บทที่ 5
เจ้าของร้านที่คิดจะเข้ามาต้อนรับนางจึงเลือกที่จะไปต้อนรับหยางพ่านชุนแทน แต่สิ่งที่ทำให้ความรู้สึกเจ็บช้ำที่คิดว่าจางหายไปแล้วของหลี่อ้ายเฉินย้อนกลับมาก็คือท่าทางที่เย็นชาของหยางพ่านชุนอดีตสามีของนาง
“ไปกันเถอะเชียงเชียง” หลี่อ้ายเฉินเรียกคนของตนก่อนจะเดินออกมาที่นอกร้าน โดยไม่ได้เห็นสายตาของคนที่มองตามมาเลยแม้แต่น้อย
“เชียงเชียงข้าเปลี่ยนใจแล้วกลับกันดีกว่า” ทั้ง ๆ ที่คิดว่าเป็นคนเดินออกมาจากความสัมพันธ์ที่ทำให้ต่างฝ่ายต่างก็เจ็บช้ำแล้วจะดีซะอีก สุดท้ายแล้วก็คงมีแค่นางสินะที่เจ็บปวดเพราะการกระทำของชายคนนี้
“แต่ว่าคุณหนู” ยังไม่ทันที่เชียงเชียงจะพูดอ้ายเฉินก็เอ่ยขัด
“ข้ารู้สึกไม่ดี”
สายตาเย็นชาเมื่อครู่ที่ได้สบกันเพียงชั่วอึดใจทำเอาร่างทั้งร่างของหลี่อ้ายเฉินไม่เป็นของตัวเองเลย นางรู้สึกราวกับหายใจไม่ออก ที่เขาบอกว่าเลือกสามีผิดคิดจนตัวตายคงเป็นเรื่องจริง ขนาดนางตายไปแล้วจนได้ย้อนกลับมา ความรู้สึกเจ็บปวดยังคงติดตามมาเลย เสียดายก็เพียงแค่รู้เมื่อสายไปหากนางไม่เลือกเขาตั้งแต่แรก เสี่ยวชิงก็คงไม่ต้องเกิดมาและตายไปอย่างทรมาน
"อ้ายเฉิน" เขาเรียกชื่อนางด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความรู้สึกไม่คุ้นเคย หยางพ่านชุนก้าวเท้ายาวเดินตรงเข้ามาหานางด้วยความสงสัย
"ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่"
หลี่อ้ายเฉินรู้สึกตื่นเต้นและกลัวในเวลาเดียวกัน นางพยายามทำใจให้เย็นและตอบกลับด้วยเสียงที่มั่นคง
"ข้ามาทำธุระ”
"ข้าขอโทษ ข้าไม่รู้ว่าที่ผ่านมาทำให้เจ้าทุกข์ใจถึงเพียงนี้"
เพราะอย่างไรโดยเนื้อแท้แล้วเขาก็เป็นคนดี เพียงแต่ด้วยเหตุผลแวดล้อมหลายประการ ทำให้ชายหนุ่มเผลอทอดทิ้งให้ภรรยาต้องเปลี่ยวเหงา ทั้งที่ชีวิตก่อนหน้านี้เป็นเวลากว่าสิบปี เขาไม่เคยเหลียวแลนางกับลูกเลย
มันน่าเศร้าที่เขายอมออกมาตาม และสนใจนาง เมื่อตอนที่สูญเสียไปแล้ว
แต่หลี่อ้ายเฉินไม่สนใจคำขอโทษนั้น จากนี้ผ่านไปนับสิบปีเขาก็ยังคงเมินเฉยต่อนางเช่นเดิม แล้วด้วยเหตุใดจะต้องทนต่อไปเล่า
หลี่อ้ายเฉินเข้าใจที่อีกฝ่ายจัดการเมืองแห่งนี้เป็นอย่างดี แต่นางก็ไม่เคยเข้าใจเลยว่านางและลูกอยู่ตรงไหนของเขาสำหรับหยางพ่านชุน นางตัดสินใจหมุนตัวหันหลังแล้วเดินจากไป ทิ้งให้หยางพ่านชุนยืนอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายของตลาด พร้อมกับความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายได้
พ่างชุนมองใบหน้าอดีตภรรยา ใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งความเจ็บปวดและความไม่เข้าใจ เขาไม่เข้าใจว่าตนนั้นทำผิดพลาดตรงไหน
"อ้ายเฉิน" เขาเอ่ยเรียกชื่อของนางด้วยเสียงที่อ่อนโยน แต่ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
หลี่อ้ายเฉินหันมามองเขา ใบหน้าและดวงตาของนางมีเพียงความเจ็บปวดและความไม่มั่นคง ยิ่งมองชายหนุ่มที่ควรทำให้นางมีครอบครัวที่มั่นคงและอบอุ่น แต่กลับทำลายความเชื่อมั่นนั้นลงไปแล้วครั้งหนึ่ง แม้ในตอนนี้เขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนางในชีวิตก่อนหน้าก็ตาม
"ท่านตามมาที่นี่ทำไม ในจดหมายข้าว่าก็บอกชัดเจนแล้วว่าไม่ต้องการเห็นหน้าท่านอีกแล้ว เราหย่าร้างกันแล้ว มาให้เป็นเรื่องตลกในวงน้ำชาของบ้านอื่นเขาหรือไร"
หยางพ่านชุนก้าวเข้ามาใกล้ นัยน์ตาของเขาแสดงถึงความจริงใจและความสำนึกผิด จนหลี่อ้ายเฉินอดที่หวั่นไหวไม่ได้
"ข้าขอโทษจริง ๆ อ้ายเฉิน ข้ารู้ว่าข้าทำผิดไป ข้าแค่อยากให้เจ้าให้โอกาสข้าอีกครั้ง เราเพิ่งแต่งงานกันเพียงหนึ่งปีเท่านั้น อีกทั้งข้าเกรงว่าในท้องของเจ้าอาจมีบุตรชายของข้าอยู่แล้ว ให้โอกาสเราสองได้เป็นครอบครัวที่อบอุ่นกันอีกครั้งได้หรือไม่"
หลี่อ้ายเฉินมองเขาด้วยความรู้สึกที่ขัดแย้ง ใจของนางยังคงเจ็บปวดจากการที่เขาเคยละเลยนางและลูก ตอนนี้ยังมาพูดถึงลูกอีก
ใช่แล้ว!
