เพราะไม่มีตัวช่วยอย่างจักรเย็บผ้าและร่างกายที่ไม่ค่อยถนัดของฉินเสี่ยวหราน ชุดแรกที่ออกแบบและลงมือตัดเย็บใช้เวลานานถึงห้าวันกว่าจะได้หนึ่งชุด ฉินเสี่ยวหลิงลองใส่แล้วพบว่ามันพอดีตัวมาก
"ชุดสวยมากเลยค่ะพี่สาวใหญ่ นึกไม่ถึงว่าพี่จะตัดเย็บได้สวยมากขนาดนี้" ฉินเสี่ยวหลิงเอ่ยชม ชุดที่เธอใส่เมื่อตัดกับผิวแล้วขับผิวให้ขาวขึ้น ไหนจะขนาดตัวที่ไม่คับและไม่หลวมเกินไป
"ฝีมือของฉันไม่เคยพลาด"
ใช่ ไม่ว่าจะลองตัดเย็บครั้งแรกหรือครั้งไหน ๆ ดีไซเนอร์อย่างลิลลี่ไม่เคยทำพลาด ยิ่งฉินเสี่ยวหรานมีพื้นฐานการตัดเย็บอยู่แล้ว ชุดที่ได้มาจึงไร้ที่ติ หากชุดนี้ถูกขายด้วยชื่อของเธอ มันจะขายได้หลายล้านบาทเลยทีเดียว
ฉินเสี่ยวหรานปล่อยให้น้องสาวตื่นเต้นไปกับชุดใหม่ เธอเข้าครัวเพื่อทำอาหารไปส่งให้แม่ที่โรงตัดเย็บ ซึ่งเป็นแหล่งรวมตัวของสมาคมแม่บ้านทหาร ต่อให้ไม่ได้ทำงาน พวกคุณนายทหารก็ชอบไปรวมตัวกันที่นั่น วันนี้พ่อฉินถูกเรียกตัวออกไปช่วยภารกิจนอกกองทัพ ไม่ต้องนำปิ่นโตอาหารไปส่ง
วันก่อนที่บ้านซื้อเนื้อหมู ขาหมูมา ฉินเสี่ยวหรานใช้วิธีทำหมูน้ำค้างเพื่อให้มีเนื้อกินในทุกวัน และพ่อไม่ต้องออกไปซื้อของที่ตลาดให้เหนื่อย เพียงแค่เนื้อที่ทำอาหารไม่ใช่เนื้อสด
ที่บ้านมีแปลงผักที่ปลูกเอาไว้ แต่กว่าจะโตฉินเสี่ยวหรานจึงทำหมูผัดถั่วงอกที่เพาะเอาไว้แทน นอกจากนี้ยังมีเกี๊ยวหมูที่เพื่อนบ้านนำมาฝาก ทำเป็นเกี๊ยวน้ำปรุงรสใหม่ อาหารเพียงเท่านี้แม่ของเธอคงกินไม่หมดแล้ว
ก่อนจะไปที่โรงตัดเย็บของกองทัพ ฉินเสี่ยวหรานเปลี่ยนชุดใหม่ เนื่องจากทำอาหารจึงมีกลิ่นอาหารติดตัว ในขณะที่ฉินเสี่ยวหลิงใส่ชุดใหม่ไปอย่างเด็กเห่อชุดใหม่ และฉินเสี่ยวหรานไม่ห้าม เพราะเป็นสิ่งที่เธอต้องการ
เป็นครั้งแรกที่ฉินเสี่ยวหรานได้มาเยือนโรงตัดเย็บ เธอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เห็นได้ว่าส่วนมากจะเป็นภรรยาของทหารยศน้อย มีเพียงภรรยาของพันตรีไม่กี่คนที่ทำงานที่นี่ หนึ่งในนั้นเป็นแม่ของเธอ พอเห็นเป้าหมายสองพี่น้องก็รีบเดินไปทันที
จ้าวหยู่ฟางเห็นว่าวันนี้ลูกสาวคนโตมาด้วยจึงรีบเดินมาหา "ทำไมวันนี้เสี่ยวหรานมากับน้องด้วยล่ะ เอ๊ะ! นี่ชุดที่ลูกตัดหรือ" และเมื่อเห็นว่าลูกสาวคนเล็กใส่ชุดที่แปลกตาจึงตกใจ
"ค่ะแม่"
คุณนายเว่ยเดินตามหลังมาติด ๆ มองชุดที่ฉินเสี่ยวหลิงใส่ด้วยสายตาเป็นประกาย "เสี่ยวหลิงจ้ะ หนูไปซื้อชุดมาจากที่ไหนหรือ สวยมาก น้าไม่เคยเห็นชุดแบบนี้มาก่อน"
"ไม่ได้ซื้อหรอกค่ะ" ฉินเสี่ยวหลิงหัวเราะคิกคักก่อนหมุนตัวให้เพื่อนใหม่ของแม่ได้ดู "พี่สาวใหญ่เป็นคนตัดเย็บชุดนี้ให้ค่ะ ตัดเย็บมาหลายวันแล้ววันนี้เสร็จพอดี"
คุณนายทั้งหลายที่เดินตามกันมาหันไปมองฉินเสี่ยวหรานเป็นตาเดียว คาดไม่ถึงว่าสาวน้อยคนนี้จะตัดชุดได้ ที่สำคัญชุดนี้ยังมีความสวยที่แปลกตาและน่ามอง
"อยู่ที่บ้านนอกจากอ่านหนังสือแล้วไม่มีอะไรให้ทำค่ะ ก่อนหน้านี้ฉันได้ม้วนผ้ามาจึงลองตัดเย็บดู" ฉินเสี่ยวหรานบอกตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าเธอจะไม่อ่านหนังสือเองก็ตาม
แต่ก่อนช่วยแม่เย็บเสื้อผ้าอยู่แล้ว และเหมือนที่ฉินเสี่ยวหลิงบอก เธอไม่เคยตัดชุดใหญ่ขนาดนี้ พอบอกว่าลองทำเท่านั้นที่บ้านก็ไม่ได้สนใจ คนเราต้องมีครั้งแรก ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิด
"ฉันอยากได้ชุดใหม่ เสี่ยวหรานเธอตัดชุดให้ฉันได้หรือไม่ ผ้าที่จะใช้ตัดฉันจะหาให้เอง ส่วนค่าฝีมือนั้นเท่าไหร่ก็จ่าย" คุณนายเว่ยรีบเอ่ยก่อนที่จะมีคนตัดหน้าไปก่อน
ฉินเสี่ยวหรานพยักหน้า "ได้ค่ะ แต่ว่าการตัดเย็บต้องใช้ความประณีต อีกทั้งที่บ้านไม่มีจักรคงใช้เวลาหลายวัน แต่ว่าค่าฝีมือของฉันนั้นมีราคาแพง ถ้าสนใจฉันตกลงค่ะ"
