แชร์

บทที่ 20

ผู้เขียน: RainyStarSea
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-08 17:40:12

“ขอรับ คุณหนูหลิน!” หัวหน้ากลุ่มทหารอาสาโค้งคำนับอย่างเคารพ ก่อนจะออกคำสั่งให้ลูกน้องเริ่มจัดการตามที่หลินเข่อซิงบอก

นางเดินต่อไปยังจุดที่ชาวบ้านกำลังรวมตัวกันพลางถามไถ่สถานการณ์เบื้องต้นจากผู้ดูแล “พวกท่านเตรียมตัวอพยพหรือยัง?”

“ข้าเตรียมแล้ว แต่ยังมีบางบ้านที่ไม่ยอมย้ายเจ้าค่ะ บางคนกลัวว่าจะทิ้งทรัพย์สินของตนไว้ไม่ได้” หญิงชราผู้ดูแลชาวบ้านกล่าวด้วยความกังวล

หลินเข่อซิงพยักหน้าแล้วหันไปยังกลุ่มชาวบ้านที่ยังดูสับสนและไม่แน่ใจว่าควรทำอะไรต่อไป นางตัดสินใจเดินไปข้างหน้า ยืนอยู่บนแท่นสูงๆ เล็กน้อยแล้วเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังพอให้ทุกคนได้ยิน

“ทุกท่าน! ข้าคือหลินเข่อซิง! วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยพวกท่านเตรียมการป้องกันน้ำท่วม ข้าเข้าใจว่าพวกท่านกังวลเรื่องทรัพย์สินของตน แต่อย่าลืมว่าชีวิตสำคัญที่สุด! ข้าขอให้พวกท่านเริ่มจัดเตรียมของมีค่าที่จำเป็น และรีบย้ายขึ้นที่สูงให้เร็วที่สุด อย่าปล่อยให้สิ่งของผูกมัดเราไว้กับความเสี่ยง เพราะสิ่งของแม้เสียหายหรือสูญไป ยังมีโอกาสหาใหม่ได้ แต่ชีวิตหากดับสิ้นแล้ว ก็ไม่มีโอกาสใดๆเหลืออยู่อีกแล้ว!”

ชาวบ้านที่ฟังเริ่มหันมาสนใจคำพูดของเข่อซิง นางมีน้ำเสียงมั่นใจและหนักแน่น แต่ไม่ดุเดือดจนทำให้คนกลัว “การอพยพเป็นเรื่องสำคัญ การที่เราป้องกันตัวเองได้ก่อนน้ำมาถึง จะช่วยลดความเสียหายได้มาก และพวกท่านก็ไม่ต้องเสียทรัพย์สินมากเท่าที่คิด ถ้าพวกท่านช่วยกันขนย้ายสิ่งของที่สำคัญได้ทันเวลา”

หนึ่งในชาวบ้านที่เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งยกมือขึ้นแล้วถาม “แต่พวกเราจะย้ายอะไรไปได้ล่ะขอรับ? ข้าวของบางอย่างใหญ่เกินกว่าจะขนย้ายได้ง่ายๆ”

หลินเข่อซิงยิ้มออกมาอย่างเข้าใจ “นั่นเป็นเรื่องที่ข้าเข้าใจดี พวกท่านไม่จำเป็นต้องขนย้ายทุกสิ่งทุกอย่างไป แต่ขอให้เริ่มจากสิ่งของที่สำคัญก่อน เช่น ของใช้จำเป็น และของมีค่า ส่วนที่เหลือ ข้าขอให้พวกท่านนำขึ้นวางไว้บนที่สูงในบ้าน เช่น ชั้นสอง หรือบนชั้นวางของ และใช้ไม้หรือเชือกช่วยยึดสิ่งของไม่ให้ลื่นไหลตามกระแสน้ำ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลายคนก็เริ่มเข้าใจและพยักหน้าตาม แต่ยังมีบางคนที่ยังกังวลใจอยู่ ชาวบ้านชายอีกคนหนึ่งพูดขึ้น “แล้วถ้าน้ำท่วมเร็วล่ะขอรับ? พวกเราจะทำยังไง?”

หลินเข่อซิงมองหน้าเขาด้วยสายตาที่มั่นใจ “พวกเราต้องเตรียมการให้เร็วที่สุด ข้าขอให้ทุกท่านช่วยกันจัดการสิ่งกีดขวางในบ้านและเตรียมทางหนีไว้ หากน้ำท่วมมาถึงแล้ว ยังมีวิธีอพยพให้ทุกท่านปลอดภัย ข้าจะสอนพวกท่านจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนเวลา"

นางหันไปทางหัวหน้าผู้ดูแลทหาร "ข้าขอให้พวกท่านส่งคนเข้าไปช่วยชาวบ้านเก็บบ้านให้เร็วที่สุด และให้จัดเตรียมจุดรวมพลที่สูงที่สุดในหมู่บ้าน ให้ทุกคนรู้ว่า หากเกิดเหตุร้ายต้องไปที่ไหน"

หลังจากสั่งการแล้ว หลินเข่อซิงเดินสำรวจตามบ้านเรือน พร้อมกับพูดคุยกับชาวบ้านอย่างเป็นกันเอง นางเดินไปหาหญิงชราคนหนึ่งที่นั่งเฝ้าบ้านอยู่หน้าบ้านไม้หลังเล็ก

"ท่านป้าคะ เตรียมตัวหรือยังคะ?" เข่อซิงยิ้มให้แล้วนั่งลงข้างๆ

“ข้าไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงดี ข้าอยู่ที่นี่มานาน ไม่เคยต้องเจอกับน้ำท่วมแบบนี้มาก่อน” หญิงชรากล่าวด้วยเสียงเศร้า

หลินเข่อซิงจับมือหญิงชราเบาๆ “ไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ ข้าจะให้ทหารช่วยยกของมีค่าของท่านขึ้นไปไว้ที่สูงก่อน แล้วเราจะดูแลท่านเอง ท่านต้องรีบขึ้นไปยังจุดรวมพลทันทีที่มีสัญญาณนะเจ้าคะ”

