นางยิ้มอย่างพึงพอใจ ละสายตาจากบ่อน้ำพุมองไปยังทุ่งหญ้ากว้างไกล ก่อนจะวกสายตาไปที่กระท่อมหลังน้อย รีบก้าวเท้าตรงไปสำรวจในทันที
ภายในกระท่อมมีเพียงเตียงนอนหนึ่งหลัง ชั้นวางตำราที่มีตำราวางเรียงรายอยู่นับสิบเล่ม แน่นอนว่าเป็นภาษาโบราณซึ่งนางอ่านไม่ออก ไม่รู้ว่ามันเขียนสิ่งใดเอาไว้ มีสี่สิ่งล้ำค่าในห้องหนังสือ[1]วางอยู่บนโต๊ะ นางใช้พู่กันกับหมึกโบราณเป็นเสียที่ไหนกัน ไม่ใช่ว่าสิ่งนี้มันเปล่าประโยชน์สำหรับนางหรอกหรือ
มีห้องครัวสำหรับทำอาหารด้วย มีเพียงอุปกรณ์พวกเตาหม้อกระทะเหล็ก แต่กลับไร้เงาของวัตถุดิบประกอบอาหาร
ในกระท่อมหมดความน่าสนใจไปเพียงเท่านั้น แต่พอเปิดประตูด้านหลังกระท่อมออกไป พลันดวงตาของนางก็สว่างจ้าขึ้นด้วยทิวทัศน์แสนงดงาม มีธารน้ำไหลมาจากที่ไหนสักแห่ง นางลองชิมดูแล้วไม่ปรากฏว่ามีพลังพิเศษแต่อย่างใด แตกต่างจากน้ำพุใจกลางลาน ต้นไม้น้อยใหญ่เรียงรายอยู่รอบด้าน
มีต้นผิงกั่ว[2] อยู่สามต้น ซึ่งผลของมันสีแดงสุกเต็มต้น รีบเอื้อมมือออกไปเด็ดมาชิมดูผลหนึ่ง เซี่ยซือซืออ้าปากกว้างกัดดังกร๊วบ ! ผิงกั่วผลนี้หวานอร่อยสดชื่นนัก รสชาติดีกว่าในโลกยุคปัจจุบันของนางเสียอีก ผลไม้ในมิติพิเศษนี้กินไปแล้วรู้สึกร่างกายกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ
ทำอย่างไรจะนำผลผิงกั่วพวกนี้กลับไปให้น้อง ๆ ของนางกินได้แบบไม่มีคนสงสัย เฮ้อ เห็นทีนางไม่สามารถนำผลไม้พวกนี้ออกไปด้านนอกได้อย่างตั้งใจ ต้องหาโอกาสขึ้นไปบนเขาถึงจะบอกคนอื่นได้ ว่านางเก็บมันมาจากบนนั้น
อาซานน้องเล็กพวกเจ้าอดทนไว้ก่อนนะ เอาไว้ทุกอย่างเรียบร้อยข้าจะให้พวกเจ้าได้ชิมผลผิงกั่วแสนอร่อยพวกนี้
ทันใดนั้นนางเหลือบเห็นผลไม้ชนิดหนึ่ง เป็นเครือสีแดงอยู่ด้านหลังต้นผิงกั่ว นี่เรียกว่าดงเฉ่าเหมย[3]ได้เลย นางรีบเด็ดผลสีแดงสุกปลั่งออกมาชิมดู
อื้ม ! หวานอร่อย แทบทนรอไม่ไหวให้น้อง ๆ ของนางได้กินด้วย
เซี่ยซือซือเด็ดผลเฉ่าเหมยมานั่งกินใต้ต้นผิงกั่วจนอิ่มแปล้ ยามนี้นางสำรวจพื้นที่มิติพิเศษจนหมดทุกซอกมุมแล้ว สรุปได้ว่ามีน้ำพุวิเศษรักษาอาการบาดเจ็บภายนอกได้ ส่วนภายในนางต้องทดลองกับคนป่วยจริงดูเสียก่อน เรื่องดื่มแล้วเพิ่มกำลังวังชานั้น นางไม่สามารถใช้ได้พร่ำเพรื่อ ไม่รู้ด้วยว่ามีผลข้างเคียงต่อร่างกายหรือไม่
พบเจอผลไม้สองชนิดในมิติแห่งนี้ เรียกว่ามีของกินแบบไม่ต้องกลัวหิวตาย มีที่นอนในกระท่อมอีกด้วย เป็นบ้านพักตากอากาศขนาดย่อมได้เลย นางมองไปที่ลำธารขนาดความกว้างราวหนึ่งผิ่ง[4] ต้นตอของน้ำมาจากน้ำตกชั้นบน แต่นางมองไม่เห็นสิ่งใด นอกจากเมฆหมอกบนท้องฟ้า ก้มหน้ามองเข้าไปในลำธารกลับเห็นสัตว์น้ำบางตัวว่ายน้ำไปมาอยู่ด้านล่าง พวกมันเป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง
นี่ไม่เรียกว่ามีของกินให้นางแล้วหรอกหรือ หากมีข้าวสารธัญพืชด้วยก็คงดี เพราะไม่มีเลยเป็นปัญหาด้านอาหารหลักของนางกับน้อง ๆ แต่คิดในแง่ดีอย่างน้อยวันข้างหน้า นางไม่ต้องเดือดร้อนเรื่องอาหารการกินอีกต่อไป เพียงแต่นางต้องระมัดระวัง เรื่องการหยิบฉวยอาหารออกจากมิติพิเศษแห่งนี้ มิเช่นนั้นจะมีแต่ความสงสัยตามมา จนกลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นในภายภาคหน้า
มิติพิเศษแห่งมีประโยชน์ต่อตัวนางค่อนข้างมาก เว้นเสียแต่เรื่องเงิน ต้องหาเงินแล้วสินะ !
