“อาเล่อ วันนี้ข้าจะสอนพวกเจ้าเรื่องศาสตร์การคำนวณต่อจากเมื่อวาน แต่...เจ้ารออาเผิงสักครู่นะ พอดีข้าใช้ให้อาเผิงไปเอาของที่ห้องพักให้ข้าน่ะ”
“ได้ขอรับ”
จินเฟยเทียนเงยหน้าขึ้นมาพูดกับเกาเล่อ หลังจากเห็นอีกฝ่ายเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะเรียนของตัวเองแล้ว
จินเฟยเทียนมองเด็กชายตรงหน้า แล้วเผลอคิดไปถึงเรื่องราวของอีกฝ่ายในใจ...
นี่ก็ผ่านมาห้าเดือนแล้วสินะ ที่เกาเล่อกับเกาเผิงย้ายเข้ามาอยู่กับพวกเขา...ซึ่งเขาได้ให้เด็กชายทั้งสองมาช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ ในโรงหมอเปิดใหม่ของพวกเขา... โดยส่วนใหญ่เกาเล่อมักจะอยู่ช่วยงานในห้องปรุงยากับหยางหมิงเซียน ส่วนเกาเผิงก็มักจะอยู่ช่วยงานในห้องผู้ป่วยกับเขา... และในยามเซินของทุกวัน จินเฟยเทียนก็จะให้เด็กทั้งสองไปร่วมเรียนวรยุทธที่จวนราชครู พร้อมกับบ่าวที่ราชครูหลงจิ้นสิงฝึกเอาไว้เพื่อเป็นผู้คุ้มกันคนในครอบครัว สลับกับการมาฝึกอ่านฝึกเขียนตัวอักษรและเรียนรู้เพิ่มเติมเรื่องศาสตร์การคำนวณกับเขา โดยเขาไ
“อาเปาเกิดอะไรขึ้น?” จินเฟยเทียนเอ่ยถามเสี่ยวเปา “เด็กสองคนนี้พากันเข้าไปขโมยเงินในห้องพักของคุณชายฟางขอรับ ดีที่บ่าวเดินผ่านไปเห็นเสียก่อนขอรับ” “คุณชายฟางขอรับ ข้าน้อย…” เกาเล่อลุกขึ้นยืนแล้วคิดจะเดินเข้าไปหาจินเฟยเทียนเพื่อขอรับโทษทั้งหมดแทนน้องชาย... แต่ก็ต้องชะงักเมื่อถูกหยางหมิงเซียนขยับขึ้นมายืนขวางเอาไว้ พร้อมกับแผ่บรรยากาศกดดันออกมา จนทำให้เกาเล่อต้องถอยกลับลงไปนั่งคุกเข่าข้างเกาเผิงเหมือนเดิม “หมิงเซียนใจเย็น” จินเฟยเทียนพูดขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือไปจับแขนของหยางหมิงเซียน...แล้วดึงให้เจ้าลูกกวางถอยมายืนด้านข้างตัวเอง “อาเล่อ อาเผิง...” จินเฟยเทียนเรียกชื่อเด็กทั้งสอง และกำลังจะเอ่ยถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น...แต่เกาเล่อก็ชิงพูดขัดขึ้นมาเสียก่อน “ข้าน้อยผิดเองขอรับ ข้าน้อยทำคนเดียวขอรับคุณชายฟาง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับอาเผิงขอรับ” เกาเล่อเงยหน้าขึ้นมา พร้อมกับเอ่ยปากขอรับผิด
