง “แต่แม่เฒ่าเซี่ยไม่ยอมพาเจ้าออกมาให้ข้า บอกว่าแยกบ้านกันแล้วให้ข้ามาตามเจ้าที่บ้านสามเอง พวกเขาช่างกั้นกำแพงได้รวดเร็วยิ่งนัก ข้าล่ะนึกแปลกใจจริง ๆ” เซี่ยซือซือสัมผัสได้ถึงความเห็นอกเห็นใจในคำพูดของนางถาน พลอยทำให้นางรู้สึกดีขึ้นมาไม่น้อย อย่างน้อยแม่สามีของนางก็ไม่ได้

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ   11 : ท่านแม่ ท่านขาดทุนแล้วล่ะ

    11 : ท่านแม่ ท่านขาดทุนแล้วล่ะ “ท่านพี่สามีท่านงามมาก” เซี่ยซือหยางเอ่ยขึ้นหลังก้าวเท้าเข้าไปภายในห้องนอนของพวกเขาแล้ว ทันใดนั้นคนบนเตียงนอนก็ลืมตาขึ้นข้างเดียว เงี่ยหูฟังด้วยความอยากรู้อยากเห็นเต็มไปหมด ก่อนหน้าเซี่ยซานซานผุดลุกผุดนั่ง คลายความขบเมื่อยอยู่หลายรอบ พอได้ยินเสียงคนเดินมานางก็รีบกลับไปนอนนิ่งอยู่ตามเดิม นางเองก็อยากเห็นพี่เขยของตัวเองเหมือนกัน ตั้งแต่ถานจ้านพิการเขาก็ไม่ค่อยออกจากบ้านไปไหน ภาพจำของนางจึงติดอยู่ตอนก่อนที่เขาจะพิการ “เจ้าอย่าได้เอ่ยคำนี้ต่อหน้าพี่ถานจ้านเด็ดขาด บุรุษไม่พึงพอใจให้ผู้อื่นชมตนเองว่างามหรอก ต้องชมว่าหล่อเหลาเข้าใจไหม” “เช่นนั้นข้าก็ต้องหล่อเหลาใช่ไหมท่านพี่” เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นยิ้มตาหยีให้พี่สาว “ถูกต้องน้องเล็กของข้านั้นหน้าตาหล่อเหลาเหลือเกิน ปานเทพเซียนตัวน้อย ๆ” เซี่ยซือซืออุ้มเจ้าตัวน้อยขึ้นมา แล้วแนบแก้มถูไถเบา ๆ “ท่านพี่บุรุษสตรีไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกัน” “ไอหยา ! เจ้าตัวเท่านี้ไม่นับว่าเป็นบุรุษหรอก” นางอุ้มน้องชายขึ้นแล้วหมุนไปรอบ ๆ เจ้าตัวส่งเสียงหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ   12 : เหมือนข้าเห็นนิ้วมือของอาซานขยับได้

    12 : เหมือนข้าเห็นนิ้วมือของอาซานขยับได้ “ท่านพี่ท่านป้าให้ข้ามาตามท่าน” เสียงของเซี่ยซือหยางดังขัดจังหวะของทั้งคู่ ศีรษะน้อย ๆ ของเขายื่นออกมา ผ่านช่องประตูที่แง้มไว้เพียงเล็กน้อย “มีเรื่องอันใดน้องเล็ก” เซี่ยซือซือเห็นน้องชายไม่กล้าเข้ามาก็นึกแปลกใจ “ท่านหมออวี่มาหาท่านพี่ขอรับ” เซี่ยซือซือขานรับในลำคอ หันไปทางเจ้าของห้อง เห็นเขาหันหลังกลับไปคัดลอกตำราต่อ ไม่ได้สนใจนางเลยแม้แต่น้อย เซี่ยซือซือทำปากยื่นใส่อย่างหมั่นไส้ เขาก่อนหมุนตัวออกจากห้องไป “น้องเล็กทำไมไม่เข้าไปในห้องล่ะ” นางจูงมือน้องชายเดินไปตามทางเดิน “ท่านป้าถานบอกว่า ห้ามข้าเข้าห้องพี่เขยก่อนได้รับอนุญาต” พี่เขย ! ทำไมคำนี้ทำนางรู้สึกกระดากอายชอบกล “เช่นนั้นเจ้าต้องส่งเสียงบอกเจ้าของห้องก่อน รอให้เขาอนุญาตค่อยเปิดประตูเข้าไป” “อื้ม ข้าจะจำไว้” ทั้งคู่เดินมาถึงห้องโถงของบ้านสกุลถาน เห็นนางถานนั่งคุยเป็นเพื่อนท่านหมออวี่อยู่ บนโต๊ะด้านข้างมีกาชาร้อนวางต้อนรับ “เจ้ามาพอดีเลยซือซือ ท่านหมออวี่มีธุระเรื่องน้องสาวของเจ้า

