Share

ตอนที่ 2 ครอบครัวบ้านนอก

Author: Ainthira06
last update Last Updated: 2024-12-09 12:14:22

จ้าวหยู่ฟางรออยู่ที่บ้าน ในขณะที่สองสาวตามพ่อของพวกเธอไปสมัครเรียนในโรงเรียนมัธยมข้างกองทัพหวั่นอิ๋น โรงเรียนที่นี่มีนักเรียนไม่เยอะและเป็นโรงเรียนที่นักเรียนส่วนมากจะเป็นลูกหลานของคนในกองทัพ ไม่มีค่าเล่าเรียน เพียงแต่มีค่าอุปกรณ์เล็กน้อย

ฉินเสี่ยวหรานกำลังกรอกเอกสาร ด้านหน้าของเธอเป็นครูธุรการที่ประสานงานด้านการเข้าเรียน "ฉินเสี่ยวหรานหรือจ๊ะ ครูเป็นครูธุรการของที่นี่มีปัญหาอะไรแจ้งได้ คนอื่น ๆ จะเรียกครูว่าครูลู่จ้ะ"

"สวัสดีค่ะ"

"ฝากคุณครูดูแลเด็ก ๆ ด้วยนะครับ พวกเธอมาจากต่างมณฑล ภาษาการพูดแตกต่างจากคนที่นี่" ฉินหานรีบบอก มีหลายคนที่พูดภาษาท้องถิ่น ยิ่งเฉพาะเวลาต้องการนินทาใครสักคน

"ยินดีค่ะ"

"คุณครูลู่คะ ที่นี่มีนักเรียนเยอะหรือไม่คะ" ฉินเสี่ยวหรานถามด้วยความสงสัย เนื่องจากข้างในเป็นโรงเรียนที่ใหญ่พอสมควร แต่ไม่เห็นว่าแถวนี้จะมีบ้านคน

"ห้องเรียนละสามสิบคนจ้ะ"

"อ๋อ"

ฉินเสี่ยวหรานพยักหน้าและก้มหน้ากรอกเอกสารต่อ เนื่องจากเธอย้ายมากลางคันจึงต้องทำเอกสารเยอะกว่าคนอื่น แต่ว่าใช้เวลาไม่นานทุกอย่างก็เสร็จแล้ว

"อีกสองเดือนข้างหน้าเข้ามาเรียนได้เลย หากเอกสารตกหล่นครูจะติดต่อไปยังพันตรีฉินนะคะ" ครูธุรการลู่กล่าว

"ค่ะ"

จัดการเอกสารการเรียนเสร็จแล้ว สามพ่อลูกก็เดินเท้าไปยังแหล่งซื้อขายที่ต้องใช้เวลา มันอยู่คนละทางกับสถานีรถไฟและยังไกลกว่า ถ้าซื้อของชิ้นใหญ่ต้องใช้รถยนต์ แต่ว่าทั้งสามแค่ต้องการซื้อของเข้าบ้าน

รัฐบาลประกาศการค้าเสรีแล้ว ร้านค้าต่าง ๆ เริ่มผุดขึ้นมา และมีการยกเลิกการใช้คูปอง แต่ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่กล้าเสี่ยง ร้านค้าที่นี่ยังมีไม่มาก แต่มีของใช้ในบ้านขาย สหกรณ์ของที่นี่มีของหลายอย่าง

ฉินเสี่ยวหรานมองกระดาษที่จดรายการของสำคัญมา แม่ของพวกเธอให้เงินมาซื้อของยี่สิบหยวน ถือว่าเป็นเงินจำนวนมาก แต่ในสายตาของเธอเงินแค่นี้มันยังน้อยนัก

"พี่สาวใหญ่" ฉินเสี่ยวหลิงเอ่ยเรียก "อันนี้ใช่น้ำปลาที่แม่บอกให้ซื้อไหมคะ แต่สีมันเข้มและกลิ่นมันแปลก ๆ ฉันไม่มั่นใจ" เธอหยิบไหเล็กขึ้นมาให้พี่สาวดู

"ซีอิ๊ว"

"เอ๋ แต่มันไม่เหมือนที่อำเภอเลยนะคะ"

"ใช่ เครื่องปรุงถึงแม้ว่าจะเรียกเหมือนกัน แต่ว่ารสชาติและกลิ่นไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด เธอต้องดมกลิ่นและเลือกซื้อของดี ๆ" แม้จะเหมือนกันมากแค่ไหนฉินเสี่ยวหรานก็แยกมันออกได้

"ค่ะ"

"เงินพอหรือไม่ พ่อมีเงินอยู่กับตัว ถ้าไม่พอมาเอาไปใช้ก่อน ไม่ต้องบอกแม่" ฉินหานเดินเข้ามาหาลูกสาว เงินที่ว่าไม่ได้ปิดบังแม่ แต่เป็นเงินที่จ้าวหยู่ฟางเอาให้สามีติดตัวเอาไว้ซื้อของ เวลาออกไปทำภารกิจจะได้มีเงินใช้

"พอค่ะ"

นอกจากเครื่องปรุง อาหารแห้งก็เป็นสิ่งที่จำเป็น และมีหลายอย่างที่สามารถทำให้อาหารมีรสชาติได้ ระหว่างหยิบของใส่ตะกร้า ฉินเสี่ยวหรานคำนวณราคาไปด้วย ไม่ให้มันเกินกับเงินที่เอามา

"กว่าจะมาถึงที่นี่ต้องใช้เวลา และคงไม่มีเวลาได้มาบ่อย ๆ ลูกซื้อเผื่อเอาไว้ด้วย แต่ถ้าอยู่ได้ไม่นานก็ไม่ต้องซื้อเยอะ พ่อจะมาซื้อให้เอง"

"ค่ะ"

หยิบของใส่ตะกร้าครบแล้วจ่ายเงินหมดไปเพียงครึ่งเท่านั้น แต่ว่าต้องซื้อหม้อ จาน ชาม และของที่ใช้ในครัว พบว่าเงินที่ได้มาหมดพอดี

"แม่จะไม่ว่าพวกเราใช่ไหม เงินตั้งยี่สิบหยวนมันไม่น้อยเลย พ่อต้องทำงานเกือบเดือนถึงจะได้มันมา" ฉินเสี่ยวหลิงมีสีหน้าเครียด เธอไม่คิดว่าจะซื้อเยอะขนาดนี้

“ไม่หรอก พ่อคะพวกเรากลับกันเถอะค่ะ"

"อืม"

เป็นช่วงเวลาบ่ายแล้ว พวกเธอออกมาตั้งแต่เช้า ตอนนี้แม่คงรออยู่ ยังดีที่เมื่อเช้าพ่อไปซื้ออาหารในโรงอาหารเอาไว้ให้แม่ ไม่อย่างนั้นพวกเธอคงต้องรีบกลับบ้าน

