ตัดชุดให้พันตรีเว่ยใช้เวลาเพียงสามวันก็เสร็จแล้ว เนื่องจากเป็นของลูกค้าจะมัวโอ้เอ้ไม่ได้ ฉินเสี่ยวหรานจะให้น้องสาวเป็นคนนำอาหารไปส่งให้พ่อ ส่วนเธอใช้เวลาอันมีค่าในการตัดเย็บ แต่ว่าชุดของเด็กทั้งสองใช้เวลาสี่วันในการตัดเย็บรวม แล้วเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์พอดี เร็วกว่าที่คาดเอาไว้มาก
ฉินเสี่ยวหรานนัดส่งชุดพรุ่งนี้เพราะต้องการตรวจสอบชุดใหม่ว่าจะไม่มีปัญหาตรงไหน ด้วยฝีมือของเธอราคาที่จะเรียกจึงแพง ถ้าเกิดมีตำหนิขึ้นมาจะเสียชื่อเอาได้
หลังตรวจสอบชุดทั้งสามอย่างละเอียดดีแล้ว ฉินเสี่ยวหรานยังเย็บกระเป๋าผ้าเพื่อใส่ชุดอีกด้วย เพราะไม่มีถุงกระดาษ หรือถุงที่สามารถใส่เสื้อผ้าได้ ถ้าถือไปเลยเห็นถ้าว่าจะไม่ดี และกระเป๋าของเธอยังเก่าอีกด้วย
จ้าวหยู่ฟางกำลังถักไหมพรมเงยหน้ามองลูกสาวที่เตรียมของจะไปส่ง "ลูกตัดเย็บเร็วมาก แม่นึกว่าต้องใช้เวลาอีกหลายวัน เหล่าคุณนายยังตกใจที่ชุดเสร็จเร็วมาก”
"ไม่เร็วเลยค่ะแม่ ถ้ามีจักรเย็บผ้าจะดีกว่านี้"
"นั่นสิ มีจักรเย็บผ้าเร็วกว่าจริง ๆ" น่าเสียดายที่เธอกับสามีไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อจักรเย็บผ้า ไม่สิ จะว่ามีมันก็มีอยู่แต่ว่าเงินของบ้านก็จะลดลง อีกไม่นานก็จะเปิดภาคเรียนแล้ว
จักรเย็บผ้าราคาเกือบสามร้อยหยวน ถ้าใช้เงินเดือนของสามีที่ไม่ได้ใช้จ่ายอะไรเลยก็ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งปี แต่ว่าพอย้ายมาที่นี่ ต้องมีค่าใช้จ่ายหลายหยวน หากซื้อจักรเย็บผ้าเข้าบ้านอีกที่บ้านคงไม่มีเงินแล้ว
ฉินเสี่ยวหรานไม่ได้คิดที่จะให้พ่อและแม่ซื้อจักรเย็บผ้า เธอคิดจะหาเงินจากการเย็บมือก่อนเปิดภาคเรียนเอง และที่บ้านไม่ได้มีเงินขนาดนั้น ทั้งยังเป็นของชิ้นใหญ่
"พี่สาวใหญ่เก่งจริง ๆ ค่ะ สัปดาห์นี้ยังไม่ได้พักเลย เวลานอนก็ต้องเย็บเพื่อให้เสร็จเร็ว ๆ" ฉินเสี่ยวหลิงบ่นพร้อมยกอาหารเข้ามาในบ้านเพื่อกินมื้อเช้า
"แน่นอน ตอนนี้ยังไม่เปิดเรียน ถ้าฉันไม่ใช้โอกาสนี้ก็ไม่มีโอกาสอื่นแล้ว"
"แต่ว่าลูกไม่ควรโหมงานหนักมากเกินไป" ฉินหานส่ายหน้าเมื่อเห็นลูกสาวทำงานหนัก แต่ก่อนลูกสาวทั้งสองต้องทำงานบ้านและมีหน้าที่เรียน ตอนนี้กลายเป็นว่าคนพี่ตัดเย็บเสื้อคนน้องทำอาหาร
ฉินเสี่ยวหรานหัวเราะเล็กน้อย เธอยิ้มและนั่งลงตรงข้ามผู้เป็นพ่อ "ไม่ได้โหมงานขนาดนั้นค่ะ แค่เย็บถึงตรงไหนได้ก็เย็บให้มันเสร็จเท่านั้น อีกทั้งหนูยังไม่ง่วง จะนอนเร็วก็นอนไม่หลับ"
ที่นี่ไม่เหมือนในปีที่เธอได้จากมา โทรศัพท์คือสิ่งที่ทุกคนใช้งานตลอดเวลา จนบางบ้านแม้แต่โทรทัศน์ต่อให้ซื้อมาก็ไม่เคยดู พอได้มาใช้เวลาที่นี่ ต่อให้ไม่ใช่ร่างกายของตนเอง แต่ว่าฉินเสี่ยวหรานก็นอนไม่หลับอยู่ดี
"เอาละ กินข้าวเสร็จพวกเราจะได้ไปทำงาน" จ้าวหยู่ฟางบอกสามีและลูกสาวคนโตที่นั่งพูดคุยกัน ส่วนฉินเสี่ยวหลิงนั้นเริ่มกินก่อนทุกคนไปแล้ว
ฉินเสี่ยวหรานพยักหน้าและลงมือกับอาหารตรงหน้าทันที ปีนี้ฉินเสี่ยวหลิงอายุสิบห้าปีแล้ว และอยู่ในชนบทต้องทำอาหารตั้งแต่อายุสิบปี ระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมาฝีมือการทำอาหารพัฒนาขึ้นมาก ยิ่งมีเครื่องปรุงครบ ฉินเสี่ยวหรานไม่ต้องช่วยทำ อาหารก็อร่อยมาก