เสียงกุกกักดังขึ้นจากด้านนอก เซี่ยซือซือรีบหลับตาพาตัวเองออกมาจากมิติพิเศษ พอลืมตาขึ้นพบน้องชายของนางกำลังนั่งยอง ๆ จ้องนางอยู่ด้วยใบหน้างัวเงีย
“ท่านพี่เหตุใดท่านไม่นอนบนเตียงเล่า” เจ้าตัวน้อยถามพลางขยี้ตาไปด้วย ปกติตื่นมาต้องได้นอนกอดพี่สาวคนโต ด้วยความเคยชินทำให้เซี่ยซือหยาง ใช้ขาสั้น ๆ ปีนลงเตียงนอนมาหาเซี่ยซือซือจนได้
“น้องเล็กตื่นแล้วหรือ” นางอุ้มเจ้าตัวน้อยเข้ามากอดเอาไว้ ปรายตาไปมองน้องสาวบนเตียง เห็นนางเองก็ตื่นขึ้นมาเหมือนกัน แต่จำเป็นต้องทำเป็นนอนนิ่งต่อ
“นี่ก็เย็นมากแล้ว เจ้าหิวแล้วใช่ไหม”
“ข้าค่อนข้างหิวนิดหน่อยท่านพี่” เซี่ยซือหยางกล่าวอย่างเอียงอาย ใช้มือน้อยลูบท้องแบน ๆ ของตนเองไปด้วย
“ข้ามีมันฝรั่งอยู่ เจ้าเอาไปกินก่อนเถิด กินเสร็จแล้วค่อยไปอาบน้ำ ตัวเจ้ามีกลิ่นเหม็นเน่ามาก”
ใจจริงนางอยากหายตัวเข้าไปในมิติพิเศษ แก้ผ้าลงอาบน้ำในลำธารด้วยซ้ำไป เกรงว่าน้อง ๆ ตื่นขึ้นมาไม่เห็นนางแล้วจะตกใจ
“ท่านพี่ก็เหม็นเหมือนข้า”
“เจ้าเด็กนี่กล้าว่าข้าหรือ” นางบีบจมูกน้อย ๆ น้องชายแล้วบิดไปมาเบา ๆ ลุกเดินไปหยิบมันฝรั่งบนโต๊ะมายื่นให้น้องเล็ก ส่วนน้องสาวนั้นรอเจ้าตัวน้อยกินอิ่มอาบน้ำเสร็จ จนถึงนอนหลับไปก่อนค่อยปลุกนางขึ้นมากิน
“ท่านพี่น้ำในถังหมดแล้ว จะเอาน้ำที่ไหนมาอาบหรือขอรับ”
“ข้าไปตักเอง เจ้ากินมันฝรั่งอยู่นี่ไปก่อน ข้าตักเต็มถังเมื่อใดจะมาเรียกให้ไปอาบ” นางหยิบหัวมันของตนเองให้น้องชายไปด้วย ระหว่างนั้นหยดน้ำพุวิเศษลงในกาน้ำต้มอีกหนึ่งหยด เพื่อให้น้องทั้งสองมีเรี่ยวแรงขึ้นมาหน่อย
“อื้ม ข้าจะรอท่านพี่มาเรียกข้าไปอาบน้ำอยู่ตรงนี้แหละ” เด็กน้อยอ้าปากกัดมันฝรั่งเผาพร้อมยิ้มหวานให้คนเป็นพี่สาว
น่ารักจริงเชียวน้องชายใครก็ไม่รู้
ในโลกปัจจุบันนางเป็นลูกคนเดียว พ่อแม่นั้นหย่าร้างแยกกันไปมีครอบครัวใหม่คนละทิศทาง เรียกได้ว่าแทบใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังมาตั้งแต่มัธยมต้น กระทั่งจบมหาวิทยาลัยได้เข้าทำงาน และจบชีวิตบนโต๊ะทำงานด้วยวัยเพียงยี่สิบห้าปี ชีวิตในโลกนี้แม้ไม่ได้สุขสบาย แต่กลับได้รับความรักจากน้องทั้งสองอย่างท่วมท้น หัวใจของนางจะไม่หวั่นไหวในความรักนี้ได้อย่างไร เซี่ยซือซือยกฝ่ามือขยี้เส้นผมน้องชายด้วยความเอ็นดูก่อนเดินจากไป
เซี่ยซือซือยืนมองถังน้ำเปล่าในห้องอาบน้ำ บ้านสกุลเซี่ยตั้งอยู่บริเวณท้ายของหมู่บ้าน ยามใช้น้ำต้องออกไปหาบที่แม่น้ำเข้ามา ตั้งแต่บ้านสามขาดบิดามารดาไป ทุกคนในบ้านผลักหน้าที่นี้ให้เป็นของเซี่ยซือซอกับน้องสาว ช่างหน้าไม่อายกันจริง ๆ เด็กตัวผอมบางอย่างพวกนาง ต้องแบกน้ำมาให้คนทั้งบ้านได้ใช้กัน คิดถึงเรื่องนี้แล้วแค้นใจยิ่งนัก
นางมองซ้ายขวาเมื่อไม่เห็นใคร จึงหยิบถังไม้เข้าไปตักน้ำในมิติพิเศษออกมาใส่ถังไม้ในห้องอาบน้ำ ตักไปจนเต็มถังถึงได้กลับไปเรียกน้องชายมาอาบ นางอาบน้ำให้เจ้าตัวน้อยถึงสามรอบ กว่าคราบไคลสกปรกจะหมดไปจากตัวของเซี่ยซือหยาง กลายเป็นหนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักน่าชังขึ้นมา คอยดูเถอะนางจะขุนให้น้องเล็กตัวจ้ำม่ำสมวัยให้จงได้
“เจ้าสวมชุดใหม่เถอะน้องเล็ก พรุ่งนี้ข้าจะได้เอาตัวนี้ไปซักตากให้” นางรื้อเสื้อผ้าชุดสำรองออกมา สภาพเก่าผ่านการปะชุนมาอย่างสาหัสสากรรจ์ แต่ยังแลดูสะอาดสะอ้านอยู่ พวกนางสามพี่น้องมีเสื้อผ้าไว้ผลัดเปลี่ยนกัน คนละสองสามชุดเท่านั้น
นางเปลี่ยนเสื้อผ้าให้น้องชายเสร็จ พระอาทิตย์ก็ตกดินพอดี คาดว่าวันนี้ท่านหมออวี่คงไม่ได้เอายามาให้แล้ว
“น้องเล็กเจ้าอยู่ดูแลพี่รองของเจ้าไปก่อนนะ ข้าจะไปอาบน้ำก่อน อ้อ เจ้าห้ามเอานิ้วไปจิ้มพี่รองของเจ้าเด็ดขาดรู้ไหม” นางหันมากำชับน้องชาย เกรงว่าหากลงมือหนักเกินไป เซี่ยซานซานจะทนนอนนิ่งต่อไปไม่ไหว
“ได้ท่านพี่” แต่เอ๋ ท่านพี่ของข้ารู้ได้อย่างไร ว่าข้าทำเรื่องนั้นกับพี่รอง ?
