หลังจากคืนนั้นที่กระท่อม ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปในตัวกานต์ เขารู้สึกหวั่นไหวทุกครั้งที่เห็นธนิน ไม่ว่าจะเป็นแค่ภาพท่อนบนเปลือยเปล่าที่โชว์แผงอกแข็งแรง กล้ามเนื้อที่ขยับเคลื่อนตัวตามจังหวะการหายใจ รอยสักขนาดใหญ่บนผิวสีแทนที่ดูมีเสน่ห์อย่างไม่น่าเชื่อ สิ่งเหล่านี้ตามหลอกหลอนจิตใจของกานต์อยู่เรื่อยมา แม้เขาจะพยายามหนีความรู้สึกนั้น แต่มันกลับชัดเจนมากขึ้นทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิดธนิน
วันนี้ก็เช่นกัน ธนินใช้หน้าที่เป็นข้ออ้างบังคับให้กานต์มาด้วย ทั้งสองนั่งอยู่ในรถจี๊บเปิดประทุนที่ขับลัดเลาะไปตามทางป่ากว้าง เสียงเครื่องยนต์ดังกลบความเงียบระหว่างทั้งคู่ แต่กานต์ไม่สามารถหยุดความคิดวุ่นวายในหัวได้ ทุกครั้งที่ธนินหันมา หรือแม้แต่ขยับตัวเพียงเล็กน้อย กานต์ก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองแผงอกกว้างที่ดูแข็งแกร่ง อยู่ๆ ธนินก็ตัดสินใจจอดรถกลางป่าโดยไม่มีคำอธิบายใดๆ กานต์รู้สึกหัวใจเต้นระรัว มือที่จับกันไว้บนตักอยู่นั้นสั่นเล็กน้อย เขาพยายามหาคำถามเพื่อเติมเต็มความเงียบ แต่เสียงของตัวเองกลับแผ่วเบาอย่างน่าตกใจ “ทำไม... ทำไมคุณจอดรถตรงนี้?” กานต์ถามออกไป น้ำเสียงสั่นน้อยๆ ธนินไม่ได้ตอบในทันที เขาหันมามองกานต์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความต้องการ ริมฝีปากของเขายักยิ้มบางเบา ก่อนที่จะก้าวลงจากรถโดยไม่พูดอะไร เขาเดินอ้อมมาทางฝั่งที่กานต์นั่งอยู่ แล้วเปิดประตูรถช้าๆ สายตาของเขายังคงจับจ้องที่กานต์ ราวกับจะบอกว่าการจอดรถครั้งนี้ไม่ใช่เพราะแค่ต้องการพักผ่อน “ลงมาเถอะ” ธนินพูดสั้นๆ แต่คำพูดนั้นเต็มไปด้วยอำนาจที่กานต์ไม่สามารถปฏิเสธได้ ธนินเดินนำไปข้างหน้าอย่างเคร่งขรึม ท่าทางกอดอกของเขาทำให้กานต์รู้สึกยิ่งอึดอัดไปอีก ลำธารใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลข้างหน้ากลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ธนินมุ่งไป ร่างบางของกานต์ที่ตามหลังอยู่รู้สึกสับสนและหวั่นไหวในใจ ความเงียบระหว่างพวกเขายิ่งทำให้บรรยากาศตึงเครียดขึ้นทุกที ในจังหวะที่กานต์กำลังคิดหาคำพูดบางอย่างจะทำลายความเงียบอยู่นั้น ธนินก็หันกลับมาอย่างฉับพลัน กระชากร่างของกานต์จนไม่ทันตั้งตัว กานต์ถอยหลังไปอย่างไม่มั่นคงจนแผ่นหลังชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ ความตกใจทำให้เขาหัวใจเต้นรัว ขณะที่ธนินเข้าประชิดรวดเร็ว เขาจับข้อมือทั้งสองข้างของกานต์ขึ้นไปตรึงไว้เหนือศีรษะ รวบมือของกานต์ไว้แน่นราวกับจะไม่ให้เขามีโอกาสหนี “นายหัว!” กานต์ร้องออกมา แต่เสียงของเขาแผ่วเบาเมื่อจบลง ธนินไม่ได้ตอบอะไร แววตาของเขามีแต่ความเร่าร้อนที่เต็มไปด้วยความปรารถนา ก่อนที่กานต์จะทันพูดอะไรอีก ธนินก็ก้มลงกดจูบอย่างรุนแรงและรุกราน ริมฝีปากของเขาเข้าครอบครองโดยไม่ให้กานต์ได้ทันตั้งตัว ลิ้นของธนินสอดเข้ามาอย่างจาบจ้วงและเอาแต่ใจ กานต์ที่พยายามขัดขืนกลับถูกกดร่างไว้กับต้นไม้โดยสิ้นเชิง ร่างบางของกานต์สั่นระริก เขาพยายามดิ้นรนหนีจากการจูบที่ร้อนแรงและดิบเถื่อนนั้น แต่ก็ไม่เป็นผล ธนินใช้ร่างกายใหญ่โตของเขากดทับไว้จนกานต์ไม่อาจขยับไปไหน ลมหายใจที่หนักหน่วงและสัมผัสที่เต็มไปด้วยความต้องการทำให้กานต์แทบหยุดหายใจ “นะ...นายหัว... อย่า...” กานต์พยายามเอ่ย แต่เสียงนั้นกลับขาดหายกลางทาง เมื่อธนินกดริมฝีปากลงบนลำคอขาวเนียนของเขา ธนินกดริมฝีปากลงกับลำคอของกานต์อย่างช้าๆ แต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น จนกานต์ต้องกัดฟันกลั้นความรู้สึกที่พลุ่งพล่านในอก เขารู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ของธนินที่อยู่ใกล้จนเกินไป ร่างของเขาสั่นน้อยๆ ขณะที่พยายามคุมสติให้ได้ แต่ก็ยากเหลือเกิน ท่ามกลางความเงียบที่มีเพียงเสียงสายลมพัดโชยมา ธนินค่อยๆ ก้มลงกระซิบข้างหูเขา เสียงทุ้มต่ำที่แผ่วเบา แต่กลับดังก้องอยู่ในใจ “คิดถึง...” ธนินพูดเสียงแผ่ว แต่ชัดเจนพอที่จะทำให้กานต์หัวใจเต้นแรง “อยากกอด... อยากได้ยินเสียงนาย...