บทที่ 3 ภารกิจ
“เฮ้อ!! น่ารำคาญจริง ๆ เพราะแกเลยที่ทำให้นังเสี่ยวอิงต้องรับบาดเจ็บ จนไม่มีคนทำงานข้าวในทุ่งยังเก็บเกี่ยวไม่เสร็จด้วยซ้ำ นังเสี่ยวอิงนอนโรงพยาบาลกี่วันแล้วนะ เมื่อไหร่จะรู้สึกตัวจะได้รีบไปเก็บเกี่ยวข้าวขายเสียที จริง ๆ เลยทำให้ฉันเสียเวลา”
“คุณแม่ครับ ใครจะคิดว่าเธอจะเข้ามาในบ้านตอนนั้นกัน อีกอย่างเป็นเพราะเธอต่างหากที่ทำร้ายร่างกายของมีมี่ก่อนนะครับ ” เหม่ยฉี่ส่ายหน้าไปมาเมื่อเดินเข้ามาเห็นว่ายามนี้เสี่ยวอิงฟื้นใบหน้าของเธอเริ่มชื่นบานขึ้นมาทันที แต่กลับกันกับซิ่งผิงที่อยู่ในร่างของเสี่ยวอิงเธอกวาดสายตาจ้องมองครอบครัวที่เอาแต่สูบเลือดสูดเนื้อจากผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอ ไม่รู้จักละอายขนาดเธอนอนเจ็บปวดอยู่ไม่เคยคิดสงสารหรือเห็นใจแต่จะให้เธอกลับไปทำงานหนัก ฮึ ! ไม่มีความเป็นมนุษย์สักนิด หญิงวัย 58 ปีที่เดินอยู่ด้านหน้าน่าจะเป็นเหม่ยฉี ส่วนชายที่เดินตามหลังมานั่นคือสามีของเสี่ยวอิงสินะ แต่ที่น่าแปลกใจคือหญิงอีกคนที่หน้าด้านไร้ยางอายเดินควงแขนสามีของเธอเข้ามาอย่างไม่รู้สึกผิด แถมยังเดินลอยหน้าลอยตาทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นตนเหตุของเรื่องทุกอย่าง
‘ครอบครัวปลิงจริง ๆ เลวทรามยิ่งกว่าสัตว์เสียอีก ฮึ อยากให้ฉันกลับไปทำงานอย่างนั้นหรือ ? ไม่มีทางเพราะฉันไม่ใช่เสี่ยวอิงที่มั่นในรักหลอกลวงของหยางเจี้ยนแต่ฉันคือซิ่งผิงสาวมั่นที่ไม่เคยมีรักต่างหาก คนเดียวที่ฉันรักคือตัวเอง เสี่ยวอิงคนใหม่ถือกำเนิดแล้ว ฮ่า ฮ่า’ เธอคิดในใจก่อนจะบีบน้ำตาลูบหน้าท้องของตัวเองที่ต้องสูญเสีย
“อึก ฮื้อ ๆ ลูก ๆ ลูก ทำไมไม่อยู่ที่นี่แล้ว ไม่จริงฉันไม่เชื่อ กรี้ดดดดด” เสียงของเสี่ยวอิงร้องลั่นห้องก่อนจะหันไปจ้องสามคนที่เดินเข้ามาทันทีพร้อมชี้นิ้วไปด้านหน้า
“เพราะคนพวกนั้นใช่มั้ย ? เอาลูกฉันคืนมา ฮื้อ ๆ ฉันบอกว่าเอาลูกของฉันคืนมา”
“จิ่งเหยาพี่สาวของเธอมีอาการแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ” เหม่ยฉีใบหน้าซีดเซียวรีบเอ่ยถามเด็กหญิงที่พยายามจับตัวของพี่สาวตามแผน
“ตั้งแต่พี่ตื่นขึ้นมา เอาแต่ร้องห่มร้องไห้โวยวายอยู่อย่างนี้ตลอดเลย”
“เฮ้อ ! นี่มันเรื่องอะไรกันแล้วไปตามหมอมาตรวจอาการหรือยัง”
“ จ้าวเหวินไปตามแล้วค่ะ พี่เสี่ยวอิงตั้งสติหน่อยสิคะตอนนี้หลานไม่อยู่แล้ว พี่อย่าเป็นแบบนี้สิฉันกลัวนะ”
“ฮ่า ฮ่า ลูก ลูกมาหาแม่แล้วใช่มั้ย? มานี่มานี่สิแม่ขอกอดลูกหน่อย” ซิ่งผิงดึงร่างกายของจิ่งเหยามากอดแน่นหัวเราะเสียงดังเหมือนคนที่เสียสติจริง ๆ
หยางเจี้ยนถึงกับใบหน้าถอดสีเอ่ยกระซิบข้างหูผู้เป็นแม่เบา ๆ
“หรือว่าอาการที่เสี่ยวอิงเป็นอยู่เรียกว่าอาการทางจิตที่สูญเสียลูกจนเสียใจมากสติแตกครับ ”
“นั่นสิคะ ถ้าเป็นอย่างนี้คุณป้าจะเอาตัวนังเสี่ยวอิงกลับบ้านหรือไง ดูสิเดี๋ยวร้องเดี๋ยวหัวเราะ ” มีมี่จ้องมองมาทางเสี่ยวอิงทำท่าทำทางรังเกียจ
“ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ด้วยนะ ถ้าเอานังเสี่ยวอิงกลับไปเธอไม่สามารถทำงานได้แถมยังเสียสติอย่างนี้ ฉันไม่เอากลับหรอกแค่ทุกวันนี้แทบจะกินเกลืออยู่แล้วมีหวังเอานังเสียสติบ้าคนนี้กลับบ้าน เราคงจนมากไปกว่านี้ไหนจะน้องมันอีก” เหม่ยฉีคิดถึงหนี้ที่เป็นอยู่ไหนจะข้าวสารที่กรอกหม้อทุกวันจนแทบไม่พอกิน จะเอาตัวเสี่ยวอิงกับน้อง ๆ เธอกลับบ้านคงจะสิ้นเปลืองเปล่า ๆ
“แล้วคุณแม่จะทำยังไงกับเสี่ยวอิงครับ”
“แกนะ รักเธออยู่มั้ย หากไม่รักเราทิ้งเธอไว้ที่นี่กันเถอะ ฉันไม่ยอมรับหรอกนะที่จะมีสะใภ้เป็นบ้าอย่างนี้ ”
“ผมเองก็ไม่เอาเช่นเดียวกันครับโชคดีนะครับที่เราไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน อย่างนั้นเรารีบออกจากโรงพยาบาลดีกว่า ” บทสนทนาของทั้งสามคนที่พูดคุยหารือกันเข้าหูของซิ่งผิงทุกอย่างและนั่นคือสิ่งที่เธอต้องการ เธอจึงแสดงอาการรุนแรงกว่าเดิม ร้องไห้หัวเราะโวยวายจนทั้งสามรีบเดินออกจากห้องทันที