เมื่อรับประทานมื้อเช้าเสร็จแล้ว ฉินหานก็ใส่หมวกแล้วออกจากบ้านไป ฉินเสี่ยวหลิงนำจานไปล้างทำความสะอาด ฉินเสี่ยวหรานเช็ดโต๊ะ และจ้าวหยู่ฟางตรวจเช็กของที่จะไปสมาคมแม่บ้านอีกสามสิบนาทีข้างหน้า
"ชุดผู้ใหญ่ห้าสิบหยวน ชุดเด็กเจ็ดสิบหยวน รวมกันแล้วหนึ่งร้อยเก้าสิบหยวนค่ะ" ทันทีที่มาถึงสมาคมแม่บ้าน ฉินเสี่ยวหรานบอกราคาชุดที่เธอได้ทำการตัดเย็บเสร็จแล้ว
จ้าวหยู่ฟางตกใจในราคาของชุดรีบเดินเข้ามาหาลูกสาว "เสี่ยวหรานลูกเรียกค่าฝีมือแพงเกินไป คุณนายเว่ยนับเป็นเพื่อนของแม่ ลูกควรคิดราคากันเอง"
"ไม่ ๆ เสี่ยวหรานคิดราคาถูกแล้ว ชุดแต่ละชุดมีคุณภาพที่ดี ไหนจะตัดเย็บเร็วขนาดนี้ หนึ่งร้อยเก้าสิบหยวนใช่หรือไม่ ตอนเย็นจะให้เว่ยเซียวเขาแวะเอาเงินไปให้ที่บ้าน" คุณนายเว่ยรีบปฏิเสธเพราะรู้สึกว่าราคาชุดคุ้มค่ากับคุณภาพที่ตัดออกมา และยังมีลูกเล่นที่แปลกตา อีกทั้งฉินเสี่ยวหรานเข้าใจการขาย ไม่ลดราคาให้ก่อน ไม่อย่างนั้นคนอื่นคงขอลดบ้าง
“คุณนายเว่ย ราคามันแพงเกินไป"
"ไม่แพง ๆ เสี่ยวหราน ลูกชายของฉันใกล้เปิดภาคเรียนแล้วยังไม่มีชุดให้เขาเลย เธอยังเปิดรับตัดเย็บอีกไหม ชุดของพันตรีเว่ยทำให้ฉันอยากให้เขาได้ใส่แบบนี้" คุณนายเหยารีบเอ่ยทันทีก่อนคนอื่นจะสั่งตัดก่อน
เพราะคุณนายเหล่านี้ถึงแม้ว่าจะเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน แต่การที่ใครได้หน้า คนอื่นก็ต้องได้หน้าด้วย แม้คุณนายเหยาถึงอยากจะได้หน้า แต่ว่าลูกชายของคุณนายเหยายังไม่มีชุดที่จะใส่จริง ๆ
ฉินเสี่ยวหรานยิ้มและตอบ "แน่นอนค่ะ ก่อนเปิดภาคเรียนฉันคิดที่จะรับตัดเย็บสักห้าตัว ราคาตัวละเจ็ดสิบหยวน ของเด็กหนึ่งร้อยหยวน แต่ถ้ามีผ้ามาให้ราคาจะลดลงอีก หรือสั่งเยอะราคาจะถูกลง"
ถึงแม้ว่าราคาจะแพงไปสำหรับคนที่นี่ เพราะหนึ่งตัวต้องใช้เงินเดือนของทหารสองเดือน แต่ว่าฉินเสี่ยวหรานคิดดีแล้ว เมื่อไหร่ที่มีชื่อเสียงขึ้นมาแล้วเพิ่มราคา คนอื่นจะดูหมิ่นเธอว่าเห็นแก่เงินได้ สู้อัพราคาทีเดียว เมื่อราคาของแพงจะดีกว่า อีกทั้งชุดของเธอก็คุณภาพดีมาก
ไม่เพียงแต่คุณนายเหยาที่สั่งตัดเย็บชุดต่อ คุณนายคนอื่นก็สั่งมาอีกสี่ชุด กลายเป็นว่าฉินเสี่ยวหรานต้องตัดเย็บชุดถึงห้าชุดก่อนเปิดภาคเรียน หลังตัดเย็บชุดแล้วยังมีเวลาให้เตรียมตัวอีกมาก
"เสี่ยวหรานไม่ต้องรีบนะ! ได้ยินว่าหลานโหมงานตัดเย็บตั้งแต่เช้าจนดึก" คุณนายเสิ่นกล่าว
"ฉันไม่โหมงานหนักแน่นอนค่ะ" มีเวลาทำชุดเป็นสัปดาห์และฉินเสี่ยวหรานรู้ศักยภาพของตนเองดี
โชคดีที่ว่าแต่ละคนเคยตัดเย็บและรู้ขนาดตัว ทำให้ฉินเสี่ยวหรานไไม่ต้องเสียเวลาวัดตัวอีก
"พ่อคะ เหล่าคุณนายสั่งตัดเย็บชุดและหนูยังไม่มีผ้า พรุ่งนี้พ่อพาหนูไปซื้อหน่อยได้ไหมคะ" เพราะวันนี้พ่อของเธอเหนื่อยจากการทำงานทั้งวันแล้ว ไหนจะกระทันหันเกินไป พรุ่งนี้เป็นวันหยุดของพ่อพอดี ถ้าไปกันเองกับน้องสาวเกรงว่าจะได้ผ้ากลับมาม้วนเดียว
ฉินหานพยักหน้า "แน่นอน!"