เรื่องนี้เซี่ยซือหยางคงคิดไม่ออกไปตลอดชีวิตของเขา
เซี่ยซือซือหยิบเสื้อผ้าไปชุดหนึ่ง นางเข้าไปในห้องอาบน้ำ ตักน้ำจากมิติพิเศษมาเทลงในถังไม้ เพื่อให้น้องสาวได้มาอาบ เมื่อเต็มถังแล้วจึงหายตัวเข้าไปในมิติพิเศษ ถอดเสื้อผ้าลงไปแช่น้ำในลำธาร ดวงจันทร์กลมโตสาดแสงลงมา ทำให้นางสามารถมองเห็นพื้นที่บริเวณรอบ ๆ ได้ อีกทั้งนางยังเข้าไปจุดตะเกียงภายในกระท่อม เพิ่มแสงสว่างรอบ ๆ ตัวบ้านอีกด้วย ในเมื่อเป็นมิติพิเศษของนาง เหตุใดนางต้องกลัวด้วย คิดได้เช่นนั้นก็แหวกว่ายไปมาในลำธารอย่างสบายใจ
ไม่ได้ ๆ ข้าจะสบายใจว่ายน้ำเล่นอยู่ที่นี่คนเดียวไม่ได้
เมื่อนึกถึงความเป็นพี่สาวคนโตของบ้าน ทำให้นางรีบอาบน้ำให้เสร็จ จัดการซักเสื้อผ้าที่ลำธารในมิติพิเศษไปเลย ก่อนนำกลับมาตากไว้ที่หลังบ้านของตนเอง
ค่ำคืนนี้ทุกอย่างเป็นไปตามที่นางวางแผนเอาไว้ เมื่อกล่อมน้องชายจนหลับสนิทไปแล้ว นางก็ปลุกน้องสาวให้ตื่นมากินมันเผา และพาไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ให้เรียบร้อย
“ท่านพี่ข้ารู้สึกเหมือนร่างกายของข้ามันแปลกไป” เซี่ยซานซานโอบแขนรอบตัวเองราวกับได้พบเจอสิ่งแปลกใหม่
“แปลกอย่างไรอาซาน” เซี่ยซือซือขมวดคิ้วแน่นรีบขยับเข้าไปจับเนื้อตัวน้องสาวดู “เจ้ารีบบอกอาการข้ามาเร็วเข้า” นางคิดว่านี่อาจเป็นผลเคียงข้าง จากการหยดน้ำพุวิเศษลงในกาน้ำต้มให้น้องสาวดื่ม
“เหมือนข้าจะมีเรี่ยวแรงมากขึ้นเจ้าค่ะ”
อ้อ นั่นเป็นผลดีจากการดื่มน้ำพุวิเศษ หาใช่เรื่องร้ายอย่างที่นางนึกกลัวไม่ นางหยดลงไปแค่หยดเดียว หน้าผากที่บวมนูนยังไม่ยุบหาย แต่ร่างกายภายในกลับมีเรี่ยวแรงขึ้น นับว่านางใช้น้ำพุวิเศษได้ถูกวิธีแล้ว
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว เจ้ารีบนอนเถอะอาซาน” นางเอนตัวน้องสาวลงนอน
แต่ก่อนที่เซี่ยซานซานจะปิดเปลือกตาลง นางก็เอ่ยขึ้นมาลอย ๆ “พรุ่งนี้ท่านป้าถานจะมารับตัวท่านพี่ไปแล้ว”
“อืม” อายุเพียงเท่านี้ต้องมีสามีพิการเสียแล้ว ซือซือเจ้าช่างโชคร้ายยิ่งนัก
คิดถึงเรื่องราวที่นางต้องเผชิญในวันพรุ่งนี้ ไม่ว่าจะคิดอย่างไรนางก็ไม่อาจเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าได้อยู่ดี คงได้แต่ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติของมันเอง ไม่ช้าสองพี่น้องก็เข้าสู่ห้วงนิทราตามน้องเล็กไป
[1] สี่สิ่งล้ำค่าในห้องหนังสือ คือ กระดาษ หมึก พู่กัน แท่นฝนหมึก
[2] ผิงกั่ว คือ แอปเปิ้ล
[3] เฉ่าเหมย คือ สตรอเบอรี่
[4] หนึ่งผิ่ง คือ 3.3 เมตร
9 : นางถานมารับตัวเซี่ยซือซือ ยามเฉิน[1] เสียงดังเหมือนคนกำลังก่อสร้างบางอย่าง รบกวนสามพี่น้องในตอนเช้าของอีกวัน เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นด้วยความหงุดหงิดใจ น้องสาวของนางยันตัวลุกขึ้นมานั่งเหมือนกัน ทั้งคู่หันไปมองเจ้าตัวน้อยมุมในสุดของเตียง เซี่ยซือหยางยังคงนอนหลับอุตุอยู่ที่เดิม สองพี่น้องจึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก “ข้าจะออกไปดูเองเจ้านอนต่อเถอะ” เซี่ยซือซือกระซิบเสียงเบา น้องสาวของนางก็เอนตัวลงนอนอย่างว่าเชื่อฟัง พอเดินออกมาอยู่หน้าบ้าน เซี่ยซือซือถึงได้รู้ว่าท่านลุงใหญ่กับท่านลุงรองของนาง กำลังช่วยกันปั้นก้อนดินก่อกำแพงกั้นบ้านอยู่ ทำงานกันเช้าเพียงนี้เชียวหรือ ดูท่าแม่เฒ่าเซี่ยคงอยากตัดขาดพวกนางให้เร็วที่สุด เซี่ยฉางเงยหน้าขึ้นมาเห็นหลานสาวของตน สายตาพลันเย็นชาขึ้นในทันที “ข้าไม่อยู่แค่วันเดียวเจ้าก็ปีกกล้าขาแข็งขอแยกบ้าน ช่างเป็นเด็กเนรคุณจริง ๆ” เมื่อวานเซี่ยฉางกับน้องชายเซี่ยชุน พากันเข้าไปเยี่ยมบุตรชายที่สำนักศึกษาในอำเภอ จึงไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ขอแยกบ้าน พอกลับมาถึงช่วงเย็นภรรยาของพวกเขา ต่างก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่
