บทที่ 7 แจกซาลาเปา
หยางเจี้ยนเดินตามแม่ลงมาด้านล่างตอนนี้แม่ของเขานั่งไขว้ห้างอยู่บนเก้าอี้ไม้มือทั้งสองกอดอกอย่างไม่พอใจ
“คุณแม่ครับทำไมมีสีหน้าแบบนั้นมีเรื่องอะไรให้ทุกข์ใจขนาดนั้นกัน ”
“ก็เพราะว่าแกนะสิเลือกภรรยาน่าจะเลือกคนขยัน ๆ หน่อย ๆ นี่อะไรกันวัน ๆ เอาแต่กินแล้วก็นอนแถมยังเรียกร้องอยากได้ของราคาแพงอีกด้วย นี่แกไม่ได้บอกให้เธอรู้หรือไงว่าบ้านเราไม่ได้ร่ำรวยขนาดนั้น ตอนนี้หนี้สินจนจะท่วมหัวตายอยู่แล้ว”
“คุณแม่ครับเรื่องแค่นี้เองไม่เห็นตั้งบ่นต่อหน้ามีมี่เลยคุณแม่จะให้คนน่ารักมือนุ่ม ๆ อย่างมีมี่ไปทำงานลำบากได้ยังไงขนาดเซี่ยเหมยหลงยังไม่เห็นจะทำอะไรเลย วัน ๆ เอาแต่แต่งตัวแต่งหน้าอยู่บ้าน ภรรยาคนเดียวผมเลี้ยงได้อยู่แล้ว”
“อย่างนั้นพรุ่งนี้แกก็รีบไปเกี่ยวข้าวที่เสี่ยงอิงเกี่ยวไม่เสร็จนั่นสิ ฉันจะคอยดูว่าแกจะทำได้แค่ไหนกัน ”
“ทำงานเหรอ ได้ถ้าคุณแม่ให้ผมไปทำคุณแม่ต้องให้เงินผมไปซื้อสร้อยคอก่อน คุณแม่รู้มั้ยตอนนี้มีมี่เสียใจขนาดไหนที่เห็นเหมยหลงได้ใส่แต่เธอไม่ได้ใส่นะ แม่อย่าลำเอียงนักสิ”
“ฮึ ทีกับเสี่ยวอิงที่ขยันทำงานทุกอย่างแกไม่เห็นเอาอกเอาใจขนาดนี้เลย แม่นางมีมี่วัน ๆ ไม่ทำอะไรรอแต่แกประเคนอย่างเดียวที่น้องแกได้ใส่และต้องแต่งตัวสวย ๆ ในทุกวันนะ เพราะฉันคิดว่าต้องได้ค่าตอบแทนนะสิ คิดดูผู้ชายบ้านรวยเมื่อเห็นผู้หญิงขี้เหร่จะเลือกไม่ล่ะ แกนี่โง่หรือไง ”
“ไม่รู้ล่ะอย่างไรมีมี่จะต้องได้สร้อยถ้าคุณแม่ให้เงินต่อจากนี้ผมจะหาเงินเข้าบ้านเอง ”
“เฮอะให้มันจริงเถอะ ฉันจะรอดูว่าคนขี้เกียจอย่างแกจะทำได้สักเท่าไหร่กัน บอกภรรยาของแกช่วยรออีกสักสองสาวันฉันจะไปหาเงินมาให้ ”แม้ปากของเหม่ยฉีจะบ่นแต่ก็ยอมหาเงินให้ลูกชายของเธอ ไม่อยากจะมีปากมีเสียง เมื่อหยางเจี้ยนได้ยินว่าแม่รับปากที่จะให้เงินเขาเข้ามากอดจูบแม่ด้วยความดีใจก่อนจะรีบขึ้นไปหามีมี่ที่รออยู่บนห้อง
3 วันต่อมา
บ้านของเสี่ยวอิงตอนนี้ทุกอย่างเริ่มเป็นที่เป็นทางตอนนี้ร่างกายของเธอแข็งแรงขึ้นมาก ไม่ว่าจะเดินเหินก็ไม่ค่อยเจ็บที่แผลเท่าไหร่แล้วมีเพียงความเสียวจี้ด ๆ เป็นครั้งคราว เธอเริ่มคิดจะหาของมาขายจนคิดว่าในยุคนี้ถ้าจะขายอย่างอื่นผู้คนคงไม่ค่อยนิยมและไม่ยอมล้วงเงินมาซื้อแน่ ๆ เสี่ยวอิงจึงคิดจะขายซาลาเปา วันนี้เช้าตรู่จึงทำการเปิดระบบนำของออกมาจากมิติ แต่ทว่าของที่เธอนำออกมานั้นเป็นของสำเร็จที่แช่แข็งไว้ ไม่ต้องลงมือทำให้ยุ่งยากแต่เธอกลัวว่าจะถูกน้องจับได้จึงแอบตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อมาจัดการ นึ่งซาลาเปาเมื่อไหร่ที่จิ่งเหยากับจ้าวเหวินตื่นเธอจะให้น้อง ๆ นำซาลาเปาร้อน ๆ ไปแจกจ่ายให้ทุกคนได้ชิมเสียก่อน จะได้ดูด้วยว่าคนยุคนี้ชอบที่จะกินมันหรือไม่ ?
