บทที่ 2 ทะลุมิติ
“กรี้ด!! นี่...มันอะไรกัน ทำไมพี่ถึงทำแบบนี้กับฉัน” เสียงกรี้ดร้องของเสี่ยวอิงดังขึ้นเมื่อเปิดประตูเข้ามาเห็นภาพบาดตา ชายหญิงเปลือยผ้ากำลังติดสัตว์นัวเนียเร้าร้อน ทันทีที่ได้เห็นเสี่ยวอิงเข้าไปใบหน้าของมีมี่ซีดเซียวรีบดันกายของหยางเจี้ยนออกจากตนเองพร้อมดึงผ้ามาปกปิดร่างกาย
“ไหนพี่บอกว่าภรรยาพี่ไม่อยู่กลับค่ำ ๆ ทำไมถึงมาตอนนี้ละ” เธอกระซิบพลางตำหนิชายหนุ่มที่ทำตัวไม่ถูกแทนที่เขาจะรู้สึกผิดต่อภรรยาแต่ไม่เลยเขากลับโมโหใบหน้าแดงฉาน ต่อว่าเสี่ยวอิงที่เข้ามาไม่ดูอะไรเลย
“เธอเป็นอะไรของเธอโวยวายทำไมกัน เข้ามาไม่รู้จักมารยาท อีกอย่างตอนนี้เธอสมควรเกี่ยวข้าวอยู่ที่ทุ่งไม่ใช่หรือไง น่ารำคาญจริง ๆ”
“เฮอะ ! พี่พูดแบบนี้กับฉันได้ยังไงกัน นี่มันห้องของเราเป็นฉันมากกว่าที่จะถามพี่ พี่พามีมี่เข้ามาทำอะไรน่าเกลียดในห้องของเราได้ยังไง พี่เห็นฉันโง่หลอกลวงฉันมาตลอดสินะ อึก อึก เธอเองก็เหมือนกันทำตัวใสซื่อไม่คิดเลยว่าเธอจะแอบเล่นชู้กับสามีชาวบ้าน ไร้ยางอายจริง ๆ” น้ำเสียงสั่นเครือต่อว่าสามีพลางต่อว่ามีมี่ที่หญิงหน้าด้านน้ำตาของเธอที่พยายามกลั้นเอาไว้บัดนี้ไหลรินออกมาอย่างเจ็บปวด
เพี๊ยะ !! สิ้นคำพูดของเสี่ยวอิงใบหน้าของเธอร้อนผ่าวล้มลงกับพื้นเมื่อถูกมือหนาของชายหนุ่มที่เธอรักตบที่ใบหน้าเธอด้วยความโกรธแค้นที่เธอต่อว่ามีมี่หญิงสาวที่เขารัก
“มันจะเกินไปแล้วนะ ที่ฉันยอมเอาเธอมาอยู่ในบ้านหลังนี้ไม่ใช่ว่ารักเธอเสียหน่อย ผู้หญิงที่ฉันรักคือมีมี่และฉันก็รักกันมาก่อนที่เธอจะเข้ามาอยู่ที่นี่ จำใส่กะโหลกเอาไว้เธอมาอยู่ที่นี่ก็เป็นได้แค่ภรรยาในนามต้องทำงานใช้หนี้ตอบแทนที่ตระกูลของฉันเมตตาผู้หญิงที่ไร้ทางไปแถมยังมีน้องติดตูดมาด้วยตั้งสองคน เมื่อรู้แล้วก็ออกไปจากห้องเดี๋ยวนี้ไม่เห็นหรือไงว่ามีมี่ตกใจขวัญเสียหมดแล้ว” คำพูดวาจาถากถางราวกับฟ้าผ่าลงกลางใจเสี่ยวอิงทนรับความเจ็บปวดไม่ไหว ยันกายขึ้นวิ่งกรู่เข้าไปตบตีชายชั่วและหญิงโฉดแต่ทว่ากลับสู้แรงของหยางเจี้ยนไม่ไหว
“พวกแกตายซ่ะ หลอกลวงฉันไม่พอยังมาหน้าด้านหน้าหนาว่าฉัน เออฉันมันโง่เองโง่ที่ไปหลงเชื่อคำว่ารักจากคนหลอกลวง อึก อึก ”
“เธอกล้าลงไม้ลงมือกับฉันเหรอห่ะ !! นังนี่ตบสั่งสอนยังไม่หลาบจำอย่างนี้ต้องทำให้รู้หน่อยแล้วว่าสมควรสงบปากสงบคำอยู่เงียบ ๆ เช่นเคย” หยางเจี้ยนดึงตัวของมีมี่เอามาหลบไว้ด้านหลังตนก่อนจะดันตัวของเสี่ยวอิงสุดกำลังไม่ให้เธอเข้ามาทำร้ายพวกเขาได้ ครั้นนั้นเองที่เสี่ยวอิงถลาล้มท้องของเธอชนมุมโต๊ะที่ตั้งอยู่ข้างประตู ความเจ็บปวดในร่างกายถาโถมเข้ามา เสี่ยวอิงใช้มือกุมที่ท้องระหว่างขาของเธอเริ่มมีของเหลวสีแดงฉานไหลรินออกมาอย่างช้า ๆ ร่างเล็กสะอึกสะอื้นไห้ดวงตาเบิกโพลงโตรู้ดีว่าที่มีเลือดออกเนื่องจากอะไร
“กรี้ด !! ไม่จริง ลูก ลูก อึก อึก พี่หยางเจี้ยนพี่ทำอะไรลูกของเรา ” เธอร้องเสียงหลงสติแตกทำให้น้อง ๆ ที่อยู่ด้านล่างได้ยินเสียงผู้เป็นพี่รีบขึ้นมาด้านบนเห็นพี่สาวนั่งขดอยู่ที่พื้นบนพื้นห้องมีเลือดไหลออกมา จิ่งเหยารีบเข้าไปประคองพี่สาวพร้อมถามด้วยความตื่นตระหนก
“พี่เสี่ยวอิงเกิดอะไรขึ้น ทำไมทำไมเลือดถึงได้ออกเยอะขนาดนี้พี่หยางเจี้ยนรีบพาพี่เสี่ยวอิงไปหาหมอเร็ว ๆ สิ” แต่เมื่อหันไปเห็นพี่เขยที่ไม่สวมใส่เสื้อผ้าพร้อมทั้งหญิงสาวอีกคนที่ยืนแสยะยิ้มอย่างสะใจทำให้เธอเข้าใจอะไร หลาย ๆ อย่าง ก่อนจะหันมามองพี่สาวของตนเองยามนี้ความเสียใจปวดร้าวไม่ว่าจะเป็นสามีนอกใจหรือเจ็บปวดที่ร่างกายทำให้เธอรับไม่ไหวหมดสติไปในที่สุด...