10 : เจ้ากล้าสาบานไหมซือซือ หลังจิบน้ำต้มจอกที่สองจนหมด นางถานถึงรู้สึกหายใจคล่องคอขึ้น อาการไอก่อนหน้าหยุดลง ตัวนางนั้นย่อมรู้ดีว่ามันจะหยุดแค่ชั่วคราว สักพักจะกลับมาไอรุนแรงอีกครั้ง เหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา “เอาล่ะ ๆ ข้าดีขึ้นมากแล้ว มาว่าเรื่องของเจ้าต่อซือซือ เจ้ารีบไปเก็บของแล้วตามข้ากลับบ้านเถอะ” เซี่ยซือซือมองนางถานอีกหน มองให้ลึกไปถึงความเป็นจริงตรงหน้า ก่อนจะหันมองไปรอบ ๆ บ้านหลังเก่าทรุดโทรมแห่งนี้ ด้วยอายุของเจ้าของร่างกับอายุของน้องทั้งสองคน อันตรายเกินกว่าจะปล่อยให้อยู่ตามลำพังได้ “ท่านป้าถานเจ้าคะ ท่านรู้เรื่องแยกบ้านของข้าแล้วใช่ไหม” “ข้าย่อมรู้ดี ข้าไปหาแม่เฒ่าเซี่ยมาก่อนหน้า นี่ใบซื้อขายตัวของเจ้า” นางถานดึงเอกสารซื้อขายตัวออกมาจากอกเสื้อตนเอง “แต่แม่เฒ่าเซี่ยไม่ยอมพาเจ้าออกมาให้ข้า บอกว่าแยกบ้านกันแล้วให้ข้ามาตามเจ้าที่บ้านสามเอง พวกเขาช่างกั้นกำแพงได้รวดเร็วยิ่งนัก ข้าล่ะนึกแปลกใจจริง ๆ” เซี่ยซือซือสัมผัสได้ถึงความเห็นอกเห็นใจในคำพูดของนางถาน พลอยทำให้นางรู้สึกดีขึ้นมาไม่น้อย อย่างน้อยแม่สามีของนางก็ไม่ได้
11 : ท่านแม่ ท่านขาดทุนแล้วล่ะ “ท่านพี่สามีท่านงามมาก” เซี่ยซือหยางเอ่ยขึ้นหลังก้าวเท้าเข้าไปภายในห้องนอนของพวกเขาแล้ว ทันใดนั้นคนบนเตียงนอนก็ลืมตาขึ้นข้างเดียว เงี่ยหูฟังด้วยความอยากรู้อยากเห็นเต็มไปหมด ก่อนหน้าเซี่ยซานซานผุดลุกผุดนั่ง คลายความขบเมื่อยอยู่หลายรอบ พอได้ยินเสียงคนเดินมานางก็รีบกลับไปนอนนิ่งอยู่ตามเดิม นางเองก็อยากเห็นพี่เขยของตัวเองเหมือนกัน ตั้งแต่ถานจ้านพิการเขาก็ไม่ค่อยออกจากบ้านไปไหน ภาพจำของนางจึงติดอยู่ตอนก่อนที่เขาจะพิการ “เจ้าอย่าได้เอ่ยคำนี้ต่อหน้าพี่ถานจ้านเด็ดขาด บุรุษไม่พึงพอใจให้ผู้อื่นชมตนเองว่างามหรอก ต้องชมว่าหล่อเหลาเข้าใจไหม” “เช่นนั้นข้าก็ต้องหล่อเหลาใช่ไหมท่านพี่” เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นยิ้มตาหยีให้พี่สาว “ถูกต้องน้องเล็กของข้านั้นหน้าตาหล่อเหลาเหลือเกิน ปานเทพเซียนตัวน้อย ๆ” เซี่ยซือซืออุ้มเจ้าตัวน้อยขึ้นมา แล้วแนบแก้มถูไถเบา ๆ “ท่านพี่บุรุษสตรีไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกัน” “ไอหยา ! เจ้าตัวเท่านี้ไม่นับว่าเป็นบุรุษหรอก” นางอุ้มน้องชายขึ้นแล้วหมุนไปรอบ ๆ เจ้าตัวส่งเสียงหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่
12 : เหมือนข้าเห็นนิ้วมือของอาซานขยับได้ “ท่านพี่ท่านป้าให้ข้ามาตามท่าน” เสียงของเซี่ยซือหยางดังขัดจังหวะของทั้งคู่ ศีรษะน้อย ๆ ของเขายื่นออกมา ผ่านช่องประตูที่แง้มไว้เพียงเล็กน้อย “มีเรื่องอันใดน้องเล็ก” เซี่ยซือซือเห็นน้องชายไม่กล้าเข้ามาก็นึกแปลกใจ “ท่านหมออวี่มาหาท่านพี่ขอรับ” เซี่ยซือซือขานรับในลำคอ หันไปทางเจ้าของห้อง เห็นเขาหันหลังกลับไปคัดลอกตำราต่อ ไม่ได้สนใจนางเลยแม้แต่น้อย เซี่ยซือซือทำปากยื่นใส่อย่างหมั่นไส้ เขาก่อนหมุนตัวออกจากห้องไป “น้องเล็กทำไมไม่เข้าไปในห้องล่ะ” นางจูงมือน้องชายเดินไปตามทางเดิน “ท่านป้าถานบอกว่า ห้ามข้าเข้าห้องพี่เขยก่อนได้รับอนุญาต” พี่เขย ! ทำไมคำนี้ทำนางรู้สึกกระดากอายชอบกล “เช่นนั้นเจ้าต้องส่งเสียงบอกเจ้าของห้องก่อน รอให้เขาอนุญาตค่อยเปิดประตูเข้าไป” “อื้ม ข้าจะจำไว้” ทั้งคู่เดินมาถึงห้องโถงของบ้านสกุลถาน เห็นนางถานนั่งคุยเป็นเพื่อนท่านหมออวี่อยู่ บนโต๊ะด้านข้างมีกาชาร้อนวางต้อนรับ “เจ้ามาพอดีเลยซือซือ ท่านหมออวี่มีธุระเรื่องน้องสาวของเจ้า
