แชร์

ตอนที่ 3 เสียหน้า

ผู้เขียน: Ainthira06
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-09 12:14:31

เฮ้ พี่ชายฉิน เชิญ ๆ"

กลุ่มผู้ชายที่อยู่ไม่ไกลโบกมือเรียกฉินหานที่เดินนำครอบครัวเข้ามาในงาน ฉินเสี่ยวหรานมองเห็นแล้ว พวกเขาอยู่ในชุดทหารและยังมีตราที่บ่งบอกยศ แต่ละคนล้วนมีตำแหน่งเล็กกว่า หากให้เดา คงเป็นตำแหน่งเดิมของพ่อเธอ เพราะห้าปีที่ผ่านเพิ่งได้รับการเลื่อยศ

"มา มา"

ฉินหานมองกลุ่มเพื่อนที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมาหลายปี "นี่ภรรยาของฉันเอง พี่สะใภ้ของพวกนายจ้าวหยู่ฟาง หลานสาวใหญ่ฉินเสี่ยวหราน หลานสาวรองฉินเสี่ยวหลิง"

"พี่สะใภ้ฉิน"

"พี่สะใภ้"

พวกเขาต่างเดินเข้ามาทักทายอย่างเป็นกันเอง "หลานสาวใหญ่ หลานสาวรอง หน้าตาดีกันจริง ๆ โตเป็นสาวแล้ว ทำงานกับพี่ชายฉินมานานหลายปีเพิ่งได้เห็นหน้าหลานสาว"

ฉินเสี่ยวหรานยิ้มเล็กน้อยมองบรรดาเพื่อนของพ่อ "สวัสดีค่ะคุณอา ฉินเสี่ยวหรานหรือเรียกเสี่ยวหรานก็ได้ค่ะ" ไหน ๆ แล้ว ได้ชีวิตใหม่ทั้งที เธอควรทำความรู้จักกับผู้คน

"เสี่ยวหราน"

คุณนายทหารเดินมาตั้งแต่ไกลเพื่อมาหาจ้าวหยู่ฟาง และเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา "นี่หรือภรรยาของพันตรีฉิน ฉันเหวยฉิงภรรยาของพันเอกเหยา ไปกับฉันสิ จะแนะนำให้คนอื่นได้รู้จัก"

“คุณนายเหยา ฝากพวกเธอด้วยครับ"

"แน่นอน"

คุณนายเหยาดึงมือจ้าวหยู่ฟางที่มัวอ้ำอึ้งให้เดินตามไป ฉินเสี่ยวหลิงเดินตามแม่และฉินเสี่ยวหรานเดินปิดท้าย คนรอบข้างต่างหันมามอง แต่สำหรับฉินเสี่ยวหรานเธอรู้สึกถึงบางอย่าง

สายตาหยุดมองนายทหารที่น่าจะยศเดียวกันกับพ่อของเธอแต่มีอายุที่น้อยกว่า รอบตัวของเขามีความน่าเกรงขามอย่างบอกไม่ถูก เขาหันมาสบตากับเธอและจ้องหน้ากัน ฉินเสี่ยวหรานยิ้มให้อีกฝ่ายและละสายตาก่อน

ผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์ที่ร้อนแรงจริง ๆ ขนาดชีวิตก่อนคลุกคลีกับพวกดารานักแสดงยังไม่เคยหวั่นไหวกับใคร หรือเป็นเพราะเธอคือฉินเสี่ยวหราน อย่างนั้นหรือ

โดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่ามีสายตาร้อนแรงของผู้หญิงคนหนึ่งจ้องมองมาอยู่

"มาแล้ว ๆ ภรรยาของพันตรีฉิน" คุณนายเหยาบอกทุกคนที่นั่งอยู่ คุณนายในกลุ่มมีสีหน้าและท่าทางต้อนรับอย่างเป็นกันเอง "คนในกลุ่มเป็นคุณนายที่มีสามีเป็นพันเอก พันโท และพันตรี มีเพียงคุณนายเว่ยที่เป็นภรรยาของท่านนายพล"