เดินผ่านร้านผ้า ฉินเสี่ยวหรานหยุดเดินทันที เธอมองพ่อและน้องสาวที่เดินนำหน้าเพื่อกลับบ้านพัก ก่อนจะส่งเสียงบอกและเดินเข้าไปในร้านม้วนผ้า "พ่อคะ หนูอยากดูผ้า"

จิตวิญญาณของเธอคือการเป็นดีไซเนอร์ และในแต่ละวันเธอต้องยุ่งอยู่กับกองผ้าหรือกองกระดาษ เมื่อมาที่นี่ สิ่งที่เธอได้เรียนรู้เป็นสิบ ๆ ปีจะทิ้งไปได้อย่างไรกัน ไม่รอช้าเธอเดินเข้าไปหาม้วนผ้าที่เธอเห็นและหยุดดู

"ผ้าม้วนนี้ทางร้านเพิ่งรับมาจากมณฑลอื่น สาวน้อยเธออยากได้หรือไม่ ราคาเพียงสิบหยวนเท่านั้น มีชุดตัดเย็บให้ด้วย" ผู้หญิงหน้าตาดีแต่ว่ามีอายุแล้วเดินเข้ามาหาพร้อมแนะนำผ้า

เฉินเสี่ยวหรานมองม้วนผ้าอย่างชั่งใจ หากเธอซื้อ เงินเก็บที่มีก็หมดแล้ว "ยังมีม้วนผ้าอื่นที่มีชุดเครื่องตัดเย็บให้หรือไม่คะ"

"ไม่มีแล้ว ไม่มีแล้ว มีชุดเดียวเท่านั้น ถ้าเธอไม่เอา เย็นนี้จะมีลูกค้ารายใหญ่ของร้านเข้ามาซื้อไป แต่ถ้าขายแยกมันมีอยู่แล้ว สู้ซื้อชุดนี้ไปเลยจะดีกว่า" ผู้หญิงที่มาดูแลยังคงแนะนำ

"เอาชุดนี้ก็ได้ค่ะ"

ในที่สุดฉินเสี่ยวหรานก็เลือกซื้อม้วนผ้า ไม่รู้ว่าเป็นการตลาดของทางร้านหรือไม่ แต่ถ้าไม่ซื้อ ในใจของเธอกลับบอกว่าเธอจะเสียใจ จึงซื้อเอาไว้ก่อน ส่วนเงินเก็บเธอตัดเย็บชุดขายก็ได้แล้ว

"พันตรีฉินหรือ"

ฉินเสี่ยวหรานมองตามเสียงที่ได้ยิน เห็นพ่อของเธอทำความเคารพก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นคนมียศสูงกว่า จึงทำความเคารพตามและเดินมายืนข้างน้องสาวที่อยู่ข้างหลังพ่อ

"ท่านนายพล พันโทเว่ย"

"ในใบรายงานเห็นบอกจะกลับมาอีกทีเดือนหน้าไม่ใช่หรือครับ ทำไมพันตรีฉินถึงมาก่อนกำหนดได้" เป็นทหารที่เด็กกว่าเอ่ยถามด้วยความสนใจแถมยังมองมายังสองพี่น้องด้วยความเอ็นดู

"ลูก ๆ ของผมต้องย้ายมาเรียนที่นี่ครับ จึงคิดว่ากลับมาก่อนกำหนดคงดีกว่า" ฉินหานตอบหัวหน้าที่เขาสังกัดอยู่ พันโทเป็นผู้ชายที่อายุสามสิบปีแต่มีความสามารถโดดเด่น

"เย็นนี้กองทัพจัดงานเลี้ยงต้อนรับทหารที่พาครอบครัวย้ายมาอยู่ที่นี่ ไหน ๆ ก็มาแล้ว พันตรีฉินพาครอบครัวเข้าร่วมงานเลี้ยงเย็นนี้ด้วยสิ จะได้รู้จักกับคนอื่น" นายพลเว่ยบอก

"ครับ ผมจะพาครอบครัวเข้าร่วมงานเลี้ยงเย็นนี้" ฉินหานพยักหน้า งานเลี้ยงในกองทัพไม่ได้มีบ่อย และถ้าเข้าร่วม บางทีภรรยาอาจมีเพื่อนพูดคุยระหว่างอยู่ที่นี่

"เอาละ พวกเราขอตัวก่อน เจอกันครับ"

"เจอกันครับ"

สามพ่อลูกรีบกลับบ้าน หาเสื้อผ้าที่จะไปงานในวันนี้ พ่อของพวกเธอมีชุดอยู่แล้วเพราะจะใส่ชุดประจำตำแหน่ง แต่ฉินเสี่ยวหราน น้องสาว และแม่ ยังต้องหาเสื้อผ้าใส่

"เข้าร่วมงานเลี้ยงหรือคะ"

"ครับ งานเลี้ยงในกองทัพหวั่นอิ๋นไม่ได้มีบ่อย คุณเพิ่งมาที่นี่วันนี้ ถ้าได้เพื่อนพูดคุยคงดีไม่น้อย เวลาลูกไปโรงเรียนจะได้ไม่เหงา" ฉินหานอธิบายให้ภรรยาฟังระหว่างแต่งตัว

ฉินเสี่ยวหรานมีเครื่องสำอางที่ใช้แต่งไปเรียนพอดีจึงแต่งหน้า "ยังดีนะคะที่ก่อนจะมาที่นี่แม่ตัดชุดใหม่ให้ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงไม่มีชุดเข้าร่วมงานแล้ว"

"นั่นสิ"

"จริง ๆ แม่ว่าไม่ต้องแต่งตัวมากก็ได้นะ" จ้าวหยู่ฟางไม่ชอบแต่งหน้าแต่ถูกลูกสาวบังคับให้แต่งหน้า

"โธ่แม่คะ พ่อบอกนาน ๆ ทีในกองทัพจะจัดงาน พวกเราจะน้อยหน้าไม่ได้นะคะ" ฉินเสี่ยวหลิงบอก เธอกำลังแต่งหน้าอยู่ข้าง ๆ พี่สาว เครื่องสำอางมีเพียงไม่กี่อย่าง

"เฮ้อ"

ใช้เวลาแต่งตัวราว ๆ สองชั่วโมง สมาชิกบ้านฉินจึงมาถึงหน้างานเลี้ยง สายตาคนในงานหันมาจับจ้อง ฉินหานและฉินเสี่ยวหรานชินกับสถานการณ์แบบนี้ แต่ไม่ใช่ฉินเสี่ยวหลิงกับจ้าวหยู่ฟางผู้เป็นแม่