หญิงชราพยักหน้ารับแล้วขอบคุณด้วยน้ำตาซึม ทำให้นางรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา นางหันไปหาทหารที่อยู่ใกล้ๆ แล้วสั่งให้พวกเขาช่วยจัดการตามที่บอก จากนั้นนางก็เดินไปทางเด็กๆ ที่กำลังวิ่งเล่นใกล้ๆ กับบ้านหลังหนึ่ง

“เด็กๆ มาเร็ว! ข้ามีเรื่องจะบอก!” เข่อซิงเรียกเด็กๆ ที่วิ่งกันอย่างสนุกสนาน

เด็กๆ หันมามองแล้ววิ่งเข้ามาหานางด้วยความตื่นเต้น “คุณหนูหลินมีอะไรให้พวกเราหรือเจ้าคะ?” เด็กหญิงคนหนึ่งถาม

“ข้าจะบอกพวกเจ้าไว้ หากพวกเจ้ารู้สึกว่าน้ำเริ่มสูงขึ้น แม้เพียงข้อเท้าก็อย่าอยู่ในบ้านหรือเล่นน้ำเชียวนะ รีบไปหาพ่อแม่หรือไปที่จุดรวมพลทันที เข้าใจไหม?” นางพูดอย่างจริงจัง แต่แฝงความอ่อนโยน

เด็กๆ พยักหน้ารับอย่างตั้งใจ “เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ! พวกเราจะไม่เล่นน้ำ!”

เข่อซิงยิ้มออกมาอย่างพอใจ “ดีมาก พวกเจ้าเป็นเด็กดี ข้าขอให้พวกเจ้าช่วยบอกเพื่อนๆ ด้วยนะ เข้าใจไหม?”

“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ!” เด็กๆ ตอบพร้อมกันก่อนจะวิ่งไปบอกเพื่อนๆ ต่อ ทำให้บรรยากาศรอบๆ ดูครึกครื้นขึ้นเล็กน้อย

อวิ๋นเฟยหลงที่คอยเฝ้ามองหลินเข่อซิงตลอดการทำงานเงียบๆ เขามองนางด้วยความทึ่ง นางไม่เพียงแต่สั่งการอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังมีความอ่อนโยนและใจดีในการดูแลชาวบ้าน นางใช้ทักษะการพูดและความเข้าใจในการสื่อสารกับชาวบ้านได้อย่างน่าอัศจรรย์

“นี่! แม่นาง!” เสียงเรียกจากชาวบ้านคนหนึ่งดังขึ้นจากอีกฝั่งของลาน หลินเข่อซิงหันไปเห็นชาวบ้านชายวัยกลางคนกำลังยืนกอดอกด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ชายคนนั้นดูไม่พอใจ “ทำไมข้าต้องเชื่อฟังเจ้าด้วย? ข้าจะไม่อพยพไปไหน! ข้าจะอยู่ที่บ้านของข้า! น้ำจะท่วมแค่ไหนข้าก็ไม่กลัว!”

หลินเข่อซิงมองดูเขาแล้วสูดหายใจเข้า “ท่านลุง ข้าเข้าใจว่าท่านรักบ้านของท่าน แต่เราต้องคิดถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญนะเจ้าคะ การอพยพเป็นเพียงการชั่วคราว เมื่อสถานการณ์ปลอดภัยแล้ว พวกท่านจะได้กลับมาโดยไม่มีอะไรเสียหาย”

“แต่ข้าไม่อยากทิ้งบ้าน! ทรัพย์สมบัติของข้า ข้าจะทิ้งมันไปไม่ได้หรอก!”

เห็นดังนั้น อวิ๋นเฟยหลงจึงก้าวเข้ามาข้างๆ เข่อซิง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “เจ้าควรฟังคำสั่ง การป้องกันตัวเองคือสิ่งสำคัญที่สุด ข้าจะไม่ปล่อยให้ใครเสียชีวิตเพียงเพราะไม่ฟังคำเตือน หากเจ้าดื้อดึง ข้าจะถือว่าเจ้าไม่เคารพกฎของเมือง และข้าจะต้องสั่งให้อพยพเจ้าโดยตรง”

ชาวบ้านชายคนนั้นดูตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฟยหลง และรีบหันกลับไปสงบเสงี่ยมทันใด

หลินเข่อซิงยิ้มขอบคุณเบาๆ ให้กับอวิ๋นเฟยหลง “ขอบคุณที่ช่วยพูดนะ ข้ากำลังหาทางทำให้เขายอมรับอยู่พอดี”

“ข้าแค่ทำหน้าที่” อวิ๋นเฟยหลงตอบสั้นๆ แต่ในใจรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ช่วยนาง และยังรู้สึกโล่งใจที่สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย

เมื่อเวลาผ่านไป การเตรียมการและจัดการต่างๆ ก็เป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น ชาวบ้านเริ่มเข้าใจและให้ความร่วมมือมากขึ้น หลินเข่อซิงและอวิ๋นเฟยหลงเดินไปตามจุดต่างๆ เพื่อคอยตรวจสอบความคืบหน้า ทั้งสองทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะเดินตรวจสอบ เข่อซิงสังเกตเห็นว่าเด็กๆ ที่นางสอนให้หลบภัยก่อนหน้านี้ เริ่มช่วยกันเคลื่อนย้ายสิ่งของในบ้านไปยังจุดที่สูงขึ้น นางอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างพอใจ

“เจ้าเก่งนะ” เสียงของอวิ๋นเฟยหลงดังขึ้นข้างๆ นาง ทำให้นางหันไปมองเขา

“ข้าทำอะไรเก่งล่ะ?” นางถามกลับด้วยรอยยิ้มขำๆ

“เจ้าเก่งในการพูดให้คนอื่นฟัง โดยเฉพาะการพูดกับชาวบ้าน” อวิ๋นเฟยหลงตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “พวกเขาไม่ค่อยเชื่อใครง่ายๆ แต่เจ้าเข้าหาพวกเขาได้อย่างเป็นธรรมชาติ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ใครๆ ก็ทำได้”

หลินเข่อซิงยิ้มกว้าง “ข้าแค่ใช้วิธีที่ข้าเคยเรียนรู้มาในโลกของข้า เอ่ออ…หมายถึงในตำราน่ะ แล้วข้าก็ชอบทำงานกับผู้คนมาตลอด และข้ารู้ว่าการที่เราทำให้พวกเขาเข้าใจสิ่งที่ต้องทำ และเห็นประโยชน์ของมัน จะทำให้พวกเขายินดีที่จะร่วมมือ”

