บทที่ 8 ใจร้าย
ฝั่งด้านเสวียนเฉินเขาได้ตรวจสอบข้อมูลของโจวหยางเจี้ยนรวมทั้งทุกคนในบ้าน เขาอยากใช้กฎหมายกับเขาจริง ๆ แต่ว่าเสี่ยวอิงกับหยางเจี้ยนไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันยากนักที่จะฟ้องร้องเอาค่าเสียหาย และหากจะทำได้แต่ถ้าเจ้าทุกข์อย่างเสี่ยวอิงไม่ยอมเขาเองก็ไม่สามารถพูดให้เธอกลับใจได้ ในเมื่อเธอเลือกที่จะลืมและเริ่มต้นใหม่เขาเองก็จะคอยปกป้องเธอในแบบฉบับของเขา แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คนตระกูลโจวมาวุ่นวายเขาจะจัดการคนพวกนั้นด้วยตัวของเขาเอง
“แม่ครับผมไปทำงานก่อนนะครับ วันนี้อาจจะกลับค่ำหน่อยมีงานเลี้ยงต้อนรับผู้นำชุมชนคนใหม่ที่ชนะการเลือกตั้ง”
“ไม่ต้องเป็นห่วงแม่หรอกนะ ตั้งแต่เสี่ยวอิงกลับมาอยู่ที่นี่แม่ไม่เหงาเลยสักนิดมีเด็ก ๆ คอยเข้ามาหาอยู่ทุกวัน นู้นไงพูดถึงก็มานู้นแล้ว ว่าแต่วันนี้มาแต่เช้าเกินไปมั้ยนะ หรือว่าเสี่ยวอิงจะไม่สบาย” เสวียนเฉินใจเต้นระรัวร้อนรุ่มในใจเมื่อได้ยินแม่พูดถึงเสี่ยวอิงเขารีบเดินไปหาทั้งสองก่อนที่เด็กทั้งสองจะเดินมาถึงเขาเสียอีก
“จิ่งเหยา จ้าวเหวินทำไมถึงออกมาจากบ้านตั้งแต่เช้าขนาดนี้ พี่เสี่ยวอิงไม่สบายหรือ”
“ไม่ใช่ครับพี่เสวียนเฉิน พี่เสี่ยวอิงสบายดีและให้เราสองคนนำซาลาเปาออกมาแจกจ่ายทุกคนกลัวว่าถ้าออกมาช้ากว่านี้จะไม่ทันได้ให้ทุกคนได้กิน พี่เสวียนเฉินก็ลองเอาไปกินสักอันสิครับ ผมลองไปแล้วสองลูกอร่อยจนแทบหยุดกินไม่ได้เลย” จ้าวเหวินพูดพร้อมจับซาลาเปาใส่มือของเสวียนเฉิน ส่วนจิ่งเหยาได้เดินไปหาป้าเสวียนหนี่และยื่นซาลาเปาให้เธอได้ชิมเช่นเดียวกัน
ทั้งสองไม่รอช้าเมื่อได้ของมาอยู่ในมือแม้จะรู้สึกไม่ค่อยรู้จักกับรูปร่างแปลกประหลาดแต่ก็ไม่ได้กลัวที่จะเอามันเข้าปาก เมื่อลิ้นสัมผัสรสชาติของแป้งซาลาเปาที่หนาแต่นุ่มราวปุ๋ยนุ่น อีกทั้งไส้ถั่วที่บดละเอียดหวานกำลังดีกินกับแป้งช่างเข้ากันแถมยังกินตอนที่ร้อน ๆ อย่างนี้ยิ่งทำให้ความอร่อยเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม
“รสชาตินี้ไม่เคยลิ้มลองมาก่อน อร่อยอย่างบอกไม่ถูกเนื้อแป้งที่ผสมมาเป็นอย่างดีไหนจะไส้ถั่วที่บดละเอียด เสี่ยวอิงช่างเป็นผู้หญิงที่พิถีพิถันทำการทำอาหารจริง ๆ ” เสวียนหนี่เอ่ยปากชมเสี่ยวอิงไม่หยุด เสวียนเฉินไม่ต่างกันเขาเคี้ยวจนหมดปากพร้อมเอ่ยปากชม
“ถ้าพี่เสี่ยวอิงขายรสชาติแบบนี้น่าจะขายดีแน่นอน ของที่เหลืออยู่ในตะกร้านี้พี่ขอได้มั้ย จะเอาไปให้เพื่อนที่ทำงานกิน จะได้ลูกค้าเพิ่มอีกที่”
“ได้เลยค่ะ ฉันต้องขอบคุณพี่เสวียนเฉินหากพี่จะแนะนำร้านซาลาเปาของพี่เสี่ยวอิงให้คนมากมายได้รู้จัก”“แม้ว่าเธอไม่ขอยังไงฉันก็จะป่าวประกาศให้อยู่แล้ว พี่ไปก่อนนะ” เสวียนเฉินหยิบซาลาเปาในตระกร้าใส่ถุงกระดาษก่อนจะเดินทางไปที่อำเภอ ทางไปทำงานได้ผ่านหน้าบ้านของเสี่ยวอิงเสวียนเฉินเห็นเธอยืนอยู่หน้าบ้านเขาจึงเลือกเดินเข้าทักทายเธอก่อนที่จะไปทำงาน
“ฉันชิมแล้วนะขนมของเธอ มันอร่อยมากเลยสมแล้วล่ะที่เป็นฝีมือของเธอ ดูสิอร่อยถึงขนาดที่ฉันจะเอาไปฝากให้ลูกน้องที่ทำงานได้ชิมเลยล่ะ” เขาเอ่ยพร้อมยิ้มกริ่มบนใบหน้ายกซาลาเปาในมือให้เสี่ยวอิงได้ดู หลายวันมานี้ก่อนไปทำงานเขามักจะแวะมาหา และหลังจากที่กลับจากอำเภอก็จะมาหาเธอทุกเย็นแถมการพูดการจาของเขาเหมือนจะเว้นช่องว่างให้เธอแต่กระนั้นเขาก็พูดเหมือนว่าเขากำลังเข้ามาจีบเธออย่างไรอย่างนั้น
“ขอบคุณนะว่าแต่เอาไปแค่นั้นจะพอหรือไง เดี๋ยวฉันจะเข้าไปเอาในครัวมาให้อีกนะยังมีอีกเยอะเลย"
“จะเอาไปแจกมากขนาดนั้นจะได้ทุนคืนหรือไงกัน”
“ถ้าเราไม่ให้เขาชิม ทุกคนจะรู้ได้ยังไงว่ารสชาติเป็นอย่างไร สมควรที่จะจ่ายเงินซื้อมันหรือเปล่าฉันคิดแบบนี้นะ”
“อย่างนั้นก็เอาตามที่เธอสะดวกแล้วกัน ว่าแต่ช่วงนี้ร่างกายของเธอเป็นอย่างไรบ้างดีขึ้นหรือยัง อย่าหักโหมเกินไปล่ะ”