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ   13 : น้าเหลียนฮวาช่างโง่นัก

    13 : น้าเหลียนฮวาช่างโง่นัก ก่อนถึงบ้านสกุลถาน เซี่ยซือซือได้นำปลา หน่อไม้ และเห็ดเยื่อไผ่ส่วนหนึ่งออกมาใส่ตะกร้าบนหลัง ยังมีผักป่ากับสมุนไพรอีกหลายชนิดที่นางเก็บกลับมาด้วย นางเหลือเห็ดเยื่อไผ่เอาไว้ในมิติพิเศษ เพื่อนำไปขายในวันพรุ่งนี้ พอกลับมาถึงหน้าบ้านสกุลถาน บรรยากาศภายในบ้านกลับดูแปลกไป นางถานนั่งหน้าเครียดอยู่ตรงห้องโถงเพียงลำพัง “ท่านแม่เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ” เซี่ยซือซือปลดตะกร้าบนหลังวางลงที่พื้น “เจ้าบอกข้ามาตามตรงซือซือ เจ้ารังเกียจจ้านเออร์ของข้าหรือไม่” “ท่านแม่เหตุใดถึงถามข้าเช่นนี้” “ชาวบ้านต่างหาว่าข้าโง่นักที่ซื้อเจ้ามาเป็นภรรยาให้จ้านเออร์ ทั้งที่เจ้าไม่ได้เต็มใจอีกทั้งยังรังเกียจ ที่ลูกชายของข้าพิการ จนคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย” ตอนเย็นนางถานเดินไปซื้อไข่ไก่ที่บ้านของหวางชุนลี่ กลับได้ยินหวางชุนลี่พูดกับอวี่กุ้ยสามีของนาง ว่าเห็นกับตาตอนเซี่ยซือซือกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย นางไม่ได้พลัดตกน้ำไปเองอย่างที่ทุกคนคิดกัน “สามีข้าน้าเหลียนฮวาช่างโง่นัก ซือซือรังเกียจที่ถานจ้านพิการ จนเลือกกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ   14 : แอบช่วยแม่สามี

    14 : แอบช่วยแม่สามี อาหารบนโต๊ะมีซุปเยื่อไผ่ ปลาตุ๋นสมุนไพรจีน ผัดผักป่า แล้วยังมีไข่ตุ๋นเห็ดหอมอีกด้วย เซี่ยซือซือหุงข้าวขาวให้สองแม่ลูก ส่วนนางกับน้อง ๆ ยังคงกินโจ๊กธัญพืชหยาบผสมกับมันฝรั่ง นางถานเห็นอาหารบนโต๊ะแล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าใดนัก สองแม่ลูกจึงกินแค่ผัดผักป่ากับไข่ตุ๋นเห็ดหอม ไม่กล้าแตะต้องซุปเยื่อไผ่กับปลาตุ๋นสมุนไพรจีน เซี่ยซือซือเห็นเช่นนั้นจึงหยิบถ้วยมาตักอาหารทั้งสองชนิด วางตรงหน้าของนางถานก่อน “ท่านแม่ปลาตุ๋นกับซุปเยื่อไผ่นี่ข้าตั้งใจทำเลยนะเจ้าคะ ท่านลองชิมดูหน่อยว่าฝีมือข้าเป็นอย่างไรบ้าง” ก่อนจะยื่นอีกถ้วยให้ถานจ้าน “พี่จ้านท่านก็ลองดูหน่อย ข้าไม่ค่อยถนัดเรื่องทำอาหาร พวกสมุนไพรที่ใส่วันนี้ก็เก็บเอาตามป่าเขานั่นแหละ” นางใช้ขิง ต้นหอมป่า เห็ดหอมป่า มาเป็นส่วนผสม ปรุงรสด้วยเกลือเพียงอย่างเดียว รสชาติจึงไม่อาจรู้ได้ ว่าจะอร่อยถูกใจผู้อื่นไหม เซี่ยซือซือไม่รอฟังความเห็นของสองแม่ลูก นางหันไปใส่ใจน้องชายของตัวเองต่อ “น้องเล็กเนื้อปลานี่ดูก้างดี ๆ ด้วยล่ะ เผื่อหลุดรอดสายตาข้าไป” เซี่ยซือหยางคีบเนื้อปลาเข้าปาก

