ตำหนักฮองเฮา
“เสด็จแม่ พี่ใหญ่ไม่ถามนางด้วยซ้ำว่าเจ็บไหมเอาแต่วิ่งตามเจ้าขันทีตัวอ้วนไป”หว่านหนิงนั่งเย็บถุงหอมเหมือนเดิม ปล่อยให้ลี่หลางเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง
“แล้วนางเจ็บมากไหมเล่า”
“จะว่าเจ็บก็ไม่เจ็บมากอย่างที่ควรจะเป็น เจ้าขันทีปิงปิงยังจะเจ็บเสียกว่าถูกกระชากด้วยแรงขนาดนั้น”
“แล้วจิงฮวน นางว่าอย่างไร”
“องค์หญิงจิงฮวนก็แค่ วิ่งตามขันทีปิงปิงไป”
“แล้วหลงหลงเล่า”
“เสด็จแม่ คงพอเดาออกว่าพี่ใหญ่จะทำเช่นไร”ลี่หลางยิ้ม
“หลงหลงก็คงตามขันทีปิงปิงไป”
“เสด็จแม่ อี้หลิวกิริยานางบางอย่างขัดใจลูกเหลือเกิน แต่ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่จะรู้สึกเช่นไร”หว่านหนิงยิ้ม
“แล้วจิงฮวนเล่า”ไม่ตอบแต่เลือกที่จะถามกลับมือยังคงเย็บถุงหอมต่อไปไม่แสดงทีท่าว่าสนใจคำตอบ
“จิงฮวนนางสดใสน่ารักเป็นธรรมชาติเสียกว่า ลูกยังแอบคิดว่าหากจิงฮวนรั้งอยู่ที่แคว้นจ้าวเสียนานหน่อยที่นี่คงครึกครื้น”ดวงตาเป็นประกาย หว่านหนิงเงยหน้าขึ้นมองลี่หลางอย่างค้นคว้า
“แล้วองค์ชายรองของแม่ชอบนางไหม”ลี่หลางหันหน้ามามองหว่านหนิงด้วยสายตาเป็นประกายสดใส
“หลางหลาง เชื่อสายตาเสด็จแม่หากเสด็จแม่มองว่าใครสมควรจะแต่งเป็นชายาของหลางหลาง หลางหลางจะไม่ปฏิเสธนาง เสด็จแม่ช่วยดูให้ทีว่าจิงฮวนเหมาะที่จะเป็นชายาลูกหรือไม่”หว่านหนิงยิ้มบางๆ ลี่หลางทิ้งตัวลงนอนบนตักอย่างเอาใจ
ตำหนักร้อยดาว
ลี่หลงสาวเท้ายาวๆ ไปจนทั่วตำหนักร้อยดาว กลับไม่พบทั้งปิงปิงและจิงฮวน ห้องลับมีกลไกซึ่งมีเพียงหว่านหนิงเท่านั้นที่รู้ดี
หาจนทั่วบริเวณแต่ไม่พบหรือว่าจิงฮวนจะพาปิงปิงไปแล้ว แต่ตำหนักร้อยดาวมีทางเข้าออกเพียงหนึ่งทำไมเขาไม่พบนาง
เดินเข้าไปในห้องเก็บตำราเป็นไปได้ไหมว่าจิงฮวนจะหลงเข้าไปในห้องลับ
“องค์ชาย” ฝานกงกงในวัยชราผมสีดอกเลา แต่ร่างกายกลับองอาจดุจพญาเสือที่ยิ่งแก่ยิ่งองอาจ เดินยิ้มมาแต่ไกล
“ลี่หลงคารวะซือฟุ”
“โอ้ องค์ชายกังวลเกินไปแล้ว วันนี้ฝานกงกงมีโอกาสออกมาเดินเล่นจึงคิดว่าองค์ชายต้องอยู่ที่นี่แน่นอน”ลี่หลงยิ้ม
“ซือฟุปราดเปรื่อง ลี่หลงไม่อาจปิดบังท่านได้ เดิมทีทูลขอเพื่อเข้ามาอาศัยในตำหนักร้อยดาวเพียงลำพัง”
“ที่นี่มีเรื่องราวความทรงจำของเสด็จพ่อและเสด็จแม่ขององค์ชายมากมาย เช่นนั้นจึงเหมาะกับองค์ชายที่จะสร้างสรรค์เรื่องราวต่อจากนี้” ลี่หลงประสานมือ
“ศิษย์ จะจำคำสั่งสอนของซือฟุไว้”ฝานกงกงยิ้ม ลี่หลง ลี่หลาง หรือแม้กระทั่งลี่หยางไม่เคยทำให้เขาผิดหวังยิ่งนานวัน ยิ่งรู้สึกว่าคนทั้งหมด เป็นดั่งครอบครัว ที่ไม่อาจละเลย
ฝานกงกงจากไป ลี่หลงเดินวนรอบห้องตำราอีกครั้ง ไม่พบใคร หรือว่าลองขยับชั้นวางตำราออกเบาๆ เพียงออกแรงเพียงนิด ประตูห้องลับก็เปิดออกง่ายดาย ภายในห้องลับมืดมิด ยืนนิ่งจนสายตาชินกับความมืด
“ปิงปิง”ใจอยากจะเรียกหา จิงฮวน แต่เหมือนมีบางอย่างกางกั้นไว้
เดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ เขาเคยเข้ามาสองครั้ง แต่ก็ไม่สามารถกลับออกไปทางเดิมได้เนื่องจากประตูปิดสนิท จึงจำต้องเดินตามทางจนพบทางออกยังนอกเขตวังหลวง ที่นั่นเป็นดงไม้หนาทึบปกคลุมเทือกเขาหินที่หากไม่สังเกตจะไม่รู้ว่ามีทางเข้าออกอยู่ หากไม่ผ่านการเดิน ย้ำไปซ้ำๆ จะไม่มีร่องรอยของทางออก