ร้อง” กานต์หน้าขึ้นสีแดงจัด ใบหน้าของเขาร้อนผ่าวด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เขาไม่กล้ามองสบตาธนินเลย ความเงียบที่ตามมาเหมือนทำให้ทุกอย่างหนักอึ้งยิ่งขึ้น ความรู้สึกสับสนระหว่างการยอมรับกับการต่อต้านยังคงอยู่เต็มอก ธนินมองใบหน้าแดงๆ ของกานต์อย่างพอใจ ก่อนจะถามต่อด้วยเสียงกระซิบที่ทำให้กานต์รู้สึกหวั่นไหวกว่าเดิม “คิดถึงผมไหม?” กานต์เม้มริมฝีปากแน่น พยายามสะกดกลั้นความรู้สึกที่จุกอยู่ในอก เขาไม่รู้จะตอบยังไงดี เพราะในใจเขายังมีความลังเลอยู่ แต่ลึกๆ แล้ว เขารู้ว่าเขาคิดถึงธนินอย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน... โดยเฉพาะกับผู้ชายด้วยกัน ธนินไม่รอให้กานต์ตอบ เขากดจูบรุนแรงอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากของเขาบดเบียดลงบนริมฝีปากของกานต์ด้วยความต้องการที่ไม่สามารถควบคุมได้ ลิ้นของธนินสอดเข้ามาทันที ปะทะกับลิ้นของกานต์อย่างดุดันและเอาแต่ใจ จูบที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อนรุนแรงและดิบเถื่อน กานต์ไม่สามารถยับยั้งความรู้สึกที่พลุ่งพล่านในตัวเองได้ พยายามดิ้นรนหนีจากการครอบครองของธนิน แต่การกระทำของธนินกลับทำให้เขารู้สึกเสียวซ่านไปทั่วร่าง ทุกสัมผัสที่ธนินมอบให้เต็มไปด้วยความดิบเถื่อนที่ทำให้กานต์เร่าร้อนขึ้นมา "อาา... นายหัวครับ...” กานต์ครางออกมาด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความต้องการ เขารู้สึกถึงความร้อนที่เกิดขึ้นในตัวเอง จากการจูบที่รุนแรงและการรุกรานของธนิน ทำให้เขาต้องกดตัวเองแนบกับต้นไม้และยอมรับความรู้สึกนั้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ธนินยังคงดึงเอาความพอใจจากการตอบสนองของกานต์ เขาสำรวจทุกซอกทุกมุมของปากกานต์ด้วยความละโมบและไม่ปราณี ใช้ลิ้นของเขาเพื่อกระตุ้นให้กานต์สัมผัสความเสียวซ่านสูงสุดในขณะที่มือของเขายังคงตรึงมือของกานต์ไว้เหนือศีรษะ การจูบที่ร้อนแรงและดิบเถื่อนนั้นทำให้กานต์แทบจะสูญเสียสติไปชั่วขณะ เขารู้สึกถึงความต้องการที่พลุ่งพล่านภายในและรู้ว่าเขาไม่สามารถหนีไปได้อีกแล้ว "ทำไมทำกับผมแบบนี้..." กานต์งอแงเสียงสั่น ขณะที่หน้าแดงจนแทบจะเป็นสีแดงสด เขารู้สึกถึงความร้อนที่เกินความคาดหมายและความต้องการที่พลุ่งพล่านในตัวเอง ร่างกายของเขาสั่นระริกไปกับความรู้สึกที่รุนแรงและไม่เคยสัมผัสมาก่อน ธนินยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก สายตาของเขาเต็มไปด้วยความพอใจและความมั่นใจ ก่อนที่เขาจะกระซิบเสียงกระเส่าข้างหู “ก็นายมันน่ากิน...แล้วนายมันชอบไม่ใช่เหรอ?” พูดจบธนินก็ไม่ปล่อยให้กานต์หลุดพ้นจากการครอบครองอันเร่าร้อนของเขาอีก ลิ้นที่รุกรานและซุกซนของเขายังคงลากไปตามผิวเนื้อขาวละเอียดของกานต์อย่างไม่ปรานี เสียงครางกระเส่าของกานต์ยิ่งทำให้ธนินรู้สึกถึงอำนาจและลำพองใจมากยิ่งขึ้น สองมือใหญ่ยังคงตรึงข้อมือเล็กๆ ของกานต์ไว้เหนือศีรษะ ร่างบางของกานต์สั่นระริกไปกับทุกสัมผัสของธนิน "อา... นายหัวครับ... หยุดเถอะ..." กานต์พยายามร้องออกมา แต่คำพูดของเขากลับไร้ความหมาย เมื่อร่างกายของเขายอมจำนนต่อการรุกรานอย่างไม่อาจต้านทานได้ ธนินก้มลงกระซิบข้างหูเสียงต่ำ ดิบเถื่อน และเต็มไปด้วยความปรารถนา "นายต้องเป็นของฉัน... ตลอดไป" ธนินปลดกระดุมเสื้อของกานต์ออกด้วยปากอย่างชำนาญ มือใหญ่ของเขายังคงตรึงมือเรียวเล็กของกานต์ไว้เหนือศีรษะอย่างมั่นคง ขณะเดียวกันลิ้นของธนินก็เริ่มเลียหัวนมแดงสวยเม็ดเล็กๆ ของกานต์อย่างเอาแต่ใจ ความรู้สึกของลิ้นที่อุ่นและเปียกของธนินทำให้หัวนมของกานต์แข็งขึ้นทันที ร่างกายของกานต์สั่นระริกไปกับความรู้สึกที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ผิวขาวละเอียดของเขาเปล่งประกายจากความรู้สึกที่เกิดขึ้น ความตื่นเต้นและความต้องการพลุ่งพล่านทำให้กานต์ต้องกัดริมฝีปากเพื่อควบคุมเสียงครางที่อาจหลุดออกมา ธนินยังคงสร้างความรู้สึกเสียวซ่านด้วยการใช้ลิ้นของเขาอย่างดุดัน ร่างกายของกานต์เริ่มมีปฏิกิริยาอันร้อนแรงจากความรักที่ดิบเถื่อนและเต็มไปด้วยความปรารถนาที่เขาไม่สามารถหนีไปได้ ดวงตาของกานต์เริ่มพร่ามัว ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถควบคุมได้ เขาหายใจหอบแรง เสียงครางของเขาเบาบางและสั่นสะเทือนไปตามแรงกระทำของธนิน ทุกสัมผัสของธนินทำให้กานต์เหมือนหลุดเข้าไปในห้วงแห่งความร้อนแรงที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน "อา...