หญิงสาวมั่นใจอย่างยิ่งว่าตอนนี้ตนเองน่าจะอุ้มท้องบุตรชายอีกครั้ง เหมือนในชาติที่แล้ว นางก็อุ้มท้องบุตรชายในช่วงเวลาประมาณนี้พอดี
แล้วแต่ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันล่ะ ในอีกไม่กี่วันนี้ หยางพ่านชุนจะต้องกลับเมืองหลวงเพื่อไปหาครอบครัวของเขา หยางพ่านชุนเป็นหนึ่งในตระกูลสาขาของตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง
แต่เขาจะไปไม่ถึงเนื่องจากโดนดักปล้นกลางทาง และในตอนนั้นนางก็เป็นคนช่วยผลักชายหนุ่มออกจากทางของลูกธนู จนตนเองบาดเจ็บแทน และได้รู้ว่าที่แท้นางกำลังตั้งครรภ์อยู่ เพราะเหตุการณ์ครั้งนั้นนางเกือบแท้งบุตร
ริมฝีปากบางแม้มแน่น ต่อให้ครั้งนั้นนางไม่ได้แท้งบุตรในครรภ์ แต่สุดท้ายบุตรชายของนางก็ตายอยู่ดี
เมื่อตอนนี้ชายที่ไม่เคยไยดีบุตรชายของนางเลยตั้งแต่เขาเกิดมา กลับมาพูดเรื่องลูกต่อหน้า มีหรือนางจะใจเย็นอยู่ได้
"โอกาส ท่านคิดว่าท่านยังมีสิทธิ์ที่จะขอโอกาสอีกหรือท่านทำร้ายข้าและลูกของเรา"
หยางพ่านชุนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เขาไม่เข้าใจสิ่งที่หลี่อ้ายเฉินพูดสักคำ แต่จนถึงตอนนี้ไม่สามารถเปลี่ยนใจได้แล้ว ชายหนุ่มไม่รู้จะบอกครอบครัวของเขาที่เมืองหลวงอย่างไรว่าตอนนี้ได้หย่ากับภรรยาแล้ว หากคนตระกูลหยางรู้พวกเขาจะต้องส่งหญิงสาวในเมืองหลวงให้มาแต่งกับเขาแน่
เพราะเหตุผลที่เขาเลือกย้ายมาเป็นเจ้าเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ ก็เพราะไม่ชื่นชอบหญิงสาวในเมืองหลวงนั่นเอง
"วันนี้ข้ามาเพื่อสนทนากับเจ้าดี ๆ"
หลี่อ้ายเฉินหันหน้าหนีบ่งบอกว่าไม่อยากที่จะสนทนาต่อแล้ว แต่ก็ทำอย่างใจนึกไม่ได้
"แม้เราจะเพิ่งแต่งานกัน แต่เวลาเพียงแค่ปีเดียวท่านก็หมางเมินข้าเสียแล้วเห็นแก่ที่ท่านเป็นเจ้าเมือง ข้ายังไว้หน้าท่านขนาดนี้ ท่านก็ควรวางตัวให้สมกับตำแหน่งเจ้าเมืองเสียหน่อยเถอะ“
ความเงียบงันตกลงมาอีกครั้ง หยางพ่านชุนยืนขึ้นและพยักหน้า อย่างน้อย ๆ บริเวณนี้มีผู้คนมากมาย เอาเรื่องในบ้านมาพูดคงไม่ดี
“ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อให้เจ้าเห็นว่าข้ารักเจ้าและลูกของเราจริง และจะสร้างครอบครัวของเราขึ้นมาอีกครั้ง ขอเพียงเจ้าให้โอกาส"
เมื่อคิดดูแล้วที่เขาตัดสินใจแต่งงานกับหลี่อ้ายเฉินก็เพราะรักนาง แต่ไม่รู้เพราะงานยุ่ง หรือจริง ๆ แล้วกลัวการทำทุกอย่างให้ดีขึ้น จึงได้ละเลยนางไป ตลอดการแต่งงานที่ผ่านมาหนึ่งปี เขาแทบไม่ได้ใส่ใจนางจริง ๆ ดังว่า
ยังมีอีกเรื่อง แม้จะหย่าขาดกันแล้วก็ควรเอ่ยเตือนเขาสักนิด
"หยางพ่านชุน" หลี่อ้ายเฉินเรียกเขาเสียงนุ่ม แต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น
หยางพ่านชุนเขามองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย "มีอะไรหรือ อ้ายเฉิน"
หลี่อ้ายเฉินเดินมาใกล้ ๆ เขา นางรู้สึกถึงความกังวลที่ก่อตัวขึ้นในใจ "ข้ามีความรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับการเดินทางของท่านในครั้งนี้ ข้ากลัวว่าจะมีโจรป่าโจมตี ขอร้องท่านอย่าไปเลยได้ไหม"