ภายในห้องบนคอนโดใจหลางเมืองหญิงสาวกำลังนั่งดูซีรี่ย์เมามันทว่าจู่ ๆ ท้องฟ้าเกิดมืดครึ้มแสงสว่างจากสายฟ้าสาดส่องลงมาเป็นสาย ๆ เธอจึงหยิบรีโมทกดหยุดซีรี่ย์เพื่อไปปิดหน้าต่างจะได้กลับมาดูซีรี่ย์ต่อ
“ไม่เห็นพยากรณ์อากาศแจ้งเตือนเลยว่าพายุเข้า วันหยุดทั้งทีตั้งใจว่าจะดูซีรี่ย์ทั้งคืนจนจบเสียหน่อย…ชีวิตนางเอกก็น่าสงสารจังเลย ขอให้เธอปลอดภัยและเอาคืนชายชั่วหญิงเลวพวกนี้ด้วยเถอะ แถมยังนังแก่แม่สามีที่ใช้งานเธอยังกับทาสอีกด้วย ชีวิตช่างน่าสงสารจริง ๆ แต่เธอจะสู้ได้ยังไงนะ จะมีทางหรือเปล่าถ้าเป็นฉันเองก็คงคิดไม่ออกเหมือนกัน แต่ที่แน่ ๆ ฉันจะไม่ยอมทนอยู่ในบ้านหลังนี้แน่ ๆ นรกบนดินดี ๆ นี่เอง ”เธอวิจารณ์หนังที่เธอดูอย่างหงุดหงิดสองเท้าเดินไปปิดหน้าต่างและเมื่อกำลังกำลังจับผ้าม่านปิดไม่ให้เห็นแสงสายฟ้าจู่ ๆ ประกายไฟของสายฟ้าได้ผ่าลงที่หน้าจอทีวีของเธอ ทำให้เกิดเรื่องราวไม่คาดคิดขึ้นเมื่อทีวีของเธอเกิดภาพเลื่อนไปอย่างรวดเร็วและดึงร่างของเธอเข้าไปในทีวีตอนนั้นเธอตกใจกรี้ดร้องออกมาสุดเสียง
“กรี้ด !! ช่วยด้วยยยยย ” เมื่อร่างของเธอถูกดูดเข้าไปในทีวีแสงสว่างของห้องมืดสนิททีวีเองก็ปิดเองอัตโนมัติราวกับว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้น ท้องฟ้ากลับแจมใสเช่นเคย
“ฮื้อ ฮื้อ พี่เสี่ยวอิงเมื่อไหร่พี่จะฟื้นนี่ก็หลายวันแล้วนะ ”
“นั่นสิ พี่เสี่ยวอิงฉันกับจ้าวเหวินเฝ้ารอให้พี่ฟื้นขึ้นมานะ ฉันอยากเอาผิดคนที่ทำกับพี่อย่างนี้จริง ๆ แต่ฉันมันเป็นแค่เด็กจะทำอย่างนั้นได้ยังไง พี่รีบฟื้นมาเสียทีจะได้ทวงความยุติธรรมให้ตัวเองและหลานน้อยที่ไม่ทันได้ลืมตาดูโลก คนตระกูลโจวช่างใจร้ายใจดำขนาดเป็นคนทำให้พี่นอนเป็นผักเป็นปลายังไม่เคยมาสนใจใยดีพี่เลย ฮื้อ ๆ ” เสียงเด็กน้อยร้องห่มร้องไห้กระซิก ๆ ช่างรบกวนเวลานอนของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงเธอค่อย ๆ ลืมตามเมื่อถูกรบกวน
“นี่พวกเธอช่วยเงียบ ๆ เสียงหน่อยได้มั้ยคนนอนอยู่ไม่เห็นหรือไง” ร่างบางบ่นพึมพำก่อนจะหลับตาลงอีกครั้งแต่ทว่าจู่ ๆ เธอก็นึกขึ้นได้ว่าเธอกำลังดูซีรี่ย์อีกอย่างห้องของเธอไม่มีเด็กนี่น่า แถมช่วงท้องปวดร้าวจนไปถึงขาทำให้เธอตกใจลืมตาขึ้นกวาดมองสิ่งรอบข้างอีกครั้ง ใบหน้าของหญิงสาวถอดสีอย่างเห็นได้ชัด เมื่อตอนนี้เธอลืมตาขึ้นมานอนอยู่ในโรงพยาบาลแถมของใช้ต่าง ๆ ยังล้าสมัยอีกด้วย เด็กทั้งสองเห็นพี่สาวลืมตาขึ้นมาทั้งสองดีใจรีบกรู่เข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
“พี่เสี่ยวอิง พี่เป็นอย่างไรบ้างเจ็บมากหรือเปล่า จ้าวเหวินรีบไปตามหมอมาเร็ว” สมองของเธอเริ่มคำนวณเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า เธอจ้องมองเด็กทั้งสองและยังได้ยินชื่อที่เด็กหญิงเรียกเมื่อครู่เหมือนซีรี่ย์ที่เธอกำลังดูอยู่อย่าบอกนะว่าตอนที่ฟ้าผ่าลงทีวีได้ดึงร่างของเธอเข้ามาอยู่ในซีรี่ย์แถมยังให้เธอมาเป็นเสี่ยวอิงนางเอกของเรื่องอีกด้วย
‘ฮึ ฮึ บ้าไปแล้วแน่ ๆ ไม่จริงหรอกฉันคงอินมากเกินไปเลยฝันสินะ ’ เธอคิดในใจก่อนจะยกมือตบที่ใบหน้าของตัวเองเบา ๆ จนจิ่งเหยาตกใจจู่ ๆ พี่สาวของเธอเสียสติรีบจับมือของพี่สาวไม่ให้ทำร้ายตัวเอง
“พี่เสี่ยวอิงอย่าทำร้ายตัวเองเลยค่ะ ฉันรู้ว่าพี่เจ็บปวดที่ถูกทำร้ายและยังเสียหลานแต่อย่าทำร้ายตัวเองเลยนะคะแค่นี้พี่ก็เจ็บปวดมากพอแล้ว อึก อึก ถึงคนอื่นไม่รักพี่เราสองคนยังรักพี่เสมอนะคะ จ้าวเหวินอย่ายืนนิ่งสิรีบไปตามหมอมาตรวจร่างกายพี่เดี๋ยวนี้”
“ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย” จ้าวเหวินตั้งสติวิ่งออกไปนอกห้องเพื่อตามหมอมาตรวจร่างกายพี่สาวตัวเอง
