บทที่ 6 อยากเรียน
"ฉันรู้ว่านายเป็นนายอำเภอที่ดี แต่ตอนนี้ปล่อยฉันก่อนได้มั้ย มันอึดอัดจนหายใจไม่ออก อีกอย่างฉันคือหญิงสาวที่เลิกลากับสามีนายไม่ควรมากอดฉันแบบนี้ " เหมือนเสวียนเฉินจะรู้สึกตัวรีบปล่อยเธอออกจากอ้อมแขน
"ฉันขอโทษที่ลืมตัว ไปกันเถอะป่านนี้คุณแม่กับน้อง ๆ คงรอกินข้าวกันอยู่"
หลังจากที่สองคนเดินเข้ามาทุกคนพากันกินข้าวถามไถ่ชีวิตที่ผ่านมาของเสี่ยวอิงและต่อจากนี้เธอจะทำอะไรต่อไป จนกระทั่งกินอิ่มเสี่ยวอิงจึงขอตัวกลับบ้านเพราะไม่อยากจะอยู่ที่นั้นนาน ไม่ใช่ว่าไม่ดีแต่ทว่าเธอกลับรู้สึกเกรงใจและทำตัวไม่ถูกเมื่อรู้ว่าตอนนี้กงเสวียนเฉินไม่มีภรรยาและเขาไม่เคยแต่งงานมาก่อน ทำให้เธอรู้ว่าสิ่งที่เขาแสดงต่อหน้าเธอทั้งหมดนั้นคือความรู้สึกของเขา
"วันนี้ฉันต้องขอบคุณป้าเสวียนหนี่อีกครั้ง กับข้าวของป้าอร่อยอย่างไม่เคยกินมาก่อน ไว้วันหลังฉันจะทำกับข้าวมาตอบแทนป้าบ้างนะคะ"
"แหม ๆ ไม่ต้องเกรงใจหรอกป้ายินดีต้อนรับเสมอ จิ่งเหยา จ้าวเหวินหากอยู่บ้านแล้วเบื่อ ๆ มาเล่นบ้านป้าก็ได้นะ ป้าเองก็อยู่คนเดียวตอนกลางวันไม่ค่อยมีอะไรทำนักหรอก ถ้ามีเด็ก ๆ มาเล่นด้วยคงจะดีไม่น้อย"
"ได้ครับ ถ้าวันไหนเราช่วยพี่เสี่ยวอิงทำงานเสร็จจะมาเล่นกับป้านะครับ "
"เอ่อ..พี่เสวียนเฉินคะ หนูอยากอ่านหนังสือออก อยากลองอ่านมันดูพี่ช่วยสอนมันให้หนูหน่อยได้มั้ยคะ " จิ่งเหยาเห็นหนังสืออยู่ในบ้านของเสวียนหนี่มากมาย เธอเห็นพี่สาวลำบากมาตั้งแต่เธอจำความได้เธอเองก็มีความฝันที่อยากจะเรียนหนังสือ จะได้มีงานดี ๆ ทำแต่ติดที่ว่าฐานะทางบ้านและพี่เสี่ยวอิงต้องหาเงินใช้หนี้ให้กับตระกูลโจวจึงไม่สามารถเจียดเงินมาให้พวกเธอได้เรียนหนังสือ แต่เธอก็ไม่เคยน้อยใจเลยและเข้าใจพี่สาวด้วยซ้ำ แต่ทว่าตอนนี้เธอใกล้ชิดกับนายอำเภอแถมเขายังมีความรู้มากมาย หากให้เขาสอนพออ่านออกเขียนได้คงดีไม่น้อย
"จิ่งเหยาสนใจหนังสือเล่มไหนเหรอ เลือกเอาสิฉันไม่ว่าอะไรหรอกนะ"
"คือว่าเรื่องหนังสือหนูก็สนใจแต่หนูอ่านไม่ออกไม่รู้ตัวอักษรเลยค่ะ" เสี่ยวอิงเห็นท่าทีน้องสาวที่ยืนก้มหน้าลงด้วยความอายเธอจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ เรื่องการเรียนของน้องต้องมาก่อนและเรื่องการสอนหนังสือเธอเองก็ทำได้เช่นเดียวกัน
"ไม่ต้องรบกวนพี่เสวียนเฉินหรอกนะแค่หน้าที่ที่เขาทำก็มากพอแล้วอย่าไปสร้างปัญญาอีกเลย เด็ก ๆ กลับบ้านไปพักผ่อนกันเถอะ" จิ่งเหยาหน้าเศร้าหงอยเมื่อผู้เป็นพี่ไม่เห็นด้วย ทั้งสามเดินกลับบ้านพร้อมกันระหว่างทางเสี่ยวอิงสังเกตเห็นสีหน้าท่าทางของจิ่งเหยาที่เงียบขรึมตั้งแต่เดินหันหลังกลับจากบ้านป้าเสวียนหนี่ เธอก็พอรู้ว่าจิ่งเหยาคงจะน้อยใจที่เธอพูดเช่นนั้นออกมา
"จิ่งเหยาพี่รู้นะว่าเราอยากเรียนหนังสือ พี่เองก็สอนให้ได้แต่ทางที่ดีคือการที่พวกเธอไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนจะดีกว่า" จิ่งเหยาเงยหน้ามองพี่สาวด้วยความตื่นเต้น
"พี่อ่านหนังสือออกด้วยเหรอคะ"
"อ่านออกเขียนได้เลยล่ะ พี่ได้เรียนตอนที่พ่อกับแม่ยังอยู่จิ่งเหยาสนใจอยากเรียนหนังสือใช่มั้ย เอาไว้ร่างกายพี่แข็งแรงกว่านี้เราจะไปหาโรงเรียนกันนะ จ้าวเหวินเองก็ด้วยการเรียนคือการมีวิชาติดตัวไปทางไหนจะได้ไม่ลำบาก"
"แต่ว่าตอนนี้เราไม่มีเงินพี่ก็ไม่สามารถเกี่ยวข้าวได้เหมือนเมื่อก่อน อย่างนี้เราจะมีเงินไปโรงเรียนเหรอคะ ไหนจะค่าเรียนอีก"
"จิ่งเหยาพี่สัญญาเรื่องนั้นพี่จะจัดการให้เราทั้งสองเอง ไม่ต้องกังวลเอาล่ะตอนนี้ถึงบ้านแล้วทั้งสองเข้านอนกันเถอะ"
"พี่เสี่ยวอิง ของพวกนี้มีตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ว๊าววว ^ ^ใหม่ ๆ ทั้งนั้นเลย " จ้าวเหวินที่ไม่ค่อยสนใจเรียนเท่าไหร่นักเขาเดินเร็วกว่าทั้งสองคนเมื่อเดินเข้ามาถึงในบ้านเห็นของใช้มากมาย ทั้ง ๆ ที่ก่อนจะออกจากบ้านยังไม่มีด้วยซ้ำ ทำให้เขาตื่นเต้นพูดเสียงดัง