"ฉินเสี่ยวหลิง"

ฉินเสี่ยวหลิงยิ้มแห้ง จากที่ยืนข้างหลังขยับมายืนข้างพี่สาว "คนเยอะมาก ทำไมพวกเขาถึงมองมาที่เราด้วยสายตาแบบนั้นล่ะคะ หรือว่าพวกเราทำอะไรผิด"

"ไม่มีอะไรหรอก"

โกหกทั้งนั้น สายตาที่มองมาเป็นการดูถูกพวกเธอชัด ๆ และฉินเสี่ยวหรานยังได้ยินเสียงแว่ว ๆ ว่าครอบครัวบ้านนอกอีก หากไม่ต้องการรักษาหน้าพ่อ เธอคงเดินเข้าไปถามแล้ว

Related chapters

  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 3 เสียหน้า

    เฮ้ พี่ชายฉิน เชิญ ๆ"กลุ่มผู้ชายที่อยู่ไม่ไกลโบกมือเรียกฉินหานที่เดินนำครอบครัวเข้ามาในงาน ฉินเสี่ยวหรานมองเห็นแล้ว พวกเขาอยู่ในชุดทหารและยังมีตราที่บ่งบอกยศ แต่ละคนล้วนมีตำแหน่งเล็กกว่า หากให้เดา คงเป็นตำแหน่งเดิมของพ่อเธอ เพราะห้าปีที่ผ่านเพิ่งได้รับการเลื่อยศ"มา มา"ฉินหานมองกลุ่มเพื่อนที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมาหลายปี "นี่ภรรยาของฉันเอง พี่สะใภ้ของพวกนายจ้าวหยู่ฟาง หลานสาวใหญ่ฉินเสี่ยวหราน หลานสาวรองฉินเสี่ยวหลิง""พี่สะใภ้ฉิน""พี่สะใภ้"พวกเขาต่างเดินเข้ามาทักทายอย่างเป็นกันเอง "หลานสาวใหญ่ หลานสาวรอง หน้าตาดีกันจริง ๆ โตเป็นสาวแล้ว ทำงานกับพี่ชายฉินมานานหลายปีเพิ่งได้เห็นหน้าหลานสาว"ฉินเสี่ยวหรานยิ้มเล็กน้อยมองบรรดาเพื่อนของพ่อ "สวัสดีค่ะคุณอา ฉินเสี่ยวหรานหรือเรียกเสี่ยวหรานก็ได้ค่ะ" ไหน ๆ แล้ว ได้ชีวิตใหม่ทั้งที เธอควรทำความรู้จักกับผู้คน"เสี่ยวหราน"คุณนายทหารเดินมาตั้งแต่ไกลเพื่อมาหาจ้าวหยู่ฟาง และเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา "นี่หรือภรรยาของพันตรีฉิน ฉันเหวยฉิงภรรยาของพันเอกเหยา ไปกับฉันสิ จะแนะนำให้คนอื่นได้รู้จัก"“คุณนายเหยา ฝากพวกเธอด้วยครับ""แน่นอน"คุณนายเหยาดึงมือจ้าวหยู่ฟา

    Last Updated : 2024-12-09
  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 4 พยาบาลทหาร

    งานเลี้ยงต้อนรับครอบครัวทหารเต็มไปด้วยความอบอุ่น ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องกระอักกระอ่วนบ้างก็ตาม นาน ๆ ครั้ง กองทัพหวั่นอิ๋นถึงจะมีงานใหญ่สักงาน ทุกคนไม่อยากให้เสียบรรยากาศพ่อฉินยังเหลือวันลาอีกหลายวัน แต่ว่าในเมื่อกลับมาแล้วเขาจึงไปทำงานต่อ ได้รับค่าแรงสองเท่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่า เช้าวันนี้คุณนายทหารกลุ่มเมื่อคืนมาที่บ้านและชวนแม่ฉินไปโรงตัดเย็บของกองทัพแม่ฉินตามไปด้วย ที่บ้านจึงเหลือเพียงสองพี่น้องฉินฉินเสี่ยวหรานลงมือออกแบบชุดที่จะตัด มีฉินเสี่ยวหลิงเป็นแบบให้ แม่ของพวกเธอรับจ้างตัดเย็บมาตลอดและนำอุปกรณ์มาด้วย ไม่ต้องออกไปซื้ออุปกรณ์ ฉินเสี่ยวหรานลงมือตัดเย็บทันที"ทำไมพี่ถึงตัดชุดล่ะ ฉันว่าพวกเราอ่านหนังสือรอเปิดภาคเรียนกันดีกว่าไหมคะ ย้ายมาที่นี่หลักสูตรจะต่างกันมากน้อยแค่ไหนพวกเราไม่รู้เลย" ฉินเสี่ยวหลิงบอกแต่หญิงสาวไม่ได้สนใจการเรียน เธอเชื่อมั่นในตัวเองเสมอ "เธออยากอ่านหนังสือก็อ่านหนังสือเถอะ เรื่องอื่นฉันจะจัดการเอง" ต้องรีบหาเงินก่อนโรงเรียนเปิดฉินเสี่ยวหรานวาดแบบคร่าว ๆ ให้มองออกว่าต้องทำไปในทิศทางไหน เธอไม่ใช่คนวาดรูปสวย แต่มีรายละเอียดที่ชัดเจนก็พอแล้ว อีกอย่างเธอเคยเป็นดีไซ

    Last Updated : 2024-12-09
  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 5 ลูกค้าคนแรก

    เพราะไม่มีตัวช่วยอย่างจักรเย็บผ้าและร่างกายที่ไม่ค่อยถนัดของฉินเสี่ยวหราน ชุดแรกที่ออกแบบและลงมือตัดเย็บใช้เวลานานถึงห้าวันกว่าจะได้หนึ่งชุด ฉินเสี่ยวหลิงลองใส่แล้วพบว่ามันพอดีตัวมาก"ชุดสวยมากเลยค่ะพี่สาวใหญ่ นึกไม่ถึงว่าพี่จะตัดเย็บได้สวยมากขนาดนี้" ฉินเสี่ยวหลิงเอ่ยชม ชุดที่เธอใส่เมื่อตัดกับผิวแล้วขับผิวให้ขาวขึ้น ไหนจะขนาดตัวที่ไม่คับและไม่หลวมเกินไป"ฝีมือของฉันไม่เคยพลาด"ใช่ ไม่ว่าจะลองตัดเย็บครั้งแรกหรือครั้งไหน ๆ ดีไซเนอร์อย่างลิลลี่ไม่เคยทำพลาด ยิ่งฉินเสี่ยวหรานมีพื้นฐานการตัดเย็บอยู่แล้ว ชุดที่ได้มาจึงไร้ที่ติ หากชุดนี้ถูกขายด้วยชื่อของเธอ มันจะขายได้หลายล้านบาทเลยทีเดียวฉินเสี่ยวหรานปล่อยให้น้องสาวตื่นเต้นไปกับชุดใหม่ เธอเข้าครัวเพื่อทำอาหารไปส่งให้แม่ที่โรงตัดเย็บ ซึ่งเป็นแหล่งรวมตัวของสมาคมแม่บ้านทหาร ต่อให้ไม่ได้ทำงาน พวกคุณนายทหารก็ชอบไปรวมตัวกันที่นั่น วันนี้พ่อฉินถูกเรียกตัวออกไปช่วยภารกิจนอกกองทัพ ไม่ต้องนำปิ่นโตอาหารไปส่งวันก่อนที่บ้านซื้อเนื้อหมู ขาหมูมา ฉินเสี่ยวหรานใช้วิธีทำหมูน้ำค้างเพื่อให้มีเนื้อกินในทุกวัน และพ่อไม่ต้องออกไปซื้อของที่ตลาดให้เหนื่อย เพียงแค