“ฉันดีขึ้นมากแล้วและไม่มีเวลาที่จะมาเศร้าหรอกนะ ถึงแม้จะเสียใจที่เสียลูก แต่ชีวิตของฉันต้องดำรงต่อไปฉันยังมีน้องสองคนที่ต้องรับผิดชอบดูแลหากเอาแต่เศร้าเสียใจน้อง ๆ คงอดตาย” เสวียนเฉินจ้องงมองเสี่ยวอิงด้วยความนับถือใจของเธอที่แข็งแกร่งได้ขนาดนี้
“เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งและเก่งมากเลย รีบไปเอามาเถอะขนมของเธอเดี๋ยวฉันจะช่วยแจกและรับรองความอร่อยให้ทุกคนเอง” เสี่ยงอิงรีบเดินเข้าครัว ใช้คีบซาลาเปาใส่ตะกร้าเล็กให้แก่เขานำไปที่ทำงานด้วย ไม่นานนักเธอก็เดินออกมาพร้อมขนมที่ยังมีควันฟุ่งลอยขึ้นจากซาลาเปาก้อนขาวอวบน่ากิน
“ขอฝากด้วยนะ” เสวียนเฉินรับตะกร้าจากเธอและเดินทางไปที่อำเภอเพราะตอนนี้เริ่มจะสายแล้ว เขาเดินทางด้วยรถจักรยานประจำตัว คนที่มีจักรยานในยุคนี้เป็นคนที่มีรายได้ระดับหนึ่งถึงจะมีมันครอบครอง แม้จะมีขายในตลาดมืดแต่ก็ราคาสูงมากเลยทีเดียว
ฝั่งด้านจิ่งเหยากับจ้าวเหวินเดินแจกซาลาเปาจนหมดทั้งสองก็พากันเดินกลับบ้านระหว่างทางจิ่งเหยาครุ่นคิดเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นช่วงนี้และได้เอ่ยถามความคิดเห็นจากจ้าวเหวินว่าเขารู้สึกแปลกเหมือนเธอหรือไม่?
“จ้าวเหวินนายว่าช่วงนี้พี่เสี่ยวอิงเปลี่ยนไปจากเดิมมั้ย? ฉันว่าบรรยากาศหรือแม้แต่นิสัยของพี่เปลี่ยนไปจนเห็นได้ชัดเจน”
“อืม …ฉันก็ว่าพี่เปลี่ยนไปอยู่นะแต่ฉันก็ชอบที่พี่เปลี่ยนไปอย่างน้อยพี่ก็ไม่เศร้าหมองเหมือนเมื่อก่อน ใบหน้าของพี่เริ่มมีรอยยิ้มตั้งแต่ออกจากบ้านตระกูลโจวและยังไม่ต้องอดมิื้อกินมื้อเหมือนแต่ก่อน จริงสิก่อนที่จะออกมาจากบ้านพี่เสี่ยวอิงบอกว่ากลับไปมีเรื่องสำคัญจะบอกคือเรื่องอะไรหรือ?”
“เรื่องทุกอย่างที่ฉันสงสัยนะสิ ฉันเองก็ชอบที่พี่เปลี่ยนไปแต่ก็แปลกใจอยู่ดีต้องรู้จากปากพี่เสี่ยวอิงให้ได้ รีบเดินตามมาเร็ว ๆ ตอนนี้ฉันร้อนใจอยากรู้จนแทบไม่มีกระจิตกระใจคิดเรื่องอะไรแล้ว" จิ่งเหยาก้าวเท้ายาวกว่าเดิมจนเสมือนวิ่งทำให้จ้าวเหวินรีบวิ่งตามพี่สาวให้ทัน เมื่อมาถึงบ้านเห็นพี่เสี่ยวอิงนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวกลางบ้านด้วยรอยยิ้ม
“กลับมาแล้วเหรอเป็นอย่างไรบ้างคนที่ได้รับซาลาเปาเอ่ยปากชมหรือติว่าอย่างไรบ้างมั้ย”
“ไม่เลยครับทุกคนต่างชมว่าอร่อยเหมือนกันหมด แต่จะมีบางคนที่ไม่ชอบถั่วดำบดพี่เสี่ยวอิงไม่ลองทำไส้อื่นขายดูหรือครับ”
“เรื่องไส้เอาไว้ลองเปิดร้านขายดูก่อนถ้าขายดีพี่จะทำไส้อื่นเพิ่มอีก มานั่งนี่สิพี่มีเรื่องสำคัญจะพูดด้วยและเหมือนว่าเรื่องนี้จิ่งเหยาสงสัยและอยากรู้หากไม่บอกวันนี้เธอคงนอนไม่หลับแน่ ๆ ” ทั้งสองพี่น้องเดินมานั่งที่เก้าอี้วางตะกร้าตั้งไว้บนโต๊ะ จับจ้องไปยังพี่สาวที่นั่งอยู่ต่อหน้า
“พี่นะไม่ใช่เสี่ยวอิงของพวกเธอหรอกนะ” ใบหน้าของเด็กทั้งสองต่างพากันคิ้วขมวดที่จู่ ๆ พี่สาวพูดอะไรแปลกๆ
“ถ้าไม่ใช่พี่เสี่ยวอิงแล้วเป็นใครกันพี่อย่าพูดอะไรแปลก ๆ สิที่ฉันสงสัยไม่ใช่ว่าพี่เป็นใครแต่สงสัยเรื่องที่พี่เอาของพวกนี้มาจากไหนต่างหาก”
“ฉันรู้ว่ามันยากที่พวกเธอจะเชื่อ แต่ฉันเองก็ไม่อยากโกหกพวกเธอเหมือนกันฉันชื่อซิ่งผิงมาจากทศวรรษ 2023 และเข้ามาอยู่ในร่างของเสี่ยวอิงในตอนที่เธอนอนไม่ได้สติอยู่โรงพยาบาล ฉันมาที่นี่และได้รับภารกิจเลี้ยงดูพวกเธอให้เติบโตพร้อมมีของวิเศษติดตัวมาไม่ว่าต้องการอะไรเพียงแค่เปิดระบบของทุกอย่างก็มากองอยู่ตรงหน้า และของที่พวกเธอเห็นในบ้านทั้งหมดรวมถึงเสื้อผ้าที่สวมใส่ฉันนำออกมาจากมิติในยุคที่ฉันอยู่”
“ถ้าทำได้ขนาดนั้นพี่จะใช้ชีวิตลำบากทำไม ไม่เอาเงินออกมาเลยล่ะเราจะได้สบาย” จ้าวเหวินถามแบบเด็ก ๆ ที่ไม่ได้คิดอะไรมาก พร้อมส่ายหน้าไปมาไม่เชื่อคำพูดของพี่สาวที่กำลังพูดจาเพ้อเจ้อตอนนี้สักนิด
“ฉันสามารถเอาอะไรก็ได้ออกมา แต่สิ่งเดียวที่เอาออกมาไม่ได้คือเงินนั่นคือภารกิจที่ฉันจะต้องทำ”
“หากพี่ทำสำเร็จแล้วจะเป็นอย่างไรต่อล่ะ ฉันจะเชื่อที่พี่พูดได้อย่างไรพิสูจน์สิว่าสิ่งที่พี่พูดมาเป็นความจริง” จิ่งเหยาเริ่มโมโหเสี่ยวอิงเมื่อจู่ ๆ พูดเรื่องแปลก ๆ จนเธอคิดว่าพี่สาวของเธอน่าจะสติไม่ดีขึ้นมาจริง ๆ