"ของพวกนี้พี่เสวียนเฉินให้มานะ เขาบอกว่าที่บ้านมีของที่ต้องเปลี่ยนใหม่ เป็นนายอำเภอก็ดีอย่างนี้นี่เองถ้าจ้าวเหวินอยากมีของใช้ดี ๆ มีเงินทองต้องตั้งใจเรียนและเป็นข้าราชการรู้มั้ย ถ้าเป็นหนุ่มน้อยโรงงานเงินเดือนเพียงไม่กี่หยวนไม่เพียงพอหรอกนะ" เสี่ยวอิงรีบคิดหาคำโกหกน้องทั้งสองแต่เหมือนว่าจ้าวเหวินจะเชื่อคำพูดของเธอจากเด็กที่ไม่อยากเรียนเมื่อเห็นว่าของใช้มากมายแถมยังดี ๆ ทั้งนั้นแต่เสวียนเฉินทิ้งและเปลี่ยนใหม่ทำให้เด็กอายุ 7-8ปี คิดว่าเงินเดือนของข้าราชการคงมากเหลือเกิน
หลังจากส่งน้อง ๆ เข้าห้องของตัวเอง เธอเองก็มาที่เตียงนอนตอนนี้ได้จัดแจงใหม่เพราะใช้ของในระบบทำให้ห้องของเธอเป็นระเบียบน่าอยู่มากกว่าเดิม แถมยังไม่ต้องทนนอนเจ็บหลังกับเตียงยุคนี้อีกด้วย วันนี้เธอเหน็ดเหนื่อยมากจริง ๆ พอหัวถึงหมอนตาก็หลับทันที
ฝั่งด้านตระกูลโจว
หลังจากวันนั้นที่พวกเขาทิ้งเสี่ยวอิงกับน้องของเธอไว้ที่โรงพยาบาล มีมี่ก็ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ในฐานะภรรยาของหยางเจี้ยนอย่างเต็มตัว เซี่ยเหมยหลงดีใจไม่น้อยที่เธอมีเพื่อนเป็นพี่สะใภ้ทั้งสองพากันเที่ยวเล่น ใช้เงินซื้อของฟุ่มเฟือยงานบ้านไม่เคยจะแตะ ส่วนหยางเจี้ยนก็ยังคงหน้ามืดตามัวหลงมีมี่หัวปักหัวปำ แต่ทว่าเหม่ยฉีกลับไม่คิดแบบนั้นเพราะตอนนี้ข้าวสารในถังใกล้จะหมด เสื้อผ้าของเหมยหลงมากมายก็กองพะเนินเทินทึกที่รอการซัก แต่ไม่ใช่มีเพียงแค่เหมยหลงแต่มีของมีมีอีกด้วย
"เฮ้อ ...! นี่มันเวรกรรมอะไรของฉันกันนะ ตั้งแต่วันนั้นที่ทิ้งนังเสี่ยวอิงไว้ที่โรงพยาบาลบ้านหลังนี้เหมือนรังหนูขึ้นทุกที ไหนจะข้าวสารที่อยู่ในถังคงกินได้แค่สองเวลา ไม่ได้การแล้วเรื่องนี้ฉันจะต้องไปคุยกับหยางเจี้ยนเจ้าลูกชายตัวดีเสียหน่อย วัน ๆ ไม่ทำอะไรเอาแต่คลุกตัวอยู่ในห้องเริงรักกับนังมีมี่ไม่รู้จักพอ จะมานั่งกินนอนกินให้ฉันเลี้ยงสู้ฉันเอานังเสี่ยวอิงกับน้องมันกลับมาอยู่ด้วยไม่ดีกว่าหรือไง ยังไงเด็กสองคนนั้นก็ยังทำงานช่วยได้แถมยังเบาแรงอีกด้วย" เหม่ยฉีเริ่มคิดถึงลูกสะใภ้คนก่อนพลางเดินขึ้นไปชั้นสองของบ้าน เมื่อเดินขึ้นไปจนถึงประตูห้องได้ยินเสียงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนพูดคุยจ้ะจ๋าเออออไปกับมีมี่ แต่เมื่อเหม่ยฉีได้ยินถึงกับโมโหเพราะตอนนี้มีมี่เธอขอให้หยางเจี้ยนซื้อสร้อยคอให้ เพื่อนบ้านต่างพากันเอามาโอ้อวดหากใครมีสร้อยเงินใส่ถือว่าสามีเลี้ยงดูเป็นอย่างดี
"พี่หยางเจี้ยนคอของฉันมันว่างเปล่าเหลือเกิน เวลาออกไปข้างนอกก็อับอายชาวบ้านที่เขามีสร้อยคอใส่ ฉันรู้ว่าครอบครัวพี่ไม่ได้จนตรอกขนาดซื้อสร้อยให้ฉันไม่ได้ พี่คงไม่อยากให้ฉันอายคนอื่นหรอกใช่มั้ย"
"ได้สิแค่สร้อยเอง มีมี่ของพี่ไม่ต้องอับอายน้อยใจน้อยหน้าคนอื่นหรอกนะเอาอย่างนี้พรุ่งนี้พี่จะพามีมี่สุดที่รักของพี่ไปซื้อเลยแต่ว่าตอนนี้เรามาทำเรื่องของเราให้จบก่อนเถอะนะ "
"จะตามใจกันอย่างนี้ต้องรู้จักทำงานสิ งานบ้านไม่รู้จักทำข้าวกรอกหมอจวนจะไม่มีแล้ว นี่คิดยังไงจะไปซื้อสร้อยหัวเด็ดตีนขาดยังไงฉันก็ไม่อนุญาต" ทันทีที่ได้ยินเสียงของเหม่ยฉี ทั้งสองรีบผละออกจากกันทันทีมีมี่รีบดึงผ้ามาห่มกายเอาไว้ ส่วนหยางเจี้ยนเองก็รีบจับกางเกงมาใส่
"โธ่ แม่เข้ามาห้องคนอื่นทำไมไม่รู้จักเคาะ "
"นี่มันบ้านฉัน ฉันจะต้องมีมารยาทกับลูกไม่เอาไหนอย่างแกด้วยเหรอ ออกมาคุยกันฉันข้างล่าง" พูดจบเหม่ยฉีเดินลงไปรอด้านล่างส่วนมีมี่ดวงตาแดงก่ำเมื่อได้ยินคำพูดของแม่สามี จนหยางเจี้ยนสงสารรีบเข้าไปปลอบเธอ
"มีมี่เมื่อครู่คุณแม่ก็พูดไปอย่างนั้นเธอก็รู้ไม่ใช่หรือไงว่าคุณแม่นะปากร้ายใจดี พี่ลงไปคุยกับแม่ก่อนนะส่วนเรื่องสร้อยยังไงพี่ซื้อให้มีมี่ของพี่อยู่แล้ว อย่าพึ่งหลับล่ะรอพี่ก่อนนะเราจะได้มาต่อเรื่องของเรา" หยางเจี้ยนเดินออกด้านนอกพร้อมปิดประตู มีมี่ใบหน้าบูดบึ้งโยนข้าวของอย่างไม่พอใจ