หลังจากที่ทุกคนปลีกตัวออกไป ใบหน้าของซิ่งผิงก็เผยรอยยิ้มพร้อมพูดกระซิบแผ่วเบากับจิ่งเหยา
“คนพวกนั้นไปแล้วใช่มั้ย ? เราคงไม่ต้องพบคนพวกนั้นอีกแล้วขอบคุณสวรรค์ ”
“พี่เสี่ยวอิงแม่สามีของพี่จะเชื่อเรื่องนี้จริง ๆ นะหรือ ฉันกลัวว่าเขาจะกลับมาอีกจังเลย”
“ไม่ต้องกลัวหรอกนะ นังแก่เหม่ยฉีนะขี้งกจะตายไปเมื่อเห็นว่าพี่ไม่สามารถทำงานได้และไม่มีประโยชน์ต้องหาทางขับไล่ออกอยู่แล้ว โชคดีที่พี่กับหยางเจี้ยนไม่ได้จดทะเบียนสมรส ถึงจะแอบเสียดายก็ตามไม่อย่างนั้นพี่จะสามารถฟ้องหย่าเรื่องที่เขามีชู้เราจะได้เงินมาตั้งตัว เฮ้อ ! แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ” ซิ่งผิงคิดไปคิดมาแม้จะแค้นเรื่องที่หยางเจี้ยนเล่นชู้และอยากจะแก้แค้นให้เสี่ยวอิงแต่ทว่าตอนนี้ร่างกายของเธอยังเจ็บปวดด้านในยังคงต้องรักษาอีกนานกว่าจะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม จึงเก็บเอาความแค้นไว้เสียก่อนแก้แค้นสิบปียังไม่สาย
ไม่นานนักจ้าวเหวินได้กลับมาพร้อมคุณหมอ เขาตรวจเช็คร่างกายของเธอและให้เธอนอนรักษาตัวอยู่ที่นี่ต่ออีกสองวัน เมื่อตรวจเสร็จซิ่งผิงจึงขอนอนพักเสียหน่อยให้น้อง ๆ ออกไปหาอะไรกินเพราะดูจากสภาพใบหน้าที่ซูบดวงตาหมองคล้ำคงเป็นห่วงเธอจนไม่กล้าจะห่างไปไหน ตอนนี้เธอฟื้นแล้วเด็ก ๆ ก็เบาใจจึงพากันออกไปหาอะไรกินด้านนอกโรงพยาบาลจะมีอาหารแจกฟรีที่คนใจบุญนำมาแจกอยู่
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าฉันจะถูกดูดเข้ามาในซีรี่ย์ จะเอายังไงต่อไปดีนะ ถึงแม้ตอนที่ดูฉันจะปากเก่งคิดได้ทุกทางแต่เมื่อมาใช้ชีวิตเป็นเสี่ยวอิงจริง ๆ กลับคิดหาหนทางไม่ออก ร่างกายก็ยังเจ็บอยู่แล้วอย่างนี้จะหาเงินที่ใช้อยู่ใช้กินจากที่ไหนนะ” ซิ่งผิงคิดในใจแม้ปากบอกกับน้อง ๆ ว่าจะนอนพักแต่เธอกลับเจ็บท้องน้อยจนนอนไม่หลับจึงคิดหาหนทางที่จะใช้ชีวิตต่อจากนี้เมื่อออกจากโรงพยาบาลเธอจะพาน้อง ๆ ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ไหน ทว่าจู่ ๆ เสียงแปลก ๆ ได้ดังขึ้นมาในห้องพัก
ติ่ง!
“ระบบเปิดการใช้งาน สวัสดีผู้ใช้ระบบ ทางเรามีภารกิจให้ผู้ที่เปิดระบบได้ทำท่านสนใจที่จะรับข้อเสนอหรือไม่” ซิ่งผิงมองซ้ายมองขวาหากจะว่าเป็นเสียงทีวียุคนี้ก็ยากนักที่จะมีทีวีในโรงพยาบาลขนาดเตียงที่นอนอยู่ก็แทบจะพังหมดแล้ว เธอใช้มือล้วงที่หูคิดว่าตัวเองหูฝาดก่อนจะโน้มตัวลงนอนเพื่อข่มตาหลับเอาแรงแต่แล้วเสียงเมื่อครู่ก็ได้ดังขึ้นอีกครั้ง
“ซิ่งผิง ท่านคือผู้เปิดระบบต้องการใช้งานระบบหรือไม่ ? ตอนนี้ท่านอยู่ในยุคทศวรรษ 1976 ยากนักที่จะรับมือจากความยากจน หากอยากฝ่าฝันอุปสรรคแถมยังได้เลี้ยงน้องทั้งสอง ทางระบบมิติมีทางเลือกให้ท่านท่านสนใจหรือไม่?” ซิ่งผิงดีดตัวลุกขึ้นด้วยความตกใจจนลืมไปว่าร่างกายของเธอกำลังเจ็บอยู่
“โอ้ยเจ็บชะมัด อย่าบอกนะว่าที่ฉันได้ยินอยู่นี่คือเสียงระบบ อะไรมันจะดีขนาดนี้ฉันทะลุมิติแถมยังมีระบบด้วยเหรอ อย่างนั้นชีวิตระหว่างที่อยู่ที่นี่ก็ไม่ทุกข์ยากอีกต่อไปสินะ”
“ใช่แล้วหากท่านรับข้อเสนอจะทำภารกิจ ทางเราจะแจ้งเรื่องที่สามารถช่วยท่านได้เต็มที่” ซิ่งผิงครุ่นคิดอยู่ไม่นานเพราะตอนนี้เธอเองก็คิดหาหนทางไม่ได้เช่นเดียวกันจึงรีบตอบตกลงข้อเสนอทันที
“ได้ฉันรับข้อเสนอ ว่าแต่เป็นข้อเสนออะไร”
“ภารกิจที่ระบบให้ท่านทำคือการเลี้ยงดูน้องทั้งสองให้เติบโตและร่ำรวย ทางระบบมีมิติของทุกอย่างเพียงแค่คิดข้าวของก็จะปรากฏต่อหน้า มีเพียงอย่างเดียวที่ระบบให้ไม่ได้คือเงิน ท่านต้องไปหาหนทางนำของออกจากมิติไปต่อยอดเอง หากท่านทำภารกิจสำเร็จจะได้รับรางวัลที่ท่านต้องการไม่ว่าจะเป็นการกลับมิติเดิม หรือความต้องการปรารถนาตามใจของท่าน”