“เฟยเกอขอรับ ข้าขอถาม...เหตุใดวันนี้ท่านถึงเชื่อในสิ่งที่อาเผิงพูดล่ะขอรับ เด็กนั่นอาจจะโกหกท่านก็ได้นะขอรับ” หยางหมิงเซียนเอ่ยขึ้นหลังจากขึ้นไปนอนหนุนตักจินเฟยเทียนที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง “แววตาอย่างไรล่ะ...แววตาของอาเผิงทำให้ข้ารู้ว่าอาเผิงไม่ได้กำลังโกหกข้า” จินเฟยเทียนตอบคำถามพร้อมกับมองหยางหมิงเซียนด้วยความหมั่นไส้ เนื่องจากช่วงนี้เจ้าลูกกวางมักจะคอยหาโอกาสกินเต้าหู้เขาแบบเนียนๆ พออีกฝ่ายพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้... “หมิงเซียน เหตุใดถุงเงินที่ข้าเตรียมให้เจ้าถึงได้กลับมาอยู่บนโต๊ะที่ห้องพักของข้าในโรงหมอ?” “เมื่อเช้าข้าเอาไปคืนให้เฟยเกอขอรับ แต่เฟยเกอไม่อยู่ในห้อง...ข้าก็เลยวางไว้บนโต๊ะของเฟยเกอขอรับ เพราะวันนี้ข้ามีจะต้องไปรับเงินค่ายาที่ฝากขายไว้ ข้าก็เลยไม่อยากพกถุงเงินหลายใบขอรับ” “อืม...แล้วที่ข้าพูดกับอาเล่อและอาเปา เจ้าเข้าใจ ใช่หรือไม่?” “เข้าใจขอรับ”&nb
“หมิงเซียนกลับมาแล้วหรือ?” จินเฟยเทียนพูดขึ้นเมื่อเห็นหยางหมิงเซียนเดินมาถึงหน้าเรือนพัก “ขอรับ” “เฟยเกอกลับมานานแล้วหรือขอรับ?” “สักพักแล้วล่ะ” จินเฟยเทียนเห็นความสั่นไหวในแววตาของหยางหมิงเซียน...มันทำให้เขารู้สึกแปลกใจ ‘เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าลูกกวาง... เมื่อครู่ต้องมีอะไรเกิดขึ้นเป็นแน่’ “เฟยเกอ ข้าขอเข้าไปจัดการดูแลตัวเองก่อนนะขอรับ” หยางหมิงเซียนพูดจบก็เดินเลี่ยงเข้าไปในเรือนพักทันที หยางหมิงเซียนเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง และเมื่อเขาปิดประตูห้องนอนของตัวเองเรียบร้อยแล้ว เขาก็หันหลังพิงกับประตู ก่อนจะทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง... สิ่งที่เขาได้เห็นเมื่อครู่หมายความว่าอย่างไร... เหตุใดมารดาของเขาถึงได้ไปอยู่กับคนพวกนั้น... แล้วมารดาของเขาไปอยู่กับคนพวกนั้นตั้งแต่เมื่อใด... แล้วมารดาของเขาได้มีส่วนร่วมกับเรื
“หมิงเซียนโจรกลุ่มนี้เท่าที่ข้ารู้ เวลาพวกมันรับงาน...พวกมันจะลงมือค่อนข้างเหี้ยมโหด ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าพวกมันเคยล่วงเกินอะไรพวกเจ้า” ชิงหลวนคุนเอ่ยถามหยางหมิงเซียน เมื่อพวกเขามาถึงแหล่งกบดานของพวกหานเฟิงแล้ว และกำลังซุ่มดูความเคลื่อนไหวของพวกโจรกลุ่มนี้ หลังจากที่ชิงหลวนคุนส่งคนตามหยางหมิงเซียนในช่วงบ่าย แล้วได้รู้ว่า...อีกฝ่ายตั้งใจจะสะกดรอยตามโจรกลุ่มที่พวกเขากำลังตามสืบอยู่...