“เหมี๊ยว”ปิงปิงเดินมาคลอเคลีย ลี่หลงอุ้มปิงปิงไว้พาเดิน เข้าจนถึงโถงกว้าง เบื้องหน้านั่น จิงฮวนกึ่งนั่งกึ่งนอนหลับใหลไม่ได้สติ คงจะเหนื่อยล้าจนเผลอหลับไป ใบหน้างดงามสดใส แต่ทว่ากับขะมุกขะมอมด้วยฝุ่่น ลี่หลงย่อตัวลงข้างๆเอื้อมมือหมายจะปลุกแต่ กลับหดมือกลับ
“จิงฮวน... น้อย”อยู่ๆก็รู้สึกเขินอาย จิงฮวนน้อยอย่างนั้นหรือเขาเคยเรียกจิงฮวนแบบนี้ไม่ใช่หรือไร
ก่อนหน้านั้น
“องค์ชายแฝด พี่แฝดกับพี่แฝด ใครกันจะเป็นเจ้าบ่าวให้จิงฮวน ...น้อย”เสียงใสใส กับใบหน้าอ้วนป้อมยืนถือกิ่งดอกเหมยสีแดงเตรียมจะมอบให้ใครสักคนระหว่างเขากับลี่หลาง
“พี่ใหญ่ รับดอกเหมยจากนางสิ”ลี่หลาง กระตุ้นเตือนอยู่ข้างๆ
“เจ้ารับไปเถอะน้องรอง ข้าไม่ชอบดอกเหมยสีแดง เล่นอะไรเหมือนเด็กๆข้าไปฝึกวรยุทธ์กลับฝานกงกงดีกว่า”เบื้อนหน้าหนี วิ่งออกจากตรงนั้นไปทันที
ปิงปิง เดินไปมอบข้างๆ จิงฮวน ลี่หลงหาหมอนมาให้จิงฮวนหนุนอุ้มปิงๆ ไว้ก่อนจะเดินออกจากตรงนั้นไปทันที
จิงฮวนลืมตาตื่น ขึ้นมาความอ่อนล้าหายไป เหลือบตามองข้างๆ ลี่หลางนั่งสัปหงกอยู่ตรงนั้น จิงฮวนเบ้ปาก ที่แท้เป็นองค์ชายหลางหลางมาตามหาจิงฮวน จนเจอเอื้อมมือสะกิด ลีหลางเบาๆ ไม่ยอมตื่นดึงหางเปียของตัวเองแหย่ไปที่ปลายจมูกของใบหน้าหล่อเหลานั้น
“ฮัด เฉ้ย”ลี่หลางลืมตาตื่น คว้าข้อมือบางไว้แน่นลืมตาขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าเป็นจิงฮวนก็ยิ้มก้วาง
“จิงฮวน ..น้อย.เจ้าฟื้นแล้วหรือ”ถามด้วยความห่วงใยทั้งน้ำเสียงและสายตา
“เป็นองค์ชายแฝดน้อง องค์ชายแฝดพี่หากข้าเดาไม่ผิดคงอุ้มขันทีปิงปิง จากไปแล้วใช่ไหม”ลี่หยางยิ้มยียวน
“เจ้าสนใจพี่ใหญ่เพียงนั้นเชียวหรือ”
“ไม่ ใครสนเขากัน เขาก็แค่เพียงแต่มาตามหาปิงปิงเท่านั้น”ลี่หลางยิ้ม บิดขี้เกียจ
“เช่นนั้น จิงฮวนน้อยเดินไหวไหม เรากลับออกไปเถิดข้า อาสาเสด็จแม่มาเฝ้าเจ้า ป่านนี้ ห้องลับเสด็จแม่คงเปิดประตูค้างไว้ให้แล้ว”
“ทำไมเรียกข้าว่าจิงฮวนน้อย เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน” ลี่หลางยิ้ม
“ไปเถอะ ข้าหิวเต็มทนแล้ว”คว้าข้อมือเดินออกจาก ห้องลับไปทันทีจิงฮวนลังเลกับมืออุ่นที่กุมมือของตัวเองไว้แต่สักครู่ก็ปล่อยให้ลี่หลางกุมมือพาออกจากห้องลับ
แต่ เมื่อขยับขากลับรู้สึกเจ็บแปลบ ที่ข้อเท้า ทรุดกายลงทัน ลี่หลางขมวดคิิ้ว
“เจ้าบาดเจ็บ ข้าอุ้มดีกว่า”ขยับเข้าใกล้แต่อีกคนขยับตัวหนี
“ไม่..ไม่..ไม่”แต่ไม่ทันแล้วลี่หลางอุ้ม จิงฮวนไว้ในอ้อมแขนพาเดินออกจากห้องไปเหมือนกับว่าตัวจิงฮวนเบาเหมือนปุยนุ่นจิงฮวนซบหน้าลงบนอกกว้างไม่อาจปฏิเสธว่าอ้อมแขนนั้นอบอุ่นเพียงใด
“ อี้หลิว นำสมุนไพรบำรุงร่างกาย จากทางใต้มีสรรพคุณดีเยี่ยม เป็นของหายากที่ท่านพ่อ สั่งให้สหายทางใต้ส่งมาเป็นของกำนัลเพื่อมาถวายแก่ฮองเฮา”ใบหน้า อ่อนหวานยิ้มเพียงบางเบา หว่านหนิงรับห่อสมุนไพรมาถือไว้ ลี่หยางเดินเข้ามาพออดี“ฮ่องเต้เสด็จจจจ” อี้หลิว ย่อตัวก้มหน้า หว่านหนิงมองไปที่ลี่หยางด้วยความประหลาดใจ“วันนี้ทำไมฝ่าบาทมาถึงตำหนักของหว่านหนิงได้”ยกแขนขึ้นโอบรอบเอวบางอย่างถนุถนอมอี้หลิว เหลือบตามอง“ข้าเดิมที ยุ่งวุ่นวายกับฎีกา หาเวลามาทานกลางวันกับเจ้าไม่ได้เย็นนี้จึงถือโอกาส มานั่งที่ตำหนักของเจ้านานหน่อย จนกว่าฮองเฮาจะไล่”หว่านหนิงอมยิ้ม กุ้ยอิงกับอิงไถรู้งานยกเครื่องเสวยมาทันที หว่านหนิงหันไปทางอี้หลิว“อี้หลิวเจ้าก็กินเสียด้วยกัน”ลี่หยางขมวดคิ้ว“บุตรีท่านไฉ่นางนำสมุนไพรบำรุงกำลังมาให้หว่านหนิงลอง ดื่ม”ลี่หยางหยิบ ห่อสมุนไพรขึ้นมาดม (จำได้ไหมลี่หยางจมูกดีที่สุด) ก่อนจะวางลง“เพคะฮองเฮา”รับคำง่ายดาย ลี่หยางหน้าตึงขึ้นมาทันที หว่านหนิงเสียอีกกลับแย้มยิ้ม อี้หลิวเองเป็นฝ่ายที่อึดอัดไม่น้อย“ฝ่าบาท วันนี้หว่านหนิง ลงมือทำเครื่องเสวยเอง เหมือนกับจะรู้ว่าฝ่าบาทจะมาเสวยที่นี่”เอื้อมมือ