สามแม่ลูกรีบแนะนำตัว "ฉันจ้าวหยู่ฟางค่ะ นี่ลูกสาวคนโตฉินเสี่ยวหราน ลูกสาวคนเล็กฉินเสี่ยวหลิง พวกเราเพิ่งย้ายมาที่นี่ ฝากตัวด้วยนะคะ" เพื่อไม่ให้สามีขายหน้า จ้าวหยู่ฟางพยายามเก็บอาการ แต่เหล่าคุณนายหลายคนมองออกและมองข้ามไป

คุณนายในกลุ่มต่างแนะนำตัว ฉินเสี่ยวหรานจดจำเอาไว้ เป็นคุณนายท่านนายพลหนึ่งคน คุณนายพันเอกสองคน คุณนายพันโทสามคน และคุณนายพันตรีหนึ่งคน รวมแม่ของเธอก็เป็นสอง ถือว่าเป็นกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งก็ว่าได้

คุณนายที่มีสามีเป็นพันตรีเอ่ยถาม "ชุดพวกเธอซื้อมาจากไหน ทำไมถึงได้งดงามแบบนี้ ฉันตัดเย็บมาครึ่งชีวิตยังทำให้งดงามแบบนี้ไม่ได้"

จ้าวหยู่ฟางอมยิ้มพลางตอบ "ชุดนี้ฉันตัดเย็บเองค่ะ ก่อนหน้านี้คิดว่าจะตัดให้ลูก ๆ เอาไว้ใส่ไปโรงเรียน ได้มาที่นี่พอดี จึงให้ลูกใส่มาร่วมงานเลี้ยงค่ะ"

จ้าวหยู่ฟางตัดเย็บเก่งมาก และชุดที่ลูก ๆ ใส่ก็เป็นเธอที่ตัดเย็บให้ อาจจะตัดเย็บให้ปีละครั้งแต่ฝีมือไม่เคยตก อาจเป็นเพราะต้องรับจ้างตัดเย็บด้วยก็เป็นได้

"โอ้ ฉันทำงานในโรงปักเย็บของกองทัพ เธอสนใจเข้ามาทำกับฉันหรือไม่"

"ยินดีค่ะ"

"ดี ๆ พรุ่งนี้ฉันจะไปรับที่บ้านนะคะ"

"แหมคุณนายซิน ได้เพื่อนใหม่แล้วทิ้งพวกเราเลยนะ ฉันก็ตัดเย็บได้ คุณนายซินมองข้ามไปได้อย่างไรกัน" คุณนายคนที่สองในกลุ่มเอ่ยด้วยท่าทีงอน ๆ

"แค่เสื้อไม่ขาดก็ดีแค่ไหนแล้ว ว้าย! ทำไมลูกสาวของเธอถึงได้หน้าตาดีขนาดนี้กัน!"

คุณนายซินที่ได้เห็นใบหน้าของสองพี่น้องฉินเต็ม ๆ ร้องขึ้นด้วยความตกใจ โดยปกติผู้หญิงที่มาจากชนบทค่อนข้างมีผิวสีเข้ม คุณนายซินไม่ได้ดูถูกแต่ว่าส่วนมากจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ แต่ว่าสองพี่น้องฉินกลับมีใบหน้าที่สวยและน่ารักอย่างลงตัว

ฉินเสี่ยวหรานยิ้มเล็กน้อย "คุณนายซินกล่าวเกินไปแล้ว หน้าตาของฉันก็ธรรมดาค่ะ"

ฉินเสี่ยวหลิงไม่ได้พูด แต่หล่อนยืนพยักหน้าอยู่ข้าง ๆ กันอย่างเห็นด้วย ให้เทียบกันแล้ว เธอกับพี่สาวห่างไกลจากความสวยกับคนที่นี่มาก หรือเพราะไม่ได้อยู่ในมณฑลเดียวกันจึงแปลกตา