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ   114 : ยวนยางคู่ (จบ)

    114 : ยวนยางคู่ (จบ) สองเดือนต่อมา เสียงประทัดจุดขึ้นตรงหน้าคฤหาสน์ตระกูลเซี่ย ถานจ้านเป็นฝ่ายแต่งเข้ามาเป็นเขยของตระกูล คนนอกไม่รู้มักคิดติฉินนินทา แต่การที่เซี่ยซือซืออยู่กับสองแม่ลูกตระกูลถานมาตั้งแต่ต้น พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกันมาหลายปีแล้ว ไม่แบ่งแยกว่าใครต้องแต่งเข้าบ้านใคร นางถานเองย่อมรู้ว่าการที่บุตรชายแต่งเข้าบ้านของภรรยา เป็นเพราะเขาต้องการช่วยนางดูแลน้อง ๆ ทั้งสองคน ตัวนางเองมีวันนี้ได้เพราะเซี่ยซือซือเช่นเดียวกัน “เจ้าไม่เสียใจแน่นะเหลี่ยฮวา” แม่เฒ่าจางแอบถามก่อนพิธีเริ่มต้นขึ้น “ข้าไม่เสียใจเจ้าค่ะแม่เฒ่าจาง ลูกชายข้ายังใช้แซ่ของข้ามาตั้งแต่เกิด ข้าไม่สนใจเรื่องชื่อแซ่หรอกเจ้าค่ะ สนใจแค่ว่าเขามีความสุขในชีวิตหรือไม่ ข้าเคยถามเรื่องซื้อเรือนเป็นของตัวเอง จ้านเออร์ปฏิเสธในทันที เขาไม่ยอมแยกจากซือซือไปไหน และรู้ว่านางเองก็ไม่สามารถแยกจากน้อง ๆ ไปได้เช่นเดียวกัน พวกเราอยู่ด้วยกันเช่นนี้ก็มีความสุขดีแล้วนี่เจ้าคะ ยังท่านมีครอบครัวอาจารย์ฮู่ ล้วนแล้วแต่เป็นครอบครัวเดียวกัน” “เจ้าคิดเช่นนี้ย่อมดีแก่พวกเขา อย่าไปฟังเสียงผ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ   113 : ขอแต่งงาน