“ว๊าวว^ ^ น่าทึ่งจังใครไม่สนใจก็บ้าแล้ว ฉันจะทำภารกิจเลี้ยงน้องให้เติบโตเอง แค่มีระบบมิติของใช้เรื่องการหาเงินคงไม่ใช่เรื่องยาก”
“ยินดีที่ท่านรับข้อเสนอ ขอให้ท่านทำภารกิจสำเร็จตอนนี้ระบบมิติเปิดทำการ เราจะได้พบกันอีกครั้งเมื่อท่านทำภารกิจสำเร็จ ”
“เดี๋ยวสิฉันยังไม่ได้ถามเกี่ยวกับข้อต้องห้ามเลย กลับมาก่อน”
ซิ่งผิงเอ่ยถามแต่ทว่าเสียงในห้องกลับเงียบสงัด เมื่อเธอคิดถึงคำพูดเมื่อครู่ที่ราวกับความฝันจึงลองนึกถึงภาพของกินในยุคปัจจุบัน แต่แล้วเรื่องที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเมื่อจู่ ๆ พิซซ่าที่กำลังเป็นที่นิยมอาหารของต่างชาติกำลังตีตลาดกลับมาอยู่ต่อหน้าเธอในยุคทศวรรษ1976 อย่างน่าเหลือเชื่อ
“ว๊าววว ยิ่งกว่าฝันเสียอีก ฮ่า ฮ่า เอาล่ะชีวิตของฉันต่อจากนี้คงพบเจอแต่เรื่องสนุก ๆ และได้ออกจากครอบครัวเส็งเคร็งนั่นอีก ช่างดีจริง ๆ” ซิ่งผิงหัวเราะอย่างดีใจไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีที่ถูกดูดเข้ามาแต่ก็ยังมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นกับเธอเช่นเดียวกัน
บทที่ 4 กลับบ้าน สองวันต่อมาหมอให้เสี่ยวอิงออกจากโรงพยาบาลเพราะเห็นว่าร่างกายของเธอตอนนี้แข็งแรงขึ้นมาก นั่นเป็นเพราะเธอใช้มิติเอายาของยุคปันจุบันมากินจึงทำให้เธอไม่เจ็บปวดมากเท่าไหร่นัก ระหว่างที่เธอนอนอยู่พยายายนึกเนื้อเรื่องชีวิตของเสี่ยวอิงตามบทละครจำได้ว่าเธอก็มีบ้านของพ่อแม่เธอเหลืออยู่ จึงเอ่ยถามเด็ก ๆ และรู้ว่าตอนนี้บ้านของพ่อกับแม่ยังอยู่ที่เดิมแต่ไม่ได้กลับไปดูแล ซิ่งผิงเลยคิดว่าเมื่อออกจากโรงพยาบาลจะพาน้อง ๆ กลับไปอยู่ที่บ้าน เมื่อได้ยาจากโรงพยาบาลทั้งสามพี่น้องเดินเท้ากับมาที่บ้านสมัยนี้เป็นยุคสมัยที่มีรถประจำทางแล้วแต่ทว่าตอนนี้ซิ่งผิงเธอยังไม่มีเงินพอที่จะพาน้อง ๆ นั่งกลับบ้าน ผ่านมาสักพักก็มาถึงบ้านของพ่อกับแม่ บ้านที่ไม่มีคนอาศัยอยู่สภาพสกปรกข้าวของเต็มไปด้วยฝุ่นเคอะ “เอ๊ะ ! นั่นหนูเสี่ยวอิงใช่มั้ย ?ป้าคงจำคนไม่ผิดแน่ ๆ ” เสียงหญิงวัย50 เอ่ยทักทายเมื่อเห็นเสี่ยวอิงกับน้อง ๆ ยืนอยู่หน้าบ้านที่ไม่มีใครมาอยู่นานมากแล้ว เธอรีบเดินมาทักทายเอ่ยถามด้วยความดีใจที่ได้เจอหน้า ซิ่งผิงที่อยู่ในร่างของเสี่ยวอิงคิ้วขมวดเข้าหากันไม่ใช่เพราะเธอ
บทที่ 5 จะไม่ยอมปล่อยมือ"ฉันจะไม่ลืมอีกแน่นอนต่อจากนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะท่านนายอำเภอเสวียนเฉิน""ไม่สิ ต้องไม่ใช่แบบนี้ต่อไปต้องเรียกฉันว่าเสวียนเฉิน ""ทั้งสองคุยอะไรกันอยู่เหรอ ? เสวียนเฉินแม่รู้ว่าลูกดีใจที่ได้เจอเสี่ยวอิงแต่ตอนนี้ให้เสี่ยวอิงพักก่อนเถอะเรามาช่วยกันทำความสะอาดบ้านเดี๋ยวตะวันจะตกดินเสียก่อนจริงสิตอนนี้เสี่ยวอิงเพิ่งย้ายเข้ามาใหม่อาหารกับข้าวคงยังไม่มีสินะดีเลย ดีเลย หลังจากทำความสะอาดบ้านเสร็จป้าจะทำอาหารต้อนรับเสี่ยวอิงกลับมานะถ้าพ่อแม่ของเธออยู่คงจะดีกว่านี้ อุ้ย ! ป้าขอโทษไม่น่าพูดถึงเรื่องนี้เลย"ป้าเสวียนหนี่เดินมาพร้อมกับเด็ก ๆ บอกให้ลูกชายตัวเองไปช่วยกันทำความสะอาดบ้าน“ไม่เป็นอะไรค่ะคุณป้า บ่อยครั้งฉันเองยังคิดเลยว่าถ้าคุณพ่อคุณแม่อยู่คงดีกว่านี้” เสี่ยวอิงพูดขึ้นอย่างถนอมน้ำใจรู้ดีว่าป้าเสวียนหนี่ไม่ได้ต้องการพูดให้เธอกับน้อง ๆ เศร้าใจ ไม่นานหลังจากนั้นทุกคนต่างพากันช่วยทำความสะอาดบ้านที่สกปรกเต็มด้วยฝุ่นกลับกลายเป็นบ้านที่น่าอยู่มากเลยทีเดียวแม้ว่าจะมีของบางสิ่งพังไปบ้างแต่ว่าเสี่ยวอิงคิดเอาไว้แล้วหลังจากที่ทุกคนกลับเธอจะเอาของใช้ออกมาจากม