“เอ่อ… ถ้าฉันทำภารกิจสำเร็จ ฉันจะสามารถกลับโลกของฉันได้นะ ส่วนเรื่องที่เธออยากให้ฉันพิสูจน์ได้ฉันจะทำให้ดู” พูดจบเสี่ยวอิงเปิดระบบนำขนมหวาน พร้อมทั้งไก่ย่างออกมาวางไว้ที่โต๊ะจนเต็มไปหมด เด็กทั้งสองตกตะลึงมองภาพตรงหน้าราวกับความฝัน จ้าวเหวินใช้มือขยี้ตาครั้งแล้วครั้งเล่าแต่สิ่งที่เขาเห็นก็ยังคงเหมือนเดิมทำให้รู้ว่าสิ่งที่เสี่ยวอิงพูดมาเป็นความจริงทั้งหมด ผิดกับจิ่งเหยาที่ตอนนี้เริ่มมีสีหน้าเศร้าหมอง เมื่อคิดว่าถ้าซิ่งผิงทำภารกิจสำเร็จพี่สาวของเธอจะกลับมามั้ย? ถ้าไม่กลับมาแล้วซิ่งผิงเลือกกลับโลกปัจจุบันของเธอ ชีวิตของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป เพียงแค่คิดใจของจิ่งเหยาเริ่มสั่นไหวใจหายอย่างบอกไม่ถูกและยากที่จะรับได้
“แล้วถ้าพี่ทำสำเร็จจริง ๆ พี่เสี่ยวอิงของฉันจะกลับมามั้ย? แล้วถ้าพี่เสี่ยวอิงไม่กลับมาหรือพี่เสียชีวิตตั้งแต่วันที่พี่แท้ง และพี่เลือกที่จะกลับโลกของพี่ชีวิตพวกเราสองคนจะเป็นยังไงต่อไปล่ะ ไม่เอาฉันไม่อยากให้พี่ทำสำเร็จบอกฉันสิว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นเพียงภาพลวงตา พี่แค่โกหกฉัน ฉันไม่อยากเรียนแล้วไม่อยากร่ำรวยด้วยขอแค่มีพี่อยู่ข้าง ๆ คอยโอบกอดพวกเราแค่นี้ต่างหากคือสิ่งที่ฉันต้องการ พ่อกับแม่ก็จากไปแล้วพี่จะจากพวกเราไปอีกคนอย่างนั้นหรือใจร้าย ใจร้ายที่สุดเลย” จิ่งเหยาเอ่ยเสียงสั่นลุกขึ้นวิ่งขึ้นบนห้องด้วยความเสียใจ เสี่ยวอิงเธอเองก็ลืมนึกถึงเรื่องนั้นเลย เด็กทั้งสองไม่มีใครมีเพียงเธอเท่านั้นทำให้เสี่ยวอิงรู้สึกผิดไม่น้อยที่พูดเรื่องภารกิจให้ทั้งสองได้รู้
บทที่ 9 เจ็บใจ“จิ่งเหยาอย่าเข้าใจพี่แบบนั้นสิ พี่อธิบายเรื่องทั้งหมดได้นะ”“พี่เสี่ยวอิงจะทิ้งพวกเราไปจริง ๆ หรือครับ”“เอ่อ..เรื่องนั้นพี่เองก็ยังไม่รู้เลยแต่ว่าสิ่งเดียวที่พี่ทำได้ตอนนี้คือทำให้น้องทั้งสองมีชีวิตที่ดีขึ้น จ้าวเหวินเราเข้าใจพี่ใช่มั้ยว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้และพี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่เข้ามาอยู่ในร่างของเสี่ยวอิงอย่างไร และพี่เองก็ไม่รู้ว่าเสี่ยวอิงจะกลับมามั้ยหากพี่ทำภารกิจสำเร็จ” น้ำเสียงของเสี่ยวอิงสั่นเครือเมื่อมองใบหน้าของจ้าวเหวินยามนี้ดวงตาของเด็กชายสั่นคลอนแดงก่ำ แต่ก็ยังแสดงความเข้มแข็งให้เสี่ยวอิงได้เห็น“ไม่ว่าพี่จะทำอย่างไรผมจะพยายามเข้าใจพี่ เพราะพี่ทำทุกอย่างเพื่อพวกผมนี่น่า”“พี่ไม่รู้หรอกนะอนาคตจะเป็นอย่างไรไม่แน่พี่อาจจะได้อยู่ที่นี่จนกว่าเราทั้งสองจะมีครอบครัวแยกบ้านออกไปอยู่ที่อื่น แต่ระหว่างที่พี่อยู่ที่นี่พี่จะทำเพื่อน้องสองคนสุดความสามารถที่จะทำให้ได้ เธอยังไม่ได้กินข้าวเช้ากินไก่กับขนมพวกนี้รอพี่ก่อนนะ พี่จะไปหาจิ่งเหยาเธอคงเสียใจที่จู่ ๆ พี่พูดเรื่องนี้ทำให้เธอใจหาย”“ได้ครับ” จ้าวเหวินพยักหน้าให้แก่เสี่ยวอิงตอนนี้เธอเดินขึ้นไปที่ห้องของจ
บทที่ 10 ปรับความเข้าใจบ้านตระกูลหวังหลังจากที่เสี่ยวอิงเดินลงมาไม่นานจิ่งเหยาได้เดินลงพร้อมใบหน้าที่รู้สึกผิดและเสียใจไม่“พี่ซิ่งผิงฉันขอโทษ ฉันเอาแต่ใจตัวเองคิดถึงแต่ตัวเองทั้ง ๆ ที่พี่เองก็คงลำบากไม่น้อย ที่ต้องจากบ้านจากครอบครัวมาแถมยังต้องมาเลี้ยงดูพวกเราอีก ฉันขอโทษที่ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกพี่เลยว่าพี่ต้องพบเจออะไร” เสี่ยวอิงได้ยินเสียงของจิ่งเหยาเธอลุกขึ้นย่างเท้าเดินเข้าไปสวมกอดร่างเล็กแนบแน่นอย่างซึ้งใจ“โธ่ ๆ จิ่งเหยาในที่สุดเธอก็เข้าใจพี่แล้วใช่มั้ย พี่เองก็ขอโทษเธอเช่นเดียวกันที่ไม่ได้บอกความจริงตั้งแต่วันที่ฉันเข้ามาอยู่ในร่างพี่สาวของเธอ และลืมคิดว่าสิ่งไหนที่ฉันไม่สมควรบอกกับเธอไป”“ไม่เลยพี่ไม่ผิดอะไรเลย ยังไงพี่ก็เป็นพี่ของเราต่อจากนี้ไม่ว่าพี่เป็นใครแต่พี่จะเป็นพี่เสี่ยวอิงของเราอยู่ดี อึก อึก ฮื้อ ๆ” จิ่งเหยานั่งร้องไห้อยู่ในห้องเพียงลำพังได้ใช้ความคิดและคิดถึงหัวใจของซิ่งผิงที่ต้องมาอยู่ในร่างของพี่สาวของเธอ เธอเองคงตกใจไม่น้อย ที่จะต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในที่ที่ไม่เคยอยู่แถมยังมีสิ่งที่รับผิดชอบอีกมากมายเมื่อจิ่งเหยาคิดได้อย่างนั้นรู้สึกต่อซิ่งผิง ตัดสินใจมาขอโทษเ