ก็ให้รู้สึกแปลกใจ แล้วยิ่งพอซงหยวนมาบอกกับเขาว่า...โจรกลุ่มนี้เกี่ยวพันกับจินเฟยเทียน เขาก็ยิ่งสงสัยและอยากรู้เรื่องราวของสหายทั้งสองของเขามากขึ้น เพราะจากที่เขาเคยส่งคนไปสืบเรื่องราวของสหายทั้งสองคนของเขามาแล้ว เขาก็ได้รู้แต่เพียงว่า...สหายทั้งสองของเขาเป็นเพียงเด็กที่ราชครูหลงจิ้นสิงและหลงฮูหยินเก็บมาเลี้ยงเท่านั้น แต่เรื่องก่อนที่คนทั้งสองจะมาอยู่ที่จวนราชครูนั้น เขากลับหาข้อมูลอะไรไม่ได้เลย “ข้าขอไม่ปิดบังเจ้า... พวกข้าตามสืบเรื่องของโจรกลุ่มนี้มาได้สักระยะแล้ว เนื่องจากโจรกลุ่มนี้ได้เคยรับงานลงมือสัง
ยามนี้หยางหมิงเซียนได้กลับมาถึงเรือนพักของตัวเองแล้ว เขายืนมองไปที่หน้าเรือน...เรือนหลังนี้เป็นที่ที่เขาใช้อาศัยอยู่กับจินเฟยเทียนในทุกวันคืนที่ผ่านมา เขายืนมองอยู่ตรงนั้นสักพัก...ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งขดตัวบนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่หน้าเรือน... หยางหมิงเซียนซบหน้าลงไปกับเข่าทั้งสองข้างของตัวเอง เขานึกไปถึง...ตอนที่เขาเห็นสร้อยที่คอของจินเฟยหลง แล้วคิดว่าตัวเองเคยเห็นสร้อยแบบนี้ที่ไหน จนเมื่อเขาได้เห็นสร้อยในมือของหานเฟิงเขาจึงจำสร้อยเส้นนั้นได้ เพราะมันเหมือนสร้อยของจินเฟยเทียน...เป็นสร้อยที่อีกฝ่ายทำหล่นจนตกไปอยู่ในมือของพวกโจรกลุ่มนั้น หยางหมิงเซียนคิดไปถึงอาการแปลกๆ ยามที่จินเฟยเทียนเจอกับท่านแม่ทัพจินเฟยหมิง และท่านรองแม่ทัพจินเฟยหลง... แล้วถ้าหากทุกอย่าง มันเป็นอย่างที่เขาคิด...มารดาของเขาก็คือนางนกต่อเป็นคนที่แทรกตัวเข้าไปใช้อุบายหลอกล่อมารดาของจินเฟยเทียนให้พาจินเฟยเทียนออกมาจากจวน เพื่อที่จะให้โจรกลุ่มนั้นลงมือสังหารคนทั้งสองอย่างโหดเหี้ยม... 
พรึบ! อึก! “มีคนเคยเตือนท่านบ้างหรือไม่ ท่านรองแม่ทัพจินเฟยหลงว่าความใจร้อนของท่าน จะนำมาซึ่งหายนะให้แก่ตัวท่านเอง” หานเฟิงเอ่ยขึ้นก่อนจะก้าวออกมาจากเงามืดพร้อมกับว่านซิ่นหลิง “หึ! เพียงแค่ข้าหยิบสร้อยคอของพี่ชายท่านขึ้นมาเล่น ท่านก็ถึงกับต้องกระโจนลงมาหาข้าด้วยตัวของท่านเองเลยหรือ...ท่านรองแม่ทัพ?” ว่านซิ่นหลิงมองไปยังจินเฟยหลงที่ยามนี้อีกฝ่ายกำลังกระอักเลือดออกมา แล้วลงไปนั่งชันเข่าอยู่กลางห้องนอนของนาง หลังจากที่อีกฝ่ายถูกหานเฟิงซัดเข็มพิษใส่ ในตอนแรก...