แชร์

ตอนที่ 11 พังพอนขาว

ผู้เขียน: บุปผาสวรรค์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-22 14:09:49

เหวยผิงจึงหยิบขวดกระเบื้องที่ใส่น้ำทิพย์ขึ้นมากิน กลิ่นอันหอมหวานลอยคลุ้งไปทั่ว ทำให้ทั้งเฟยฮวาและเหล่าผึ้งงานบินมาหยุดต่อหน้าเหวยผิง มองน้ำทิพย์ที่อยู่ในขวดกระเบื้องตาเป็นประกาย

“ถือว่าเป็นรางวัลของพวกเจ้าสำหรับวันนี้” เหวยผิงหยดน้ำทิพย์ลงใบไม้แล้วยื่นให้กับเหล่าผึ้งงานที่นำทางนางมาหาต้นหยางเหมย

เหล่าผึ้งงานเองที่ได้รับอนุญาตก็บินมาเกาะใบไม้อย่างรวดเร็ว ดูดกินน้ำทิพย์อย่างเอร็ดอร่อย

“นี่เหวยผิง ท่านต้องให้ข้าด้วยสิ ข้าก็พาท่านมานะ” เฟยฮวาเอ่ยประท้วงที่ตนไม่ได้รับน้ำทิพย์ เหมือนผึ้งงานของนาง

“ได้สิ” เหวยผิงหยดน้ำทิพย์ไปที่หลังมือแล้วยืนไปใกล้ๆ เฟยฮวา

“ขอบคุณ” 

เหวยผิงนั่งมองเหล่าผึ้งกินน้ำทิพย์อยู่ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างสะกิดที่ขาหลังของนาง นางจึงหันไปมองก็พบว่าเป็นพังพอนขาวที่กำลังใช้เท้าอันน้อยเขี่ยนางไปมา

“แล้วนี่มีพังพอนขาวด้วยหรือ” เหวยผิงมองเจ้าพังพอนน้อยอย่างแปลกใจ เพราะปกตินางเห็นแต่พังพอนสีน้ำตาล นางยังไม่เคยเห็นพังพอนตัวสีขาวมาก่อนเลย

“อี้ๆ…” เจ้าพังพอนน้อยก็เขี่ยขาหลังไปมา

“เจ้าต้องการอันใดหรือ” เหวยผิงที่เห็นพังพอนขาวเขี่ยอยู่อย่างนั้นจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“อี้ๆ…อี้” เหมือนพังพอนขาวจะพยายามบอกอะไรนางสักอย่างแต่นางก็ไม่เข้าใจอยู่ดี

“มันต้องการน้ำทิพย์ของท่าน” เฟยฮวาที่กินน้ำทิพย์หมดแล้ว จึงบินขึ้นมาดูเจ้าพังพอนขาวที่กำลังพยายามบอกอะไรกับเหวยผิง

“เจ้าต้องการมันหรือ” เหวยผิงหยิบขวดกระเบื้องขึ้นมาให้พังพอนขาวดู

“อี้ๆ…” พังพอนขาวพยักหน้าขึ้นลง เหวยผิงที่เห็นท่าทางของพังพอนขาว นางคาดว่าจะเป็นกลิ่นของน้ำทิพย์ที่ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนให้เจ้าพังพอนขาวตัวนี้มา

“ไม่ได้ น้ำในขวดนี้มีอย่างจำกัดเหตุใดข้าจะต้องให้เจ้าด้วย” 

“อี้ๆ…” เหมือนมันจะฟังเหวยผิงรู้เรื่อง พังพอนขาวใช้นิ้วอันน้อยนิดชี้มาที่เฟยฮวา

“เฟยฮวาช่วยข้าหาต้นหยางเหมยพวกนี้ แล้วเจ้าทำประโยชน์อันใดให้ข้า” 

หลังจากที่พังพอนขาวได้ฟังเหวยผิงก็ทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อย ตากลมโตมองไปเห็นผลหยางเหมยที่กองอยู่ข้างๆ มนุษย์ผู้นี้ มันจึงวิ่งขึ้นต้นหยางเหมยอย่างรวดเร็ว

เหวยผิงที่เห็นเจ้าพังพอนนี้ไปแล้วก็ถอนหายใจ คิดว่าเจ้าพังพอนขาวยอมแพ้แล้ว นางจึงลุกขึ้นไปเก็บเหล่าหยางเหมยที่กองอยู่บนพื้นเข้ามิติ

“เอาล่ะ กลับกันเถิด” หลังจากเก็บเข้ามิติแล้ว เหวยผิงก็สะพายตะกร้าแล้วหันมาบอกกับเหล่าผึ้งงานทั้งหลาย แต่ขณะที่นางกำลังจะเดินกลับ สายตาเหลือบไปเห็นก้อนกลมสีขาววิ่งลงจากต้นไม้อย่างรวดเร็วแล้วมาหยุดต่อหน้านาง

เจ้าพังพอนขาวที่หายไปนั้นเอง นางก้มมองก็เห็นอุ้งมือสีขาวแบกลูกหยางเหมยสามสี่ลูก ในปากยังมีอีกสองลูก มันวางลูกหยางเหมยต่อหน้าเหวยผิง แล้วยืนมือออกมาหาเหวยผิง

เหวยผิงเองถึงกับตากระตุก ไม่คิดว่าเจ้าพังพอนขาวจะคิดเช่นนี้ เก็บหยางเหมยมาให้นางสี่ห้าลูกก็คิดว่าจะมีประโยชน์ต่อนางแล้วหรือ

“อี้ๆ…” พังพอนขาวท้วงน้ำทิพย์จากมนุษย์ตัวใหญ่ พลางชี้ไปที่ลูกหยางเหมยที่มันเก็บมา

เหวยผิงที่กำลังเหนื่อยใจกับเจ้าพังพอนตามตื๊อตัวนี้ ก็ปรากฏความคิดหนึ่งขึ้นมาในหัว

“เจ้าต้องการน้ำทิพย์ในขวดนี้ใช่หรือไม่” เหวยผิงหยิบขวดกระเบื้องให้พังพอนขาวดู

“อี้ๆ…อี้” พังพอนขาวที่เห็นขวดกระเบื้องก็พยักหน้าเป็นพัลวัน

“ เช่นนั้นเรามาทำข้อตกลงกันหรือไม่ หากเจ้ายอมกลับไปกลับข้า ยอมเป็นเพื่อนเล่นลูกชายข้าไปตลอดข้าจะให้ขวดนี้กับเจ้าทั้งหมด”

หลังจากที่ได้ฟังข้อตกลงจากมนุษย์ตัวโตผู้นี้ เจ้าพังพอนขาวก็คิดหนัก มันไม่อยากจะไปอยู่กับมนุษย์ แต่มันก็ต้องการน้ำในขวดนั้นเหมือนกัน ดูจากที่เหล่าผึ้งพวกนั้นกินน่าจะอร่อยไม่น้อย

“ตกลงจะอย่างไร หากไม่ข้าจะกลับแล้ว ลูกของข้ารออยู่บ้านคนเดียว” เหวยผิงที่เห็นพังพอนขาวทำท่าครุ่นคิดนานเกินไปจึงเก็บขวดกระเบื้องกับไป แล้วหันหลังเตรียมเดินกลับ