อวิ๋นเฟยหลงพยักหน้าเล็กน้อย เขายิ่งรู้สึกทึ่งในตัวนางมากขึ้นทุกที ไม่เพียงแต่ทักษะการพูดและการสั่งการที่เป็นเลิศ นางยังมีความรอบรู้และประสบการณ์ที่ดูไม่เหมือนใครในยุคนี้

“แล้วท่านล่ะ ท่านแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่?” เข่อซิงหันมาถามเขาด้วยแววตาขี้เล่น “ท่านไม่คิดหรือว่าการที่ท่านคอยช่วยข้าตลอดเวลาแบบนี้ ข้าจะต้องขอบคุณท่านอีกสักครั้ง”

อวิ๋นเฟยหลงยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ข้าแค่ทำหน้าที่ของข้า”

“หน้าที่ของท่านคือช่วยข้า? งั้นข้าคงโชคดีที่มีแม่ทัพที่แสนดีคอยดูแล” เข่อซิงพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ แต่สายตาของนางไม่ได้มีเพียงความขบขันเท่านั้น ยังมีความขอบคุณที่ซ่อนอยู่ในนั้น

ทั้งสองเดินเคียงข้างกันไปเรื่อยๆ ขณะที่ฝนยังคงตกลงมาเบาๆ อากาศเริ่มเย็นลง แต่ในใจของอวิ๋นเฟยหลงกลับรู้สึกอบอุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ เขามองเห็นนางในมุมที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง จากที่เคยมองว่านางเป็นเพียงผู้หญิงที่จืดชืด ตอนนี้เขารู้แล้วว่า นางคือคนที่มีศักยภาพและความสามารถที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน

และความรู้สึกที่เขามีต่อนาง...มันยิ่งทำให้เขาสับสนในใจมากขึ้น

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ   บทที่ 21

    จวนตระกูลหลิน หลังจากวันที่วุ่นวายจากการเตรียมการป้องกันน้ำท่วม หลินเข่อซิงรู้สึกเหนื่อยล้าแต่ก็ดีใจที่ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว นางนั่งอยู่บนระเบียงเล็กๆ ข้างจวน ทอดสายตาไปยังทิวทัศน์ของหมู่บ้านที่ค่อยๆ สงบลงหลังจากวันอันแสนวุ่นวาย ท้องฟ้ายามเย็นกลายเป็นสีส้มสวยงาม สายลมเย็นๆ พัดผ่าน นางสูดหายใจลึกๆ รู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อย แต่ขณะที่นางกำลังเพลิดเพลินกับบรรยากาศรอบตัว อวิ๋นเฟยหลงก็ปรากฏตัวขึ้นข้างๆ โดยไม่ทันตั้งตัว นางสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองเขาพร้อมรอยยิ้ม "ท่านแม่ทัพ มาทำอะไรตรงนี้หรือ?" เข่อซิงถามด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า อวิ๋นเฟยหลงเลิกคิ้วเล็กน้อย ทำท่าเหมือนจะไม่สนใจ แต่ก็ยังตอบกลับอย่างเย็นชา “ข้ามาดูว่าเจ้ายังหายใจอยู่หรือเปล่าก็เท่านั้น” เข่อซิงยิ้มกว้าง “ท่านมาหาข้าเพราะเป็นห่วงข้าหรือ?” นางแกล้งถามเพื่อหวังดูสีหน้าคนข้างๆ เขาพลันทำหน้าเคร่งทันที “ข้าไม่ได้ห่วงเจ้า ข้าแค่...ตรวจดูความเรียบร้อย ข้าไม่อยากให้เจ้าป่วยเป็นภาระต่อคนอื่นต่างหาก” “โอ้โห ท่านแม่ทัพ ข้าดู

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-08
  • ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ   บทที่ 22

    หยางเฟยฮุ่ยนั่งอยู่ในห้องส่วนตัวของนาง ทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง ใบหน้าที่สวยงามฉายแววเจ้าเล่ห์แฝงความโกรธ นางขบฟันแน่นเมื่อคิดถึงภาพหลินเข่อซิงที่ค่อยๆ ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากชาวบ้านและ...อวิ๋นเฟยหลง เธอได้รับข่าวจากสาวใช้คนสนิทเรื่องของหลินเข่อซิงที่ระยะนี้ไปช่วยชาวบ้านโดยมีอวิ๋นเฟยหลงคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆตลอด “ฮึ! นางคิดว่าจะมาแย่งทุกสิ่งทุกอย่างจากข้าได้อย่างนั้นรึ?” หยางเฟยฮุ่ยพึมพำเบาๆ พลางมองกระจกเงาสะท้อนใบหน้าที่งดงามของตนเอง นางรู้ดีว่าความงามของตนเองเป็นอาวุธที่แข็งแกร่ง “แต่ข้าจะไม่ลงมือเองหรอก นางไม่คู่ควรให้ข้าต้องเปลืองแรง” แล้วนางก็ยิ้มออกมาอย่างลำพองใจ ขณะที่วางแผนการในใจ นางรู้ว่าที่หมู่บ้านนี้ยังมีชายผู้หนึ่งที่มีอำนาจในท้องที่ และไม่ค่อยพอใจการเข้ามาแทรกแซงของหลินเข่อซิง นั่นก็คือ เฉินอี้เฉียง ชายผู้มีอำนาจจากตระกูลพ่อค้าที่ควบคุมการค้าขายในหมู่บ้าน เขามีชื่อเสียงในเรื่องความหัวรั้นและไม่ชอบใครที่มาขัดขวางผลประโยชน์ของตนเอง หยางเฟยฮุ่ยรู้ว่า ถ้าใช้วิธีที่เหมาะสม นางส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-08
  • ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ   บทที่ 23