"ดีเหมือนกัน ถ้าให้ลูกไปกับน้องสาวแม่คงเป็นห่วง"
ฉินหานกับจ้าวหยู่ฟางสนับสนุนลูกสาวในการตัดเย็บเสื้อผ้า ถึงอย่างไรก็เป็นช่วงปิดภาคเรียน และผลการเรียนของลูกสาวก็ดีอยู่แล้ว ไหนจะย้ายมาใหม่อีก ใช้เวลานี้ในการผ่อนคลายจะดีกว่า
คืนวันนั้นฉินเสี่ยวหรานออกแบบชุดผู้ชายได้สองชุดก็ต้องรีบนอนเพราะต้องไปซื้อผ้าและอุปกรณ์เพิ่ม ผ้าที่ใช้ต้องซื้อถึงสี่ม้วน เนื่องจากสีผ้าที่แตกต่างกัน เงินที่หาได้จากค่าฝีมือตัดเย็บครั้งแรกหมดไปเกินครึ่ง แต่ว่าฉินเสี่ยวหรานไม่นึกเสียดาย มันเป็นเพียงการลงทุน
ใช้เวลาหนึ่งเดือนชุดทั้งห้าก็ตัดเย็บเสร็จ ได้รับเงินสามร้อยห้าสิบหยวน ฉินเสี่ยวหรานแบ่งให้แม่หนึ่งร้อยหยวนที่เหลือเก็บเอาไว้ เพราะต้องเก็บสะสมไว้ซื้อจักรเย็บผ้า ไหนจะใช้ระหว่างเรียนอีก
เธอไม่คิดที่จะเรียนและรีบกลับบ้านมาเย็บผ้าเพื่อต้องการเงิน ใช้ผ้าที่เหลือจากการตัดเย็บชุดของลูกค้าตัดชุดใหม่ให้ตนเองกับน้องสาว ไหนจะกระเป๋าผ้าที่เก่าแล้ว ฉินเสี่ยวหรานก็ไม่ยอมใช้อันเดิม น้องสาวของเธอจะน้อยหน้าใครไม่ได้
ฉินเสี่ยวหลิงไม่ได้ปล่อยให้พี่สาวทำงานหนักคนเดียว เธอใช้เศษผ้าเย็บถุงเท้าและรองเท้าให้คนในครอบครัว ด้วยแต่ก่อนเคยช่วยแม่ทำอยู่แล้วจึงไม่มีปัญหาอะไร
เผลอแป๊บเดียวก็ถึงวันเปิดภาคเรียนแรกของปีแล้ว ฉินเสี่ยวหราน ฉินเสี่ยวหลิงตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อเตรียมตัว ทั้งสองเป็นเด็กใหม่ของโรงเรียนที่ย้ายมาชั้นปีสุดท้าย แน่นอนว่าต้องมีสายตาของคนที่มองมา ยิ่งไปเร็วเท่าไรยิ่งเป็นผลดีกับสองพี่น้องฉินหานแลกวันลากับเพื่อนเพื่อมาส่งลูกสาวเข้าโรงเรียนพร้อมภรรยาที่ลางานมาเหมือนกัน ปกติต้องเข้าโรงตัดเย็บทุกวัน และมีค่าแรงวันละห้าเหมา ถึงแม้จะขาดรายได้แต่ก็ไม่เสียหายอะไร"พ่อกับแม่มาส่งได้แค่นี้ มีอะไรให้ไปหาครูธุรการลู่ ระวังตัวด้วย" ฉินหานบอกลูกสาวด้วยความเป็นห่วง ที่นี่ไม่ใช่อำเภอบ้านเกิดที่คุ้นเคย และไม่มีเพื่อน ลูกสาวต้องเริ่มต้นใหม่“ใช่ ระวังตัวด้วย""หนูจะระวังตัวค่ะ" ฉินเสี่ยวหรานผงกหัว เธอไม่คิดว่าในโรงเรียนจะอันตรายขนาดนั้น "พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงค่ะ เลิกเรียนหนูกับน้องจะรีบกลับบ้าน""อืม"ฉินเสี่ยวหลิงมองข้างในโรงเรียนอย่างตื่นเต้น มันกว้างกว่าโรงเรียนเดิมหลายเท่าตัว "ไปกันเถอะค่ะพี่สาวใหญ่ ได้ยินว่าวันนี้มีนักเรียนเข้าใหม่หลายคน บางทีฉันอาจจะได้เพื่อนเร็วขึ้น"ฉินเสี่ยวหรานพยักหน้าบอกลาพ่อแม่เล็กน้อยก่อนเดินเข้าโรงเรียนไปพร้อมน้องสาว คนที่นี่
วันถัดมาพันตรีเว่ยยังคงขับรถผ่านหน้าโรงเรียนในช่วงเวลาเลิกเรียนและยังมีอีกหลาย ๆ วันที่มาจอดรอรับอย่างกับนัดไว้ เพื่อรอรับสองสาวบ้านฉินกลับบ้านด้วย จนกระทั่งฉินเสี่ยวหรานคิดว่ามันไม่ใช่แล้ว และรู้สึกถึงความผิดปกตินี้เดิมทีหากพันตรีเว่ยผ่านมาสักวันสองวันคงคิดได้ว่าเป็นเพราะมีภารกิจ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเป็นเดือน ฉินเสี่ยวหรานไม่เคยแม้กระทั่งต้องเดินกลับบ้านเอง หากไม่ติดว่าตอนเช้าพ่อของเธอเป็นคนมาส่ง คงมีรถคอยรับคอยส่งแล้วโรงเรียนและบ้านพักในกองทัพหวั่นอิ๋นนั้นถึงแม้ว่าจะอยู่ติดกัน แต่ว่าถ้าจะเข้าไปด้านในต้องเดินอ้อมอีกทาง ใช้เวลาเพียงห้านาทีเท่านั้นเอง แต่ฉินเสี่ยวหรานก็ไม่เคยได้เดินเหยาหนานรออยู่ตรงทางเข้าโรงเรียน พอเห็นฉินเสี่ยวหรานก็ร้องเรียก "เสี่ยวหรานทางนี้!"ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ฉินเสี่ยวหรานมีกลุ่มเพื่อนกลุ่มหนึ่ง เจิ้งฟางมี่ จูลี่ และหนานเหยา อันที่จริงเจิ้งฟางมี่กับจูลี่ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน ส่วนเหยาหนานนั้นเขามีเพื่อนผู้ชายอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าพอฉินเสี่ยวหรานเข้ามาเรียนที่นี่เขาก็เข้าร่วมกลุ่มทันที"ฟางมี่ จูลี่ล่ะ""พวกเธอเข้าไปรอข้างในห้องเรียนแล้ว จูลี่ปวดท้อง เสี่ยว