แต่เเล้วเจ้าพังพอนขาวก็กระโดดเกาะขานางไว้ ทำให้นางถึงต้องหยุดชะงักแล้วก้มมองพื้น

“ตกลงจะไปหรือไม่ไป” 

“อี้ๆ….” พังพอนขาวพยักหน้าตกลง แล้วยืนมือออกมารอรับน้ำทิพย์จากเหวยผิง

เหวยผิงที่เห็นมันยอมตกลงก็หยิบขวดกระเบื้องออกมาแล้วยื่นให้กับพังพอนขาวทั้งขวด

พังพอนขาวที่เห็นมนุษย์ตัวโตยืนขวดมาให้ อุ้งมือน้อยๆ ก็รับมาอย่างดีใจ จมูกน้อยๆ ดมฟุดฟิดไปมาขณะที่พังพอนขาวกำลังเพลิดเพลินกับกลิ่นอันหอมหวาน ตัวมันก็ลอยขึ้นแล้วมาร่วงอยู่ตะกร้าที่เหวยผิงสะพายอยู่

หลังจากไม่มีอะไรแล้วเหวยผิงก็ตรงกลับบ้านทันที โดยครั้งนี้มีผู้ติดตามอีกหนึ่งตัวกลับมาด้วย

“แม่กลับมาแล้ว” เหวยผิงที่กลับมาถึงบ้านก็เอ่ยส่งเสียง ก่อนจะได้ยินเสียงขลุกขลักอยู่ในบ้าน แล้วประตูก็เปิดออกปรากฏร่างของลูกชายนาง

“ท่านแม่ ท่านกลับมาแล้ว ท่านเก็บหยางเหมยได้เยอะหรือไม่” อี้เหวินเอ่ยพลางเขย่งมองผลหยางเหมยที่อยู่ข้างหลังทางแม่

“……” เหวยผิงปลดตะกร้าออกแล้วเอามาวางลงต่อหน้าอี้เหวิน

“ว้าว…พังพอนขาวน่ารักจังเลย” อี้เหวินที่เห็นก้อนสีขาวที่อยู่บนตะกร้าก็ตาลุกวาว

“ชอบหรือไม่”

“ท่านแม่จะให้ข้าเลี้ยงหรือขอรับ” อี้เหวินเอ่ยถามท่านแม่ พลางมองพังพอนขาวสลับไปมา

“หากเจ้าต้องการแม่ก็จะให้เลี้ยง แต่หากไม่วันนี้เราจะกินพังพอนย่างกัน” เหวยผิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบพลางมองไปที่พังพอนขาว

พังพอนขาวที่ได้ยินอย่างนั้นมันก็กระโดดกอดอี้เหวินอย่างรวดเร็ว พลางทำหน้าออดอ้อนเลี้ยงข้าเถิด ข้ายังอยากมีชีวิตอยู่

“เลี้ยงขอรับ ข้าจะเลี้ยงมัน” อี้เหวินเห็นสายตาเจ้าพังพอนตัวขาว หัวใจดวงน้อยๆ ก็อ่อนยวบ กอดร่างอันนุ่มนิ่มของพังพอนขาวไว้

“ได้เราจะไม่มีกินมัน”

พังพอนขาวที่เห็นเหวยผิงไม่กินมันแล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่หลังจากได้ยินประโยคถัดไปมันก็หยุดชะงัก

“แต่ถ้ามันดื้อไม่ยอมเชื่อฟัง หนีหรือไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ แม่จะทำมันย่างเสีย” เหมือนประโยคนี้เหวยผิงจะเอ่ยกับพังพอนขาวเสียมากกว่า

“ขอรับท่านแม่ ข้าจะเลี้ยงมันอย่างดี รับรองมันเชื่อฟังอย่างดี ใช่หรือไม่เสี่ยวไป๋” อี้เหวินเอ่ยพร้อมกับตั้งชื่อให้เจ้าพังพอนขาวเรียบร้อย

“ตกลง ส่วนเจ้าหากทำตัวดีจะมีน้ำทิพย์ให้กินตลอด เข้าใจหรือไม่” 

“อี้ๆ…” เสี่ยวไป๋ที่ได้ยินว่ามันจะมีน้ำทิพย์กินตลอดมันก็ร้องอย่างดีใจ พลางเอาหัวขาวซบลงอกของอี้เหวิน

“เอาล่ะพวกเจ้าทั้งสองก็ไปเล่นกันได้แล้ว แม่จะนั่งเลือกหยางเหมยที่เก็บมาเสียหน่อย” ลูกหยางเหมยที่เหวยผิงเก็บมามีทั้งลูกสุกปกติ กับลูกที่สุกงอมจัดๆ เหวยผิงจึงจะเลือกลูกที่สุกงอมไปหมักสุราเสียก่อนแล้วเก็บอันที่ยังดีไว้ทีหลัง

“ข้าจะช่วยท่านแม่ขอรับ ใช่หรือไม่เสี่ยวไป๋ก็จะช่วยท่านแม่” 

“ได้ งั้นเจ้าก็ช่วยแม่เลือกผลหยางเหมยพวกนี้” 

หลังจากนั้นสองแม่ลูกก็ช่วยกันเลือกผลหยางเหมย โดยมีพังพอนขาวที่น่าสงสาร นั่งเลือกผลหยางเหมยกับเขาด้วย

เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยามกว่าท้องฟ้าก็เริ่มมืดสนิท ทำให้เหวยผิงต้องหยุดมือ ยังเหลือผลหยางเหมยในมิติอีกเล็กน้อยเท่านั้นที่ยังไม่ได้เลือก นางจึงเก็บไว้เลือกพรุ่งนี้

แล้วเข้าไปในครัวเตรียมอาหารสำหรับมื้อเย็น อาหารมื้อนี้เป็นเมนูง่ายคือ ผัดหวานเนื้อกวาง ในส่วนของเสี่ยวไป๋เหวยผิงยังหันเนื้อกวางเป็นชิ้นเล็กให้มันอีกด้วย

หลังจากกินเสร็จนางก็ไล่หนึ่งพังพอนหนึ่งเด็กเข้าไปนอน ส่วนนางจะไปล้างเนื้อล้างตัวก่อน เนื่องจากระหว่างเก็บหยางเหมยมีเหงื่อออกไม่น้อย

พอนางกลับมาหลังจากอาบน้ำก็เห็นอี้เหวินน้อยกอดเสี่ยวไป๋อย่างสบายใจ นางจึงดึงผ้าห่มมาห่มให้ทั้งสองแล้วล้มนอนข้างๆ พรุ่งนี้ยังมีงานรอนางอยู่ไม่น้อย

เช้าวันรุ่งขึ้น…

เหวยผิงตื่นมาก็เตรียมหมักสุราน้ำผึ้งไว้ เนื่องจากมีถังน้อยทำให้เหวยผิงไม่สามารถทำได้มาก จึงคิดว่าวันนี้จะไปซื้อถังที่ตัวอำเภอเสียหน่อย