"ถ้าเธอหน้าตาไม่ดีฉันคงหน้าตาไม่ดี" คุณนายเว่ยหัวเราะ "ไม่เห็นพันตรีฉินบอกเลยว่ามีลูกสาวที่สวยขนาดนี้ เอ๋ แต่ลูกสาวสวยขนาดนี้ก็ไม่แปลกที่ไม่บอก เป็นฉันฉันคงหวง"

ฉินเสี่ยวหรานและฉินเสี่ยวหลิงอมยิ้ม ก่อนจะทำอะไรต่อ ฉินเสี่ยวหรานกลับถูกนายทหารเข้ามาขัดเสียก่อน "สาวน้อยเธอชื่ออะไร พอจะบอกพี่ชายได้หรือไม่"

ฉินเสี่ยวหรานถอยหลังอย่างรักษามารยาทก่อนแนะนำตัว "ฉินเสี่ยวหรานค่ะ" ผู้ชายคนนี้เป็นใครไม่รู้จัก แต่การที่เขาเดินเข้ามาใกล้เช่นนี้มันไม่ดีเอาเสียเลย

เขาหน้าเสียและเอ่ยออกมาด้วยความไม่พอใจ "ผมร้อยตรีหยูเหลย หวังว่าคุณหนูฉินจะให้โอกาสได้ทำความรู้จักนะครับ"

คุณนายเหยาเห็นท่าไม่ดีรีบเข้ามาห้าม "ร้อยตรีหยู นายพลเรียกรวมแล้วไม่ไปหรือ เสี่ยวหรานของเรายังเด็ก หวังว่าร้อยตรีหยูจะไม่ถือสากับเด็กอายุคราวลูก" คุณนายเหยาย้ำคำว่าคราวลูกเสียงหนักแน่น

"อ่า ไว้เจอกันใหม่"

ร้อยตรีหยูเหลยเดินจากไปแล้วคุณนายเหยารีบเอ่ย "ลูกชายของพันโทหยู เขายังไม่แต่งงานถึงแม้อายุจะสามสิบแล้ว ให้ระวังเอาไว้"

"ค่ะ"

"ไปนั่งกันเถอะ"

ทางกองทัพได้จัดโต๊ะรวมให้ทุกคนตามตำแหน่งเพื่อไม่ให้กดดันกันเกินไป โต๊ะที่บ้านฉินถูกเชิญมานั่งเป็นโต๊ะของครอบครัวพันเอก พันโท และพันตรี ผู้ชายที่เธอสบตาด้วยก่อนหน้านี้เป็นลูกชายคนเล็กของคุณนายเว่ยและเขามียศพันตรีตามที่คิดเอาไว้จริง ๆ

ฉินเสี่ยวหรานนั่งตรงข้ามอีกฝ่าย เยื้องซ้ายจะเป็นที่นั่งพ่อของเธอที่อยู่ตรงข้ามแม่ ส่วนน้องสาวจะนั่งถัดจากแม่ ที่นั่งไม่ได้มีชื่อติดเอาไว้ แต่รู้ว่าครอบครัวสนิทกัน มีเพียงคุณนายเว่ยที่เลือกจะไปนั่งกับสามี ปล่อยให้ลูกชายนั่งที่นี่กับพี่ชายของเขา

"ทางกองทัพจัดหนักจริง ๆ หลายเดือนที่ผ่านมาไม่เห็นมีงานเลี้ยง จัดทีก็จัดยิ่งใหญ่แบบนี้" คุณนายที่ฉินเสี่ยวหรานไม่เคยรู้จักเอ่ยขึ้น

"แต่คุณป้าคะ อาหารพวกนี้เรากินกันบ่อยมากเลยนะคะ" เสียงผู้หญิงวัยรุ่นเอ่ยขึ้นกลางโต๊ะรับประทานอาหาร และปรายตามองมายังสามแม่ลูกบ้านฉินที่นั่งอยู่