"แน่นอน ค่าฝีมือกี่หยวนฉันก็ยอมจ่าย"
"ที่นี่มีสายวัดตัวหรือไม่คะ" เพราะกะทันหันเกินไป ฉินเสี่ยวหรานไม่ได้เตรียมอุปกรณ์มาด้วย และไม่คิดว่าจะมีคนสั่งตัดเย็บอย่างไม่ถามราคา "ยิ่งได้ขนาดตัวเร็วการตัดเย็บจะเร็วขึ้นค่ะ"
"ไม่ ๆ ชุดใหม่ที่อยากได้คืออยากตัดให้ลูกชายคนเล็กของฉัน เธออาจจะเคยเจอพันตรีเว่ยมาก่อน เขาว่างช่วงเย็นนี้" คุณนายเว่ยรีบบอก ชุดใหม่อยากได้เองก็จริง แต่ลูกชายไม่มีชุดใหม่นานแล้ว
"ถ้าอย่างนั้นตอนเย็นฉันจะไปหาที่บ้านพักนะคะ"
"จ้ะ"
ฉินเสี่ยวหรานไม่มีปัญหา หลังส่งปิ่นโตอาหารเสร็จเธอก็พาน้องสาวกลับบ้านและเตรียมของสำหรับการวัดตัวตอนเย็น เมื่อถึงเวลาก็ปล่อยให้น้องสาวทำอาหารมื้อเย็นที่บ้าน ส่วนตนเองเดินเท้าไปยังบ้านพักของท่านนายพลเว่ย ถึงจะไม่เคยไปแต่ว่าบ้านพักท่านนายพลเป็นบ้านพักหลังใหญ่และเด่นที่สุดในกองทัพแล้ว
หน้าบ้านพักมีคุณนายเว่ย ผู้หญิงที่ไม่คุ้นหน้า และเด็กชายหญิงอีกสองคนที่นั่งเล่นอยู่ ฉินเสี่ยวหรานคาดว่าน่าจะเป็นภรรยาของพันโทเว่ยแน่ ๆ บ้านหลังนี้มีเพียงคนเดียวที่แต่งงาน
“คุณนายเว่ย"
"มาแล้ว ๆ"
เหยาหงซีสะใภ้ใหญ่บ้านเว่ยหันมามองฉินเสี่ยวหรานที่ถือกระเป๋ามาด้วย "สวัสดีจ้ะ ฉันเหยาหงซีสะใภ้ใหญ่เว่ย"
"สวัสดีค่ะ"
"แม่สามีของฉันเล่าว่าเธอตัดชุดสวยมาก เดือนหน้าวันเกิดพ่อของฉัน ฉันกำลังหาชุดให้ลูกใส่ แต่ไม่รู้ว่าเธอตัดชุดเด็กได้หรือไม่" เหยาหงซีเป็นลูกสะใภ้ของคุณนายเว่ยและยังเป็นพยาบาลทหาร เงินเดือนที่บ้านเว่ยของใครของมัน ราคากี่หยวนเธอจ่ายได้ทั้งหมด
"ฉันตัดเย็บชุดเด็กได้ค่ะ แต่ว่าชุดของเด็กจะราคาสูงเท่าผู้ใหญ่เพราะต้องมีความปราณีต ละเอียดอ่อนค่อนข้างมาก" สำหรับใครที่บอกว่าชุดเด็กถูกกว่าผู้ใหญ่ก็ไปซื้อที่นั่น เธอผ่านการตัดเย็บมามาก และชุดเด็กบอกได้เลยว่างานหินสุด ๆ
"ราคาเท่าไรฉันยอมจ่าย"
"ถ้าอย่างนั้นให้ฉันวัดตัวเด็ก ๆ เลยไหมคะ เจ้าของชุดที่จะต้องตัดเธอยังไม่เห็นเขาโผล่มา จะได้ไม่เสียเวลา
“ได้"
ลูกชาย ลูกสาว ของเหยาหงซีถูกอุ้มมาวัดขนาดตัว ทั้งสองเป็นเด็กดีมากให้ทำอะไรก็ทำ และให้ความร่วมมือดีสุด ๆ ระหว่างวัดตัวฉินเสี่ยวหรานจดขนาดต่าง ๆ ใส่กระดาษเพื่อไม่ให้ผิดพลาด
"ชุดที่อยากได้สีอะไรคะ? หรือถ้ามีผ้าให้ด้วยจะดีมากเลยค่ะ"
"ไม่มีหรอก ฉันอยากได้ของลูกชายสีม่วง ของลูกสาวสีชมพู ให้คล้ายกันจะดีมาก" เหยาหงซีบอก
ฉินเสี่ยวหรานจดสิ่งที่ลูกค้าอยากได้ เธอต้องซื้อม้วนผ้าตั้งสองม้วนเห็นทีต้องยืมเงินของบ้านมาซื้อก่อน "ฉันคิดว่าน่าจะใช้เวลาชุดละสองวันคงจะเสร็จแล้วค่ะ ต้องดูชุดใหญ่ว่าจะเสร็จตอนไหนต้องทำชุดนั้นก่อน"
"อืม"
"เอ๊ะ เจ้าลูกชายคนนี้ ปกติกลับบ้านเร็วมากทำไมวันนี้ถึงกลับช้ากันนะ ใช้ไม่ได้จริง ๆ" คุณนายเว่ยอดที่จะบ่นไม่ได้ ในแต่ละวันเวลานี้ปกติลูกชายคนเล็กจะอาบน้ำเตรียมพักผ่อนแล้ว
พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา เว่ยเซียวเดินมาที่บ้านเว่ยด้วยใบหน้านิ่ง เขาเห็นว่ามีคนอยู่หน้าบ้าน จากที่ควรเข้าบ้านจึงเดินมาตรงนี้แทน เห็นแม่ พี่สะใภ้ หลาน ๆ และลูกสาวพันตรีคนใหม่ของกองทัพที่ยืนอยู่
"มีอะไรกันครับ"
คุณนายเว่ยถอนหายใจ "แม่ให้เสี่ยวหรานตัดเย็บชุดให้ลูก น้องมารอที่นี่นานแล้วไม่กลับมาสักที ปกติกลับเร็วกว่านี้ไม่ใช่หรือ" เสียเวลาของฉินเสี่ยวหรานจริง ๆ ดีที่ไม่ใช่คุณหนูเอาแต่ใจ ไม่งั้นแย่แน่
"ขอโทษครับ เพิ่งจัดการงานเสร็จ"
ฉินเสี่ยวหรานมองท้องฟ้าที่เริ่มไม่มีแสงแล้ว "ฉันขอวัดตัวพันตรีเว่ยจะได้หรือไม่คะ ใกล้มืดแล้ว ต้องรีบกลับบ้าน น้องสาวของฉันอยู่บ้านคนเดียว ฉันเป็นห่วงค่ะ"
"เอาสิ"