ว่านซิ่นหลิงก็รู้สึกแปลกใจที่อยู่ ๆ หานเฟิงก็ลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปดับไฟในห้องนอนของนางทั้งหมด จากนั้นหานเฟิงก็ลากนางเข้าไปซ่อนตัวอยู่หลังม่านบังตาแล้วส่งสัญญาณให้คนของเจ้าตัว เข้ามาหลบตามมุมต่างๆ ในห้องนอน “ท่านรองแม่ทัพจินเฟยหลงนี่ท่านคิดว่า...ข้าจะไม่รู้เลยหรืออย่างไร ว่ากำลังถูกพวกท่านสะกดรอยตามอยู่” หานเฟิงพูดพร้อมกับมองอีกฝ่ายด้วยแววตาเย้ยหยัน
หยางหมิงเซียนเมื่อได้เห็นสภาพของพวกชิงหลวนคุน เขาก็รีบสั่งให้เสี่ยวปิง...ไปแจ้งเจ้าของจวนทั้งสองทันที ก่อนจะพาคนทั้งหมดเข้าไปรอราชครูหลงจิ้นสิงและจางเลี่ยงซูที่ห้องโถงในเรือนพักของตัวเองก่อน “เกิดอะไรขึ้น!” หยางหมิงเซียนเอ่ยถามหลังจากพาทุกคนเข้ามาในห้องโถงแล้ว “พวกมันซ้อนแผนตบตาพวกเรา พร้อมกับขุดหลุ่มล่อให้เฟยหลงเข้าไปติดกับแผนของพวกมัน” ชิงหลวนคุนหันมาตอบคำถามของหยางหมิงเซียน แต่ยังไม่ทันจะได้เล่ารายละเอียดราชครูหลงจิ้นสิงและจางเลี่ยงซูก็เดินเข้ามาในห้องเสียก่อน... และเมื่อท่านเจ้าของจวนทั้งสองได้เข้ามาเห็นสภาพของพวกชิงหลวนคุน ราชครูหลงจิ้นสิงและจางเลี่ยงซูก็รีบสั่งให้คนของพวกเขาเข้าช่วยเหลือพวกชิงหลวนคุนทันที โดยการพาคนทั้งหมดไปรักษาตัวและพูดคุยกันต่อที่เรือนใหญ่ เนื่องจากเรือนพักหลังนี้ไม่มีห้องเหลือพอที่จะใช้รักษาคนเจ็บและให้คนเจ็บได้นอนพัก หลังจากพาทุกคนมาที่เรือนใหญ่ ราชครูหลงจิ้นสิงจึงทำการซักถามเรื่องราวที่เ
จินเฟยเทียนกับบ่าวข้างกายหลังจากหลบอยู่หลังพุ่มไม้ เพื่อรอดูว่าคนกลุ่มไหนกำลังเดินเข้ามาใกล้บริเวณที่พวกเขาอยู่ แต่รอมาได้สักพัก...สองนายบ่าวกลับได้ยินเสียงการต่อสู้ที่ดังขึ้นมาจากทิศทางของคนกลุ่มนั้นแทน จินเฟยเทียนจึงตัดสินใจพาบ่าวข้างกาย เดินเข้าไปยังบริเวณที่เกิดเสียงการต่อสู้ขึ้น ด้วยกลัวว่าการต่อสู้นี้...จะเป็นการต่อสู้ของคนที่เขากำลังตามหาอยู่ จินเฟยเทียนกับบ่าวข้างกายพากันเดินไปตามทิศทางที่เกิดเสียงการต่อสู้ แต่พอพวกเขาเดินไปจนใกล้จะถึงบริเวณนั้น ก็ดูเหมือนว่าการต่อสู้ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ได้จบลงแล้ว จินเฟยเทียนกับบ่าวของเขาจึงใช้วิชาตัวเบาพาขึ้นไปซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ เพื่อลอบมองไปยังบริเวณที่เกิดการต่อสู้... “คุณชายฟางขอรับ นั่นท่านแม่ทัพใหญ่ใช่หรือไม่ขอรับ?” บ่าวชายที่อยู่กับจินเฟยเทีย ชี้ไปทางจินเฟยหมิงที่ถูกชายชุดดำคนหนึ่งจับมัดด้วยเชือก และกำลังถูกยกตัวขึ้นไปพาดกับหลังม้า ยามนี้สภาพร่างกายของจินเฟยหมิงดูสะบักสะบอมจนจินเฟยเทียนเห็นแล้ว...รู้สึกปวดใจยิ่งนัก