จ้าวหยู่ฟาง และฉินเสี่ยงหลิงไม่ใช่คนโง่ ทั้งสองรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้ต้องการหักหน้าบ้านฉิน เพราะทั้งสองมีสีหน้าตื่นเต้นเมื่ออาหารเสิร์ฟ แต่จะให้ตอบโต้เห็นท่าว่าคงไม่ดี

"บ้านนี้สอนลูกสาวดีจริง ๆ จ้าวหยู่ฟาง ฉินเสี่ยวหลิงไม่ต้องไปสนใจ ถ้าหล่อนกินบ่อยแล้วก็ไม่ต้องกิน สามีฉันทำงานทุกวันฉันก็ไม่ค่อยได้กินแบบนี้ ใครจะใช้เงินสิ้นเปลืองขนาดนั้น" คุณนายเหยาเอ่ยขึ้นกลางโต๊ะด้วยความไม่พอใจ คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน

"ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะคุณนายเหยา!" อีกฝ่ายระส่ำระส่าย "ฉันพูดไปแค่อยากเอ่ยหยอกล้อเท่านั้นเอง บ้านไหนจะมีเงินให้ซื้อกินได้บ่อย ๆ ล่ะคะ"

“นั่นสิ ต้องขออภัยคุณนายเหยาด้วยนะคะ พอดีที่บ้านเลี้ยงหยูเหมี่ยวด้วยอาหารค่อนข้างดีหล่อนจึงได้พูดเช่นนี้" คุณนายหยูผู้เป็นแม่รีบแก้ต่าง แต่ยิ่งทำให้คนอื่นส่ายหน้า

"สิ้นเปลืองกันจริง ๆ"

เหล่านายทหารทำได้เพียงมองหน้ากัน ไม่มีใครกล้าสบตากับคุณนายทั้งหลาย เรื่องแบบนี้เหล่าพ่อบ้านจะไม่ยุ่ง อีกอย่างคุณนายเหยาเป็นคุณนายที่มีสามีเป็นพันเอกคนจึงไม่กล้ายุ่ง

"แม่คะ หนูตักให้ค่ะ"

ฉินเสี่ยวหรานไม่ได้เดือดร้อนกับคนอื่น เธอตักกับข้าวให้แม่และกินข้าวอย่างเงียบ ๆ แต่ระหว่างนั้นก็จดจำท่าทีของทุกคนไปด้วย ใครทำดีกับครอบครัวของเธอหรือใครว่าร้าย โดยเฉพาะบ้านคนบ้านหยู

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 4 พยาบาลทหาร

    งานเลี้ยงต้อนรับครอบครัวทหารเต็มไปด้วยความอบอุ่น ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องกระอักกระอ่วนบ้างก็ตาม นาน ๆ ครั้ง กองทัพหวั่นอิ๋นถึงจะมีงานใหญ่สักงาน ทุกคนไม่อยากให้เสียบรรยากาศพ่อฉินยังเหลือวันลาอีกหลายวัน แต่ว่าในเมื่อกลับมาแล้วเขาจึงไปทำงานต่อ ได้รับค่าแรงสองเท่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่า เช้าวันนี้คุณนายทหารกลุ่มเมื่อคืนมาที่บ้านและชวนแม่ฉินไปโรงตัดเย็บของกองทัพแม่ฉินตามไปด้วย ที่บ้านจึงเหลือเพียงสองพี่น้องฉินฉินเสี่ยวหรานลงมือออกแบบชุดที่จะตัด มีฉินเสี่ยวหลิงเป็นแบบให้ แม่ของพวกเธอรับจ้างตัดเย็บมาตลอดและนำอุปกรณ์มาด้วย ไม่ต้องออกไปซื้ออุปกรณ์ ฉินเสี่ยวหรานลงมือตัดเย็บทันที"ทำไมพี่ถึงตัดชุดล่ะ ฉันว่าพวกเราอ่านหนังสือรอเปิดภาคเรียนกันดีกว่าไหมคะ ย้ายมาที่นี่หลักสูตรจะต่างกันมากน้อยแค่ไหนพวกเราไม่รู้เลย" ฉินเสี่ยวหลิงบอกแต่หญิงสาวไม่ได้สนใจการเรียน เธอเชื่อมั่นในตัวเองเสมอ "เธออยากอ่านหนังสือก็อ่านหนังสือเถอะ เรื่องอื่นฉันจะจัดการเอง" ต้องรีบหาเงินก่อนโรงเรียนเปิดฉินเสี่ยวหรานวาดแบบคร่าว ๆ ให้มองออกว่าต้องทำไปในทิศทางไหน เธอไม่ใช่คนวาดรูปสวย แต่มีรายละเอียดที่ชัดเจนก็พอแล้ว อีกอย่างเธอเคยเป็นดีไซ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-09
  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 5 ลูกค้าคนแรก