วันนั้นหลังจากที่กลับจากบ้านของเสวียนเฉิน เสี่ยวอิงตะหนักถึงการเรียนของน้อง ๆ เธอจึงนำหนังสือตัวหนังสือฉบับเริ่มต้นออกมาจากมิติให้น้องของเธอเรียนรู้เธอมักจะสอนน้องในเวลากลางคืน จิ่งเหยาตั้งใจเรียนรู้เพียงแค่สองวันเธอก็เรียนรู้ตัวอักษรได้หลายตัว ทำให้เสี่ยวอิงดีใจที่เห็นน้อง ๆ ใฝ่เรียนอย่างนี้ เลยวางแผนที่ต้องหาเงินเพื่อให้น้องไปเรียนที่โรงเรียนมีเพื่อนมีสังคม วันนี้เธอจึงนำซาลาเปาถั่วดำสูตรดั้งเดิมมานำทดลองแจกกินฟรีเพื่อหาฐานลูกค้า
ตึง ตึง เสียงฝีเท้าดังลงมาจากด้านบน บ้านตระกูลหวังเป็นบ้านสองชั้น เสี่ยวอิงสำรวจดูแล้วข้างบนมีสามห้องจึงให้น้อง ๆ คนละห้องกันส่วนเธอนอนห้องที่ใหญ่ที่สุดในบ้านและนั่นคงเป็นห้องนอนเก่าของพ่อกับแม่
“พี่เสี่ยวอิงตื่นแต่เช้าตรู่ขนาดนี้ได้นอนหรือเปล่าคะ” จิ่งเหยาใช้มือถูตาไปมาก่อนจะเอ่ยถามผู้เป็นพี่ ท่าทางงัวเงีย
“พี่นอนไม่ค่อยหลับนะ เราตื่นมาก็ดีแล้วตอนนี้ทุกคนยังไม่ออกไปทำงาน ไปล้างหน้าล้างตาเร็วเข้าพี่จะเตรียมซาลาเปาใส่ตะกร้าให้เธอลองเอาไปแจก ลุงป้าที่อยู่ใกล้ ๆ แถวนี้หรือว่าจะเป็นคนที่เดินผ่านหน้าบ้านเราก็ได้ เมื่อแจกแล้วอย่าลืมบอกฝากให้เขากลับมาอุดหนุมเราด้วยนะ”
“พี่เสี่ยวอิงจะไม่กลับไปทำนาแล้วเหรอคะ ต่อจากนี้พี่จะขายของใช่มั้ย”
“ใช่นะสิ ถ้ามัวแต่ทำนาพี่จะเอาเงินที่ไหนมาส่งน้อง ๆ เรียน เอาล่ะอย่าถามมากรีบไปล้างหน้าเถอะ”
“จริงสิในเมื่อพี่บอกไม่มีเงินแล้วของทุกอย่างนี้พี่เอามาจากไหนกัน ห้องนอนที่แสนสบายของใช้มากมายที่อยู่ในบ้านรวมทั้งเสื้อผ้าชุดใหม่ ๆ ที่อยู่ในตู้อีกด้วย ” เพราะจิ่งเหยาเป็นเด็กขี้สงสัยตั้งแต่พี่สาวของเธอนอนโรงพยาบาลตื่นขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นการพูดนิสัย และของมากมายที่เธอเห็นนั้นไม่เหมือนพี่สาวของเธอเลยด้วยซ้ำ เพราะพี่สาวของเธอเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ร่าเริงเหมือนตอนนี้แม้จะดีใจที่พี่สาวไม่ได้ทุกข์ทรมานใจกับเรื่องราวที่ผ่านมาแต่เธอก็รู้สึกแปลกใจอยู่ดี
เสี่ยวอิงเริ่มคิดหนักหากโกหกว่าเสวียนเฉินเอามาให้จิ่งเหยาคงไม่มีทางเชื่อแน่นอน เธอจึงเลือกที่จะบอกความจริงแม้จะเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ
“เอ่อ..เรื่องนั้นมันเป็นเรื่องที่ยากจะอธิบายเอาไว้เธอกลับมาจากแจกซาลาเปาพวกนี้ก่อนได้มั้ยพี่จะเล่าให้ฟังทุกอย่าง ”
“ทั้งสองคุยอะไรกันอยู่เหรอครับ หื้ม..กลิ่นหอมนี่มันอะไรกันทำให้กระเพาะของผมเริ่มปั่นป่วนแล้ว” จ้าวเหวินเดินลงมายกฝาหม้อนึ่งเห็นซาลาเปาก้อนขาวโตพอดีมือ เขารีบคว้าออกมาเป่า ๆ ก่อนจะกัดกินอย่างเอร็ดอร่อย
“โห่ แค่กลิ่นก็คิดว่ามันก็หอมมาก ๆ แถมมันอร่อยมากจริง ๆ เหมือนหมั่นโถวแต่มีไส้” จิ่งเหยาส่ายหน้าไปมาเมื่อเห็นท่าทีของจ้าวเหวินที่มาไม่ถูกเวลาและไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย เธอจึงหันไปตอบกลับเสี่ยวอิงว่าจะไปทำตามที่เธอพูดเมื่อครู่
“พี่เสี่ยวอิงฉันจะทำตามที่พี่บอกพี่ต้องรักษาสัญญาด้วยนะ ”
“ได้สิพี่พูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว จ้าวเหวินอร่อยขนาดนั้นเอาอีกลูกมั้ย”
“อร่อยมากครับ อย่างนั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะครับว่าแต่เมื่อครู่พี่กับจิ่งเหยาพูดเรื่องอะไรกันแล้วต้องไปทำอะไรเหรอครับ”
“พี่จะให้เราสองคนนำซาลาเปาที่พี่นึ่งไปแจกชาวบ้านนะ ถ้ามีคนชมว่าอร่อยพี่จะลองขายซาลาเปาจะได้มีเงินส่งพวกเธอเรียนหนังสือ เอาล่ะตอนนี้จิ่งเหยาไปล้างหน้าล้างตาเราเองก็รีบกินให้เสร็จจะได้ไปล้างหน้าล้างตาเตรียมเอาซาลาเปาไปแจก”
“ได้ครับ ผมว่าคนที่ได้กินซาลาเปาของพี่ต้องติดใจมาก ๆ แน่เลย ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีนะครับจิ่งเหยาจะได้เข้าเรียนอย่างที่เธอต้องการ ”