“เจ้ามาอีกแล้วหรือหลวนคุน พักนี้เจ้ามาที่นี่บ่อยเกินไปหรือไม่?” “พักนี้ข้าว่างเลยแวะมาเยี่ยมสหายอย่างพวกเจ้าไม่ได้หรือ...” จินเฟยเทียนหลุดจากภวังค์ความคิด เมื่อได้ยินเสียงคนทะเลาะกันหน้าห้องพักของเขา เขาจึงเดินออกมาดูที่หน้าห้องก็เห็นหยางหมิงเซียนกำลังยืนกันชิงหลวนคุนไม่ให้อีกฝ่ายเดินมาหาเขาที่ห้องพัก จากนั้นเขาก็เห็นเจ้าลูกกวางแอบส่งสัญญาณบางอย่างให้กับหลงจิ้นเปียวที่กำลังยืนแอบมองพวกเขาทั้งสองคนจากหน้าห้องผู้ป่วย ด้วยเจ้าตัวแสบหลงจิ้นเปียวยามนี้ได้ขออยู่เล่นกับเกาเล่อและเกาเผิงที่โรงหมอต่อ หลังจากที่ราชครูหลงจิ้นสิงและจางเลี่ยงซูพาอีกฝ่ายแวะมาเยี่ยมพวกเขาที่นี่ “องค์ชายสิบสองพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ช่วยมาดูอะไรกับกระหม่อมสักครู่ได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” หลงจิ้นเปียววัยเจ็ดหนาวเดินเข้ามาพูดพร้อมกับกระตุกชุดคลุมของชิงหลวนคุน “เพียงไม่นานพ่ะย่ะค่ะ มันอยู่ใกล้ๆ ตรงนี้เองพ่ะย่ะค่ะ” “ได้ เราจะไปดูก
จินเฟยเทียนลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่...ใบหน้าแรกที่เขาได้เจอก็คือใบหน้าของหยางหมิงเซียน จินเฟยเทียนจึงเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของคนที่ยังคงนอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างกายเขา... หากนึกย้อนไปในวันแรกที่เขาทะลุเข้ามาอยู่ในโลกแห่งนี้ โดยไม่นับรวมชาติที่เขาตายจากโลกแห่งนี้ไป คนแรกที่เขาเจอก็คือหยางหมิงเซียน และไม่ว่าจะยามทุกข์หรือยามสุข ยามที่เขาหัวเราะหรือแม้แต่ในยามที่เขาร้องไห้ คนที่อยู่ข้างกายเขามาโดยตลอดก็คือหยางหมิงเซียน แม้แต่ในเวลาที่เขารู้สึกโดดเดี่ยวที่สุด เขาก็มีอีกฝ่ายเป็นที่เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ... “ขอบคุณนะที่รักกัน” “ขอรับ ข้ารักเฟยเกอนะขอรับ” หยางหมิงเซียนเอ่ยตอบอีกฝ่ายพร้อมกับลืมตาขึ้นมามองคนรักของเขา ที่จริงเขารู้สึกตัวตั้งแต่ตอนที่อีกฝ่ายเอื้อมมือมาสัมผัสใบหน้าของเขาแล้ว “ข้าก็รักเจ้าหมิงเซียน เจ้าลูกกวางของข้า” “ขอรับ ข้าเป็นเจ้าลูกกวางของเฟยเกอ แต่..