บทที่ 11 เปรียบเทียบเธอมองผู้หญิงสองคนที่รีบเร่งเท้าเดินหนีพลางส่ายหน้าไปมาก่อนจะหันมามองเสี่ยวอิง เธอยิ้มตลกขบขันเมื่อเห็นทุกอย่างตรงหน้า“ป้าเสวียนหนี่ทำไมไปพูดแบบนั้นกันคะ อย่างนี้เมื่อไหร่ป้าเสวียนหนี่จะมีลูกสะใภ้มีหลานตัวเล็ก ๆ คอยวิ่งเล่นในบ้าน”“เฮ่อ..เรื่องลูกสะใภ้นะหากว่าเสวียนเฉินเอ่ยปากเมื่อไหร่ก็คงจะมีในวันนั้นเลยแต่ว่าเจ้าเสวียนเฉินนะสิไม่เห็นจนสนใจผู้หญิงคนไหนเลย คิดดูสิมีผู้หญิงมากมายเอาของกินมาฝากแทบจะทุกวัน แต่เขากลับไม่สนใจชาตินี้คงไม่มีวาสนาที่จะได้อุ้มหลานกับเขาหรอกนะ เป็นอย่างไรบ้างกิจการของเธอขายดีมั้ย? ”“ซาลาเปาขายได้เรื่อย ๆ ค่ะ คงเป็นเพราะเปิดร้านใหม่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของคนหมู่มาก ป้าเสวียนหนี่มาแต่เช้าแบบนี้ยังไม่ได้กินข้าวใช่มั้ยคะ เข้ามานั่งด้านในก่อนสิวันนี้ฉันทำไก่อบไว้ตัวใหญ่พร้อมน้ำซุปกระดูกหมู ให้ฉันได้ตอบแทนป้าบ้างนะคะ”“ไม่เห็นจะต้องทำขนาดนั้นเลย แต่เอาเถอะถือว่าไม่เป็นการเสียน้ำใจฉันจะกินข้าวเช้ากับเธอก็แล้วกัน” เสวียนหนี่รีบเดินเข้ามาในบ้านของเสี่ยวอิงเธอยิ้มกริ่มวางมือจากซาลาเปาเดินเข้าไปในครัวปากก็เอ่ยบอกให้น้องดูหน้าร้านเผื่อมีลูกค้ามาซื้อ“
บทที่ 12 ทุกนาทีมีค่าฝั่งด้านเสี่ยงอิงนี่เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วที่เธอทะลุมิติมาอยู่ที่นี่เธอเริ่มใช้ชีวิตคุ้นชินกับยุคนี้และมีควสามสุขในทุกวันไม่สว่าจะเป้นร้านซาลาเปาที่ขายดีและเป็นที่รู้จักมากมาย เพราะมีเสวียนเฉินคอยช่วยเหลือแนะนำให้ผู้คนมาช่วยอุดหนุนและซาลาเปาของเสี่ยวอิงมีรสชาติที่อร่อย ทำให้ลูกค้าติดใจและกลับมาซื้ออีกบ่อย ๆ ตอนนี้ที่ร้านของเธอเริ่มมีซาลาเปาหลากหลายรสชาติและมีหน้าตาที่น่ารักไม่ว่าจะเป็นใบหน้าของสัตว์น่ารักๆ อีกทั้งยังมีไส้เพิ่มมากมาย อย่างเช่นไส้หมูสับ ไส้หมูแดง พายไก่ ผักรวม เห็ดหอม เผือก ครีม งาดำ มันม่วงแปะก๋วย ทำให้ลูกค้าติดใจและไม่รู้จักเบื่อเพราะมีหลายอย่างให้กินไม่ซ้ำและตอนนี้เธอคิดว่าจะนำขนมจีบและติ่มซำมาขายเพิ่มอีกด้วย ส่วนน้อง ๆ ของเธอตอนนี้ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนใกล้ ๆ อำเภอที่เสวียนเฉินช่วยหาให้อีกที ชีวิตของเธอตอนนี้เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ และมีเงินเก็บจำนวนหนึ่งแม้ไม่มากนักแต่เธอก็เริ่มขยับขยายจากที่ไม่มีเงินสักหยวนเลย“พี่เสี่ยวอิงคิดอะไรอยู่หรือคะ” จิ่งเหยาเห็นพี่สาวมานั่งจ้องมองท้องฟ้าทั้ง ๆ ที่ตอนนี้เธอควรจะเข้าไปอาบน้ำนอนพัก“พี่กำลังคิดหาทางหาเงิน
บทที่ 13 ฉันรอได้“ทำไมถึงเงียบไปล่ะ ฉันพูดอะไรผิดหรือเปล่า” เหมือนว่าเขาจะเห็นใบหน้าของเธอที่แดงระเรื่อนึกอยากจะกลั่นแกล้งขยับหน้าเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิม เสี่ยวอิงหันขวับกลับมาทำให้ริมฝีปากของเธอสัมผัสที่ใบหน้าของเขา เสมือนว่าเธอจูบแก้มของเขาอย่างไรอย่างนั้น“เอ่อ..อ๊าย! นี่นายใกล้เกินไปแล้วนะ เมื่อครู่ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะให้มันเป็นแบบนั้นฉันไม่รู้ว่านายเข้ามาใกล้ขนาดนี้” เสี่ยวอิงเขินจนหน้าแดงรีบร้อนตอบเขากลัวว่าเขาจะเข้าใจผิดคิดว่าเธอตั้งใจจะจุ๊บที่แก้มของเขา“ฮึ ฮึ ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยอีกอย่างฉันไม่ถือตัวด้วย ไม่ว่าเธออยากจูบที่ตรงนี้ ตรงนี้หรือตรงนี้ ไม่ว่าส่วนไหนในร่างกายฉันยอมให้เธอเสมอและยินดีไม่ว่าเธอจะสัมผัสมันเมื่อไหร่” เสวียนเฉินชี้ไปที่หน้าผาก ต่ำลงมาที่แก้มก่อนจะแตะลงที่ริมฝีปากของเขาอย่างยั่วยวนเสี่ยวอิงจน เธอรีบผลักเขาให้ออกห่างจากตัวเอง“บ้าไปแล้วแน่ ๆ หรือว่าช่วงนี้อากาศร้อนกันนะนายอำเภอถึงเปลี่ยนไป ใครเขาอยากจะสัมผัสกัน คนอะไรขี้อ่อยชะมัด ไม่ว่าจะทำยังไงฉันก็ไม่หวั่นไหวหรอกนะ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันเจ็บปวดจากความรักมามากพอแล้ว ต่อจากนี้ฉันมีชีวิตอยู่เพื่อเลี้ยงดูน้อง