    เพราะไม่มีตัวช่วยอย่างจักรเย็บผ้าและร่างกายที่ไม่ค่อยถนัดของฉินเสี่ยวหราน ชุดแรกที่ออกแบบและลงมือตัดเย็บใช้เวลานานถึงห้าวันกว่าจะได้หนึ่งชุด ฉินเสี่ยวหลิงลองใส่แล้วพบว่ามันพอดีตัวมาก"ชุดสวยมากเลยค่ะพี่สาวใหญ่ นึกไม่ถึงว่าพี่จะตัดเย็บได้สวยมากขนาดนี้" ฉินเสี่ยวหลิงเอ่ยชม ชุดที่เธอใส่เมื่อตัดกับผิวแล้วขับผิวให้ขาวขึ้น ไหนจะขนาดตัวที่ไม่คับและไม่หลวมเกินไป"ฝีมือของฉันไม่เคยพลาด"ใช่ ไม่ว่าจะลองตัดเย็บครั้งแรกหรือครั้งไหน ๆ ดีไซเนอร์อย่างลิลลี่ไม่เคยทำพลาด ยิ่งฉินเสี่ยวหรานมีพื้นฐานการตัดเย็บอยู่แล้ว ชุดที่ได้มาจึงไร้ที่ติ หากชุดนี้ถูกขายด้วยชื่อของเธอ มันจะขายได้หลายล้านบาทเลยทีเดียวฉินเสี่ยวหรานปล่อยให้น้องสาวตื่นเต้นไปกับชุดใหม่ เธอเข้าครัวเพื่อทำอาหารไปส่งให้แม่ที่โรงตัดเย็บ ซึ่งเป็นแหล่งรวมตัวของสมาคมแม่บ้านทหาร ต่อให้ไม่ได้ทำงาน พวกคุณนายทหารก็ชอบไปรวมตัวกันที่นั่น วันนี้พ่อฉินถูกเรียกตัวออกไปช่วยภารกิจนอกกองทัพ ไม่ต้องนำปิ่นโตอาหารไปส่งวันก่อนที่บ้านซื้อเนื้อหมู ขาหมูมา ฉินเสี่ยวหรานใช้วิธีทำหมูน้ำค้างเพื่อให้มีเนื้อกินในทุกวัน และพ่อไม่ต้องออกไปซื้อของที่ตลาดให้เหนื่อย เพียงแค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-09
  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 6 คุณนายเว่ยซื้อให้จริง ๆ หรือ