13 : น้าเหลียนฮวาช่างโง่นัก ก่อนถึงบ้านสกุลถาน เซี่ยซือซือได้นำปลา หน่อไม้ และเห็ดเยื่อไผ่ส่วนหนึ่งออกมาใส่ตะกร้าบนหลัง ยังมีผักป่ากับสมุนไพรอีกหลายชนิดที่นางเก็บกลับมาด้วย นางเหลือเห็ดเยื่อไผ่เอาไว้ในมิติพิเศษ เพื่อนำไปขายในวันพรุ่งนี้ พอกลับมาถึงหน้าบ้านสกุลถาน บรรยากาศภายในบ้านกลับดูแปลกไป นางถานนั่งหน้าเครียดอยู่ตรงห้องโถงเพียงลำพัง “ท่านแม่เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ” เซี่ยซือซือปลดตะกร้าบนหลังวางลงที่พื้น “เจ้าบอกข้ามาตามตรงซือซือ เจ้ารังเกียจจ้านเออร์ของข้าหรือไม่” “ท่านแม่เหตุใดถึงถามข้าเช่นนี้” “ชาวบ้านต่างหาว่าข้าโง่นักที่ซื้อเจ้ามาเป็นภรรยาให้จ้านเออร์ ทั้งที่เจ้าไม่ได้เต็มใจอีกทั้งยังรังเกียจ ที่ลูกชายของข้าพิการ จนคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย” ตอนเย็นนางถานเดินไปซื้อไข่ไก่ที่บ้านของหวางชุนลี่ กลับได้ยินหวางชุนลี่พูดกับอวี่กุ้ยสามีของนาง ว่าเห็นกับตาตอนเซี่ยซือซือกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย นางไม่ได้พลัดตกน้ำไปเองอย่างที่ทุกคนคิดกัน “สามีข้าน้าเหลียนฮวาช่างโง่นัก ซือซือรังเกียจที่ถานจ้านพิการ จนเลือกกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย
14 : แอบช่วยแม่สามี อาหารบนโต๊ะมีซุปเยื่อไผ่ ปลาตุ๋นสมุนไพรจีน ผัดผักป่า แล้วยังมีไข่ตุ๋นเห็ดหอมอีกด้วย เซี่ยซือซือหุงข้าวขาวให้สองแม่ลูก ส่วนนางกับน้อง ๆ ยังคงกินโจ๊กธัญพืชหยาบผสมกับมันฝรั่ง นางถานเห็นอาหารบนโต๊ะแล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าใดนัก สองแม่ลูกจึงกินแค่ผัดผักป่ากับไข่ตุ๋นเห็ดหอม ไม่กล้าแตะต้องซุปเยื่อไผ่กับปลาตุ๋นสมุนไพรจีน เซี่ยซือซือเห็นเช่นนั้นจึงหยิบถ้วยมาตักอาหารทั้งสองชนิด วางตรงหน้าของนางถานก่อน “ท่านแม่ปลาตุ๋นกับซุปเยื่อไผ่นี่ข้าตั้งใจทำเลยนะเจ้าคะ ท่านลองชิมดูหน่อยว่าฝีมือข้าเป็นอย่างไรบ้าง” ก่อนจะยื่นอีกถ้วยให้ถานจ้าน “พี่จ้านท่านก็ลองดูหน่อย ข้าไม่ค่อยถนัดเรื่องทำอาหาร พวกสมุนไพรที่ใส่วันนี้ก็เก็บเอาตามป่าเขานั่นแหละ” นางใช้ขิง ต้นหอมป่า เห็ดหอมป่า มาเป็นส่วนผสม ปรุงรสด้วยเกลือเพียงอย่างเดียว รสชาติจึงไม่อาจรู้ได้ ว่าจะอร่อยถูกใจผู้อื่นไหม เซี่ยซือซือไม่รอฟังความเห็นของสองแม่ลูก นางหันไปใส่ใจน้องชายของตัวเองต่อ “น้องเล็กเนื้อปลานี่ดูก้างดี ๆ ด้วยล่ะ เผื่อหลุดรอดสายตาข้าไป” เซี่ยซือหยางคีบเนื้อปลาเข้าปาก
15 : เข้าตำบลหานตง เซี่ยซือซือสะพายตะกร้าที่ใส่เห็ดเยื่อไผ่เอาไว้ นางถานนำห่อผ้าเช็ดหน้าปักของตัวเองกับตำราของลูกชาย มาส่งยื่นให้นางถือไป เพราะกลัวจะทำให้เห็ดเยื่อไผ่ช้ำ และตำราอาจได้รับความเสียหาย พอพ้นสายตาคนในบ้านไป เซี่ยซือซือตั้งใจนำของในมือใส่ไว้ในมิติพิเศษ เหลือไว้แค่เห็ดเยื่อไผ่ในตะกร้า “ลำบากเจ้าแล้วซือซือ รีบไปเถอะก่อนที่เกวียนของเฒ่าอวี่ไห่จะออกไปเสียก่อน นี่เอาไว้จ่ายค่าเกวียน” เงินสองอีแปะถูกยัดใส่มือของเซี่ยซือซือ “หลังได้เงินค่าผ้าปักมาแล้ว เจ้านำไปซื้อข้าวกับธัญพืชกลับมาด้วย กะว่าให้กินได้หลายวันเสียหน่อย ส่วนค่าคัดลอกตำราของจ้านเออร์เจ้าห้ามใช้ เงินส่วนนั้นให้นำกลับมาให้จ้านเออร์ทั้งหมด” “ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ฝากท่านดูแลน้องชายของข้าด้วยนะเจ้าคะ ส่วนอาซานข้าป้อนยานางไปแล้ว” “ได้เดินทางดี ๆ ล่ะ เจอคนแปลกหน้าก็ไม่ต้องไปคุยด้วย ได้เงินมาแล้วต้องเก็บให้ดี ๆ อย่าให้คนอื่นมาฉกฉวยเอาไปได้” นางถานมองลูกสะใภ้ด้วยความเป็นห่วง แต่อย่างไรเสียนางต้องปล่อยให้เซี่ยซือซือทำเรื่องพวกนี้ด้วยตัวเอง “เจ้าค่ะท่านแม่” เซ