บทที่ 14 รู้ที่อยู่เสี่ยวอิงเมื่อจ่ายเงินเถ้าแก่ซงเสร็จแล้วเหม่ยถีเลือกที่จะเดินเล่นก่อนที่จะเข้าบ้านเพราะตอนนี้เธอไม่อยากอยู่บ้านเลยด้วยซ้ำ เข้าบ้านเมื่อไหร่ได้ยินแต่คำพูดเสียดสีด่าทอกันของหยางเจี้ยนกับมีมี่ ช่วงนี้หยางเจี้ยนเปลี่ยนไปราวกับคนละคนดื่มเหล้าทุกเย็น แล้วก็ชวนคนอื่นทะเลาะจนกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อ‘ทำไมชีวิตของฉันถึงได้เปลี่ยนไปแบบนี้นะ จะต้องทำยังไงถึงหาเงินได้มากกว่าเดิมคงต้องไปหาผักมาขายเหมือนเสี่ยวอิงสักหน่อยแล้ว ว่าแต่ตอนนี้เธอไปอยู่ที่ไหนกันนะถ้าเธอยังอยู่ครอบครัวของฉันคงไม่เดือดร้อนขนาดนี้ เฮ้อ ’ เหม่ยฉีเงยหน้ามองท้องฟ้าเห็นดวงตะวันยังอยู่สูง เธอทำอย่างที่พูดรีบไปหาผักตามสวนตามป่าเพื่อมาขายในตลาดในใจเอาแต่คิดถึงเสี่ยวอิงตลอดเวลาจนกระทั่งเธอได้ผักมาจำนวนหนึ่งรีบเอามาขายก่อนที่ตลาดจะปิด และเธอก็ได้เงินมาแม้เล็กน้อยแต่ตอนนี้เธอต้องทำทุกอย่างที่ได้เงิน ครานั้นเธอกำลังจะกลับบ้านหันไปเจอเด็กหน้าตาคุ้นเคยเสียงหัวเราะคิกคักที่ผ่านต่อหน้าไปเมื่อครู่ เธอจำได้ทันทีว่านั่นคือน้องของเสี่ยวอิง แต่ทว่าที่น่าแปลกใจคือเด็กทั้งสองสวมใส่ชุดนักเรียนอีกด้วย“นั่นมันจิ่งเหยากับจ้าวเหวิน
บทที่ 15 เสนอตัวเสี่ยวอิงจ้องมองแผ่นหลังอันกว้างของเสวียนเฉินซาบซึ้งน้ำใจที่เขาปกป้องเธอจากแม่สามีเก่าไม่กลัวว่าตัวเองจะถูกกล่าวหายังไง ใจของเธอสั่นไหวมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของเหม่ยฉีเดินออกไปไกลเธอได้พูดขอบคุณเขาทันที“ขอบคุณนะที่ช่วยฉันเอาไว้ ไม่อย่างนั้นเรื่องคงไม่จบแค่ตรงนี้ฉันอาจจะลงไม้ลงมือจัดการแม่สามีเก่าจนเจ็บกันไปข้างหนึ่งเลย” เขาหันกลับมาพลางถอนหายใจ“เฮ้อ! อย่าบอกนะว่าเมื่อก่อนเธอยอมให้คนพวกนั้นโขกสับใช้งานเยี่ยงทาสมาโดยตลอด ทำไมไม่รักตัวเองบ้างหรือคิดว่าไม่มีคนรักเธอเท่าคนตระกูลนั้นหรือไง ต่อไปนี้หากผู้หญิงคนนั้นหรือว่าจะเป็นใครก็ตามในตระกูลโจวรีบบอกฉันทันทีฉันจะปกป้องเธอเอง”“เกิดอะไรขึ้นเมื่อครู่แม่ได้ยินเสียงดังโวยวาย” ป้าเสวียนหนี่เดินมาจากบ้านได้ยินเสียงเอะอะโวยวายคิดว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นรีบคว้าหาท่อนไม้วิ่งมาหาเสี่ยวอิงด้วยความเป็นห่วงแต่เมื่อมาเห็นกลับมีแต่ลูกชายของเธอที่ยืนจ้องมองใบหน้าของเสี่ยวอิงด้วยความเป็นห่วงเช่นเดียวกัน“เมื่อครู่คนตระกูลโจวมาหาเรื่องเสี่ยวอิงครับ ผมคิดว่าคนพวกนั้นต้องกลับมาอีกแน่ ๆ ในช่วงที่ผมไปทำงานรบกวนคุณแม่ช่วยมาเป็นหูเป็นต
บทที่ 16 ฉันจะไปหาเสี่ยวอิงเสี่ยวอิงเดินตามหลังเขามาติด ๆ ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าจะหยุดกระทันหันทำให้หัวของเธอชนเข้ากับแผ่นหลังของเขาอย่างจังแทบถลาล้ม โชคดีที่เสวียนเฉินหันกลับมารับเอาไว้ได้ทันพอดี“เธอไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”“ถ้านายไม่หันกลับมาช่วยไม่ทันคงล้มไปแล้ว คิดอะไรอยู่ถึงได้หยุดเดินกระทันหันแบบนั้นกัน”“เรื่องที่ฉันพูดเมื่อครู่ ฉันพูดจริงนะแค่อยากให้เธอเก็บเอาไปคิด” เสี่ยวอิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งพลางนึกคิดคำพูดของเขา แม้มันจะดีต่อตัวเธอแต่ทว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะทำกันง่าย ๆ สักหน่อย แต่ก็ไม่อยากทำร้ายน้ำใจของเสวียนเฉินเพราะดูเหมือนว่าเขานั้นจริงใจต่อเสี่ยวอิงจริง ๆ“เรื่องนั้นฉันจะคิดอีกที ตอนนี้ปล่อยฉันได้แล้วฉันไม่ล้มสักหน่อยอีกอย่างตอนนี้ถึงหน้าบ้านแล้วนายกลับไปเถอะ”“แล้วเรื่องคนตระกูลโจวเธอจะไม่ทำอะไรเลยหรือไง จะปล่อยให้คนพวกนั้นทำเธอฝ่ายเดียวได้ยังไงกัน”“เรื่องนั้นฉันคิดเอาไว้บ้างแต่ก็คิดว่าทำร้ายกันไปทำร้ายกันมามันไม่จบสิ้นนะสิ หากว่าทางนั้นไม่มายุ่งกับฉันอีกฉันก็จะปล่อยผ่านแต่ถ้าฝ่ายนั้นมาวุ่นวายฉันเองจะคิดอีกทีว่าจะทำยังไงกับครอบครัวที่เลวทรามแบบนั้น”เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพ
บทที่ 32 ภารกิจสำเร็จเหตุการณ์ที่ตำรวจไปจับตัวหยางเจี้ยนเพราะเสวียนเฉินให้ตำรวจไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งและมีวัยรุ่นสองคนมาให้ปากคำเพิ่มเติมว่าเห็นชายรูปร่างเหมือนหยางเจี้ยนมาคอยเฝ้าอยู่ตรงนั้นตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่มืด ตอนที่เขาทำร้ายตีหัวของนายอำเภอทั้งสองเห็นเต็มตาแต่ทำได้เพียงปิดปากไม่กล้าพูดออกมากลัวจะโดนทำร้ายอีกคน ตอนนี้หยางเจี้ยนจนมุมเพราะหลักฐานมัดตัวถูกจับโดยที่ไม่สามารถประกันตัวได้อีกเลย และโทษครั้งนี้ที่เขาได้รับคือติดคุกตลอดชีวิต เสวียนเฉินรับรู้เรื่องก็พอใจในสิ่งที่หยางเจี้ยนได้รับโทษ ต่อจากนี้ก็จะไม่มีใครมารบกวนชีวิตของเสี่ยวอิงได้อีกเลย3 วันต่อมางานแต่งงานของทั้งสองได้เริ่มขึ้นทุกคนต่างมีความสุขเสียงหัวเราะคิกคักของน้อง ๆ ที่เห็นพี่สาวยิ้มแย้มรอยยิ้มวันนี้ของเธอสดใสเท่าที่เคยเห็นมาเลย แขกต่างพากันมาร่วมยินดีชีวิตของเสี่ยวอิงต่างทำให้ทุกคนต้องอิจฉา“วันนี้เป็นวันที่เธอสวยที่สุดเลย จนฉันไม่อยากให้ใครมาเห็นเธอตอนแต่งหน้าแบบนี้เลย”“คนอื่นไม่ได้มองฉันแบบนายนี่น่า ดูสิคนอื่นสนใจอาหารที่อยู่ต่อหน้ามากกว่าจ้องมองฉันอีก”“ช่างคนอื่นสิ ฉันนะไม่สนใจอาหารต่อหน้าเลยสักนิดสนใจแต
บทที่ 31 หยางเจี้ยนถูกจับเสวียนเฉินกลับมาบ้านยังคงเอะใจเลยไปหาเสี่ยวอิงที่บ้านเพื่อแจ้งข่าวการตายของเหม่ยฉีให้เธอได้รับรู้“วันนี้ไปเลือกชุดแต่งงานกับคุณแม่ถูกใจมั้ย”“ดูดีเลยล่ะ วันนี้ทำไมกลับมาถึงบ้านไม่ตรงเวลาล่ะมีงานเยอะเหรอ ? ฉันกับคุณแม่เตรียมกับข้าวไว้ตั้งมากมาย แต่เด็ก ๆ รอไม่ไหวเลยให้กินกับคุณแม่ไปก่อนหน้านี่แล้ว”“เอ่อไม่ใช่งานเยอะหรอก เธอจำสิ่งที่เธอพูดได้มั้ยเรื่องหยางเจี้ยนฉันตรวจสอบแล้ววันนั้นเขาถูกปล่อยตัวจริง ๆ ไม่แน่อาจจะเป็นเขาที่มาทำร้ายฉันแต่ว่าวันนี้ที่ฉันมาช้านะฉันไปบ้านตระกูลโจวมา เกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้นนะ”“เรื่องน่าเศร้าอะไรกัน”“พลัดตกบันได้คอหักตาย”“ห่ะ! เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นได้ยังไงคนอย่างเหม่ยฉีนะหรือ ร่างกายของเธอยังแข็งแรงนี่ตอนนั้นคุณก็เห็นใช่มั้ยตอนที่เธอมายืนด่าอยู่หน้าบ้านฉัน”“ใช่แต่ว่าเย็นวันก่อนเธอถูกหามเข้าโรงพยาบาลและพบว่าเธอเป็นเส้นเลือดตีบทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ สมองไม่สั่งการทำให้เป็นคนพิการที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ อีกอย่างตอนที่เธอตกบันไดคงเป็นเพราะเธอมีเพิ่งจะมีกำลังขึ้นมาอยากขึ้นไปชั้นบนด้วยตัวเอง”“ตอนนั้นไม่มีใครอยู่ที่บ้านเลยหรือไง
บทที่ 30 เหม่ยฉีตกบันไดบ้านตระกูลหวังเสี่ยวอิงใบหน้าเบิกบานเพราะความรักของเธอกับเสวียนเฉินก่อตัวอย่างรวดเร็ว ตอนนี้หัวใจของเธอชุ่มช่ำราวกับรักแรกแย้ม เธอปิดร้านตั้งแต่เที่ยงของที่ลงขายวันนี้มีไม่มากนัก เพราะเธอกับเสวียนหนี่นัดกับเอาไว้ไปเลือกชุดแต่งงานกัน ในใจของเธออยากจะเลือกชุดที่อยู่ในยุคปันจุบันโดยใช้มิติแต่ก็กลัวจะถูกจับไปและอยากให้เสวียนหนี่แม่สามีคนใหม่เป็นคนเลือกด้วยตัวเองเป็นความสุขของคนแก่เสี่ยวอิงจึงยอมตามใจ“หนูเสี่ยวอิงเสร็จหรือยังจ๊ะ"“เสร็จแล้วค่ะคุณแม่หนูปิดร้านสักครู่นะคะ” เสี่ยวอิงปิดประตูบ้านทั้งสองพากันเดินไปที่ตลาด ร้านชุดแต่งงานมีไม่มากนักในมณฑลที่เธออยู่เสวียนหนี่ขอเลือกจัดงานแบบสมัยก่อน เจ้าสาวจะสวมชุดกี่เพ้า ส่วนเจ้าบ่าวจะสวมสูทซุนยัดเซ็น ที่เป็นสูทแบบจีนสมัยใหม่ พิธีแต่งงานและสถานที่จัดงานเสวียนเฉินให้จัดที่โรงแรมมีโรงแรมที่รับจัดงานแต่งมีของทุกอย่างครบครันจะมีราคาให้เลือก ขั้นต่ำ 2000 หยวน และแพงสุด 5000 หยวนจะมีอาหารการกินแตกต่างกันไป ส่วนเสวียนเฉินเลือกเป็น 3000 หยวน แขกจะมีเพียงแค่คนใหญ่คนโตในมณฑลและญาติพี่น้องไม่มากนักแต่เขาอยากจัดงานให้สมเกียรติเมื่อ