    เมื่อได้ขนาดตัวของคนที่ต้องตัดชุดให้แล้ว กลับมาถึงบ้านกินข้าวมื้อเย็น อาบน้ำเสร็จ ฉินเสี่ยวหรานรีบเข้าห้องนอนเพื่อออกแบบชุดทั้งสามตัว ของเด็กนั้นไม่เท่าไรของผู้ใหญ่นี่สิ ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่ ผ้าที่ใช้จึงใช้เยอะภายในห้องมีไฟให้ใช้แต่ก็สลัวมาก ฉินเสี่ยวหรานจึงจุดตะเกียงช่วย ถึงแม้ว่าจะสิ้นเปลือง แต่เธอไม่มีเวลาพอ รีบทำให้เสร็จและเข้านอน พรุ่งนี้เช้าพันตรีเว่ยจะมารับเธอไปเลือกม้วนผ้าเพื่อตัดเย็บ ค่าผ้าในส่วนนี้คุณนายเว่ยเป็นคนจ่ายให้ หน้าที่ของเธอคือเลือกซื้อผ้าและตัดเย็บตอนเช้าฉินเสี่ยวหรานรีบลุกไปรดน้ำผัก แล้วไปอาบน้ำที่โรงอาบน้ำเมื่อกลับมาก็เป็นเวลาที่พ่อเธอกลับมาจากวิ่งออกกำลังกาย ทั้งสองทักทายกันเล็กน้อยและแยกย้ายกันทำธุระของตนเองเป็นเวลาที่คนในบ้านตื่นพอดี ฉินเสี่ยวหลิงรับหน้าที่ในการทำอาหารตอนเช้า ฉินเสี่ยวหรานกวาดบ้านระหว่างรอรับประทานอาหาร ส่วนผู้เป็นแม่กำลังช่วยพ่อแต่งตัวในห้อง"แม่คะ วันนี้ให้เสี่ยวหลิงไปกับแม่นะคะ หนูต้องออกไปซื้อม้วนผ้ากับพันตรีเว่ย หากให้น้องสาวไปด้วยก็เกรงใจเขา" ฉินเสี่ยวหรานบอกแม่ของเธอที่เดินออกมาพอดี“จ้ะ"ที่บ้านรู้กันหมดแล้วว่าฉินเสี่ยวหรานต้องตัดเย็

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 7 คุณนายทหารน้อยหน้าไม่ได้

    ตัดชุดให้พันตรีเว่ยใช้เวลาเพียงสามวันก็เสร็จแล้ว เนื่องจากเป็นของลูกค้าจะมัวโอ้เอ้ไม่ได้ ฉินเสี่ยวหรานจะให้น้องสาวเป็นคนนำอาหารไปส่งให้พ่อ ส่วนเธอใช้เวลาอันมีค่าในการตัดเย็บ แต่ว่าชุดของเด็กทั้งสองใช้เวลาสี่วันในการตัดเย็บรวม แล้วเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์พอดี เร็วกว่าที่คาดเอาไว้มากฉินเสี่ยวหรานนัดส่งชุดพรุ่งนี้เพราะต้องการตรวจสอบชุดใหม่ว่าจะไม่มีปัญหาตรงไหน ด้วยฝีมือของเธอราคาที่จะเรียกจึงแพง ถ้าเกิดมีตำหนิขึ้นมาจะเสียชื่อเอาได้หลังตรวจสอบชุดทั้งสามอย่างละเอียดดีแล้ว ฉินเสี่ยวหรานยังเย็บกระเป๋าผ้าเพื่อใส่ชุดอีกด้วย เพราะไม่มีถุงกระดาษ หรือถุงที่สามารถใส่เสื้อผ้าได้ ถ้าถือไปเลยเห็นถ้าว่าจะไม่ดี และกระเป๋าของเธอยังเก่าอีกด้วยจ้าวหยู่ฟางกำลังถักไหมพรมเงยหน้ามองลูกสาวที่เตรียมของจะไปส่ง "ลูกตัดเย็บเร็วมาก แม่นึกว่าต้องใช้เวลาอีกหลายวัน เหล่าคุณนายยังตกใจที่ชุดเสร็จเร็วมาก”"ไม่เร็วเลยค่ะแม่ ถ้ามีจักรเย็บผ้าจะดีกว่านี้""นั่นสิ มีจักรเย็บผ้าเร็วกว่าจริง ๆ" น่าเสียดายที่เธอกับสามีไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อจักรเย็บผ้า ไม่สิ จะว่ามีมันก็มีอยู่แต่ว่าเงินของบ้านก็จะลดลง อีกไม่นานก็จะเปิดภาคเรียนแล้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 8 เข้าโรงเรียนกลางคัน