16 : ขายเขากวางอ่อน ระหว่างทางที่เดินออกมาจากร้านขายผ้าหยู่จี้ เซี่ยซือซือมองเห็นแม่เฒ่านางหนึ่งนั่งขายถังหูลู่[1]อยู่ อดนึกถึงน้องทั้งสองคนของนางไม่ได้ เอาไว้ทำธุระสำคัญเสร็จดีเสียก่อน นางค่อยกลับมาซื้อกลับไปฝากพวกเขา หอโอสถหยวนเป่า เป็นเรือนไม้สองชั้น มีขนาดค่อนข้างใหญ่โต เซี่ยซือซือสัมผัสได้ว่าผู้คนที่เดินเข้าออกหอโอสถแห่งนี้ ล้วนแต่งตัวดูดีกันทุกคน มีเพียงนางที่ดูซอมซ่อในชุดเสื้อผ้าปะชุนแบบนี้ ก่อนหน้าที่หอหนังสือกับร้านขายผ้า นางไม่ได้รู้สึกถึงสายตาของผู้อื่นเลย ครั้นเข้ามาในหอโอสถแห่งนี้ กลับพบสายตาดูถูกดูแคลนนาง “พี่ชายหอโอสถของท่านรับซื้อสมุนไพรหรือไม่” นางทำใจกล้าถามคนดูแลที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุด “แม่นางน้อยหอโอสถของเรารับซื้อสมุนไพรอยู่ ท่านนำสมุนไพรตัวไหนมาขายรึ” นับว่าผู้ดูแลคนนี้ยังปฏิบัติดีต่อนาง เซี่ยซือซือเหลือบตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะกระซิบเบา ๆ ออกไปว่า “เขากวางอ่อนเจ้าค่ะ” ดวงตาของผู้ดูแลเฉาเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ รีบผายมือเชื้อเชิญนางเข้าไปในห้องรับรองส่วนตัว พร้อมนำน้ำชาออกมาต้อนรับอีกต่างหาก นี
114 : ยวนยางคู่ (จบ) สองเดือนต่อมา เสียงประทัดจุดขึ้นตรงหน้าคฤหาสน์ตระกูลเซี่ย ถานจ้านเป็นฝ่ายแต่งเข้ามาเป็นเขยของตระกูล คนนอกไม่รู้มักคิดติฉินนินทา แต่การที่เซี่ยซือซืออยู่กับสองแม่ลูกตระกูลถานมาตั้งแต่ต้น พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกันมาหลายปีแล้ว ไม่แบ่งแยกว่าใครต้องแต่งเข้าบ้านใคร นางถานเองย่อมรู้ว่าการที่บุตรชายแต่งเข้าบ้านของภรรยา เป็นเพราะเขาต้องการช่วยนางดูแลน้อง ๆ ทั้งสองคน ตัวนางเองมีวันนี้ได้เพราะเซี่ยซือซือเช่นเดียวกัน “เจ้าไม่เสียใจแน่นะเหลี่ยฮวา” แม่เฒ่าจางแอบถามก่อนพิธีเริ่มต้นขึ้น “ข้าไม่เสียใจเจ้าค่ะแม่เฒ่าจาง ลูกชายข้ายังใช้แซ่ของข้ามาตั้งแต่เกิด ข้าไม่สนใจเรื่องชื่อแซ่หรอกเจ้าค่ะ สนใจแค่ว่าเขามีความสุขในชีวิตหรือไม่ ข้าเคยถามเรื่องซื้อเรือนเป็นของตัวเอง จ้านเออร์ปฏิเสธในทันที เขาไม่ยอมแยกจากซือซือไปไหน และรู้ว่านางเองก็ไม่สามารถแยกจากน้อง ๆ ไปได้เช่นเดียวกัน พวกเราอยู่ด้วยกันเช่นนี้ก็มีความสุขดีแล้วนี่เจ้าคะ ยังท่านมีครอบครัวอาจารย์ฮู่ ล้วนแล้วแต่เป็นครอบครัวเดียวกัน” “เจ้าคิดเช่นนี้ย่อมดีแก่พวกเขา อย่าไปฟังเสียงผ
113 : ขอแต่งงาน ถานจ้านพานางไปเลือกซื้อโคมไฟอันใหม่ จากนั้นก็ชวนกันไปล่องเรือในบึง เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของผืนน้ำ ที่สะท้อนแสงเป็นดวงไฟน้อยใหญ่เต็มไปหมด ฝีพายยืนอยู่ด้านหลังทำเป็นไม่สนใจคู่สามีภรรยา ที่กำลังอิงอกซบไหล่กันอยู่ ถานจ้านถอดเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกออกคลุมให้ภรรยา “ซือซือ” “หืม” “เจ้าอายุสิบแปดแล้วนะ” “อื้ม” “เราแต่งงานกันเถอะ” เซี่ยซือซือ “...” นางรีบดันศีรษะตัวเองออก เงยหน้ามองเขาด้วยความงุนงง “ไม่ใช่เราเป็นสามีภรรยากันแล้วรึ” “ใช่ แต่เราไม่เคยเข้าพิธีแต่งงานกัน และยังไม่เคยร่วมหอ” ทำไมเซี่ยซือซือได้ยินแล้วรู้สึกว่า เขาย้ำสองคำสุดท้ายแบบแปลก ๆ ก้มลงเล่นนิ้วมือตัวเองเงียบ ๆ “ร่วมเหอหรือ” พวงแก้มแดงปลั่ง ภายใต้แสงจากโคมไฟที่แขวนไว้ตรงหัวเรือ “เจ้าเคยเล่าให้ข้าฟังว่า โลกของเจ้าบุรุษขอสตรีแต่งงาน จะสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย” ถานจ้านล้วงหยิบแหวนหยกเนื้อดีสีขาวออกมาจากแขนเสื้อ บรรจงสวมใส่บนนิ้วนางข้างซ้ายให้นาง “แต่งงานกับข้านะซือซือ” เซี่ยซือซือมองแหวนบนนิ้ว
112 : ชีวิตในเมืองหลวง เมื่อแคว้นฉีแพ้สงครามย่อยยับ เพื่อแสดงความจริงใจว่าจะไม่บุกแคว้นจ้าวในช่วงสิบปีนับจากนี้ พวกเขาจึงยอมส่งองค์ชายหกซึ่งมีอายุเพียงห้าปี มาเป็นตัวประกันที่แคว้นจ้าว หลังจากนั้นเพียงห้าเดือน เมืองหลวงได้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น เนื่องจากฮ่องเต้ทรงสวรรคตลงด้วยโรคร้าย ท่านอ๋องเจ็ดกับท่านอ๋องห้าจึงต้องนำทัพ เข้าไปปราบปรามขุนนางชั่วที่ก่อกบฏ และปลดองค์รัชทายาทผู้ไร้ความสามารถลงจากบัลลังก์ ท่านอ๋องเจ็ดได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ให้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้องค์ถัดไป เมืองหลวงที่เคยเต็มไปด้วยขุนนางชั่ว