บทที่ 6 อยากเรียน"ฉันรู้ว่านายเป็นนายอำเภอที่ดี แต่ตอนนี้ปล่อยฉันก่อนได้มั้ย มันอึดอัดจนหายใจไม่ออก อีกอย่างฉันคือหญิงสาวที่เลิกลากับสามีนายไม่ควรมากอดฉันแบบนี้ " เหมือนเสวียนเฉินจะรู้สึกตัวรีบปล่อยเธอออกจากอ้อมแขน"ฉันขอโทษที่ลืมตัว ไปกันเถอะป่านนี้คุณแม่กับน้อง ๆ คงรอกินข้าวกันอยู่"หลังจากที่สองคนเดินเข้ามาทุกคนพากันกินข้าวถามไถ่ชีวิตที่ผ่านมาของเสี่ยวอิงและต่อจากนี้เธอจะทำอะไรต่อไป จนกระทั่งกินอิ่มเสี่ยวอิงจึงขอตัวกลับบ้านเพราะไม่อยากจะอยู่ที่นั้นนาน ไม่ใช่ว่าไม่ดีแต่ทว่าเธอกลับรู้สึกเกรงใจและทำตัวไม่ถูกเมื่อรู้ว่าตอนนี้กงเสวียนเฉินไม่มีภรรยาและเขาไม่เคยแต่งงานมาก่อน ทำให้เธอรู้ว่าสิ่งที่เขาแสดงต่อหน้าเธอทั้งหมดนั้นคือความรู้สึกของเขา"วันนี้ฉันต้องขอบคุณป้าเสวียนหนี่อีกครั้ง กับข้าวของป้าอร่อยอย่างไม่เคยกินมาก่อน ไว้วันหลังฉันจะทำกับข้าวมาตอบแทนป้าบ้างนะคะ""แหม ๆ ไม่ต้องเกรงใจหรอกป้ายินดีต้อนรับเสมอ จิ่งเหยา จ้าวเหวินหากอยู่บ้านแล้วเบื่อ ๆ มาเล่นบ้านป้าก็ได้นะ ป้าเองก็อยู่คนเดียวตอนกลางวันไม่ค่อยมีอะไรทำนักหรอก ถ้ามีเด็ก ๆ มาเล่นด้วยคงจะดีไม่น้อย""ได้ครับ ถ้าวันไหนเราช่วยพี่เส
บทที่ 7 แจกซาลาเปาหยางเจี้ยนเดินตามแม่ลงมาด้านล่างตอนนี้แม่ของเขานั่งไขว้ห้างอยู่บนเก้าอี้ไม้มือทั้งสองกอดอกอย่างไม่พอใจ“คุณแม่ครับทำไมมีสีหน้าแบบนั้นมีเรื่องอะไรให้ทุกข์ใจขนาดนั้นกัน ”“ก็เพราะว่าแกนะสิเลือกภรรยาน่าจะเลือกคนขยัน ๆ หน่อย ๆ นี่อะไรกันวัน ๆ เอาแต่กินแล้วก็นอนแถมยังเรียกร้องอยากได้ของราคาแพงอีกด้วย นี่แกไม่ได้บอกให้เธอรู้หรือไงว่าบ้านเราไม่ได้ร่ำรวยขนาดนั้น ตอนนี้หนี้สินจนจะท่วมหัวตายอยู่แล้ว”“คุณแม่ครับเรื่องแค่นี้เองไม่เห็นตั้งบ่นต่อหน้ามีมี่เลยคุณแม่จะให้คนน่ารักมือนุ่ม ๆ อย่างมีมี่ไปทำงานลำบากได้ยังไงขนาดเซี่ยเหมยหลงยังไม่เห็นจะทำอะไรเลย วัน ๆ เอาแต่แต่งตัวแต่งหน้าอยู่บ้าน ภรรยาคนเดียวผมเลี้ยงได้อยู่แล้ว”“อย่างนั้นพรุ่งนี้แกก็รีบไปเกี่ยวข้าวที่เสี่ยงอิงเกี่ยวไม่เสร็จนั่นสิ ฉันจะคอยดูว่าแกจะทำได้แค่ไหนกัน ”“ทำงานเหรอ ได้ถ้าคุณแม่ให้ผมไปทำคุณแม่ต้องให้เงินผมไปซื้อสร้อยคอก่อน คุณแม่รู้มั้ยตอนนี้มีมี่เสียใจขนาดไหนที่เห็นเหมยหลงได้ใส่แต่เธอไม่ได้ใส่นะ แม่อย่าลำเอียงนักสิ”“ฮึ ทีกับเสี่ยวอิงที่ขยันทำงานทุกอย่างแกไม่เห็นเอาอกเอาใจขนาดนี้เลย แม่นางมีมี่วัน ๆ ไม่ทำอะไรรอ
บทที่ 8 ใจร้ายฝั่งด้านเสวียนเฉินเขาได้ตรวจสอบข้อมูลของโจวหยางเจี้ยนรวมทั้งทุกคนในบ้าน เขาอยากใช้กฎหมายกับเขาจริง ๆ แต่ว่าเสี่ยวอิงกับหยางเจี้ยนไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันยากนักที่จะฟ้องร้องเอาค่าเสียหาย และหากจะทำได้แต่ถ้าเจ้าทุกข์อย่างเสี่ยวอิงไม่ยอมเขาเองก็ไม่สามารถพูดให้เธอกลับใจได้ ในเมื่อเธอเลือกที่จะลืมและเริ่มต้นใหม่เขาเองก็จะคอยปกป้องเธอในแบบฉบับของเขา แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คนตระกูลโจวมาวุ่นวายเขาจะจัดการคนพวกนั้นด้วยตัวของเขาเอง“แม่ครับผมไปทำงานก่อนนะครับ วันนี้อาจจะกลับค่ำหน่อยมีงานเลี้ยงต้อนรับผู้นำชุมชนคนใหม่ที่ชนะการเลือกตั้ง”“ไม่ต้องเป็นห่วงแม่หรอกนะ ตั้งแต่เสี่ยวอิงกลับมาอยู่ที่นี่แม่ไม่เหงาเลยสักนิดมีเด็ก ๆ คอยเข้ามาหาอยู่ทุกวัน นู้นไงพูดถึงก็มานู้นแล้ว ว่าแต่วันนี้มาแต่เช้าเกินไปมั้ยนะ หรือว่าเสี่ยวอิงจะไม่สบาย” เสวียนเฉินใจเต้นระรัวร้อนรุ่มในใจเมื่อได้ยินแม่พูดถึงเสี่ยวอิงเขารีบเดินไปหาทั้งสองก่อนที่เด็กทั้งสองจะเดินมาถึงเขาเสียอีก“จิ่งเหยา จ้าวเหวินทำไมถึงออกมาจากบ้านตั้งแต่เช้าขนาดนี้ พี่เสี่ยวอิงไม่สบายหรือ”“ไม่ใช่ครับพี่เสวียนเฉิน พี่เสี่ยวอิงสบายดีและให้เราสองคนนำซา