หลังจากที่จัดการกับสุราเรียบร้อย นางก็มาดูแป้งที่นางเลี้ยงไว้ถือว่าประสบผลสำเร็จ แป้งที่นางเลี้ยงโตขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก จึงตัดออกครึ่งหนึ่งทิ้ง แล้วผสมน้ำกับแป้งอย่างละเท่ากันใส่ลงไป คาดว่าพรุ่งนี้นางจะเริ่มเมี่ยนเปา (ขนมปังซาวโดวจ์)

“เหวยผิงท่านกำลังทำอะไรอยู่หรือ” ขณะที่เหวยผิงกำลังทำความสะอาดครัวเฟยฮวาก็บินเข้ามาหา

“มีอะไรหรือ”

“ท่านต้องการน้ำผึ้งหรือไม่ ตอนนี้น้ำผึ้งข้ามีเยอะมากๆ” 

“มันเหลืออีกตั้งสองวันถึงจะเก็บไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงเต็มเร็วขนาดนั้นล่ะ” เหวยผิงถามด้วยความสงสัย แต่ก็ยังเข้าไปเอาขวดกระเบื้องเปล่ามา

“ไม่รู้สิ ผึ้งงานของข้าหาน้ำหวานเก่งละมั่ง” เฟยฮวาเอ่ยชมผึ้งงานของตัวเอง ก่อนทั้งสองจะเดินไปหลังบ้าน

ทันทีที่เหวยผิงเห็นรังผึ้งที่มีขนาดใหญ่อย่างมากก็รู้สึกตกใจ

“ทำไมมันใหญ่ขนาดนี้” ขนาดมันใหญ่กว่าหลายวันก่อนไม่น้อย และดูเหมือนมันจะใหญ่ต่อไปเรื่อยหากนางยังไม่ทำอะไรสักอย่าง ด้วยรังผึ้งขนาดใหญ่เท่านี้บ้านนางรับไม่ไหวแน่ บ้านนางยิ่งใกล้พังอยู่

“เอาอย่างนี้ ข้าจะตัดเอารังของเจ้าไปครึ่งหนึ่ง แล้ววันนี้ข้าจะไปตัวอำเภอข้าจะไปสั่งทำบ้านมาให้พวกเจ้า” คงต้องหาวิธีย้ายรังของเฟยฮวาออกจากบ้านให้เร็วที่สุด ทำให้นางคิดถึงกล่องเลี้ยงผึ้งที่นางเคยเห็นในทีวีในภพที่แล้ว

“บ้านหรือ เหมือนของเหวยผิงหรือเปล่า” เฟยฮวาเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“คงเหมือนกันแหละ” 

“งั้นก็ตกลง เหวยผิงตัดเอาไปเลย” เฟยฮวาสั่งให้เหล่าผึ้งของนางออกจากหลังก่อนชั่วคราวให้เหวยผิงตัดรังของนางได้สะดวก

เหวยผิงที่เห็นว่ามันมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่นางจะถือไหวจึงกลับไปเอาถังในครัวมาใส่ โดยนางตัดส่วนที่ไม่มีตัวอ่อน

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทระนงแค้นสีเลือด   ตอนที่ 12 บ้านใหม่ของเฟยฮวา

    หลังจากที่นางกำลังเตรียมของแล้วก็ได้ให้เฟยฮวาไปตามอี้เหวินกับเสี่ยวไป๋มาเปลี่ยนชุดเพื่อไปในตัวอำเภอ นี่ก็ยามอู่แล้วนางไม่รู้ว่าท่านลุงไป๋ซานจะเข้าไปในตัวอำเภออีกหรือไม่ ไม่งั้นคงต้องจ้างไปตัวอำเภอโดยเฉพาะเสียแล้วอี้เหวินที่ได้ยินว่าท่านแม่จะพาไปเที่ยวในตัวอำเภอก็อุ้มเสี่ยวไป๋วิ่งกลับเร็ว แล้วเข้าไปเปลี่ยนซื้อผ้าตัวที่สำหรับออกบ้าน“เสร็จหรือยังอี้เหวิน” เหวยผิงเตรียมตัวเสร็จแล้ว จึงส่งเสียงเรียกอี้เหวิน“เสร็จแล้วขอรับ ไปตัวอำเภอกัน” อี้เหวินพร้อมชุดใหม่เดินอุ้มเสี่ยวไป๋ออกมาจากห้อง และยังมีเฟยฮวาที่เกาะอยู่บนไหล่อี้เหวินอีกด้วยระหว่างเดินผ่านบ้านท่านป้ากุ้ยฉิน เหวยผิงก็ตะโกนเรียก“ท่านป้าท่านอยู่หรือไม่เจ้าคะ เหวยผิงเองเจ้าค่ะ” “อ่าวพวกเจ้านั้นเอง มีอันใดหรือ” กุ้ยฉินที่ได้ยินคนส่งเสียงเรียกก็ออกมาจากบ้าน“ข้าเอาหยางเหมยมาให้เจ้าค่ะ พอดีข้าชิมแล้วมันหวาน สดชื่นมากๆ ข้าเลยแบ่งมาให้ท่าน” เหวยผิงส่งตะกร้าที่นางแบ่งหยางเหมยมาให้บ้านกุ้ยฉินได้ลองกินบ้าง“ขอบใจเจ้ามากๆ ข้าก็ไม่ได้กินหยางเหมยนานแล้ว ดูสิมีแต่ลูกแดงๆ น่ากินไม่น้อย ว่าแต่พวกเจ้าจะไปไหนหรือแต่งตัวซะดีเชียว”“ข้าจะเข้าไปตัวอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-22
  • ทระนงแค้นสีเลือด   ตอนที่ 13 ลองทำเมี่ยนเปา

    “อ้าวแม่นาง ครั้งนี้เจ้าต้องการอันใดหรือ” เสี่ยวเอ้อที่เห็นคนคุ้นหน้าจึงเอ่ยถามขึ้น“ข้าต้องการถั่วห้าจิน แป้งขาวสิบจิน” “ถั่วจินละสามร้อยอีแปะ แป้งขาวจินละสองร้อยอีแปะ ทั้งหมดสามตำลึงห้าร้อยอีแปะ ยังต้องการอันใดอีกหรือไม่” เสี่ยวเอ้อเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ ก่อนจะไปเตรียมของที่เหวยผิงสั่งไว้“ไม่ทราบว่าไปส่งที่เกวียนของข้าได้หรือ” ตอนนี้ตะกร้านางก็เต็มแล้ว หากจะให้นางแบกของเพิ่มอีกสิบกว่าจินคงไม่ไหว ตอนสั่งนางไม่ได้คิดเลยว่าจะเอากลับอย่างไร“ได้ข้าจะให้คนของข้าไปส่งให้ ว่าแต่เกวียนของแม่นางอยู่ตรงไหนหรือ” เหวยผิงได้บอกตำแหน่งของเกวียนให้เสี่ยวเอ้อได้ทราบ พร้อมกับให้ค่าแรงอีกส่วนหนึ่งสำหรับคนที่ไปส่งของให้นาง“เหนื่อยหรือไม่” เหวยผิงหันมาถามอี้เหวินด้วยความเป็นห่วงเพราะนางพาอี้เหวินเดินเยอะไม่น้อย“ไม่เหนื่อยขอรับ สนุกมากข้าได้เห็นอะไรใหม่ๆ เยอะเลย” อี้เหวินเอ่ยตอบ เพราะมาเที่ยวในตัวอำเภอสนุกกว่าอยู่ที่บ้านไม่น้อย“ยังเหลือเวลาอีกนิดหนึ่ง แม่เห็นร้านขายตำราอยู่ร้านหนึ่ง เจ้าอยากได้กระดาษไว้วาดรูปหรือไม่” นอกจากเสี่ยวไป๋ที่เป็นเพื่อนเล่นแล้ว อี้เหวินก็ไม่มีอะไรทำอีกเลย“อยากขอรับ ข้าอยาก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-22
  • ทระนงแค้นสีเลือด   ตอนที่ 14 เหตุใดเมี่ยนเปาราคาแพง