ถึงแม้จะบอกว่าทบทวนความรู้สึกตัวเอง แต่ฉินเสี่ยวหรานก็ยังหลบหน้าเว่ยเซียวที่มาจอดรถรอรับที่หน้าโรงเรียน นั่นก็คือออกมาจากโรงเรียนก่อนเวลาปกติที่เว่ยเซียวจะมารอรับ ให้เพื่อนในกลุ่มดูต้นทาง ส่วนเธอกับน้องสาวรีบเดินกลับ นี่ทำให้เพื่อนในกลุ่มสงสัยไม่น้อยด้วยปกติทุกคนจะรู้กันดีว่าฉินเสี่ยวหรานกับน้องสาวจะมีพันตรีเว่ยมารอรับทุกวัน แต่จู่ ๆ ก็ไม่กลับไปด้วย ถ้าเป็นเรื่องซุบซิบในโรงเรียน ทุกคนรู้ว่าฉินเสี่ยวหรานไม่ได้สนใจ แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้กันล่ะในวันหยุดของสัปดาห์นี้ ฉินเสี่ยวหรานกำลังตัดชุดผู้หญิงวัยรุ่นอยู่ที่บ้าน เป็นชุดที่เพื่อนของเธอสั่งตัดเพราะอยากได้ชุดใหม่ จูลี่นำผ้ามาให้ตัดถึงบ้านพัก ค่าฝีมือคิดได้ไม่อั้นเพราะพ่อของเธอเป็นคนจ่าย และฉินเสี่ยวหรานดูแล้วไม่ติดการเรียนจึงยอมตัดเย็บให้ก๊อก! ก๊อก!"เสี่ยวหราน! เสี่ยวหลิง!"เสียงรถยนต์หน้าบ้านไม่ได้ดึงดูดความสนใจของสองพี่น้องที่นั่งอยู่ในบ้าน แต่กลับได้ยินเสียงคนเรียก ฉินเสี่ยวหรานก็รู้ดีว่าเป็นใคร และเธอยอมออกไปดู เผื่อคนข้างนอกมีธุระจะได้ไม่มาเสียเที่ยว เพราะที่ผ่านมา ต่อให้หลบหน้าหลายวันพันตรีเว่ยก็ไม่โผล่มาให้เห็นหน้าเลยสักนิด"แม่
หลังจากเปิดเผยความในใจกับผู้เป็นพ่อ ฉินเสี่ยวหรานได้นำเรื่องนี้กลับไปคิด ชีวิตก่อนเธอเป็นลูกคุณหนูจึงรู้เรื่องความสำคัญของที่บ้านดี แม้กระทั่งเมื่อก่อนตอนที่อาชายคนสุดท้ายยังมีชีวิตอยู่ เขาไม่ยอมให้เธอคบกับคนที่ด้อยกว่า ไม่ว่าจะเพื่อน หรือกับเพศตรงข้ามยิ่งเว่ยเซียวเป็นพันตรีและที่บ้านเขาสนับสนุน ทำไมเธอถึงต้องกลัวด้วยล่ะ ดังนั้นเว่ยเซียวที่ตามตื้อฉินเสี่ยวหรานอยู่เป็นเดือนก็ได้รับโอกาสในครั้งนี้ฉินเสี่ยวหรานโบกมือลาเพื่อนในกลุ่มหน้าโรงเรียนเมื่อเห็นว่ารถยนต์คันเดิมมารอรับแล้ว ตั้งแต่ที่ทั้งสองกลับมาพูดคุยกันมันก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง นั่นก็คือไม่ต้องเดินกลับบ้านแล้ว ฉินเสี่ยวหลิงผู้เป็นน้องสาวชอบแบบนี้ที่สุด และว่าที่พี่เขย- อะแฮ่ม พี่เว่ยยังมีรถส่วนตัวที่ซื้อมาภายหลัง ถึงจะเป็นมือสองแต่ก็สภาพดีมากแต่ก่อนที่จะเดินไปถึงรถ สองพี่น้องฉินกลับถูกคนเอ่ยรั้งเอาไว้ก่อน "นักเรียนฉินเสี่ยวหราน นักเรียนฉินเสี่ยวหลิง""คุณครูหยู" ฉินเสี่ยวหรานก้มศีรษะเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพคุณครูในโรงเรียน ในขณะเดียวกันก็มีความสงสัยไม่น้อย "มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ"ค
ปิดภาคเรียนแรกแล้ว ฉินเสี่ยวหรานเดินหน้าทำธุรกิจของเธอทันที นั่นก็คือการเปิดรับตัดเย็บเสื้อผ้าเป็นรอบ ไม่เหมือนตลอดหลายเดือนที่เรียนอยู่ เธอจะรับเพียงครั้งละหนึ่งตัว พอเย็บเสร็จก็เว้นระยะแล้วรับใหม่ เฉลี่ยแล้วคือสามตัวต่อเดือน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอลำบากสักนิดผ้าที่ใช้ตัดเย็บหนึ่งม้วนตัดชุดผู้ชายร่างใหญ่ได้หนึ่งตัว ของผู้หญิงได้เกือบสองตัว และเสื้อหนึ่งตัวนั้นฉินเสี่ยวหรานก็ไม่ได้คิดราคาถูก มีเพียงคนสนิทเท่านั้นที่จะได้ลดราคาลงบ้างครั้งนี้มีเวลาว่างเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น ฉินเสี่ยวหรานจึงเปิดรับรอบนี้เจ็ดตัว ตัวละแปดสิบหยวนไม่รวมรายละเอียดอื่น ๆ หากต้องการเพิ่มเติม และการตัดเย็บในตอนนี้เธอคล่องมือขึ้นมาก เสื้อหนึ่งตัวใช้เวลาเพียงสองวันก็เสร็จแล้วสำหรับฉินเสี่ยวหรานแล้ว เงินเดือนของพ่อเธอนั่นให้แม่ใช้ซื้ออาหารและของเข้าบ้าน เงินเก็บก็ได้รับจากเธอที่ได้จากค่าตัดเย็บเสื้อผ้า ค่าขนมของเธอและฉินเสี่ยวหลิงก็เอามาจากเธอ และได้ทำข้อตกลงกับคนในบ้านแล้วพ่อกับแม่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยหาเงินเหมือนแต่ก่อน นี่ยังไม่รวมเงินเดือนจากโรงตัดเย็บของแม่อีกครั้งนี้ฉินเสี่ยวห