อาา ..." กานต์พึมพำด้วยเสียงกระเส่า รู้สึกเหมือนทุกอย่างในตัวกำลังจะพังทลายลง ร่างกายของเขายอมจำนนต่อความปรารถนาที่ไม่อาจต้านทานได้ ขณะที่ธนินยังคงเดินหน้าไม่หยุด ความเสียวซ่านทำให้กานต์แทบจะหมดสิ้นเรี่ยวแรง บทรักที่ธนินสอนให้กับกานต์นั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่การสัมผัสผิวกาย แต่เป็นการจู่โจมเข้าไปถึงจิตวิญญาณ ทุกครั้งที่เขากดริมฝีปากจูบรุกล้ำไปทั่วทั้งร่าง ความร้อนแรงที่พลุ่งพล่านในตัวธนินทำให้กานต์ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ดวงตาของกานต์พร่ามัว ร่างกายบิดเร่าไปกับสัมผัสที่ธนินมอบให้ สองมือใหญ่บังคับควบคุมทุกท่วงท่าและทุกการเคลื่อนไหว ธนินรู้ดีว่ากานต์กำลังตกอยู่ในความสับสน แต่ยิ่งเขายิ่งดิ้นรนขัดขืน สัมผัสของธนินก็ยิ่งทวีความรุนแรง ริมฝีปากของธนินบดเบียดลงบนผิวเนื้ออ่อนของกานต์ ร่างบางของกานต์สะท้านไปทั้งตัว เขารู้สึกเหมือนถูกเผาไหม้จากภายใน ยิ่งเมื่อธนินลากลิ้นไปตามเนื้อผิวและกัดเบา ๆ ที่แผ่นอก กานต์ก็แทบจะหมดสิ้นแรงต้านทาน ธนินกระชากกานต์เข้ามาชิดกับตัวเขามากขึ้น จูบอย่างรุนแรงและไม่ปราณี ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยความต้องการที่ดิบเถื่อน กานต์รู้สึกเหมือนถูกครอบครองจนไม่มีทางหนี แต่เขาไม่สามารถปฏิเสธความรู้สึกที่ซ่านไปทั่วทั้งร่างได้อีกแล้ว ธนินยืนเต็มความสูงใหญ่ เงาร่างของเขาทาบทับร่างบางที่กำลังบิดกายด้วยความเร่าร้อน ขณะที่หนุ่มน้อยในอ้อมกอดของเขาดูสั่นสะท้าน กานต์กัดฟันแน่นด้วยความเสียวซ่าน และกำลังจะระเบิดอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน ทันใดนั้น ธนินก็ใช้มือทั้งสองข้างจับขาเรียวยาวของกานต์ ยกขึ้นแล้วให้ขารัดแน่นรอบเอวแข็งแกร่งของเขา แรงบีบจากขานั้นทำให้ธนินยิ้มพอใจ ร่างกายของธนินแนบเข้าหากานต์อย่างไม่มีที่ว่าง สอดกายแกร่งเข้าไปด้วยการเคลื่อนไหวหนักหน่วงและดิบเถื่อน กานต์ครางออกมาเสียงสั่นเครือ ทั้งร่างของเขาสั่นสะท้านเหมือนกับถูกไฟเผาไหม้จากข้างใน ธนินขยับเข้าออกอย่างต่อเนื่อง จังหวะที่รุนแรงและเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ธนินไม่ยอมปล่อยให้ร่างในอ้อมกอดหนีรอด เสียงครางกระเส่าของกานต์ดังขึ้นทุกครั้งที่ธนินดันร่างเข้าไป กานต์ไม่เคยรู้สึกถึงความเสียวซ่านที่เต็มไปด้วยความรุนแรงเช่นนี้มาก่อน ร่างกายของเขาโอบรอบธนินแน่น ขณะที่ธนินยังคงปรนเปรอร่างบางไม่หยุดธนินจับขาเรียวของกานต์ขึ้นมาพาดไว้รอบเอว แขนแข็งแรงของเขารั้งร่างบางเข้ามาใกล้ แนบชิดจนสัมผัสได้ถึงความร้อนที่แผ่ซ่านจากทั้งสองร่าง ความต้องการที่อัดแน่นอยู่ในตัวธนินทำให้เขายิ่งเพิ่มแรงกดลงไป กานต์เองก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว เสียงหายใจหอบหนักของทั้งคู่กลืนไปกับเสียงฝนที่กระหน่ำลงมาไม่หยุด กานต์รู้สึกถึงแรงที่กดลงมา แผงอกแข็งแรงของธนินที่แนบชิด ทำให้ทุกส่วนในร่างกายของเขาร้อนรุ่ม สัมผัสที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนทำให้เขารู้สึกถึงความสับสนและความตื่นเต้นที่ไม่อาจควบคุมได้ ธนินยังคงเคลื่อนไหวอย่างไม่ยอมให้หนีไปไหน กานต์ครางออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบาและเต็มไปด้วยความหวั่นไหว "นายเป็นของฉัน..." เสียงกระซิบของธนินดังเข้ามาในหูของกานต์ ยิ่งทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง ความร้อนที่ท่วมท้นทำให้ทุกสัมผัสของธนินกลายเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถต้านทานได้ ธนินยังคงครอบครองทุกส่วนในตัวกานต์ มือใหญ่ของเขายังคงควบคุมทุกการเคลื่อนไหว พร้อมกับความเร่าร้อนที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ร่างทั้งสองโยกไหวไปพร้อมกับน้ำตกที่สาดซัดลงมา ไม่หลงเหลือพื้นที่ให้หลบหนีจากแรงปรารถนาที่ครอบงำทั้งคู่ กานต์ตัวสั่นเทาจนแทบทรงตัวไม่อยู่ ร่างบอบบางของเขาอ่อนแรงจากความสุขสมที่ธนินมอบให้ ความรู้สึกที่รุนแรงเกินกว่าจะอธิบายได้ ทำให้เขาหายใจหอบถี่ ความร้อนระอุในร่างกายยังคงคุกรุ่นอยู่ในทุกอณูผิว “คุณ...” กานต์พยายามจะเอ่ย แต่เสียงสั่นเครือแทบจะไม่หลุดออกมา ธนินยิ้มมุมปาก สายตาคมกริบมองดูผลงานของตัวเองที่ทำให้กานต์ไร้เรี่ยวแรง มือหนาไล้ปลายนิ้วเบาๆ บนแผ่นหลังของกานต์อย่างแผ่วเบา “ยังไม่จบแค่นี้หรอก” เขากระซิบเสียงต่ำและแหบพร่า กานต์สะท้านไปทั้งร่างจากคำพูดและสัมผัสที่รุนแรงเร่าร้อนนั้น ที่ทำให้ใจของเขาสั่นไหวไม่หยุดเมื่อธนินมาส่งกานต์ที่สำนักงาน ความเงียบแผ่ปกคลุมในรถ ทั้งที่ภายนอกดูเหมือนสงบ แต่ภายในใจของกานต์กลับยังร้อนรุ่มไม่หาย ความทรงจำจากบทรักเอาแต่ใจของธนินที่เพิ่งผ่านไปยังคงก้องในหัวของเขา