    113 : ขอแต่งงาน ถานจ้านพานางไปเลือกซื้อโคมไฟอันใหม่ จากนั้นก็ชวนกันไปล่องเรือในบึง เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของผืนน้ำ ที่สะท้อนแสงเป็นดวงไฟน้อยใหญ่เต็มไปหมด ฝีพายยืนอยู่ด้านหลังทำเป็นไม่สนใจคู่สามีภรรยา ที่กำลังอิงอกซบไหล่กันอยู่ ถานจ้านถอดเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกออกคลุมให้ภรรยา “ซือซือ” “หืม” “เจ้าอายุสิบแปดแล้วนะ” “อื้ม” “เราแต่งงานกันเถอะ” เซี่ยซือซือ “...” นางรีบดันศีรษะตัวเองออก เงยหน้ามองเขาด้วยความงุนงง “ไม่ใช่เราเป็นสามีภรรยากันแล้วรึ” “ใช่ แต่เราไม่เคยเข้าพิธีแต่งงานกัน และยังไม่เคยร่วมหอ” ทำไมเซี่ยซือซือได้ยินแล้วรู้สึกว่า เขาย้ำสองคำสุดท้ายแบบแปลก ๆ ก้มลงเล่นนิ้วมือตัวเองเงียบ ๆ “ร่วมเหอหรือ” พวงแก้มแดงปลั่ง ภายใต้แสงจากโคมไฟที่แขวนไว้ตรงหัวเรือ “เจ้าเคยเล่าให้ข้าฟังว่า โลกของเจ้าบุรุษขอสตรีแต่งงาน จะสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย” ถานจ้านล้วงหยิบแหวนหยกเนื้อดีสีขาวออกมาจากแขนเสื้อ บรรจงสวมใส่บนนิ้วนางข้างซ้ายให้นาง “แต่งงานกับข้านะซือซือ” เซี่ยซือซือมองแหวนบนนิ้ว

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ   112 : ชีวิตในเมืองหลวง

    112 : ชีวิตในเมืองหลวง เมื่อแคว้นฉีแพ้สงครามย่อยยับ เพื่อแสดงความจริงใจว่าจะไม่บุกแคว้นจ้าวในช่วงสิบปีนับจากนี้ พวกเขาจึงยอมส่งองค์ชายหกซึ่งมีอายุเพียงห้าปี มาเป็นตัวประกันที่แคว้นจ้าว หลังจากนั้นเพียงห้าเดือน เมืองหลวงได้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น เนื่องจากฮ่องเต้ทรงสวรรคตลงด้วยโรคร้าย ท่านอ๋องเจ็ดกับท่านอ๋องห้าจึงต้องนำทัพ เข้าไปปราบปรามขุนนางชั่วที่ก่อกบฏ และปลดองค์รัชทายาทผู้ไร้ความสามารถลงจากบัลลังก์ ท่านอ๋องเจ็ดได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ให้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้องค์ถัดไป เมืองหลวงที่เคยเต็มไปด้วยขุนนางชั่ว กลับถูกกำจัดทิ้งไปในเวลาเพียงสองปีกว่า แน่นอนว่าคนที่อยู่เบื้องหลัง คอยเฝ้าดูคนชั่วและชี้เป้าหมายความผิดได้อย่างแม่นยำ ยังเป็นเซี่ยซือซือคนเดิม แม้นางไม่ขอรับตำแหน่งใด ๆ เพราะอยากทำการค้าเพื่อความร่ำรวย แต่หากมีเรื่องสำคัญจริง ๆ อยากให้นางช่วย นางก็พร้อมช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ แม่ทัพโหย่วถูกย้ายมาเป็นแม่ทัพประจำเมืองหลวง ฮ่องเต้ได้มอบจวนให้เขาได้อยู่อาศัยอย่างสมเกียรติ และมอบตำแหน่งให้บุตรชายทั้งสอง โหย่วหยางหลงได้เป็นหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพร แม้เขาแขนพ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ   111 : ขับไล่ข้าศึก