    เผลอแป๊บเดียวก็ถึงวันเปิดภาคเรียนแรกของปีแล้ว ฉินเสี่ยวหราน ฉินเสี่ยวหลิงตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อเตรียมตัว ทั้งสองเป็นเด็กใหม่ของโรงเรียนที่ย้ายมาชั้นปีสุดท้าย แน่นอนว่าต้องมีสายตาของคนที่มองมา ยิ่งไปเร็วเท่าไรยิ่งเป็นผลดีกับสองพี่น้องฉินหานแลกวันลากับเพื่อนเพื่อมาส่งลูกสาวเข้าโรงเรียนพร้อมภรรยาที่ลางานมาเหมือนกัน ปกติต้องเข้าโรงตัดเย็บทุกวัน และมีค่าแรงวันละห้าเหมา ถึงแม้จะขาดรายได้แต่ก็ไม่เสียหายอะไร"พ่อกับแม่มาส่งได้แค่นี้ มีอะไรให้ไปหาครูธุรการลู่ ระวังตัวด้วย" ฉินหานบอกลูกสาวด้วยความเป็นห่วง ที่นี่ไม่ใช่อำเภอบ้านเกิดที่คุ้นเคย และไม่มีเพื่อน ลูกสาวต้องเริ่มต้นใหม่“ใช่ ระวังตัวด้วย""หนูจะระวังตัวค่ะ" ฉินเสี่ยวหรานผงกหัว เธอไม่คิดว่าในโรงเรียนจะอันตรายขนาดนั้น "พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงค่ะ เลิกเรียนหนูกับน้องจะรีบกลับบ้าน""อืม"ฉินเสี่ยวหลิงมองข้างในโรงเรียนอย่างตื่นเต้น มันกว้างกว่าโรงเรียนเดิมหลายเท่าตัว "ไปกันเถอะค่ะพี่สาวใหญ่ ได้ยินว่าวันนี้มีนักเรียนเข้าใหม่หลายคน บางทีฉันอาจจะได้เพื่อนเร็วขึ้น"ฉินเสี่ยวหรานพยักหน้าบอกลาพ่อแม่เล็กน้อยก่อนเดินเข้าโรงเรียนไปพร้อมน้องสาว คนที่นี่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 9 ทบทวนความรู้สึกตนเอง

    วันถัดมาพันตรีเว่ยยังคงขับรถผ่านหน้าโรงเรียนในช่วงเวลาเลิกเรียนและยังมีอีกหลาย ๆ วันที่มาจอดรอรับอย่างกับนัดไว้ เพื่อรอรับสองสาวบ้านฉินกลับบ้านด้วย จนกระทั่งฉินเสี่ยวหรานคิดว่ามันไม่ใช่แล้ว และรู้สึกถึงความผิดปกตินี้เดิมทีหากพันตรีเว่ยผ่านมาสักวันสองวันคงคิดได้ว่าเป็นเพราะมีภารกิจ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเป็นเดือน ฉินเสี่ยวหรานไม่เคยแม้กระทั่งต้องเดินกลับบ้านเอง หากไม่ติดว่าตอนเช้าพ่อของเธอเป็นคนมาส่ง คงมีรถคอยรับคอยส่งแล้วโรงเรียนและบ้านพักในกองทัพหวั่นอิ๋นนั้นถึงแม้ว่าจะอยู่ติดกัน แต่ว่าถ้าจะเข้าไปด้านในต้องเดินอ้อมอีกทาง ใช้เวลาเพียงห้านาทีเท่านั้นเอง แต่ฉินเสี่ยวหรานก็ไม่เคยได้เดินเหยาหนานรออยู่ตรงทางเข้าโรงเรียน พอเห็นฉินเสี่ยวหรานก็ร้องเรียก "เสี่ยวหรานทางนี้!"ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ฉินเสี่ยวหรานมีกลุ่มเพื่อนกลุ่มหนึ่ง เจิ้งฟางมี่ จูลี่ และหนานเหยา อันที่จริงเจิ้งฟางมี่กับจูลี่ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน ส่วนเหยาหนานนั้นเขามีเพื่อนผู้ชายอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าพอฉินเสี่ยวหรานเข้ามาเรียนที่นี่เขาก็เข้าร่วมกลุ่มทันที"ฟางมี่ จูลี่ล่ะ""พวกเธอเข้าไปรอข้างในห้องเรียนแล้ว จูลี่ปวดท้อง เสี่ยว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 10 ปฏิเสธความสัมพันธ์