ร่างกายเขายังรู้สึกถึงสัมผัสที่รุนแรงและทิ้งร่องรอยแห่งความปรารถนาไว้ กานต์หันหน้าหลบสายตาของธนินที่มองมา รู้สึกอับอายและไม่กล้าเงยหน้าขึ้น แม้ในใจจะยังสั่นไหวและคิดวนเวียนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขากัดริมฝีปากตัวเองเบา ๆ พลางพยายามปรับลมหายใจให้เป็นปกติ แต่ความร้อนผ่าวในร่างยังไม่จางหาย ธนินเหลือบมองกานต์ที่นั่งข้าง ๆ ด้วยรอยยิ้มบางที่แฝงไปด้วยความพึงพอใจ เขารู้ดีว่ากานต์ยังสั่นไหวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ราวกับรอยจูบและสัมผัสที่เขามอบให้ยังคงอยู่กับกานต์อย่างชัดเจนใบหน้าของกานต์ที่ยังไม่หายจากความร้อนรุ่มและความกระตือรือร้นจากบทรักที่พวกเขามีร่วมกัน เขารู้สึกอิ่มเอมและพอใจจากการครอบครอง แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ยังไม่รู้สึกถึงความพอใจที่เต็มที่ ธนินมองกานต์ด้วยสายตาที่ลึกล้ำ ยิ้มมุมปากเล็กน้อยขณะเอื้อมมือมาปลดล็อกประตูฝั่งกานต์ ท่าทางของเขาดูอ้อยอิ่งเหมือนจะอยากยื้อเวลาช่วงนี้ให้นานขึ้น กานต์เบือนหน้าหนีหลบสา
กานต์ลืมตาขึ้นในตอนสายของอีกวัน แสงแดดยามเช้าส่องผ่านม่านบางๆ เข้ามาในห้อง เขารู้สึกถึงความเมื่อยล้าและเจ็บแปลบในบางส่วนของร่างกาย แต่เมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน เขาก็หน้าแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว "ดีนะที่วันนี้เป็นวันหยุด" กานต์พึมพำเบาๆเขาพยายามลุกขึ้นจากเตียง แม้ร่างกายจะยังคงอ่อนล้าจากคืนที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อน ธนินทำให้เขาไม่ได้นอนเลยทั้งคืน กานต์ยังรู้สึกถึงสัมผัสรุนแรงที่ธนินฝากไว้ในทุกส่วนของร่างกาย เขาถอนหายใจเบาๆ พยายามเรียกสติกลับมาและจัดการตัวเองให้พร้อมสำหรับวันใหม่ที่เริ่มต้นขึ้นแล้วกานต์เดินไปเข้าห้องน้ำ ตาลุกวาวทันทีเมื่อเห็นภาพสะท้อนของตัวเองในกระจก รอยจ้ำแดงๆ กระจายไปทั่วร่างขาวเนียนของเขา สัญลักษณ์ที่ธนินฝากไว้ด้วยแรงดูดรุนแรงนั้นยังคงชัดเจนใบหน้าของกานต์บึ้งตึงทันที “ไอ้บ้าธนิน...” เขาคิดในใจอย่างหงุดหงิด หน้าแดงขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นร่องรอยที่เต็มไปทั่วตัว ราวกับเครื่องหมายแสดงความเป็นเจ้าของกานต์ถอนหายใจอย่างหงุดหงิด "แล้วจะหาเสื้อผ้าอะไรมาใส่เนี่ย..." เขาบ่นกับตัวเอง ก่อนจะเริ่มมองหาวิธีปกปิดร่องรอยเหล่านั้น แม้จะรู้ดีว่ามันยากแค่ไหนที่จะซ่อนมันทั้งหมดจ
ในชีวิตนี้ กานต์ไม่เคยคิดหรือฝันถึงเรื่องราวความรักแบบนี้มาก่อน เขาไม่เคยสนใจหรือแม้แต่คาดคิดเกี่ยวกับความรักของเพศเดียวกัน และตลอดเวลาที่ผ่านมา กานต์ก็ไม่เคยมีแฟน แม้จะมีสาวๆ มากมายมารายล้อมและสนใจในตัวเขา แต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกอะไรแบบที่กำลังเกิดขึ้นกับธนินตอนแรก ความรู้สึกของเขาที่มีต่อธนินเป็นเพียงความแปลกใจ แต่เมื่อธนินบังคับให้เขาตกเป็นของเขา มันก็เหมือนกับประตูบานใหม่ในโลกใบนี้เปิดออก ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง กานต์กลับสั่นไหวไปกับทุกๆ การกระทำของธนิน ไม่ว่าจะเป็นคำพูด การสัมผัส หรือแม้กระทั่งแค่สายตาที่เขาส่งมา มันทำให้หัวใจของกานต์เต้นรัว รู้สึกถึงความรู้สึกที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน เป็นความสับสนที่ทำให้เขารู้สึกทั้งหวั่นไหวและยอมรับในเวลาเดียวกันแต่แล้วชะตากลับพาให้กานต์ได้พบกับหนุ่มหล่ออีกคนที่บุคลิกแตกต่างจากธนินโดยสิ้นเชิง สิธา หมอหนุ่มผู้มีบุคลิกอ่อนโยน สูงใหญ่ หล่อขาวสะอาด มารยาทดีและสุภาพ ในขณะที่ธนินดิบเถื่อน รุนแรง และเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเอง มีความต้องการและเรียกร้องจากกานต์อย่างไม่รู้จักพอ การพบกับสิธาเหมือนเป็นการค้นพบมุมใหม่ของชีวิต ที่ทำให้กานต์รู้สึ