ฉินเสี่ยวหรานวัดขนาดตัวเว่ยเซียวอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มีความเขินอายให้แก่ชายหนุ่ม ก่อนขอตัวกลับ
เมื่อได้ขนาดตัวของคนที่ต้องตัดชุดให้แล้ว กลับมาถึงบ้านกินข้าวมื้อเย็น อาบน้ำเสร็จ ฉินเสี่ยวหรานรีบเข้าห้องนอนเพื่อออกแบบชุดทั้งสามตัว ของเด็กนั้นไม่เท่าไรของผู้ใหญ่นี่สิ ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่ ผ้าที่ใช้จึงใช้เยอะภายในห้องมีไฟให้ใช้แต่ก็สลัวมาก ฉินเสี่ยวหรานจึงจุดตะเกียงช่วย ถึงแม้ว่าจะสิ้นเปลือง แต่เธอไม่มีเวลาพอ รีบทำให้เสร็จและเข้านอน พรุ่งนี้เช้าพันตรีเว่ยจะมารับเธอไปเลือกม้วนผ้าเพื่อตัดเย็บ ค่าผ้าในส่วนนี้คุณนายเว่ยเป็นคนจ่ายให้ หน้าที่ของเธอคือเลือกซื้อผ้าและตัดเย็บตอนเช้าฉินเสี่ยวหรานรีบลุกไปรดน้ำผัก แล้วไปอาบน้ำที่โรงอาบน้ำเมื่อกลับมาก็เป็นเวลาที่พ่อเธอกลับมาจากวิ่งออกกำลังกาย ทั้งสองทักทายกันเล็กน้อยและแยกย้ายกันทำธุระของตนเองเป็นเวลาที่คนในบ้านตื่นพอดี ฉินเสี่ยวหลิงรับหน้าที่ในการทำอาหารตอนเช้า ฉินเสี่ยวหรานกวาดบ้านระหว่างรอรับประทานอาหาร ส่วนผู้เป็นแม่กำลังช่วยพ่อแต่งตัวในห้อง"แม่คะ วันนี้ให้เสี่ยวหลิงไปกับแม่นะคะ หนูต้องออกไปซื้อม้วนผ้ากับพันตรีเว่ย หากให้น้องสาวไปด้วยก็เกรงใจเขา" ฉินเสี่ยวหรานบอกแม่ของเธอที่เดินออกมาพอดี“จ้ะ"ที่บ้านรู้กันหมดแล้วว่าฉินเสี่ยวหรานต้องตัดเย็
ตัดชุดให้พันตรีเว่ยใช้เวลาเพียงสามวันก็เสร็จแล้ว เนื่องจากเป็นของลูกค้าจะมัวโอ้เอ้ไม่ได้ ฉินเสี่ยวหรานจะให้น้องสาวเป็นคนนำอาหารไปส่งให้พ่อ ส่วนเธอใช้เวลาอันมีค่าในการตัดเย็บ แต่ว่าชุดของเด็กทั้งสองใช้เวลาสี่วันในการตัดเย็บรวม แล้วเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์พอดี เร็วกว่าที่คาดเอาไว้มากฉินเสี่ยวหรานนัดส่งชุดพรุ่งนี้เพราะต้องการตรวจสอบชุดใหม่ว่าจะไม่มีปัญหาตรงไหน ด้วยฝีมือของเธอราคาที่จะเรียกจึงแพง ถ้าเกิดมีตำหนิขึ้นมาจะเสียชื่อเอาได้หลังตรวจสอบชุดทั้งสามอย่างละเอียดดีแล้ว ฉินเสี่ยวหรานยังเย็บกระเป๋าผ้าเพื่อใส่ชุดอีกด้วย เพราะไม่มีถุงกระดาษ หรือถุงที่สามารถใส่เสื้อผ้าได้ ถ้าถือไปเลยเห็นถ้าว่าจะไม่ดี และกระเป๋าของเธอยังเก่าอีกด้วยจ้าวหยู่ฟางกำลังถักไหมพรมเงยหน้ามองลูกสาวที่เตรียมของจะไปส่ง "ลูกตัดเย็บเร็วมาก แม่นึกว่าต้องใช้เวลาอีกหลายวัน เหล่าคุณนายยังตกใจที่ชุดเสร็จเร็วมาก”"ไม่เร็วเลยค่ะแม่ ถ้ามีจักรเย็บผ้าจะดีกว่านี้""นั่นสิ มีจักรเย็บผ้าเร็วกว่าจริง ๆ" น่าเสียดายที่เธอกับสามีไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อจักรเย็บผ้า ไม่สิ จะว่ามีมันก็มีอยู่แต่ว่าเงินของบ้านก็จะลดลง อีกไม่นานก็จะเปิดภาคเรียนแล้
เผลอแป๊บเดียวก็ถึงวันเปิดภาคเรียนแรกของปีแล้ว ฉินเสี่ยวหราน ฉินเสี่ยวหลิงตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อเตรียมตัว ทั้งสองเป็นเด็กใหม่ของโรงเรียนที่ย้ายมาชั้นปีสุดท้าย แน่นอนว่าต้องมีสายตาของคนที่มองมา ยิ่งไปเร็วเท่าไรยิ่งเป็นผลดีกับสองพี่น้องฉินหานแลกวันลากับเพื่อนเพื่อมาส่งลูกสาวเข้าโรงเรียนพร้อมภรรยาที่ลางานมาเหมือนกัน ปกติต้องเข้าโรงตัดเย็บทุกวัน และมีค่าแรงวันละห้าเหมา ถึงแม้จะขาดรายได้แต่ก็ไม่เสียหายอะไร"พ่อกับแม่มาส่งได้แค่นี้ มีอะไรให้ไปหาครูธุรการลู่ ระวังตัวด้วย" ฉินหานบอกลูกสาวด้วยความเป็นห่วง ที่นี่ไม่ใช่อำเภอบ้านเกิดที่คุ้นเคย และไม่มีเพื่อน ลูกสาวต้องเริ่มต้นใหม่“ใช่ ระวังตัวด้วย""หนูจะระวังตัวค่ะ" ฉินเสี่ยวหรานผงกหัว เธอไม่คิดว่าในโรงเรียนจะอันตรายขนาดนั้น "พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงค่ะ เลิกเรียนหนูกับน้องจะรีบกลับบ้าน""อืม"ฉินเสี่ยวหลิงมองข้างในโรงเรียนอย่างตื่นเต้น มันกว้างกว่าโรงเรียนเดิมหลายเท่าตัว "ไปกันเถอะค่ะพี่สาวใหญ่ ได้ยินว่าวันนี้มีนักเรียนเข้าใหม่หลายคน บางทีฉันอาจจะได้เพื่อนเร็วขึ้น"ฉินเสี่ยวหรานพยักหน้าบอกลาพ่อแม่เล็กน้อยก่อนเดินเข้าโรงเรียนไปพร้อมน้องสาว คนที่นี่