    ยามเฉิน…เช้านี้เหวยผิงตื่นมาก็เข้ามาดูแป้งที่ทำไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เปิดผ้าคลุมออกก็เห็นก้อนแป้งที่มีขนาดใหญ่ว่าในตอนแรกอยู่มากเหวยผิงเอาแป้งขาวมาโรยเป็นพื้นรองไม่ให้แป้งติดกับพื้น แล้วตัดแบ่งออกเป็นสี่ส่วน ส่วนละเท่าๆ กันจากนั้นก็นวดขึ้นรูปจนเนื้อเนียนเป็นก้อนกลมๆ เมื่อทำเสร็จทั้งสี่ก้อน นางก็ใช้มีดกรีดหน้าแป้งให้เป็นลวดลายนำแป้งไปวางในหม้อเหล็กที่นางได้ทาน้ำมันมะกอกไว้ ปิดฝาแล้วเอาไปตั้งบนกองไฟ เหวยผิงตักฟืนบางส่วนไปวางบนฝาหม้อ วิธีนี้เป็นวิธีอบเมี่ยนเปาอีกแบบหนึ่ง รอเวลาที่เมี่ยนเปาสุกได้ที่กลิ่นหอมของเมี่ยนเปาส่งกลิ่นหอมยั่วยวน ให้อี้เหวินกับเสี่ยวไป๋ที่กำลังเล่นอยู่หลังบ้านวิ่งตามกลิ่นมาอย่างรวดเร็ว“หอมมาก ท่านแม่ท่านทำอันใดหรือ กลิ่นหอมไปถึงหลังบ้านเลย” อี้เหวินจ้องมองไปที่เตาอย่างอยากรู้ว่าท่านแม่ทำอาหารชนิดใดถึงได้หอมขนาดนี้“เมี่ยนเปา เจ้ารอก่อนอีกไม่ถึงหนึ่งเค่อก็ใกล้สุกแล้ว” “ขอรับ” หนึ่งเด็กน้อยหนึ่งพังพอนขาวนั่งรอหน้าเตาอย่างใจจดใจจ่อ อยากรู้ว่าสิ่งที่ส่งกลิ่นหอมไปทั่วมีหน้าตาเป็นอย่างไรระหว่างที่รอเมี่ยนเปาก้อนแรกสุก เหวยผิงก็เอาหยางเหมยมาหันเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วโรยไปก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-22
  • ทระนงแค้นสีเลือด   ตอนที่ 15 ของโปรดของเหวยผิง

    “หน้าธรรมดาก้อนละยี่สิบอีแปะขอรับ ส่วนหน้าหยางเหมยก้อนละยี่สิบห้าอีแปะขอรับ ท่านลุงจะเอาอันไหน”“หน้าหยางเหมยเป็นอย่างไรหรือ” “ท่านแม่ใส่หยางเหมยลงไปด้วย มันจะให้รสเปรี้ยวหวานขอรับ” อี้เหวินเอ่ยอธิบายให้จางเหว่ยได้ฟังหลังจากได้ฟังท่านแม่อธิบายให้ลูกค้าคนก่อนๆ“งั้นข้าเอาทั้งหมดเลย”“จริงหรือขอรับ” อี้เหวิยเอ่ยถามเพื่อความแน่ชัด“จริงสิ”“ท่านแม่ ท่านลุงเอาหมดเลย” อี้เหวินหันมาบอกเหวยผิงที่อยู่ข้างๆ ด้วยความดีใจ“ทั้งหมดหนึ่งร้อยหกสิบอีแปะ คุณชายโปรดรอสักครู่นะเจ้าค่ะ”“ได้เลย ข้ายังไม่รีบสักเท่าไหร่” เนื่องจากกระทงใบไม้ที่เตรียมมาใส่ได้แค่หนึ่งถึงสองชิ้นเท่านั้น นางจึงต้องทำมันขึ้นมาใหม่“นี่เจ้าค่ะ” “แล้วท่านจะไปที่ไหนอีกหรือไม่” จางเหว่ยรับเมี่ยนเปามา แล้วเอ่ยถามเหวยผิง“ข้าจะไปซื้อของอีก หลังจากนั้นคงกลับบ้านเจ้าค่ะ” เนื่องจากจางเหว่ยเหมาเมี่ยนเปาไปหมดแล้ว ก็เริ่มเก็บของนางจะไปซื้อของไว้ทำสำหรับพรุ่งนี้เพิ่ม อีกทั้งหลังจากหักส่วนที่ไว้ลองชิม นางก็ขายได้หกร้อยสามสิบอีแปะ หักค่าแป้ง ค่าหยางเหมย ค่าจิปาถะอื่นๆ แล้วนางยังได้กำไรตั้งสามร้อยแปดสิบอีแปะ การค้าขายวันแรกถือว่าเป็นไปด้วยด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-22
  • ทระนงแค้นสีเลือด   ตอนที่ 16 ค่าเล่าเรียน