ตอนนี้ซิ่งผิงสาวน้อยที่มาอยู่ในร่างของเสี่ยวอิงเริ่มเข้าใจทุกอย่าง เธอเข้ามาอยู่ในซีรี่ย์ที่มีสามีเลวทรามแม่สามีที่เอารัดเอาเปรียบทุกอย่าง แถมเธอยังเสียลูกที่อยู่ในท้องเพราะสามีปกป้องชู้รัก ทำให้เธอหัวเราะออกมาไม่ใช่ว่าเพราะเสียใจแต่ดีใจที่ได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้ต่างหาก ในเมื่อนางเอกคนเดิมอ่อนแอยอมให้ครอบครัวสารเลวทำร้ายแต่ไม่ใช่กับซิ่งผิงสาวมั่นคนนี้ เธอจับมือของจิ่งเหยายิ้มบาง ๆ ให้เธอก่อนจะเอ่ยปากบอกน้องสาว
“พี่ไม่เป็นอะไร ที่ตบหน้าตัวเองแค่อยากตั้งสติเท่านั้นเมื่อครู่เธอบอกว่าพี่เสียลูกไปแล้วใช่มั้ย? ” ดวงตาที่เคยเศร้าหมองบัดนี้ไม่มีอีกแล้วมีเพียงความแน่วแน่เท่านั้น
“ใช่ค่ะพี่เสี่ยวอิง เพราะคนชั่วสองคนนั้นแถมสามวันมานี้ครอบครัวสามีพี่ไม่เคยมาดูดำดูดีพี่เลย ฉันสงสารพี่จริง ๆ เราออกจากบ้านหลังนี้ดีมั้ย ฉันไม่อยากให้พี่ต้องทุกข์ทรมานอีกต่อไป”
“นั่นคือสิ่งที่เราต้องทำอยู่แล้ว แต่พี่ขอคิดก่อนว่าจะทำยังไงให้ตระกูลโจวยอมปล่อยเราไป” ซิ่งผิงกำลังครุ่นคิดเพราะไม่ว่ายังไงแม่สามีอย่างเหม่ยฉีคงไม่มาทางปล่อยเธอออกจากบ้านไปง่าย ๆ เพราะไม่มีใครทนทำงานให้พวกเขากินและใช้นะสิ จู่ ๆ ซิ่งผิงก็คิดอะไรออกอาการเจ็บปวดจากการแท้งลูกเมื่อนึกถึงคนที่สูญเสียความเจ็บปวดย่อมมีมากอยู่แล้วอาจถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้า เมื่อนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอเริ่มปรากฏขึ้น ครั้นนั้นเสียงเอะอะดังโวยวายเป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยและจำได้ดีกำลังเดินเข้ามาใกล้ ซิ่งผิงรีบบอกกับจิ่งเหยาให้ช่วยเธอแสดงละครเสียหน่อย
“พี่รู้แล้วว่าจะทำอย่างไรต่อไปถึงจะออกจากบ้านตระกูลโจวได้ จิ่งเหยาช่วยพี่เล่นละครได้มั้ย พี่จะแกล้งทำเป็นไม่ได้สติ คนบ้านนั้นเห็นแก่ตัวคงไม่อยากรับคนเสียสติไปเลี้ยงให้เสียข้าวสุกหรอก” แม้จิ่งเหยาจะงงงวยเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้าทำตามทคำพูดของพี่สาว
บทที่ 3 ภารกิจ“เฮ้อ!! น่ารำคาญจริง ๆ เพราะแกเลยที่ทำให้นังเสี่ยวอิงต้องรับบาดเจ็บ จนไม่มีคนทำงานข้าวในทุ่งยังเก็บเกี่ยวไม่เสร็จด้วยซ้ำ นังเสี่ยวอิงนอนโรงพยาบาลกี่วันแล้วนะ เมื่อไหร่จะรู้สึกตัวจะได้รีบไปเก็บเกี่ยวข้าวขายเสียที จริง ๆ เลยทำให้ฉันเสียเวลา”“คุณแม่ครับ ใครจะคิดว่าเธอจะเข้ามาในบ้านตอนนั้นกัน อีกอย่างเป็นเพราะเธอต่างหากที่ทำร้ายร่างกายของมีมี่ก่อนนะครับ ” เหม่ยฉี่ส่ายหน้าไปมาเมื่อเดินเข้ามาเห็นว่ายามนี้เสี่ยวอิงฟื้นใบหน้าของเธอเริ่มชื่นบานขึ้นมาทันที แต่กลับกันกับซิ่งผิงที่อยู่ในร่างของเสี่ยวอิงเธอกวาดสายตาจ้องมองครอบครัวที่เอาแต่สูบเลือดสูดเนื้อจากผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอ ไม่รู้จักละอายขนาดเธอนอนเจ็บปวดอยู่ไม่เคยคิดสงสารหรือเห็นใจแต่จะให้เธอกลับไปทำงานหนัก ฮึ ! ไม่มีความเป็นมนุษย์สักนิด หญิงวัย 58 ปีที่เดินอยู่ด้านหน้าน่าจะเป็นเหม่ยฉี ส่วนชายที่เดินตามหลังมานั่นคือสามีของเสี่ยวอิงสินะ แต่ที่น่าแปลกใจคือหญิงอีกคนที่หน้าด้านไร้ยางอายเดินควงแขนสามีของเธอเข้ามาอย่างไม่รู้สึกผิด แถมยังเดินลอยหน้าลอยตาทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นตนเหตุของเรื่องทุกอย่าง‘ครอบครัวปลิงจริง ๆ เลวทรามยิ
บทที่ 4 กลับบ้าน สองวันต่อมาหมอให้เสี่ยวอิงออกจากโรงพยาบาลเพราะเห็นว่าร่างกายของเธอตอนนี้แข็งแรงขึ้นมาก นั่นเป็นเพราะเธอใช้มิติเอายาของยุคปันจุบันมากินจึงทำให้เธอไม่เจ็บปวดมากเท่าไหร่นัก ระหว่างที่เธอนอนอยู่พยายายนึกเนื้อเรื่องชีวิตของเสี่ยวอิงตามบทละครจำได้ว่าเธอก็มีบ้านของพ่อแม่เธอเหลืออยู่ จึงเอ่ยถามเด็ก ๆ และรู้ว่าตอนนี้บ้านของพ่อกับแม่ยังอยู่ที่เดิมแต่ไม่ได้กลับไปดูแล ซิ่งผิงเลยคิดว่าเมื่อออกจากโรงพยาบาลจะพาน้อง ๆ กลับไปอยู่ที่บ้าน เมื่อได้ยาจากโรงพยาบาลทั้งสามพี่น้องเดินเท้ากับมาที่บ้านสมัยนี้เป็นยุคสมัยที่มีรถประจำทางแล้วแต่ทว่าตอนนี้ซิ่งผิงเธอยังไม่มีเงินพอที่จะพาน้อง ๆ นั่งกลับบ้าน ผ่านมาสักพักก็มาถึงบ้านของพ่อกับแม่ บ้านที่ไม่มีคนอาศัยอยู่สภาพสกปรกข้าวของเต็มไปด้วยฝุ่นเคอะ “เอ๊ะ ! นั่นหนูเสี่ยวอิงใช่มั้ย ?ป้าคงจำคนไม่ผิดแน่ ๆ ” เสียงหญิงวัย50 เอ่ยทักทายเมื่อเห็นเสี่ยวอิงกับน้อง ๆ ยืนอยู่หน้าบ้านที่ไม่มีใครมาอยู่นานมากแล้ว เธอรีบเดินมาทักทายเอ่ยถามด้วยความดีใจที่ได้เจอหน้า ซิ่งผิงที่อยู่ในร่างของเสี่ยวอิงคิ้วขมวดเข้าหากันไม่ใช่เพราะเธอ