บทที่ 9 เจ็บใจ“จิ่งเหยาอย่าเข้าใจพี่แบบนั้นสิ พี่อธิบายเรื่องทั้งหมดได้นะ”“พี่เสี่ยวอิงจะทิ้งพวกเราไปจริง ๆ หรือครับ”“เอ่อ..เรื่องนั้นพี่เองก็ยังไม่รู้เลยแต่ว่าสิ่งเดียวที่พี่ทำได้ตอนนี้คือทำให้น้องทั้งสองมีชีวิตที่ดีขึ้น จ้าวเหวินเราเข้าใจพี่ใช่มั้ยว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้และพี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่เข้ามาอยู่ในร่างของเสี่ยวอิงอย่างไร และพี่เองก็ไม่รู้ว่าเสี่ยวอิงจะกลับมามั้ยหากพี่ทำภารกิจสำเร็จ” น้ำเสียงของเสี่ยวอิงสั่นเครือเมื่อมองใบหน้าของจ้าวเหวินยามนี้ดวงตาของเด็กชายสั่นคลอนแดงก่ำ แต่ก็ยังแสดงความเข้มแข็งให้เสี่ยวอิงได้เห็น“ไม่ว่าพี่จะทำอย่างไรผมจะพยายามเข้าใจพี่ เพราะพี่ทำทุกอย่างเพื่อพวกผมนี่น่า”“พี่ไม่รู้หรอกนะอนาคตจะเป็นอย่างไรไม่แน่พี่อาจจะได้อยู่ที่นี่จนกว่าเราทั้งสองจะมีครอบครัวแยกบ้านออกไปอยู่ที่อื่น แต่ระหว่างที่พี่อยู่ที่นี่พี่จะทำเพื่อน้องสองคนสุดความสามารถที่จะทำให้ได้ เธอยังไม่ได้กินข้าวเช้ากินไก่กับขนมพวกนี้รอพี่ก่อนนะ พี่จะไปหาจิ่งเหยาเธอคงเสียใจที่จู่ ๆ พี่พูดเรื่องนี้ทำให้เธอใจหาย”“ได้ครับ” จ้าวเหวินพยักหน้าให้แก่เสี่ยวอิงตอนนี้เธอเดินขึ้นไปที่ห้องของจ
บทที่ 10 ปรับความเข้าใจบ้านตระกูลหวังหลังจากที่เสี่ยวอิงเดินลงมาไม่นานจิ่งเหยาได้เดินลงพร้อมใบหน้าที่รู้สึกผิดและเสียใจไม่“พี่ซิ่งผิงฉันขอโทษ ฉันเอาแต่ใจตัวเองคิดถึงแต่ตัวเองทั้ง ๆ ที่พี่เองก็คงลำบากไม่น้อย ที่ต้องจากบ้านจากครอบครัวมาแถมยังต้องมาเลี้ยงดูพวกเราอีก ฉันขอโทษที่ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกพี่เลยว่าพี่ต้องพบเจออะไร” เสี่ยวอิงได้ยินเสียงของจิ่งเหยาเธอลุกขึ้นย่างเท้าเดินเข้าไปสวมกอดร่างเล็กแนบแน่นอย่างซึ้งใจ“โธ่ ๆ จิ่งเหยาในที่สุดเธอก็เข้าใจพี่แล้วใช่มั้ย พี่เองก็ขอโทษเธอเช่นเดียวกันที่ไม่ได้บอกความจริงตั้งแต่วันที่ฉันเข้ามาอยู่ในร่างพี่สาวของเธอ และลืมคิดว่าสิ่งไหนที่ฉันไม่สมควรบอกกับเธอไป”“ไม่เลยพี่ไม่ผิดอะไรเลย ยังไงพี่ก็เป็นพี่ของเราต่อจากนี้ไม่ว่าพี่เป็นใครแต่พี่จะเป็นพี่เสี่ยวอิงของเราอยู่ดี อึก อึก ฮื้อ ๆ” จิ่งเหยานั่งร้องไห้อยู่ในห้องเพียงลำพังได้ใช้ความคิดและคิดถึงหัวใจของซิ่งผิงที่ต้องมาอยู่ในร่างของพี่สาวของเธอ เธอเองคงตกใจไม่น้อย ที่จะต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในที่ที่ไม่เคยอยู่แถมยังมีสิ่งที่รับผิดชอบอีกมากมายเมื่อจิ่งเหยาคิดได้อย่างนั้นรู้สึกต่อซิ่งผิง ตัดสินใจมาขอโทษเ
บทที่ 11 เปรียบเทียบเธอมองผู้หญิงสองคนที่รีบเร่งเท้าเดินหนีพลางส่ายหน้าไปมาก่อนจะหันมามองเสี่ยวอิง เธอยิ้มตลกขบขันเมื่อเห็นทุกอย่างตรงหน้า“ป้าเสวียนหนี่ทำไมไปพูดแบบนั้นกันคะ อย่างนี้เมื่อไหร่ป้าเสวียนหนี่จะมีลูกสะใภ้มีหลานตัวเล็ก ๆ คอยวิ่งเล่นในบ้าน”“เฮ่อ..เรื่องลูกสะใภ้นะหากว่าเสวียนเฉินเอ่ยปากเมื่อไหร่ก็คงจะมีในวันนั้นเลยแต่ว่าเจ้าเสวียนเฉินนะสิไม่เห็นจนสนใจผู้หญิงคนไหนเลย คิดดูสิมีผู้หญิงมากมายเอาของกินมาฝากแทบจะทุกวัน แต่เขากลับไม่สนใจชาตินี้คงไม่มีวาสนาที่จะได้อุ้มหลานกับเขาหรอกนะ เป็นอย่างไรบ้างกิจการของเธอขายดีมั้ย? ”“ซาลาเปาขายได้เรื่อย ๆ ค่ะ คงเป็นเพราะเปิดร้านใหม่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของคนหมู่มาก ป้าเสวียนหนี่มาแต่เช้าแบบนี้ยังไม่ได้กินข้าวใช่มั้ยคะ เข้ามานั่งด้านในก่อนสิวันนี้ฉันทำไก่อบไว้ตัวใหญ่พร้อมน้ำซุปกระดูกหมู ให้ฉันได้ตอบแทนป้าบ้างนะคะ”“ไม่เห็นจะต้องทำขนาดนั้นเลย แต่เอาเถอะถือว่าไม่เป็นการเสียน้ำใจฉันจะกินข้าวเช้ากับเธอก็แล้วกัน” เสวียนหนี่รีบเดินเข้ามาในบ้านของเสี่ยวอิงเธอยิ้มกริ่มวางมือจากซาลาเปาเดินเข้าไปในครัวปากก็เอ่ยบอกให้น้องดูหน้าร้านเผื่อมีลูกค้ามาซื้อ“