วันถัดมาพันตรีเว่ยยังคงขับรถผ่านหน้าโรงเรียนในช่วงเวลาเลิกเรียนและยังมีอีกหลาย ๆ วันที่มาจอดรอรับอย่างกับนัดไว้ เพื่อรอรับสองสาวบ้านฉินกลับบ้านด้วย จนกระทั่งฉินเสี่ยวหรานคิดว่ามันไม่ใช่แล้ว และรู้สึกถึงความผิดปกตินี้เดิมทีหากพันตรีเว่ยผ่านมาสักวันสองวันคงคิดได้ว่าเป็นเพราะมีภารกิจ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเป็นเดือน ฉินเสี่ยวหรานไม่เคยแม้กระทั่งต้องเดินกลับบ้านเอง หากไม่ติดว่าตอนเช้าพ่อของเธอเป็นคนมาส่ง คงมีรถคอยรับคอยส่งแล้วโรงเรียนและบ้านพักในกองทัพหวั่นอิ๋นนั้นถึงแม้ว่าจะอยู่ติดกัน แต่ว่าถ้าจะเข้าไปด้านในต้องเดินอ้อมอีกทาง ใช้เวลาเพียงห้านาทีเท่านั้นเอง แต่ฉินเสี่ยวหรานก็ไม่เคยได้เดินเหยาหนานรออยู่ตรงทางเข้าโรงเรียน พอเห็นฉินเสี่ยวหรานก็ร้องเรียก "เสี่ยวหรานทางนี้!"ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ฉินเสี่ยวหรานมีกลุ่มเพื่อนกลุ่มหนึ่ง เจิ้งฟางมี่ จูลี่ และหนานเหยา อันที่จริงเจิ้งฟางมี่กับจูลี่ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน ส่วนเหยาหนานนั้นเขามีเพื่อนผู้ชายอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าพอฉินเสี่ยวหรานเข้ามาเรียนที่นี่เขาก็เข้าร่วมกลุ่มทันที"ฟางมี่ จูลี่ล่ะ""พวกเธอเข้าไปรอข้างในห้องเรียนแล้ว จูลี่ปวดท้อง เสี่ยว
ถึงแม้จะบอกว่าทบทวนความรู้สึกตัวเอง แต่ฉินเสี่ยวหรานก็ยังหลบหน้าเว่ยเซียวที่มาจอดรถรอรับที่หน้าโรงเรียน นั่นก็คือออกมาจากโรงเรียนก่อนเวลาปกติที่เว่ยเซียวจะมารอรับ ให้เพื่อนในกลุ่มดูต้นทาง ส่วนเธอกับน้องสาวรีบเดินกลับ นี่ทำให้เพื่อนในกลุ่มสงสัยไม่น้อยด้วยปกติทุกคนจะรู้กันดีว่าฉินเสี่ยวหรานกับน้องสาวจะมีพันตรีเว่ยมารอรับทุกวัน แต่จู่ ๆ ก็ไม่กลับไปด้วย ถ้าเป็นเรื่องซุบซิบในโรงเรียน ทุกคนรู้ว่าฉินเสี่ยวหรานไม่ได้สนใจ แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้กันล่ะในวันหยุดของสัปดาห์นี้ ฉินเสี่ยวหรานกำลังตัดชุดผู้หญิงวัยรุ่นอยู่ที่บ้าน เป็นชุดที่เพื่อนของเธอสั่งตัดเพราะอยากได้ชุดใหม่ จูลี่นำผ้ามาให้ตัดถึงบ้านพัก ค่าฝีมือคิดได้ไม่อั้นเพราะพ่อของเธอเป็นคนจ่าย และฉินเสี่ยวหรานดูแล้วไม่ติดการเรียนจึงยอมตัดเย็บให้ก๊อก! ก๊อก!"เสี่ยวหราน! เสี่ยวหลิง!"เสียงรถยนต์หน้าบ้านไม่ได้ดึงดูดความสนใจของสองพี่น้องที่นั่งอยู่ในบ้าน แต่กลับได้ยินเสียงคนเรียก ฉินเสี่ยวหรานก็รู้ดีว่าเป็นใคร และเธอยอมออกไปดู เผื่อคนข้างนอกมีธุระจะได้ไม่มาเสียเที่ยว เพราะที่ผ่านมา ต่อให้หลบหน้าหลายวันพันตรีเว่ยก็ไม่โผล่มาให้เห็นหน้าเลยสักนิด"แม่
หลังจากเปิดเผยความในใจกับผู้เป็นพ่อ ฉินเสี่ยวหรานได้นำเรื่องนี้กลับไปคิด ชีวิตก่อนเธอเป็นลูกคุณหนูจึงรู้เรื่องความสำคัญของที่บ้านดี แม้กระทั่งเมื่อก่อนตอนที่อาชายคนสุดท้ายยังมีชีวิตอยู่ เขาไม่ยอมให้เธอคบกับคนที่ด้อยกว่า ไม่ว่าจะเพื่อน หรือกับเพศตรงข้ามยิ่งเว่ยเซียวเป็นพันตรีและที่บ้านเขาสนับสนุน ทำไมเธอถึงต้องกลัวด้วยล่ะ ดังนั้นเว่ยเซียวที่ตามตื้อฉินเสี่ยวหรานอยู่เป็นเดือนก็ได้รับโอกาสในครั้งนี้ฉินเสี่ยวหรานโบกมือลาเพื่อนในกลุ่มหน้าโรงเรียนเมื่อเห็นว่ารถยนต์คันเดิมมารอรับแล้ว ตั้งแต่ที่ทั้งสองกลับมาพูดคุยกันมันก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง นั่นก็คือไม่ต้องเดินกลับบ้านแล้ว ฉินเสี่ยวหลิงผู้เป็นน้องสาวชอบแบบนี้ที่สุด และว่าที่พี่เขย- อะแฮ่ม พี่เว่ยยังมีรถส่วนตัวที่ซื้อมาภายหลัง ถึงจะเป็นมือสองแต่ก็สภาพดีมากแต่ก่อนที่จะเดินไปถึงรถ สองพี่น้องฉินกลับถูกคนเอ่ยรั้งเอาไว้ก่อน "นักเรียนฉินเสี่ยวหราน นักเรียนฉินเสี่ยวหลิง""คุณครูหยู" ฉินเสี่ยวหรานก้มศีรษะเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพคุณครูในโรงเรียน ในขณะเดียวกันก็มีความสงสัยไม่น้อย "มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ"ค
ปิดภาคเรียนแรกแล้ว ฉินเสี่ยวหรานเดินหน้าทำธุรกิจของเธอทันที นั่นก็คือการเปิดรับตัดเย็บเสื้อผ้าเป็นรอบ ไม่เหมือนตลอดหลายเดือนที่เรียนอยู่ เธอจะรับเพียงครั้งละหนึ่งตัว พอเย็บเสร็จก็เว้นระยะแล้วรับใหม่ เฉลี่ยแล้วคือสามตัวต่อเดือน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอลำบากสักนิดผ้าที่ใช้ตัดเย็บหนึ่งม้วนตัดชุดผู้ชายร่างใหญ่ได้หนึ่งตัว ของผู้หญิงได้เกือบสองตัว และเสื้อหนึ่งตัวนั้นฉินเสี่ยวหรานก็ไม่ได้คิดราคาถูก มีเพียงคนสนิทเท่านั้นที่จะได้ลดราคาลงบ้างครั้งนี้มีเวลาว่างเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น ฉินเสี่ยวหรานจึงเปิดรับรอบนี้เจ็ดตัว ตัวละแปดสิบหยวนไม่รวมรายละเอียดอื่น ๆ หากต้องการเพิ่มเติม และการตัดเย็บในตอนนี้เธอคล่องมือขึ้นมาก เสื้อหนึ่งตัวใช้เวลาเพียงสองวันก็เสร็จแล้วสำหรับฉินเสี่ยวหรานแล้ว เงินเดือนของพ่อเธอนั่นให้แม่ใช้ซื้ออาหารและของเข้าบ้าน เงินเก็บก็ได้รับจากเธอที่ได้จากค่าตัดเย็บเสื้อผ้า ค่าขนมของเธอและฉินเสี่ยวหลิงก็เอามาจากเธอ และได้ทำข้อตกลงกับคนในบ้านแล้วพ่อกับแม่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยหาเงินเหมือนแต่ก่อน นี่ยังไม่รวมเงินเดือนจากโรงตัดเย็บของแม่อีกครั้งนี้ฉินเสี่ยวห
ไม่ใช่ว่ามีคำสั่งซื้อ มีฝีมือแล้วจะไม่มีอะไรที่ผิดพลาดได้ ในแต่ละวันฉินเสี่ยวหรานแทบไม่ได้มีเวลาพักผ่อน เนื่องจากรับงานมากเกินตัว ใช่ รายละเอียดแต่ละชุดต้องทำเพิ่ม และฉินเสี่ยวหรานต้องใช้เวลาตัดเย็บชุดทั้งเจ็ดภายในเวลาครึ่งเดือนหรือสิบห้าวันและพอส่งสินค้าให้ลูกค้าที่สั่งงานแล้ว ฉินเสี่ยวหรานก็รีบนำเงินที่ได้มาไปซื้อจักรเย็บผ้ามาเพื่อความรวดเร็ว เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะเปิดภาคเรียนที่สองแล้ว และการเรียนก็ยุ่งมาก คงต้องหาเงินเก็บเอาไว้ก่อนต้องบอกว่าฉินเสี่ยวหรานคิดถูก ก่อนเปิดภาคเรียนเหลือเวลาสิบสามวัน เธอใช้จักรเย็บผ้าตัดเย็บชุดออกมาขาย และรับคำสั่งตัดเย็บมาบ้าง ภายในระยะเวลาหนึ่งเดือนทำให้ฉินเสี่ยวหรานมีเงินเก็บเป็นพันหยวน ยังไม่รวมที่น้องสาวเย็บกระเป๋าขายและนำบางส่วนมาเป็นการต้นทุนในการซื้อผ้าอีกพอเปิดภาคเรียนที่สองฉินเสี่ยวหรานไม่ได้รับตัดเย็บชุดเพิ่มอีก แต่ก็ตัดเย็บชุดสำเร็จเอาไว้ เนื่องจากฉินเสี่ยวหลิงมาปรึกษาเรื่องการเรียนต่อมัธยมปลายและสนใจการเป็นหมอฉินเสี่ยวหรานผู้เป็นพี่สาวที่ได้ยิน รู้ว่าค่าใช้จ่ายมันต้องเยอะมากแน่ จึงตัดสินใจที่จะไม่เรียนต่