แม้หยางพ่านชุนพยักหน้ารับฟังคำเตือนของนาง แต่ในใจกลับไม่ได้เชื่อสักเท่าไร เขายังคงยึดมั่นในความคิดของตัวเองและเชื่อว่าตนสามารถจัดการทุกอย่างได้
"อ้ายเฉิน ข้าเข้าใจความกังวลของเจ้า แต่ข้าเชื่อว่าสามารถดูแลตัวเองได้ และข้าไม่คิดว่าจะมีโจรป่ามาโจมตีข้า นอกจากนี้นี่เป็นการพบปะครอบครัวครั้งใหญ่ที่ทุกคนจะต้องเข้าร่วม หากไม่ไปจะต้องถูกหัวหน้าตระกุลตำหนิ ข้าต้องไปให้ได้ ในตอนแรกข้าคิดจะพาเจ้าไปด้วย แต่เรื่องที่เจ้าเขียนหนังสือหย่าเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน ยามนี้เมื่อเจ้าไม่ไปด้วยแล้วก็ยิ่งต้องไป เพื่อไม่ให้ท่านพ่อท่านแม่ว่ากล่าวตำหนิเจ้าที่เป็นภรรยาของข้าได้ ส่วนเรื่องเจ้า ข้าจะบอกพ่อแม่ว่าเจ้าตั้งครรภ์จึงเดินทางมาไม่ได้ก็แล้วกัน"
นางเอียงคอมองหยางพ่านชุนที่เอ่ยเรื่องที่นางไม่ได้เดินทางไปด้วยครั้งนี้ เหตุใดไม่บอกว่าหย่าขาดจากนางเสียก็สิ้นเรื่อง ไยต้องหาเหตุผลมามากมายไปแก้ตัวกับบิดามารดาของเขาที่แม้แต่งานแต่งของนางกับเขาก็ไม่เคยเดินทางมาร่วม
แต่ช่างเถอะ
หลี่อ้ายเฉินรู้สึกผิดหวังที่เขาไม่เชื่อคำเตือนของนาง นางพยายามอีกครั้ง "ข้าไม่ได้พูดเล่น ข้ามีความรู้สึกไม่ดีจริง ๆ ขอท่านเชื่อข้าสักครั้งได้ไหม"
หยางพ่านชุนถอนหายใจและยิ้มตอบกลับไปเบา ๆ
"ข้ารู้ว่าเจ้าห่วงข้า แต่ข้าเชื่อว่าข้าจะปลอดภัย ข้าจะกลับมาเร็ว ๆ ดูสิ แล้วข้าจะยอมเสียภรรยาที่รักและห่วงใยเช่นนี้ไปได้อย่างไร ห่วงข้าปานนี้ก็กลับมาอยู่กับข้าเสียเลยสิ"
เหอะ
คำพูดของเขาทำให้หลี่อ้ายเฉินรู้สึกเจ็บปวด แม้จะมีการหยอกเล่นในตอนท้าย แต่มันหมายความว่าชายหนุ่มไม่ได้เชื่อในคำพูดของนางเลย และมันเป็นเช่นนี้เสมอ ทุกครั้งเขามักจะทำตามที่ตนอยากทำโดยไม่สนใจว่านางจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม
มันทำให้รู้สึกถึงความไม่ยุติธรรมที่อีกฝ่ายไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของตน และคิดดูว่ามันเป็นอยู่เช่นนี้ไปอีกนับสิบปี ราวกับนางไม่ได้มีตัวตน คำพูดไม่ได้มีค่าอะไรต่อสามีเลย ทั้งที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาคู่ชีวิตด้วยซ้ำไป
"ทำไมท่านถึงไม่เชื่อข้า ข้าก็แค่ต้องการให้ท่านปลอดภัยเท่านั้น ไม่หวังสิ่งอื่นใดเลย แล้วอย่าเอาความห่วงใยของข้ามาล้อเล่น ตอนนี้ข้ากำลังจริงจังอยู่นะ"
“อย่าห่วงไปเลย ข้าจะกลับมาอย่างปลอดภัย จะไปไม่นาน ไม่ทำให้เจ้าต้องกังวลไปอีกหลายวัน”
หลี่อ้ายเฉินหมุนตัวกลับเดินไปข้างหน้า โดยไม่หันกลับมา นางถือว่าได้ทำเต็มที่แล้ว แม้เขาจะทำนางทุกข์มากมาย แต่นางก็ยังเป็นห่วงเขา ความรักนี่มันโหดร้ายเหลือเกิน เมื่อได้รักแล้ว แม้จะถูกทำร้ายซ้ำ ๆ ก็ยังรัก นางไม่สามารถทำให้หยางพ่านชุนเชื่อในคำเตือนของนางได้
เมื่อเตือนไปแล้วไม่ฟังก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรจริง ๆ