    Last Updated : 2024-12-09
  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 6 คุณนายเว่ยซื้อให้จริง ๆ หรือ

    เมื่อได้ขนาดตัวของคนที่ต้องตัดชุดให้แล้ว กลับมาถึงบ้านกินข้าวมื้อเย็น อาบน้ำเสร็จ ฉินเสี่ยวหรานรีบเข้าห้องนอนเพื่อออกแบบชุดทั้งสามตัว ของเด็กนั้นไม่เท่าไรของผู้ใหญ่นี่สิ ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่ ผ้าที่ใช้จึงใช้เยอะภายในห้องมีไฟให้ใช้แต่ก็สลัวมาก ฉินเสี่ยวหรานจึงจุดตะเกียงช่วย ถึงแม้ว่าจะสิ้นเปลือง แต่เธอไม่มีเวลาพอ รีบทำให้เสร็จและเข้านอน พรุ่งนี้เช้าพันตรีเว่ยจะมารับเธอไปเลือกม้วนผ้าเพื่อตัดเย็บ ค่าผ้าในส่วนนี้คุณนายเว่ยเป็นคนจ่ายให้ หน้าที่ของเธอคือเลือกซื้อผ้าและตัดเย็บตอนเช้าฉินเสี่ยวหรานรีบลุกไปรดน้ำผัก แล้วไปอาบน้ำที่โรงอาบน้ำเมื่อกลับมาก็เป็นเวลาที่พ่อเธอกลับมาจากวิ่งออกกำลังกาย ทั้งสองทักทายกันเล็กน้อยและแยกย้ายกันทำธุระของตนเองเป็นเวลาที่คนในบ้านตื่นพอดี ฉินเสี่ยวหลิงรับหน้าที่ในการทำอาหารตอนเช้า ฉินเสี่ยวหรานกวาดบ้านระหว่างรอรับประทานอาหาร ส่วนผู้เป็นแม่กำลังช่วยพ่อแต่งตัวในห้อง"แม่คะ วันนี้ให้เสี่ยวหลิงไปกับแม่นะคะ หนูต้องออกไปซื้อม้วนผ้ากับพันตรีเว่ย หากให้น้องสาวไปด้วยก็เกรงใจเขา" ฉินเสี่ยวหรานบอกแม่ของเธอที่เดินออกมาพอดี“จ้ะ"ที่บ้านรู้กันหมดแล้วว่าฉินเสี่ยวหรานต้องตัดเย็

    Last Updated : 2024-12-10
  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 7 คุณนายทหารน้อยหน้าไม่ได้

    ตัดชุดให้พันตรีเว่ยใช้เวลาเพียงสามวันก็เสร็จแล้ว เนื่องจากเป็นของลูกค้าจะมัวโอ้เอ้ไม่ได้ ฉินเสี่ยวหรานจะให้น้องสาวเป็นคนนำอาหารไปส่งให้พ่อ ส่วนเธอใช้เวลาอันมีค่าในการตัดเย็บ แต่ว่าชุดของเด็กทั้งสองใช้เวลาสี่วันในการตัดเย็บรวม แล้วเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์พอดี เร็วกว่าที่คาดเอาไว้มากฉินเสี่ยวหรานนัดส่งชุดพรุ่งนี้เพราะต้องการตรวจสอบชุดใหม่ว่าจะไม่มีปัญหาตรงไหน ด้วยฝีมือของเธอราคาที่จะเรียกจึงแพง ถ้าเกิดมีตำหนิขึ้นมาจะเสียชื่อเอาได้หลังตรวจสอบชุดทั้งสามอย่างละเอียดดีแล้ว ฉินเสี่ยวหรานยังเย็บกระเป๋าผ้าเพื่อใส่ชุดอีกด้วย เพราะไม่มีถุงกระดาษ หรือถุงที่สามารถใส่เสื้อผ้าได้ ถ้าถือไปเลยเห็นถ้าว่าจะไม่ดี และกระเป๋าของเธอยังเก่าอีกด้วยจ้าวหยู่ฟางกำลังถักไหมพรมเงยหน้ามองลูกสาวที่เตรียมของจะไปส่ง "ลูกตัดเย็บเร็วมาก แม่นึกว่าต้องใช้เวลาอีกหลายวัน เหล่าคุณนายยังตกใจที่ชุดเสร็จเร็วมาก”"ไม่เร็วเลยค่ะแม่ ถ้ามีจักรเย็บผ้าจะดีกว่านี้""นั่นสิ มีจักรเย็บผ้าเร็วกว่าจริง ๆ" น่าเสียดายที่เธอกับสามีไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อจักรเย็บผ้า ไม่สิ จะว่ามีมันก็มีอยู่แต่ว่าเงินของบ้านก็จะลดลง อีกไม่นานก็จะเปิดภาคเรียนแล้

    Last Updated : 2024-12-10
  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 8 เข้าโรงเรียนกลางคัน