ลี่หลง นั่งห้อยขาบนเก้าอี้หน้าตำหนักร้อยดาวปิงปิงนอนหมอบอยู่ข้างๆลี่หลางเดินมายืนตรงหน้า“พี่ใหญ่ น้องส่งจิงฮวนที่ พำนักของนางแล้ว”พยักหน้าช้าๆ“จะไม่ถามหน่อยหรือว่านางเป็นอย่างไรบ้าง”ส่ายหน้าไปมา“ในเมื่อเป็นเจ้า ข้าก็วางใจ”“เป็นห่วงจิงฮวนน้อย จึงไม่วางใจผู้อื่น แต่วางใจน้องเช่นนั้นใช่ไหม”“ข้าเพียงแค่คิดว่า ข้าอยู่ผิดที่ผิดเวลาไปหน่อย”“พี่ใหญ่บางเรื่องเราสองคนทำแทนกันได้ จำได้ไหมตอนเป็นเด็กพี่ใหญ่เคยสวมรอยเป็นน้องยอมให้เสด็จแม่หวดก้น เพราะน้องแอบหนีออกไปนอกวังกับลี่จ้าน ตอนนั้นเสด็จแม่ไม่กล้าตี ยกให้ท่านอาเจ้าเฟยเหยียน แทนแต่ท่านอาก็ตีเพียงเบาๆ เสด็จแม่จึงคว้าไม้เรียวมาถือไว้ สั่งสอนเสียใหญ่โต นึกว่าเป็นน้อง เพราะเราแลกอาภรณ์กัน แต่สุดท้ายเสด็จแม่ก็จำได้ว่าเป็นพี่ใหญ่ น้องจึงถูกเสด็จพ่อสั่งกักบริเวณเสียหลายวันเพื่อ ให้หลาบจำ”“แต่ในตอนแรกเราก็ตบตาเสด็จแม่ได้”“ทำแทนกัน น้องเพียงแค่ทำแทนแต่ไม่อาจตบตา เหมือนที่ตอนนั้นน้องรู้สึกผิดมาจนทุกวันนี้ที่ปล่อยให้พี่ใหญ่ถูกเสด็จแม่ดุด่าเสียนาน ยืดอกรับในแบบที่บุรุษควรกระทำหากหลบซ่อนเช่นนี้ เหมือนกับอยู่ในเงาของคนอื่นไม่อาจหลุดพ้น”“เดี๋ยวนี้
“ไม่รู้แต่หากข้าเดาไม่ผิด หว่านหนิงฮองเฮารู้ดีว่าอี้หลิวไมได้ไร้เดียงสาอ่อนหวานน่ารักอย่างที่เห็นเป็นแน่”หว่านหนิงยิ้ม“หว่านหนิงแค่อยากเห็นว่าฝ่าบาทจะจัดการกับนางอย่างไรมากกว่า เสี่ยวกู้เล่าเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้หว่านหนิงฟังจนหมดแม้กระทั่งคำพูดของฝ่าบาทในตอนนั้นทำให้หว่านหนิงรู้ว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนฝ่าบาท ไม่เคยเปลี่ยนแปลง”“ต่อจากนี้รอเพียงหลงหลง จะรู้ใจตัวเท่านั้น”“หลงหลงมีส่วนคล้ายฝ่าบาทอย่างที่สุด ส่วนหลางหลางแม้ปากแข็งไม่เท่าหลงหลงแต่เรื่องเสียสละไม่ยอมแพ้กัน”“ฝ่าบาท ยังเหลืออิงอันให้เป็นตัวเลือก สำหรับหลางหลาง อิงอันอ่อนหวานน่ารักอีกทั้งกิริยาเรียบร้อยไม่พูดมากและยังมีความอดทนต่อหลางหลางได้ดีไม่น้อย คนเช่นนี้จึงจะกำราบหลางหลาง อยู่มัด”“เห็นทีข้าต้องส่งสาสน์ให้ลี่เจินฮ่องเต้เสด็จเยือนแคว้นจ้าวเสียที หลังจากที่ไม่ได้ กลับมาที่นี่เสียนานปี”หว่านหนิงยิ้ม หากใครสักคนที่จะจัดการ หลางหลางได้ก็คงเป็นอิงอันอย่างแน่นอน ภาพความทรงจำเก่าๆ“อิงอัน ข้าดีกับเจ้าเพราะหวังว่าเสด็จอาจะนำของฝากมาให้ข้า มากหน่อย”ร่างกระจ้อยร่อยพูดตามตรงแต่อิงอันกลับไม่แยแส อิงอันมองหลางหลางก่
"องค์ชายแฝดพี่ จิงฮวนมีเรื่องอยากถาม"ยืนประจันหน้ากับลี่หลง ที่ยืนใช้กรรไกรแต่งกิ่งตัดกิ่งบอนไซ หน้าตาเฉย“ข้ากับเจ้า ..เราสองคน อย่าได้ข้องแวะกันเลย”ลี่หลงพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย“ทำไม”ตอแยไม่เลิก“ไม่มีสิ่งใดที่ต้องอธิบายกับเจ้า”จิงฮวนขมวดคิ้ว“องค์ชายแฝดพี่จงเกลียดจงชังอะไรจิงฮวนนักหนา แค่อยากถามว่าวันนั้น ที่จิงฮวนติดในห้องลับองค์ชายแฝดพี่เป็นคนไปพบจิงฮวนใช่หรือไม่”ในความทรงจำ ที่เลือนรางเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่นนั้นเอง จิงฮวนเหมือนกับเห็นร่างสูงของลี่หลง เดินจากไป มันรบกวนจิตใจจิงฮวนไม่น้อย องค์ชายแฝดพี่ ...