หยางหมิงเซียนรีบประคองจินเฟยเทียนกลับมาที่เรือนของพวกเขา ดีที่พวกเขาสร้างโรงหมอไม่ไกลจากเรือนของพวกเขามากนัก และดีที่ตอนปรับปรุงเรือนหลังเก่าให้กลายเป็นเรือนหอของพวกเขา...ได้สร้างเรือนหลังเล็กแยกไปอีกสามหลัง เพื่อให้เกาเล่อกับเกาเผิงและบ่าวคนอื่นๆ ที่จินเฟยหมิงและราชครูหลงจิ้นสิงส่งมาให้อยู่ดูแลพวกเขาไปพักอาศัยอยู่ที่นั่น เพื่อที่ทุกคนจะได้มีที่พักเป็นสัดส่วนของตัวเอง ดังนั้นในเรือนใหญ่หลังนี้จึงมีเพียงแค่พวกเขาที่พักอาศัยอยู่ด้วยกันแค่สองคน หยางหมิงเซียนประคองจินเฟยเทียนเข้ามานั่งพักในห้องนอนของพวกเขา ก่อนที่เขาจะลงไปนั่งคุกเข่าและมองคนที่นั่งอยู่บนเตียง ที่ในยามนี้ทั้งผิวหน้าและผิวกายของอีกฝ่ายมีสีแดงไม่ต่างไปจากผลผิงกั่ว ดวงตาของอีกฝ่ายยามนี้ก็เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา ริมฝีปากบางของอีกฝ่ายก็กำลังขบเม้มกันแน่น...คนตรงหน้ายามนี้คงกำลังพยายามฝืนความต้องการของตัวเองอยู่เป็นแน่ “เฟยเกอเป็นอย่างไรบ้างขอรับ? ข้าขอโทษนะขอรับ ยาที่ท่านเพิ่งกินเข้าไปไม่ใช่ยาแก้ปวดต
“อาเล่อเจ้ากำลังทำอะไร?” หยางหมิงเซียนเข้ามาในห้องปรุงยา หลังจากไปส่งยาสมานแผลที่ค่ายทหาร ก็เจอเข้ากับเกาเล่อที่มาก้มๆเงยๆ อยู่แถวชั้นปรุงยาของเขา “ข้าน้อยกำลังจะต้มยาแก้ปวดตัวให้คุณชายใหญ่จินขอรับ” “เฟยเกอเป็นอะไร?” หยางหมิงเซียนรีบเอ่ยถาม เพราะเมื่อเช้าพวกเขาก็ออกมาจากเรือนพักพร้อมกันเหมือนทุกวัน อีกฝ่ายก็ยังปกติดีไม่เห็นมีอาการปวดตัวอะไรให้เห็น “วันนี้คุณชายใหญ่จินมีตรวจรักษาคนไข้ตั้งแต่เช้าเลยขอรับ และวันนี้ก็มีท่านป้าท่านหนึ่งที่ขยับตัวค่อนข้างจะลำบากเข้ามาขอรับการรักษา คุณชายใหญ่จินจึงต้องคอยช่วยนางขยับตัวตอนตรวจรักษาด้วยขอรับ ยามนี้คุณชายใหญ่จินเลยให้ข้าน้อยมาต้มยาแก้ปวดตัวให้ขอรับ” “เจ้ากลับไปช่วยเฟยเกอดูคนไข้ต่อเถอะ เดี๋ยวข้าจัดการเรื่องยาของเฟยเกอให้เอง อีกสักพักเจ้าค่อยกลับออกมาเอา และข้าฝากบอกเฟยเกอด้วยว่า...ข้ากลับมาแล้ว และเดี๋ยวถ้าข้าต้มยาให้ท่านลุงเจียงเสร็จ ข้าจะรีบเข้าไปหา” “ได้ขอรับ”
หยางหมิงเซียนเฝ้ามองตัวเขาในที่แห่งนี้เริ่มทำเรื่องเลวร้ายเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ยามนี้ตัวเขาในที่แห่งนี้ได้เป็นถึงผู้ช่วยเจ้ากรมกลาโหมแล้ว และตัวเขาในที่แห่งนี้ก็มีเกาเล่อเป็นลูกน้องคนสนิทและยังมีเสี่ยวเปากับเสี่ยวปิงเป็นดั่งมือและเท้าคอยออกไปทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ ให้เขา พวกเขาทำตัวไม่ต่างอะไรจากโจร...