    เช้าวันรุ่งขึ้น…วันนี้อี้เหวินตื่นตั้งแต่ยามเฉินมาช่วยเหวยผิงจัดเมี่ยนเปาใส่ตะกร้า หลังจากที่นางซื้อหม้อมาเพิ่มอีกสองใบ ทำให้ใช้เวลาในการอบขนมน้อยลง จำนวนเมี่ยนเปาหกสิบลูกสำหรับเช้านี้ เหวยผิงใช้เวลาไปแค่หนึ่งชั่วยามครึ่งเมื่ออบเสร็จนางก็มุ่งตรงไปยังลานหมู่บ้านก็ไม่พบเห็นเกวียนของไป๋ซานแล้ว นางเอ่ยถามคนเเถวนั้นก็บอกว่าเกวียนของไป๋ซานออกไปตั้งแต่สองเค่อจะได้แล้ว“เอาอย่างไรดีขอรับท่านแม่” อี้เหวินเอ่ยถามขึ้น เมี่ยนเปาเต็มตะกร้าขนาดนี้หากจะไม่เอาไปขายก็ไม่ได้“งั้นเราไปหาท่านลุงกัน ใช้เกวียนของท่านลุงไปตัวอำเภอ” เมื่อได้อย่างนั้น เหวยผิงจูงมืออี้เหวินกลับขึ้นมาที่บ้านชุนเทียน“ท่านลุง ท่านลุงเจ้าค่ะ อยู่บ้านหรือไม่” เหวยผิงส่งเสียงเรียกคนในบ้าน ไม่นานชายวัยกลางคนก็เดินออกมาจากบ้าน“มีอะไรหรือเหวยผิง มาเรียกลุงที่หน้าบ้าน” “ข้าอยากจะจ้างท่านลุงไปส่งข้าในตัวอำเภอเสียหน่อยเจ้าค่ะ พอดีข้ามาไม่ทันเกวียนของท่านลุงไป๋ซานข้าจะไปขายเมี่ยนเปาเจ้าค่ะ” “งั้นหรือ รอข้าสักครู่ข้าไปเอาเกวียนก่อน เมี่ยนเปาของเจ้าเมื่อวานที่กุ้ยฉินเอามาให้ข้าอร่อยไม่น้อย เอาเป็นว่าเจ้าเอาเมี่ยนเปาจ่ายเป็นค่าเกวียนก็

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-22
  • ทระนงแค้นสีเลือด   ตอนที่ 17 แอบมาแบบนี้ข้าตกใจหมด

    วันนี้เป็นวันแรกที่สำนักหม่าและโรงหมอของนางเปิดสอนวันแรก ซึ่งนางจะแบ่งตารางเป็นสองช่วงคือช่วงยามเฉินถึงยามซื่อ และช่วงบ่ายยามเว่ยถึงยามเซินในช่วงเช้าของวันแรกจะมีเด็กเล็กมาเรียนหนังสือโดยที่นางจะแบ่งให้เฟยหยางและซีฮันสอนคนละช่วงเวลา ส่วนนางกับลี่หลินจะสอนในส่วนของชาวบ้านที่มาเรียนหมอ ซึ่งสำหรับหมอนั้นนางก็แบ่งออกไปสองกลุ่มเช่นกัน โดยกลุ่มแรกเรียนการเขียนการอ่านต่างๆ ส่วนอีกกลุ่มก็จะไปเรียนความรู้พื้นฐานต่างๆ เกี่ยวกับสมุนไพรกับลี่หลินและตอนบ่ายก็จะสลับกัน“แม่นมเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” ระหว่างที่พักทานอาหารกลางวัน หนิงเซียนก็ถามด้วยความอยากรู้ว่าลี่หลินสามารถสอนได้หรือเปล่า“สนุกดีเจ้าค่ะคุณหนู ข้าสอนได้” ลี่หลินนางรู้สึกว่าตัวเองมีประโยชน์ขึ้นเยอะ และนางยังรู้สึกชอบที่มีคนมานั่งฟังนางบรรยาย“ถ้าเช่นนั้นก็ดีเจ้าค่ะ” หากลี่หลินมีความสุขนางก็มีความสุขเช่นกัน“แล้วท่านกับท่านลุงละเป็นอย่างไรบ้าง” หนิงเซียนหันมาถามชายหนุ่มวัยกลางคนที่นั่งร่วมวงทานข้าวด้วย“ก็ดีขอรับ” เฟยหยางเอ่ยตอบรู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง แต่เขาคิดว่าถ้าได้สอนได้เจอเด็กๆ ทุกวันเดี๋ยวก็คงจะชิน“ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น” ตัวซีฮันเองก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-23
  • ทระนงแค้นสีเลือด   ตอนที่ 18 ขอกำลังเสริม

    “คุณชายจางหมิง หากข้าขอความช่วยเหลือจากท่านได้หรือไม่” จู่ๆ หนิงเซียนก็คิดแผนการบางอย่างออก นางหันไปมองจางหมิงด้วยสายตาคาดหวัง“คุณหนูหนิงเซียนต้องการให้ข้าทำสิ่งใดหรือ”“ข้าต้องการขอความร่วมมือของท่านจัดการแคว้นซีฉินได้หรือไม่” ประโยคของหนิงเซียน ทำให้ทุกคนในห้องโถงหันมามองนางเป็นตาเดียว“คุณหนูท่านต้องการทำสิ่งใด” ซีฮันเอ่ยถามย้ำเพื่อความแน่ใจ นี่หนิงเซียนกำลังดึงแคว้นหนันเหลียงมาร่วมด้วยหรือ“ตัวข้านั้นไม่…”“ท่านเป็นถึงเชื้อราชวงศ์คงจะพอมีอำนาจอยู่บ้าง” จางหมิงที่ได้ยินประโยคของหนิงเซียน เขานิ่งค้างอยู่สักพักก่อนจะรีบปรับอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่พ้นสายตาหนิงเซียนอยู่ดี“ท่านรู้ “” ข้าเห็นหยกที่ห้อยอยู่หลังเอวท่าน ตอนแรกข้าไม่แน่ใจแต่หลังจากได้ยินชื่อตระกูลเฉินข้าก็รู้ตัวตนของท่านทันที “ตอนครั้งที่นางอยู่กับเหมยฮวาตัวนางก็เผอิญได้ยินข่าวของราชวงศ์ของแคว้นหนันเหลียงที่องค์ชายสองแย่งชิงบัลลังก์และยึดอำนาจราชาองค์เดิม” ได้หากท่านต้องการ แคว้นของเรายินดีสนับสนุนท่านเต็มที่ “ไหนๆ หนิงเซียนก็รู้ตัวตนของเขาเรียบร้อยแล้ว คงปิดบังไม่ได้แล้ว” ขอบคุณท่านมาก “ตอนนี้นอกจากกองทัพทมิฬแล้ว นางยังมีแ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-23
  • ทระนงแค้นสีเลือด   ตอนที่ 19 โรคระบาด

    “หนิงเซียน ท่านซีฮันพรุ่งนี้ข้าจะกลับแคว้นหนันเหลียงแล้ว” จู่ๆ จางหมิงก็เอ่ยขึ้นมาขณะที่กำลังทานอาหารกันอยู่“เกิดเรื่องหรือ” ซีฮันเอ่ยถาม เพราะตัวของจางหมิงก็อยู่ที่หุบเขามาหลายวันแล้ว คงมีเรื่องไม่น้อยที่ต้องการไปจัดการ“ขอรับ” จางหมิงพยักหน้า พลางเหลือบสายตาไปมองที่หนิงเซียน เพื่อว่านางจะพูดอะไรบ้างแต่ก็ต้องผิดหวัง หนิงเซียนตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเดียว“เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ข้าจะให้คนไปส่งท่าน”“ไม่ดีกว่า ข้าไม่อยากรบกวนท่าน” จางหมิงส่ายหน้าปฏิเสธ เพราะพวกเขากลับกันเองจะสบายกว่าซีฮันได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้าตกลง” ข้าอิ่มแล้วเจ้าค่ะ ข้าขอตัวกลับห้องก่อนนะเจ้าคะ “หนิงเซียนวางถ้วยข้าวที่กินหมดชามแล้ว แล้วลุกออกไปทันที ทำให้คนที่เหลือต่างมองไปที่หนิงเซียนอย่างงงๆ เพราะทุกทีหนิงเซียนจะเป็นคนกินช้าอย่างมากหลังจากวันที่จางหมิงกลับแคว้นหนันเหลียงไปผ่านมาได้เพียงเจ็ดวันก็เกิดปัญหาใหญ่ขึ้น เนื่องจากเข้าฤดูร้อนมากได้เกือบครึ่งเดือนแล้ว ปัญหาที่พบในตอนนี้คือน้ำในแม่น้ำดูเหมือนจะลดลงเป็นอย่างมาก อีกทั้งต้นน้ำที่ไหลลงสู่แม่น้ำหลงซีไหลน้อยลงอย่างมากและอากาศที่พุ่งสูงขึ้นทำให้หนิงเซียนต้องจัดการปั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-23