บทที่ 21 ฉันมีค่ามากกว่าสร้อยราคาถูก ๆ นั่น2 วันต่อมาหลังจากที่เหมยหลับมาจากบ้านเสี่ยวอิงเธอได้มาเล่าให้แม่และพี่ชายของเธอฟังว่าเธอต้องถูกเสี่ยวอิงปฏิบัติอย่างไรบ้าง หยางเจี้ยนจึงไม่ไปหาเสี่ยวอิงอีกเพื่อให้เธอสงบสติอารมณ์หากไปหาเธอทุกวันหลังจากที่เธอขับไล่ทุกคนเธอคงได้แจ้งตำรวจว่าเขาไประรานแน่ ๆ เขาเริ่มคิดวางแผนเข้าหาเธอใหม่ คิดถึงเรื่องเก่า ๆ มีอะไรบ้างที่เธอต้องการและเขาไม่เคยทำให้เธอเลย“หยางเจี้ยนวันนี้แม่กับน้องจะออกไปงานเทศกาล วันนี้หยุดงานใช่มั้ยจะไปด้วยกันหรือเปล่า มีมี่เธอล่ะอยากไปเที่ยวไปไหว้พระมั้ย”“อื้ม ..ฉันเอาแต่ทำงานออกไปเที่ยวเล่นบ้างก็ดีค่ะ พี่หยางเจี้ยนฉันจะไปไหว้ขอพรให้เรามีลูกกันเร็ว ๆ นะคะช่วงนี้ฉันเห็นพี่บ่นเหนื่อยก็พักผ่อนอยู่ที่บ้านนะ” มีมี่ลุกขึ้นเดินตามหลังเหม่ยฉีกับเหมยหลงออกไปตอนนั้นเองหยางเจี้ยนก็คิดอะไรดี ๆ ออก ปีที่แล้วงานเทศกาลเขาพาเสี่ยวอิงออกไปเดินเล่นงานเทศกาล สายตาเธอจ้องมองไปยังสร้อยข้อมือน่ารักอันหนึ่งเหมือนอยากได้มาครอบครองแต่เมื่อเขาถามเธอกลับบอกว่าเธอเพียงแค่มองเท่านั้น“ฉันคิดออกแล้ว ฮ่า ฮ่า ฉันนี่ฉลาดสุด ๆ เมื่อครู่นี้ไม่เห็นมีมี่สวมสร้อย
บทที่ 20 ฉันไม่มีสิทธิ์เหมยหลงตื่นเต้นไม่คาดคิดว่าจะได้ใกล้ชิดกับนายอำเภอแบบนี้ เขาค่อย ๆ ประคองเธอมานั่งที่เก้าอี้หน้าร้านมองที่ขาของเธอก็ดูเหมือนไม่มีอะไรหรือรอยแดงแม้แต่น้อย เขาเงยหน้ามองเธอเห็นสายตาของเหมยหลงจับจ้องเขาอยู่ทำให้เขารู้ว่านี่น่าจะเป็นการเสแสร้งที่เธออยากใกล้ชิดเขาเท่านั้น เขาจึงลุกขึ้นและบอกให้เธอนั่งรออยู่ที่นี่“นั่งรออยู่ที่นี่ก่อนนะครับ ผมจะไปตามคุณแม่มาดูอาการให้ คุณแม่นะเป็นหมอจับเส้นแค่เส้นพลิกนิดหน่อยก็สามารถหายได้เป็นปกติเลย” พูดจบเสวียนเฉินได้เดินไปที่บ้านทันที เหมยหลงเคลิบเคลิ้มเขินอายไม่ทันได้ตอบอะไรเขาสักอย่างเธอคิดว่ายังไงเขาต้องกลับมาแน่ ๆ“คนอะไรทั้งหล่อทั้งดูดีแถมยังใจดีอีกด้วย เมื่อกี้ฉันน่าจะกอดเขาแน่น ๆ ฮิ ฮิ แต่เอาเถอะยังมีเวลาอีกนานหญิงชายใกล้ชิดยังไงเขาต้องมีใจให้ฉันแน่ ๆ ฉันทั้งสาวทั้งสวยกว่าเสี่ยวอิงเป็นไหน ๆ คุณหญิงภรรยานายอำเภออยู่ตรงหน้าแล้ว” เหมยหลงวาดฝันอยูพักหนึ่งเธอเห็นหญิงชราเดินออกมาพร้อมกล่องยาแต่ไม่เห็นเสวียนเฉินตามออกมารอยยิ้มได้หุบลงทันที“นี่หล่อนลูกชายของฉันบอกว่าหล่อนข้อเท้าพลิกหรือ? ไหนขอดูหน่อย วุ่นวายจริง ๆ นี่มันใช่เวลาที
บทที่ 19 สืบหาความจริงร้านเถ้าแก่ซ่ง“วันนี้เป็นวันที่ดีแก่ร้านค้าของฉันมากสินะที่ท่านนายอำเภอมาเยือนถึงที่ เชิญเข้ามาด้านในนั่งดื่มน้ำเย็น ๆ ก่อนสิ” เถ้าแก่ซ่งรีบออกมาต้อนรับเสวียนเฉินทันทีที่ลูกน้องไปแจ้งเขาว่านายอำเภอมาที่นี่“ขอบคุณเถ้าแก่ที่ต้อนรับฉันเป็นอย่างดี วันนี้ฉันไม่ได้มาด้วยเรื่องราชการหรืออะไรหรอก แต่มาด้วยเรื่องส่วนตัวมีเรื่องต้องให้เถ้าแก่ช่วยเล็กน้อยนะครับ”“แหมๆ อย่าพูดอะไรแบบนั้นเลยครับผมนะเหรอจะไปช่วยอะไรนายอำเภอได้เข้ามาด้านในแล้วค่อยคุยกันดีกว่าครับ ” เถ้าแก่ซ่งเชิญชวนเสวียนเฉินกับตู่หวางเข้าไปห้องโถงรับแขกเพราะตอนนี้พวกเขาพากันยืนอยู่หน้าร้านขายของ เสวียนเฉินจึงเดินตามเขาเข้าไปด้านใน“เรื่องอะไรที่นายอำเภออยากให้ฉันช่วยเหลืออย่างนั้นหรือ? แต่ดูแล้วคงไม่ใช่เรื่องเงินหรอกใช่มั้ย’ ’“ไม่ใช่เรื่องเงินหรอกแต่เป็นเรื่องคน เถ้าแก่ฉันรู้มาว่าโจวเหม่ยฉีเป็นลูกหนี้ของคุณใช่มั้ย? ”“นายอำเภอถามถึงเธอทำไมกัน หรือว่าเธอไปยืมเงินท่านเช่นเดียวกัน”“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก พอดีคนที่ฉันรู้จักเป็นลูกสะใภ้เก่าของโจวเหม่ยฉี ฉันอยากรู้ว่าใครกันที่มายืมเงินและเป็นหนี้ตัวจริงต่างหากไม่ก