"ขี้งกเหลือเกิน ฉันอุตส่าห์เปลืองเนื้อเปลืองตัวเพราะเห็นว่าเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในละแวกนี้หรอกนะ ไม่คิดเลยว่าจะมีแม่สามีหงำเหงือกขี้งกสงสัยจะเก็บเงินไว้ฝังตัวเอง ฉันไม่ยอมนะ ฉันอุตส่าห์ทำเรื่องผิดศีลธรรมขนาดนี้ฉันจะต้องได้ทุกอย่างที่ฉันอยากได้ " มีมี่เห็นว่าเพื่อนสนิทของตัวเองล้วนมีทุกอย่างและเป็นผู้นำเทรนเสมอเลยคิดว่าครอบครัวตะกูลโจวมีเงินทองมากมาย จึงเข้าหาหวังจับพี่ชายแต่เมื่อรู้ว่าเขามีภรรยาอยู่แล้วเธอก็ยังไม่ยอมแพ้ ความจริงนั้นเธอไม่รู้เลยว่าการที่เพื่อนสนิทมีเงินมีของใช้หรู ๆ นั้นได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของเสี่ยวอิง ที่ต้องหาเงินใช้หนี้เพื่อให้คนในครอบครัวสุขสบายและตามใจเหมยหลงมาตลอด
บทที่ 7 แจกซาลาเปาหยางเจี้ยนเดินตามแม่ลงมาด้านล่างตอนนี้แม่ของเขานั่งไขว้ห้างอยู่บนเก้าอี้ไม้มือทั้งสองกอดอกอย่างไม่พอใจ“คุณแม่ครับทำไมมีสีหน้าแบบนั้นมีเรื่องอะไรให้ทุกข์ใจขนาดนั้นกัน ”“ก็เพราะว่าแกนะสิเลือกภรรยาน่าจะเลือกคนขยัน ๆ หน่อย ๆ นี่อะไรกันวัน ๆ เอาแต่กินแล้วก็นอนแถมยังเรียกร้องอยากได้ของราคาแพงอีกด้วย นี่แกไม่ได้บอกให้เธอรู้หรือไงว่าบ้านเราไม่ได้ร่ำรวยขนาดนั้น ตอนนี้หนี้สินจนจะท่วมหัวตายอยู่แล้ว”“คุณแม่ครับเรื่องแค่นี้เองไม่เห็นตั้งบ่นต่อหน้ามีมี่เลยคุณแม่จะให้คนน่ารักมือนุ่ม ๆ อย่างมีมี่ไปทำงานลำบากได้ยังไงขนาดเซี่ยเหมยหลงยังไม่เห็นจะทำอะไรเลย วัน ๆ เอาแต่แต่งตัวแต่งหน้าอยู่บ้าน ภรรยาคนเดียวผมเลี้ยงได้อยู่แล้ว”“อย่างนั้นพรุ่งนี้แกก็รีบไปเกี่ยวข้าวที่เสี่ยงอิงเกี่ยวไม่เสร็จนั่นสิ ฉันจะคอยดูว่าแกจะทำได้แค่ไหนกัน ”“ทำงานเหรอ ได้ถ้าคุณแม่ให้ผมไปทำคุณแม่ต้องให้เงินผมไปซื้อสร้อยคอก่อน คุณแม่รู้มั้ยตอนนี้มีมี่เสียใจขนาดไหนที่เห็นเหมยหลงได้ใส่แต่เธอไม่ได้ใส่นะ แม่อย่าลำเอียงนักสิ”“ฮึ ทีกับเสี่ยวอิงที่ขยันทำงานทุกอย่างแกไม่เห็นเอาอกเอาใจขนาดนี้เลย แม่นางมีมี่วัน ๆ ไม่ทำอะไรรอ
บทที่ 8 ใจร้ายฝั่งด้านเสวียนเฉินเขาได้ตรวจสอบข้อมูลของโจวหยางเจี้ยนรวมทั้งทุกคนในบ้าน เขาอยากใช้กฎหมายกับเขาจริง ๆ แต่ว่าเสี่ยวอิงกับหยางเจี้ยนไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันยากนักที่จะฟ้องร้องเอาค่าเสียหาย และหากจะทำได้แต่ถ้าเจ้าทุกข์อย่างเสี่ยวอิงไม่ยอมเขาเองก็ไม่สามารถพูดให้เธอกลับใจได้ ในเมื่อเธอเลือกที่จะลืมและเริ่มต้นใหม่เขาเองก็จะคอยปกป้องเธอในแบบฉบับของเขา แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คนตระกูลโจวมาวุ่นวายเขาจะจัดการคนพวกนั้นด้วยตัวของเขาเอง“แม่ครับผมไปทำงานก่อนนะครับ วันนี้อาจจะกลับค่ำหน่อยมีงานเลี้ยงต้อนรับผู้นำชุมชนคนใหม่ที่ชนะการเลือกตั้ง”“ไม่ต้องเป็นห่วงแม่หรอกนะ ตั้งแต่เสี่ยวอิงกลับมาอยู่ที่นี่แม่ไม่เหงาเลยสักนิดมีเด็ก ๆ คอยเข้ามาหาอยู่ทุกวัน นู้นไงพูดถึงก็มานู้นแล้ว ว่าแต่วันนี้มาแต่เช้าเกินไปมั้ยนะ หรือว่าเสี่ยวอิงจะไม่สบาย” เสวียนเฉินใจเต้นระรัวร้อนรุ่มในใจเมื่อได้ยินแม่พูดถึงเสี่ยวอิงเขารีบเดินไปหาทั้งสองก่อนที่เด็กทั้งสองจะเดินมาถึงเขาเสียอีก“จิ่งเหยา จ้าวเหวินทำไมถึงออกมาจากบ้านตั้งแต่เช้าขนาดนี้ พี่เสี่ยวอิงไม่สบายหรือ”“ไม่ใช่ครับพี่เสวียนเฉิน พี่เสี่ยวอิงสบายดีและให้เราสองคนนำซา