บทที่ 6“ท่านเจ้าเมือง” หยางพ่านชุนสะดุ้งน้อย ๆ จนแทบไม่ทันสังเกต เขาหันมองไปรอบ ๆ เรื่องของอ้ายเฉินทำให้เขาติดอยู่ในภวังค์ความคิด กว่าจะรู้ตัวหญิงสาวก็เดินจากไปแล้วอีกไม่นานเขาจะต้องไปรวมตัวในพิธีไหว้บรรพบุรุษกับตระกูลใหญ่ การหย่าร้างกับภรรยาคงจะกลายเป็นคำถามที่ทำให้เขาหนักใจเป็นที่สุด“ชางเกิงจัดการซื้อของตามที่ข้าบอกเจ้าแล้วเอากลับไปที่เรือน” หยางพ่านชุนไม่อยากอยู่ตรงนี้อีกต่อไป แม้จะดูเหมือนเขาไม่เสียใจ แต่...ช่างเถอะในเมื่อนางเลือกแล้ว ที่ต้องจัดการคือเรื่องที่ถูกภรรยาทิ้งหนังสือหย่าเอาไว้มากกว่าแค่เรื่องหย่าก็วุ่นวายแล้วหากท่านแม่ของเขากลับมาเจ้ากี้เจ้าการหาคนนั้นคนนี้มาให้เขาอีกคงเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ และแม้จะไม่อยากพบเจอกันต่อหน้าธารกำนัลให้เสียหน้า แต่ตรงหน้าของเขาห่างไปไม่เกินสิบก้าวก็คืออดีตฮูหยินที่กำลังจะขึ้นรถม้าระหว่างการสวนทางกันของอดีคคู่สามีภรรยาชาวบ้านหลายคนที่มาพักผ่อน บางคนมองดูพวกเขาด้วยความเห็นใจ แต่บางคนกลับมีแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยและวิพากษ์วิจารณ์"เจ้าคิดว่าเจ้าเมืองมีอะไรแปลกหรือไม่ ท่านเจ้าเมืองก็เป็นคนดีอยู่หรอกนะ แต่ถึงขนาดภรรยาเขียนจดหมายหย่าแล้วหน
บทที่ 7“อ้ายเฉิน” น้องสาวที่เดินอย่างรวดเร็วเข้าไปในเรือนโดยไม่ได้หยุดฟังคำเรียกทำให้คนเป็นพี่ชายกังวล เชียงเชียงที่เดินไม่ทันเจ้านายของตนจึงตกเป็นเหยื่อให้กับหลี่เม่าพี่ชายของหญิงสาว “เจ้า! เชียงเชียงน้องข้าเป็นอะไรกัน” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงกดดัน เพราะรู้ว่าอ้ายเฉินนางมีเรื่องให้กังวลเยอะและก็ไม่ค่อยบอกออกมาจึงต้องบังคับคนใกล้ตัวนางเช่นนี้ บางทีมันอาจจะทำให้รู้เรื่องราวที่ควรรู้ได้บ้าง “คือว่า...คุณหนูไปเจอเข้ากับท่านเจ้าเมืองเจ้าคะ” หลี่เม่ากำมือแน่น “แล้วมันทำอะไรน้องข้าหรือไม่” ชายหนุ่มถามด้วยอารมณ์ แต่คำตอบที่ไม่มีอะไรกลับทำให้เขาโกรธยิ่งกว่า “คือท่านเจ้าเมืองไม่มองคุณหนูด้วยซ้ำ” น
บทนำหลี่อ้ายเฉินทุ่มเทเพื่อความรักอย่างหมดใจ แม้จะต้องปกปิดฐานะที่แท้จริงของตนเพื่อพิสูจน์ว่ารักแท้นั้นมีอยู่จริง หวังเพียงแต่งงานมีครอบครัวที่รักอบอุ่นและรักใคร่ หวังเพียงได้พบเจอบุรุษที่รักนางที่นางเป็นนาง หาใช่ทรัพย์สมบัติที่ตระกูลนางมี แล้ววันหนึ่งนางก็ได้พบบุรุษผู้นั้น เจ้าเมืองหนุ่มผู้เที่ยงธรรม ทั้งสองแต่งงานกัน แต่หลังจากแต่งงานกันทุกสิ่งอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่นางหวัง หยางพ่านชุนเย็นชากับนางยิ่งกว่าแม่น้ำในหน้าหนาวเสียอีกแม้เกิดเหตุร้ายครั้งใหญ่ เมืองหลวงอย่างลั่วหยางระส่ำ เมืองท่าห่างไกลอย่างเมืองเฉิงก็ได้รับผลกระทบ หลี่อ้ายเฉินต้องพลัดพรากจากพ่อแม่พี่ชาย ด้วยหน้าที่ของเขาในฐานะเจ้าเมือง เขาสามารถช่วยชีวิตทุกคนในเมืองเฉิงเอาไว้ได้ เว้นแต่นาง เว้นแต่ครอบครัวของนาง ลูกคนเดียวต้องตายจาก เนื่องจากเขาไม่สามารถช่วยเหลือครอบครัวของนางได้เลือกสามีผิดคิดจนตัวตาย! เป็นเช่นไรรู้ก็เมื่อสายไปเสียแล้วเมื่อมีโอกาสให้ย้อนกลับมาอีกครั้ง นางตัดสินใจที่จะถอยห่างจากเขาและอดีตที่เคยขมขื่น แต่ทำไมเขาถึงไม่ยอมปล่อยนางไป ทั้ง ๆ ที่ในอดีตเขาเคยเย็นชากับนางอย่างยิ่ง ความพยายามตัดใจจากเขากลับกล