บทที่ 5 จะไม่ยอมปล่อยมือ"ฉันจะไม่ลืมอีกแน่นอนต่อจากนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะท่านนายอำเภอเสวียนเฉิน""ไม่สิ ต้องไม่ใช่แบบนี้ต่อไปต้องเรียกฉันว่าเสวียนเฉิน ""ทั้งสองคุยอะไรกันอยู่เหรอ ? เสวียนเฉินแม่รู้ว่าลูกดีใจที่ได้เจอเสี่ยวอิงแต่ตอนนี้ให้เสี่ยวอิงพักก่อนเถอะเรามาช่วยกันทำความสะอาดบ้านเดี๋ยวตะวันจะตกดินเสียก่อนจริงสิตอนนี้เสี่ยวอิงเพิ่งย้ายเข้ามาใหม่อาหารกับข้าวคงยังไม่มีสินะดีเลย ดีเลย หลังจากทำความสะอาดบ้านเสร็จป้าจะทำอาหารต้อนรับเสี่ยวอิงกลับมานะถ้าพ่อแม่ของเธออยู่คงจะดีกว่านี้ อุ้ย ! ป้าขอโทษไม่น่าพูดถึงเรื่องนี้เลย"ป้าเสวียนหนี่เดินมาพร้อมกับเด็ก ๆ บอกให้ลูกชายตัวเองไปช่วยกันทำความสะอาดบ้าน“ไม่เป็นอะไรค่ะคุณป้า บ่อยครั้งฉันเองยังคิดเลยว่าถ้าคุณพ่อคุณแม่อยู่คงดีกว่านี้” เสี่ยวอิงพูดขึ้นอย่างถนอมน้ำใจรู้ดีว่าป้าเสวียนหนี่ไม่ได้ต้องการพูดให้เธอกับน้อง ๆ เศร้าใจ ไม่นานหลังจากนั้นทุกคนต่างพากันช่วยทำความสะอาดบ้านที่สกปรกเต็มด้วยฝุ่นกลับกลายเป็นบ้านที่น่าอยู่มากเลยทีเดียวแม้ว่าจะมีของบางสิ่งพังไปบ้างแต่ว่าเสี่ยวอิงคิดเอาไว้แล้วหลังจากที่ทุกคนกลับเธอจะเอาของใช้ออกมาจากม
บทที่ 6 อยากเรียน"ฉันรู้ว่านายเป็นนายอำเภอที่ดี แต่ตอนนี้ปล่อยฉันก่อนได้มั้ย มันอึดอัดจนหายใจไม่ออก อีกอย่างฉันคือหญิงสาวที่เลิกลากับสามีนายไม่ควรมากอดฉันแบบนี้ " เหมือนเสวียนเฉินจะรู้สึกตัวรีบปล่อยเธอออกจากอ้อมแขน"ฉันขอโทษที่ลืมตัว ไปกันเถอะป่านนี้คุณแม่กับน้อง ๆ คงรอกินข้าวกันอยู่"หลังจากที่สองคนเดินเข้ามาทุกคนพากันกินข้าวถามไถ่ชีวิตที่ผ่านมาของเสี่ยวอิงและต่อจากนี้เธอจะทำอะไรต่อไป จนกระทั่งกินอิ่มเสี่ยวอิงจึงขอตัวกลับบ้านเพราะไม่อยากจะอยู่ที่นั้นนาน ไม่ใช่ว่าไม่ดีแต่ทว่าเธอกลับรู้สึกเกรงใจและทำตัวไม่ถูกเมื่อรู้ว่าตอนนี้กงเสวียนเฉินไม่มีภรรยาและเขาไม่เคยแต่งงานมาก่อน ทำให้เธอรู้ว่าสิ่งที่เขาแสดงต่อหน้าเธอทั้งหมดนั้นคือความรู้สึกของเขา"วันนี้ฉันต้องขอบคุณป้าเสวียนหนี่อีกครั้ง กับข้าวของป้าอร่อยอย่างไม่เคยกินมาก่อน ไว้วันหลังฉันจะทำกับข้าวมาตอบแทนป้าบ้างนะคะ""แหม ๆ ไม่ต้องเกรงใจหรอกป้ายินดีต้อนรับเสมอ จิ่งเหยา จ้าวเหวินหากอยู่บ้านแล้วเบื่อ ๆ มาเล่นบ้านป้าก็ได้นะ ป้าเองก็อยู่คนเดียวตอนกลางวันไม่ค่อยมีอะไรทำนักหรอก ถ้ามีเด็ก ๆ มาเล่นด้วยคงจะดีไม่น้อย""ได้ครับ ถ้าวันไหนเราช่วยพี่เส
บทที่ 7 แจกซาลาเปาหยางเจี้ยนเดินตามแม่ลงมาด้านล่างตอนนี้แม่ของเขานั่งไขว้ห้างอยู่บนเก้าอี้ไม้มือทั้งสองกอดอกอย่างไม่พอใจ“คุณแม่ครับทำไมมีสีหน้าแบบนั้นมีเรื่องอะไรให้ทุกข์ใจขนาดนั้นกัน ”“ก็เพราะว่าแกนะสิเลือกภรรยาน่าจะเลือกคนขยัน ๆ หน่อย ๆ นี่อะไรกันวัน ๆ เอาแต่กินแล้วก็นอนแถมยังเรียกร้องอยากได้ของราคาแพงอีกด้วย นี่แกไม่ได้บอกให้เธอรู้หรือไงว่าบ้านเราไม่ได้ร่ำรวยขนาดนั้น ตอนนี้หนี้สินจนจะท่วมหัวตายอยู่แล้ว”“คุณแม่ครับเรื่องแค่นี้เองไม่เห็นตั้งบ่นต่อหน้ามีมี่เลยคุณแม่จะให้คนน่ารักมือนุ่ม ๆ อย่างมีมี่ไปทำงานลำบากได้ยังไงขนาดเซี่ยเหมยหลงยังไม่เห็นจะทำอะไรเลย วัน ๆ เอาแต่แต่งตัวแต่งหน้าอยู่บ้าน ภรรยาคนเดียวผมเลี้ยงได้อยู่แล้ว”“อย่างนั้นพรุ่งนี้แกก็รีบไปเกี่ยวข้าวที่เสี่ยงอิงเกี่ยวไม่เสร็จนั่นสิ ฉันจะคอยดูว่าแกจะทำได้แค่ไหนกัน ”“ทำงานเหรอ ได้ถ้าคุณแม่ให้ผมไปทำคุณแม่ต้องให้เงินผมไปซื้อสร้อยคอก่อน คุณแม่รู้มั้ยตอนนี้มีมี่เสียใจขนาดไหนที่เห็นเหมยหลงได้ใส่แต่เธอไม่ได้ใส่นะ แม่อย่าลำเอียงนักสิ”“ฮึ ทีกับเสี่ยวอิงที่ขยันทำงานทุกอย่างแกไม่เห็นเอาอกเอาใจขนาดนี้เลย แม่นางมีมี่วัน ๆ ไม่ทำอะไรรอ