บทที่ 9 เจ็บใจ“จิ่งเหยาอย่าเข้าใจพี่แบบนั้นสิ พี่อธิบายเรื่องทั้งหมดได้นะ”“พี่เสี่ยวอิงจะทิ้งพวกเราไปจริง ๆ หรือครับ”“เอ่อ..เรื่องนั้นพี่เองก็ยังไม่รู้เลยแต่ว่าสิ่งเดียวที่พี่ทำได้ตอนนี้คือทำให้น้องทั้งสองมีชีวิตที่ดีขึ้น จ้าวเหวินเราเข้าใจพี่ใช่มั้ยว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้และพี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่เข้ามาอยู่ในร่างของเสี่ยวอิงอย่างไร และพี่เองก็ไม่รู้ว่าเสี่ยวอิงจะกลับมามั้ยหากพี่ทำภารกิจสำเร็จ” น้ำเสียงของเสี่ยวอิงสั่นเครือเมื่อมองใบหน้าของจ้าวเหวินยามนี้ดวงตาของเด็กชายสั่นคลอนแดงก่ำ แต่ก็ยังแสดงความเข้มแข็งให้เสี่ยวอิงได้เห็น“ไม่ว่าพี่จะทำอย่างไรผมจะพยายามเข้าใจพี่ เพราะพี่ทำทุกอย่างเพื่อพวกผมนี่น่า”“พี่ไม่รู้หรอกนะอนาคตจะเป็นอย่างไรไม่แน่พี่อาจจะได้อยู่ที่นี่จนกว่าเราทั้งสองจะมีครอบครัวแยกบ้านออกไปอยู่ที่อื่น แต่ระหว่างที่พี่อยู่ที่นี่พี่จะทำเพื่อน้องสองคนสุดความสามารถที่จะทำให้ได้ เธอยังไม่ได้กินข้าวเช้ากินไก่กับขนมพวกนี้รอพี่ก่อนนะ พี่จะไปหาจิ่งเหยาเธอคงเสียใจที่จู่ ๆ พี่พูดเรื่องนี้ทำให้เธอใจหาย”“ได้ครับ” จ้าวเหวินพยักหน้าให้แก่เสี่ยวอิงตอนนี้เธอเดินขึ้นไปที่ห้องของจ
บทที่ 10 ปรับความเข้าใจบ้านตระกูลหวังหลังจากที่เสี่ยวอิงเดินลงมาไม่นานจิ่งเหยาได้เดินลงพร้อมใบหน้าที่รู้สึกผิดและเสียใจไม่“พี่ซิ่งผิงฉันขอโทษ ฉันเอาแต่ใจตัวเองคิดถึงแต่ตัวเองทั้ง ๆ ที่พี่เองก็คงลำบากไม่น้อย ที่ต้องจากบ้านจากครอบครัวมาแถมยังต้องมาเลี้ยงดูพวกเราอีก ฉันขอโทษที่ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกพี่เลยว่าพี่ต้องพบเจออะไร” เสี่ยวอิงได้ยินเสียงของจิ่งเหยาเธอลุกขึ้นย่างเท้าเดินเข้าไปสวมกอดร่างเล็กแนบแน่นอย่างซึ้งใจ“โธ่ ๆ จิ่งเหยาในที่สุดเธอก็เข้าใจพี่แล้วใช่มั้ย พี่เองก็ขอโทษเธอเช่นเดียวกันที่ไม่ได้บอกความจริงตั้งแต่วันที่ฉันเข้ามาอยู่ในร่างพี่สาวของเธอ และลืมคิดว่าสิ่งไหนที่ฉันไม่สมควรบอกกับเธอไป”“ไม่เลยพี่ไม่ผิดอะไรเลย ยังไงพี่ก็เป็นพี่ของเราต่อจากนี้ไม่ว่าพี่เป็นใครแต่พี่จะเป็นพี่เสี่ยวอิงของเราอยู่ดี อึก อึก ฮื้อ ๆ” จิ่งเหยานั่งร้องไห้อยู่ในห้องเพียงลำพังได้ใช้ความคิดและคิดถึงหัวใจของซิ่งผิงที่ต้องมาอยู่ในร่างของพี่สาวของเธอ เธอเองคงตกใจไม่น้อย ที่จะต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในที่ที่ไม่เคยอยู่แถมยังมีสิ่งที่รับผิดชอบอีกมากมายเมื่อจิ่งเหยาคิดได้อย่างนั้นรู้สึกต่อซิ่งผิง ตัดสินใจมาขอโทษเ
บทที่ 11 เปรียบเทียบเธอมองผู้หญิงสองคนที่รีบเร่งเท้าเดินหนีพลางส่ายหน้าไปมาก่อนจะหันมามองเสี่ยวอิง เธอยิ้มตลกขบขันเมื่อเห็นทุกอย่างตรงหน้า“ป้าเสวียนหนี่ทำไมไปพูดแบบนั้นกันคะ อย่างนี้เมื่อไหร่ป้าเสวียนหนี่จะมีลูกสะใภ้มีหลานตัวเล็ก ๆ คอยวิ่งเล่นในบ้าน”“เฮ่อ..เรื่องลูกสะใภ้นะหากว่าเสวียนเฉินเอ่ยปากเมื่อไหร่ก็คงจะมีในวันนั้นเลยแต่ว่าเจ้าเสวียนเฉินนะสิไม่เห็นจนสนใจผู้หญิงคนไหนเลย คิดดูสิมีผู้หญิงมากมายเอาของกินมาฝากแทบจะทุกวัน แต่เขากลับไม่สนใจชาตินี้คงไม่มีวาสนาที่จะได้อุ้มหลานกับเขาหรอกนะ เป็นอย่างไรบ้างกิจการของเธอขายดีมั้ย? ”“ซาลาเปาขายได้เรื่อย ๆ ค่ะ คงเป็นเพราะเปิดร้านใหม่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของคนหมู่มาก ป้าเสวียนหนี่มาแต่เช้าแบบนี้ยังไม่ได้กินข้าวใช่มั้ยคะ เข้ามานั่งด้านในก่อนสิวันนี้ฉันทำไก่อบไว้ตัวใหญ่พร้อมน้ำซุปกระดูกหมู ให้ฉันได้ตอบแทนป้าบ้างนะคะ”“ไม่เห็นจะต้องทำขนาดนั้นเลย แต่เอาเถอะถือว่าไม่เป็นการเสียน้ำใจฉันจะกินข้าวเช้ากับเธอก็แล้วกัน” เสวียนหนี่รีบเดินเข้ามาในบ้านของเสี่ยวอิงเธอยิ้มกริ่มวางมือจากซาลาเปาเดินเข้าไปในครัวปากก็เอ่ยบอกให้น้องดูหน้าร้านเผื่อมีลูกค้ามาซื้อ“