    111 : ขับไล่ข้าศึก เซี่ยซือซือนอนไปได้เพียงหนึ่งชั่วยามเศษ ท่านอ๋องเจ็ดก็ส่งคนมาตามนางที่กระโจม ให้นางตรวจสอบดูสถานการณ์ที่ค่ายของข้าศึก เซี่ยซือซือใช้เวลาไม่นานก็พบว่าฤทธิ์ของยาเริ่มทำงาน ท่านหมอใช้ยาที่ทำให้ร่างกายอ่อนแรง ไร้รสไร้กลิ่นไร้สี ม้าศึกนับหมื่นตัวล้มเกลื่อนอยู่บนพื้น ส่วนทหารหนึ่งในสี่ต่างก็ลุกไม่ขึ้นเช่นกัน “ได้ผลเจ้าค่ะท่านอ๋อง แม้จำนวนที่ได้รับยาไม่มากนัก แต่ก็ทำให้กองทหารม้าทมิฬไร้อาชาสู้รบได้จริง ๆ” “เช่นนั้นดี ออกคำสั่งไปให้เตรียมตัวออกรบ ส่งข่าวให้ทางซื่อจื่อได้รู้ด้วย” ท่านอ๋องเจ็ดจะรุกฆาตข้าศึกในเช้านี้ เซี่ยซือซือตัดสินใจพูดเรื่องน้ำพุวิเศษกับท่านอ๋องเจ็ดตามลำพัง นางไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องนี้มากนัก แต่ทหารนับแสนนาย นางไม่สามารถลงมือคนเดียวได้ “เจ้าบอกว่าน้ำพุวิเศษสามารถทำให้กำลังวังชาเพิ่มขึ้นได้เช่นนั้นรึ” “เจ้าค่ะ ท่านลองดื่มดูก็ได้แต่แค่อึกเดียวพอนะเจ้าคะ มันช่วยในการรักษาเป็นหลัก ร่างกายคนปกติหากดื่มเกินหนึ่งอึก มันจะส่งผลเสีย” นางล้วงหยิบขวดน้ำพุวิเศษยื่นให้ท่านอ๋องเจ็ด ท่านอ๋องเจ็ดรับข

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ   110 :  กำจัดหน่วยสอดแนม

    110 : กำจัดหน่วยสอดแนม ซื่อจื่อได้รับจดหมายเตือนแล้วถึงกับหน้าดำคล้ำในทันที หากไม่มีการเตือนจากฝั่งท่านอ๋องเจ็ด เขาคงไม่ได้สนใจข้าศึกที่แอบมาด้านข้างเป็นแน่ รีบออกคำสั่งให้ทหารหลักสามหมื่นนาย ดักซุ่มโจมตีข้าศึกที่จ้องทำลายคลังเสบียงในคืนนี้ ส่วนข้าศึกด้านหน้าที่แสร้งทำเป็นบุกโจมตี ก็ให้กองทัพย่อย ๆ ออกไปจัดการส่วนหนึ่ง ที่เหลือตรึงกำลังอยู่กับที่ ห้ามผลีผลามโดยเด็ดขาด ยามดึกทหารทั้งสองฝั่งต่างทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ถานจ้านนำทหารร้อยนาย ตามด้วยเซี่ยซือซือกับอาจารย์ฮู่ ลอบเข้าไปโจมตีหน่วยสอดแนมของอีกฝ่าย หนนี้พวกมันมากันเพียงสิบสองคน แบ่งออกเป็นสองกลุ่มกลุ่มละหกคน เซี่ยซือซือชี้เป้าให้พลธนูโจมตีได้อย่างง่ายดาย จากนั้นนางก็ปลีกตัวไปช่วยสามีกับอาจารย์ฮู่ หน่วยสอดแนมทั้งแปดกลายเป็นศพในเวลาอันรวดเร็ว “จุดพลุส่งสัญญาณ” นางสั่งทหารด้านหลัง ปัง ! ปัง ! ตามที่ตกลงกันไว้ หากพลุส่งสัญญาณดังขึ้น รุ่งเช้าทหารทุกนายต้องเดินทางลงจากเทือกเขาชิงเทียนอย่างเงียบ ๆ กลุ่มของถานจ้านจะเดินทางนำหน้าไปก่อน เพื่อที่จะได้ส่งสัญญาณบอกคนด้านหลังเป็นระยะ เป