หลังจากบ้านฉินกลับไป เหตุการณ์ในกองทัพก็ไม่มีเรื่องวุ่นวายกวนใจอีก ฉินเสี่ยวหรานออกแบบร้านเสื้อผ้าของเธอเป็นตึกคูหาสองชั้น เป็นตึกที่ต้องใช้เวลาในการสร้างและใช้เงินจำนวนมาก ผู้รับเหมาที่เข้ามาทำงานเป็นคนที่เว่ยเซียวหามา ตกลงแบ่งจ่ายห้าครั้ง ครั้งละห้าร้อยหยวน นั่นหมายความว่าค่ารับเหมามีมูลค่าถึงสองพันห้าร้อยหยวน ยังไม่รวมราคาวัสดุที่ต้องจ่ายแยกอีกฉินเสี่ยวหรานคำนวณการจ่ายในแต่ละครั้ง ผู้รับเหมาให้เวลาห้าเดือนหรือก็คือเดือนละห้าร้อยหยวน เธอวางแผนออกแบบชุดเอาไว้เพื่อรับตัดชุดและตัดชุดสำเร็จเก็บเอาไว้เพื่อวางขายในระยะเวลาหนึ่งเดือนฉินเสี่ยวหรานต้องตัดชุดให้ได้มากกว่าสิบตัวถึงจะมีเงินเหลือใช้จ่ายในแต่ละเดือน ยังดีที่ฉินเสี่ยวหลิงตัดเย็บกระเป๋าไว้บางส่วนจึงขายออกไป ทำให้ฉินเสี่ยวหรานไม่ต้องทำงานหนักแบบไม่ได้พักหลังจ่ายค่าก่อสร้างงวดที่สอง ฉินเสี่ยวหรานก็ไม่ให้แม่ของเธอทำงานในโรงปักเย็บต่อ ให้อยู่ทำอาหารที่บ้าน หรือจะไปในนั่งเล่นที่สมาคมแม่บ้านกับคุณนายอื่น ๆ ได้ แต่ไม่ให้ทำงานแล้ว นั่นเพราะก่อนหน้านี้จ้าวหยู่ฟางวูบอยู่บ่อยครั้ง ถึงแม้งานจะไม่หนักแต่มีผลข้างเคียงจา
ฉินเสี่ยวหรานไม่เข้าไปดูแม่เฒ่าฉินที่ถูกคุมไว้ในห้องขัง และไม่ให้แม่ของเธอได้เข้าเยี่ยม จะหาว่าใจร้ายก็ได้ แต่ย่าของเธอคนนี้เป็นคนใจร้ายมากกว่า ฉินเสี่ยวหลิงก็ไม่เข้าไปเยี่ยม มีเพียงพ่อของเธอที่เข้าไป และเธอก็ไม่ได้ห้ามถึงอย่างไรก็เป็นแม่ลูกกันเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากติดต่อบ้านฉินไป ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงกองทัพ ฉินเสี่ยวหลิงวิ่งเข้ามาในบ้านด้วยความเหนื่อยหอบ "บ้านฉินขนกันมาทั้งบ้านเลยค่ะ!""มากันทั้งบ้าน?" มือที่กำลังเย็บกระเป๋าชะงักก่อนจะวางไว้บนโต๊ะ "ถ้าจำไม่ผิดพ่อบอกให้มารับคนไม่ใช่หรือ ทำไมถึงต้องขนกันมาทั้งบ้าน"“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แค่ย่ามาก็วุ่นวายมากพอแล้ว ตอนนี้ยิ่งวุ่นวายมากกว่าเดิม พี่รีบไปดูเถอะค่ะก่อนที่จะแย่ไปมากกว่านี้ คนในกองทัพซุบซิบกันหมดแล้ว""อืม"จากที่ทำงานอยู่ต้องละมือ และจัดการล็อกบ้านอย่างแน่นหนาก่อนจะไปยังจุดที่บ้านฉินมาโวยวาย คนพวกนี้ไม่มีมารยาท และตอนนี้คงทำให้พ่อของเธอลำบากใจไม่น้อย ด้วยนิสัยของพ่อ แต่ก่อนเป็นคนที่ไม่เถียงคนอื่น แต่ก็ใช่ว่าจะรังแกได้ อีกทั้งยังแยกบ้านกันแล้ว คนพวกนี้น่ารังเกียจจริง ๆเป็นตามท
ฉินหานมองลูกศิษย์หรือก็คือทหารใหม่ที่รับมาอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่ได้รับการเลื่อนขั้นเป็นพันตรีเขาก็กลายมาเป็นครูฝึกให้กับทหารใหม่ ต่างจากแต่ก่อนที่ได้เป็นเพียงผู้ช่วยครูฝึก ปีนี้ทหารใหม่มีมากถึงสองร้อยคน จำนวนครูฝึกจึงเพิ่มขึ้นหลายตำแหน่ง และยังมีเงินพิเศษที่ทำให้หลายคนอยากได้ตำแหน่งนี้"ครูฝึกฉินครับ มีญาติต้องการเข้าพบ" ครูฝึกอีกท่านที่ออกไปพักกลับเข้ามากระซิบบอก"ขอบคุณครับ"คงเป็นลูกสาวที่เอาอาหารมื้อกลางวันมาให้ จึงจัดการฝากทหารใหม่ในความดูแลให้คนอื่นก่อนจะเดินออกจากพื้นที่ ฉินหานเร่งฝีเท้าไปยังศาลารับรองเพื่อให้ถึงลูกสาว ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นว่าคนที่มาหาไม่ใช่ลูกสาว"แม่" ใช่ ภาพตรงหน้าของฉินหานคือแม่ของเขาที่นอนนาบไปกับพื้นของศาลา ไม่ไกลจากที่นอนยังมีเหล่าคุณนายและทหารคนอื่น พวกเขาหันมามองเป็นตาเดียว"มาแล้วหรือ! ปล่อยให้แม่แก่ ๆ รอแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน ฉันเลี้ยงแกมาตั้งหลายปีไม่คิดที่จะส่งเงินกลับบ้านเลี้ยงดูหน่อยหรือ ปล่อยให้ฉันต้องลำบากแต่ครอบครัวตัวเองสบาย ดีจริง ๆ!" แม่เฒ่าฉินตวาดออกมาด้วยความไม่พอใจหลายเดือนที่ลูกชายพาครอบครัวย้ายมา