    เผลอแป๊บเดียวก็ถึงวันเปิดภาคเรียนแรกของปีแล้ว ฉินเสี่ยวหราน ฉินเสี่ยวหลิงตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อเตรียมตัว ทั้งสองเป็นเด็กใหม่ของโรงเรียนที่ย้ายมาชั้นปีสุดท้าย แน่นอนว่าต้องมีสายตาของคนที่มองมา ยิ่งไปเร็วเท่าไรยิ่งเป็นผลดีกับสองพี่น้องฉินหานแลกวันลากับเพื่อนเพื่อมาส่งลูกสาวเข้าโรงเรียนพร้อมภรรยาที่ลางานมาเหมือนกัน ปกติต้องเข้าโรงตัดเย็บทุกวัน และมีค่าแรงวันละห้าเหมา ถึงแม้จะขาดรายได้แต่ก็ไม่เสียหายอะไร"พ่อกับแม่มาส่งได้แค่นี้ มีอะไรให้ไปหาครูธุรการลู่ ระวังตัวด้วย" ฉินหานบอกลูกสาวด้วยความเป็นห่วง ที่นี่ไม่ใช่อำเภอบ้านเกิดที่คุ้นเคย และไม่มีเพื่อน ลูกสาวต้องเริ่มต้นใหม่“ใช่ ระวังตัวด้วย""หนูจะระวังตัวค่ะ" ฉินเสี่ยวหรานผงกหัว เธอไม่คิดว่าในโรงเรียนจะอันตรายขนาดนั้น "พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงค่ะ เลิกเรียนหนูกับน้องจะรีบกลับบ้าน""อืม"ฉินเสี่ยวหลิงมองข้างในโรงเรียนอย่างตื่นเต้น มันกว้างกว่าโรงเรียนเดิมหลายเท่าตัว "ไปกันเถอะค่ะพี่สาวใหญ่ ได้ยินว่าวันนี้มีนักเรียนเข้าใหม่หลายคน บางทีฉันอาจจะได้เพื่อนเร็วขึ้น"ฉินเสี่ยวหรานพยักหน้าบอกลาพ่อแม่เล็กน้อยก่อนเดินเข้าโรงเรียนไปพร้อมน้องสาว คนที่นี่

    Last Updated : 2024-12-10
  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 9 ทบทวนความรู้สึกตนเอง

    วันถัดมาพันตรีเว่ยยังคงขับรถผ่านหน้าโรงเรียนในช่วงเวลาเลิกเรียนและยังมีอีกหลาย ๆ วันที่มาจอดรอรับอย่างกับนัดไว้ เพื่อรอรับสองสาวบ้านฉินกลับบ้านด้วย จนกระทั่งฉินเสี่ยวหรานคิดว่ามันไม่ใช่แล้ว และรู้สึกถึงความผิดปกตินี้เดิมทีหากพันตรีเว่ยผ่านมาสักวันสองวันคงคิดได้ว่าเป็นเพราะมีภารกิจ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเป็นเดือน ฉินเสี่ยวหรานไม่เคยแม้กระทั่งต้องเดินกลับบ้านเอง หากไม่ติดว่าตอนเช้าพ่อของเธอเป็นคนมาส่ง คงมีรถคอยรับคอยส่งแล้วโรงเรียนและบ้านพักในกองทัพหวั่นอิ๋นนั้นถึงแม้ว่าจะอยู่ติดกัน แต่ว่าถ้าจะเข้าไปด้านในต้องเดินอ้อมอีกทาง ใช้เวลาเพียงห้านาทีเท่านั้นเอง แต่ฉินเสี่ยวหรานก็ไม่เคยได้เดินเหยาหนานรออยู่ตรงทางเข้าโรงเรียน พอเห็นฉินเสี่ยวหรานก็ร้องเรียก "เสี่ยวหรานทางนี้!"ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ฉินเสี่ยวหรานมีกลุ่มเพื่อนกลุ่มหนึ่ง เจิ้งฟางมี่ จูลี่ และหนานเหยา อันที่จริงเจิ้งฟางมี่กับจูลี่ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน ส่วนเหยาหนานนั้นเขามีเพื่อนผู้ชายอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าพอฉินเสี่ยวหรานเข้ามาเรียนที่นี่เขาก็เข้าร่วมกลุ่มทันที"ฟางมี่ จูลี่ล่ะ""พวกเธอเข้าไปรอข้างในห้องเรียนแล้ว จูลี่ปวดท้อง เสี่ยว

    Last Updated : 2024-12-10
  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 10 ปฏิเสธความสัมพันธ์

    ถึงแม้จะบอกว่าทบทวนความรู้สึกตัวเอง แต่ฉินเสี่ยวหรานก็ยังหลบหน้าเว่ยเซียวที่มาจอดรถรอรับที่หน้าโรงเรียน นั่นก็คือออกมาจากโรงเรียนก่อนเวลาปกติที่เว่ยเซียวจะมารอรับ ให้เพื่อนในกลุ่มดูต้นทาง ส่วนเธอกับน้องสาวรีบเดินกลับ นี่ทำให้เพื่อนในกลุ่มสงสัยไม่น้อยด้วยปกติทุกคนจะรู้กันดีว่าฉินเสี่ยวหรานกับน้องสาวจะมีพันตรีเว่ยมารอรับทุกวัน แต่จู่ ๆ ก็ไม่กลับไปด้วย ถ้าเป็นเรื่องซุบซิบในโรงเรียน ทุกคนรู้ว่าฉินเสี่ยวหรานไม่ได้สนใจ แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้กันล่ะในวันหยุดของสัปดาห์นี้ ฉินเสี่ยวหรานกำลังตัดชุดผู้หญิงวัยรุ่นอยู่ที่บ้าน เป็นชุดที่เพื่อนของเธอสั่งตัดเพราะอยากได้ชุดใหม่ จูลี่นำผ้ามาให้ตัดถึงบ้านพัก ค่าฝีมือคิดได้ไม่อั้นเพราะพ่อของเธอเป็นคนจ่าย และฉินเสี่ยวหรานดูแล้วไม่ติดการเรียนจึงยอมตัดเย็บให้ก๊อก! ก๊อก!"เสี่ยวหราน! เสี่ยวหลิง!"เสียงรถยนต์หน้าบ้านไม่ได้ดึงดูดความสนใจของสองพี่น้องที่นั่งอยู่ในบ้าน แต่กลับได้ยินเสียงคนเรียก ฉินเสี่ยวหรานก็รู้ดีว่าเป็นใคร และเธอยอมออกไปดู เผื่อคนข้างนอกมีธุระจะได้ไม่มาเสียเที่ยว เพราะที่ผ่านมา ต่อให้หลบหน้าหลายวันพันตรีเว่ยก็ไม่โผล่มาให้เห็นหน้าเลยสักนิด"แม่

    Last Updated : 2024-12-10

Latest chapter

  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 40 ครอบครัว (จบบริบูรณ์)