บทที่ 8 ใจร้ายฝั่งด้านเสวียนเฉินเขาได้ตรวจสอบข้อมูลของโจวหยางเจี้ยนรวมทั้งทุกคนในบ้าน เขาอยากใช้กฎหมายกับเขาจริง ๆ แต่ว่าเสี่ยวอิงกับหยางเจี้ยนไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันยากนักที่จะฟ้องร้องเอาค่าเสียหาย และหากจะทำได้แต่ถ้าเจ้าทุกข์อย่างเสี่ยวอิงไม่ยอมเขาเองก็ไม่สามารถพูดให้เธอกลับใจได้ ในเมื่อเธอเลือกที่จะลืมและเริ่มต้นใหม่เขาเองก็จะคอยปกป้องเธอในแบบฉบับของเขา แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คนตระกูลโจวมาวุ่นวายเขาจะจัดการคนพวกนั้นด้วยตัวของเขาเอง“แม่ครับผมไปทำงานก่อนนะครับ วันนี้อาจจะกลับค่ำหน่อยมีงานเลี้ยงต้อนรับผู้นำชุมชนคนใหม่ที่ชนะการเลือกตั้ง”“ไม่ต้องเป็นห่วงแม่หรอกนะ ตั้งแต่เสี่ยวอิงกลับมาอยู่ที่นี่แม่ไม่เหงาเลยสักนิดมีเด็ก ๆ คอยเข้ามาหาอยู่ทุกวัน นู้นไงพูดถึงก็มานู้นแล้ว ว่าแต่วันนี้มาแต่เช้าเกินไปมั้ยนะ หรือว่าเสี่ยวอิงจะไม่สบาย” เสวียนเฉินใจเต้นระรัวร้อนรุ่มในใจเมื่อได้ยินแม่พูดถึงเสี่ยวอิงเขารีบเดินไปหาทั้งสองก่อนที่เด็กทั้งสองจะเดินมาถึงเขาเสียอีก“จิ่งเหยา จ้าวเหวินทำไมถึงออกมาจากบ้านตั้งแต่เช้าขนาดนี้ พี่เสี่ยวอิงไม่สบายหรือ”“ไม่ใช่ครับพี่เสวียนเฉิน พี่เสี่ยวอิงสบายดีและให้เราสองคนนำซา
บทที่ 9 เจ็บใจ“จิ่งเหยาอย่าเข้าใจพี่แบบนั้นสิ พี่อธิบายเรื่องทั้งหมดได้นะ”“พี่เสี่ยวอิงจะทิ้งพวกเราไปจริง ๆ หรือครับ”“เอ่อ..เรื่องนั้นพี่เองก็ยังไม่รู้เลยแต่ว่าสิ่งเดียวที่พี่ทำได้ตอนนี้คือทำให้น้องทั้งสองมีชีวิตที่ดีขึ้น จ้าวเหวินเราเข้าใจพี่ใช่มั้ยว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้และพี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่เข้ามาอยู่ในร่างของเสี่ยวอิงอย่างไร และพี่เองก็ไม่รู้ว่าเสี่ยวอิงจะกลับมามั้ยหากพี่ทำภารกิจสำเร็จ” น้ำเสียงของเสี่ยวอิงสั่นเครือเมื่อมองใบหน้าของจ้าวเหวินยามนี้ดวงตาของเด็กชายสั่นคลอนแดงก่ำ แต่ก็ยังแสดงความเข้มแข็งให้เสี่ยวอิงได้เห็น“ไม่ว่าพี่จะทำอย่างไรผมจะพยายามเข้าใจพี่ เพราะพี่ทำทุกอย่างเพื่อพวกผมนี่น่า”“พี่ไม่รู้หรอกนะอนาคตจะเป็นอย่างไรไม่แน่พี่อาจจะได้อยู่ที่นี่จนกว่าเราทั้งสองจะมีครอบครัวแยกบ้านออกไปอยู่ที่อื่น แต่ระหว่างที่พี่อยู่ที่นี่พี่จะทำเพื่อน้องสองคนสุดความสามารถที่จะทำให้ได้ เธอยังไม่ได้กินข้าวเช้ากินไก่กับขนมพวกนี้รอพี่ก่อนนะ พี่จะไปหาจิ่งเหยาเธอคงเสียใจที่จู่ ๆ พี่พูดเรื่องนี้ทำให้เธอใจหาย”“ได้ครับ” จ้าวเหวินพยักหน้าให้แก่เสี่ยวอิงตอนนี้เธอเดินขึ้นไปที่ห้องของจ
บทที่ 10 ปรับความเข้าใจบ้านตระกูลหวังหลังจากที่เสี่ยวอิงเดินลงมาไม่นานจิ่งเหยาได้เดินลงพร้อมใบหน้าที่รู้สึกผิดและเสียใจไม่“พี่ซิ่งผิงฉันขอโทษ ฉันเอาแต่ใจตัวเองคิดถึงแต่ตัวเองทั้ง ๆ ที่พี่เองก็คงลำบากไม่น้อย ที่ต้องจากบ้านจากครอบครัวมาแถมยังต้องมาเลี้ยงดูพวกเราอีก ฉันขอโทษที่ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกพี่เลยว่าพี่ต้องพบเจออะไร” เสี่ยวอิงได้ยินเสียงของจิ่งเหยาเธอลุกขึ้นย่างเท้าเดินเข้าไปสวมกอดร่างเล็กแนบแน่นอย่างซึ้งใจ“โธ่ ๆ จิ่งเหยาในที่สุดเธอก็เข้าใจพี่แล้วใช่มั้ย พี่เองก็ขอโทษเธอเช่นเดียวกันที่ไม่ได้บอกความจริงตั้งแต่วันที่ฉันเข้ามาอยู่ในร่างพี่สาวของเธอ และลืมคิดว่าสิ่งไหนที่ฉันไม่สมควรบอกกับเธอไป”“ไม่เลยพี่ไม่ผิดอะไรเลย ยังไงพี่ก็เป็นพี่ของเราต่อจากนี้ไม่ว่าพี่เป็นใครแต่พี่จะเป็นพี่เสี่ยวอิงของเราอยู่ดี อึก อึก ฮื้อ ๆ” จิ่งเหยานั่งร้องไห้อยู่ในห้องเพียงลำพังได้ใช้ความคิดและคิดถึงหัวใจของซิ่งผิงที่ต้องมาอยู่ในร่างของพี่สาวของเธอ เธอเองคงตกใจไม่น้อย ที่จะต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในที่ที่ไม่เคยอยู่แถมยังมีสิ่งที่รับผิดชอบอีกมากมายเมื่อจิ่งเหยาคิดได้อย่างนั้นรู้สึกต่อซิ่งผิง ตัดสินใจมาขอโทษเ