“ไม่ใช่แค่จิ่งเหยาแต่เราด้วยต่างหาก และเมื่อกลับมาพี่มีเรื่องสำคัญจะบอกแก่เราทั้งสองคน” จ้าวเหวินคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรเพราะตอนนี้เสี่ยวอิงหันหลังไปคีบเอาซาลาเปาใส่ตะกร้าเพื่อให้ทั้งสองไปแจกชาวบ้าน
บทที่ 8 ใจร้ายฝั่งด้านเสวียนเฉินเขาได้ตรวจสอบข้อมูลของโจวหยางเจี้ยนรวมทั้งทุกคนในบ้าน เขาอยากใช้กฎหมายกับเขาจริง ๆ แต่ว่าเสี่ยวอิงกับหยางเจี้ยนไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันยากนักที่จะฟ้องร้องเอาค่าเสียหาย และหากจะทำได้แต่ถ้าเจ้าทุกข์อย่างเสี่ยวอิงไม่ยอมเขาเองก็ไม่สามารถพูดให้เธอกลับใจได้ ในเมื่อเธอเลือกที่จะลืมและเริ่มต้นใหม่เขาเองก็จะคอยปกป้องเธอในแบบฉบับของเขา แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คนตระกูลโจวมาวุ่นวายเขาจะจัดการคนพวกนั้นด้วยตัวของเขาเอง“แม่ครับผมไปทำงานก่อนนะครับ วันนี้อาจจะกลับค่ำหน่อยมีงานเลี้ยงต้อนรับผู้นำชุมชนคนใหม่ที่ชนะการเลือกตั้ง”“ไม่ต้องเป็นห่วงแม่หรอกนะ ตั้งแต่เสี่ยวอิงกลับมาอยู่ที่นี่แม่ไม่เหงาเลยสักนิดมีเด็ก ๆ คอยเข้ามาหาอยู่ทุกวัน นู้นไงพูดถึงก็มานู้นแล้ว ว่าแต่วันนี้มาแต่เช้าเกินไปมั้ยนะ หรือว่าเสี่ยวอิงจะไม่สบาย” เสวียนเฉินใจเต้นระรัวร้อนรุ่มในใจเมื่อได้ยินแม่พูดถึงเสี่ยวอิงเขารีบเดินไปหาทั้งสองก่อนที่เด็กทั้งสองจะเดินมาถึงเขาเสียอีก“จิ่งเหยา จ้าวเหวินทำไมถึงออกมาจากบ้านตั้งแต่เช้าขนาดนี้ พี่เสี่ยวอิงไม่สบายหรือ”“ไม่ใช่ครับพี่เสวียนเฉิน พี่เสี่ยวอิงสบายดีและให้เราสองคนนำซา
บทที่ 9 เจ็บใจ“จิ่งเหยาอย่าเข้าใจพี่แบบนั้นสิ พี่อธิบายเรื่องทั้งหมดได้นะ”“พี่เสี่ยวอิงจะทิ้งพวกเราไปจริง ๆ หรือครับ”“เอ่อ..เรื่องนั้นพี่เองก็ยังไม่รู้เลยแต่ว่าสิ่งเดียวที่พี่ทำได้ตอนนี้คือทำให้น้องทั้งสองมีชีวิตที่ดีขึ้น จ้าวเหวินเราเข้าใจพี่ใช่มั้ยว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้และพี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่เข้ามาอยู่ในร่างของเสี่ยวอิงอย่างไร และพี่เองก็ไม่รู้ว่าเสี่ยวอิงจะกลับมามั้ยหากพี่ทำภารกิจสำเร็จ” น้ำเสียงของเสี่ยวอิงสั่นเครือเมื่อมองใบหน้าของจ้าวเหวินยามนี้ดวงตาของเด็กชายสั่นคลอนแดงก่ำ แต่ก็ยังแสดงความเข้มแข็งให้เสี่ยวอิงได้เห็น“ไม่ว่าพี่จะทำอย่างไรผมจะพยายามเข้าใจพี่ เพราะพี่ทำทุกอย่างเพื่อพวกผมนี่น่า”“พี่ไม่รู้หรอกนะอนาคตจะเป็นอย่างไรไม่แน่พี่อาจจะได้อยู่ที่นี่จนกว่าเราทั้งสองจะมีครอบครัวแยกบ้านออกไปอยู่ที่อื่น แต่ระหว่างที่พี่อยู่ที่นี่พี่จะทำเพื่อน้องสองคนสุดความสามารถที่จะทำให้ได้ เธอยังไม่ได้กินข้าวเช้ากินไก่กับขนมพวกนี้รอพี่ก่อนนะ พี่จะไปหาจิ่งเหยาเธอคงเสียใจที่จู่ ๆ พี่พูดเรื่องนี้ทำให้เธอใจหาย”“ได้ครับ” จ้าวเหวินพยักหน้าให้แก่เสี่ยวอิงตอนนี้เธอเดินขึ้นไปที่ห้องของจ
บทที่ 10 ปรับความเข้าใจบ้านตระกูลหวังหลังจากที่เสี่ยวอิงเดินลงมาไม่นานจิ่งเหยาได้เดินลงพร้อมใบหน้าที่รู้สึกผิดและเสียใจไม่“พี่ซิ่งผิงฉันขอโทษ ฉันเอาแต่ใจตัวเองคิดถึงแต่ตัวเองทั้ง ๆ ที่พี่เองก็คงลำบากไม่น้อย ที่ต้องจากบ้านจากครอบครัวมาแถมยังต้องมาเลี้ยงดูพวกเราอีก ฉันขอโทษที่ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกพี่เลยว่าพี่ต้องพบเจออะไร” เสี่ยวอิงได้ยินเสียงของจิ่งเหยาเธอลุกขึ้นย่างเท้าเดินเข้าไปสวมกอดร่างเล็กแนบแน่นอย่างซึ้งใจ“โธ่ ๆ จิ่งเหยาในที่สุดเธอก็เข้าใจพี่แล้วใช่มั้ย พี่เองก็ขอโทษเธอเช่นเดียวกันที่ไม่ได้บอกความจริงตั้งแต่วันที่ฉันเข้ามาอยู่ในร่างพี่สาวของเธอ และลืมคิดว่าสิ่งไหนที่ฉันไม่สมควรบอกกับเธอไป”“ไม่เลยพี่ไม่ผิดอะไรเลย ยังไงพี่ก็เป็นพี่ของเราต่อจากนี้ไม่ว่าพี่เป็นใครแต่พี่จะเป็นพี่เสี่ยวอิงของเราอยู่ดี อึก อึก ฮื้อ ๆ” จิ่งเหยานั่งร้องไห้อยู่ในห้องเพียงลำพังได้ใช้ความคิดและคิดถึงหัวใจของซิ่งผิงที่ต้องมาอยู่ในร่างของพี่สาวของเธอ เธอเองคงตกใจไม่น้อย ที่จะต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในที่ที่ไม่เคยอยู่แถมยังมีสิ่งที่รับผิดชอบอีกมากมายเมื่อจิ่งเหยาคิดได้อย่างนั้นรู้สึกต่อซิ่งผิง ตัดสินใจมาขอโทษเ