บทที่ 2แต่แล้ว...ลมแรงที่พัดดอกเหมยปลิวไปทั่วทั้งบริเวณจนเข้ามาถึงห้องนอนของฮูหยินของท่านเจ้าเมืองทำให้ดวงตาสวยที่ยังคงมีน้ำตาซึมค่อย ๆ เปิดขึ้นช้า ๆ แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา ทำให้ห้องนอนที่เงียบสงัดกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหลี่อ้ายเฉินรู้สึกตัวขึ้นมาอย่างช้า ๆ ความหนาวเย็นที่แผ่ซ่านทั่วร่างกายทำให้นางสะดุ้งตื่นจากความฝันอันเลวร้ายรอยคราบน้ำตายังแห้งติดอยู่ข้างแก้ม ร่างบอบบางที่อยู่บนเตียงนอนค่อยๆ ลืมตาและพบว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่"ข้ายังไม่ตายหรือ" หลี่อ้ายเฉินขมวดคิ้วพูดกับตัวเองด้วยความสับสนและงุนงง สายตาส่องสำรวจไปรอบ ๆ ห้องนอนที่คุ้นเคย แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะต่างออกไป“ฮูหยินตื่นหรือยังเจ้าคะ ข้าจะเข้าไปแล้วนะเจ้าคะ” ใบหน้าของเชียงเชียงสาวใช้ที่ติดตามมาจากตระกูลของตนเดินเข้ามาในห้องนอนของนายหญิงตนเองอย่างยินดีไม่ใช่สิ่งที่ฝูหรงสังเกตเมื่อลุกขึ้นจากเตียง ก็รู้สึกว่าร่างกายยังมีพลังและสดชื่นกว่าที่คาดคิด ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มานานนับสิบปีแล้ว แต่สิ่งแรกที่ทำและนึกถึง กลับเป็นบุตรชายอันเป็นที่รัก นางจึงรีบลุกเดินไปยังโต๊ะข้างเตียงที่วางภาพวาดของบุตรชายของนางอยู่แต่ก
บทที่ 3หยางพ่านชุนกลับมาจากดูแลชาวบ้านก็ตรงกลับจวนเจ้าเมือง เดินตรงเข้าเรือนไปเปลี่ยนชุดและรีบออกมากินข้าว เขาไม่ได้กลับจวนมาหลายวันเพราะติดภารกิจของบ้านเมือง กลับมาก็หวังว่าจะได้เห็นฮูหยินรออยู่ที่จวนแต่กลับไม่มี“ฮูหยินไปที่ไหน” เสียงเข้มเอ่ยถามคนในจวน ไม่แม้แต่จะยกอาหารตรงหน้าขึ้นมากิน “ข้าถาม ใครก็ได้ตอบข้ามาสักคน”พ่อบ้านที่เป็นคนดูแลตระกูลหยางก่อนที่หยางพ่านชุนจะย้ายเข้าจวนเจ้าเมืองเป็นคนเดียวที่กล้าพูดออกมา“นางกลับไปตระกูลหลี่ขอรับ” คิ้วของเจ้าเมืองหนุ่มขมวดแน่น “กลับตระกูลของนางทำไมกัน” เมื่อรับรู้แล้วว่าที่ภรรยาไม่ออกมาต้อนรับเพราะไม่อยู่ มือแกร่งก็เอื้อมออกไปหยิบถ้วยข้าวตรงหน้าก่อนจะคีบเอากับมาวาง ระหว่างรอคำตอบจากพ่อบ้าน“ไม่ได้บอกขอรับ แต่มีจดหมายบางอย่างฝากเอาไว้ให้นายท่านอยู่ที่ห้อง ฮูหยินบอกว่าท่านเจ้าเมืองจะเข้าใจทุกอย่างหลังจากได้อ่านจดหมายนั่นขอรับ” หยางพ่านชุนพยักหน้าก่อนจะปัดมือส่ง ๆ ราวกับจะบอกให้พ่อบ้านออกไปเขาเริ่มกินอาหารต่อ และก็รู้สึกว่ารสชาติมันไม่ได้เป็นอย่างที่อยากกินเลยแม้แต่นิด ก่อนหน้านี้ตอนที่ไม่กลับจวนก็รู้สึกไม่พอใจอาหารข้างนอกนี่ยังต้องมารำคาญใ
บทที่ 4ในห้องรับแขกที่ประดับประดาด้วยเครื่องเรือนหรูหรา มารดาของหลี่อ้ายเฉินก้าวเข้ามากอดหลี่อ้ายเฉินด้วยความรัก ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความห่วงใยทำให้นางรู้สึกถึงความรักที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง นางรักบุตรชายเท่าใด มารดาของนางก็คงรักนางไม่ต่างกัน"ท่านแม่..." หลี่อ้ายเฉินพูดเสียงสั่นเครือ "ข้าตัดสินใจที่จะไม่กลับไปหาหยางพ่านชุนอีก ข้าทนไม่ไหวแล้ว"มารดาของนางจับมือนางอย่างอบอุ่น "เจ้าได้ทำสิ่งที่ถูกต้องแล้วลูก เจ้าไม่จำเป็นต้องทนทุกข์อีกต่อไป แม่ยินดีที่เจ้าได้กลับมา""ข้า...