    เจ็ดปีแล้วที่ลิลลี่ ลลิลิล ได้มายังที่นี่ ได้ใช้ชีวิตเป็นฉินเสี่ยวหราน จากเด็กมัธยมปลายที่ตามพ่อแม่จากต่างเมืองมาใช้ชีวิตในกองทัพ สู่เจ้าของร้านเสื้อผ้าหรานหลิงที่เป็นที่จดจำของผู้คน มามีครอบครัวที่อบอุ่นสี่ปีที่ฉินเสี่ยวหรานได้แต่งงานมีครอบครัว หลังน้องสาวแต่งงานออกไปฉินเสี่ยวหรานก็ย้ายกลับมาอยู่บ้านใหญ่ดูแลพ่อแม่ ทุกคนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขสามปีสำหรับการมีฉินเสี่ยวเว่ยลูกชายตัวน้อยของฉินเสี่ยวหรานกับเว่ยเซียว เขาเป็นแก้วตาดวงใจของบ้าน และฉินเสี่ยวหรานไม่ได้มีลูกเพิ่มด้วยประชากรที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในแต่ละปี รัฐบาลจึงมีนโยบายลูกคนเดียว ยกเว้นชาวบ้านตามชนบทที่อนุญาตให้มีลูกสองคน ในกรณีลูกคนแรกไม่ใช่ลูกชาย อันที่จริงหากฉินเสี่ยวหรานอยากมีลูกคนที่สองเธอสามารถมีได้แต่ฉินเสี่ยวหรานต้องการทุ่มเทให้ลูกชายคนเดียวของเธอมากกว่า หากมีลูกก็ต้องหยุดทำงานไปอีก และฉินเสี่ยวหรานไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น ไหน ๆ ก็มีลูกชายแล้ว"ฮ่า ๆ เสี่ยวเว่ยชิมนี่ดูสิ" ฉินเสี่ยวหรานยื่นแตงโมให้ลูกชายด้วยความเอ็นดู"แม่ ผมอยากกินแอปเปิล" ฉินเสี่ยวเว่ยส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรวดเร็วฉินเสี่ยวหรานถอนหายใจ "แอปเปิลมัน

  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 39 ปี 1987

    ฉินเสี่ยวเว่ยตามแม่ไปทำงานที่ร้านเสื้อผ้าทุกวัน และกลายเป็นดาวเด่นของร้าน ด้วยความที่เป็นเด็กพูดเก่ง ไม่งอแง และขี้อ้อน ลูกค้าที่มาซื้อเสื้อผ้าโดนเด็กชายตกแบบงง ๆ เวลาตามแม่ของเขามาทำงานก็จะได้รับขนมติดมือมาตลอดแต่ฉินเสี่ยวหรานไม่ได้ให้ลูกของเธอกินขนมพวกนี้ เนื่องจากว่าเป็นขนมที่เด็กไม่ควรกิน อีกทั้งไม่รู้ว่าคนให้ใส่อะไรมาบ้าง ป้องกันได้ก็ควรป้องกันเอาไว้ก่อน และฉินเสี่ยวเว่ยก็รับของมาทุกวันวันไหนที่ลูกชายของฉินเสี่ยวหรานออกมาหน้าร้านก็จะมีลูกค้ามามุงดู แต่ถ้ามาที่ร้านแต่อยู่ภายในห้องก็เยอะเหมือนกันแต่ไม่ได้เยอะขนาดนั้นวันที่เจ็ด เดือนมีนาคม ปี1987 เหยาหนานและบ้านเหยามาสู่ขอฉินเสี่ยวหลิงไปเป็นสะใภ้ หลังฉินเสี่ยวหลิงตกลงคบหากับเหยาหนานได้หนึ่งปีเต็ม ต้องบอกว่าบ้านเหยานั้นรีบมาก กลัวจะไม่ได้ฉินเสี่ยวหลิงเป็นสะใภ้ ถึงขั้นมาขอหมั้นตั้งแต่ที่รู้ว่าทั้งสองคบกันแรก ๆ ด้วยซ้ำเพียงแต่ฉินเสี่ยวหรานถามน้องสาวแล้ว และทั้งสองลงความเห็นกันว่ารออีกหน่อย รอให้ฉินเสี่ยวหลิงใช้ชีวิตอีกสักปี และพอครบพวกเขาก็รีบมาทันทีครั้งนี้ฉินเสี่ยวหรานอนุญาต น้องสาวของเธอได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระและพร้อมที่จะมีสามีแ

  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 38 กลับไปทำงาน

    ฉินเสี่ยวหรานต่อเติมคูหายื่นออกมาจากตึกร้านเสื้อผ้าหรานหลิงเพื่อใช้ในการเปิดร้านขายดอกไม้ ซึ่งดอกไม้ที่นำมาขายเป็นดอกไม้ในที่ดินของสามีฉินเสี่ยวหรานเอง แต่ว่าสองสามีภรรยาเปิดร้านนี้ให้พ่อแม่ฉิน โดยที่ช่วยจ่ายค่าอื่น ๆ แต่พ่อแม่ของฉินเสี่ยวหรานรับเงินเพียงเท่านั้นที่จริงแล้วทั้งสองไม่คิดว่าจะขายดอกไม้ด้วยซ้ำ แต่ว่าดอกไม้ที่ได้พันธุ์มาจากสวนผักของโรงแรมในตอนนั้นเกิดขายดีขึ้นมา และเพาะปลูกไม่ทันจึงนำดอกไม้ที่ปลูกในไร่ออกมาขาย ใครจะคิดว่ามันก็ขายได้ จึงเกิดเป็นธุรกิจใหม่ร้านดอกไม้ที่ไม่ได้มีอะไรมากมาย แต่ว่าในแต่ละวันมีรายได้เดือนละมากกว่าร้อยหยวน เงินส่วนต่างจ้าวหยู่ฟางเก็บไว้ให้หลานชายทั้งหมดในตอนนี้ฉินเสี่ยวเว่ยอายุสองขวบแล้ว ฉินเสี่ยวหรานที่ติดลูกชายก็ได้ฤกษ์กลับไปทำงานสักที ตลอดสองปีที่ผ่านมาถึงแม้จะดูแลทางเบื้องหลังมาตลอด แต่ฉินเสี่ยวหรานก็ไม่ได้เข้าไปดูหน้าร้าน เพราะบางครั้งคนเยอะก็ไม่อยากให้ลูกชายไป อีกอย่างแม่ของเธอยังสนับสนุน ไป ๆ มา ๆ ก็เข้าสองปี"วันนี้จะเอาเสี่ยวเว่ยไปด้วยหรือ แม่ว่าลูกไปทำงานก่อนไหม ตอนบ่ายแม่จะพาหลานไปที่ร้านเอง" จ้าวหยู่ฟางมองหลานชายที่แม่ของเขาแต่งตัวใ