มิ่งเดินเคียงข้างกานต์ขณะที่พวกเขาเดินไปตามทางมืดที่มีไฟฉายส่องนำทาง ท้องฟ้าสีดำยามค่ำคืนถูกปกคลุมไปด้วยดาวระยิบระยับที่ดูเหมือนจะส่องแสงระยิบระยับทั่วทั้งท้องฟ้า"ดาววันนี้สวยจังนะครับคุณกานต์" มิ่งพูดด้วยน้ำเสียงที่สดใสขณะเดินไปตามทางดินที่นำไปสู่บ้านพัก "พอดีว่าวันนี้อากาศดีมาก คุณอาจจะต้องรู้สึกดีขึ้นหน่อยนะครับ" กานต์ยิ้มเล็กน้อย แต่ดวงตาของเขายังเต็มไปด้วยความคิดถึงและความรู้สึกที่ซับซ้อนจากค่ำคืนที่ผ่านมา "ครับ มิ่ง ดาวสวยจริง ๆ" เขาตอบเบา ๆ ขณะที่มองไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว "แต่วันนี้ผมรู้สึกว่ามันจะสวยขึ้นมาก ถ้ามันไม่ได้มีบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกซับซ้อน"มิ่งหันมองกานต์ด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อย "มีอะไรหรือเปล่าครับ? ดูเหมือนว่าคุณกานต์จะไม่ค่อยสดใสนัก"มิ่งถามด้วยความสงสัย ขณะเดินไปยังประตูบ้านที่เปิดกว้าง "คิดถึงบ้านเหรอครับคุณกานต์? เคยอยู่แต่ในเมืองใหญ่ ต้องมาทำงานอยู่กลางป่าอย่างนี้คงเหงาน่าดู"กานต์หันไปมองมิ่้ง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความคิดถึง "ใช่ครับ มิ่ง ตอนแรกมันก็ดูแปลกใหม่และน่าตื่นเต้น แต่บางครั้งผมก็คิดถึงความสะดวกสบายและความคุ้นเคยของเมืองใหญ่"มิ่งย
ลุงอุ้ยเอ่ยขึ้นหลังจากที่ธนินหันกลับไปสนใจคนงานคนอื่น "นายหัวว่าให้คุณกานต์พักที่เรือนหลังใหญ่ครับ" เสียงของลุงอุ้ยนั้นแผ่วเบา แต่ชัดเจน กานต์หันมองลุงด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย"เรือนใหญ่ที่นายหัวพักอยู่?" กานต์ถามซ้ำ รู้สึกแปลกใจกับการจัดที่พักให้เขา ซึ่งเป็นสถานที่ที่ดูเงียบสงบและเป็นส่วนตัวอย่างมาก ลุงอุ้ยพยักหน้า "ใช่ครับ ที่นั่นเงียบสงบ ห่างไกลจากผู้คน นายหัวไม่ชอบให้ใครเข้าออกเรือนนั้นมากนัก จะมีแค่ป้าพิไลที่มาทำอาหารกับทำความสะอาดตามเวลา แล้วก็ไม่ได้พักที่นั่นหรอกครับ แค่เข้ามาทำงานแล้วก็กลับไป"กานต์ฟังแล้วรู้สึกถึงบรรยากาศที่เงียบสงัดของสถานที่นั้น เขาพยายามทำใจรับสถานการณ์ แต่ในใจก็ยังคงรู้สึกประหม่า ความเงียบของเรือนใหญ่ดูจะเป็นความเงียบที่มีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่"ผมต้องอยู่คนเดียวเหรอครับ?" กานต์ถามเสียงเบาลุงอุ้ยหัวเราะเล็กน้อย "ใช่ครับ แต่ไม่ต้องห่วงหรอก คุณกานต์ เดี๋ยวก็ชินไปเอง" หลังเรือนใหญ่ที่กานต์กำลังจะย้ายเข้าไปพักเป็นพื้นที่สวนขนาดใหญ่ที่รายล้อมด้วยดอกไม้นานาพรรณ สีสันสดใสและกลิ่นหอมของดอกไม้ในสวนทำให้บรรยากาศดูผ่อนคลาย แม้เรือนจะตั้งอยู่ห่างไกลผู้คน แต่สว
ในช่วงบ่ายอันร้อนระอุ กานต์นั่งทำงานอยู่ในสำนักงานไม้ที่ปาง ท่ามกลางเสียงเครื่องจักรและเสียงคนงานที่ทำงานกันอย่างขะมักเขม้น ทันใดนั้น เสียงทะเลาะวิวาทจากข้างนอกก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้กานต์ต้องลุกขึ้นและเดินไปดูสถานการณ์ เมื่อกานต์มาถึงจุดเกิดเหตุ เขาเห็นคนงานสองกลุ่มกำลังทะเลาะกันอย่างรุนแรง ท่าทางดุดันและสีหน้าที่เคร่งเครียดของพวกเขาทำให้กานต์รู้สึกกังวล กานต์พยายามเข้าไปห้ามปรามและพูดให้ทุกคนสงบลง แต่ดูเหมือนว่าคำพูดของเขาจะไม่มีผลกับใครเลย ต่างคนต่างหน้ามืดไม่ยอมฟังเสียงของกานต์ ในจังหวะที่ความรุนแรงเพิ่มขึ้น หนึ่งในคนงานก็พลาดไปผลักกานต์จนกระเด็นไปไกล เขาล้มลงกับพื้นอย่างแรง ขาแพลงและรู้สึกเจ็บปวดแผ่ซ่านจนแทบยืนขึ้นไม่ไหว เสียงร้องด้วยความเจ็บของกานต์ถูกกลบด้วยเสียงทะเลาะที่ยังไม่สิ้นสุด คนงานบางคนที่เห็นเหตุการณ์เริ่มตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและพยายามเข้ามาช่วย แต่ความเสียหายก็เกิดขึ้นแล้ว กานต์นอนอยู่กับพื้น หายใจแรงด้วยความเจ็บปวด ขณะที่สถานการณ์รอบตัวเขาเริ่มค่อยๆ สงบลง มิ่งและลุงอุ้ยเห็นเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นจากระยะไกล ทั้งสองรีบเร่งฝีเท้าพร้อมกับคนงานอีกกลุ่มหนึ่งที
ธนินเดินตามมาที่บ้านใหญ่ ใจเขาเต้นรัวเมื่อเห็นกานต์อยู่บนบันได ขึ้นไปด้วยท่าทางไม่มั่นคง เขาเห็นกานต์เก้ๆ กังๆ พยายามปีนบันไดอย่างยากลำบากและยังต้องอาศัยไม้เท้าช่วยพยุงตัวเองธนินรีบก้าวไปข้างหน้าและตรงเข้าไปหากานต์ โดยไม่รอให้เขาเห็นหรือขออนุญาต เขาจับไม้เท้าแล้วดึงกานต์เข้าไปในอ้อมแขนของเขาอย่างรวดเร็วและอ่อนโยน“ให้ผมช่วยคุณ” ธนินพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยและแรงดึงดูดที่เขาไม่สามารถปกปิดได้ ธนินในสภาพเปลือยท่อนบน เผยให้เห็นแผงอกใหญ่ที่เต็มไปด้วยรอยสักอันทรงพลัง ผิวแทนเข้มขับให้รอยสักยิ่งโดดเด่น เขาสวมเพียงกางเกงแพรตัวหลวม ตวัดแขนแข็งแรงรอบร่างบอบบางของกานต์ที่ขาแพลงโดยไม่พูดอะไร กานต์ที่ถูกยกร่างอย่างไม่ทันตั้งตัวรู้สึกกระดากใจและอายอย่างบอกไม่ถูก หน้าเขาแดงระเรื่อ ขณะที่พยายามข่มความรู้สึกอึดอัดในใจ ธนินอุ้มกานต์เดินตรงไปยังห้องนอนอย่างมั่นคง ราวกับน้ำหนักของกานต์เป็นเพียงขนนก กานต์หลบสายตาไม่กล้ามองตรงไปยังแผงอกของธนิน แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธความร้อนจากร่างกายที่แนบชิดได้ หัวใจของเขาเต้นระรัว ขณะถูกธนินพาเข้าไปในห้อง รู้สึกสับสนระหว่างความกลัวและความหวั่นไหวที่ปะทุขึ้