ข้าตัดสินใจแล้วว่า ข้าจะไม่กลับไปหาหยางพ่านชุนอีก" นางพูดทั้งน้ำตา "ข้าไม่อาจทนความเย็นชาและการทอดทิ้งของเขาได้อีกต่อไป ข้าอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่""ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าขอโทษที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง ข้าจะไม่กลับไปหาหยางพ่านชุนอีกแล้ว ข้าทนไม่ไหวกับความเย็นชาของเขา" นางพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง แม้ในใจยังคงเจ็บปวดบิดาของหลี่อ้ายเฉินพยักหน้าเข้าใจและปลอบโยนนาง "เจ้าได้ตัดสินใจอย่างกล้าหาญแล้วลูก พ่อจะสนับสนุนเจ้าเสมอ ไม่ว่าเจ้าจะเลือกทางใด อ้ายเฉิน ลูกไม่ต้องห่วง ทุกคนในครอบครัวนี้พร้อมจะอยู่เคียงข้างเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะตัดสินใจอย
บทที่ 7“อ้ายเฉิน” น้องสาวที่เดินอย่างรวดเร็วเข้าไปในเรือนโดยไม่ได้หยุดฟังคำเรียกทำให้คนเป็นพี่ชายกังวล เชียงเชียงที่เดินไม่ทันเจ้านายของตนจึงตกเป็นเหยื่อให้กับหลี่เม่าพี่ชายของหญิงสาว “เจ้า! เชียงเชียงน้องข้าเป็นอะไรกัน” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงกดดัน เพราะรู้ว่าอ้ายเฉินนางมีเรื่องให้กังวลเยอะและก็ไม่ค่อยบอกออกมาจึงต้องบังคับคนใกล้ตัวนางเช่นนี้ บางทีมันอาจจะทำให้รู้เรื่องราวที่ควรรู้ได้บ้าง “คือว่า...คุณหนูไปเจอเข้ากับท่านเจ้าเมืองเจ้าคะ” หลี่เม่ากำมือแน่น “แล้วมันทำอะไรน้องข้าหรือไม่” ชายหนุ่มถามด้วยอารมณ์ แต่คำตอบที่ไม่มีอะไรกลับทำให้เขาโกรธยิ่งกว่า “คือท่านเจ้าเมืองไม่มองคุณหนูด้วยซ้ำ” น
บทที่ 6“ท่านเจ้าเมือง” หยางพ่านชุนสะดุ้งน้อย ๆ จนแทบไม่ทันสังเกต เขาหันมองไปรอบ ๆ เรื่องของอ้ายเฉินทำให้เขาติดอยู่ในภวังค์ความคิด กว่าจะรู้ตัวหญิงสาวก็เดินจากไปแล้วอีกไม่นานเขาจะต้องไปรวมตัวในพิธีไหว้บรรพบุรุษกับตระกูลใหญ่ การหย่าร้างกับภรรยาคงจะกลายเป็นคำถามที่ทำให้เขาหนักใจเป็นที่สุด“ชางเกิงจัดการซื้อของตามที่ข้าบอกเจ้าแล้วเอากลับไปที่เรือน” หยางพ่านชุนไม่อยากอยู่ตรงนี้อีกต่อไป แม้จะดูเหมือนเขาไม่เสียใจ แต่...ช่างเถอะในเมื่อนางเลือกแล้ว ที่ต้องจัดการคือเรื่องที่ถูกภรรยาทิ้งหนังสือหย่าเอาไว้มากกว่าแค่เรื่องหย่าก็วุ่นวายแล้วหากท่านแม่ของเขากลับมาเจ้ากี้เจ้าการหาคนนั้นคนนี้มาให้เขาอีกคงเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ และแม้จะไม่อยากพบเจอกันต่อหน้าธารกำนัลให้เสียหน้า แต่ตรงหน้าของเขาห่างไปไม่เกินสิบก้าวก็คืออดีตฮูหยินที่กำลังจะขึ้นรถม้าระหว่างการสวนทางกันของอดีคคู่สามีภรรยาชาวบ้านหลายคนที่มาพักผ่อน บางคนมองดูพวกเขาด้วยความเห็นใจ แต่บางคนกลับมีแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยและวิพากษ์วิจารณ์"เจ้าคิดว่าเจ้าเมืองมีอะไรแปลกหรือไม่ ท่านเจ้าเมืองก็เป็นคนดีอยู่หรอกนะ แต่ถึงขนาดภรรยาเขียนจดหมายหย่าแล้วหน