บทที่ 11 เปรียบเทียบเธอมองผู้หญิงสองคนที่รีบเร่งเท้าเดินหนีพลางส่ายหน้าไปมาก่อนจะหันมามองเสี่ยวอิง เธอยิ้มตลกขบขันเมื่อเห็นทุกอย่างตรงหน้า“ป้าเสวียนหนี่ทำไมไปพูดแบบนั้นกันคะ อย่างนี้เมื่อไหร่ป้าเสวียนหนี่จะมีลูกสะใภ้มีหลานตัวเล็ก ๆ คอยวิ่งเล่นในบ้าน”“เฮ่อ..เรื่องลูกสะใภ้นะหากว่าเสวียนเฉินเอ่ยปากเมื่อไหร่ก็คงจะมีในวันนั้นเลยแต่ว่าเจ้าเสวียนเฉินนะสิไม่เห็นจนสนใจผู้หญิงคนไหนเลย คิดดูสิมีผู้หญิงมากมายเอาของกินมาฝากแทบจะทุกวัน แต่เขากลับไม่สนใจชาตินี้คงไม่มีวาสนาที่จะได้อุ้มหลานกับเขาหรอกนะ เป็นอย่างไรบ้างกิจการของเธอขายดีมั้ย? ”“ซาลาเปาขายได้เรื่อย ๆ ค่ะ คงเป็นเพราะเปิดร้านใหม่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของคนหมู่มาก ป้าเสวียนหนี่มาแต่เช้าแบบนี้ยังไม่ได้กินข้าวใช่มั้ยคะ เข้ามานั่งด้านในก่อนสิวันนี้ฉันทำไก่อบไว้ตัวใหญ่พร้อมน้ำซุปกระดูกหมู ให้ฉันได้ตอบแทนป้าบ้างนะคะ”“ไม่เห็นจะต้องทำขนาดนั้นเลย แต่เอาเถอะถือว่าไม่เป็นการเสียน้ำใจฉันจะกินข้าวเช้ากับเธอก็แล้วกัน” เสวียนหนี่รีบเดินเข้ามาในบ้านของเสี่ยวอิงเธอยิ้มกริ่มวางมือจากซาลาเปาเดินเข้าไปในครัวปากก็เอ่ยบอกให้น้องดูหน้าร้านเผื่อมีลูกค้ามาซื้อ“
บทที่ 12 ทุกนาทีมีค่าฝั่งด้านเสี่ยงอิงนี่เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วที่เธอทะลุมิติมาอยู่ที่นี่เธอเริ่มใช้ชีวิตคุ้นชินกับยุคนี้และมีควสามสุขในทุกวันไม่สว่าจะเป้นร้านซาลาเปาที่ขายดีและเป็นที่รู้จักมากมาย เพราะมีเสวียนเฉินคอยช่วยเหลือแนะนำให้ผู้คนมาช่วยอุดหนุนและซาลาเปาของเสี่ยวอิงมีรสชาติที่อร่อย ทำให้ลูกค้าติดใจและกลับมาซื้ออีกบ่อย ๆ ตอนนี้ที่ร้านของเธอเริ่มมีซาลาเปาหลากหลายรสชาติและมีหน้าตาที่น่ารักไม่ว่าจะเป็นใบหน้าของสัตว์น่ารักๆ อีกทั้งยังมีไส้เพิ่มมากมาย อย่างเช่นไส้หมูสับ ไส้หมูแดง พายไก่ ผักรวม เห็ดหอม เผือก ครีม งาดำ มันม่วงแปะก๋วย ทำให้ลูกค้าติดใจและไม่รู้จักเบื่อเพราะมีหลายอย่างให้กินไม่ซ้ำและตอนนี้เธอคิดว่าจะนำขนมจีบและติ่มซำมาขายเพิ่มอีกด้วย ส่วนน้อง ๆ ของเธอตอนนี้ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนใกล้ ๆ อำเภอที่เสวียนเฉินช่วยหาให้อีกที ชีวิตของเธอตอนนี้เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ และมีเงินเก็บจำนวนหนึ่งแม้ไม่มากนักแต่เธอก็เริ่มขยับขยายจากที่ไม่มีเงินสักหยวนเลย“พี่เสี่ยวอิงคิดอะไรอยู่หรือคะ” จิ่งเหยาเห็นพี่สาวมานั่งจ้องมองท้องฟ้าทั้ง ๆ ที่ตอนนี้เธอควรจะเข้าไปอาบน้ำนอนพัก“พี่กำลังคิดหาทางหาเงิน
บทที่ 13 ฉันรอได้“ทำไมถึงเงียบไปล่ะ ฉันพูดอะไรผิดหรือเปล่า” เหมือนว่าเขาจะเห็นใบหน้าของเธอที่แดงระเรื่อนึกอยากจะกลั่นแกล้งขยับหน้าเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิม เสี่ยวอิงหันขวับกลับมาทำให้ริมฝีปากของเธอสัมผัสที่ใบหน้าของเขา เสมือนว่าเธอจูบแก้มของเขาอย่างไรอย่างนั้น“เอ่อ..