บทที่ 12 ทุกนาทีมีค่าฝั่งด้านเสี่ยงอิงนี่เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วที่เธอทะลุมิติมาอยู่ที่นี่เธอเริ่มใช้ชีวิตคุ้นชินกับยุคนี้และมีควสามสุขในทุกวันไม่สว่าจะเป้นร้านซาลาเปาที่ขายดีและเป็นที่รู้จักมากมาย เพราะมีเสวียนเฉินคอยช่วยเหลือแนะนำให้ผู้คนมาช่วยอุดหนุนและซาลาเปาของเสี่ยวอิงมีรสชาติที่อร่อย ทำให้ลูกค้าติดใจและกลับมาซื้ออีกบ่อย ๆ ตอนนี้ที่ร้านของเธอเริ่มมีซาลาเปาหลากหลายรสชาติและมีหน้าตาที่น่ารักไม่ว่าจะเป็นใบหน้าของสัตว์น่ารักๆ อีกทั้งยังมีไส้เพิ่มมากมาย อย่างเช่นไส้หมูสับ ไส้หมูแดง พายไก่ ผักรวม เห็ดหอม เผือก ครีม งาดำ มันม่วงแปะก๋วย ทำให้ลูกค้าติดใจและไม่รู้จักเบื่อเพราะมีหลายอย่างให้กินไม่ซ้ำและตอนนี้เธอคิดว่าจะนำขนมจีบและติ่มซำมาขายเพิ่มอีกด้วย ส่วนน้อง ๆ ของเธอตอนนี้ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนใกล้ ๆ อำเภอที่เสวียนเฉินช่วยหาให้อีกที ชีวิตของเธอตอนนี้เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ และมีเงินเก็บจำนวนหนึ่งแม้ไม่มากนักแต่เธอก็เริ่มขยับขยายจากที่ไม่มีเงินสักหยวนเลย“พี่เสี่ยวอิงคิดอะไรอยู่หรือคะ” จิ่งเหยาเห็นพี่สาวมานั่งจ้องมองท้องฟ้าทั้ง ๆ ที่ตอนนี้เธอควรจะเข้าไปอาบน้ำนอนพัก“พี่กำลังคิดหาทางหาเงิน
บทที่ 13 ฉันรอได้“ทำไมถึงเงียบไปล่ะ ฉันพูดอะไรผิดหรือเปล่า” เหมือนว่าเขาจะเห็นใบหน้าของเธอที่แดงระเรื่อนึกอยากจะกลั่นแกล้งขยับหน้าเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิม เสี่ยวอิงหันขวับกลับมาทำให้ริมฝีปากของเธอสัมผัสที่ใบหน้าของเขา เสมือนว่าเธอจูบแก้มของเขาอย่างไรอย่างนั้น“เอ่อ..อ๊าย! นี่นายใกล้เกินไปแล้วนะ เมื่อครู่ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะให้มันเป็นแบบนั้นฉันไม่รู้ว่านายเข้ามาใกล้ขนาดนี้” เสี่ยวอิงเขินจนหน้าแดงรีบร้อนตอบเขากลัวว่าเขาจะเข้าใจผิดคิดว่าเธอตั้งใจจะจุ๊บที่แก้มของเขา“ฮึ ฮึ ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยอีกอย่างฉันไม่ถือตัวด้วย ไม่ว่าเธออยากจูบที่ตรงนี้ ตรงนี้หรือตรงนี้ ไม่ว่าส่วนไหนในร่างกายฉันยอมให้เธอเสมอและยินดีไม่ว่าเธอจะสัมผัสมันเมื่อไหร่” เสวียนเฉินชี้ไปที่หน้าผาก ต่ำลงมาที่แก้มก่อนจะแตะลงที่ริมฝีปากของเขาอย่างยั่วยวนเสี่ยวอิงจน เธอรีบผลักเขาให้ออกห่างจากตัวเอง“บ้าไปแล้วแน่ ๆ หรือว่าช่วงนี้อากาศร้อนกันนะนายอำเภอถึงเปลี่ยนไป ใครเขาอยากจะสัมผัสกัน คนอะไรขี้อ่อยชะมัด ไม่ว่าจะทำยังไงฉันก็ไม่หวั่นไหวหรอกนะ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันเจ็บปวดจากความรักมามากพอแล้ว ต่อจากนี้ฉันมีชีวิตอยู่เพื่อเลี้ยงดูน้อง
บทที่ 14 รู้ที่อยู่เสี่ยวอิงเมื่อจ่ายเงินเถ้าแก่ซงเสร็จแล้วเหม่ยถีเลือกที่จะเดินเล่นก่อนที่จะเข้าบ้านเพราะตอนนี้เธอไม่อยากอยู่บ้านเลยด้วยซ้ำ เข้าบ้านเมื่อไหร่ได้ยินแต่คำพูดเสียดสีด่าทอกันของหยางเจี้ยนกับมีมี่ ช่วงนี้หยางเจี้ยนเปลี่ยนไปราวกับคนละคนดื่มเหล้าทุกเย็น แล้วก็ชวนคนอื่นทะเลาะจนกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อ‘ทำไมชีวิตของฉันถึงได้เปลี่ยนไปแบบนี้นะ จะต้องทำยังไงถึงหาเงินได้มากกว่าเดิมคงต้องไปหาผักมาขายเหมือนเสี่ยวอิงสักหน่อยแล้ว ว่าแต่ตอนนี้เธอไปอยู่ที่ไหนกันนะถ้าเธอยังอยู่ครอบครัวของฉันคงไม่เดือดร้อนขนาดนี้ เฮ้อ ’ เหม่ยฉีเงยหน้ามองท้องฟ้าเห็นดวงตะวันยังอยู่สูง เธอทำอย่างที่พูดรีบไปหาผักตามสวนตามป่าเพื่อมาขายในตลาดในใจเอาแต่คิดถึงเสี่ยวอิงตลอดเวลาจนกระทั่งเธอได้ผักมาจำนวนหนึ่งรีบเอามาขายก่อนที่ตลาดจะปิด และเธอก็ได้เงินมาแม้เล็กน้อยแต่ตอนนี้เธอต้องทำทุกอย่างที่ได้เงิน ครานั้นเธอกำลังจะกลับบ้านหันไปเจอเด็กหน้าตาคุ้นเคยเสียงหัวเราะคิกคักที่ผ่านต่อหน้าไปเมื่อครู่ เธอจำได้ทันทีว่านั่นคือน้องของเสี่ยวอิง แต่ทว่าที่น่าแปลกใจคือเด็กทั้งสองสวมใส่ชุดนักเรียนอีกด้วย“นั่นมันจิ่งเหยากับจ้าวเหวิน