บทที่ 21 ฉันมีค่ามากกว่าสร้อยราคาถูก ๆ นั่น2 วันต่อมาหลังจากที่เหมยหลับมาจากบ้านเสี่ยวอิงเธอได้มาเล่าให้แม่และพี่ชายของเธอฟังว่าเธอต้องถูกเสี่ยวอิงปฏิบัติอย่างไรบ้าง หยางเจี้ยนจึงไม่ไปหาเสี่ยวอิงอีกเพื่อให้เธอสงบสติอารมณ์หากไปหาเธอทุกวันหลังจากที่เธอขับไล่ทุกคนเธอคงได้แจ้งตำรวจว่าเขาไประรานแน่ ๆ เขาเริ่มคิดวางแผนเข้าหาเธอใหม่ คิดถึงเรื่องเก่า ๆ มีอะไรบ้างที่เธอต้องการและเขาไม่เคยทำให้เธอเลย“หยางเจี้ยนวันนี้แม่กับน้องจะออกไปงานเทศกาล วันนี้หยุดงานใช่มั้ยจะไปด้วยกันหรือเปล่า มีมี่เธอล่ะอยากไปเที่ยวไปไหว้พระมั้ย”“อื้ม ..ฉันเอาแต่ทำงานออกไปเที่ยวเล่นบ้างก็ดีค่ะ พี่หยางเจี้ยนฉันจะไปไหว้ขอพรให้เรามีลูกกันเร็ว ๆ นะคะช่วงนี้ฉันเห็นพี่บ่นเหนื่อยก็พักผ่อนอยู่ที่บ้านนะ” มีมี่ลุกขึ้นเดินตามหลังเหม่ยฉีกับเหมยหลงออกไปตอนนั้นเองหยางเจี้ยนก็คิดอะไรดี ๆ ออก ปีที่แล้วงานเทศกาลเขาพาเสี่ยวอิงออกไปเดินเล่นงานเทศกาล สายตาเธอจ้องมองไปยังสร้อยข้อมือน่ารักอันหนึ่งเหมือนอยากได้มาครอบครองแต่เมื่อเขาถามเธอกลับบอกว่าเธอเพียงแค่มองเท่านั้น“ฉันคิดออกแล้ว ฮ่า ฮ่า ฉันนี่ฉลาดสุด ๆ เมื่อครู่นี้ไม่เห็นมีมี่สวมสร้อย
บทที่ 20 ฉันไม่มีสิทธิ์เหมยหลงตื่นเต้นไม่คาดคิดว่าจะได้ใกล้ชิดกับนายอำเภอแบบนี้ เขาค่อย ๆ ประคองเธอมานั่งที่เก้าอี้หน้าร้านมองที่ขาของเธอก็ดูเหมือนไม่มีอะไรหรือรอยแดงแม้แต่น้อย เขาเงยหน้ามองเธอเห็นสายตาของเหมยหลงจับจ้องเขาอยู่ทำให้เขารู้ว่านี่น่าจะเป็นการเสแสร้งที่เธออยากใกล้ชิดเขาเท่านั้น เขาจึงลุกขึ้นและบอกให้เธอนั่งรออยู่ที่นี่“นั่งรออยู่ที่นี่ก่อนนะครับ ผมจะไปตามคุณแม่มาดูอาการให้ คุณแม่นะเป็นหมอจับเส้นแค่เส้นพลิกนิดหน่อยก็สามารถหายได้เป็นปกติเลย” พูดจบเสวียนเฉินได้เดินไปที่บ้านทันที เหมยหลงเคลิบเคลิ้มเขินอายไม่ทันได้ตอบอะไรเขาสักอย่างเธอคิดว่ายังไงเขาต้องกลับมาแน่ ๆ“คนอะไรทั้งหล่อทั้งดูดีแถมยังใจดีอีกด้วย เมื่อกี้ฉันน่าจะกอดเขาแน่น ๆ ฮิ ฮิ แต่เอาเถอะยังมีเวลาอีกนานหญิงชายใกล้ชิดยังไงเขาต้องมีใจให้ฉันแน่ ๆ ฉันทั้งสาวทั้งสวยกว่าเสี่ยวอิงเป็นไหน ๆ คุณหญิงภรรยานายอำเภออยู่ตรงหน้าแล้ว” เหมยหลงวาดฝันอยูพักหนึ่งเธอเห็นหญิงชราเดินออกมาพร้อมกล่องยาแต่ไม่เห็นเสวียนเฉินตามออกมารอยยิ้มได้หุบลงทันที“นี่หล่อนลูกชายของฉันบอกว่าหล่อนข้อเท้าพลิกหรือ? ไหนขอดูหน่อย วุ่นวายจริง ๆ นี่มันใช่เวลาที
บทที่ 19 สืบหาความจริงร้านเถ้าแก่ซ่ง“วันนี้เป็นวันที่ดีแก่ร้านค้าของฉันมากสินะที่ท่านนายอำเภอมาเยือนถึงที่ เชิญเข้ามาด้านในนั่งดื่มน้ำเย็น ๆ ก่อนสิ” เถ้าแก่ซ่งรีบออกมาต้อนรับเสวียนเฉินทันทีที่ลูกน้องไปแจ้งเขาว่านายอำเภอมาที่นี่“ขอบคุณเถ้าแก่ที่ต้อนรับฉันเป็นอย่างดี วันนี้ฉันไม่ได้มาด้วยเรื่องราชการหรืออะไรหรอก แต่มาด้วยเรื่องส่วนตัวมีเรื่องต้องให้เถ้าแก่ช่วยเล็กน้อยนะครับ”“แหมๆ อย่าพูดอะไรแบบนั้นเลยครับผมนะเหรอจะไปช่วยอะไรนายอำเภอได้เข้ามาด้านในแล้วค่อยคุยกันดีกว่าครับ ” เถ้าแก่ซ่งเชิญชวนเสวียนเฉินกับตู่หวางเข้าไปห้องโถงรับแขกเพราะตอนนี้พวกเขาพากันยืนอยู่หน้าร้านขายของ เสวียนเฉินจึงเดินตามเขาเข้าไปด้านใน“เรื่องอะไรที่นายอำเภออยากให้ฉันช่วยเหลืออย่างนั้นหรือ? แต่ดูแล้วคงไม่ใช่เรื่องเงินหรอกใช่มั้ย’ ’“ไม่ใช่เรื่องเงินหรอกแต่เป็นเรื่องคน เถ้าแก่ฉันรู้มาว่าโจวเหม่ยฉีเป็นลูกหนี้ของคุณใช่มั้ย? ”“นายอำเภอถามถึงเธอทำไมกัน หรือว่าเธอไปยืมเงินท่านเช่นเดียวกัน”“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก พอดีคนที่ฉันรู้จักเป็นลูกสะใภ้เก่าของโจวเหม่ยฉี ฉันอยากรู้ว่าใครกันที่มายืมเงินและเป็นหนี้ตัวจริงต่างหากไม่ก