อ๊าย! นี่นายใกล้เกินไปแล้วนะ เมื่อครู่ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะให้มันเป็นแบบนั้นฉันไม่รู้ว่านายเข้ามาใกล้ขนาดนี้” เสี่ยวอิงเขินจนหน้าแดงรีบร้อนตอบเขากลัวว่าเขาจะเข้าใจผิดคิดว่าเธอตั้งใจจะจุ๊บที่แก้มของเขา“ฮึ ฮึ ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยอีกอย่างฉันไม่ถือตัวด้วย ไม่ว่าเธออยากจูบที่ตรงนี้ ตรงนี้หรือตรงนี้ ไม่ว่าส่วนไหนในร่างกายฉันยอมให้เธอเสมอและยินดีไม่ว่าเธอจะสัมผัสมันเมื่อไหร่” เสวียนเฉินชี้ไปที่หน้าผาก ต่ำลงมาที่แก้มก่อนจะแตะลงที่ริมฝีปากของเขาอย่างยั่วยวนเสี่ยวอิงจน เธอรีบผลักเขาให้ออกห่างจากตัวเอง“บ้าไปแล้วแน่ ๆ หรือว่าช่วงนี้อากาศร้อนกันนะนายอำเภอถึงเปลี่ยนไป ใครเขาอยากจะสัมผัสกัน คนอะไรขี้อ่อยชะมัด ไม่ว่าจะทำยังไงฉันก็ไม่หวั่นไหวหรอกนะ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันเจ็บปวดจากความรักมามากพอแล้ว ต่อจากนี้ฉันมีชีวิตอยู่เพื่อเลี้ยงดูน้อง
บทที่ 14 รู้ที่อยู่เสี่ยวอิงเมื่อจ่ายเงินเถ้าแก่ซงเสร็จแล้วเหม่ยถีเลือกที่จะเดินเล่นก่อนที่จะเข้าบ้านเพราะตอนนี้เธอไม่อยากอยู่บ้านเลยด้วยซ้ำ เข้าบ้านเมื่อไหร่ได้ยินแต่คำพูดเสียดสีด่าทอกันของหยางเจี้ยนกับมีมี่ ช่วงนี้หยางเจี้ยนเปลี่ยนไปราวกับคนละคนดื่มเหล้าทุกเย็น แล้วก็ชวนคนอื่นทะเลาะจนกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อ‘ทำไมชีวิตของฉันถึงได้เปลี่ยนไปแบบนี้นะ จะต้องทำยังไงถึงหาเงินได้มากกว่าเดิมคงต้องไปหาผักมาขายเหมือนเสี่ยวอิงสักหน่อยแล้ว ว่าแต่ตอนนี้เธอไปอยู่ที่ไหนกันนะถ้าเธอยังอยู่ครอบครัวของฉันคงไม่เดือดร้อนขนาดนี้ เฮ้อ ’ เหม่ยฉีเงยหน้ามองท้องฟ้าเห็นดวงตะวันยังอยู่สูง เธอทำอย่างที่พูดรีบไปหาผักตามสวนตามป่าเพื่อมาขายในตลาดในใจเอาแต่คิดถึงเสี่ยวอิงตลอดเวลาจนกระทั่งเธอได้ผักมาจำนวนหนึ่งรีบเอามาขายก่อนที่ตลาดจะปิด และเธอก็ได้เงินมาแม้เล็กน้อยแต่ตอนนี้เธอต้องทำทุกอย่างที่ได้เงิน ครานั้นเธอกำลังจะกลับบ้านหันไปเจอเด็กหน้าตาคุ้นเคยเสียงหัวเราะคิกคักที่ผ่านต่อหน้าไปเมื่อครู่ เธอจำได้ทันทีว่านั่นคือน้องของเสี่ยวอิง แต่ทว่าที่น่าแปลกใจคือเด็กทั้งสองสวมใส่ชุดนักเรียนอีกด้วย“นั่นมันจิ่งเหยากับจ้าวเหวิน
บทที่ 15 เสนอตัวเสี่ยวอิงจ้องมองแผ่นหลังอันกว้างของเสวียนเฉินซาบซึ้งน้ำใจที่เขาปกป้องเธอจากแม่สามีเก่าไม่กลัวว่าตัวเองจะถูกกล่าวหายังไง ใจของเธอสั่นไหวมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของเหม่ยฉีเดินออกไปไกลเธอได้พูดขอบคุณเขาทันที“ขอบคุณนะที่ช่วยฉันเอาไว้ ไม่อย่างนั้นเรื่องคงไม่จบแค่ตรงนี้ฉันอาจจะลงไม้ลงมือจัดการแม่สามีเก่าจนเจ็บกันไปข้างหนึ่งเลย” เขาหันกลับมาพลางถอนหายใจ“เฮ้อ! อย่าบอกนะว่าเมื่อก่อนเธอยอมให้คนพวกนั้นโขกสับใช้งานเยี่ยงทาสมาโดยตลอด ทำไมไม่รักตัวเองบ้างหรือคิดว่าไม่มีคนรักเธอเท่าคนตระกูลนั้นหรือไง ต่อไปนี้หากผู้หญิงคนนั้นหรือว่าจะเป็นใครก็ตามในตระกูลโจวรีบบอกฉันทันทีฉันจะปกป้องเธอเอง”“เกิดอะไรขึ้นเมื่อครู่แม่ได้ยินเสียงดังโวยวาย” ป้าเสวียนหนี่เดินมาจากบ้านได้ยินเสียงเอะอะโวยวายคิดว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นรีบคว้าหาท่อนไม้วิ่งมาหาเสี่ยวอิงด้วยความเป็นห่วงแต่เมื่อมาเห็นกลับมีแต่ลูกชายของเธอที่ยืนจ้องมองใบหน้าของเสี่ยวอิงด้วยความเป็นห่วงเช่นเดียวกัน“เมื่อครู่คนตระกูลโจวมาหาเรื่องเสี่ยวอิงครับ ผมคิดว่าคนพวกนั้นต้องกลับมาอีกแน่ ๆ ในช่วงที่ผมไปทำงานรบกวนคุณแม่ช่วยมาเป็นหูเป็นต