บทที่ 32 ภารกิจสำเร็จเหตุการณ์ที่ตำรวจไปจับตัวหยางเจี้ยนเพราะเสวียนเฉินให้ตำรวจไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งและมีวัยรุ่นสองคนมาให้ปากคำเพิ่มเติมว่าเห็นชายรูปร่างเหมือนหยางเจี้ยนมาคอยเฝ้าอยู่ตรงนั้นตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่มืด ตอนที่เขาทำร้ายตีหัวของนายอำเภอทั้งสองเห็นเต็มตาแต่ทำได้เพียงปิดปากไม่กล้าพูดออกมากลัวจะโดนทำร้ายอีกคน ตอนนี้หยางเจี้ยนจนมุมเพราะหลักฐานมัดตัวถูกจับโดยที่ไม่สามารถประกันตัวได้อีกเลย และโทษครั้งนี้ที่เขาได้รับคือติดคุกตลอดชีวิต เสวียนเฉินรับรู้เรื่องก็พอใจในสิ่งที่หยางเจี้ยนได้รับโทษ ต่อจากนี้ก็จะไม่มีใครมารบกวนชีวิตของเสี่ยวอิงได้อีกเลย3 วันต่อมางานแต่งงานของทั้งสองได้เริ่มขึ้นทุกคนต่างมีความสุขเสียงหัวเราะคิกคักของน้อง ๆ ที่เห็นพี่สาวยิ้มแย้มรอยยิ้มวันนี้ของเธอสดใสเท่าที่เคยเห็นมาเลย แขกต่างพากันมาร่วมยินดีชีวิตของเสี่ยวอิงต่างทำให้ทุกคนต้องอิจฉา“วันนี้เป็นวันที่เธอสวยที่สุดเลย จนฉันไม่อยากให้ใครมาเห็นเธอตอนแต่งหน้าแบบนี้เลย”“คนอื่นไม่ได้มองฉันแบบนายนี่น่า ดูสิคนอื่นสนใจอาหารที่อยู่ต่อหน้ามากกว่าจ้องมองฉันอีก”“ช่างคนอื่นสิ ฉันนะไม่สนใจอาหารต่อหน้าเลยสักนิดสนใจแต
บทที่ 31 หยางเจี้ยนถูกจับเสวียนเฉินกลับมาบ้านยังคงเอะใจเลยไปหาเสี่ยวอิงที่บ้านเพื่อแจ้งข่าวการตายของเหม่ยฉีให้เธอได้รับรู้“วันนี้ไปเลือกชุดแต่งงานกับคุณแม่ถูกใจมั้ย”“ดูดีเลยล่ะ วันนี้ทำไมกลับมาถึงบ้านไม่ตรงเวลาล่ะมีงานเยอะเหรอ ? ฉันกับคุณแม่เตรียมกับข้าวไว้ตั้งมากมาย แต่เด็ก ๆ รอไม่ไหวเลยให้กินกับคุณแม่ไปก่อนหน้านี่แล้ว”“เอ่อไม่ใช่งานเยอะหรอก เธอจำสิ่งที่เธอพูดได้มั้ยเรื่องหยางเจี้ยนฉันตรวจสอบแล้ววันนั้นเขาถูกปล่อยตัวจริง ๆ ไม่แน่อาจจะเป็นเขาที่มาทำร้ายฉันแต่ว่าวันนี้ที่ฉันมาช้านะฉันไปบ้านตระกูลโจวมา เกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้นนะ”“เรื่องน่าเศร้าอะไรกัน”“พลัดตกบันได้คอหักตาย”“ห่ะ! เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นได้ยังไงคนอย่างเหม่ยฉีนะหรือ ร่างกายของเธอยังแข็งแรงนี่ตอนนั้นคุณก็เห็นใช่มั้ยตอนที่เธอมายืนด่าอยู่หน้าบ้านฉัน”“ใช่แต่ว่าเย็นวันก่อนเธอถูกหามเข้าโรงพยาบาลและพบว่าเธอเป็นเส้นเลือดตีบทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ สมองไม่สั่งการทำให้เป็นคนพิการที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ อีกอย่างตอนที่เธอตกบันไดคงเป็นเพราะเธอมีเพิ่งจะมีกำลังขึ้นมาอยากขึ้นไปชั้นบนด้วยตัวเอง”“ตอนนั้นไม่มีใครอยู่ที่บ้านเลยหรือไง
บทที่ 30 เหม่ยฉีตกบันไดบ้านตระกูลหวังเสี่ยวอิงใบหน้าเบิกบานเพราะความรักของเธอกับเสวียนเฉินก่อตัวอย่างรวดเร็ว ตอนนี้หัวใจของเธอชุ่มช่ำราวกับรักแรกแย้ม เธอปิดร้านตั้งแต่เที่ยงของที่ลงขายวันนี้มีไม่มากนัก เพราะเธอกับเสวียนหนี่นัดกับเอาไว้ไปเลือกชุดแต่งงานกัน ในใจของเธออยากจะเลือกชุดที่อยู่ในยุคปันจุบันโดยใช้มิติแต่ก็กลัวจะถูกจับไปและอยากให้เสวียนหนี่แม่สามีคนใหม่เป็นคนเลือกด้วยตัวเองเป็นความสุขของคนแก่เสี่ยวอิงจึงยอมตามใจ“หนูเสี่ยวอิงเสร็จหรือยังจ๊ะ"“เสร็จแล้วค่ะคุณแม่หนูปิดร้านสักครู่นะคะ” เสี่ยวอิงปิดประตูบ้านทั้งสองพากันเดินไปที่ตลาด ร้านชุดแต่งงานมีไม่มากนักในมณฑลที่เธออยู่เสวียนหนี่ขอเลือกจัดงานแบบสมัยก่อน เจ้าสาวจะสวมชุดกี่เพ้า ส่วนเจ้าบ่าวจะสวมสูทซุนยัดเซ็น ที่เป็นสูทแบบจีนสมัยใหม่ พิธีแต่งงานและสถานที่จัดงานเสวียนเฉินให้จัดที่โรงแรมมีโรงแรมที่รับจัดงานแต่งมีของทุกอย่างครบครันจะมีราคาให้เลือก ขั้นต่ำ 2000 หยวน และแพงสุด 5000 หยวนจะมีอาหารการกินแตกต่างกันไป ส่วนเสวียนเฉินเลือกเป็น 3000 หยวน แขกจะมีเพียงแค่คนใหญ่คนโตในมณฑลและญาติพี่น้องไม่มากนักแต่เขาอยากจัดงานให้สมเกียรติเมื่อ