กลับถูกกำจัดทิ้งไปในเวลาเพียงสองปีกว่า แน่นอนว่าคนที่อยู่เบื้องหลัง คอยเฝ้าดูคนชั่วและชี้เป้าหมายความผิดได้อย่างแม่นยำ ยังเป็นเซี่ยซือซือคนเดิม แม้นางไม่ขอรับตำแหน่งใด ๆ เพราะอยากทำการค้าเพื่อความร่ำรวย แต่หากมีเรื่องสำคัญจริง ๆ อยากให้นางช่วย นางก็พร้อมช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ แม่ทัพโหย่วถูกย้ายมาเป็นแม่ทัพประจำเมืองหลวง ฮ่องเต้ได้มอบจวนให้เขาได้อยู่อาศัยอย่างสมเกียรติ และมอบตำแหน่งให้บุตรชายทั้งสอง โหย่วหยางหลงได้เป็นหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพร แม้เขาแขนพ
111 : ขับไล่ข้าศึก เซี่ยซือซือนอนไปได้เพียงหนึ่งชั่วยามเศษ ท่านอ๋องเจ็ดก็ส่งคนมาตามนางที่กระโจม ให้นางตรวจสอบดูสถานการณ์ที่ค่ายของข้าศึก เซี่ยซือซือใช้เวลาไม่นานก็พบว่าฤทธิ์ของยาเริ่มทำงาน ท่านหมอใช้ยาที่ทำให้ร่างกายอ่อนแรง ไร้รสไร้กลิ่นไร้สี ม้าศึกนับหมื่นตัวล้มเกลื่อนอยู่บนพื้น ส่วนทหารหนึ่งในสี่ต่างก็ลุกไม่ขึ้นเช่นกัน “ได้ผลเจ้าค่ะท่านอ๋อง แม้จำนวนที่ได้รับยาไม่มากนัก แต่ก็ทำให้กองทหารม้าทมิฬไร้อาชาสู้รบได้จริง ๆ” “เช่นนั้นดี ออกคำสั่งไปให้เตรียมตัวออกรบ ส่งข่าวให้ทางซื่อจื่อได้รู้ด้วย” ท่านอ๋องเจ็ดจะรุกฆาตข้าศึกในเช้านี้ เซี่ยซือซือตัดสินใจพูดเรื่องน้ำพุวิเศษกับท่านอ๋องเจ็ดตามลำพัง นางไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องนี้มากนัก แต่ทหารนับแสนนาย นางไม่สามารถลงมือคนเดียวได้ “เจ้าบอกว่าน้ำพุวิเศษสามารถทำให้กำลังวังชาเพิ่มขึ้นได้เช่นนั้นรึ” “เจ้าค่ะ ท่านลองดื่มดูก็ได้แต่แค่อึกเดียวพอนะเจ้าคะ มันช่วยในการรักษาเป็นหลัก ร่างกายคนปกติหากดื่มเกินหนึ่งอึก มันจะส่งผลเสีย” นางล้วงหยิบขวดน้ำพุวิเศษยื่นให้ท่านอ๋องเจ็ด ท่านอ๋องเจ็ดรับข
110 : กำจัดหน่วยสอดแนม ซื่อจื่อได้รับจดหมายเตือนแล้วถึงกับหน้าดำคล้ำในทันที หากไม่มีการเตือนจากฝั่งท่านอ๋องเจ็ด เขาคงไม่ได้สนใจข้าศึกที่แอบมาด้านข้างเป็นแน่ รีบออกคำสั่งให้ทหารหลักสามหมื่นนาย ดักซุ่มโจมตีข้าศึกที่จ้องทำลายคลังเสบียงในคืนนี้ ส่วนข้าศึกด้านหน้าที่แสร้งทำเป็นบุกโจมตี ก็ให้กองทัพย่อย ๆ ออกไปจัดการส่วนหนึ่ง ที่เหลือตรึงกำลังอยู่กับที่ ห้ามผลีผลามโดยเด็ดขาด ยามดึกทหารทั้งสองฝั่งต่างทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ถานจ้านนำทหารร้อยนาย ตามด้วยเซี่ยซือซือกับอาจารย์ฮู่ ลอบเข้าไปโจมตีหน่วยสอดแนมของอีกฝ่าย หนนี้พวกมันมากันเพียงสิบสองคน แบ่งออกเป็นสองกลุ่มกลุ่มละหกคน เซี่ยซือซือชี้เป้าให้พลธนูโจมตีได้อย่างง่ายดาย จากนั้นนางก็ปลีกตัวไปช่วยสามีกับอาจารย์ฮู่ หน่วยสอดแนมทั้งแปดกลายเป็นศพในเวลาอันรวดเร็ว “จุดพลุส่งสัญญาณ” นางสั่งทหารด้านหลัง ปัง ! ปัง ! ตามที่ตกลงกันไว้ หากพลุส่งสัญญาณดังขึ้น รุ่งเช้าทหารทุกนายต้องเดินทางลงจากเทือกเขาชิงเทียนอย่างเงียบ ๆ กลุ่มของถานจ้านจะเดินทางนำหน้าไปก่อน เพื่อที่จะได้ส่งสัญญาณบอกคนด้านหลังเป็นระยะ เป
109 : เข้าสู่สมรภูมิรบ เรือนโหย่วเสวี่ยหยา เซี่ยซานซานฝึกฝนวรยุทธ์กับคุณหนูสามจนเหนื่อยล้า นางกำลังนั่งกินขนมที่สาวใช้นำมาให้ ส่วนโหย่วเสวี่ยหยาขอตัวเข้าไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ความจริงนางชวนเซี่ยซานซานไปอาบน้ำด้วย แต่เซี่ยซานซานปฏิเสธไม่อยากรบกวน “เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่” เสียงนุ่มทุ้มของโหย่วหยางหลงดังขึ้นอยู่ด้านหลัง “คุณชายใหญ่” เซี่ยซือซือรีบลุกขึ้นโค้งศีรษะให้เขา “ข้าเห็นสาวใช้บอกว่าเสวี่ยหยามีแขก นึกว่าจะเป็นใครที่ไหนเสียอีก นั่งลงสิเจ้ากำลังกินขนมอยู่ไม่ใช่รึ” “เจ้าค่ะ” เซี่ยซานซานไม่อยากอยู่กับคนผู้นี้ตามลำพัง นางเหมือนเด็กน้อยขี้ขลาด มองไปทางประตูห้องของโหย่วเสวี่ยหยาตลอดเวลา “เหตุใดถึงไม่นั่ง รังเกียจข้ารึ” “มะไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้านั่งแล้ว” นางไม่กล้ามองสบสายตากับเขาด้วยซ้ำ นั่งลงบนเก้าอี้อย่างจำใจ “กลัวข้ารึ” มุมปากของโหย่วหยางหลงกระตุกเบา ๆ นึกอยากแกล้งเด็กสาวคนนี้ขึ้นมา “เจ้ามาฝึกวรยุทธ์กับน้องสามของข้า เหตุใดไม่มาลองฝึกกับข้าดูบ้างล่ะ” “ข้าฝีมืออ่อนหัดนัก ไม่บังอาจไ