ไม่ใช่ว่ามีคำสั่งซื้อ มีฝีมือแล้วจะไม่มีอะไรที่ผิดพลาดได้ ในแต่ละวันฉินเสี่ยวหรานแทบไม่ได้มีเวลาพักผ่อน เนื่องจากรับงานมากเกินตัว ใช่ รายละเอียดแต่ละชุดต้องทำเพิ่ม และฉินเสี่ยวหรานต้องใช้เวลาตัดเย็บชุดทั้งเจ็ดภายในเวลาครึ่งเดือนหรือสิบห้าวันและพอส่งสินค้าให้ลูกค้าที่สั่งงานแล้ว ฉินเสี่ยวหรานก็รีบนำเงินที่ได้มาไปซื้อจักรเย็บผ้ามาเพื่อความรวดเร็ว เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะเปิดภาคเรียนที่สองแล้ว และการเรียนก็ยุ่งมาก คงต้องหาเงินเก็บเอาไว้ก่อนต้องบอกว่าฉินเสี่ยวหรานคิดถูก ก่อนเปิดภาคเรียนเหลือเวลาสิบสามวัน เธอใช้จักรเย็บผ้าตัดเย็บชุดออกมาขาย และรับคำสั่งตัดเย็บมาบ้าง ภายในระยะเวลาหนึ่งเดือนทำให้ฉินเสี่ยวหรานมีเงินเก็บเป็นพันหยวน ยังไม่รวมที่น้องสาวเย็บกระเป๋าขายและนำบางส่วนมาเป็นการต้นทุนในการซื้อผ้าอีกพอเปิดภาคเรียนที่สองฉินเสี่ยวหรานไม่ได้รับตัดเย็บชุดเพิ่มอีก แต่ก็ตัดเย็บชุดสำเร็จเอาไว้ เนื่องจากฉินเสี่ยวหลิงมาปรึกษาเรื่องการเรียนต่อมัธยมปลายและสนใจการเป็นหมอฉินเสี่ยวหรานผู้เป็นพี่สาวที่ได้ยิน รู้ว่าค่าใช้จ่ายมันต้องเยอะมากแน่ จึงตัดสินใจที่จะไม่เรียนต่
ฉินหานมองลูกศิษย์หรือก็คือทหารใหม่ที่รับมาอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่ได้รับการเลื่อนขั้นเป็นพันตรีเขาก็กลายมาเป็นครูฝึกให้กับทหารใหม่ ต่างจากแต่ก่อนที่ได้เป็นเพียงผู้ช่วยครูฝึก ปีนี้ทหารใหม่มีมากถึงสองร้อยคน จำนวนครูฝึกจึงเพิ่มขึ้นหลายตำแหน่ง และยังมีเงินพิเศษที่ทำให้หลายคนอยากได้ตำแหน่งนี้"ครูฝึกฉินครับ มีญาติต้องการเข้าพบ" ครูฝึกอีกท่านที่ออกไปพักกลับเข้ามากระซิบบอก"ขอบคุณครับ"คงเป็นลูกสาวที่เอาอาหารมื้อกลางวันมาให้ จึงจัดการฝากทหารใหม่ในความดูแลให้คนอื่นก่อนจะเดินออกจากพื้นที่ ฉินหานเร่งฝีเท้าไปยังศาลารับรองเพื่อให้ถึงลูกสาว ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นว่าคนที่มาหาไม่ใช่ลูกสาว"แม่" ใช่ ภาพตรงหน้าของฉินหานคือแม่ของเขาที่นอนนาบไปกับพื้นของศาลา ไม่ไกลจากที่นอนยังมีเหล่าคุณนายและทหารคนอื่น พวกเขาหันมามองเป็นตาเดียว"มาแล้วหรือ! ปล่อยให้แม่แก่ ๆ รอแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน ฉันเลี้ยงแกมาตั้งหลายปีไม่คิดที่จะส่งเงินกลับบ้านเลี้ยงดูหน่อยหรือ ปล่อยให้ฉันต้องลำบากแต่ครอบครัวตัวเองสบาย ดีจริง ๆ!" แม่เฒ่าฉินตวาดออกมาด้วยความไม่พอใจหลายเดือนที่ลูกชายพาครอบครัวย้ายมา
ฉินเสี่ยวหรานไม่เข้าไปดูแม่เฒ่าฉินที่ถูกคุมไว้ในห้องขัง และไม่ให้แม่ของเธอได้เข้าเยี่ยม จะหาว่าใจร้ายก็ได้ แต่ย่าของเธอคนนี้เป็นคนใจร้ายมากกว่า ฉินเสี่ยวหลิงก็ไม่เข้าไปเยี่ยม มีเพียงพ่อของเธอที่เข้าไป และเธอก็ไม่ได้ห้ามถึงอย่างไรก็เป็นแม่ลูกกันเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากติดต่อบ้านฉินไป ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงกองทัพ ฉินเสี่ยวหลิงวิ่งเข้ามาในบ้านด้วยความเหนื่อยหอบ "บ้านฉินขนกันมาทั้งบ้านเลยค่ะ!""มากันทั้งบ้าน?" มือที่กำลังเย็บกระเป๋าชะงักก่อนจะวางไว้บนโต๊ะ "ถ้าจำไม่ผิดพ่อบอกให้มารับคนไม่ใช่หรือ ทำไมถึงต้องขนกันมาทั้งบ้าน"“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แค่ย่ามาก็วุ่นวายมากพอแล้ว ตอนนี้ยิ่งวุ่นวายมากกว่าเดิม พี่รีบไปดูเถอะค่ะก่อนที่จะแย่ไปมากกว่านี้ คนในกองทัพซุบซิบกันหมดแล้ว""อืม"จากที่ทำงานอยู่ต้องละมือ และจัดการล็อกบ้านอย่างแน่นหนาก่อนจะไปยังจุดที่บ้านฉินมาโวยวาย คนพวกนี้ไม่มีมารยาท และตอนนี้คงทำให้พ่อของเธอลำบากใจไม่น้อย ด้วยนิสัยของพ่อ แต่ก่อนเป็นคนที่ไม่เถียงคนอื่น แต่ก็ใช่ว่าจะรังแกได้ อีกทั้งยังแยกบ้านกันแล้ว คนพวกนี้น่ารังเกียจจริง ๆเป็นตามท