จำได้ติดตาแต่พอตื่นมา กลายเป็นแฝดน้องเช่นนั้นหรือจิงฮวนคิดว่าดูไม่ผิดไปอย่างแน่นอน แล้วจะคำเรียกว่าจิงฮวนน้อย...ที่มีเพียงลี่หลงที่มักจะเรียกจิงฮวนแบบนี้หลางหลาง ไปเอาคำพูดแบบนี้ มาจากหลงหลงแน่นอน“ไม่.. ข้าเห็นปิงปิงวิ่งอยู่ที่ หน้าตำหนักร้อยดาว แล้วก็เห็นลี่หลางเดินเข้าไปในห้องลับจึงอุ้มขันทีปิงปิงไปนอนเจ้าก็รู้ว่าขัาไม่สนใจผู้ใด นอกจากขันทีปิงปิง”จิงฮวนเหล่ตามอง พูดมากผิดปกติ แสดงว่าโกหกหลบตาต่ำแสดงว่าพูดไม่จริง“ดี เช่นนั้นจิงฮวนเห็นทีจะต้องยกสุราอาหารไปคารวะองค์ชายแฝดน้องเสี
“ข้า ไม่อาจขัดบัญชา”“ก็ใช่ล่ะสิองค์ชายแฝดพี่เคยจะขัดบัญชาด้วยหรือ อีกทั้งสีหน้าท่าทาง แม้จะไม่เคยแสดงออก อีกทั้งคำพูดก็ยังไม่เคยมีคำหวาน ทั้งหน้าตาและคำพูดเหมือนกันสิ้นดี เช่นนั้นก็แล้วแต่ท่านเถอะ”สะบัดตัวเดินหนีขันทีปิงปิงวิ่งมาจากไหนเข้าขว้างจิงฮวนที่กำลังจะก้าวขาลัมคะมำ ลี่หลงคว้าเอวบางไว้แน่น ร่างบางนอนหงายในอ้อมแขนแข็งแรงตาสบตาคมนิ่งลี่หลงกับหลบตา ไม่กล้าสบตาจิงฮวน“อย่าปล่อยมือนะ”จิงฮวนรีบพูดขึ้นก่อนที่ลี่หลงจะเผลอปล่อยมือให้จิงฮวนลงไปคลุกฝุ่นในตำหนักร้อยดาวลี่หลงใช้วิธีหลับตาด้วยความเขินอาย แทนการปล่อยมือ จิงฮวนถอนใจ ก่อนจะยันกายลุกขึ้นยืนตัวตรง“ลืมตาได้แล้วองค์ชายหลงหลง”เดินวนรอบ ตัวของลี่หลง“เจ้าเห็นหรือยังว่า ข้า ...ไม่กล้าแม้แต่จะสบตา”“เฮ้อ ก็ได้จิงฮวนยินดีอยู่จนกว่า หญิงงามอี้หลิวผู้นั้นจะจากไป”รอยยิ้มกว้างเปิดเผยอย่างที่จิงฮวนไม่เคยเห็นมาก่อน จิงฮวนตะลึงงันกับความสดใสและเปิดเผยนั้น ใครกันจะมีรอยยิ้มที่น่ามองเช่นนี้ หากไม่ใช่ลี่หลงจิงฮวน เดินนำเพียงสองสามก้าวก่อนที่ร่างบางจะล้มทั้งยืน คราวนี้ลี่หลงรับได้อีกตามเคย“โอ๊ย ทำไมข้าเป็นแบบนี้น้ำแกงนั่นมีปัญหา โอ๊ยไม่ไหวแล
อี้หลิวเดินถือชามน้ำแกงกลับมาอีกรอบ จิงฮวนนั่งมองท่าทีการเดินของอี้หลิวที่จงใจให้เป็นคนอ่อนช้อยก่อนหน้านั้น“ทำไมข้าต้องกลัว ทำไมต้องเคี้ยวน้ำแกงไปอีกรอบ” พูดกับสาวใช้ข้างกายด้วยความหงุดหงิด“คุณหนู หากเป็นเช่นนั้นนับว่าองค์หญิงสามเป็นฝ่ายชนะ คุณหนูต้องทำตนเป็นคนใสซื่อเพื่อชนะใจองค์ชาย ลี่หลง”“ไม่อยาก คนพ่อน่าสนใจกว่า บางอย่างในตัวฝ่าบาท ทำเอาใจข้าสั่นไหวยิ่งยามที่มองฮองเฮาด้วยความรักใคร่ เห็นทีข้าต้องจัดการขั้นเด็ดขาดเสียแล้ว”“คุณหนูอย่าวู่วามเจ้าค่ะ ของแบบนี้เห็นทีต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ฝ่าบาท แม้จะดูว่ารักใคร่ฮองเฮาเกินใคร แต่เวลาผ่านไปเนิ่นนาน การร่วมเรียงเคียงหมอนนานเข้าจะจืดจาง”“ใจเย็น จริงสิแหวกหญ้าให้งูตื่น ต่อไปเห็นทีต้องสู้ศึกสองด้าน หากข้าหย่อนเบ็ดไปปลาตัวไหนติดก่อนก็นับว่าไม่เลวทีเดียว แต่จะว่าไปคงเป็นฝ่าบาทเป็นแน่ที่หวั่นไหวส่วนองค์ชายจอมทึ่มนั่นนะหรือ แม้แต่สบตายังไม่อาจกระทำ ข้าหากจะต้องใช้ชีวิตกับคนเฉยชาเช่นนั้นคงเห็นทีจะต้องขอไปบวชชีเสียจะดีกว่า”สาวใช้หัวเราะคิกคัก ยกถ้วยน้ำแกงมาถือไว้ ก่อนจะเดินตามอี้หลิวมายังตำหนักร้อยดาว พอใกล้จะถึงตำหนักร้อยดาวก็ส่งถ้วยน้ำแกงใ