บทที่ 21 ฉันมีค่ามากกว่าสร้อยราคาถูก ๆ นั่น2 วันต่อมาหลังจากที่เหมยหลับมาจากบ้านเสี่ยวอิงเธอได้มาเล่าให้แม่และพี่ชายของเธอฟังว่าเธอต้องถูกเสี่ยวอิงปฏิบัติอย่างไรบ้าง หยางเจี้ยนจึงไม่ไปหาเสี่ยวอิงอีกเพื่อให้เธอสงบสติอารมณ์หากไปหาเธอทุกวันหลังจากที่เธอขับไล่ทุกคนเธอคงได้แจ้งตำรวจว่าเขาไประรานแน่ ๆ เขาเริ่มคิดวางแผนเข้าหาเธอใหม่ คิดถึงเรื่องเก่า ๆ มีอะไรบ้างที่เธอต้องการและเขาไม่เคยทำให้เธอเลย“หยางเจี้ยนวันนี้แม่กับน้องจะออกไปงานเทศกาล วันนี้หยุดงานใช่มั้ยจะไปด้วยกันหรือเปล่า มีมี่เธอล่ะอยากไปเที่ยวไปไหว้พระมั้ย”“อื้ม ..ฉันเอาแต่ทำงานออกไปเที่ยวเล่นบ้างก็ดีค่ะ พี่หยางเจี้ยนฉันจะไปไหว้ขอพรให้เรามีลูกกันเร็ว ๆ นะคะช่วงนี้ฉันเห็นพี่บ่นเหนื่อยก็พักผ่อนอยู่ที่บ้านนะ” มีมี่ลุกขึ้นเดินตามหลังเหม่ยฉีกับเหมยหลงออกไปตอนนั้นเองหยางเจี้ยนก็คิดอะไรดี ๆ ออก ปีที่แล้วงานเทศกาลเขาพาเสี่ยวอิงออกไปเดินเล่นงานเทศกาล สายตาเธอจ้องมองไปยังสร้อยข้อมือน่ารักอันหนึ่งเหมือนอยากได้มาครอบครองแต่เมื่อเขาถามเธอกลับบอกว่าเธอเพียงแค่มองเท่านั้น“ฉันคิดออกแล้ว ฮ่า ฮ่า ฉันนี่ฉลาดสุด ๆ เมื่อครู่นี้ไม่เห็นมีมี่สวมสร้อย
บทที่ 20 ฉันไม่มีสิทธิ์เหมยหลงตื่นเต้นไม่คาดคิดว่าจะได้ใกล้ชิดกับนายอำเภอแบบนี้ เขาค่อย ๆ ประคองเธอมานั่งที่เก้าอี้หน้าร้านมองที่ขาของเธอก็ดูเหมือนไม่มีอะไรหรือรอยแดงแม้แต่น้อย เขาเงยหน้ามองเธอเห็นสายตาของเหมยหลงจับจ้องเขาอยู่ทำให้เขารู้ว่านี่น่าจะเป็นการเสแสร้งที่เธออยากใกล้ชิดเขาเท่านั้น เขาจึงลุกขึ้นและบอกให้เธอนั่งรออยู่ที่นี่“นั่งรออยู่ที่นี่ก่อนนะครับ ผมจะไปตามคุณแม่มาดูอาการให้ คุณแม่นะเป็นหมอจับเส้นแค่เส้นพลิกนิดหน่อยก็สามารถหายได้เป็นปกติเลย” พูดจบเสวียนเฉินได้เดินไปที่บ้านทันที เหมยหลงเคลิบเคลิ้มเขินอายไม่ทันได้ตอบอะไรเขาสักอย่างเธอคิดว่ายังไงเขาต้องกลับมาแน่ ๆ“คนอะไรทั้งหล่อทั้งดูดีแถมยังใจดีอีกด้วย เมื่อกี้ฉันน่าจะกอดเขาแน่น ๆ ฮิ ฮิ แต่เอาเถอะยังมีเวลาอีกนานหญิงชายใกล้ชิดยังไงเขาต้องมีใจให้ฉันแน่ ๆ ฉันทั้งสาวทั้งสวยกว่าเสี่ยวอิงเป็นไหน ๆ คุณหญิงภรรยานายอำเภออยู่ตรงหน้าแล้ว” เหมยหลงวาดฝันอยูพักหนึ่งเธอเห็นหญิงชราเดินออกมาพร้อมกล่องยาแต่ไม่เห็นเสวียนเฉินตามออกมารอยยิ้มได้หุบลงทันที“นี่หล่อนลูกชายของฉันบอกว่าหล่อนข้อเท้าพลิกหรือ? ไหนขอดูหน่อย วุ่นวายจริง ๆ นี่มันใช่เวลาที
บทที่ 19 สืบหาความจริงร้านเถ้าแก่ซ่ง“วันนี้เป็นวันที่ดีแก่ร้านค้าของฉันมากสินะที่ท่านนายอำเภอมาเยือนถึงที่ เชิญเข้ามาด้านในนั่งดื่มน้ำเย็น ๆ ก่อนสิ” เถ้าแก่ซ่งรีบออกมาต้อนรับเสวียนเฉินทันทีที่ลูกน้องไปแจ้งเขาว่านายอำเภอมาที่นี่“ขอบคุณเถ้าแก่ที่ต้อนรับฉันเป็นอย่างดี วันนี้ฉันไม่ได้มาด้วยเรื่องราชการหรืออะไรหรอก แต่มาด้วยเรื่องส่วนตัวมีเรื่องต้องให้เถ้าแก่ช่วยเล็กน้อยนะครับ”“แหมๆ อย่าพูดอะไรแบบนั้นเลยครับผมนะเหรอจะไปช่วยอะไรนายอำเภอได้เข้ามาด้านในแล้วค่อยคุยกันดีกว่าครับ ” เถ้าแก่ซ่งเชิญชวนเสวียนเฉินกับตู่หวางเข้าไปห้องโถงรับแขกเพราะตอนนี้พวกเขาพากันยืนอยู่หน้าร้านขายของ เสวียนเฉินจึงเดินตามเขาเข้าไปด้านใน“เรื่องอะไรที่นายอำเภออยากให้ฉันช่วยเหลืออย่างนั้นหรือ? แต่ดูแล้วคงไม่ใช่เรื่องเงินหรอกใช่มั้ย’ ’“ไม่ใช่เรื่องเงินหรอกแต่เป็นเรื่องคน เถ้าแก่ฉันรู้มาว่าโจวเหม่ยฉีเป็นลูกหนี้ของคุณใช่มั้ย? ”“นายอำเภอถามถึงเธอทำไมกัน หรือว่าเธอไปยืมเงินท่านเช่นเดียวกัน”“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก พอดีคนที่ฉันรู้จักเป็นลูกสะใภ้เก่าของโจวเหม่ยฉี ฉันอยากรู้ว่าใครกันที่มายืมเงินและเป็นหนี้ตัวจริงต่างหากไม่ก