บทล่าสุด

  • ทระนงแค้นสีเลือด   ตอนที่ 44 จบบริบูรณ์

    เช้าวันรุ่งขึ้น…ในตำหนักของหนิงเซียนต่างวุ่นวายตามหาหมอหลวงอย่างเร่งรีบ เมื่อพบว่าหนิงเซียนโดนทำลายร้ายตอนนี้ทั้งวังหลวงต่างอยู่ในความตื่นตระหนก เหตุใดเมื่อคืนถึงบังอาจมีผู้ลักลอบเข้ามาทำลายว่าที่ฮองเฮาได้“ฝ่าบาทหมอหลวงมาแล้วเจ้าค่ะ” เข่อซิงวิ่งมาพร้อมกับหมอหลวง เข้ามาในห้องของที่มีร่างของหนิงเซียนนอนเจ็บอยู่ที่แขนของนางนั้นยังมีเลือดซึมอยู่ตลอดหมอหลวงเข้ามาแล้วก็รีบจัดการกับแผลของหนิงเซียน “ฝ่าบาทพระองค์โปรดออกไปก่อนได้หรือไม่ ข้าต้องใช้สมาธิอย่างมากในการรักษาคุณหนูหนิงเซียน” หมอหลวงหันมาบอกจางหมิงที่ยังยืนอยู่ในห้องดู“ข้า…” ทีแรกจางหมิงมีท่าทียึกยัก แต่พอคิดว่าจะต้องรีบรักษาหนิงเซียนให้เร็วที่สุดจึงตัดสินใจออกจากห้องไปพอหมองหลวงเห็นว่าฝ่าบาทออกไปแล้วก็หันมารักษาให้กับหนิงเซียน หยิบยาขึ้นมาก่อนจะป้อนให้กับหนิงเซียน ดวงตาที่หลับอยู่ของหนิงเซียนเปิดขึ้นทันทีคว้ายาในมือของหมอหลวงก่อนจะป้อนใส่ปากของหมอหลวงอย่างรวดเร็วนางตวัดร่างขึ้นก่อนจะล็อกร่างของหมอหลวงไว้ให้กลืนยาเม็ดนั้นลงไป ด้วยความที่ร่างหมอหลวงบอบบางเกือบเท่านางทำให้หมอหลวงไม่สามารถขัดขืนได้เลยทำใจต้องกลืนยาเม็ดนั้นลงไป“เจ

  • ทระนงแค้นสีเลือด   ตอนที่ 43 ยามวิกาล

    “เจ้าหัวเราะอันใด” ซูเม่ยมองไปที่หนิงเซียนอย่างไม่เข้าใจ เหตุใดมันจึงไม่เป็นไปตามที่นางคาดไว้“ข้าแค่เพียงชื่นชมในบทละครที่คุณหนูซูเม่ยตั้งใจเล่นเป็นอย่างมาก แต่เพียงคุณหนูบทของท่านกลับไม่เป็นจริงสักเรื่อง”“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”“ท่านยังต้องถามข้าอีกหรือ ข้าอยากจะรู้นักว่าคนที่ไปสืบเรื่องนี้มาเหตุใดจึงสืบมาได้เพียงแค่นี้ เรื่องราวที่เหตุขึ้นที่ซีฉินออกจะใหญ่โต งั้นตัวข้าหนิงเซียนจะเล่าให้ทุกคนฟังในเรื่องที่ถูกต้อง จะได้เล่าเรื่องของตระกูลข้าได้อย่างตรงไปตรงมาไม่บิดเบือน” หนิงเซียนไล่สายตาไปหาผู้คนในงานนี้ ผู้ที่เผลอสบสายตากับนางก็รีบหลบสายตาหนีทันที“เรื่องที่ตระกูลหม่าของข้าถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏนั้นเป็นความจริง แต่มันก็เป็นสิ่งที่ตระกูลข้าถูกใส่ร้ายเท่านั้น พวกบ้าหลงระเริงอยู่ในอำนาจหวาดกลัวต่อตระกูลของข้าที่ย่อมสละเลือดเนื้อเพื่อแผ่นดิน คุณหนูซูเม่ยต่อจากนี้ท่านจงตั้งใจฟังให้ดี… “หนิงเซียนจ้องเข้าไปในดวงตาของซูเม่ยที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก” ตัวข้ากองทัพทมิฬของท่านพ่อข้าและยังมีกองทัพหนันเหลียงร่วมจัดการโค่นบัลลังก์ตระกูลราชวงศ์องค์ก่อนนั้นคือสิ่งที่คุณหนูซูเม่ยขาดหายไป” หลังจาก

  • ทระนงแค้นสีเลือด   ตอนที่ 42 คณะทูตจากซีฉิน

    ภายในท้องพระโรง“ฝ่าบาทมีม้าเร็วจากซีฉินส่งสารมาว่าเหล่าคณะขุนนางของซีฉินจะมาเยี่ยมเยือนหนันเหลียงในอีกห้าวันข้างหน้าขอรับ” สิ้นสุดเสียงของนางกองทำให้เหล่าขุนนางในท้องพระโรงต่างถกเถียงกันกับการมาเยือนของคณะซีฉินในครั้งนี้ เพราะทั้งสองแคว้นนั้นก็นับว่าไม่ได้ปรองดองกันถึงขนาดที่ว่าจะไปมาหาสู่กันได้แต่ข้อถกเถียงก็ข้อถกเถียงเมื่อจางหมิงสั่งให้ขุนนางทุกคนเตรียมความพร้อมให้ดีในการมาเยือนของคณะซีฉินอีกห้าวันข้างหน้า“คุณหนูเจ้าคะ คณะจากซีฉินจะมาเยี่ยมเยือนที่นี่ในอีกห้าวันข้างหน้า” เหมยฮวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“ท่านลุงจะมาที่นี่หรือ” หนิงเซียนแปลกใจเหตุใดนางถึงไม่รู้ข่าวเกี่ยวกับซีฮัน“ใช่เจ้าค่ะ ตอนนี้ฝ่าบาทสั่งให้เหล่าขุนนางเตรียมความพร้อมต่างๆ ท่านซ่งเสี่ยนเองก็เริ่มสั่งให้นางกำนัลเตรียมการสถานที่วังหลวงรอแล้วเจ้าค่ะ”หนิงเซียนพยักหน้าเข้าใจ นางก็อยากรู้ว่าที่ซีฮันมาเยือนหนันเหลียงครั้งนี้ด้วยเหตุอันใด “คงจะมีเรื่องให้ตื่นเต้นอีกแล้ว”ห้าวันผ่านไปตลอดเวลาที่ซีฉินส่งมาแล้วมาว่าจะมาเยี่ยมเยือนให้อีกห้าวันข้างหน้า คนในวังหลวงต่างมีหน้าที่จัดเตรียมสถานที่ให้พร้อม และวันนี้เป็นวันที่คณะของ