108 : รักษาท่านอ๋องห้า แม่เฒ่าจางกับเสี่ยวเป่าเริ่มปรับตัวเข้ากับทุกคนได้แล้ว นางคอยช่วยเหลืองานบ้านทุกอย่าง ไม่ทำตัวนิ่งดูดายแต่อย่างใด แม้ว่านางถานจะบอกให้อยู่เฉย ๆ ไม่ต้องทำอันใด แต่ความเกรงใจของหญิงชรานั้นมีมากเหลือเกิน เซี่ยซือซือเลยปล่อยให้ท่านทำไป การอยู่เฉย ๆ จะยิ่งทำให้รู้สึกเครียด นางคอยกำชับแม่เฒ่าจางว่า นางมีเงินสามารถเลี้ยงดูทั้งคู่ได้ ไม่ต้องคิดว่านางจะลำบาก แม่เฒ่าจางถึงได้วางใจ “ท่านพี่ข้าไปหาคุณหนูสามได้หรือไม่” เซี่ยซานซานอยากเจอหน้าโหย่วเสวี่ยหยา นางอยากรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างไร ถอนหมั้นไปแล้วทางซื่อจื่อจะตำหนินางหรือไม่ “อืม” เซี่ยซือซือคิดหนักเพราะนางต้องไปทำงานนี่สิ “ไปเพิ่มอีกคนคงไม่เป็นไรหรอกซือซือ” ถานจ้านหน้าน้องสาวภรรยาแล้วรู้สึกสงสาร “แล้วน้องเล็กล่ะ” เซี่ยซือซือมองหาน้องชายบ้าง เพราะปกติเซี่ยซานซานจะเป็นคนคอยดูแลเขา เซี่ยซานซาน “เขาเล่นอยู่กับเสี่ยวเป่าหลังบ้านเจ้าค่ะ มีหนิงเซียนคอยดูอยู่” “เจ้าเข้าไปบอกท่านแม่ไว้ก่อน เผื่อไม่เห็นเจ้าท่านจะเป็นห่วงเอา” “ได้ท่านพี่” เซี่ยซา
107 : คุณชายเริ่นก้งเยว่กับพี่หญิงใหญ่ วันต่อมาโรงประมูลหยางชุนกระจายข่าวออกไปอย่างหนาหู ว่าคุณชายเริ่นก้งเยว่ได้นำของล้ำค่ามาร่วมประมูล ผู้คนต่างแห่มาซื้อตั๋วเข้าชมกันอย่างล้นหลาม รวมไปถึงคนในจวนท่านอ๋องห้าด้วย “เจ้าแน่ใจนะว่าข้าเหมือนสตรีแล้ว” สตรีร่างสูงอย่างถานจ้านเริ่มรู้สึกประหม่า เขาแอบออกมาแต่งตัวที่โรงเตี๊ยมด้านนอก เพราะไม่อยากให้คนในบ้านรู้เรื่องนี้ “พี่หญิงใหญ่เหตุใดไม่เชื่อมือข้าล่ะขอรับ” เซี่ยซือซือที่อยู่ในชุดของคุณชายเริ่นก้งเยว่กลั้นขำแทบตาย นางถักเปียทำมวยผมให้เขาอย่างน่ารัก ใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางอย่างสวยงาม “พี่หญิงใหญ่ท่านงามมากขอรับ บุรุษในโรงประมูลต้องคลั่งไคล้ท่านแน่” ถานจ้าน “...!?” เขามองพ่อหนุ่มน้อยหน้าตาเกลี้ยงเกลาตรงหน้า นางจะรู้บ้างไหมว่าแต่งเช่นนี้แล้วดึงดูดสายตาผู้คนยิ่งนัก “เจ้ารีบสวมหมวกเถอะ” เขาหยิบหมวกใบใหญ่ครอบลงบนศีรษะของนาง ก่อนจะสวมให้ตัวเองอีกด้วย หากเซี่ยซือซือไม่บอกว่านางสวมหมวกปิดบังใบหน้า ไว้ตลอดเวลาที่ปลอมตัวเป็นคุณชายเริ่นก้งเยว่ เขาคงห้ามไม่ให้นางเข้าไปยังโรงประมูลแล้ว ก่อนหน้
106 : เสี่ยวเป่า นั่นเจ้าใช่ไหม ! รถม้าวิ่งช้า ๆ ผ่านถนนที่มีขอทานกับคนไร้บ้านรวมตัวกันอยู่ เซี่ยซือซือไม่อยากให้น้องชายของนาง เห็นภาพน่าเวทนาเหล่านี้ นางอยากพาเขากลับเข้าไปนั่งในรถม้า แต่ไม่มีที่ให้จอดรถม้าได้อย่างปลอดภัย หากจอดไปแล้วเกรงว่าคนไร้บ้านเหล่านี้ จะกรูกันเข้ามารุมทึ้งรถม้าของนางเข้า จึงต้องให้เขานั่งอยู่บนตักของนางต่อไป เซี่ยซือหยางกินขนมในมือแล้วมองสองข้างทางไปด้วย เขาเห็นคนยากไร้นอนเกลื่อนข้างถนนเต็มไปหมด เขาได้แต่ถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า ก้มลงมองขาสั้น ๆ กับนิ้วมือป้อม ๆ ของตัวเอง จะไปช่วยเหลืออันใดผู้อื่นได้ “แต่เอ๋ ?” เขาหันกลับไปมองดูอีกที ขนมในมือถูกปล่อยทิ้งลงพื้น ลุกขึ้นยืนหันหน้ามองไปยังด้านหลัง “น้องเล็กอันตรายอย่าลุก” เซี่ยซือซือจับเขาเอาไว้แน่น ๆ แต่เหตุใดเขาถึงได้ดิ้นรน อยากมองไปด้านหลังเช่นนี้ “เสี่ยวเป่า นั่นเจ้าใช่ไหม !” ถานจ้านถึงกับค่อย ๆ หยุดรถม้าลง เขาหันไปมองหน้าเซี่ยซือหยางด้วยความแปลกใจ “เสี่ยวซือหยางเจ้าเรียกใคร” “เหมือนข้าจะเห็นเสี่ยวเป่า” เขาพูดคล้ายไม่แน่ใจ “เสี่ยวเป