บทที่ 5เจ้าของร้านที่คิดจะเข้ามาต้อนรับนางจึงเลือกที่จะไปต้อนรับหยางพ่านชุนแทน แต่สิ่งที่ทำให้ความรู้สึกเจ็บช้ำที่คิดว่าจางหายไปแล้วของหลี่อ้ายเฉินย้อนกลับมาก็คือท่าทางที่เย็นชาของหยางพ่านชุนอดีตสามีของนาง“ไปกันเถอะเชียงเชียง” หลี่อ้ายเฉินเรียกคนของตนก่อนจะเดินออกมาที่นอกร้าน โดยไม่ได้เห็นสายตาของคนที่มองตามมาเลยแม้แต่น้อย“เชียงเชียงข้าเปลี่ยนใจแล้วกลับกันดีกว่า” ทั้ง ๆ ที่คิดว่าเป็นคนเดินออกมาจากความสัมพันธ์ที่ทำให้ต่างฝ่ายต่างก็เจ็บช้ำแล้วจะดีซะอีก สุดท้ายแล้วก็คงมีแค่นางสินะที่เจ็บปวดเพราะการกระทำของชายคนนี้ “แต่ว่าคุณหนู” ยังไม่ทันที่เชียงเชียงจะพูดอ้ายเฉินก็เอ่ยขัด “ข้ารู้สึกไม่ดี”สายตาเย็นชาเมื่อครู่ที่ได้สบกันเพียงชั่วอึดใจทำเอาร่างทั้งร่างของหลี่อ้ายเฉินไม่เป็นของตัวเองเลย นางรู้สึกราวกับหายใจไม่ออก ที่เขาบอกว่าเลือกสามีผิดคิดจนตัวตายคงเป็นเรื่องจริง ขนาดนางตายไปแล้วจนได้ย้อนกลับมา ความรู้สึกเจ็บปวดยังคงติดตามมาเลย เสียดายก็เพียงแค่รู้เมื่อสายไปหากนางไม่เลือกเขาตั้งแต่แรก เสี่ยวชิงก็คงไม่ต้องเกิดมาและตายไปอย่างทรมาน"อ้ายเฉิน" เขาเรียกชื่อนางด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความรู้
บทที่ 4ในห้องรับแขกที่ประดับประดาด้วยเครื่องเรือนหรูหรา มารดาของหลี่อ้ายเฉินก้าวเข้ามากอดหลี่อ้ายเฉินด้วยความรัก ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความห่วงใยทำให้นางรู้สึกถึงความรักที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง นางรักบุตรชายเท่าใด มารดาของนางก็คงรักนางไม่ต่างกัน"ท่านแม่..." หลี่อ้ายเฉินพูดเสียงสั่นเครือ "ข้าตัดสินใจที่จะไม่กลับไปหาหยางพ่านชุนอีก ข้าทนไม่ไหวแล้ว"มารดาของนางจับมือนางอย่างอบอุ่น "เจ้าได้ทำสิ่งที่ถูกต้องแล้วลูก เจ้าไม่จำเป็นต้องทนทุกข์อีกต่อไป แม่ยินดีที่เจ้าได้กลับมา""ข้า...ข้าตัดสินใจแล้วว่า ข้าจะไม่กลับไปหาหยางพ่านชุนอีก" นางพูดทั้งน้ำตา "ข้าไม่อาจทนความเย็นชาและการทอดทิ้งของเขาได้อีกต่อไป ข้าอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่""ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าขอโทษที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง ข้าจะไม่กลับไปหาหยางพ่านชุนอีกแล้ว ข้าทนไม่ไหวกับความเย็นชาของเขา" นางพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง แม้ในใจยังคงเจ็บปวดบิดาของหลี่อ้ายเฉินพยักหน้าเข้าใจและปลอบโยนนาง "เจ้าได้ตัดสินใจอย่างกล้าหาญแล้วลูก พ่อจะสนับสนุนเจ้าเสมอ ไม่ว่าเจ้าจะเลือกทางใด อ้ายเฉิน ลูกไม่ต้องห่วง ทุกคนในครอบครัวนี้พร้อมจะอยู่เคียงข้างเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะตัดสินใจอย
บทที่ 3หยางพ่านชุนกลับมาจากดูแลชาวบ้านก็ตรงกลับจวนเจ้าเมือง เดินตรงเข้าเรือนไปเปลี่ยนชุดและรีบออกมากินข้าว เขาไม่ได้กลับจวนมาหลายวันเพราะติดภารกิจของบ้านเมือง กลับมาก็หวังว่าจะได้เห็นฮูหยินรออยู่ที่จวนแต่กลับไม่มี“ฮูหยินไปที่ไหน” เสียงเข้มเอ่ยถามคนในจวน ไม่แม้แต่จะยกอาหารตรงหน้าขึ้นมากิน “ข้าถาม ใครก็ได้ตอบข้ามาสักคน”พ่อบ้านที่เป็นคนดูแลตระกูลหยางก่อนที่หยางพ่านชุนจะย้ายเข้าจวนเจ้าเมืองเป็นคนเดียวที่กล้าพูดออกมา“นางกลับไปตระกูลหลี่ขอรับ” คิ้วของเจ้าเมืองหนุ่มขมวดแน่น “กลับตระกูลของนางทำไมกัน” เมื่อรับรู้แล้วว่าที่ภรรยาไม่ออกมาต้อนรับเพราะไม่อยู่ มือแกร่งก็เอื้อมออกไปหยิบถ้วยข้าวตรงหน้าก่อนจะคีบเอากับมาวาง ระหว่างรอคำตอบจากพ่อบ้าน“ไม่ได้บอกขอรับ แต่มีจดหมายบางอย่างฝากเอาไว้ให้นายท่านอยู่ที่ห้อง ฮูหยินบอกว่าท่านเจ้าเมืองจะเข้าใจทุกอย่างหลังจากได้อ่านจดหมายนั่นขอรับ” หยางพ่านชุนพยักหน้าก่อนจะปัดมือส่ง ๆ ราวกับจะบอกให้พ่อบ้านออกไปเขาเริ่มกินอาหารต่อ และก็รู้สึกว่ารสชาติมันไม่ได้เป็นอย่างที่อยากกินเลยแม้แต่นิด ก่อนหน้านี้ตอนที่ไม่กลับจวนก็รู้สึกไม่พอใจอาหารข้างนอกนี่ยังต้องมารำคาญใ
บทที่ 2แต่แล้ว...ลมแรงที่พัดดอกเหมยปลิวไปทั่วทั้งบริเวณจนเข้ามาถึงห้องนอนของฮูหยินของท่านเจ้าเมืองทำให้ดวงตาสวยที่ยังคงมีน้ำตาซึมค่อย ๆ เปิดขึ้นช้า ๆ แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา ทำให้ห้องนอนที่เงียบสงัดกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหลี่อ้ายเฉินรู้สึกตัวขึ้นมาอย่างช้า ๆ ความหนาวเย็นที่แผ่ซ่านทั่วร่างกายทำให้นางสะดุ้งตื่นจากความฝันอันเลวร้ายรอยคราบน้ำตายังแห้งติดอยู่ข้างแก้ม ร่างบอบบางที่อยู่บนเตียงนอนค่อยๆ ลืมตาและพบว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่"ข้ายังไม่ตายหรือ" หลี่อ้ายเฉินขมวดคิ้วพูดกับตัวเองด้วยความสับสนและงุนงง สายตาส่องสำรวจไปรอบ ๆ ห้องนอนที่คุ้นเคย แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะต่างออกไป“ฮูหยินตื่นหรือยังเจ้าคะ ข้าจะเข้าไปแล้วนะเจ้าคะ” ใบหน้าของเชียงเชียงสาวใช้ที่ติดตามมาจากตระกูลของตนเดินเข้ามาในห้องนอนของนายหญิงตนเองอย่างยินดีไม่ใช่สิ่งที่ฝูหรงสังเกตเมื่อลุกขึ้นจากเตียง ก็รู้สึกว่าร่างกายยังมีพลังและสดชื่นกว่าที่คาดคิด ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มานานนับสิบปีแล้ว แต่สิ่งแรกที่ทำและนึกถึง กลับเป็นบุตรชายอันเป็นที่รัก นางจึงรีบลุกเดินไปยังโต๊ะข้างเตียงที่วางภาพวาดของบุตรชายของนางอยู่แต่ก
บทนำหลี่อ้ายเฉินทุ่มเทเพื่อความรักอย่างหมดใจ แม้จะต้องปกปิดฐานะที่แท้จริงของตนเพื่อพิสูจน์ว่ารักแท้นั้นมีอยู่จริง หวังเพียงแต่งงานมีครอบครัวที่รักอบอุ่นและรักใคร่ หวังเพียงได้พบเจอบุรุษที่รักนางที่นางเป็นนาง หาใช่ทรัพย์สมบัติที่ตระกูลนางมี แล้ววันหนึ่งนางก็ได้พบบุรุษผู้นั้น เจ้าเมืองหนุ่มผู้เที่ยงธรรม ทั้งสองแต่งงานกัน แต่หลังจากแต่งงานกันทุกสิ่งอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่นางหวัง หยางพ่านชุนเย็นชากับนางยิ่งกว่าแม่น้ำในหน้าหนาวเสียอีกแม้เกิดเหตุร้ายครั้งใหญ่ เมืองหลวงอย่างลั่วหยางระส่ำ เมืองท่าห่างไกลอย่างเมืองเฉิงก็ได้รับผลกระทบ หลี่อ้ายเฉินต้องพลัดพรากจากพ่อแม่พี่ชาย ด้วยหน้าที่ของเขาในฐานะเจ้าเมือง เขาสามารถช่วยชีวิตทุกคนในเมืองเฉิงเอาไว้ได้ เว้นแต่นาง เว้นแต่ครอบครัวของนาง ลูกคนเดียวต้องตายจาก เนื่องจากเขาไม่สามารถช่วยเหลือครอบครัวของนางได้เลือกสามีผิดคิดจนตัวตาย! เป็นเช่นไรรู้ก็เมื่อสายไปเสียแล้วเมื่อมีโอกาสให้ย้อนกลับมาอีกครั้ง นางตัดสินใจที่จะถอยห่างจากเขาและอดีตที่เคยขมขื่น แต่ทำไมเขาถึงไม่ยอมปล่อยนางไป ทั้ง ๆ ที่ในอดีตเขาเคยเย็นชากับนางอย่างยิ่ง ความพยายามตัดใจจากเขากลับกล