ธนินมองกานต์ที่นอนหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนจากฤทธิ์ของไข้และยา เขานั่งลงข้างเตียงอย่างระมัดระวัง ถอนหายใจยาวๆ พร้อมกับความรู้สึกที่ยากจะบรรยายการสัมผัสของเขาที่ผ่านมาทำให้เขารู้สึกถึงความร้อนแรงและความรู้สึกที่คับข้องใจ แต่เมื่อเห็นกานต์หลับไปอย่างสงบ ธนินรู้สึกได้ถึงความโล่งใจ แม้จะยังคงรู้สึกถึงความตึงเครียดที่เขาพยายามจะควบคุม แต่ในที่สุดสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำให้กานต์รู้สึกดีขึ้นและปลอดภัยเขาพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นไปยังโต๊ะข้างเตียงหยิบผ้าชุบน้ำเย็นมาเช็ดเบาๆ ที่หน้าผากของกานต์ เพื่อช่วยลดความร้อนในร่างกาย จากนั้นเขานั่งลงอีกครั้ง มองดูใบหน้าของกานต์ที่ตอนนี้สงบและผ่อนคลายธนินรู้สึกว่าการจัดการกับอารมณ์ของเขานั้นยากมากเพียงใด แต่การเห็นกานต์นอนหลับอย่างสงบทำให้เขารู้สึกได้ถึงความสงบและความพึงพอใจในระดับหนึ่ง เขารู้ว่าตัวเขาเกือบจะสูญเสียการควบคุม แต่เขาก็พยายามเต็มที่เพื่อให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติอีกครั้งเขายิ้มให้กับตัวเองเล็กน้อยเมื่อมองดูร่างกายของกานต์ที่นอนอยู่ในสภาพที่สงบ ในที่สุดก็ทำให้เขาสามารถปล่อยความรู้สึกทั้งหมดไปได้ชั่วคราว ป้าพิไลถือถาดอาหารเดินเข้ามาในห้องอย่
ในชีวิตนี้ กานต์ไม่เคยคิดหรือฝันถึงเรื่องราวความรักแบบนี้มาก่อน เขาไม่เคยสนใจหรือแม้แต่คาดคิดเกี่ยวกับความรักของเพศเดียวกัน และตลอดเวลาที่ผ่านมา กานต์ก็ไม่เคยมีแฟน แม้จะมีสาวๆ มากมายมารายล้อมและสนใจในตัวเขา แต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกอะไรแบบที่กำลังเกิดขึ้นกับธนินตอนแรก ความรู้สึกของเขาที่มีต่อธนินเป็นเพียงความแปลกใจ แต่เมื่อธนินบังคับให้เขาตกเป็นของเขา มันก็เหมือนกับประตูบานใหม่ในโลกใบนี้เปิดออก ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง กานต์กลับสั่นไหวไปกับทุกๆ การกระทำของธนิน ไม่ว่าจะเป็นคำพูด การสัมผัส หรือแม้กระทั่งแค่สายตาที่เขาส่งมา มันทำให้หัวใจของกานต์เต้นรัว รู้สึกถึงความรู้สึกที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน เป็นความสับสนที่ทำให้เขารู้สึกทั้งหวั่นไหวและยอมรับในเวลาเดียวกันแต่แล้วชะตากลับพาให้กานต์ได้พบกับหนุ่มหล่ออีกคนที่บุคลิกแตกต่างจากธนินโดยสิ้นเชิง สิธา หมอหนุ่มผู้มีบุคลิกอ่อนโยน สูงใหญ่ หล่อขาวสะอาด มารยาทดีและสุภาพ ในขณะที่ธนินดิบเถื่อน รุนแรง และเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเอง มีความต้องการและเรียกร้องจากกานต์อย่างไม่รู้จักพอ การพบกับสิธาเหมือนเป็นการค้นพบมุมใหม่ของชีวิต ที่ทำให้กานต์รู้สึ
กานต์ลืมตาขึ้นในตอนสายของอีกวัน แสงแดดยามเช้าส่องผ่านม่านบางๆ เข้ามาในห้อง เขารู้สึกถึงความเมื่อยล้าและเจ็บแปลบในบางส่วนของร่างกาย แต่เมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน เขาก็หน้าแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว "ดีนะที่วันนี้เป็นวันหยุด" กานต์พึมพำเบาๆเขาพยายามลุกขึ้นจากเตียง แม้ร่างกายจะยังคงอ่อนล้าจากคืนที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อน ธนินทำให้เขาไม่ได้นอนเลยทั้งคืน กานต์ยังรู้สึกถึงสัมผัสรุนแรงที่ธนินฝากไว้ในทุกส่วนของร่างกาย เขาถอนหายใจเบาๆ พยายามเรียกสติกลับมาและจัดการตัวเองให้พร้อมสำหรับวันใหม่ที่เริ่มต้นขึ้นแล้วกานต์เดินไปเข้าห้องน้ำ ตาลุกวาวทันทีเมื่อเห็นภาพสะท้อนของตัวเองในกระจก รอยจ้ำแดงๆ กระจายไปทั่วร่างขาวเนียนของเขา สัญลักษณ์ที่ธนินฝากไว้ด้วยแรงดูดรุนแรงนั้นยังคงชัดเจนใบหน้าของกานต์บึ้งตึงทันที “ไอ้บ้าธนิน...” เขาคิดในใจอย่างหงุดหงิด หน้าแดงขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นร่องรอยที่เต็มไปทั่วตัว ราวกับเครื่องหมายแสดงความเป็นเจ้าของกานต์ถอนหายใจอย่างหงุดหงิด "แล้วจะหาเสื้อผ้าอะไรมาใส่เนี่ย..." เขาบ่นกับตัวเอง ก่อนจะเริ่มมองหาวิธีปกปิดร่องรอยเหล่านั้น แม้จะรู้ดีว่ามันยากแค่ไหนที่จะซ่อนมันทั้งหมดจ