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ   109 : เข้าสู่สมรภูมิรบ

    109 : เข้าสู่สมรภูมิรบ เรือนโหย่วเสวี่ยหยา เซี่ยซานซานฝึกฝนวรยุทธ์กับคุณหนูสามจนเหนื่อยล้า นางกำลังนั่งกินขนมที่สาวใช้นำมาให้ ส่วนโหย่วเสวี่ยหยาขอตัวเข้าไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ความจริงนางชวนเซี่ยซานซานไปอาบน้ำด้วย แต่เซี่ยซานซานปฏิเสธไม่อยากรบกวน “เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่” เสียงนุ่มทุ้มของโหย่วหยางหลงดังขึ้นอยู่ด้านหลัง “คุณชายใหญ่” เซี่ยซือซือรีบลุกขึ้นโค้งศีรษะให้เขา “ข้าเห็นสาวใช้บอกว่าเสวี่ยหยามีแขก นึกว่าจะเป็นใครที่ไหนเสียอีก นั่งลงสิเจ้ากำลังกินขนมอยู่ไม่ใช่รึ” “เจ้าค่ะ” เซี่ยซานซานไม่อยากอยู่กับคนผู้นี้ตามลำพัง นางเหมือนเด็กน้อยขี้ขลาด มองไปทางประตูห้องของโหย่วเสวี่ยหยาตลอดเวลา “เหตุใดถึงไม่นั่ง รังเกียจข้ารึ” “มะไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้านั่งแล้ว” นางไม่กล้ามองสบสายตากับเขาด้วยซ้ำ นั่งลงบนเก้าอี้อย่างจำใจ “กลัวข้ารึ” มุมปากของโหย่วหยางหลงกระตุกเบา ๆ นึกอยากแกล้งเด็กสาวคนนี้ขึ้นมา “เจ้ามาฝึกวรยุทธ์กับน้องสามของข้า เหตุใดไม่มาลองฝึกกับข้าดูบ้างล่ะ” “ข้าฝีมืออ่อนหัดนัก ไม่บังอาจไ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ   108 :  รักษาท่านอ๋องห้า   

    108 : รักษาท่านอ๋องห้า แม่เฒ่าจางกับเสี่ยวเป่าเริ่มปรับตัวเข้ากับทุกคนได้แล้ว นางคอยช่วยเหลืองานบ้านทุกอย่าง ไม่ทำตัวนิ่งดูดายแต่อย่างใด แม้ว่านางถานจะบอกให้อยู่เฉย ๆ ไม่ต้องทำอันใด แต่ความเกรงใจของหญิงชรานั้นมีมากเหลือเกิน เซี่ยซือซือเลยปล่อยให้ท่านทำไป การอยู่เฉย ๆ จะยิ่งทำให้รู้สึกเครียด นางคอยกำชับแม่เฒ่าจางว่า นางมีเงินสามารถเลี้ยงดูทั้งคู่ได้ ไม่ต้องคิดว่านางจะลำบาก แม่เฒ่าจางถึงได้วางใจ “ท่านพี่ข้าไปหาคุณหนูสามได้หรือไม่” เซี่ยซานซานอยากเจอหน้าโหย่วเสวี่ยหยา นางอยากรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างไร ถอนหมั้นไปแล้วทางซื่อจื่อจะตำหนินางหรือไม่ “อืม” เซี่ยซือซือคิดหนักเพราะนางต้องไปทำงานนี่สิ “ไปเพิ่มอีกคนคงไม่เป็นไรหรอกซือซือ” ถานจ้านหน้าน้องสาวภรรยาแล้วรู้สึกสงสาร “แล้วน้องเล็กล่ะ” เซี่ยซือซือมองหาน้องชายบ้าง เพราะปกติเซี่ยซานซานจะเป็นคนคอยดูแลเขา เซี่ยซานซาน “เขาเล่นอยู่กับเสี่ยวเป่าหลังบ้านเจ้าค่ะ มีหนิงเซียนคอยดูอยู่” “เจ้าเข้าไปบอกท่านแม่ไว้ก่อน เผื่อไม่เห็นเจ้าท่านจะเป็นห่วงเอา” “ได้ท่านพี่” เซี่ยซา

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ   107 : คุณชายเริ่นก้งเยว่กับพี่หญิงใหญ่