บทที่ 29 งูพิษรุ่งเช้าวันต่อมามีมี่ตื่นมาเตรียมของให้หยางเจี้ยนไปทำงานเหมือนทุกวัน หลังจากที่ส่งสามีไปทำงานเธอก็มาดูเหม่ยฉีที่นอนจมกองฉี่ตัวเองอยู่บนเตียงสภาพน่าอนาจเหลือเกิน ตอนนั้นนั่นเองที่เหมยหลงเดินลงมาข้างล่าง“เหมยหลงเธอตื่นมาก็ดีแล้ว ตอนนี้คุณแม่ฉี่เปื้อนที่นอนเต็มไปหมดมาช่วยกันยกคุณแม่หน่อยได้มั้ย ? และมาช่วยกันซักผ้าเปลี่ยนให้คุณแม่จะได้ไม่นอนจมกองฉี่ตัวเองอยู่แบบนี้”“อุ้ย! ไม่เอาหรอกแม่นะหนักจะตายไปอีกอย่างตอนนี้ฉันอาบน้ำแต่งตัวแล้วถ้าให้ไปจับตัวคุณแม่กลิ่นฉี่ฉุนติดเสื้อผ้าจะทำยังไง เธอเป็นลูกสะใภ้ก็ทำไปสิฉันนัดลูกชายเจ้าของตลาดเอาไว้ ในเมื่อไม่ได้นายอำเภอเอากับลูกชายเจ้าของตลาดก็คงไม่น้อยหน้าไปก่อนนะที่เหลือเธอก็จัดการด้วยถ้าฉันหลอกให้มันหลงรักหัวปักหัวปำฉันจะเอาเงินมันมาให้เธอเป็นค่าจ้างก็แล้วกัน” เหมยหลงสะบัดผมเดินออกจากบ้านโดยไม่สนใจว่าคนที่นอนอยู่คือแม่ของตัวเองตอนนี้ใจของเหม่ยฉีแตกสลายไม่คิดว่าลูกสาวที่เธอรักมากจะทำแบบนี้กับเธอได้ลงคอ มีมี่หันมามองเหม่ยฉีด้วยความสมเพชก่อนจะหัวเราะออกมา“ฮึ ฮึ ลูกแต่ละคนไม่เคยมีใครสนใจใยดีเลย ดูสิลูกสาวที่คุณแม่รักนักรักหนาทิ้งแม่ที
บทที่ 28 ยาออกฤทธิ์บ้านตระกูลโจวหลายวันมานี้หยางเจี้ยนอารมณ์ดีเป็นพิเศษเขาออกไปทำงานทุกเช้าและกลับมาพร้อมอาหารเต็มมือ จนทำให้มีมี่แปลกใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร มีเพียงแต่แม่สามีที่ชมลูกชายไม่หยุดปาก“ตั้งแต่ที่ฉันเสียเงินไปมากหยางเจี้ยนดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย ดีจริง ๆ อีกอย่างตอนนี้หนี้เถ้าแก่ซ่งก็เหลืออีกก้อนเดียวเราก็จะหมดหนี้แล้ว ตอนนี้ชีวิตช่างดีจริง ๆ ถึงแม้จะอยากได้บ้านของนังเสี่ยวอิงมาเป็นของเราก็เถอะ ตอนนี้คงทำอะไรไม่ได้มากสินะหรือจะให้หยางเจี้ยนไปขอโทษด้วยความจริงใจแต่เจ้าหน้าที่ก็ข่มขู่ไม่ให้เสนอหน้าไปอีกไม่อย่างนั้นครั้งนี้จะจับไม่ปล่อย เฮ้อ!”“คุณแม่คะ คุณแม่เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”“อะไรกันกลับมาจากข้างนอกทำไมต้องโวยวายด้วย”“จะไม่ให้โวยวายได้ยังไงกันคะ ในเมื่อตอนนี้ความฝันของฉันพังทลายมาหมด นายอำเภอเฉินนะสิคะกำลังจะแต่งงานฉันไปเดินเล่นที่ตลาดได้ยินชาวบ้านพูดคุยกัน ไม่ยอมนะฉันต้องเป็นภรรยาเขาสิทำไมต้องเป็นคนอื่นด้วย”“แล้วเธอเหมาะสมกับเขาตรงไหนกันว่าแต่ใครกันที่ได้เป็นเจ้าสาวของนายอำเภอเฉิน” มีมี่เดินเอาน้ำมาให้ทั้งสามคนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ แอบสะใจจริงที่เหมยหลงไม่ได้ดีและถูกผู
บทที่ 27 ฉันชอบนาย"อย่ามาทำแบบนี้นะ ทำไมอย่างอื่นนายจำได้หมดยกเว้นฉันคนเดียวเรื่องนี้ฉันไม่ยอมหรอกนะ นายทั้งอ่อยทั้งหยอดคำหวานชอบทำให้คนอื่นหวั่นไหว นายขอฉันแต่งงานไม่ใช่หรือไงทำไมมาพูดจาแบบนี้ ฉันไม่ยอมหรอกนะตาบ้า ฉันรอนายด้วยใจที่ตื่นเต้นทั้งวันทั้งคืนเพื่อรวบรวมความกล้าบอกความรู้สึกกับนาย แต่นายมาบอกว่าไม่รู้จักฉันจำฉันไม่ได้แบบนี้มันจะเกินไปแล้ว”“เสียงดังโวยวายจริง ๆ ฉันเนี้ยะนะขอเธอแต่งงานไม่มีทาง ขนาดชื่อยังจำไม่ได้แท้ ๆ อีกอย่างใครบอกให้เธอรอฉันกันล่ะ ไม่ได้บอกเสียหน่อยหรือต่อให้ฉันกลับมาฟังคำตอบของเธอทุกอย่างจะเปลี่ยนไปอย่างนั้นหรือ?”“เปลี่ยนสิ ทำไมจะไม่เปลี่ยนในเมื่อตอนนี้ใจของฉันมันหวั่นไหวไปกับนายแล้วตอนที่รู้ว่านายถูกทำร้ายรู้มั้ยว่าฉันกลัวมากแค่ไหนที่จะเสียนายไป เอาแต่โทษตัวเองที่ไม่ยอมตอบรับความรู้สึกของนาย เอาแต่โทษสมองกลวง ๆ ที่เอาแต่กลัวว่านายจะจริงจังหรือเปล่า จนฉันคิดได้ว่าฉันนะชอบนายเหมือนกัน และคำตอบที่นายต้องการคือฉันชอบนายและยอมเปิดใจให้นายเข้ามาโลดแล่นอยู่ที่อกข้างซ้ายของฉัน แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้เป็นแบบนี้แล้วฉันจะต้องทำยังไง” เสี่ยวอิงพูดจาฉะฉานแต่ก็เคลือบไ