เมื่อธนินมาส่งกานต์ที่สำนักงาน ความเงียบแผ่ปกคลุมในรถ ทั้งที่ภายนอกดูเหมือนสงบ แต่ภายในใจของกานต์กลับยังร้อนรุ่มไม่หาย ความทรงจำจากบทรักเอาแต่ใจของธนินที่เพิ่งผ่านไปยังคงก้องในหัวของเขา ร่างกายเขายังรู้สึกถึงสัมผัสที่รุนแรงและทิ้งร่องรอยแห่งความปรารถนาไว้ กานต์หันหน้าหลบสายตาของธนินที่มองมา รู้สึกอับอายและไม่กล้าเงยหน้าขึ้น แม้ในใจจะยังสั่นไหวและคิดวนเวียนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขากัดริมฝีปากตัวเองเบา ๆ พลางพยายามปรับลมหายใจให้เป็นปกติ แต่ความร้อนผ่าวในร่างยังไม่จางหาย ธนินเหลือบมองกานต์ที่นั่งข้าง ๆ ด้วยรอยยิ้มบางที่แฝงไปด้วยความพึงพอใจ เขารู้ดีว่ากานต์ยังสั่นไหวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ราวกับรอยจูบและสัมผัสที่เขามอบให้ยังคงอยู่กับกานต์อย่างชัดเจนใบหน้าของกานต์ที่ยังไม่หายจากความร้อนรุ่มและความกระตือรือร้นจากบทรักที่พวกเขามีร่วมกัน เขารู้สึกอิ่มเอมและพอใจจากการครอบครอง แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ยังไม่รู้สึกถึงความพอใจที่เต็มที่ ธนินมองกานต์ด้วยสายตาที่ลึกล้ำ ยิ้มมุมปากเล็กน้อยขณะเอื้อมมือมาปลดล็อกประตูฝั่งกานต์ ท่าทางของเขาดูอ้อยอิ่งเหมือนจะอยากยื้อเวลาช่วงนี้ให้นานขึ้น กานต์เบือนหน้าหนีหลบสา
หลังจากคืนนั้นที่กระท่อม ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปในตัวกานต์ เขารู้สึกหวั่นไหวทุกครั้งที่เห็นธนิน ไม่ว่าจะเป็นแค่ภาพท่อนบนเปลือยเปล่าที่โชว์แผงอกแข็งแรง กล้ามเนื้อที่ขยับเคลื่อนตัวตามจังหวะการหายใจ รอยสักขนาดใหญ่บนผิวสีแทนที่ดูมีเสน่ห์อย่างไม่น่าเชื่อ สิ่งเหล่านี้ตามหลอกหลอนจิตใจของกานต์อยู่เรื่อยมา แม้เขาจะพยายามหนีความรู้สึกนั้น แต่มันกลับชัดเจนมากขึ้นทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิดธนิน วันนี้ก็เช่นกัน ธนินใช้หน้าที่เป็นข้ออ้างบังคับให้กานต์มาด้วย ทั้งสองนั่งอยู่ในรถจี๊บเปิดประทุนที่ขับลัดเลาะไปตามทางป่ากว้าง เสียงเครื่องยนต์ดังกลบความเงียบระหว่างทั้งคู่ แต่กานต์ไม่สามารถหยุดความคิดวุ่นวายในหัวได้ ทุกครั้งที่ธนินหันมา หรือแม้แต่ขยับตัวเพียงเล็กน้อย กานต์ก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองแผงอกกว้างที่ดูแข็งแกร่ง อยู่ๆ ธนินก็ตัดสินใจจอดรถกลางป่าโดยไม่มีคำอธิบายใดๆ กานต์รู้สึกหัวใจเต้นระรัว มือที่จับกันไว้บนตักอยู่นั้นสั่นเล็กน้อย เขาพยายามหาคำถามเพื่อเติมเต็มความเงียบ แต่เสียงของตัวเองกลับแผ่วเบาอย่างน่าตกใจ“ทำไม... ทำไมคุณจอดรถตรงนี้?” กานต์ถามออกไป น้ำเสียงสั่นน้อยๆธนินไม่ได้ตอบในทันที เขาหันมามองกาน
ธนินยืนอยู่ใต้ฝักบัวขนาดใหญ่ น้ำไหลลงมาที่แผงอกกว้าง ร่างสูงใหญ่ของเขาเต็มไปด้วยมัดกล้ามแข็งแรง ผิวสีแทนเป็นประกายเมื่อสะท้อนแสงจากน้ำ สายน้ำที่ไหลลงมาตามแนวกล้ามเนื้อของเขา คลึงเคล้าไปตามแผงอกที่กว้างและรอยสักที่ประดับอยู่บนร่างกายของเขา การเคลื่อนไหวของน้ำกระทบเส้นกล้ามเนื้อที่ชัดเจนและกระชับทำให้แต่ละลอนของน้ำไหลลงไปตามร่างกายเขาดูเซ็กซี่อย่างยิ่ง น้ำเย็นที่ไหลลงมาจากฝักบัวทำให้ผิวเขาเปล่งประกายและสัมผัสถึงความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้ออย่างชัดเจน กล้ามท้องของเขาเป็นแนวลอนชัดเจน บ่งบอกถึงความแข็งแรงและความเพรียวบาง ธนินยกมือขึ้นเช็ดน้ำจากใบหน้าและเสยผมออกจากหน้าผาก น้ำไหลจากเส้นผมไปตามลำคอและตกลงบนแผงอก การเคลื่อนไหวนี้ทำให้รู้สึกถึงความร้อนที่ยังคงอยู่ในตัวเขา แม้ว่าจะมีน้ำเย็นกระทบก็ตาม เขาเสยผมของตัวเองที่ยังเปียกชื้น น้ำที่ไหลลงมาทำให้ผมของเขาติดกับใบหน้าและคอ ปล่อยให้หยดน้ำไหลลงมาตามใบหน้าและคอ ทำให้ผิวของเขาดูเย้ายวนใจ ดวงตาของเขาเป็นประกาย สื่อถึงความอดกลั้นและความร้อนแรงที่ยังไม่สามารถระบายออกมาได้ ชายหนุ่มพยายามควบคุมตัวเอง รู้สึกถึงความต้องการที่รุนแรง……………………………………………
ผ่านไปเกือบสองอาทิตย์แล้ว กานต์ฟื้นตัวจนหายดี คืนนี้เป็นคืนพิเศษที่มีงานเลี้ยงวันเกิดของมิ่งที่จัดขึ้นที่สำนักงาน คนงานมากมายต่างพากันมาเข้าร่วมงาน บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน เสียงหัวเราะ ร้องเพลง และการดื่มกินรอบกองไฟมิ่งนั่งชิดกับกานต์ หัวเราะพูดคุยและดื่มอย่างไม่ขาดสาย เสียงเพลงและเสียงหัวเราะของพวกเขาดังขึ้นเรื่อย ๆ แต่ท่ามกลางความครึกครื้นนั้น บางคนกลับไม่รู้สึกสนุกไปด้วย ธนินยืนมองภาพนั้นจากที่ห่างออกมา ความโกรธเริ่มก่อตัวขึ้นในใจเขา เขามองเห็นมิ่งที่นั่งใกล้ชิดกับกานต์มากเกินไป และท่าทางที่เป็นกันเองระหว่างพวกเขาทำให้เขารู้สึกไม่พอใจนายหัวลมออกหูแล้ว ความอิจฉาและความโกรธที่ถูกกักเก็บมานานเริ่มปะทุขึ้นในใจของเขา เขาไม่สามารถทนดูภาพนั้นได้อีกต่อไป ความคิดก็แล่นเข้ามาในหัวทันที “คงต้องรีบรวบหัวรวบหางซะแล้วสินะ” เขาคิดในใจ รู้สึกถึงความจำเป็นที่จะต้องทำอะไรบางอย่าง ก่อนที่มิ่งจะคิดไม่ซื่อกับกานต์ ความใกล้ชิดและการหยอกล้อกันระหว่างมิ่งและกานต์ทำให้ธนินรู้สึกไม่สบายใจ เขารู้ดีว่าตัวเองจะต้องลงมือก่อนที่อะไรจะเกินควบคุมไปมากกว่านี้ และแล้วภาพต่อไป กานต์ที่เริ่มเมาได้ที่ คุย