    107 : คุณชายเริ่นก้งเยว่กับพี่หญิงใหญ่ วันต่อมาโรงประมูลหยางชุนกระจายข่าวออกไปอย่างหนาหู ว่าคุณชายเริ่นก้งเยว่ได้นำของล้ำค่ามาร่วมประมูล ผู้คนต่างแห่มาซื้อตั๋วเข้าชมกันอย่างล้นหลาม รวมไปถึงคนในจวนท่านอ๋องห้าด้วย “เจ้าแน่ใจนะว่าข้าเหมือนสตรีแล้ว” สตรีร่างสูงอย่างถานจ้านเริ่มรู้สึกประหม่า เขาแอบออกมาแต่งตัวที่โรงเตี๊ยมด้านนอก เพราะไม่อยากให้คนในบ้านรู้เรื่องนี้ “พี่หญิงใหญ่เหตุใดไม่เชื่อมือข้าล่ะขอรับ” เซี่ยซือซือที่อยู่ในชุดของคุณชายเริ่นก้งเยว่กลั้นขำแทบตาย นางถักเปียทำมวยผมให้เขาอย่างน่ารัก ใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางอย่างสวยงาม “พี่หญิงใหญ่ท่านงามมากขอรับ บุรุษในโรงประมูลต้องคลั่งไคล้ท่านแน่” ถานจ้าน “...!?” เขามองพ่อหนุ่มน้อยหน้าตาเกลี้ยงเกลาตรงหน้า นางจะรู้บ้างไหมว่าแต่งเช่นนี้แล้วดึงดูดสายตาผู้คนยิ่งนัก “เจ้ารีบสวมหมวกเถอะ” เขาหยิบหมวกใบใหญ่ครอบลงบนศีรษะของนาง ก่อนจะสวมให้ตัวเองอีกด้วย หากเซี่ยซือซือไม่บอกว่านางสวมหมวกปิดบังใบหน้า ไว้ตลอดเวลาที่ปลอมตัวเป็นคุณชายเริ่นก้งเยว่ เขาคงห้ามไม่ให้นางเข้าไปยังโรงประมูลแล้ว ก่อนหน้

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ   106 : เสี่ยวเป่า นั่นเจ้าใช่ไหม ! 

    106 : เสี่ยวเป่า นั่นเจ้าใช่ไหม ! รถม้าวิ่งช้า ๆ ผ่านถนนที่มีขอทานกับคนไร้บ้านรวมตัวกันอยู่ เซี่ยซือซือไม่อยากให้น้องชายของนาง เห็นภาพน่าเวทนาเหล่านี้ นางอยากพาเขากลับเข้าไปนั่งในรถม้า แต่ไม่มีที่ให้จอดรถม้าได้อย่างปลอดภัย หากจอดไปแล้วเกรงว่าคนไร้บ้านเหล่านี้ จะกรูกันเข้ามารุมทึ้งรถม้าของนางเข้า จึงต้องให้เขานั่งอยู่บนตักของนางต่อไป เซี่ยซือหยางกินขนมในมือแล้วมองสองข้างทางไปด้วย เขาเห็นคนยากไร้นอนเกลื่อนข้างถนนเต็มไปหมด เขาได้แต่ถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า ก้มลงมองขาสั้น ๆ กับนิ้วมือป้อม ๆ ของตัวเอง จะไปช่วยเหลืออันใดผู้อื่นได้ “แต่เอ๋ ?” เขาหันกลับไปมองดูอีกที ขนมในมือถูกปล่อยทิ้งลงพื้น ลุกขึ้นยืนหันหน้ามองไปยังด้านหลัง “น้องเล็กอันตรายอย่าลุก” เซี่ยซือซือจับเขาเอาไว้แน่น ๆ แต่เหตุใดเขาถึงได้ดิ้นรน อยากมองไปด้านหลังเช่นนี้ “เสี่ยวเป่า นั่นเจ้าใช่ไหม !” ถานจ้านถึงกับค่อย ๆ หยุดรถม้าลง เขาหันไปมองหน้าเซี่ยซือหยางด้วยความแปลกใจ “เสี่ยวซือหยางเจ้าเรียกใคร” “เหมือนข้าจะเห็นเสี่ยวเป่า” เขาพูดคล้ายไม่แน่ใจ “เสี่ยวเป

DMCA.com Protection Status