  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 37 ฉินเสี่ยวเว่ยหนึ่งขวบ

    เผลอแป๊บเดียวฉินเสี่ยวเว่ยก็อายุหนึ่งขวบแล้ว เป็นหนึ่งปีที่บอกได้ว่าฉินเสี่ยวหรานไม่ได้ไปทำงานนอกบ้าน เธออยู่บ้านเลี้ยงลูกเองหนึ่งปีเต็ม ๆ เนื่องด้วยว่าจู่ ๆ ช่วงหลังมานี้น้ำนมค่อนข้างเยอะมาก ถ้าไปทำงานกลัวว่าเชื้อโรคข้างนอกจะติดตัวมาด้วย ฉินเสี่ยวหรานจึงมอบหน้าที่ตรงนี้ให้กับแม่ของเธอแทนบ้านฉินไม่พลาดที่จะจัดงานเลี้ยงฉลองครบหนึ่งปีของฉินเสี่ยวเว่ย หลังจากงานเลี้ยงจบมัธยมปลายของฉินเสี่ยวหลิงเมื่อกลางปีที่แล้ว บ้านฉินก็ไม่ได้มีงานเลี้ยงอะไรอีก วันนี้จึงจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ฉินเสี่ยวหลิงเดินหน้าทำงานในหน่วยแพทย์ของกองทัพ ตอนนี้ได้รับการเลื่อนยศแรกของหน่วยแพทย์แล้ว รอสอบเลื่อนขั้น ที่สำคัญคือเธอมีผู้ชายมาตามจีบคน ๆ นั้นไม่ใช่คนอื่นที่ไหน เป็นเหยาหนานที่ไปรับภารกิจนอกกองทัพนานหลายปี มาเจอฉินเสี่ยวหลิงที่วันฉลองการจบการศึกษาถึงได้ตามจีบ โดยมีคุณนายเหยากับพันโทเหยาผู้เป็นพ่อแม่สนับสนุนฉินเสี่ยวหรานไม่ได้ต้องการจัดงานใหญ่โต แต่ว่าพอนับดูจำนวนคนแล้วได้เป็นร้อยคน ฉินเสี่ยวหรานรู้ว่าการทำอาหารมันเหนื่อยมาก รอบนี้ถึงได้แตกต่างจากครั้งอื่น ตรงที่ว่าฉินเสี่ยวหรานนั้นจ้างแม่ครัวมาทำอาหารให้ อาหาร

  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 36 ฉินเสี่ยวหลิงเรียนจบแล้ว

    ช่วงเวลาที่ฉินเสี่ยวหรานคิดว่าผ่านไปเพียงไม่นาน แต่ว่าลูกชายของเธอก็ได้หกเดือนแล้ว และฉินเสี่ยวหลิงน้องสาวของเธอก็เรียนจบมัธยมปลาย ยังจำปีนั้นที่เข้ามาเรียนได้อยู่เลย เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆฉินเสี่ยวหลิงชื่นชอบในวิชาแพทย์ ได้ศึกษางานมานานถึงสามปี จึงตัดสินใจที่จะไม่เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย และขอขมาพ่อแม่รวมถึงพี่สาวที่ไม่อาจไปเรียนต่อตามความหวังได้ เพราะงานในกองทัพที่เธอทำจนอยู่ตัวไม่ต้องผ่านการประเมินก่อน ที่สำคัญไม่มีการทดสอบ รวมถึงเงินเดือนที่ได้รับก็ได้เป็นจำนวนมาก สวัสดิการก็ดีสำหรับฉินเสี่ยวหรานกับพ่อแม่ พวกเธอไม่ได้ว่าน้องสาวในเรื่องนี้ การที่อีกฝ่ายตัดสินชีวิตของตัวเองได้แล้ว มีเพียงการสนับสนุนเท่านั้นฉินเสี่ยวหรานอุ้มลูกชายวัยหกเดือนนั่งตรงโต๊ะที่สั่งทำ พร้อมกับวางจานอาหารให้เขาได้จับกิน มันเป็นการกินชนิดหนึ่งพ่อแม่ไม่ต้องป้อนและสอนให้เขากินข้าวเป็นตลอดหกเดือนที่่ผ่านมาเธอเลี้ยงลูกด้วยวิธีของตนเอง อาหารที่บำรุงน้ำนมที่เขาว่าดีก็ให้แม่ทำให้ ช่วงหลัง ๆ มาพอจะมีน้ำนมบ้างก็ไม่ให้ดื่มนมผง เป็นหกเดือนที่ฉินเสี่ยวหรานบำรุงตัวเองจนมีเนื้อมีนวลและสามีคอยตามหวง"เสี่ยวเว่ย น้าเล็กทำ

  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 35 ลูกชายตัวอวบอ้วน

    แต่ก่อนการคลอดลูกในเดือนธันวาคมเป็นอะไรที่ลำบากมาก นอกจากอากาศที่หนาวแล้วยังต้องอด ๆ อยาก ๆ แต่ค่านิยมของคนในชนบทก็คือยิ่งมีลูกเยอะยิ่งดียังดีที่ฉินหานกับภรรยาเล็งเห็นว่าตรงนี้คือปัญหาที่ทำให้บ้านลำบาก พอมีลูกคนที่สองเป็นผู้หญิงเขาก็ไม่ได้มีคนที่สามต่อ เรื่องนี้จึงเป็นอีกเรื่องที่บ้านของเขาถูกคนอื่นมองว่าแปลก ยิ่งไม่มีลูกชายยิ่งต้องมีลูกเพิ่มในตอนนี้บ้านฉินมีเงินแล้ว ไหนจะบ้านของสามีที่รับขวัญหลานหลายพันหยวน จึงไม่ได้ลำบากอะไร ในบ้านเต็มไปด้วยความอบอุ่นจากปล่องไฟที่ฉินเสี่ยวหรานออกแบบมาเอง และภายในตัวบ้านคืออบอุ่นมากฉินเสี่ยวหรานคลอดลูกชายตัวอวบอ้วน ตั้งชื่อว่าฉินเสี่ยวเว่ย ฉินเสี่ยวมาจากแซ่และชื่อตัวแรกของแม่ ส่วนเว่ยมากจากแซ่ของพ่อ ในตอนแรกฉินเสี่ยวหรานจะตั้งว่าฉินเสี่ยวเซียว แต่พอคิดอีกทีเอาฉินเสี่ยวเว่ยจะดีกว่าฉินเสี่ยวเว่ยคลอดมาได้เพียงสิบวันเหล่าคุณย่า คุณยายต่างเดินทางมารับขวัญหลาน แต่ละคนที่รับขวัญหลานนอกจากบ้านเว่ยแล้ว แต่ละคนล้วนให้ไม่ต่ำกว่าร้อยหยวน ซึ่งมันเป็นเงินจำนวนมาก"ดูสิ ตั้งแต่ออกมาก็ตัวอวบอ้วนแล้ว ตอนนี้ยังดื่มนมเก่งตุ้ยนุ้ยเชียว" คุณนายเว่ยที่อาบน้ำเสร็จแล้วเ