ตำหนัก ฮองเฮาลี่หยางยกมือขึ้นกอดรอบเอวบาง“จะมีใครที่ข้าอยากจะอยู่ใกล้ตลอดไปอย่างนี้”“ฝ่าบาทพูดเกินจริง”“ลี่หยางมีวันนี้ได้เพราะ ฮองเฮาคนนี้”ตำหนักจันทรา "หลี่หลงหลี่หลาง ถวายพระพรเสด็จปู่”“จิงฮวน ถวายพระพรเสด็จปู๋”“กว่าจะมามาได้ ต้องให้รอเสียนาน องค์หญิงสามก็เหมือนกันตั้งแต่แวะมา ส่งเครื่องบรรณากาวันนั้นก็หายไปเลย“วันนี้เป็นจิงฮวน ที่ชวนเราสองคนมาถวายพระพรเสด็จปู่”“ดีดีดี ลี่หลงได้ข่าวว่าแม่ของเจ้าส่งบุตรีใต้เท้าไฉ่เข้ามาทำความคุ้นเคยกับลี่หลงนางเป็นอย่างไรบ้าง”“นางแวะเวียนส่งเครื่องเสวยที่ตำหนักร้อยดาวเป็นประจำ ลี่หลางพูดขึ้นแทนลี่หลง”“ดี ดี เจ้ารองอยากจะมีคนคอยเอาใจเหมือนเจ้าใหญ่ไหม”“ดีเลยเสด็จปู๋ หลานอยากมีคนคอยเอาใจเหมือนพี่ใหญ่”“555 ลี่หลางของปู่เหมาะที่จะมีคู่ครองได้เสียที องค์หญิงสามก็สนิทสนมคุ้นเคยกับเจ้าแฝดไม่น้อยจะรังเกียจไหมหากว่าจะแต่งเข้าตระกูลลี่”จิงฮวนยิ้มกว้าง ลี่หลางเหลือบตามองลี่หลงที่ยังคงนิ่ง“เสด็จปู่มีเมตตาจิงฮวนไม่อาจปฏิเสธได้”“หลาน...หลาน”ลี่หลางตะกุกตะกัก“อย่าบอกนะว่าเจ้ารังเกียจ องค์หญิงสาม”พูดเพื่อให้ ลี่หลางปฏิเสธแบบมัดมือชก“คือ ไม่ ไม่หลาน
“ฮองเฮาเป็นยอดหญิงเข้าใจทุกอย่างได้ดี อี้หลิวขอบพระทัยที่ให้โอกาส”“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าไม่เหนี่ยวรั้งเจ้า อิงไถร่างหนังสือให้แม่นางอี้หลิวลงชื่อยินยอมว่าถอนตัวเองไม่ได้ถูกใครบังคับ เรื่องที่นางไม่ขอแต่งเข้าเป็นชายาขององค์ชายใหญ่”อิงไถ ลากกระดาษมาวางเตรียมฝนหมึก“ เจ้ายินดีที่จะลงชื่อหรือไม่แม่นางอี้หลิว”อี้หลิวยิ้ม อ่อนหวานแต่ภายในรอยยิ้มนั้น ซ่อนความดีใจไว้จนมิด“อี้หลิวยินดีอย่างยิ่ง ไม่ว่าต่อแต่นี้จะเกิดอะไรขึ้น อี้หลิวก็ตัดสินใจเพียงลำพัง”หว่านหนิงยิ้มบางๆตำหนักจันทรา“ในที่สุดสิ่งที่ข้ารอคอยก็มาถึงเร็วอย่างไม่น่าเชื่อฝ่าบาท เช่นไรถึงจะใจแข็งได้นาน และเรื่องถอนบัญชาของฮองเฮาก็ง่ายดายอย่างไม่น่าเชื่อ”“ข้าน้อยคิดไว้ไม่ผิดเจ้าค่ะคุณหนู บุรุษเช่นไรถึงจะต้านทานความงามของคุณหนูได้ในเมื่อคุณหนูงดงามอ่อนหวานเช่นนี้ ฮองเฮาก็เป็นคนขี้สงสาร เพียงคุณหนูแสดงละครเพียงเล็กน้อยฮองเฮาก็อดใจอ่อนไม่ได้”“ข้าสะกดกั้นความดีใจไว้แทบไม่ไหวเมื่อฮองเฮายินยอม ล้มเลิกบัญชาของนางต่อไปข้าไม่ต้องฝืนใจตัวเองอีกแล้ว”“คุณหนูเรื่องนี้ เห็นทีจะให้ฮองเฮาทราบไม่ได้ รอวันที่ฝ่าบาทแต่งตั้งคุณหนูเป็นสนมเมื่อไหร่เมื่อนั
ฉี่กวนลี่อ้าปากค้างอิงอันกระโดดตัวลอย ลี่หลงยืนยิ้ม ฝานกงกง พยักหน้าไปมาไม่เสียทีที่หลายวันมานี้ลี่หลางมาฝึกกระบี่ที่ตำหนักเมฆาในทุกเย็น เขาเองก็ถ่ายทอดเคล็ดวิชาและการหลบหลีกให้ไปไม่น้อยเช่นกัน ลี่หลางหันไปยิ้มให้ฝานกงกงลี่เจิน ปรบมือหัวเราะร่วน“ดีดีดี เหมาะสมที่สุดแล้ว”เสี่ยวโถวออกวิ่งไปยัง ตำหนักใหญ่เพื่อรายงานเรื่องน่ายินดีให้หว่านหนิงและลี่หยางทันที“องค์ชายรองสุดยอดเสียจริงเพียงพลิกฝ่ามือก็สามารถเอาชนะองค์ชายจิงฉือผู้เก่งกาจ กระหม่อมนี้ยืนจังงังเลยทีเดียวไม่คิดไม่ฝันว่าองค์ชายรองผู้ที่ไม่ได้เรื่องที่สุดจะ สามารถเอาชนะองค์ชายจิงฉือผู้เก่งกาจได้อย่างง่ายดาย”หว่านหนิงอมยิ้มลี่หยางยิ้มกว้างยิ่งกว่า“แล้วอิงอันเล่ามีท่าทีเช่นไร”หว่านหนิงถามขึ้น“องค์หญิง กระโดดตัวลอย ความจริงอาจเป็นเพราะกระบี่ของฝานกงกงเป็นแน่แท้ที่ทำให้องค์ชายชนะการคัดเลือกในครั้งนี้”ลีหยาง ยิ้ม“กระบี่ของฝานกงกง ถูกตีขึ้นโดยฝานกงกง ในใต้หล้านี้หาผู้ที่ตีกระบี่ได้น้ำหนักดีเหมาะมือเช่นฝานกงกงคงยาก ข้าเองก็ได้มาไว้ข้างกายหนึ่งเล่ม ของลี่หลงอีกหนึ่งเล่ม หลายวันมานี่คงตรากตรำตีกระบี่ให้ลี่หลางอย่างแน่นอน”หว่านหนิงเลิ