หลังจากบ้านฉินกลับไป เหตุการณ์ในกองทัพก็ไม่มีเรื่องวุ่นวายกวนใจอีก ฉินเสี่ยวหรานออกแบบร้านเสื้อผ้าของเธอเป็นตึกคูหาสองชั้น เป็นตึกที่ต้องใช้เวลาในการสร้างและใช้เงินจำนวนมาก ผู้รับเหมาที่เข้ามาทำงานเป็นคนที่เว่ยเซียวหามา ตกลงแบ่งจ่ายห้าครั้ง ครั้งละห้าร้อยหยวน นั่นหมายความว่าค่ารับเหมามีมูลค่าถึงสองพันห้าร้อยหยวน ยังไม่รวมราคาวัสดุที่ต้องจ่ายแยกอีกฉินเสี่ยวหรานคำนวณการจ่ายในแต่ละครั้ง ผู้รับเหมาให้เวลาห้าเดือนหรือก็คือเดือนละห้าร้อยหยวน เธอวางแผนออกแบบชุดเอาไว้เพื่อรับตัดชุดและตัดชุดสำเร็จเก็บเอาไว้เพื่อวางขายในระยะเวลาหนึ่งเดือนฉินเสี่ยวหรานต้องตัดชุดให้ได้มากกว่าสิบตัวถึงจะมีเงินเหลือใช้จ่ายในแต่ละเดือน ยังดีที่ฉินเสี่ยวหลิงตัดเย็บกระเป๋าไว้บางส่วนจึงขายออกไป ทำให้ฉินเสี่ยวหรานไม่ต้องทำงานหนักแบบไม่ได้พักหลังจ่ายค่าก่อสร้างงวดที่สอง ฉินเสี่ยวหรานก็ไม่ให้แม่ของเธอทำงานในโรงปักเย็บต่อ ให้อยู่ทำอาหารที่บ้าน หรือจะไปในนั่งเล่นที่สมาคมแม่บ้านกับคุณนายอื่น ๆ ได้ แต่ไม่ให้ทำงานแล้ว นั่นเพราะก่อนหน้านี้จ้าวหยู่ฟางวูบอยู่บ่อยครั้ง ถึงแม้งานจะไม่หนักแต่มีผลข้างเคียงจา
ฉินเสี่ยวหรานไม่เข้าไปดูแม่เฒ่าฉินที่ถูกคุมไว้ในห้องขัง และไม่ให้แม่ของเธอได้เข้าเยี่ยม จะหาว่าใจร้ายก็ได้ แต่ย่าของเธอคนนี้เป็นคนใจร้ายมากกว่า ฉินเสี่ยวหลิงก็ไม่เข้าไปเยี่ยม มีเพียงพ่อของเธอที่เข้าไป และเธอก็ไม่ได้ห้ามถึงอย่างไรก็เป็นแม่ลูกกันเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากติดต่อบ้านฉินไป ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงกองทัพ ฉินเสี่ยวหลิงวิ่งเข้ามาในบ้านด้วยความเหนื่อยหอบ "บ้านฉินขนกันมาทั้งบ้านเลยค่ะ!""มากันทั้งบ้าน?" มือที่กำลังเย็บกระเป๋าชะงักก่อนจะวางไว้บนโต๊ะ "ถ้าจำไม่ผิดพ่อบอกให้มารับคนไม่ใช่หรือ ทำไมถึงต้องขนกันมาทั้งบ้าน"“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แค่ย่ามาก็วุ่นวายมากพอแล้ว ตอนนี้ยิ่งวุ่นวายมากกว่าเดิม พี่รีบไปดูเถอะค่ะก่อนที่จะแย่ไปมากกว่านี้ คนในกองทัพซุบซิบกันหมดแล้ว""อืม"จากที่ทำงานอยู่ต้องละมือ และจัดการล็อกบ้านอย่างแน่นหนาก่อนจะไปยังจุดที่บ้านฉินมาโวยวาย คนพวกนี้ไม่มีมารยาท และตอนนี้คงทำให้พ่อของเธอลำบากใจไม่น้อย ด้วยนิสัยของพ่อ แต่ก่อนเป็นคนที่ไม่เถียงคนอื่น แต่ก็ใช่ว่าจะรังแกได้ อีกทั้งยังแยกบ้านกันแล้ว คนพวกนี้น่ารังเกียจจริง ๆเป็นตามท
ฉินหานมองลูกศิษย์หรือก็คือทหารใหม่ที่รับมาอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่ได้รับการเลื่อนขั้นเป็นพันตรีเขาก็กลายมาเป็นครูฝึกให้กับทหารใหม่ ต่างจากแต่ก่อนที่ได้เป็นเพียงผู้ช่วยครูฝึก ปีนี้ทหารใหม่มีมากถึงสองร้อยคน จำนวนครูฝึกจึงเพิ่มขึ้นหลายตำแหน่ง และยังมีเงินพิเศษที่ทำให้หลายคนอยากได้ตำแหน่งนี้"ครูฝึกฉินครับ มีญาติต้องการเข้าพบ" ครูฝึกอีกท่านที่ออกไปพักกลับเข้ามากระซิบบอก"ขอบคุณครับ"คงเป็นลูกสาวที่เอาอาหารมื้อกลางวันมาให้ จึงจัดการฝากทหารใหม่ในความดูแลให้คนอื่นก่อนจะเดินออกจากพื้นที่ ฉินหานเร่งฝีเท้าไปยังศาลารับรองเพื่อให้ถึงลูกสาว ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นว่าคนที่มาหาไม่ใช่ลูกสาว"แม่" ใช่ ภาพตรงหน้าของฉินหานคือแม่ของเขาที่นอนนาบไปกับพื้นของศาลา ไม่ไกลจากที่นอนยังมีเหล่าคุณนายและทหารคนอื่น พวกเขาหันมามองเป็นตาเดียว"มาแล้วหรือ! ปล่อยให้แม่แก่ ๆ รอแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน ฉันเลี้ยงแกมาตั้งหลายปีไม่คิดที่จะส่งเงินกลับบ้านเลี้ยงดูหน่อยหรือ ปล่อยให้ฉันต้องลำบากแต่ครอบครัวตัวเองสบาย ดีจริง ๆ!" แม่เฒ่าฉินตวาดออกมาด้วยความไม่พอใจหลายเดือนที่ลูกชายพาครอบครัวย้ายมา