  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 34 ปี 1984

    ช่วงขึ้นบ้านใหม่เป็นช่วงปลายปีหรือก็คือเดือนตุลาคม มีคนมาร่วมงานอย่างล้นหลาม ทั้งที่เป็นแขกรับเชิญและคนที่เข้ามาเอง แต่เพราะเป็นงานมงคลฉินเสี่ยวหรานจึงไม่ได้ว่าอะไร โชคดีที่เตรียมของเอาไว้เยอะหลังขึ้นบ้านใหม่ พันโทฉินที่ได้รับตำแหน่งได้ไม่กี่เดือนขอคืนบ้านพักให้รุ่นน้องที่จะเข้ามาทำงาน ก่อนพากันขนของไปอยู่บ้านใหม่ใกล้ตลาด ถึงแม้ว่าจะย้ายไปแล้ว แต่เหล่าคุณนายก็ยังคงติดต่อกันตลอด และยังมีนัดหมายรับประทานอาหารร่วมกันอีกด้วยส่วนฉินเสี่ยวหรานนั้นยินดีต้อนรับบรรดาคุณนายกับลุง ๆ เพื่อนของพ่อ สำหรับเธอการมีเพื่อนเป็นความสุขอย่างหนึ่ง และในแต่ละวันเธอเอาแต่ทำงาน ถ้าแม่ไม่อยู่กับพวกคุณนายคงไม่มีคนคุยด้วยต้นปี 1984 ฉินเสี่ยวหรานแต่งสามีเข้าบ้าน และคน ๆ นั้นคือพันโทเว่ยเซียว หลายคนที่รู้กำหนดการในตอนแรกถึงกับคัดค้าน บอกว่าการที่เว่ยเซียวแต่งเข้าบ้านภรรยาเป็นการหยามเกียรติของตระกูลเว่ยโดยปกติแต่ละตระกูล แต่ละแซ่ล้วนต้องการขยายวงศ์ตระกูลให้ใหญ่ ตระกูลเว่ยในกองทัพตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้น การที่เว่ยเซียวแต่งงานออกไปจึงคิดว่ามันไม่สมควรแน่นอนว่าคนตระกูลเว่ยต่างเพิกเฉยไม่คิดสนใจเรื่องนี้ พ

  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 33 บ้านฉิน

    ในที่สุดเวลาที่หลายคนรอคอยก็มาถึง บ้านอิฐเจ็ดห้องนอน หนึ่งห้องโถง หนึ่งห้องครัว หนึ่งห้องรับประทานอาหารที่ถูกสร้างด้วยวัสดุอุปกรณ์อย่างดีราคาสูงก็เสร็จแล้วสไตล์ของบ้านต่างจากบ้านทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด เป็นฉินเสี่ยวหรานที่ลงมือออกแบบเองโดยเฉพาะ ทั้งยังคุมผู้รับเหมาและคนงานเองแทบจะตลอด ยิ่งวันไหนมีปัญหาเธอจะเข้าไปดูทันทีเพื่อจะได้แก้ไขทันแต่ก็ไม่ได้ถึงกับแปลกไปซะทีเดียว หลายคนในอำเภอต่างหาช่างฝีมือ ช่างออกแบบ เพื่อออกแบบแต่ละอย่างให้ทันสมัย อย่างเช่นเสื้อผ้าเช่นเดียวกัน มีหลายร้านที่ต้องการหาคนมาออกแบบ ก่อนหน้านี้มีร้านเสื้อผ้า โรงงานผ้าเข้ามาติดต่อขอซื้อแบบเสื้อ แต่ฉินเสี่ยวหรานไม่ยอมขายให้ เธอให้เหตุผลว่าไม่ต้องการให้แบบเสื้อกระจายมากเกินไปเพราะชุดที่ออกแบบมาในแต่ละครั้ง ฉินเสี่ยวหรานวางขายให้ลูกค้าในร้านไม่สามารถนำออกไปข้างนอกได้ หลังจากตัดเย็บเสร็จก็มีการทำลายทิ้งต่อหน้าลูกค้า เป็นการการันตีได้ว่าแบบนี้ไม่มีใครใช้แล้วจริง ๆอีกทั้งภาพจำของทุกคนคือลายผ้า ลวดลาย และการตัดเย็บไม่เหมือนใครอื่น ถ้าไปอยู่ร้านอื่นหลายคนจะจำสับสนได้ ที่สำคัญก็คือฉินเสี่ยวหรานไม่ได้มีเวลาออกแบบเยอะขนาดนั้น

  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 32 เดินไปข้างหน้าอย่างเติบโต

    การเลื่อนขั้นในครั้งนี้เป็นการจัดงานที่ยิ่งใหญ่ เนื่องจากพันตรีสองคนได้รับเลื่อนขั้นเป็นพันโทพร้อมกันในกรณีพิเศษ หลังเข้าช่วยเหลือคนสำคัญที่แม้แต่คนช่วยก็ไม่รู้ว่าเป็นใครครอบครัวเว่ย ครอบครัวฉิน ได้รับการต้อนรับเข้างานเลี้ยงเป็นอย่างดี และถูกจัดให้นั่งโต๊ะเดียวกัน นั่งรวมกับคนที่ได้ช่วยชีวิตเอาไว้ มีเพียงนายพลเว่ยที่รู้ว่าบุคคลสำคัญเป็นใครจริง ๆ พิธีเลื่อนขั้นเสร็จไปตั้งแต่ช่วงเช้า ตอนเย็นมีเพียงงานเลี้ยงและการพูดคุย มีคนใหญ่คนโตเข้าร่วมงานเลี้ยง ทหารตัวเล็ก ๆ มีหรือจะไม่พาครอบครัวมาให้เห็นหน้าค่าตาฉินเสี่ยวหรานถูกจัดที่นั่งให้นั่งทางด้านซ้ายของพ่อเธอที่ติดกับที่นั่งของคนรัก ส่วนแม่และน้องสาวนั่งอีกทางของพ่อ ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรืออย่างไร"นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะพากันจัดงานใหญ่โตแบบนี้ รอบที่แล้วยังเล็กกว่านี้เสียอีก" ฉินเสี่ยวหรานเอ่ยขึ้นเบา ๆ ท่ามกลางคนในโต๊ะที่มีเพียงคนกันเองจริงอยู่ว่านายพลเว่ยเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของกองทัพ แต่ในกองทัพมีแยกหน้าที่ออกเป็นหลายหน่วย อย่างเช่นหน่วยแพทย์ หน่วยตัดเย็บ หน่วยลาดตะเวน หน่วยครูฝึก หน่วยต่าง ๆ และภายในกองทัพยังมีหน่วยเตรียมสถานที่

DMCA.com Protection Status