ทั้งยักยอกของหลวง ทั้งติดสินบน ทั้งตัดเสบียงอาหารและยาที่จะส่งไปยังค่ายทหาร...เพียงเพื่อต้องการกลั่นแกล้งรองแม่ทัพจินเฟยหลง ด้วยเพราะอีกฝ่ายเข้ามาติดพันกับสตรีที่ตัวเขาในที่แห่งนี้กำลังลุ่มหลง จนวันหนึ่งหยางหมิงเซียนเห็นตัวเขาในที่แห่งนี้ได้เจอกับผู้เป็นมารดา จากนั้นชีวิตของตัวเขาในที่แห่งนี้ก็เริ่มเลวร้ายลงไปจากเดิมเป็นเท่าตัว หยางหมิงเซียนมองตัวเขาในที่แห่งนี้ถูกมารดาชักจูงให้ทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ มากมาย ไม่เว้นแม้แต่การดึงตัวเขาในที่แห่งนี้เข้าไปร่วมมือกับหานเฟิง ตอนนี้หยางหมิงเซียนมองตัวเขาในที่แห่งนี้ไม่ต่างอะไรจากคนเลวคนหนึ่ง ทั้งลงมือทำร้ายผู้คนอย่างไม่มีเหตุผล ยิ่งกับคนที่เคยทำร้ายจิตใจตัวเองด้
“ข้าขอร้องได้หรือไม่ ช่วยปล่อยเด็กคนนั้นไป เด็กคนนั้น...ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้าเลย หากคนที่จ้างเจ้าต้องการให้เจ้ามาเอาชีวิตข้า อย่างนั้นเจ้าก็เข้ามาเอาชีวิตข้าไปเสียเถอะ แต่ข้าขออย่างเดียว...ช่วยปล่อยเด็กที่ไม่เกี่ยวข้องคนนั้นไป” จินเฟยเทียนยามนี้เจ็บปวดใจยิ่งนัก เพียงเพราะชีวิตตัวภาระอย่างเขา ทำให้ผู้คนรอบข้างและผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องเดือดร้อน ต้องมาบาดเจ็บล้มตาย เพียงเพราะต้องการช่วยเหลือตัวภาระเช่นเขาแบบนี้ หากไม่มีเขาสักคนทุกคนคงไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เป็นแน่... ‘ชีวิตของข้ามันช่างดูไร้ค่า และเป็นภาระของผู้อื่นอย่างที่ฮูหยินรองพูดไว้จริงๆด้วย’ นักฆ่าคนนั้นเดินเข้าไปหาจินเฟยเทียนแล้วก้มลงหยิบดาบของตัวเองขึ้นมา ก่อนที่เจ้าตัวจะโยนร่างของเด็กชายไปยังจุดที่จินเฟยเทียนกำลังยืนอยู่ จินเฟยเทียนที่เห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปประคองเด็กชายให้กลับขึ้นมายืนข้างตัวเองทันที “ข้าคงทำแบบนั้นให้ท่านไม่ได้หรอกคุณช
หยางหมิงเซียนลืมตาขึ้นมาเขาก็เห็นว่าตัวเองกำลังยืนอยู่กลางห้องเล็กห้องหนึ่ง เขาจึงมองไปรอบๆ ห้อง ยิ่งมองเขาก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคย... ‘ที่นี่? หรือว่า?’ หยางหมิงเซียนเดินไปที่เตียงขนาดกลางตรงมุมห้อง แล้วเขาก็ได้เห็นตัวเขาเองกับจินเฟยเทียนในวัยเยาว์ที่กำลังนอนอยู่ข้างกันบนเตียงหลังนั้น ‘นั่นข้ากับเฟยเกอนี่’ จากนั้นหยางหมิงเซียนก็เห็นหยงหม่าเดินเข้ามาในห้อง อีกฝ่ายเดินทะลุผ่านร่างของเขาเข้าไปปลุกคนบนเตียง ดูเหมือนว่ายามนี้คนที่นี่จะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของเขาและมองไม่เห็นเขาที่ยืนอยู่ในห้องนี้ด้วย “คุณชายใหญ่ขอรับ...