บทที่ 18 เสี่ยวอิงต้องเป็นของฉัน“เฮ้อ! ในที่สุดก็ยอมไปเสียที” เสี่ยวอิงมองแผ่นหลังของหยางเจี้ยนพลางถอนหายใจจนลืมไปว่าตอนนี้มือของเธออีกข้างกำลังถูกชายร่างใหญ่จับเอาไว้แน่น เด็ก ๆ พากันจ้องมองและแอบยิ้มเล็กยิ้มน้อย“เห็นมั้ยฉันบอกแล้ว ยังไม่ถึงวันเลยด้วยซ้ำสามีเก่าของเธอก็มาหาถึงที่ จะให้ฉันทำยังไงกับเธอดีหรือจะข่มขืนและให้คุณแม่มาสู่ขอเลยนะจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนี้” เขาขยับตัวมาพูดใกล้ ๆ หูของเสี่ยวอิงเพื่อไม่ให้น้อง ๆ ได้ยิน แต่เมื่อเสี่ยวอิงได้ยินใบหน้าของเธอแดงซ่าน ร้อนวูบวาบและรู้สึกตัวว่าตอนนี้มือของเธอข้างไม่ถือมีดถูกเขาจับอยู่“ตาบ้าพูดอะไรไม่รู้ ปล่อยมือฉันได้แล้วหยางเจี้ยนเดินไปตั้งไกลแล้ว อีกอย่างพูดอะไรระวังคำพูดด้วยสิ”“ฮึ! ก็ฉันเป็นห่วงนี่น่า จิ่งเหยา จ้าวเหวินวันนี้เตรียมตัวเสร็จแล้วใช่มั้ย ช่วยไปตามป้าเสวียนหนี่มาอยู่เป็นเพื่อนพี่เสี่ยวอิงให้ที พี่ไม่วางใจกลัวชายคนนั้นจะกลับมาอีก”“ไม่ต้องหรอกฉันไม่อยากรบกวนเวลาของป้าเสวียนหนี่ นายเองก็รีบพาน้อง ๆ ไปเรียนเถอะนี่ก็สายแล้ว ส่วนเรื่องสามีเก่าหากเขากลับมาฉันจะจัดการเองเมื่อครู่ก็เห็นแล้วใช่มั้ยว่าฉันนะไม่ยอมให้เขาเข้าใกล
บทที่ 17 กลับไปอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมนะรุ่งเช้าวันต่อมาหยางเจี้ยนตื่นแต่เช้าตรู่แต่งตัวไปเกี่ยวข้าวแต่ที่จริงเขาสวมใส่เสื้อผ้าไปแบบนั้นและเตรียมชุดไปเปลี่ยนเพื่อไปหาเสี่ยวอิงโดยที่ไม่ให้มีมี่รู้ มีมี่เองก็เปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างที่เธอบอกเหมือนกัน เธอลุกขึ้นมาทำกับข้าวแต่เช้าและส่งมอบห่อข้าวให้หยางเจี้ยนไปทำงาน“พี่ไปก่อนนะ มีมี่ของพี่เปลี่ยนไปแบบนี้ก็ดีเหมือนกันพี่จะได้สบายใจและมีแรงทำงานหาเงินเข้าบ้าน ”“ฉันเองน่าจะคิดได้ตั้งนานแล้วเหมือนกัน อย่าหักโหมมากนะคะ หากแดดร้อนก็เข้าร่มพักผ่อนแดดอ่อนค่อยออกทำไปใหม่ วันนี้ฉันจะทำต้มซุปไว้รอ” มีมี่จูบที่แก้มของหยางเจี้ยนก่อนจะโบกมือให้เขาออกไปทำงาน“ว๊าว นี่มันเรื่องอะไรกัน มีมี่เธอไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า” เหมยหลงเดินลงมาจากด้านบนเห็นเพื่อนสาวเปลี่ยนไปอดไม่ได้ที่จะเอ่ยทัก“ฉันสบายดีและต่อจากนี้งานบ้านฉันจะทำช่วยแม่สามีเอง แต่ว่าเสื้อผ้าของเธอ เธอใส่เองต้องซักเองนะฉันไม่รับทำ” มีมี่พูดจบก็เดินเข้าบ้าน“ทำเป็นหยิ่งผยองไปเถอะเพราะอีกไม่นาน เมื่อไหร่ที่พี่หยางเจี้ยนทำให้พี่เสี่ยวอิงใจอ่อนและกลับมารักกันเหมือนเดิม ต่อจากนี้ฉันจะได้สุขสบายและจะเป็นคน
บทที่ 16 ฉันจะไปหาเสี่ยวอิงเสี่ยวอิงเดินตามหลังเขามาติด ๆ ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าจะหยุดกระทันหันทำให้หัวของเธอชนเข้ากับแผ่นหลังของเขาอย่างจังแทบถลาล้ม โชคดีที่เสวียนเฉินหันกลับมารับเอาไว้ได้ทันพอดี“เธอไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”“ถ้านายไม่หันกลับมาช่วยไม่ทันคงล้มไปแล้ว คิดอะไรอยู่ถึงได้หยุดเดินกระทันหันแบบนั้นกัน”“เรื่องที่ฉันพูดเมื่อครู่ ฉันพูดจริงนะแค่อยากให้เธอเก็บเอาไปคิด” เสี่ยวอิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งพลางนึกคิดคำพูดของเขา แม้มันจะดีต่อตัวเธอแต่ทว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะทำกันง่าย ๆ สักหน่อย แต่ก็ไม่อยากทำร้ายน้ำใจของเสวียนเฉินเพราะดูเหมือนว่าเขานั้นจริงใจต่อเสี่ยวอิงจริง ๆ“เรื่องนั้นฉันจะคิดอีกที ตอนนี้ปล่อยฉันได้แล้วฉันไม่ล้มสักหน่อยอีกอย่างตอนนี้ถึงหน้าบ้านแล้วนายกลับไปเถอะ”“แล้วเรื่องคนตระกูลโจวเธอจะไม่ทำอะไรเลยหรือไง จะปล่อยให้คนพวกนั้นทำเธอฝ่ายเดียวได้ยังไงกัน”“เรื่องนั้นฉันคิดเอาไว้บ้างแต่ก็คิดว่าทำร้ายกันไปทำร้ายกันมามันไม่จบสิ้นนะสิ หากว่าทางนั้นไม่มายุ่งกับฉันอีกฉันก็จะปล่อยผ่านแต่ถ้าฝ่ายนั้นมาวุ่นวายฉันเองจะคิดอีกทีว่าจะทำยังไงกับครอบครัวที่เลวทรามแบบนั้น”เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพ
บทที่ 15 เสนอตัวเสี่ยวอิงจ้องมองแผ่นหลังอันกว้างของเสวียนเฉินซาบซึ้งน้ำใจที่เขาปกป้องเธอจากแม่สามีเก่าไม่กลัวว่าตัวเองจะถูกกล่าวหายังไง ใจของเธอสั่นไหวมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของเหม่ยฉีเดินออกไปไกลเธอได้พูดขอบคุณเขาทันที“ขอบคุณนะที่ช่วยฉันเอาไว้ ไม่อย่างนั้นเรื่องคงไม่จบแค่ตรงนี้ฉันอาจจะลงไม้ลงมือจัดการแม่สามีเก่าจนเจ็บกันไปข้างหนึ่งเลย” เขาหันกลับมาพลางถอนหายใจ“เฮ้อ! อย่าบอกนะว่าเมื่อก่อนเธอยอมให้คนพวกนั้นโขกสับใช้งานเยี่ยงทาสมาโดยตลอด ทำไมไม่รักตัวเองบ้างหรือคิดว่าไม่มีคนรักเธอเท่าคนตระกูลนั้นหรือไง ต่อไปนี้หากผู้หญิงคนนั้นหรือว่าจะเป็นใครก็ตามในตระกูลโจวรีบบอกฉันทันทีฉันจะปกป้องเธอเอง”“เกิดอะไรขึ้นเมื่อครู่แม่ได้ยินเสียงดังโวยวาย” ป้าเสวียนหนี่เดินมาจากบ้านได้ยินเสียงเอะอะโวยวายคิดว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นรีบคว้าหาท่อนไม้วิ่งมาหาเสี่ยวอิงด้วยความเป็นห่วงแต่เมื่อมาเห็นกลับมีแต่ลูกชายของเธอที่ยืนจ้องมองใบหน้าของเสี่ยวอิงด้วยความเป็นห่วงเช่นเดียวกัน“เมื่อครู่คนตระกูลโจวมาหาเรื่องเสี่ยวอิงครับ ผมคิดว่าคนพวกนั้นต้องกลับมาอีกแน่ ๆ ในช่วงที่ผมไปทำงานรบกวนคุณแม่ช่วยมาเป็นหูเป็นต
บทที่ 14 รู้ที่อยู่เสี่ยวอิงเมื่อจ่ายเงินเถ้าแก่ซงเสร็จแล้วเหม่ยถีเลือกที่จะเดินเล่นก่อนที่จะเข้าบ้านเพราะตอนนี้เธอไม่อยากอยู่บ้านเลยด้วยซ้ำ เข้าบ้านเมื่อไหร่ได้ยินแต่คำพูดเสียดสีด่าทอกันของหยางเจี้ยนกับมีมี่ ช่วงนี้หยางเจี้ยนเปลี่ยนไปราวกับคนละคนดื่มเหล้าทุกเย็น แล้วก็ชวนคนอื่นทะเลาะจนกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อ‘ทำไมชีวิตของฉันถึงได้เปลี่ยนไปแบบนี้นะ จะต้องทำยังไงถึงหาเงินได้มากกว่าเดิมคงต้องไปหาผักมาขายเหมือนเสี่ยวอิงสักหน่อยแล้ว ว่าแต่ตอนนี้เธอไปอยู่ที่ไหนกันนะถ้าเธอยังอยู่ครอบครัวของฉันคงไม่เดือดร้อนขนาดนี้ เฮ้อ ’ เหม่ยฉีเงยหน้ามองท้องฟ้าเห็นดวงตะวันยังอยู่สูง เธอทำอย่างที่พูดรีบไปหาผักตามสวนตามป่าเพื่อมาขายในตลาดในใจเอาแต่คิดถึงเสี่ยวอิงตลอดเวลาจนกระทั่งเธอได้ผักมาจำนวนหนึ่งรีบเอามาขายก่อนที่ตลาดจะปิด และเธอก็ได้เงินมาแม้เล็กน้อยแต่ตอนนี้เธอต้องทำทุกอย่างที่ได้เงิน ครานั้นเธอกำลังจะกลับบ้านหันไปเจอเด็กหน้าตาคุ้นเคยเสียงหัวเราะคิกคักที่ผ่านต่อหน้าไปเมื่อครู่ เธอจำได้ทันทีว่านั่นคือน้องของเสี่ยวอิง แต่ทว่าที่น่าแปลกใจคือเด็กทั้งสองสวมใส่ชุดนักเรียนอีกด้วย“นั่นมันจิ่งเหยากับจ้าวเหวิน
บทที่ 13 ฉันรอได้“ทำไมถึงเงียบไปล่ะ ฉันพูดอะไรผิดหรือเปล่า” เหมือนว่าเขาจะเห็นใบหน้าของเธอที่แดงระเรื่อนึกอยากจะกลั่นแกล้งขยับหน้าเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิม เสี่ยวอิงหันขวับกลับมาทำให้ริมฝีปากของเธอสัมผัสที่ใบหน้าของเขา เสมือนว่าเธอจูบแก้มของเขาอย่างไรอย่างนั้น“เอ่อ..อ๊าย! นี่นายใกล้เกินไปแล้วนะ เมื่อครู่ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะให้มันเป็นแบบนั้นฉันไม่รู้ว่านายเข้ามาใกล้ขนาดนี้” เสี่ยวอิงเขินจนหน้าแดงรีบร้อนตอบเขากลัวว่าเขาจะเข้าใจผิดคิดว่าเธอตั้งใจจะจุ๊บที่แก้มของเขา“ฮึ ฮึ ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยอีกอย่างฉันไม่ถือตัวด้วย ไม่ว่าเธออยากจูบที่ตรงนี้ ตรงนี้หรือตรงนี้ ไม่ว่าส่วนไหนในร่างกายฉันยอมให้เธอเสมอและยินดีไม่ว่าเธอจะสัมผัสมันเมื่อไหร่” เสวียนเฉินชี้ไปที่หน้าผาก ต่ำลงมาที่แก้มก่อนจะแตะลงที่ริมฝีปากของเขาอย่างยั่วยวนเสี่ยวอิงจน เธอรีบผลักเขาให้ออกห่างจากตัวเอง“บ้าไปแล้วแน่ ๆ หรือว่าช่วงนี้อากาศร้อนกันนะนายอำเภอถึงเปลี่ยนไป ใครเขาอยากจะสัมผัสกัน คนอะไรขี้อ่อยชะมัด ไม่ว่าจะทำยังไงฉันก็ไม่หวั่นไหวหรอกนะ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันเจ็บปวดจากความรักมามากพอแล้ว ต่อจากนี้ฉันมีชีวิตอยู่เพื่อเลี้ยงดูน้อง