บทที่ 18 เสี่ยวอิงต้องเป็นของฉัน“เฮ้อ! ในที่สุดก็ยอมไปเสียที” เสี่ยวอิงมองแผ่นหลังของหยางเจี้ยนพลางถอนหายใจจนลืมไปว่าตอนนี้มือของเธออีกข้างกำลังถูกชายร่างใหญ่จับเอาไว้แน่น เด็ก ๆ พากันจ้องมองและแอบยิ้มเล็กยิ้มน้อย“เห็นมั้ยฉันบอกแล้ว ยังไม่ถึงวันเลยด้วยซ้ำสามีเก่าของเธอก็มาหาถึงที่ จะให้ฉันทำยังไงกับเธอดีหรือจะข่มขืนและให้คุณแม่มาสู่ขอเลยนะจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนี้” เขาขยับตัวมาพูดใกล้ ๆ หูของเสี่ยวอิงเพื่อไม่ให้น้อง ๆ ได้ยิน แต่เมื่อเสี่ยวอิงได้ยินใบหน้าของเธอแดงซ่าน ร้อนวูบวาบและรู้สึกตัวว่าตอนนี้มือของเธอข้างไม่ถือมีดถูกเขาจับอยู่“ตาบ้าพูดอะไรไม่รู้ ปล่อยมือฉันได้แล้วหยางเจี้ยนเดินไปตั้งไกลแล้ว อีกอย่างพูดอะไรระวังคำพูดด้วยสิ”“ฮึ! ก็ฉันเป็นห่วงนี่น่า จิ่งเหยา จ้าวเหวินวันนี้เตรียมตัวเสร็จแล้วใช่มั้ย ช่วยไปตามป้าเสวียนหนี่มาอยู่เป็นเพื่อนพี่เสี่ยวอิงให้ที พี่ไม่วางใจกลัวชายคนนั้นจะกลับมาอีก”“ไม่ต้องหรอกฉันไม่อยากรบกวนเวลาของป้าเสวียนหนี่ นายเองก็รีบพาน้อง ๆ ไปเรียนเถอะนี่ก็สายแล้ว ส่วนเรื่องสามีเก่าหากเขากลับมาฉันจะจัดการเองเมื่อครู่ก็เห็นแล้วใช่มั้ยว่าฉันนะไม่ยอมให้เขาเข้าใกล
บทที่ 17 กลับไปอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมนะรุ่งเช้าวันต่อมาหยางเจี้ยนตื่นแต่เช้าตรู่แต่งตัวไปเกี่ยวข้าวแต่ที่จริงเขาสวมใส่เสื้อผ้าไปแบบนั้นและเตรียมชุดไปเปลี่ยนเพื่อไปหาเสี่ยวอิงโดยที่ไม่ให้มีมี่รู้ มีมี่เองก็เปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างที่เธอบอกเหมือนกัน เธอลุกขึ้นมาทำกับข้าวแต่เช้าและส่งมอบห่อข้าวให้หยางเจี้ยนไปทำงาน“พี่ไปก่อนนะ มีมี่ของพี่เปลี่ยนไปแบบนี้ก็ดีเหมือนกันพี่จะได้สบายใจและมีแรงทำงานหาเงินเข้าบ้าน ”“ฉันเองน่าจะคิดได้ตั้งนานแล้วเหมือนกัน อย่าหักโหมมากนะคะ หากแดดร้อนก็เข้าร่มพักผ่อนแดดอ่อนค่อยออกทำไปใหม่ วันนี้ฉันจะทำต้มซุปไว้รอ” มีมี่จูบที่แก้มของหยางเจี้ยนก่อนจะโบกมือให้เขาออกไปทำงาน“ว๊าว นี่มันเรื่องอะไรกัน มีมี่เธอไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า” เหมยหลงเดินลงมาจากด้านบนเห็นเพื่อนสาวเปลี่ยนไปอดไม่ได้ที่จะเอ่ยทัก“ฉันสบายดีและต่อจากนี้งานบ้านฉันจะทำช่วยแม่สามีเอง แต่ว่าเสื้อผ้าของเธอ เธอใส่เองต้องซักเองนะฉันไม่รับทำ” มีมี่พูดจบก็เดินเข้าบ้าน“ทำเป็นหยิ่งผยองไปเถอะเพราะอีกไม่นาน เมื่อไหร่ที่พี่หยางเจี้ยนทำให้พี่เสี่ยวอิงใจอ่อนและกลับมารักกันเหมือนเดิม ต่อจากนี้ฉันจะได้สุขสบายและจะเป็นคน
บทที่ 16 ฉันจะไปหาเสี่ยวอิงเสี่ยวอิงเดินตามหลังเขามาติด ๆ ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าจะหยุดกระทันหันทำให้หัวของเธอชนเข้ากับแผ่นหลังของเขาอย่างจังแทบถลาล้ม โชคดีที่เสวียนเฉินหันกลับมารับเอาไว้ได้ทันพอดี“เธอไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”“ถ้านายไม่หันกลับมาช่วยไม่ทันคงล้มไปแล้ว คิดอะไรอยู่ถึงได้หยุดเดินกระทันหันแบบนั้นกัน”“เรื่องที่ฉันพูดเมื่อครู่ ฉันพูดจริงนะแค่อยากให้เธอเก็บเอาไปคิด” เสี่ยวอิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งพลางนึกคิดคำพูดของเขา แม้มันจะดีต่อตัวเธอแต่ทว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะทำกันง่าย ๆ สักหน่อย แต่ก็ไม่อยากทำร้ายน้ำใจของเสวียนเฉินเพราะดูเหมือนว่าเขานั้นจริงใจต่อเสี่ยวอิงจริง ๆ“เรื่องนั้นฉันจะคิดอีกที ตอนนี้ปล่อยฉันได้แล้วฉันไม่ล้มสักหน่อยอีกอย่างตอนนี้ถึงหน้าบ้านแล้วนายกลับไปเถอะ”“แล้วเรื่องคนตระกูลโจวเธอจะไม่ทำอะไรเลยหรือไง จะปล่อยให้คนพวกนั้นทำเธอฝ่ายเดียวได้ยังไงกัน”“เรื่องนั้นฉันคิดเอาไว้บ้างแต่ก็คิดว่าทำร้ายกันไปทำร้ายกันมามันไม่จบสิ้นนะสิ หากว่าทางนั้นไม่มายุ่งกับฉันอีกฉันก็จะปล่อยผ่านแต่ถ้าฝ่ายนั้นมาวุ่นวายฉันเองจะคิดอีกทีว่าจะทำยังไงกับครอบครัวที่เลวทรามแบบนั้น”เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพ
บทที่ 15 เสนอตัวเสี่ยวอิงจ้องมองแผ่นหลังอันกว้างของเสวียนเฉินซาบซึ้งน้ำใจที่เขาปกป้องเธอจากแม่สามีเก่าไม่กลัวว่าตัวเองจะถูกกล่าวหายังไง ใจของเธอสั่นไหวมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของเหม่ยฉีเดินออกไปไกลเธอได้พูดขอบคุณเขาทันที“ขอบคุณนะที่ช่วยฉันเอาไว้ ไม่อย่างนั้นเรื่องคงไม่จบแค่ตรงนี้ฉันอาจจะลงไม้ลงมือจัดการแม่สามีเก่าจนเจ็บกันไปข้างหนึ่งเลย” เขาหันกลับมาพลางถอนหายใจ“เฮ้อ! อย่าบอกนะว่าเมื่อก่อนเธอยอมให้คนพวกนั้นโขกสับใช้งานเยี่ยงทาสมาโดยตลอด ทำไมไม่รักตัวเองบ้างหรือคิดว่าไม่มีคนรักเธอเท่าคนตระกูลนั้นหรือไง ต่อไปนี้หากผู้หญิงคนนั้นหรือว่าจะเป็นใครก็ตามในตระกูลโจวรีบบอกฉันทันทีฉันจะปกป้องเธอเอง”“เกิดอะไรขึ้นเมื่อครู่แม่ได้ยินเสียงดังโวยวาย” ป้าเสวียนหนี่เดินมาจากบ้านได้ยินเสียงเอะอะโวยวายคิดว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นรีบคว้าหาท่อนไม้วิ่งมาหาเสี่ยวอิงด้วยความเป็นห่วงแต่เมื่อมาเห็นกลับมีแต่ลูกชายของเธอที่ยืนจ้องมองใบหน้าของเสี่ยวอิงด้วยความเป็นห่วงเช่นเดียวกัน“เมื่อครู่คนตระกูลโจวมาหาเรื่องเสี่ยวอิงครับ ผมคิดว่าคนพวกนั้นต้องกลับมาอีกแน่ ๆ ในช่วงที่ผมไปทำงานรบกวนคุณแม่ช่วยมาเป็นหูเป็นต
บทที่ 14 รู้ที่อยู่เสี่ยวอิงเมื่อจ่ายเงินเถ้าแก่ซงเสร็จแล้วเหม่ยถีเลือกที่จะเดินเล่นก่อนที่จะเข้าบ้านเพราะตอนนี้เธอไม่อยากอยู่บ้านเลยด้วยซ้ำ เข้าบ้านเมื่อไหร่ได้ยินแต่คำพูดเสียดสีด่าทอกันของหยางเจี้ยนกับมีมี่ ช่วงนี้หยางเจี้ยนเปลี่ยนไปราวกับคนละคนดื่มเหล้าทุกเย็น แล้วก็ชวนคนอื่นทะเลาะจนกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อ‘ทำไมชีวิตของฉันถึงได้เปลี่ยนไปแบบนี้นะ จะต้องทำยังไงถึงหาเงินได้มากกว่าเดิมคงต้องไปหาผักมาขายเหมือนเสี่ยวอิงสักหน่อยแล้ว ว่าแต่ตอนนี้เธอไปอยู่ที่ไหนกันนะถ้าเธอยังอยู่ครอบครัวของฉันคงไม่เดือดร้อนขนาดนี้ เฮ้อ ’ เหม่ยฉีเงยหน้ามองท้องฟ้าเห็นดวงตะวันยังอยู่สูง เธอทำอย่างที่พูดรีบไปหาผักตามสวนตามป่าเพื่อมาขายในตลาดในใจเอาแต่คิดถึงเสี่ยวอิงตลอดเวลาจนกระทั่งเธอได้ผักมาจำนวนหนึ่งรีบเอามาขายก่อนที่ตลาดจะปิด และเธอก็ได้เงินมาแม้เล็กน้อยแต่ตอนนี้เธอต้องทำทุกอย่างที่ได้เงิน ครานั้นเธอกำลังจะกลับบ้านหันไปเจอเด็กหน้าตาคุ้นเคยเสียงหัวเราะคิกคักที่ผ่านต่อหน้าไปเมื่อครู่ เธอจำได้ทันทีว่านั่นคือน้องของเสี่ยวอิง แต่ทว่าที่น่าแปลกใจคือเด็กทั้งสองสวมใส่ชุดนักเรียนอีกด้วย“นั่นมันจิ่งเหยากับจ้าวเหวิน
บทที่ 13 ฉันรอได้“ทำไมถึงเงียบไปล่ะ ฉันพูดอะไรผิดหรือเปล่า” เหมือนว่าเขาจะเห็นใบหน้าของเธอที่แดงระเรื่อนึกอยากจะกลั่นแกล้งขยับหน้าเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิม เสี่ยวอิงหันขวับกลับมาทำให้ริมฝีปากของเธอสัมผัสที่ใบหน้าของเขา เสมือนว่าเธอจูบแก้มของเขาอย่างไรอย่างนั้น“เอ่อ..อ๊าย! นี่นายใกล้เกินไปแล้วนะ เมื่อครู่ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะให้มันเป็นแบบนั้นฉันไม่รู้ว่านายเข้ามาใกล้ขนาดนี้” เสี่ยวอิงเขินจนหน้าแดงรีบร้อนตอบเขากลัวว่าเขาจะเข้าใจผิดคิดว่าเธอตั้งใจจะจุ๊บที่แก้มของเขา“ฮึ ฮึ ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยอีกอย่างฉันไม่ถือตัวด้วย ไม่ว่าเธออยากจูบที่ตรงนี้ ตรงนี้หรือตรงนี้ ไม่ว่าส่วนไหนในร่างกายฉันยอมให้เธอเสมอและยินดีไม่ว่าเธอจะสัมผัสมันเมื่อไหร่” เสวียนเฉินชี้ไปที่หน้าผาก ต่ำลงมาที่แก้มก่อนจะแตะลงที่ริมฝีปากของเขาอย่างยั่วยวนเสี่ยวอิงจน เธอรีบผลักเขาให้ออกห่างจากตัวเอง“บ้าไปแล้วแน่ ๆ หรือว่าช่วงนี้อากาศร้อนกันนะนายอำเภอถึงเปลี่ยนไป ใครเขาอยากจะสัมผัสกัน คนอะไรขี้อ่อยชะมัด ไม่ว่าจะทำยังไงฉันก็ไม่หวั่นไหวหรอกนะ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันเจ็บปวดจากความรักมามากพอแล้ว ต่อจากนี้ฉันมีชีวิตอยู่เพื่อเลี้ยงดูน้อง