ไม่ใช่ว่ามีคำสั่งซื้อ มีฝีมือแล้วจะไม่มีอะไรที่ผิดพลาดได้ ในแต่ละวันฉินเสี่ยวหรานแทบไม่ได้มีเวลาพักผ่อน เนื่องจากรับงานมากเกินตัว ใช่ รายละเอียดแต่ละชุดต้องทำเพิ่ม และฉินเสี่ยวหรานต้องใช้เวลาตัดเย็บชุดทั้งเจ็ดภายในเวลาครึ่งเดือนหรือสิบห้าวันและพอส่งสินค้าให้ลูกค้าที่สั่งงานแล้ว ฉินเสี่ยวหรานก็รีบนำเงินที่ได้มาไปซื้อจักรเย็บผ้ามาเพื่อความรวดเร็ว เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะเปิดภาคเรียนที่สองแล้ว และการเรียนก็ยุ่งมาก คงต้องหาเงินเก็บเอาไว้ก่อนต้องบอกว่าฉินเสี่ยวหรานคิดถูก ก่อนเปิดภาคเรียนเหลือเวลาสิบสามวัน เธอใช้จักรเย็บผ้าตัดเย็บชุดออกมาขาย และรับคำสั่งตัดเย็บมาบ้าง ภายในระยะเวลาหนึ่งเดือนทำให้ฉินเสี่ยวหรานมีเงินเก็บเป็นพันหยวน ยังไม่รวมที่น้องสาวเย็บกระเป๋าขายและนำบางส่วนมาเป็นการต้นทุนในการซื้อผ้าอีกพอเปิดภาคเรียนที่สองฉินเสี่ยวหรานไม่ได้รับตัดเย็บชุดเพิ่มอีก แต่ก็ตัดเย็บชุดสำเร็จเอาไว้ เนื่องจากฉินเสี่ยวหลิงมาปรึกษาเรื่องการเรียนต่อมัธยมปลายและสนใจการเป็นหมอฉินเสี่ยวหรานผู้เป็นพี่สาวที่ได้ยิน รู้ว่าค่าใช้จ่ายมันต้องเยอะมากแน่ จึงตัดสินใจที่จะไม่เรียนต่
ปิดภาคเรียนแรกแล้ว ฉินเสี่ยวหรานเดินหน้าทำธุรกิจของเธอทันที นั่นก็คือการเปิดรับตัดเย็บเสื้อผ้าเป็นรอบ ไม่เหมือนตลอดหลายเดือนที่เรียนอยู่ เธอจะรับเพียงครั้งละหนึ่งตัว พอเย็บเสร็จก็เว้นระยะแล้วรับใหม่ เฉลี่ยแล้วคือสามตัวต่อเดือน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอลำบากสักนิดผ้าที่ใช้ตัดเย็บหนึ่งม้วนตัดชุดผู้ชายร่างใหญ่ได้หนึ่งตัว ของผู้หญิงได้เกือบสองตัว และเสื้อหนึ่งตัวนั้นฉินเสี่ยวหรานก็ไม่ได้คิดราคาถูก มีเพียงคนสนิทเท่านั้นที่จะได้ลดราคาลงบ้างครั้งนี้มีเวลาว่างเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น ฉินเสี่ยวหรานจึงเปิดรับรอบนี้เจ็ดตัว ตัวละแปดสิบหยวนไม่รวมรายละเอียดอื่น ๆ หากต้องการเพิ่มเติม และการตัดเย็บในตอนนี้เธอคล่องมือขึ้นมาก เสื้อหนึ่งตัวใช้เวลาเพียงสองวันก็เสร็จแล้วสำหรับฉินเสี่ยวหรานแล้ว เงินเดือนของพ่อเธอนั่นให้แม่ใช้ซื้ออาหารและของเข้าบ้าน เงินเก็บก็ได้รับจากเธอที่ได้จากค่าตัดเย็บเสื้อผ้า ค่าขนมของเธอและฉินเสี่ยวหลิงก็เอามาจากเธอ และได้ทำข้อตกลงกับคนในบ้านแล้วพ่อกับแม่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยหาเงินเหมือนแต่ก่อน นี่ยังไม่รวมเงินเดือนจากโรงตัดเย็บของแม่อีกครั้งนี้ฉินเสี่ยวห
หลังจากเปิดเผยความในใจกับผู้เป็นพ่อ ฉินเสี่ยวหรานได้นำเรื่องนี้กลับไปคิด ชีวิตก่อนเธอเป็นลูกคุณหนูจึงรู้เรื่องความสำคัญของที่บ้านดี แม้กระทั่งเมื่อก่อนตอนที่อาชายคนสุดท้ายยังมีชีวิตอยู่ เขาไม่ยอมให้เธอคบกับคนที่ด้อยกว่า ไม่ว่าจะเพื่อน หรือกับเพศตรงข้ามยิ่งเว่ยเซียวเป็นพันตรีและที่บ้านเขาสนับสนุน ทำไมเธอถึงต้องกลัวด้วยล่ะ ดังนั้นเว่ยเซียวที่ตามตื้อฉินเสี่ยวหรานอยู่เป็นเดือนก็ได้รับโอกาสในครั้งนี้ฉินเสี่ยวหรานโบกมือลาเพื่อนในกลุ่มหน้าโรงเรียนเมื่อเห็นว่ารถยนต์คันเดิมมารอรับแล้ว ตั้งแต่ที่ทั้งสองกลับมาพูดคุยกันมันก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง นั่นก็คือไม่ต้องเดินกลับบ้านแล้ว ฉินเสี่ยวหลิงผู้เป็นน้องสาวชอบแบบนี้ที่สุด และว่าที่พี่เขย- อะแฮ่ม พี่เว่ยยังมีรถส่วนตัวที่ซื้อมาภายหลัง ถึงจะเป็นมือสองแต่ก็สภาพดีมากแต่ก่อนที่จะเดินไปถึงรถ สองพี่น้องฉินกลับถูกคนเอ่ยรั้งเอาไว้ก่อน "นักเรียนฉินเสี่ยวหราน นักเรียนฉินเสี่ยวหลิง""คุณครูหยู" ฉินเสี่ยวหรานก้มศีรษะเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพคุณครูในโรงเรียน ในขณะเดียวกันก็มีความสงสัยไม่น้อย "มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ"ค