บทที่ 29 งูพิษรุ่งเช้าวันต่อมามีมี่ตื่นมาเตรียมของให้หยางเจี้ยนไปทำงานเหมือนทุกวัน หลังจากที่ส่งสามีไปทำงานเธอก็มาดูเหม่ยฉีที่นอนจมกองฉี่ตัวเองอยู่บนเตียงสภาพน่าอนาจเหลือเกิน ตอนนั้นนั่นเองที่เหมยหลงเดินลงมาข้างล่าง“เหมยหลงเธอตื่นมาก็ดีแล้ว ตอนนี้คุณแม่ฉี่เปื้อนที่นอนเต็มไปหมดมาช่วยกันยกคุณแม่หน่อยได้มั้ย ? และมาช่วยกันซักผ้าเปลี่ยนให้คุณแม่จะได้ไม่นอนจมกองฉี่ตัวเองอยู่แบบนี้”“อุ้ย! ไม่เอาหรอกแม่นะหนักจะตายไปอีกอย่างตอนนี้ฉันอาบน้ำแต่งตัวแล้วถ้าให้ไปจับตัวคุณแม่กลิ่นฉี่ฉุนติดเสื้อผ้าจะทำยังไง เธอเป็นลูกสะใภ้ก็ทำไปสิฉันนัดลูกชายเจ้าของตลาดเอาไว้ ในเมื่อไม่ได้นายอำเภอเอากับลูกชายเจ้าของตลาดก็คงไม่น้อยหน้าไปก่อนนะที่เหลือเธอก็จัดการด้วยถ้าฉันหลอกให้มันหลงรักหัวปักหัวปำฉันจะเอาเงินมันมาให้เธอเป็นค่าจ้างก็แล้วกัน” เหมยหลงสะบัดผมเดินออกจากบ้านโดยไม่สนใจว่าคนที่นอนอยู่คือแม่ของตัวเองตอนนี้ใจของเหม่ยฉีแตกสลายไม่คิดว่าลูกสาวที่เธอรักมากจะทำแบบนี้กับเธอได้ลงคอ มีมี่หันมามองเหม่ยฉีด้วยความสมเพชก่อนจะหัวเราะออกมา“ฮึ ฮึ ลูกแต่ละคนไม่เคยมีใครสนใจใยดีเลย ดูสิลูกสาวที่คุณแม่รักนักรักหนาทิ้งแม่ที
บทที่ 28 ยาออกฤทธิ์บ้านตระกูลโจวหลายวันมานี้หยางเจี้ยนอารมณ์ดีเป็นพิเศษเขาออกไปทำงานทุกเช้าและกลับมาพร้อมอาหารเต็มมือ จนทำให้มีมี่แปลกใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร มีเพียงแต่แม่สามีที่ชมลูกชายไม่หยุดปาก“ตั้งแต่ที่ฉันเสียเงินไปมากหยางเจี้ยนดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย ดีจริง ๆ อีกอย่างตอนนี้หนี้เถ้าแก่ซ่งก็เหลืออีกก้อนเดียวเราก็จะหมดหนี้แล้ว ตอนนี้ชีวิตช่างดีจริง ๆ ถึงแม้จะอยากได้บ้านของนังเสี่ยวอิงมาเป็นของเราก็เถอะ ตอนนี้คงทำอะไรไม่ได้มากสินะหรือจะให้หยางเจี้ยนไปขอโทษด้วยความจริงใจแต่เจ้าหน้าที่ก็ข่มขู่ไม่ให้เสนอหน้าไปอีกไม่อย่างนั้นครั้งนี้จะจับไม่ปล่อย เฮ้อ!”“คุณแม่คะ คุณแม่เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”“อะไรกันกลับมาจากข้างนอกทำไมต้องโวยวายด้วย”“จะไม่ให้โวยวายได้ยังไงกันคะ ในเมื่อตอนนี้ความฝันของฉันพังทลายมาหมด นายอำเภอเฉินนะสิคะกำลังจะแต่งงานฉันไปเดินเล่นที่ตลาดได้ยินชาวบ้านพูดคุยกัน ไม่ยอมนะฉันต้องเป็นภรรยาเขาสิทำไมต้องเป็นคนอื่นด้วย”“แล้วเธอเหมาะสมกับเขาตรงไหนกันว่าแต่ใครกันที่ได้เป็นเจ้าสาวของนายอำเภอเฉิน” มีมี่เดินเอาน้ำมาให้ทั้งสามคนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ แอบสะใจจริงที่เหมยหลงไม่ได้ดีและถูกผู
บทที่ 27 ฉันชอบนาย"อย่ามาทำแบบนี้นะ ทำไมอย่างอื่นนายจำได้หมดยกเว้นฉันคนเดียวเรื่องนี้ฉันไม่ยอมหรอกนะ นายทั้งอ่อยทั้งหยอดคำหวานชอบทำให้คนอื่นหวั่นไหว นายขอฉันแต่งงานไม่ใช่หรือไงทำไมมาพูดจาแบบนี้ ฉันไม่ยอมหรอกนะตาบ้า ฉันรอนายด้วยใจที่ตื่นเต้นทั้งวันทั้งคืนเพื่อรวบรวมความกล้าบอกความรู้สึกกับนาย แต่นายมาบอกว่าไม่รู้จักฉันจำฉันไม่ได้แบบนี้มันจะเกินไปแล้ว”“เสียงดังโวยวายจริง ๆ ฉันเนี้ยะนะขอเธอแต่งงานไม่มีทาง ขนาดชื่อยังจำไม่ได้แท้ ๆ อีกอย่างใครบอกให้เธอรอฉันกันล่ะ ไม่ได้บอกเสียหน่อยหรือต่อให้ฉันกลับมาฟังคำตอบของเธอทุกอย่างจะเปลี่ยนไปอย่างนั้นหรือ?”“เปลี่ยนสิ ทำไมจะไม่เปลี่ยนในเมื่อตอนนี้ใจของฉันมันหวั่นไหวไปกับนายแล้วตอนที่รู้ว่านายถูกทำร้ายรู้มั้ยว่าฉันกลัวมากแค่ไหนที่จะเสียนายไป เอาแต่โทษตัวเองที่ไม่ยอมตอบรับความรู้สึกของนาย เอาแต่โทษสมองกลวง ๆ ที่เอาแต่กลัวว่านายจะจริงจังหรือเปล่า จนฉันคิดได้ว่าฉันนะชอบนายเหมือนกัน และคำตอบที่นายต้องการคือฉันชอบนายและยอมเปิดใจให้นายเข้ามาโลดแล่นอยู่ที่อกข้างซ้ายของฉัน แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้เป็นแบบนี้แล้วฉันจะต้องทำยังไง” เสี่ยวอิงพูดจาฉะฉานแต่ก็เคลือบไ