    บรรยากาศในหมู่บ้านหลังจากการเตรียมการป้องกันน้ำท่วมเริ่มผ่อนคลายลง หลินเข่อซิงและอวิ๋นเฟยหลงก็มักจะได้เจอกันบ่อยขึ้น นางสังเกตเห็นว่าอวิ๋นเฟยหลงที่เคยมีท่าทีเย็นชา ดูเหมือนจะเปิดใจกับนางมากขึ้นแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังคงรักษาภาพลักษณ์แม่ทัพที่เยือกเย็นและเคร่งขรึมไว้อยู่เสมอ วันหนึ่ง ขณะที่หลินเข่อซิงกำลังนั่งเขียนบันทึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาลงในสมุดของนาง พลันสายตาของนางก็เหลือบเห็นเงาของใครบางคนเดินเข้ามาหา “คุณหนูหลิน” เสียงทุ้มๆ ที่คุ้นเคยดังขึ้นข้างหลังนาง นางหันกลับไปมองและพบว่าเป็นอวิ๋นเฟยหลงที่กำลังยืนอยู่ เขามีสีหน้าปกติ แต่ในดวงตาแฝงด้วยความอ่อนโยนที่เขาไม่เคยแสดงออกมาก่อน “ท่านอวิ๋น ท่านรู้จักการเข้าตามตรอกออกตามประตูหรือไม่ มีอะไรกับข้าหรือเจ้าคะ?” หลินเข่อซิงถามด้วยรอยยิ้ม “วันนี้...เจ้าอยากไปกินข้าวที่โรงเตี๊ยมไฉ่หงหรือไม่?” อวิ๋นเฟยหลงพูดออกมาอย่างนิ่งๆ แต่หลินเข่อซิงก็พอจะจับความตื่นเต้นที่ซ่อนอยู่ในน้ำเสียงนั้นได้ “โรงเตี๊ยมไฉ่หงงั้นเหรอ?” เข่อซิงยิ้มกว้างขึ้น “ข้าจำได้ว่าที่นั่นมีอาหารอร่อย ข้ากับหลิงเฉินเคยไปกินมาแล้วครั้งหนึ่ง...งั้นเราก็ไปกันเลยเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ   บทที่ 24

    หลังจากเดินเที่ยวเล่นกันมานาน ทั้งสองก็มาหยุดนั่งพักที่ม้านั่งหินใต้ต้นไม้ใหญ่ริมทางเดิน บรรยากาศยามเย็นเริ่มเข้ามาแทนที่ แสงอาทิตย์สีส้มอ่อนๆ สาดส่องผ่านต้นไม้ใบเขียว สร้างเงาสีทองที่กระจายอยู่ทั่วทั้งบริเวณ “ข้าชอบบรรยากาศแบบนี้จังเลย” เข่อซิงพูดพร้อมกับยิ้มสดใส ขณะที่มองไปยังท้องฟ้า “มันรู้สึกสงบและเป็นอิสระอย่างบอกไม่ถูก” อวิ๋นเฟยหลงที่นั่งข้างๆ นางพยักหน้าเบาๆ “ข้าเองก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน” เข่อซิงหันมามองหน้าเขา “จริงหรือ? ท่านเองก็ดูเป็นคนที่ชอบอยู่คนเดียวเสียมาก ข้าไม่คิดว่าท่านจะชอบบรรยากาศเช่นนี้” อวิ๋นเฟยหลงนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “ข้าอาจจะชอบอยู่คนเดียวก็จริง แต่บางครั้ง...การมีใครสักคนอยู่ด้วยก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายไม่ใช่หรือ” คำพูดนั้นทำให้เข่อซิงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่นางจะยิ้มออกมาอย่างสดใส “ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันเจ้าค่ะ” ทั้งสองคนเงียบไปครู่หนึ่ง แต่ความเงียบนี้กลับไม่อึดอัดเหมือนเคย ตรงกันข้าม มันกลับเป็นความเงียบที่ทำให้ทั้งสองรู

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ   บทที่ 25

    ฮ่องเต้ทอดพระเนตรเห็นเช่นนั้น ก็ทรงพระสรวลออกมาด้วยเสียงอันดังก้องท้องพระโรง ก่อนจะพยักหน้าให้ขันทีนำของพระราชทานออกมา ขันทีเดินออกมาพร้อมกับกล่องไม้แกะสลักที่ดูหรูหรา ก่อนจะเปิดกล่องเผยให้เห็นเครื่องประดับหยกอันงดงามและผ้าไหมชั้นเลิศ “ข้ามอบเครื่องประดับหยกนี้เป็นสัญลักษณ์แห่งความชื่นชมในความสามารถและความกล้าหาญของเจ้านะคุณหนูหลิน อีกทั้งผ้าไหมนี้จะเป็นของขวัญจากข้าที่เจ้าจะใช้ได้ตามใจชอบ และมอบทองอีก 1,000 ตำลึง เจ้าพอใจรึไม่” หลินเข่อซิงมองเครื่องประดับหยกด้วยความประทับใจ นางไม่คาดคิดเลยว่าจะได้รับรางวัลจากฮ่องเต้เช่นนี้ นางโค้งคำนับอีกครั้ง “ขอบพระทัยฝ่าบาทเป็นอย่างยิ่งเพคะ หม่อมฉันจะรักษาของพระราชทานนี้ไว้ให้ดียิ่งกว่าชีวิตน้อยๆของตัวหม่อมฉันเอง” ฮ่องเต้ทรงแย้มพระโอษฐ์ยกยิ้ม ก่อนจะตรัสปิดท้าย “เจ้ามีความสามารถและมีใจช่วยเหลือผู้อื่น เจิ้นหวังว่าเจ้าอย่าหยุดแค่นี้ และเจิ้นจะรอดูว่าเจ้าจะทำสิ่งดีๆ ต่อไปอย่างไร” หลินเข่อซิงยิ้มด้วยความดีใจและความภาคภูมิใจ นี่ไม่เพียงแต่เป็นการยอมรับจากฮ่องเต้ แต่ยังเป็นโอกาสที่นางจะได้แสดงความสามารถและสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในยุคโบ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-12
  • ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ   บทที่ 26