ธนินมองกานต์ที่นอนหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนจากฤทธิ์ของไข้และยา เขานั่งลงข้างเตียงอย่างระมัดระวัง ถอนหายใจยาวๆ พร้อมกับความรู้สึกที่ยากจะบรรยายการสัมผัสของเขาที่ผ่านมาทำให้เขารู้สึกถึงความร้อนแรงและความรู้สึกที่คับข้องใจ แต่เมื่อเห็นกานต์หลับไปอย่างสงบ ธนินรู้สึกได้ถึงความโล่งใจ แม้จะยังคงรู้สึกถึงความตึงเครียดที่เขาพยายามจะควบคุม แต่ในที่สุดสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำให้กานต์รู้สึกดีขึ้นและปลอดภัยเขาพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นไปยังโต๊ะข้างเตียงหยิบผ้าชุบน้ำเย็นมาเช็ดเบาๆ ที่หน้าผากของกานต์ เพื่อช่วยลดความร้อนในร่างกาย จากนั้นเขานั่งลงอีกครั้ง มองดูใบหน้าของกานต์ที่ตอนนี้สงบและผ่อนคลายธนินรู้สึกว่าการจัดการกับอารมณ์ของเขานั้นยากมากเพียงใด แต่การเห็นกานต์นอนหลับอย่างสงบทำให้เขารู้สึกได้ถึงความสงบและความพึงพอใจในระดับหนึ่ง เขารู้ว่าตัวเขาเกือบจะสูญเสียการควบคุม แต่เขาก็พยายามเต็มที่เพื่อให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติอีกครั้งเขายิ้มให้กับตัวเองเล็กน้อยเมื่อมองดูร่างกายของกานต์ที่นอนอยู่ในสภาพที่สงบ ในที่สุดก็ทำให้เขาสามารถปล่อยความรู้สึกทั้งหมดไปได้ชั่วคราว ป้าพิไลถือถาดอาหารเดินเข้ามาในห้องอย่
ธนินเดินตามมาที่บ้านใหญ่ ใจเขาเต้นรัวเมื่อเห็นกานต์อยู่บนบันได ขึ้นไปด้วยท่าทางไม่มั่นคง เขาเห็นกานต์เก้ๆ กังๆ พยายามปีนบันไดอย่างยากลำบากและยังต้องอาศัยไม้เท้าช่วยพยุงตัวเองธนินรีบก้าวไปข้างหน้าและตรงเข้าไปหากานต์ โดยไม่รอให้เขาเห็นหรือขออนุญาต เขาจับไม้เท้าแล้วดึงกานต์เข้าไปในอ้อมแขนของเขาอย่างรวดเร็วและอ่อนโยน“ให้ผมช่วยคุณ” ธนินพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยและแรงดึงดูดที่เขาไม่สามารถปกปิดได้ ธนินในสภาพเปลือยท่อนบน เผยให้เห็นแผงอกใหญ่ที่เต็มไปด้วยรอยสักอันทรงพลัง ผิวแทนเข้มขับให้รอยสักยิ่งโดดเด่น เขาสวมเพียงกางเกงแพรตัวหลวม ตวัดแขนแข็งแรงรอบร่างบอบบางของกานต์ที่ขาแพลงโดยไม่พูดอะไร กานต์ที่ถูกยกร่างอย่างไม่ทันตั้งตัวรู้สึกกระดากใจและอายอย่างบอกไม่ถูก หน้าเขาแดงระเรื่อ ขณะที่พยายามข่มความรู้สึกอึดอัดในใจ ธนินอุ้มกานต์เดินตรงไปยังห้องนอนอย่างมั่นคง ราวกับน้ำหนักของกานต์เป็นเพียงขนนก กานต์หลบสายตาไม่กล้ามองตรงไปยังแผงอกของธนิน แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธความร้อนจากร่างกายที่แนบชิดได้ หัวใจของเขาเต้นระรัว ขณะถูกธนินพาเข้าไปในห้อง รู้สึกสับสนระหว่างความกลัวและความหวั่นไหวที่ปะทุขึ้
ในช่วงบ่ายอันร้อนระอุ กานต์นั่งทำงานอยู่ในสำนักงานไม้ที่ปาง ท่ามกลางเสียงเครื่องจักรและเสียงคนงานที่ทำงานกันอย่างขะมักเขม้น ทันใดนั้น เสียงทะเลาะวิวาทจากข้างนอกก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้กานต์ต้องลุกขึ้นและเดินไปดูสถานการณ์ เมื่อกานต์มาถึงจุดเกิดเหตุ เขาเห็นคนงานสองกลุ่มกำลังทะเลาะกันอย่างรุนแรง ท่าทางดุดันและสีหน้าที่เคร่งเครียดของพวกเขาทำให้กานต์รู้สึกกังวล กานต์พยายามเข้าไปห้ามปรามและพูดให้ทุกคนสงบลง แต่ดูเหมือนว่าคำพูดของเขาจะไม่มีผลกับใครเลย ต่างคนต่างหน้ามืดไม่ยอมฟังเสียงของกานต์ ในจังหวะที่ความรุนแรงเพิ่มขึ้น หนึ่งในคนงานก็พลาดไปผลักกานต์จนกระเด็นไปไกล เขาล้มลงกับพื้นอย่างแรง ขาแพลงและรู้สึกเจ็บปวดแผ่ซ่านจนแทบยืนขึ้นไม่ไหว เสียงร้องด้วยความเจ็บของกานต์ถูกกลบด้วยเสียงทะเลาะที่ยังไม่สิ้นสุด คนงานบางคนที่เห็นเหตุการณ์เริ่มตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและพยายามเข้ามาช่วย แต่ความเสียหายก็เกิดขึ้นแล้ว กานต์นอนอยู่กับพื้น หายใจแรงด้วยความเจ็บปวด ขณะที่สถานการณ์รอบตัวเขาเริ่มค่อยๆ สงบลง มิ่งและลุงอุ้ยเห็นเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นจากระยะไกล ทั้งสองรีบเร่งฝีเท้าพร้อมกับคนงานอีกกลุ่มหนึ่งที