บทที่ 26 เธอเป็นใครมาถึงโรงพยาบาลเสี่ยวอิงพาเสวียนหนี่ไปสอบถามกับเจ้าหน้าที่ตอนนี้ตัวเสวียนเฉินนอนอยู่ในห้องฉุกเฉิน เสี่ยวอิงจึงพาคุณป้าไปนั่งรอที่หน้าห้องฉุกเฉินก่อนจะกลับมาหาเถ้าแก่ซ่งเพื่อจ่ายค่ารถ“เถ้าแก่ซ่งขอบคุณนะคะที่ช่วยเหลือพวกเรา ค่ารถมาที่นี่คุณต้องการเท่าไหร่คะ”“ฉันนะถึงแม้จะชอบกลิ่นเงินแต่เรื่องแบบนี้ฉันก็มีน้ำใจพอ เก็บเงินของเธอเอาไว้เถอะนะถือว่าฉันช่วยเหลือนายอำเภอแล้วใครกันนะกล้าลงมือทำร้ายนายอำเภอเฉิน”“นั่นสิคะ เรื่องนี้ฉันยังไม่ได้ถามตำรวจที่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเลย ทำแบบนี้เหมือนพยายามฆ่าได้เลยยังไงถ้าจับตัวคนร้ายได้ต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ขอบคุณเถ้าแก่มากนะคะบุญคุณครั้งนี้ฉันไม่ขอลืมจะสำนึกในใจเสมอวันหนึ่งฉันจะตอบแทนนะคะ”หลังจากพูดคุยกับเถ้าแก่ซ่งพักใหญ่ก่อนจะเดินไปหาเสวียนหนี่ที่นั่งรอร้องไหว้อ้อนวอนพระเจ้าอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน“ป้าเสวียนหนี่คะอย่าร้องเลยนะคะยังไงเสวียนเฉินต้องไม่เป็นอะไรเขาต้องกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม”“ป้ากลัวเหลือเกิน ทำไมต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับลูกชายฉันด้วย ถ้าเสวียนเฉินไม่ฟื้นขึ้นมาจะทำยังไงป้าจะอยู่ยังไง” เสียงสะอึกสะอื้นไห้ของผู้เป็นแ
บทที่ 25 สั่งสอนเช้าวันต่อมาบ้านตระกูลโจวมีมี่ตื่นแต่เช้าตรู่ลุกขึ้นมาทำกับข้าวให้ทุกคนได้กินเพราะความเจ็บใจเมื่อวานนี้ทำให้เธอมีแรงบันดาลใจที่จะลงมือให้เร็วขึ้นมากกว่าเดิม เธอใส่ยาลงไปในชามข้าวของทุกคน ส่วนของเธอนั้นจะตักทีหลังคนอื่นเสมอ“มีมี่ตื่นแต่เช้าแบบนี้คงปรับความเข้าใจกับหยางเจี้ยนแล้วใช่มั้ย ผู้ชายก็เป็นแบบนี้แหละอะไรทนได้ก็ทนหน่อย”“ค่ะคุณแม่”“จริงสิวันนี้เธอช่วยซักผ้าของเหมยหลงให้หน่อยนะ เห็นว่าปวดหัวจนแทบลุกจากที่นอนไม่ได้เลย ฉันเองก็เช่นกันไม่รู้ช่วงนี้เป็นอะไรร่างกายเหนื่อยแปลก ๆ อีกสองวันฉันจะต้องไปเจอเถ้าแก่ซ่งแล้วจะหาเงินที่ไหนไปคืนนะหรือว่าจะออกไปหาผักไปขายดี หยางเจี้ยนก็เจ็บแผลอยู่จะไปเกี่ยวข้าวไหวหรือเปล่านะ ช่วงนี้ข้าวก็เริ่มจะหมดแปลงแล้วด้วย มีมี่หากฉันจะขอยืมสร้อยของเธอไปขายก่อนจะได้มั้ย เอาไว้ฉันใช้หนี้หมดเมื่อไหร่ฉันจะซื้อมาคืนเธอก็รู้นี่น่าเงินที่ฉันเตรียมไว้ใช้หนี้ต้องไปจ่ายค่าปรับให้หยางเจี้ยน”‘นังแก่นี่ขี้งกจริง ๆ เห็นว่าตัวเองเสียเงินไปมากกับลูกชายก็รีบมาขอของจากฉันคืนแถมยังอ้างเรื่องหนี้อีก ที่จริงเป็นพวกแกไม่ใช่หรือไงที่ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น คิดว
บทที่ 24 รอคำตอบหยางเจี้ยนอารมณ์เสียแต่ใจของเขาก็มีความอาลัยอาวรณ์ในตัวมีมี่ที่รีบวิ่งตามขึ้นไปขอโทษเธอทันที“มีมี่ฟังพี่ก่อนนะ พี่ทุกอย่างเพื่อเราทั้งนั้นตอนนี้คุณแม่ติดหนี้เถ้าแก่ซ่งจำเป็นต้องใช้เงินในเร็ววันพี่ก็จนหนทางเลยไปหาเสี่ยวอิงหวังให้เธอเห็นใจ ไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้”“หยุดพูดเถอะคำพูดของพี่มีคำไหนที่ฉันสามารถเชื่อได้อีกบ้าง”“มีมี่จะต้องทำยังไงเธอถึงจะเชื่อพี่ต่อจากนี้เธอตามติดตัวพี่เลยก็ได้ หากทำอย่างนั้นแล้วเธอจะเชื่อว่าพี่จะไม่ไปหาเสี่ยวอิงอีก” เขาเข้ามาโอบกอดเธอแน่นซุกหน้าลงซอกคอ‘ต้องพูดถึงขนาดนี้เพื่อให้ฉันเชื่อคำพูดเหรอ ถ้าฉันไม่เห็นของที่มี ฉันคงเชื่อหรอกแต่ตอนนี้ฉันรู้และเห็นหมดทุกอย่าง ครอบครัวของพี่ไม่ได้จนตรอกจนต้องไปหาเสี่ยวอิง แต่เป็นเพราะความมักมากของพี่มากกว่า ได้ในเมื่อต้องการแบบนี้ฉันเองก็จะยอมทน ต่อจากนี้ไม่มีอีกแล้วความรักที่แสนดีจากฉันจะมีเพียงความต้องการและชำระแค้นของฉันเท่านั้น’“ครั้งนี้ฉันจะยอมให้อภัยพี่และเชื่อคำพูดของพี่ ถ้ามีอีกครั้งฉันพร้อมจะหย่าทันที”“ในที่สุดเธอก็เข้าใจพี่ มีมี่มีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้นที่พี่อยากจะอยู่ด้วยต่อจากนี้พี่จะ