    “หลินเข่อซิง... เจ้ากำลังซ่อนอะไรจากข้ากันแน่?” อวิ๋นเฟยหลงพึมพำ ขณะนั่งพิงเก้าอี้และมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างครุ่นคิด ในใจของเขาเต็มไปด้วยคำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบ เขารู้ว่าเขาจะต้องสืบหาความจริงนี้ให้ได้ และยิ่งเขาเข้าใกล้หลินเข่อซิงมากขึ้นเท่าไร ความจริงบางอย่างที่ซ่อนอยู่ก็อาจจะปรากฏขึ้นมาในที่สุด ในยามเช้าตรู่ ลานฝึกซ้อมของกองทัพเต็มไปด้วยเสียงโลหะกระทบกัน เสียงฝีเท้าหนักๆ ของทหารที่ฝึกซ้อมอย่างจริงจังดังขึ้นเป็นจังหวะ อวิ๋นเฟยหลงยืนอยู่กลางลานฝึก สายตาเคร่งขรึมจับจ้องไปที่การเคลื่อนไหวของทหารทุกคน ฝีมือการต่อสู้ของเขายังยอดเยี่ยมเช่นเคย แต่ในวันนี้มีบางอย่างที่ทำให้บรรยากาศดูตึงเครียดยิ่งขึ้น ที่ข้างสนาม หยางหลี่เฉิง รองแม่ทัพผู้สง่างามและเป็นพี่ชายของหยางเฟยฮุ่ย ยืนมองการฝึกซ้อมอยู่ด้วยแววตานิ่งสงบ เขาเป็นหนึ่งในผู้นำทัพที่มากฝีมือ และเป็นคนที่อวิ๋นเฟยหลงไว้ใจให้ช่วยดูแลกองทัพร่วมกับเขา แต่ทว่า วันนี้ไม่ได้มีเพียงแค่หยางหลี่เฉิงเท่านั้นที่มาดูการฝึกซ้อม เพราะที่มุมหนึ่งของลานฝึก หยางเฟยฮุ่ยก็มาด้วย นางสวมชุดผ้าไหมบางเบาและงดงาม ใบหน้าของนางประดับด้วยรอยยิ้มหวาน แต่สายตาท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-13
  • ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ   บทที่ 27

    “ท่านอวิ๋น! ข้ามีของพิเศษมาให้ท่านลองชิมเจ้าค่ะ!” อวิ๋นเฟยหลงหันไปมอง และพบกับหลินเข่อซิงที่เดินเข้ามาพร้อมกับถาดอาหารในมือ นางมีรอยยิ้มกว้างและท่าทางมั่นใจ สายตาของนางจับจ้องมาที่อวิ๋นเฟยหลง โดยไม่ได้ใส่ใจหยางเฟยฮุ่ยที่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย หยางเฟยฮุ่ยหันขวับไปมองเข่อซิงด้วยความไม่พอใจ นางคิดในใจว่า ‘หลินเข่อซิงอีกแล้ว! นางจะมาขัดขวางข้าอีกแล้วหรือ!’ “นี่คืออะไร?” อวิ๋นเฟยหลงถามขณะมองถาดอาหารที่หลินเข่อซิงยื่นมาให้ด้วยความสนใจ “นี่คือขนมสูตรพิเศษจากบ้านข้าเจ้าค่ะ ข้าตั้งใจทำมาให้ท่านและทหารในกองทัพได้ลองชิม” เข่อซิงตอบอย่างสดใส “ข้าเรียกมันว่า ‘ขนมปังทอด’ เป็นขนมที่ทั้งกรอบนอกนุ่มใน และข้ามั่นใจว่าทุกคนจะต้องชอบ!” เหล่าทหารที่อยู่ใกล้ๆ พากันหันมามองด้วยความสนใจ เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นอาหารหน้าตาแปลกใหม่เช่นนี้มาก่อน หลินเข่อซิงยื่นถาดขนมปังทอดให้ทหารที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก่อนที่พวกเขาจะหยิบขึ้นมาลองชิม ทันใดนั้น สีหน้าของทหารแต่ละคนก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-14
  • ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ   บทที่ 28

    ณ จวนตระกูลหลิน ในห้องโถงใหญ่ของจวนตระกูลหลิน หลินเจิ้นกั๋วและ ฮูหยินหลิน นั่งอยู่ด้วยกันท่ามกลางบรรยากาศที่ควรจะเต็มไปด้วยความยินดี หลังจากที่ได้รับข่าวเรื่องพระราชทานสมรสจากฮ่องเต้ แต่สีหน้าของทั้งสองกลับดูเหมือนมีบางอย่างที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความสุขนั้น นายท่านหลินนั่งกอดอกอยู่ที่เก้าอี้ตัวใหญ่ ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มจางๆ แต่อีกมุมหนึ่งของดวงตาแฝงความกังวลอยู่ลึกๆ ขณะที่ฮูหยินหลินนั่งอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกสับสนใจ เธอเอ่ยขึ้นเบาๆ หลังจากความเงียบปกคลุมห้องมาสักพัก “ท่านพี่...ท่านคิดอย่างไรกับเรื่องนี้หรือเจ้าคะ?” ฮูหยินหลินถามขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยน แม้จะพยายามเก็บซ่อนความกังวล แต่ในน้ำเสียงนั้นก็แฝงความห่วงใยชัดเจน นายท่านหลินหันมามองภรรยาของตน ก่อนจะถอนหายใจยาว “ข้าไม่อาจปฏิเสธได้ว่า นี่เป็นเกียรติสูงสุดสำหรับตระกูลเรา พระราชทานสมรสจากฮ่องเต้เช่นนี้...ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน” “ใช่เจ้าค่ะ ข้าก็ยินดีเช่นกัน” ฮูหยินหลินพยักหน้า “แต่อีกใจหนึ่ง...ข้าก็อดห่วงลูกสาวของเราไม่ได้” เธอกล่าวอย่างแผ่วเบา ดวงตาของเธอหันไปมองประตูห้องที่ลูกสาวของตนเพิ่งจากไปห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-16