ถึงแม้จะบอกว่าทบทวนความรู้สึกตัวเอง แต่ฉินเสี่ยวหรานก็ยังหลบหน้าเว่ยเซียวที่มาจอดรถรอรับที่หน้าโรงเรียน นั่นก็คือออกมาจากโรงเรียนก่อนเวลาปกติที่เว่ยเซียวจะมารอรับ ให้เพื่อนในกลุ่มดูต้นทาง ส่วนเธอกับน้องสาวรีบเดินกลับ นี่ทำให้เพื่อนในกลุ่มสงสัยไม่น้อยด้วยปกติทุกคนจะรู้กันดีว่าฉินเสี่ยวหรานกับน้องสาวจะมีพันตรีเว่ยมารอรับทุกวัน แต่จู่ ๆ ก็ไม่กลับไปด้วย ถ้าเป็นเรื่องซุบซิบในโรงเรียน ทุกคนรู้ว่าฉินเสี่ยวหรานไม่ได้สนใจ แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้กันล่ะในวันหยุดของสัปดาห์นี้ ฉินเสี่ยวหรานกำลังตัดชุดผู้หญิงวัยรุ่นอยู่ที่บ้าน เป็นชุดที่เพื่อนของเธอสั่งตัดเพราะอยากได้ชุดใหม่ จูลี่นำผ้ามาให้ตัดถึงบ้านพัก ค่าฝีมือคิดได้ไม่อั้นเพราะพ่อของเธอเป็นคนจ่าย และฉินเสี่ยวหรานดูแล้วไม่ติดการเรียนจึงยอมตัดเย็บให้ก๊อก! ก๊อก!"เสี่ยวหราน! เสี่ยวหลิง!"เสียงรถยนต์หน้าบ้านไม่ได้ดึงดูดความสนใจของสองพี่น้องที่นั่งอยู่ในบ้าน แต่กลับได้ยินเสียงคนเรียก ฉินเสี่ยวหรานก็รู้ดีว่าเป็นใคร และเธอยอมออกไปดู เผื่อคนข้างนอกมีธุระจะได้ไม่มาเสียเที่ยว เพราะที่ผ่านมา ต่อให้หลบหน้าหลายวันพันตรีเว่ยก็ไม่โผล่มาให้เห็นหน้าเลยสักนิด"แม่
วันถัดมาพันตรีเว่ยยังคงขับรถผ่านหน้าโรงเรียนในช่วงเวลาเลิกเรียนและยังมีอีกหลาย ๆ วันที่มาจอดรอรับอย่างกับนัดไว้ เพื่อรอรับสองสาวบ้านฉินกลับบ้านด้วย จนกระทั่งฉินเสี่ยวหรานคิดว่ามันไม่ใช่แล้ว และรู้สึกถึงความผิดปกตินี้เดิมทีหากพันตรีเว่ยผ่านมาสักวันสองวันคงคิดได้ว่าเป็นเพราะมีภารกิจ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเป็นเดือน ฉินเสี่ยวหรานไม่เคยแม้กระทั่งต้องเดินกลับบ้านเอง หากไม่ติดว่าตอนเช้าพ่อของเธอเป็นคนมาส่ง คงมีรถคอยรับคอยส่งแล้วโรงเรียนและบ้านพักในกองทัพหวั่นอิ๋นนั้นถึงแม้ว่าจะอยู่ติดกัน แต่ว่าถ้าจะเข้าไปด้านในต้องเดินอ้อมอีกทาง ใช้เวลาเพียงห้านาทีเท่านั้นเอง แต่ฉินเสี่ยวหรานก็ไม่เคยได้เดินเหยาหนานรออยู่ตรงทางเข้าโรงเรียน พอเห็นฉินเสี่ยวหรานก็ร้องเรียก "เสี่ยวหรานทางนี้!"ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ฉินเสี่ยวหรานมีกลุ่มเพื่อนกลุ่มหนึ่ง เจิ้งฟางมี่ จูลี่ และหนานเหยา อันที่จริงเจิ้งฟางมี่กับจูลี่ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน ส่วนเหยาหนานนั้นเขามีเพื่อนผู้ชายอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าพอฉินเสี่ยวหรานเข้ามาเรียนที่นี่เขาก็เข้าร่วมกลุ่มทันที"ฟางมี่ จูลี่ล่ะ""พวกเธอเข้าไปรอข้างในห้องเรียนแล้ว จูลี่ปวดท้อง เสี่ยว
เผลอแป๊บเดียวก็ถึงวันเปิดภาคเรียนแรกของปีแล้ว ฉินเสี่ยวหราน ฉินเสี่ยวหลิงตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อเตรียมตัว ทั้งสองเป็นเด็กใหม่ของโรงเรียนที่ย้ายมาชั้นปีสุดท้าย แน่นอนว่าต้องมีสายตาของคนที่มองมา ยิ่งไปเร็วเท่าไรยิ่งเป็นผลดีกับสองพี่น้องฉินหานแลกวันลากับเพื่อนเพื่อมาส่งลูกสาวเข้าโรงเรียนพร้อมภรรยาที่ลางานมาเหมือนกัน ปกติต้องเข้าโรงตัดเย็บทุกวัน และมีค่าแรงวันละห้าเหมา ถึงแม้จะขาดรายได้แต่ก็ไม่เสียหายอะไร"พ่อกับแม่มาส่งได้แค่นี้ มีอะไรให้ไปหาครูธุรการลู่ ระวังตัวด้วย" ฉินหานบอกลูกสาวด้วยความเป็นห่วง ที่นี่ไม่ใช่อำเภอบ้านเกิดที่คุ้นเคย และไม่มีเพื่อน ลูกสาวต้องเริ่มต้นใหม่“ใช่ ระวังตัวด้วย""หนูจะระวังตัวค่ะ" ฉินเสี่ยวหรานผงกหัว เธอไม่คิดว่าในโรงเรียนจะอันตรายขนาดนั้น "พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงค่ะ เลิกเรียนหนูกับน้องจะรีบกลับบ้าน""อืม"ฉินเสี่ยวหลิงมองข้างในโรงเรียนอย่างตื่นเต้น มันกว้างกว่าโรงเรียนเดิมหลายเท่าตัว "ไปกันเถอะค่ะพี่สาวใหญ่ ได้ยินว่าวันนี้มีนักเรียนเข้าใหม่หลายคน บางทีฉันอาจจะได้เพื่อนเร็วขึ้น"ฉินเสี่ยวหรานพยักหน้าบอกลาพ่อแม่เล็กน้อยก่อนเดินเข้าโรงเรียนไปพร้อมน้องสาว คนที่นี่