บทที่ 26 เธอเป็นใครมาถึงโรงพยาบาลเสี่ยวอิงพาเสวียนหนี่ไปสอบถามกับเจ้าหน้าที่ตอนนี้ตัวเสวียนเฉินนอนอยู่ในห้องฉุกเฉิน เสี่ยวอิงจึงพาคุณป้าไปนั่งรอที่หน้าห้องฉุกเฉินก่อนจะกลับมาหาเถ้าแก่ซ่งเพื่อจ่ายค่ารถ“เถ้าแก่ซ่งขอบคุณนะคะที่ช่วยเหลือพวกเรา ค่ารถมาที่นี่คุณต้องการเท่าไหร่คะ”“ฉันนะถึงแม้จะชอบกลิ่นเงินแต่เรื่องแบบนี้ฉันก็มีน้ำใจพอ เก็บเงินของเธอเอาไว้เถอะนะถือว่าฉันช่วยเหลือนายอำเภอแล้วใครกันนะกล้าลงมือทำร้ายนายอำเภอเฉิน”“นั่นสิคะ เรื่องนี้ฉันยังไม่ได้ถามตำรวจที่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเลย ทำแบบนี้เหมือนพยายามฆ่าได้เลยยังไงถ้าจับตัวคนร้ายได้ต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ขอบคุณเถ้าแก่มากนะคะบุญคุณครั้งนี้ฉันไม่ขอลืมจะสำนึกในใจเสมอวันหนึ่งฉันจะตอบแทนนะคะ”หลังจากพูดคุยกับเถ้าแก่ซ่งพักใหญ่ก่อนจะเดินไปหาเสวียนหนี่ที่นั่งรอร้องไหว้อ้อนวอนพระเจ้าอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน“ป้าเสวียนหนี่คะอย่าร้องเลยนะคะยังไงเสวียนเฉินต้องไม่เป็นอะไรเขาต้องกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม”“ป้ากลัวเหลือเกิน ทำไมต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับลูกชายฉันด้วย ถ้าเสวียนเฉินไม่ฟื้นขึ้นมาจะทำยังไงป้าจะอยู่ยังไง” เสียงสะอึกสะอื้นไห้ของผู้เป็นแ
บทที่ 25 สั่งสอนเช้าวันต่อมาบ้านตระกูลโจวมีมี่ตื่นแต่เช้าตรู่ลุกขึ้นมาทำกับข้าวให้ทุกคนได้กินเพราะความเจ็บใจเมื่อวานนี้ทำให้เธอมีแรงบันดาลใจที่จะลงมือให้เร็วขึ้นมากกว่าเดิม เธอใส่ยาลงไปในชามข้าวของทุกคน ส่วนของเธอนั้นจะตักทีหลังคนอื่นเสมอ“มีมี่ตื่นแต่เช้าแบบนี้คงปรับความเข้าใจกับหยางเจี้ยนแล้วใช่มั้ย ผู้ชายก็เป็นแบบนี้แหละอะไรทนได้ก็ทนหน่อย”“ค่ะคุณแม่”“จริงสิวันนี้เธอช่วยซักผ้าของเหมยหลงให้หน่อยนะ เห็นว่าปวดหัวจนแทบลุกจากที่นอนไม่ได้เลย ฉันเองก็เช่นกันไม่รู้ช่วงนี้เป็นอะไรร่างกายเหนื่อยแปลก ๆ อีกสองวันฉันจะต้องไปเจอเถ้าแก่ซ่งแล้วจะหาเงินที่ไหนไปคืนนะหรือว่าจะออกไปหาผักไปขายดี หยางเจี้ยนก็เจ็บแผลอยู่จะไปเกี่ยวข้าวไหวหรือเปล่านะ ช่วงนี้ข้าวก็เริ่มจะหมดแปลงแล้วด้วย มีมี่หากฉันจะขอยืมสร้อยของเธอไปขายก่อนจะได้มั้ย เอาไว้ฉันใช้หนี้หมดเมื่อไหร่ฉันจะซื้อมาคืนเธอก็รู้นี่น่าเงินที่ฉันเตรียมไว้ใช้หนี้ต้องไปจ่ายค่าปรับให้หยางเจี้ยน”‘นังแก่นี่ขี้งกจริง ๆ เห็นว่าตัวเองเสียเงินไปมากกับลูกชายก็รีบมาขอของจากฉันคืนแถมยังอ้างเรื่องหนี้อีก ที่จริงเป็นพวกแกไม่ใช่หรือไงที่ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น คิดว
บทที่ 24 รอคำตอบหยางเจี้ยนอารมณ์เสียแต่ใจของเขาก็มีความอาลัยอาวรณ์ในตัวมีมี่ที่รีบวิ่งตามขึ้นไปขอโทษเธอทันที“มีมี่ฟังพี่ก่อนนะ พี่ทุกอย่างเพื่อเราทั้งนั้นตอนนี้คุณแม่ติดหนี้เถ้าแก่ซ่งจำเป็นต้องใช้เงินในเร็ววันพี่ก็จนหนทางเลยไปหาเสี่ยวอิงหวังให้เธอเห็นใจ ไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้”“หยุดพูดเถอะคำพูดของพี่มีคำไหนที่ฉันสามารถเชื่อได้อีกบ้าง”“มีมี่จะต้องทำยังไงเธอถึงจะเชื่อพี่ต่อจากนี้เธอตามติดตัวพี่เลยก็ได้ หากทำอย่างนั้นแล้วเธอจะเชื่อว่าพี่จะไม่ไปหาเสี่ยวอิงอีก” เขาเข้ามาโอบกอดเธอแน่นซุกหน้าลงซอกคอ‘ต้องพูดถึงขนาดนี้เพื่อให้ฉันเชื่อคำพูดเหรอ ถ้าฉันไม่เห็นของที่มี ฉันคงเชื่อหรอกแต่ตอนนี้ฉันรู้และเห็นหมดทุกอย่าง ครอบครัวของพี่ไม่ได้จนตรอกจนต้องไปหาเสี่ยวอิง แต่เป็นเพราะความมักมากของพี่มากกว่า ได้ในเมื่อต้องการแบบนี้ฉันเองก็จะยอมทน ต่อจากนี้ไม่มีอีกแล้วความรักที่แสนดีจากฉันจะมีเพียงความต้องการและชำระแค้นของฉันเท่านั้น’“ครั้งนี้ฉันจะยอมให้อภัยพี่และเชื่อคำพูดของพี่ ถ้ามีอีกครั้งฉันพร้อมจะหย่าทันที”“ในที่สุดเธอก็เข้าใจพี่ มีมี่มีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้นที่พี่อยากจะอยู่ด้วยต่อจากนี้พี่จะ