  • ทระนงแค้นสีเลือด   ตอนที่ 41 ราชโองการ

    “คุณหนูเกิดเรื่องใหญ่เข้าเจ้าค่ะ” เสียงของเข่อซิงดังมาตั้งแต่หน้าตำหนัก ทำให้หนิงเซียนที่กำลังนั่งอยู่ในห้องยาต้องออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น“เกิดอะไรขึ้นหรือเข่อซิง” ท่าทีของเข่อซิงดูร้อนรนไม่น้อย“ข่าวเกี่ยวกับท่านเจ้าค่ะ ตอนนี้ในเมืองต่างกล่าวถึงตัวท่านอย่างสนุกเลยเจ้าค่ะ เกี่ยวกับที่ตระกูลหม่าของท่านเป็นตระกูลแม่ทัพที่ก่อกบฏร้ายแรงสังหารชาวบ้านไม่เว้น แต่ดีที่ราชวงศ์ของตงหยางสั่งประหารได้ทัน พวกเขายังเล่นกันอีกกว่าเป็นท่านที่หนีรอดมาได้” เข่อซิงที่ออกไปซื้อของให้กับลี่หลิน นางจึงบังเอิญได้ยินเข้าหนิงเซียนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีเปลี่ยนแปลงไปมากนัก” งั้นหรือเจ้าจะตกใจไม่ใย “ทำให้เข่อซิงสงสัยไม่น้อยตอนนี้ตระกูลของท่านกำลังถูกมองไม่ดีอยู่นะเจ้าคะ” แต่… “” มันไม่ใช่ความจริง เหตุใดข้าต้องเป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องพวกนั้นด้วยล่ะ“เรื่องที่กล่าวมาไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น เหตุใดจึงไม่บอกไปด้วยละว่านางคนนี้ที่เป็นคนล้มราชวงศ์ซีฉินกับมือเอง” เจ้าค่ะ “เข่อซิงพยักหน้าตอบรับ ในเมื่อหนิงเซียนไม่ดูเดือดร้อนกับข่าวที่เกิดขึ้นเลยนางก็หาได้เดือดร้อนไม่“ขบวนองค์หญิงสามเสด็จ” เสียงของใครบางคนดัง

  • ทระนงแค้นสีเลือด   ตอนที่ 40 ข่าวลือ

    หนิงเซียนที่ได้ฟังเรื่องราวของก็รู้สึกสงสารจางหมิงไม่น้อย เป็นถึงเชื่อราชวงศ์ใช่ว่าจะสุขสบาย ต้องคอยระวังภัยกันเอง“แล้วฝ่าบาทจะตื่นจากบรรทมเมื่อใด”“หากไม่มีดอกไม้นั้นแล้ว กว่าพิษที่อยู่ในร่างกายของจางหมิงจะหายหมด ข้าคิดว่าอย่างต่ำสี่ถึงห้าวัน”ซ่งเสี่ยนพยักหน้าอย่างโล่งใจ คิดว่าจางหมิงจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้เสียอีกเมื่อจัดการตรงนี้เสร็จรีบร้อยนางจึงลาซ่งเสี่ยนกลับตำหนักวันนี้นางคิดที่จะไปเยี่ยมพวกเสี่ยวเปาเสียหน่อย นางเดินมาถึงทางออกเห็นว่ามู่เฉินยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้านิ่งเรียบ” มีอันใดหรือมู่เฉิน “” คุณหนูท่านจะกลับตำหนักแล้วหรือขอรับ “” ใช่ ว่าแต่เกิดอันใดขึ้น “” ตอนนี้เหล่าขุนนางต่างหมายจะเข้ามาเยี่ยมฝ่าบาทขอรับ “ตอนนี้มีเหล่าขุนนางประมาณหกเจ็ดคนยืนรออยู่หน้าตำหนักของจางหมิงเพื่อหวังจะเข้ามาดูอาการ” มีทางออกอื่นหรือไม่ “หนิงเซียนเองก็ไม่อยากปะทะขุนนางพวกนั้นในตอนนี้หรอกมู่เฉินได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้า ทางลับของตำหนักของฝ่าบาทย่อมมีอยู่แล้ว” ตามข้ามาขอรับ “หนิงเซียนเดินตามมู่เฉินออกไปทางลับที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของตำหนัก” ทางเดินไปทางนี้แล้วเลี้ยวซ้าย ท่านจะไปออกหลังน้ำตกใ

  • ทระนงแค้นสีเลือด   ตอนที่ 39 ดอกนิดนิรันดร์

    ทันทีที่นางเข้ามาในห้องบรรทมของจางหมิง สิ่งที่ทำให้นางขมวดคิ้วอย่างแรกก็คือกลิ่นของกำยานนางรู้สึกว่าในกลิ่นของกำยานนี้มีบางอย่างแอบแฝงอยู่ แต่นางปล่อยผ่านมองไปที่เตียงก็เห็นร่างอันคุ้นเคยนอนแน่นิ่งอยู่กับเตียง ผิวกายซีดขาวราวกับคนตายระหว่างนั้นนางก็ยืนรอเพราะตอนนี้กำลังมีหมอหลวงคอยตรวจอาการของจางหมิงอยู่“หมอหลวงอาการของฝ่าบาทเป็นเช่นไรบ้าง” หลังจากที่หมอหวังเหว่ยตรวจเสร็จแล้วก็เข้าไปถามหมอหลวงหันมาพบว่ามีหญิงสาวผู้หญิงยื่นจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาเรียบนิ่งก็ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบหวังเหว่ย “อาการฝ่าบาทคล้ายคนปกติ ชีพจรเต้นมั่นคงดูเหมือนคนแข็งแรงทั่วไปแต่ที่ข้าสงสัยคือผิวที่ซีดราวกับคนตายของฝ่าบาท ข้าคงต้องขอไปปรึกษาหารือกลับหมอหลวงคนอื่นๆเสียก่อน ท่านองครักษ์หวังเหว่ยท่านโปรดวางใจ” หมองหลวงเอ่ยตอบพลางเหลือบตาไปมองหญิงสาวที่ยืมอยู่ในห้องนี้อีกคน“เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านมาก คุณหนูเชิญท่านตรวจดูอาการของฝ่าบาทได้เลย” หวังเหว่ยเอ่ยขอบคุณหมอก่อนจะหันมาบอกกับหนิงเซียน“ไม่ได้ ท่านหวังเหว่ยนางเป็นใครกล้าดีอย่างไรถึงให้นางมาจับตัวฝ่าบาทท่านไม่รู้หรือว่าตอนนี้ฝ่าบาทกำลังจะประชวรอยู่” หมอหลวง