ลี่หยางสวมกอดหว่านหนิงจากด้านหลัง ใช้คางเกยที่ไหล่บางเบาๆ“กำลังกังวลเรื่องเจ้าแฝดอยู่ใช่หรือไม่”“การจะสั่งสอนพวกเขา เป็นงานที่หนักไม่น้อยลี่หลางสร้างความหนักใจให้กับหว่านหนิงด้วยเขามักจะพลิกแพลงสถานะการณ์ด้วยตัวเองตลอดมา หรือไม่ก็เป็นลี่หลงที่มักจะให้ข้อคิดเสียจน ลี่หลางหาทางเอาตัวรอดในแบบของเขา”“เจ้ากับลี่หลางมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นก็คือรักที่มั่นคงลี่หลางมักจะแสดงออกในแบบของเขาแต่ข้าเชื่อเหลือเกินว่าด้วยเนื้อแท้ของลี่หลางมิใช่คนที่ชั่วช้าอะไรเขาเพียงแต่ยังไม่โต เพราะการที่เสด็จพ่อเลี้ยงดูเขามาด้วยความตามใจผิดกับลี่หลงที่มีฝานกงกงคอยดูแล เจ้าแม้จะช่วยได้ไม่มากก็ช่วยลี่หลางได้ไม่น้อยหลังจากเรื่องในครั้งนี้ข้าคิดว่าเขาจะโตขึ้นและมองทุกอย่างในแบบที่เราต้องการ ลี่เจินตั้งใจสละราชสมบัติเพื่อให้ราชบุตรเขยหรือลี่หลาง ได้ขึ้นนั่งบัลลังก์หากเขายังคิดไม่ได้ บัลลังก์ก็ยังคงต้องเป็นของลี่เจินต่อไปครั้งนี้จึงนับว่าเป็นบททดสอบลี่หลาง”“หว่านหนิงเกรงว่าลี่หลางจะทำเสียเรื่องอีกครั้ง”“เจ้ากังวลเกินไปแล้วบอกหลายครั้งแล้วว่าทิ้งเรื่องราวเหล่านั้นไว้ข้างนอก” พลิกร่างบางมาเผชิญหน้า ก้มลงบดริมฝีป
“ทำไมข้าไม่เคยรู้เรื่องนี้”“ป้าหญิงบอกว่าหากให้องค์ชายทั้งสองรู้ก็จะดูไม่ออกว่าองค์ชายคนไหน ที่พร้อมจะแต่งกับอิงอันเพราะต่างคนต่างก็ต้องคิดว่าอิงอันเป็นสมบัติก็จะแย่งชิงกันมิสู้ให้ทั้งสององค์ชายมีสิทธิ์เลือกจะได้รู้ใจตัวเอง”“แล้วจิงฮวนเล่า”“จิงฮวนป้าหญิงบอกว่าองค์ชายแฝดพี่ลี่หลงมีท่าทีสนใจนางตั้งแต่ยังเยาว์ จึงส่งสาสน์ให้นางกลับมาที่นี่อีกครั้ง เพื่อจะดูว่าองค์ชายแฝดพี่จะมีท่าทีเปลี่ยนไปหรือไม่ สุดท้ายแล้วหนึ่งเดียวในหัวใจขององค์ชายแฝดพี่ก็คือจิงฮวน ป้าหญิงมองการณ์ไกลเสมอ”"ข้าแต่เดิมก็มีเจ้าเพียงคนเดียวในใจเช่นกัน""แต่ก็ยังชอบเล่นสนุก ดีนะที่อิงอันไม่แต่งกับองค์ชายชนเผ่า"“แล้วการคัดเลือกราชบุตรเขยทำไมถึงถูกจัดขึ้น”“ก็เพราะความดื้อรั้นขององค์ชายแฝดน้องอย่างไรเล่า และเป็นเพราะให้ความเป็นธรรมกับองค์ชายชนเผ่าผู้นั้นด้วย หากปฏิเสํธเขาไปเลยก็เกรงว่าความสัมพันธ์จะสั่นคลอน ป้าหญิงจึงขอให้ทุกคนช่วยแสดงละครเพื่อแก้ไขความขัดแย้งให้แคว้นเหว่ยกับชนเผ่า จะได้ช่วยให้องค์ชายแฝดน้องได้สำนึกอีกด้วย โดยเฉพาะองค์ชายจิงฉือที่ต้องเสียสละมากกว่าผู้ใด”“หมายความว่าอย่างไร”งงเป็นไก่ตาแตก“ก็หมายความว่า
น้ำเสียงเศร้าสร้อยจริงจังลี่หลางอมยิ้มหัวใจพองโต หันกลับมาซ้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขนพาเดินเข้าหายเข้าไปในห้อง หันหลังมาปิดประตูห้องเสียมิดชิด อิงอันซบหน้าลงบนอกกว้าง ปล่อยให้ลี่หลางพาไปที่แท่นนอนหนา วางร่างบางลงบนแท่นนอน ทอดกายลงทาบทับ ประทับริมฝีปากลงไปอย่างอ่อนโยนลิ้นอุ่นซอกซอนล้วงลึกจนอีกคนเผลอส่งเสียงร้องครางออกมาเบาๆ มือใหญ่ปลอดแกะอาภรณ์ออกอย่างนุ่มนวลร่างขาวเนียนถูกบดเบียดด้วยร่างใหญ่ แสงเทียนในห้องค่อยๆ มอดดับลง ลี่หลางใช้มือใหญ่สอดประสานกับมือบางของอิงอัน พรมจูบไปทั่วร่างเนียนตั้งใจให้อีกคน ดิ้นรนถอยหนีด้วยความกระสันแต่ทว่ายิ่งดิ้นยิ่งปลุกเร้าอารมณ์“องค์ชายแฝดน้อง ท่านจะทำอะไร”อิงอันเปล่งเสียงแผ่วเบาเหมือนกำลังละเมอ“ข้ากำลังจะ ทำในสิ่งที่ใจปรารถนามานาน แล้วก็ทำให้ตัวเองไปอาจทิ้งเจ้าไปได้อย่างไรเล่า”อิงอันอมยิ้มเป็นสุขเมื่ออีกฝ่ายลูบไล้แผ่วเบาบนเรือนร่างเปลือยเปล่าอย่างถะนุถนอม พรมจูบไปทั่วร่างเนียนทุกอณูเนื้อ อิงอันบิดตัวไปมาลี่หลางยิ้มเป็นสุขจะมีใครรู้ไหมหนอ ว่าการคัดเลือกราชบุตรเขยไม่สำคัญอีกต่อไปแล้วแม้จะผิดทำนองคลองธรรมไปบ้างแต่ทว่าเขาก็ไม่อาจหักห้ามใจในเมื่อร่างบาง ใต้ร