ตื่นได้แล้วขอรับ เราต้องรีบออกเดินทางกันแล้วนะขอรับ พวกองครักษ์บอกว่าเห็นพวกนักฆ่าเข้ามาแถวในหมู่บ้านนี้แล้วขอรับ” หยงหม่าหลังจากเห็นผู้เป็นนายรู้สึกตัวแล้ว เขาก็รีบเดินเข้าไปหยิบเสื้อคลุมให้ผู้เป็นนายและเด็กชายอีกคนบนเตียงทันที&nbs
จินเฟยเทียนหลังจากที่กำลังเคลิบเคลิ้มไปกับรสสัมผัสของคนตรงหน้า แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายขยับตัวลุกออกจากตัวเขา แล้วเอื้อมมือไปหยิบน้ำมันหอมใต้เตียงขึ้นมา... และเมื่อเขาได้เห็นเครื่องแสดงความเป็นบุรุษของอีกฝ่ายอย่างเต็มตา... ยามนี้สติที่เตลิดไปไกลของเขาก็ได้วิ่งกลับมาเข้าในร่างเขาอย่างสมบูรณ์ทันที จินเฟยเทียนมองไปที่เครื่องแสดงความเป็นบุรุษของตัวเองกับของหยางหมิงเซียนแล้ว เขาก็รีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่น... แม้ยามนี้เขาอยากจะวิ่งหนีออกไปจากตรงนี้มากแค่ไหน และรู้ว่าตัวเองกำลังจะต้องพบเจอกับอะไร แต่เมื่อเขาเห็นแววตาของอีกฝ่ายแล้ว เขาก็กลั้นใจลุกออกไปจากเตียงหลังนี้ไม่ลงจริงๆ และยามนี้ในหัวของจินเฟยเทียนก็คิดแต่เพียงสำนวนที่ว่า...อย่าเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง หยางหมิงเซียนเมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว เขาก็เริ่มลงมือเตรียมความพร้อมของจินเฟยเทียนต่อทันที “เฟยเกอเ
งานมงคลสมรสระหว่างจินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียนก็ถูกจัดขึ้นตามฤกษ์ยามอย่างเรียบง่ายที่เรือนหอของพวกเขาตามความต้องการของจินเฟยเทียน แต่กว่าที่หยางหมิงเซียนจะเอาตัวเองเข้ามาในห้องหอได้ก็เกือบครึ่งค่อนคืนไปแล้ว เพราะเขาถูกทั้งคนในครอบครัวของจินเฟยเทียนและชิงหลวนคุนกับซานมู่ดึงตัวชนสุราและถ่วงเวลาเขาเอาไว้... หยางหมิงเซียนเมื่อเดินเข้ามาในห้องหอ เขาก็เดินเข้าไปหาจินเฟยเทียนที่นั่งอยู่บนเตียง จากนั้นเขาก็ใช้พัดเปิดผ้าแดงที่คลุมใบหน้าของอีกฝ่ายในยามนี้ออก...แล้วเขาก็ได้เห็นใบหน้าของคนรักของเขา หลังจากที่พวกเขาไม่ได้เห็นหน้าและไม่ได้พบเจอกันเลยมาเป็นเวลาสามวัน ด้วยเพราะพวกเขาต้องทำตามประเพณี...คนตรงหน้าเลยถูกแยกให้ไปพักอยู่ที่ค่ายทหารของจินเฟยหลง “เฟยเกอขอรับ ท่านรู้ตัวหรือไม่ขอรับว่าวันนี้...ท่านรูปงามยิ่งนักขอรับ” จินเฟยเทียนเงยหน้าขึ้นมองหยางหมิงเซียนที่วันนี้เจ้าตัวก็สวมชุดคลุมสีแดงไม่ต่างไปจากเขา แต่ทำไม...