  • ทระนงแค้นสีเลือด   ตอนที่ 38 เกิดเรื่องกับฝ่าบาท

    ขบวนรถม้าของหนิงเซียนมาจอดอยู่หน้าเรือนขนาดใหญ่ ทำให้เด็กต่างมองด้วยความตื่นเต้น“พี่หนิงเซียนพวกเราจะอยู่ที่นี่กันหรือเจ้าคะ” เปาซานเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น มองไปภายในเรือนด้วยความอยากรู้อยากเห็น นางไม่เคยเห็นเรือนที่มีขนาดใหญ่เท่านี้มาก่อนเลยหนิงเซียนพยักหน้าตอบลง” ใช่นับตั้งแต่วันนี้ไปพวกเจ้าจะต้องอยู่ที่นี่ ข้าจะมีอาหารให้พวกเจ้ากินทุกมื้อและยังจะจ้างคนมาสอนหนังสือให้กับพวกเจ้าด้วย “นางคิดมาดีแล้ว เด็กๆ พวกนี้นางจะรับดูแลเอง” จริงหรือขอรับ “เสี่ยวเปามองไปที่หนิงเซียนด้วยสายตาเปล่งประกายไม่คิดว่าเขาจะได้เรียนหนังสือเหมือนกับคุณหนูคุณชายตระกูลใหญ่” ใช่ “” เอาละทุกคนอยู่ที่นี่ต้องทำตามกฎเข้าใจหรือไม่ หากใครดื้อเกเรจะต้องถูกลงโทษ พวกเจ้าทุกคนแยกชายหญิงแล้วจับคู่กัน “เด็กที่ได้ยินอย่างนั้นก็ทำตามที่หนิงเซียนบอกโดยมีพวกเหมยฮวาคอยช่วยเสี่ยวเปาที่สงสัยจึงเอ่ยถามออกไป” เหตุใดต้องแยกชายหญิงแล้วจะต้องจับคู่ด้วยขอรับ “” พวกเจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าชายหญิงมีความแตกต่างกันนั้นจึงเป็นเหตุที่ข้าให้พวกเจ้าแยกชายหญิง ส่วนที่เจ้าถามว่าจับคู่ทำไม เพราะคู่ของพวกเจ้านั้นจะต้องพักอยู่ในห้องเดียวกัน คอยช

  • ทระนงแค้นสีเลือด   ตอนที่ 37 คนของท่านพ่อ

    “พี่หนิงเซียนท่านลุงป่วยเป็นอันใดขอรับ”“ท่านลุงก่อนที่ท่านจะล้มป่วยท่านทำงานอย่างหนักใช่หรือไม่”“ขอรับ” ฮุ่ยซานเอ่ยตอบตามจริง เพราะเขาเองก็อยากหาจากโรคบ้าๆ นี้แล้ว“บ้างเวลาท่านรู้สึกแน่นที่อกข้างซ้ายใช่หรือไม่ “” ขอรับ ข้าเป็นอันใดหรือขอรับ “เพราะอาการที่หญิงสาวตรงหน้าเอ่ยตรงตามที่เขาเป็นทุกอย่าง” จะนับว่าร้ายแรงสิ่งที่ท่านเป็นมันก็ไม่ได้ดูร้ายแรงเท่านั้น ร่างกายท่านเพียงอ่อนล้าจากการทำงานอย่างหนักทำให้ร่างกายของท่านมีบางอย่างผิดปกติ ดังนั้นเวลาที่ท่านทำงานหนักพักผ่อนไม่เพียงพอ มันจะทำให้อาการเหล่านี้กลับมาอีก ส่วนที่ท่านยังไม่หายก็เพราะไม่ได้รับอาหารที่เพียงพอและยาที่ตรงตามโรค“แล้วข้าจะต้องทำอย่างไรถึงจะต้องไม่เป็นมันอีกขอรับ” ฮุ่ยซานไม่อยากเป็นโรคนี้อีกแล้ว มันช่างทรมานเหลือเกินที่จะต้องนอนอยู่บนเตียงเฉยไม่มีแรงไปทำสิ่งใด“ง่ายต่อจากนี้ท่านต้องหยุดทำงาน แล้วดูแลตัวของท่านให้ดี”“ไม่ได้ข้าหยุดทำงานไม่ได้ หากข้าหยุดพวกเด็กๆ ก็จะไม่มีอาหารประทังชีวิต”“ท่านลุงทางอารามไม่ส่งอาหารมาให้พวกเราแล้วขอรับ” เสียงของเสี่ยวเปาทำให้ฮุ่ยซานหันไปโดยเร็ว“อะไรกันข้าไม่ได้ไปทำงานเพียงไม่กี่วันพ

  • ทระนงแค้นสีเลือด   ตอนที่ 36 ให้ความช่วยเหลือ

    “เด็กน้อยเจ้าเป็นอย่างไร” หนิงเซียนพยายามปลุกเด็กน้อย แต่ไม่ว่านางจะทำอย่างไรเด็กชายก็ไม่ตื่นขึ้น ดูจากอาการแล้วน่าจะอดอาหารมาเป็นเวลานาน นางจับชีพจรพบว่าชีพจรเต้นเบาอย่างมาก“จางหมิงท่านไปซื้อยาสมุนไพรแถวนี้มาให้ข้าหน่อย” หนิงเซียนบอกรายชื่อสมุนไพรที่ต้องการให้กับจางหมิง เพราะกระเป๋ายาของนางไม่ได้เอามาด้วยเลยต้องหาเอาจากที่นี่แทน“คุณชายเกิดอันใดขึ้นขอรับ” คนขับรถม้าเห็นว่าเหมือนจะมีเรื่องเกิดขึ้นจึงเข้ามาถาม“เจ้าไปซื้อสมุนไพรพวกนี้มาให้นาง” จางหมิงหันไปบอกกับคนขับรถม้าอีกหน“ขอรับ”หนิงเซียนเอาน้ำให้เด็กชายจิบอย่างช้าๆ รอเวลาที่คนของจางหมิงไปซื้อสมุนไพรมาให้นาง หนิงเซียนเห็นว่าเริ่มมีคนสนใจมากขึ้น นางจึงอุ้มเด็กชายขึ้นแล้วพาตรงไปยังรถม้าเวลารักษานางไม่ค่อยชอบให้คนมาดูมากนัก มันจะชอบมีพวกปากมากติติงการรักษาของนาง“ข้าอุ้มเอง” จางหมิงเข้าไปแย่งเด็กชายมาอุ้มด้วยตัวเองก่อนจะพาไปยังรถม้าหนิงเซียนที่เห็นอย่างนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมากรีบตามจางหมิงไปติด ไม่นานคนขับรถม้าก็นำสมุนไพรที่ซื้อมาให้กับนาง“ท่านโปรดรออยู่ข้างนอก” หนิงเซียนให้จางหมิงออกไปรออยู่ข้างนอกก่อนที่นางจะเริ่มทำการรักษาให้กั

DMCA.com Protection Status