อิงอันยืนเหม่อมองไปบนฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวนับพัน เงาดำของลี่หลางค่อยๆ เดินลัดเลาะมาที่ระเบียงที่อิงอันยืนอยู่ “อิงอัน ข้ามาลา”ก่อนหน้านั้น“ข้าเคยหายไปนางไม่เคยถามถึงหรือสงสัยแม้สักนิดว่าไม่มีลี่หลางคนนี้อยู่ที่นั่นเหมือนกับลี่หลางไม่มีตัวตน”“ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ตอนนั้นที่เจ้าทำ เป็นข้าก็ไม่สนใจถามถึงเช่นกัน ในเมื่อตอนนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องไป ตอนนี้เจ้าเพียงแต่แสดงให้นางเห็นว่าที่จะไปมีเหตุผลและกล่าวลานางด้วยความจริงใจ ไม่ได้อยู่ๆ ก็หายไป น้องรองเจ้าไม่อยากรู้ใจนางไม่อยากเห็นว่านางห่วงใยเจ้าหรือไร”“แต่ ข้ากลัวว่านางจะทำเหมือนที่ผ่านมา”“ข้าเชื่อเหลือเกินว่าอิงอันตอนนี้เห็นใจเจ้าอย่างที่สุด และเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่านาง มีใจให้กับจิงฉือหรือเปล่า ก็ต้องลองดูหากนางมีใจให้จิงฉือนางจะไม่อาวรณ์เจ้าแม้แต่น้อยแต่ถ้าหากนาง ไม่มีใจให้จิงฉือนางคงจะกลัวเจ้าหนีไปจริงๆ ”“จะดีหรือพี่ใหญ่”“เราทั้งหมดหวังดี หากอิงอันไม่สนใจเจ้าข้าเชื่อว่าเสด็จแม่มีแผนสำรองไว้ให้แล้วเพียงแค่เจ้าเข้าคัดเลือกตัวราชบุตรเขยจนกระทั่งทุกอย่างลุล่วงไปเสด็จแม่ไม่มีทางปล่อยให้ใครต้องเดียวดาย”ลี่หลงเชื่อมั่นใจหว่านหนิงเพร
“ถึงเวลาตัดสินแล้วว่าใครจะเป็นผู้ที่แม่นธนูที่สุด”เสียงของลี่เจินประกาศดังๆ คนทั้งคู่ยืนหันหน้าเข้าหา เป้าธนูที่อยู่ห่างออกไปจนไม่น่าเชื่อว่าจะมีผู้ใดสามารถยิงธนูไปถึงได้ องค์ชายท่านข่านรูปร่างสูงใหญ่เหมือนคนทางใต้ทั่วไปแต่เป็นคนทางเหนือได้อย่างไม่น่าเชื่อ กล้ามเนื้อแขนขาเป็นมัดๆ กำลังวังชานับว่าไม่น้อย จิงฉือยิ้มมุมปากเมื่ออีกคนส่งสายตาท้าทายมาที่เขา องค์ชายท่านข่านเหนี่ยวคันศรจนโก้งจนงอก่อนอย่างไม่รอช้าลูกดอกพุ่งออกไปสู่เป้าหมายสุดแรง ลูกดอกพุ่งสู่เป้าหมายเป็นเส้นตรงแต่ระยะทางที่ไกลทำให้ลูกดอกหมดกำลังทำท่าจะไปไม่ถึงเป้าหมายโค้งงอไม่ขนานกับพื้นดิน หลายคนแทบจะหยุดหายใจ จิงฉือปล่อยลูกดอกของตัวเองพุ่งเข้าใส่ ลูกดอกขององค์ชายท่านข่านเสียบลูกดอกขององค์ชายต้านเอ่อแน่น ด้วยแรงมหาศาลของการเหนี่ยวคันศรส่งผลให้ลูกดอกฉีกออกและถูกผลักเข้าหาตรงกลางเป้าไกลแสนไกลนั้นเสียบแน่นอยู่กลางเป้าสีแดง เสียงอื้ออึงพร้อมกับคำสรรเสริญอิงอันลุกขึ้นยืนปรบมือชื่นชมฝีมือการยิงธนูของจิงฉือ ลี่หลางปาคันธนูทิ้ง“องค์ชายจิงฉือเป็นฝ่ายชนะ”ลี่เจินประกาศก้อง ลี่หลางเดินออกจากการประลอง อิงอันหันซ้ายหันขวามองหาลี่หลางแต่ก