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ   บทที่ 87

    แสงแดดยามสายสาดส่องลงมาบนเส้นทางที่ทอดยาวผ่านป่าเขาและทุ่งหญ้า อวิ๋นเฟยหลงและเจิ้งจู่องครักษ์เงาคู่ใจอยู่บนหลังม้า ทั้งสองเดินทางร่วมกันมานานนับเดือน นับตั้งแต่จากบ้านสกุลซุย เส้นทางที่ผ่านไม่ได้ราบเรียบ มีทั้งความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ความร้อนระอุในบางวัน และความหนาวเหน็บในยามค่ำคืนม้าสีดำตัวใหญ่ของอวิ๋นเฟยหลงย่ำเท้าลงบนพื้นอย่างมั่นคง ชายหนุ่มนั่งตัวตรง ดวงตาคมกริบจ้องมองไปยังเส้นทางข้างหน้า ส่วนเจิ้งจู่ที่อยู่เคียงข้างไม่ห่าง ใช้มือปัดเหงื่อบนหน้าผากพร้อมกับพูดกลั้วหัวเราะ “องค์ชายพ่ะย่ะค่ะดูเหมือนว่าแม้แต่แดดแรงขนาดนี้ยังไม่อาจทำอะไรท่านได้เลย ข้าสิแทบจะละลายอยู่ตรงนี้แล้ว”อวิ๋นเฟยหลงหันมามองเจิ้งจู่ด้วยแววตาขำขัน “เจ้าคิดว่าการบ่นจะช่วยให้เย็นลงหรือ? อีกอย่างเลิกเรียกข้าว่าองค์ชายเสียที เรียกคุณชายจะดีกว่า ยิ่งเข้าใกล้แคว้นฉางจีเท่าไหร่เรายิ่งต้องปกปิดตัวตนมิให้ผู้ใดล่วงรู้”“เข้าใจแล้วขอรับ คุณชาย” เจิ้งจู่ยิ้มแหยๆ ก่อนจะเอ่ยต่อ “แต่บางทีข้าก็อดสงสัยไม่ได้ ว่าทำไมท่านถึงเลือกเส้นทางนี้ ทั้งที่ทางหลักก็น่าจะปลอดภัยกว่า”อวิ๋นเฟย

  • ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ   บทที่ 86

    “กระหม่อมบกพร่องในหน้าที่ และละอายใจยิ่ง หากองค์ชายเจ็บแค้นและอยากสังหาร กระหม่อมก็พร้อมยินดีมอบชีวิตให้พระองค์พ่ะย่ะค่ะ” เจิ้งจู่ว่าพลางยื่นกระบี่ในมือให้กับอวิ๋นเฟยหลงชายร่างผอมบางในชุดคลุมสีดำสนิท นั่งนิ่งหลับตาแน่น รอรับโทษทัณฑ์ฟิ้ววว เสียงโลหะแหวกอากาศจนเกือบฟันคอของเจิ้งจู่ขาด เจิ้งจู่รู้สึกถึงความเย็นของดาบที่แตะเบาๆที่คอ แต่เพียงแค่นี้ก็ทำเอาเลือดสดไหลซึมออกมาเล็กน้อยเคร้ง!ดาบถูกโยนทิ้งลงพื้น“ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร หากเจ้ารู้สึกเช่นนั้นก็จงร่วมเดินทางไปกับข้าเถอะ”“องค์ชาย กระหม่อมขอขอบพระทัยในความเมตตาของพระองค์พ่ะย่ะค่ะ” เจิ้งจู่ลุกขึ้นมาคำนับอวิ๋นเฟยหลง“แต่ก่อนอื่นข้ามีเรื่องที่ต้องทำก่อนไป” อวิ๋นเฟยหลงว่าพลางขมวดคิ้วแน่น........แสงอาทิตย์แผดแสงเจิดจ้าส่องเข้ามายังลานบ้านสกุลซุย อวิ๋นเฟยหลงยืนอยู่ในห้องพักอย่างเงียบสงบ แววตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกสับสน แต่มั่นคง เขารู้ดีว่าวันนี้เขาต้องบอกลาผู้คนที่นี่ คนที่ช่างมีน้ำใจเหลือเกิน คนที่คอยช่วยเหลือเขาในช่วงเวลาที่เขาความทรงจำขาดห

  • ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ   บทที่ 85

    นับจากวันที่เขาประสบเหตุในวันที่ไปเก็บเห็ดกับนายท่านซุย จิ่นสือมักมีภาพเหตุการณ์โผล่ขึ้นมาให้เขาได้เห็น บางคราก็สั้นๆ บางคราก็เป็นเรื่องเป็นราวผุ้เฒ่าสกุลซุยทั้งสองลงความเห็นกันว่าควรให้เขาได้พักผ่อนให้มากหน่อยเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บและพักฟื้นร่างกายให้ดี รวมถึงกันซุยลี่อินไม่ให้มารบกวนจิ่นสืออีกด้วย นับว่าช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่เขารุ้สึกสงบสุขมากที่สุดนับแต่ได้มาอยุ่ที่บ้านสกุลซุยก็ว่าได้สายลมวสันต์ฤดูพัดผ่านหน้าต่างเข้ามา ทำเอาจิ่นสือต้องยกมือขึ้นมาป้องปากและจมูกที่เย็นจนชาแทบไร้ความรู้สึกวันนี้ยังคงเป็นไปตามปกติเพียงแต่เขาไม่ต้องไปคอยตัดฟืนแบกหามอย่างเช่นทุกที ตามร่างกายยังคงเจ็บระบม ชายหนุ่มร่างกำยำที่เริ่มเบื่อหน่ายจึงไปนั่งขัดสมาธิบนฟูกนอน ก่อนจะหลับตาลงเข้าสู่สมาธิเวลาล่วงเลยผ่านไปเท่าใดไม่อาจทราบได้ ร่างหนาลืมตาขึ้นมาก็พบว่าแสงสุริยันลับขอบฟ้าไปแล้ว บนโต๊ะในห้องนอนมีสำรับกับข้าววางไว้ให้ เขาค่อยๆลุกขึ้นมานั่งก่อนจะบิดเอวซ้ายทีขวาที ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะกินข้าวเล็กๆมีอาหารเพียงสองอย่าง ผัดไข่ใส่ใบเซียงชุนและซุปเนื้อหอมกรุ่นที่ตอนน

  • ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ   บทที่ 84

    ในห้วงอันเงียบสงบของค่ำคืน หยางเฟยฮุ่ยนั่งลงท่ามกลางแสงเทียนในห้องบรรทม นางประมวลผลทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งความไม่ไว้วางใจระหว่างตนกับหานเจี๋ย และสถานการณ์ในวังที่ตึงเครียด นางยิ้มมุมปาก ก่อนจะตัดสินใจวางแผนสร้างเครือข่ายพันธมิตรของตนเองขึ้นมา“ข้าจะไม่อยุ่รอวันตาย ไม่ฝากชีวิตไว้กับเสือที่ไม่รุ้ว่าจะแว้งกัดข้าตอนไหน” หยางเฟยฮุ่ยกล่าวกับตนเองพลางยิ้มเย็นหยางเฟยฮุ่ยหันไปเริ่มต้นแผนด้วยการพบปะกับเหล่าสนมนางในบุตรีตระกูลผู้ทรงอิทธิพลในราชสำนัก เพื่อเสริมฐานพันธมิตรให้กว้างขวางมากขึ้น“ข้าอยากให้พวกท่านมาร่วมงานในตำหนักของข้า พวกเราสามารถแบ่งปันความคิดเห็นและสนับสนุนกันและกันได้... จะว่าไปก็นับว่าข้ามีโชคยิ่งนัก ที่ได้พบสตรีชั้นสูงที่มีความสามารถและรู้จักวางตัวอย่างท่านทั้งหลาย”“ฮองเฮาทรงมีน้ำพระทัยกว้างขวางถึงเพียงนี้ พวกข้าก็ยินดีที่จะมาพบปะกับท่านบ่อย ๆ เพคะ” ฮุ่ยเฟยเอ่ยขึ้น นางเป็นบุตรีของเสนาบดีเจ้ากรมโยธา น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเรียบเรื่อยราวสายธารยามสงบนิ่ง“ข้าก็ยินดีเช่นกัน สตรีอย่างพวกเราย่อมต้องพึ่งพากันบ้าง พ

  • ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ   บทที่ 83

    จิ่นสือพยักหน้ารับ ขณะที่ลูบใบเทียนเฉ่าเบาๆ กลิ่นหอมฉุนของมันลอยออกมาแตะจมูก สมุนไพรชนิดนี้มีสรรพคุณล้ำค่า และเป็นที่รู้จักแพร่หลายในวงการแพทย์แผนโบราณถัดมาไม่นาน พวกเขาก็เจอพุ่มไม้ที่ออกดอกเป็นช่อสีขาวเล็กๆ กลีบดอกดูเปราะบางและชุ่มชื่น“นี่คือไป่ฮวา หรือหญ้าพันงู ขึ้นชื่อในสรรพคุณสมานแผลและหยุดเลือดทันทีเมื่อมีแผลสด ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในยาสำหรับทหารหรือผู้ที่ทำงานเสี่ยงอันตราย”จิ่นสือสังเกตพุ่มไม้ไป่ฮวาด้วยความสนใจ“น่าสนใจนัก ยามศึกสงคราม สมุนไพรนี้คงช่วยได้มากจริงๆ”พวกเขาเดินต่อจนถึงลำธารเล็กๆ ที่ไหลเย็นสบาย สองข้างของลำธารมีต้นไม้เล็กๆ ออกผลเล็กๆ สีแดงจัดเต็มพุ่ม“ต้นนี้เรียกว่าซานจาหรือพุทราจีน ผลสีแดงของมันนี้กินได้ มีรสหวานอมเปรี้ยว ช่วยย่อยอาหารและบำรุงหัวใจเป็นเลิศ” นายท่านซุยหยิบผลซานจามาส่งให้จิ่นสือ“ลองชิมดูสิ หวานอมเปรี้ยวนี่ล่ะช่วยให้รู้สึกสดชื่นยิ่ง”จิ่นสือรับผลซานจามา ลองกัดเบาๆ รสชาติสดชื่นทำให้เขารู้สึกกระปรี้กระเปร่าทันที สมุนไพรนี้ไม่เพียงแต่เป็นยาบำรุงแต่ยังเสริมพลังได้เป็นอย่างดี

  • ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ   บทที่ 82

    ซุยลี่อินใจเต้นรัว ใบหน้าเล็กร้อนผ่าว มือน้อยๆ ยกขึ้นไปจับตรงตำแหน่งที่มือใหญ่ได้วางไว้ก่อนหน้าเบาๆ ริมฝีปากจิ้มลิ้มแย้มยิ้มออกมาเสียจนแทบฉีกถึงใบหุ “ข้าจะรอท่านพี่กลับมานะเจ้าคะ” สาวน้อยตะโกนไล่หลังร่างสุงใหญ่ที่เดินทิ้งห่างไปไกล ซุยลี่อินยืนส่งชายในดวงใจจนร่างเขาหายลับไปจากสายตา จึงเดินกลับเข้าไปในบ้าน จิ่นสือได้ยินเสียงใสแว่วๆ แต่เขาไม่ได้หันกลับไป ทำเพียงเร่งฝีเท้าให้ทันนายท่านซุยเพียงเท่านั้น แสงแดดยามสายสาดส่องผ่านยอดไม้หนาทึบลงมาเป็นลำ จิ่นสือก้าวเดินตามผู้เฒ่าอย่างตั้งใจ แม้พื้นดินจะชื้นแฉะ แต่ในความชื้นนั้นกลับทำให้ป่าแห่งนี้อุดมไปด้วยพืชสมุนไพรอันหลากหลาย จิ่นสือมองสำรวจอย่างตั้งอกตั้งใจ "ดูเหมือนป่านี้จะซ่อนสมุนไพรล้ำค่าไว้มิใช่น้อย...ข้าสงสัยว่าเหตุใดต้นไม้เหล่านี้จึงเติบโตได้งดงามนัก" นายท่านซุยยิ้มอย่างยินดีที่ชายหนุ่มถามในเรื่องที่เขามีความรู้เป็นอย่างดี และยินดีแบ่งปันอย่างยิ่ง “ต้นไม้ในป่านี้ได้รับการดูแลจากธรรมชาติ และคนในหมู่บ้านของเราได้ช่วยกันร

  • ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ   บทที่ 81

    จิ่นสือมาอยุ่กับครอบครัวสกุลซุยมาได้พักใหญ่แล้ว เขามักจะไปตักน้ำตัดฟืนมาไว้ในบ้านเสมอ รวมถึงการออกไปจับจ่ายซื้อของแทนผุ้เฒ่าซุยอยุ่บ่อยครั้งและแน่นอนว่าเขามักจะมีดรุณีน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มตามติดไปด้วยอยุ่เสมอ จนผุ้ที่ได้พบเห็นต่างนึกเอ็นดุและชื่นชมในรุปลักษณ์ที่ดีงามของทั้งสองคนจิ่นสือมักมีอาการปวดศีรษะบ่อยครั้ง แต่ละครั้งมักมีอาการไม่นานมาก เพียงชั่วใบไม้ร่วงหล่นลงสุ่พื้น แต่ก็ทำให้เขาเจ็บร้าวในหัวจนแทบทรงตัวไม่อยุ่ในทุกค่ำคืนเขามักจะฝันถึงหญิงสาวที่ไม่มีใบหน้า เฝ้าเรียกหาเขาด้วยน้ำเสียงอาทรและห่วงหาคืนนี้ก็เช่นกัน…“ท่านพี่…ท่านพี่…”“…”“เจ้าเป็นใคร ต้องการอะไรกันแน่” เขาถามออกไปแต่ร่างบอบบางในชุดสีฟ้าอ่อน ผมยาวตรงสยายพลิ้วไหวตามแรงลมที่ไม่ทราบมาจากที่ใด เขาเพ่งมองไปยังใบหน้านั้น แต่แสงสีขาวสว่างจ้าเกินไปจนเขาตาพร่าไม่สามารถมองเห็นใบหน้านั้นได้ชายหนุ่มตัดสินใจเดินเข้าไปหาร่างนั้น แต่ยิ่งเดินยิ่งห่างไกล ราวกับร่างนั้นเคลื่อนถอยหลังหนีเขาอยุ่ร่ำไป“ได้โปรดเถิด ให้ข้าได้เห็นหน้าเจ้าสักนิด”จื

  • ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ   บทที่ 80

    บนพื้นที่ห่างไกลออกไปทางเหนือใกล้กับชายแดนแคว้นเกาเยว่ เสียงตัดไม้ดังก้องไปทั่วป่า เมื่อมองลึกเข้าไปจะพบกับชายร่างสูงใหญ่ล่ำสัน เครื่องแต่งกายมีเพียงเสื้อตัวบางทับด้วยเสื้อกั๊กเผยให้เห็นมัดกล้ามสองแขนแกร่ง กำลังตัดไม้อย่างขมักเขม้น หยาดเหงื่อไหลรินผ่านขมับ ชายหนุ่มขบกรามแน่นยามออกแรงยกขวาน ใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลา หนวดเครารกครึ้ม ส่งให้ใบหน้าคมเข้มไม่ไกลกันนัก มีสาวน้อยวัยกำดัดนั่งเท้าคางมองชายหนุ่มที่กำลังตัดไม้ด้วยแววตาหลงใหล สาวน้อยร่างบางสวมชุดกระโปรงยาวสีชมพูอ่อน ดูน่ารักน่าทะนุถนอมยิ่งนัก ข้างๆมีตระกร้าใส่อาหารและผลไม้ ดูไปก็คล้ายคู่รักที่ดูรักกันดียิ่ง แต่ความเป็นจริงนั้น…“จิ่นสือ วันนี้อากาศดีมาก ข้าว่าพอแค่นี้ดีไหม แล้วเราไปเดินเล่นในเมืองด้วยกัน” สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มเอ่ยชวนแต่ชายร่างกำยำกลับทำราวกับไม่ได้ยินเสียงนาง ยังคงตัดไม้ต่อไปอย่างไม่ลดละ“นี่ เมื่อไหร่ท่านจะยอมคุยกับข้าสักที นี่ก็ผ่านมาจะครึ่งปีอยู่แล้วนะ นับจากวันที่ท่านพ่อกับท่านแม่พาท่านมาอยู่ด้วยกัน”“…”“สมแล้วที่ท่านพ่อตั้งชื่อให้ท่านว่าจิ่

  • ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ   บทที่ 79

    หลังผ่านค่ำคืนอันแสนร้อนเร่ากับเจ้าผู้ครองแคว้น หยางเฟยฮุ่ยกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างผู้ชนะ กว่านางจะฝ่าด่านคัดเลือกสตรีนับพัน ฝ่าฟันต่อสู้กับเหล่าคุณหนูในห้องหอที่ต่างก็เพียบพร้อมไปด้วยความงามและความสามารถ แต่ที่ยากลำบากยิ่งกว่าคือการต้องวางแผนสกปรกทำให้น้องรองต้องเสียโฉมตัดโอกาสที่จะมาแย่งชิงกับนาง เพื่อที่นางจะได้เป็นตัวแทนเพียงหนึ่งเดียวของตระกูล หยางลี่เฟย จะโทษก็โทษที่ชาติกำเนิดตัวเองเถอะ เจ้ามันก็แค่ลุกอนุ แต่อยากจะมาเทียบเคียงข้า อย่าได้โทษข้าเลย ที่ข้าไม่ยั้งมือ หยางเฟยฮุ่ยคิดในใจหยางเฟยฮุ่ยนั่งมองใบหน้าของตนเองในกระจก ดวงหน้างามพิลาส ดวงตาราวรีรุปหงส์ให้ความรุ้สึกหยิ่งผยองยามปรายหางตามอง จมุกเล็กเชิดรั้น ริมฝีปากยามแย้มยิ้มก็เย้ายวนมีเสน่ห์อย่างยิ่ง ใบหน้านี้ไม่ว่าใครได้มองย่อมตกหลุมนางทั้งนั้น มีแต่เจ้าคนน่าตายอวิ๋นเฟยหลงนั่นคนเดียว ตั้งแต่หลินเข่อซิงโผล่มาก็ไม่มองนางอีกเลย ทั้งที่แต่เล็กทั้งสองตระกุลต่างหมายหมั้นให้พวกนางได้ร่วมหอลงโลง หึ อวิ๋นเฟยหลง ตอนนี้ท่านก็คงจะได้แต่นึกเสียใจเป็นแน่ มาบัดนี้ข้ากลับดีใจที่ไม่ได้แต่งให้ท่าน ไม่เช่นนั้นค

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status