ไม่ใช่ว่ามีคำสั่งซื้อ มีฝีมือแล้วจะไม่มีอะไรที่ผิดพลาดได้ ในแต่ละวันฉินเสี่ยวหรานแทบไม่ได้มีเวลาพักผ่อน เนื่องจากรับงานมากเกินตัว ใช่ รายละเอียดแต่ละชุดต้องทำเพิ่ม และฉินเสี่ยวหรานต้องใช้เวลาตัดเย็บชุดทั้งเจ็ดภายในเวลาครึ่งเดือนหรือสิบห้าวันและพอส่งสินค้าให้ลูกค้าที่สั่งงานแล้ว ฉินเสี่ยวหรานก็รีบนำเงินที่ได้มาไปซื้อจักรเย็บผ้ามาเพื่อความรวดเร็ว เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะเปิดภาคเรียนที่สองแล้ว และการเรียนก็ยุ่งมาก คงต้องหาเงินเก็บเอาไว้ก่อนต้องบอกว่าฉินเสี่ยวหรานคิดถูก ก่อนเปิดภาคเรียนเหลือเวลาสิบสามวัน เธอใช้จักรเย็บผ้าตัดเย็บชุดออกมาขาย และรับคำสั่งตัดเย็บมาบ้าง ภายในระยะเวลาหนึ่งเดือนทำให้ฉินเสี่ยวหรานมีเงินเก็บเป็นพันหยวน ยังไม่รวมที่น้องสาวเย็บกระเป๋าขายและนำบางส่วนมาเป็นการต้นทุนในการซื้อผ้าอีกพอเปิดภาคเรียนที่สองฉินเสี่ยวหรานไม่ได้รับตัดเย็บชุดเพิ่มอีก แต่ก็ตัดเย็บชุดสำเร็จเอาไว้ เนื่องจากฉินเสี่ยวหลิงมาปรึกษาเรื่องการเรียนต่อมัธยมปลายและสนใจการเป็นหมอฉินเสี่ยวหรานผู้เป็นพี่สาวที่ได้ยิน รู้ว่าค่าใช้จ่ายมันต้องเยอะมากแน่ จึงตัดสินใจที่จะไม่เรียนต่
ปิดภาคเรียนแรกแล้ว ฉินเสี่ยวหรานเดินหน้าทำธุรกิจของเธอทันที นั่นก็คือการเปิดรับตัดเย็บเสื้อผ้าเป็นรอบ ไม่เหมือนตลอดหลายเดือนที่เรียนอยู่ เธอจะรับเพียงครั้งละหนึ่งตัว พอเย็บเสร็จก็เว้นระยะแล้วรับใหม่ เฉลี่ยแล้วคือสามตัวต่อเดือน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอลำบากสักนิดผ้าที่ใช้ตัดเย็บหนึ่งม้วนตัดชุดผู้ชายร่างใหญ่ได้หนึ่งตัว ของผู้หญิงได้เกือบสองตัว และเสื้อหนึ่งตัวนั้นฉินเสี่ยวหรานก็ไม่ได้คิดราคาถูก มีเพียงคนสนิทเท่านั้นที่จะได้ลดราคาลงบ้างครั้งนี้มีเวลาว่างเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น ฉินเสี่ยวหรานจึงเปิดรับรอบนี้เจ็ดตัว ตัวละแปดสิบหยวนไม่รวมรายละเอียดอื่น ๆ หากต้องการเพิ่มเติม และการตัดเย็บในตอนนี้เธอคล่องมือขึ้นมาก เสื้อหนึ่งตัวใช้เวลาเพียงสองวันก็เสร็จแล้วสำหรับฉินเสี่ยวหรานแล้ว เงินเดือนของพ่อเธอนั่นให้แม่ใช้ซื้ออาหารและของเข้าบ้าน เงินเก็บก็ได้รับจากเธอที่ได้จากค่าตัดเย็บเสื้อผ้า ค่าขนมของเธอและฉินเสี่ยวหลิงก็เอามาจากเธอ และได้ทำข้อตกลงกับคนในบ้านแล้วพ่อกับแม่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยหาเงินเหมือนแต่ก่อน นี่ยังไม่รวมเงินเดือนจากโรงตัดเย็บของแม่อีกครั้งนี้ฉินเสี่ยวห
หลังจากเปิดเผยความในใจกับผู้เป็นพ่อ ฉินเสี่ยวหรานได้นำเรื่องนี้กลับไปคิด ชีวิตก่อนเธอเป็นลูกคุณหนูจึงรู้เรื่องความสำคัญของที่บ้านดี แม้กระทั่งเมื่อก่อนตอนที่อาชายคนสุดท้ายยังมีชีวิตอยู่ เขาไม่ยอมให้เธอคบกับคนที่ด้อยกว่า ไม่ว่าจะเพื่อน หรือกับเพศตรงข้ามยิ่งเว่ยเซียวเป็นพันตรีและที่บ้านเขาสนับสนุน ทำไมเธอถึงต้องกลัวด้วยล่ะ ดังนั้นเว่ยเซียวที่ตามตื้อฉินเสี่ยวหรานอยู่เป็นเดือนก็ได้รับโอกาสในครั้งนี้ฉินเสี่ยวหรานโบกมือลาเพื่อนในกลุ่มหน้าโรงเรียนเมื่อเห็นว่ารถยนต์คันเดิมมารอรับแล้ว ตั้งแต่ที่ทั้งสองกลับมาพูดคุยกันมันก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง นั่นก็คือไม่ต้องเดินกลับบ้านแล้ว ฉินเสี่ยวหลิงผู้เป็นน้องสาวชอบแบบนี้ที่สุด และว่าที่พี่เขย- อะแฮ่ม พี่เว่ยยังมีรถส่วนตัวที่ซื้อมาภายหลัง ถึงจะเป็นมือสองแต่ก็สภาพดีมากแต่ก่อนที่จะเดินไปถึงรถ สองพี่น้องฉินกลับถูกคนเอ่ยรั้งเอาไว้ก่อน "นักเรียนฉินเสี่ยวหราน นักเรียนฉินเสี่ยวหลิง""คุณครูหยู" ฉินเสี่ยวหรานก้มศีรษะเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพคุณครูในโรงเรียน ในขณะเดียวกันก็มีความสงสัยไม่น้อย "มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ"ค