บทที่ 18 เสี่ยวอิงต้องเป็นของฉัน“เฮ้อ! ในที่สุดก็ยอมไปเสียที” เสี่ยวอิงมองแผ่นหลังของหยางเจี้ยนพลางถอนหายใจจนลืมไปว่าตอนนี้มือของเธออีกข้างกำลังถูกชายร่างใหญ่จับเอาไว้แน่น เด็ก ๆ พากันจ้องมองและแอบยิ้มเล็กยิ้มน้อย“เห็นมั้ยฉันบอกแล้ว ยังไม่ถึงวันเลยด้วยซ้ำสามีเก่าของเธอก็มาหาถึงที่ จะให้ฉันทำยังไงกับเธอดีหรือจะข่มขืนและให้คุณแม่มาสู่ขอเลยนะจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนี้” เขาขยับตัวมาพูดใกล้ ๆ หูของเสี่ยวอิงเพื่อไม่ให้น้อง ๆ ได้ยิน แต่เมื่อเสี่ยวอิงได้ยินใบหน้าของเธอแดงซ่าน ร้อนวูบวาบและรู้สึกตัวว่าตอนนี้มือของเธอข้างไม่ถือมีดถูกเขาจับอยู่“ตาบ้าพูดอะไรไม่รู้ ปล่อยมือฉันได้แล้วหยางเจี้ยนเดินไปตั้งไกลแล้ว อีกอย่างพูดอะไรระวังคำพูดด้วยสิ”“ฮึ! ก็ฉันเป็นห่วงนี่น่า จิ่งเหยา จ้าวเหวินวันนี้เตรียมตัวเสร็จแล้วใช่มั้ย ช่วยไปตามป้าเสวียนหนี่มาอยู่เป็นเพื่อนพี่เสี่ยวอิงให้ที พี่ไม่วางใจกลัวชายคนนั้นจะกลับมาอีก”“ไม่ต้องหรอกฉันไม่อยากรบกวนเวลาของป้าเสวียนหนี่ นายเองก็รีบพาน้อง ๆ ไปเรียนเถอะนี่ก็สายแล้ว ส่วนเรื่องสามีเก่าหากเขากลับมาฉันจะจัดการเองเมื่อครู่ก็เห็นแล้วใช่มั้ยว่าฉันนะไม่ยอมให้เขาเข้าใกล
บทที่ 17 กลับไปอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมนะรุ่งเช้าวันต่อมาหยางเจี้ยนตื่นแต่เช้าตรู่แต่งตัวไปเกี่ยวข้าวแต่ที่จริงเขาสวมใส่เสื้อผ้าไปแบบนั้นและเตรียมชุดไปเปลี่ยนเพื่อไปหาเสี่ยวอิงโดยที่ไม่ให้มีมี่รู้ มีมี่เองก็เปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างที่เธอบอกเหมือนกัน เธอลุกขึ้นมาทำกับข้าวแต่เช้าและส่งมอบห่อข้าวให้หยางเจี้ยนไปทำงาน“พี่ไปก่อนนะ มีมี่ของพี่เปลี่ยนไปแบบนี้ก็ดีเหมือนกันพี่จะได้สบายใจและมีแรงทำงานหาเงินเข้าบ้าน ”“ฉันเองน่าจะคิดได้ตั้งนานแล้วเหมือนกัน อย่าหักโหมมากนะคะ หากแดดร้อนก็เข้าร่มพักผ่อนแดดอ่อนค่อยออกทำไปใหม่ วันนี้ฉันจะทำต้มซุปไว้รอ” มีมี่จูบที่แก้มของหยางเจี้ยนก่อนจะโบกมือให้เขาออกไปทำงาน“ว๊าว นี่มันเรื่องอะไรกัน มีมี่เธอไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า” เหมยหลงเดินลงมาจากด้านบนเห็นเพื่อนสาวเปลี่ยนไปอดไม่ได้ที่จะเอ่ยทัก“ฉันสบายดีและต่อจากนี้งานบ้านฉันจะทำช่วยแม่สามีเอง แต่ว่าเสื้อผ้าของเธอ เธอใส่เองต้องซักเองนะฉันไม่รับทำ” มีมี่พูดจบก็เดินเข้าบ้าน“ทำเป็นหยิ่งผยองไปเถอะเพราะอีกไม่นาน เมื่อไหร่ที่พี่หยางเจี้ยนทำให้พี่เสี่ยวอิงใจอ่อนและกลับมารักกันเหมือนเดิม ต่อจากนี้ฉันจะได้สุขสบายและจะเป็นคน
บทที่ 16 ฉันจะไปหาเสี่ยวอิงเสี่ยวอิงเดินตามหลังเขามาติด ๆ ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าจะหยุดกระทันหันทำให้หัวของเธอชนเข้ากับแผ่นหลังของเขาอย่างจังแทบถลาล้ม โชคดีที่เสวียนเฉินหันกลับมารับเอาไว้ได้ทันพอดี“เธอไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”“ถ้านายไม่หันกลับมาช่วยไม่ทันคงล้มไปแล้ว คิดอะไรอยู่ถึงได้หยุดเดินกระทันหันแบบนั้นกัน”“เรื่องที่ฉันพูดเมื่อครู่ ฉันพูดจริงนะแค่อยากให้เธอเก็บเอาไปคิด” เสี่ยวอิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งพลางนึกคิดคำพูดของเขา แม้มันจะดีต่อตัวเธอแต่ทว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะทำกันง่าย ๆ สักหน่อย แต่ก็ไม่อยากทำร้ายน้ำใจของเสวียนเฉินเพราะดูเหมือนว่าเขานั้นจริงใจต่อเสี่ยวอิงจริง ๆ“เรื่องนั้นฉันจะคิดอีกที ตอนนี้ปล่อยฉันได้แล้วฉันไม่ล้มสักหน่อยอีกอย่างตอนนี้ถึงหน้าบ้านแล้วนายกลับไปเถอะ”“แล้วเรื่องคนตระกูลโจวเธอจะไม่ทำอะไรเลยหรือไง จะปล่อยให้คนพวกนั้นทำเธอฝ่ายเดียวได้ยังไงกัน”“เรื่องนั้นฉันคิดเอาไว้บ้างแต่ก็คิดว่าทำร้ายกันไปทำร้ายกันมามันไม่จบสิ้นนะสิ หากว่าทางนั้นไม่มายุ่งกับฉันอีกฉันก็จะปล่อยผ่านแต่ถ้าฝ่ายนั้นมาวุ่นวายฉันเองจะคิดอีกทีว่าจะทำยังไงกับครอบครัวที่เลวทรามแบบนั้น”เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพ
บทที่ 15 เสนอตัวเสี่ยวอิงจ้องมองแผ่นหลังอันกว้างของเสวียนเฉินซาบซึ้งน้ำใจที่เขาปกป้องเธอจากแม่สามีเก่าไม่กลัวว่าตัวเองจะถูกกล่าวหายังไง ใจของเธอสั่นไหวมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของเหม่ยฉีเดินออกไปไกลเธอได้พูดขอบคุณเขาทันที“ขอบคุณนะที่ช่วยฉันเอาไว้ ไม่อย่างนั้นเรื่องคงไม่จบแค่ตรงนี้ฉันอาจจะลงไม้ลงมือจัดการแม่สามีเก่าจนเจ็บกันไปข้างหนึ่งเลย” เขาหันกลับมาพลางถอนหายใจ“เฮ้อ! อย่าบอกนะว่าเมื่อก่อนเธอยอมให้คนพวกนั้นโขกสับใช้งานเยี่ยงทาสมาโดยตลอด ทำไมไม่รักตัวเองบ้างหรือคิดว่าไม่มีคนรักเธอเท่าคนตระกูลนั้นหรือไง ต่อไปนี้หากผู้หญิงคนนั้นหรือว่าจะเป็นใครก็ตามในตระกูลโจวรีบบอกฉันทันทีฉันจะปกป้องเธอเอง”“เกิดอะไรขึ้นเมื่อครู่แม่ได้ยินเสียงดังโวยวาย” ป้าเสวียนหนี่เดินมาจากบ้านได้ยินเสียงเอะอะโวยวายคิดว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นรีบคว้าหาท่อนไม้วิ่งมาหาเสี่ยวอิงด้วยความเป็นห่วงแต่เมื่อมาเห็นกลับมีแต่ลูกชายของเธอที่ยืนจ้องมองใบหน้าของเสี่ยวอิงด้วยความเป็นห่วงเช่นเดียวกัน“เมื่อครู่คนตระกูลโจวมาหาเรื่องเสี่ยวอิงครับ ผมคิดว่าคนพวกนั้นต้องกลับมาอีกแน่ ๆ ในช่วงที่ผมไปทำงานรบกวนคุณแม่ช่วยมาเป็นหูเป็นต
บทที่ 14 รู้ที่อยู่เสี่ยวอิงเมื่อจ่ายเงินเถ้าแก่ซงเสร็จแล้วเหม่ยถีเลือกที่จะเดินเล่นก่อนที่จะเข้าบ้านเพราะตอนนี้เธอไม่อยากอยู่บ้านเลยด้วยซ้ำ เข้าบ้านเมื่อไหร่ได้ยินแต่คำพูดเสียดสีด่าทอกันของหยางเจี้ยนกับมีมี่ ช่วงนี้หยางเจี้ยนเปลี่ยนไปราวกับคนละคนดื่มเหล้าทุกเย็น แล้วก็ชวนคนอื่นทะเลาะจนกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อ‘ทำไมชีวิตของฉันถึงได้เปลี่ยนไปแบบนี้นะ จะต้องทำยังไงถึงหาเงินได้มากกว่าเดิมคงต้องไปหาผักมาขายเหมือนเสี่ยวอิงสักหน่อยแล้ว ว่าแต่ตอนนี้เธอไปอยู่ที่ไหนกันนะถ้าเธอยังอยู่ครอบครัวของฉันคงไม่เดือดร้อนขนาดนี้ เฮ้อ ’ เหม่ยฉีเงยหน้ามองท้องฟ้าเห็นดวงตะวันยังอยู่สูง เธอทำอย่างที่พูดรีบไปหาผักตามสวนตามป่าเพื่อมาขายในตลาดในใจเอาแต่คิดถึงเสี่ยวอิงตลอดเวลาจนกระทั่งเธอได้ผักมาจำนวนหนึ่งรีบเอามาขายก่อนที่ตลาดจะปิด และเธอก็ได้เงินมาแม้เล็กน้อยแต่ตอนนี้เธอต้องทำทุกอย่างที่ได้เงิน ครานั้นเธอกำลังจะกลับบ้านหันไปเจอเด็กหน้าตาคุ้นเคยเสียงหัวเราะคิกคักที่ผ่านต่อหน้าไปเมื่อครู่ เธอจำได้ทันทีว่านั่นคือน้องของเสี่ยวอิง แต่ทว่าที่น่าแปลกใจคือเด็กทั้งสองสวมใส่ชุดนักเรียนอีกด้วย“นั่นมันจิ่งเหยากับจ้าวเหวิน
บทที่ 13 ฉันรอได้“ทำไมถึงเงียบไปล่ะ ฉันพูดอะไรผิดหรือเปล่า” เหมือนว่าเขาจะเห็นใบหน้าของเธอที่แดงระเรื่อนึกอยากจะกลั่นแกล้งขยับหน้าเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิม เสี่ยวอิงหันขวับกลับมาทำให้ริมฝีปากของเธอสัมผัสที่ใบหน้าของเขา เสมือนว่าเธอจูบแก้มของเขาอย่างไรอย่างนั้น“เอ่อ..อ๊าย! นี่นายใกล้เกินไปแล้วนะ เมื่อครู่ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะให้มันเป็นแบบนั้นฉันไม่รู้ว่านายเข้ามาใกล้ขนาดนี้” เสี่ยวอิงเขินจนหน้าแดงรีบร้อนตอบเขากลัวว่าเขาจะเข้าใจผิดคิดว่าเธอตั้งใจจะจุ๊บที่แก้มของเขา“ฮึ ฮึ ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยอีกอย่างฉันไม่ถือตัวด้วย ไม่ว่าเธออยากจูบที่ตรงนี้ ตรงนี้หรือตรงนี้ ไม่ว่าส่วนไหนในร่างกายฉันยอมให้เธอเสมอและยินดีไม่ว่าเธอจะสัมผัสมันเมื่อไหร่” เสวียนเฉินชี้ไปที่หน้าผาก ต่ำลงมาที่แก้มก่อนจะแตะลงที่ริมฝีปากของเขาอย่างยั่วยวนเสี่ยวอิงจน เธอรีบผลักเขาให้ออกห่างจากตัวเอง“บ้าไปแล้วแน่ ๆ หรือว่าช่วงนี้อากาศร้อนกันนะนายอำเภอถึงเปลี่ยนไป ใครเขาอยากจะสัมผัสกัน คนอะไรขี้อ่อยชะมัด ไม่ว่าจะทำยังไงฉันก็ไม่หวั่นไหวหรอกนะ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันเจ็บปวดจากความรักมามากพอแล้ว ต่อจากนี้ฉันมีชีวิตอยู่เพื่อเลี้ยงดูน้อง