“การประลองในรอบนี้ องค์ชายจิงฉือแห่งแคว้นหานเป็นผู้ได้รับชัยชนะ”เสียงปรบมือโห่ร้องดังกึกก้องอิงอัน ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ยิ้มหวานรับเอากำไลจากมือของจิงฉือมาสวมลงบนแขนของตัวเอง“ในรอบบ่ายจะมีการประลองเกิดขึ้นอีกรอบ ให้ทุกท่านไปเตรียมตัวให้พร้อม”หว่านหนิงเดินลงจากบัลลังก์ ตรงไปที่ลี่หลางนอนอยู่เอื้อมมือบางฉุดมือของลี่หลางขึ้นเหมือนเช่นที่เคยทำทุกครั้งยามเขาล้มลง“หลางหลาง”“เสด็จแม่”น้ำเสียงผิดหวังเศร้าสร้อย“ยังมีการประลองอีกหลายด่าน ให้เจ้าแสดงความสามารถ เรื่องแค่นี้หลางหลางของแม่ไม่น่าจะย่อท้อ”“ลูกไร้สามารถเพิ่งจะรู้ตอนนี้เองว่า การเที่ยวเล่นสนุกสนานไม่อาจช่วยให้ลูกเก่งกล้าหากจะเอาชนะผู้อื่นได้เพื่ออิงอันจะต้องฝึกปรือให้มากกว่านี้”หว่านหนิงยิ้มบางๆ“เจ้าคิดได้แล้ว ต่อจากนี้อาศัยแค่ความจริงใจและพยายามเท่านั้น หากทำมันอย่างดีที่สุดแม้จะไม่ชนะการประลองแต่ก็ชนะใจอิงอันและสายตาผู้คน หากเจ้าย่อท้อ ใจไม่สู้ก็ปล่อยให้อิงอันได้เคียงคู่กับคนที่เหมาะสมกับนางเสีย ถือเสียว่าไร้วาสนาต่อกันอิงอันเป็นองค์หญิงคนเดียวของแคว้นเหว่ยมากมายผู้คนหมายปอง การที่ได้ คู่ครองที่ดี จึงนับว่าเหมาะสมกับนาง หากหล
ตำหนักเมฆาของ ฉี่กวนลี่“เสด็จปู่เสด็จอาต้องดีใจอย่างแน่นอนหากเสด็จปู่ให้ความสำคัญกับการคัดเลือกราชบุตรเขยให้กับท่านอา”“เจ้าคิดเช่นนั้นหรือ”ทิ้งตัวลงนอนบนตักของฉี่กวนลี่หยิบองุ่นในพวงมาเคี้ยว พร้อมกับพยักหน้ายิ้มหวานจนตาหยี“เช่นนั้นปู่ก็คิดว่า เป็นเรื่องที่ดีฝานกงกง ตามลี่เจินพบข้าที่ตำหนัก”ฝานกงกงส่ายหน้าไปมา“เกรงว่าจะไม่เหมาะ”ฉี่กวนลี่ ขมวดคิ้ว“เพราะเหตุใด”“การแทรกแซงไม่ว่าจะเป็นด้านใดก็ไม่อาจ ฮ่องเต้ลี่เจินแม้จะเป็นองค์ชายของพระองค์มาก่อนแต่ทว่าตอนนี้เป็นถึงฮ่องเต้ของแคว้นเหว่ย เรื่องที่ต้องตัดสินใจเพียงลำพัง พระองค์เข้าไปแทรกแซงจึงไม่เหมาะ”ลี่หลางเบ้ปาก“ซือฟุท่านเอาเวลามาฝึกวรยุทธ์ให้ข้าจะดีกว่าเรื่องนี้ให้เสด็จปู่ตัดสินใจเอง”ฝานกงกงยิ้มบางๆ“องค์ชายแฝดน้อง หากจะคิดเรื่องการที่ให้เสด็จปู่เป็นคนคัดเลือก ราชบุตรเขยแล้วเห็นแก่ความเป็นปู่หลาน องค์ชายคิดผิดไปเสียแล้ว เสด็จปู่นับว่าเป็นผู้ที่เที่ยงตรงคนหนึ่งทีเดียว เรื่องแบบนี้ท่านจะไม่ประเมินเสด็จปู่ต่ำไปหน่อยหรือไร”พูดเพื่อให้ฉี่กวนลี่ นั้นคิดได้มิได้ตั้งใจหักหน้าลี่หลาง“ฝานกงกงท่านช่างรู้ใจข้านัก แน่นอนเรื่องแบบนี้ข้าฉี่กวนลี่
“ขอโทษ”จิงฉือกล่าวได้เพียงเท่านั้น ทาบทับร่างลงบนร่างบาง ล้วงมือสัมผัสผิวเนื้อร้อนผะผ่าวแต่ทว่านุ่มเนียนให้ความรู้สึกรัญจวนใจ ริมฝีปากบดเบียดปากอวบอิ่ม เหมือนหิวกระหาย หงเอ่อกลับเผยอริมฝีปากรับรสจูบ ร่างอ่อนระทวยในอ้อมแขนแข็งแรงกลับได้ระบายความร้อนจากพิษไข้ เมื่อร่างใหญเปลือยเปล่าทาบทับส่งผ่านความเย็นในอณุเนื้อของเขาให้กับหงเอ่อ พิษไข้จึงค่อยๆบรรเทาลงไปจิงฉือไม่อาจหักห้ามใจเขาเองใช่ว่าจะไม่เคย แต่เขายอมอดได้เสียนมนานต่างหาก ทุกครั้งที่ไปรบกว่าจะได้กลับมาในเมืองในแต่ละครั้งเรื่องแบบนี้ มีเพียงบุรุษเท่านั้นจึงจะเข้าใจ หงเอ่อ จิกเล็บลงบนแผ่นหลังเปลือยเปล่าของจิงฉือแน่นเมื่อพายุโหมกระหน่ำซ้ำซัดจนร่างเล็กสะท้อนขึ้นลง ดวงตาหลี่ปรือ ริมฝีปากถูกบดเบียดอย่างบ้าคลั่งก่อนที่ทุกอย่างจะสงบลง หงเอ่อซบหน้าลงบนอกกว้างของจิงฉือ หลับใหลในอ้อมแขน แข็งแรงที่กอดรัด และเฝ้าจุมพิตที่ริมฝีปากซ้ำๆ ด้วยแรงเสน่หา ตำหนักใหญ่“องค์หญิงหงเอ่อและองค์ชายจิงฉือ หายออกไปจากวังหลวงพร้อมกันทหารเลี้ยงม้าบอกไว้อย่างนั้น”หว่านหนิงถอนหายใจ จิงฉือไม่ไช่คนเหลวไหล หากไม่เกิดเหตุอะไรขึ้นเขาต้องกลับมา“ส่งองครักษ์ออกตามหาให้ทั