ถึงแม้จะบอกว่าทบทวนความรู้สึกตัวเอง แต่ฉินเสี่ยวหรานก็ยังหลบหน้าเว่ยเซียวที่มาจอดรถรอรับที่หน้าโรงเรียน นั่นก็คือออกมาจากโรงเรียนก่อนเวลาปกติที่เว่ยเซียวจะมารอรับ ให้เพื่อนในกลุ่มดูต้นทาง ส่วนเธอกับน้องสาวรีบเดินกลับ นี่ทำให้เพื่อนในกลุ่มสงสัยไม่น้อยด้วยปกติทุกคนจะรู้กันดีว่าฉินเสี่ยวหรานกับน้องสาวจะมีพันตรีเว่ยมารอรับทุกวัน แต่จู่ ๆ ก็ไม่กลับไปด้วย ถ้าเป็นเรื่องซุบซิบในโรงเรียน ทุกคนรู้ว่าฉินเสี่ยวหรานไม่ได้สนใจ แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้กันล่ะในวันหยุดของสัปดาห์นี้ ฉินเสี่ยวหรานกำลังตัดชุดผู้หญิงวัยรุ่นอยู่ที่บ้าน เป็นชุดที่เพื่อนของเธอสั่งตัดเพราะอยากได้ชุดใหม่ จูลี่นำผ้ามาให้ตัดถึงบ้านพัก ค่าฝีมือคิดได้ไม่อั้นเพราะพ่อของเธอเป็นคนจ่าย และฉินเสี่ยวหรานดูแล้วไม่ติดการเรียนจึงยอมตัดเย็บให้ก๊อก! ก๊อก!"เสี่ยวหราน! เสี่ยวหลิง!"เสียงรถยนต์หน้าบ้านไม่ได้ดึงดูดความสนใจของสองพี่น้องที่นั่งอยู่ในบ้าน แต่กลับได้ยินเสียงคนเรียก ฉินเสี่ยวหรานก็รู้ดีว่าเป็นใคร และเธอยอมออกไปดู เผื่อคนข้างนอกมีธุระจะได้ไม่มาเสียเที่ยว เพราะที่ผ่านมา ต่อให้หลบหน้าหลายวันพันตรีเว่ยก็ไม่โผล่มาให้เห็นหน้าเลยสักนิด"แม่
วันถัดมาพันตรีเว่ยยังคงขับรถผ่านหน้าโรงเรียนในช่วงเวลาเลิกเรียนและยังมีอีกหลาย ๆ วันที่มาจอดรอรับอย่างกับนัดไว้ เพื่อรอรับสองสาวบ้านฉินกลับบ้านด้วย จนกระทั่งฉินเสี่ยวหรานคิดว่ามันไม่ใช่แล้ว และรู้สึกถึงความผิดปกตินี้เดิมทีหากพันตรีเว่ยผ่านมาสักวันสองวันคงคิดได้ว่าเป็นเพราะมีภารกิจ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเป็นเดือน ฉินเสี่ยวหรานไม่เคยแม้กระทั่งต้องเดินกลับบ้านเอง หากไม่ติดว่าตอนเช้าพ่อของเธอเป็นคนมาส่ง คงมีรถคอยรับคอยส่งแล้วโรงเรียนและบ้านพักในกองทัพหวั่นอิ๋นนั้นถึงแม้ว่าจะอยู่ติดกัน แต่ว่าถ้าจะเข้าไปด้านในต้องเดินอ้อมอีกทาง ใช้เวลาเพียงห้านาทีเท่านั้นเอง แต่ฉินเสี่ยวหรานก็ไม่เคยได้เดินเหยาหนานรออยู่ตรงทางเข้าโรงเรียน พอเห็นฉินเสี่ยวหรานก็ร้องเรียก "เสี่ยวหรานทางนี้!"ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ฉินเสี่ยวหรานมีกลุ่มเพื่อนกลุ่มหนึ่ง เจิ้งฟางมี่ จูลี่ และหนานเหยา อันที่จริงเจิ้งฟางมี่กับจูลี่ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน ส่วนเหยาหนานนั้นเขามีเพื่อนผู้ชายอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าพอฉินเสี่ยวหรานเข้ามาเรียนที่นี่เขาก็เข้าร่วมกลุ่มทันที"ฟางมี่ จูลี่ล่ะ""พวกเธอเข้าไปรอข้างในห้องเรียนแล้ว จูลี่ปวดท้อง เสี่ยว
เผลอแป๊บเดียวก็ถึงวันเปิดภาคเรียนแรกของปีแล้ว ฉินเสี่ยวหราน ฉินเสี่ยวหลิงตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อเตรียมตัว ทั้งสองเป็นเด็กใหม่ของโรงเรียนที่ย้ายมาชั้นปีสุดท้าย แน่นอนว่าต้องมีสายตาของคนที่มองมา ยิ่งไปเร็วเท่าไรยิ่งเป็นผลดีกับสองพี่น้องฉินหานแลกวันลากับเพื่อนเพื่อมาส่งลูกสาวเข้าโรงเรียนพร้อมภรรยาที่ลางานมาเหมือนกัน ปกติต้องเข้าโรงตัดเย็บทุกวัน และมีค่าแรงวันละห้าเหมา ถึงแม้จะขาดรายได้แต่ก็ไม่เสียหายอะไร"พ่อกับแม่มาส่งได้แค่นี้ มีอะไรให้ไปหาครูธุรการลู่ ระวังตัวด้วย" ฉินหานบอกลูกสาวด้วยความเป็นห่วง ที่นี่ไม่ใช่อำเภอบ้านเกิดที่คุ้นเคย และไม่มีเพื่อน ลูกสาวต้องเริ่มต้นใหม่“ใช่ ระวังตัวด้วย""หนูจะระวังตัวค่ะ" ฉินเสี่ยวหรานผงกหัว เธอไม่คิดว่าในโรงเรียนจะอันตรายขนาดนั้น "พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงค่ะ เลิกเรียนหนูกับน้องจะรีบกลับบ้าน""อืม"ฉินเสี่ยวหลิงมองข้างในโรงเรียนอย่างตื่นเต้น มันกว้างกว่าโรงเรียนเดิมหลายเท่าตัว "ไปกันเถอะค่ะพี่สาวใหญ่ ได้ยินว่าวันนี้มีนักเรียนเข้าใหม่หลายคน บางทีฉันอาจจะได้เพื่อนเร็วขึ้น"ฉินเสี่ยวหรานพยักหน้าบอกลาพ่อแม่เล็กน้อยก่อนเดินเข้าโรงเรียนไปพร้อมน้องสาว คนที่นี่