    ถึงแม้จะบอกว่าทบทวนความรู้สึกตัวเอง แต่ฉินเสี่ยวหรานก็ยังหลบหน้าเว่ยเซียวที่มาจอดรถรอรับที่หน้าโรงเรียน นั่นก็คือออกมาจากโรงเรียนก่อนเวลาปกติที่เว่ยเซียวจะมารอรับ ให้เพื่อนในกลุ่มดูต้นทาง ส่วนเธอกับน้องสาวรีบเดินกลับ นี่ทำให้เพื่อนในกลุ่มสงสัยไม่น้อยด้วยปกติทุกคนจะรู้กันดีว่าฉินเสี่ยวหรานกับน้องสาวจะมีพันตรีเว่ยมารอรับทุกวัน แต่จู่ ๆ ก็ไม่กลับไปด้วย ถ้าเป็นเรื่องซุบซิบในโรงเรียน ทุกคนรู้ว่าฉินเสี่ยวหรานไม่ได้สนใจ แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้กันล่ะในวันหยุดของสัปดาห์นี้ ฉินเสี่ยวหรานกำลังตัดชุดผู้หญิงวัยรุ่นอยู่ที่บ้าน เป็นชุดที่เพื่อนของเธอสั่งตัดเพราะอยากได้ชุดใหม่ จูลี่นำผ้ามาให้ตัดถึงบ้านพัก ค่าฝีมือคิดได้ไม่อั้นเพราะพ่อของเธอเป็นคนจ่าย และฉินเสี่ยวหรานดูแล้วไม่ติดการเรียนจึงยอมตัดเย็บให้ก๊อก! ก๊อก!"เสี่ยวหราน! เสี่ยวหลิง!"เสียงรถยนต์หน้าบ้านไม่ได้ดึงดูดความสนใจของสองพี่น้องที่นั่งอยู่ในบ้าน แต่กลับได้ยินเสียงคนเรียก ฉินเสี่ยวหรานก็รู้ดีว่าเป็นใคร และเธอยอมออกไปดู เผื่อคนข้างนอกมีธุระจะได้ไม่มาเสียเที่ยว เพราะที่ผ่านมา ต่อให้หลบหน้าหลายวันพันตรีเว่ยก็ไม่โผล่มาให้เห็นหน้าเลยสักนิด"แม่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 11 ความพยายามของเว่ยเซียว

    หลังจากเปิดเผยความในใจกับผู้เป็นพ่อ ฉินเสี่ยวหรานได้นำเรื่องนี้กลับไปคิด ชีวิตก่อนเธอเป็นลูกคุณหนูจึงรู้เรื่องความสำคัญของที่บ้านดี แม้กระทั่งเมื่อก่อนตอนที่อาชายคนสุดท้ายยังมีชีวิตอยู่ เขาไม่ยอมให้เธอคบกับคนที่ด้อยกว่า ไม่ว่าจะเพื่อน หรือกับเพศตรงข้ามยิ่งเว่ยเซียวเป็นพันตรีและที่บ้านเขาสนับสนุน ทำไมเธอถึงต้องกลัวด้วยล่ะ ดังนั้นเว่ยเซียวที่ตามตื้อฉินเสี่ยวหรานอยู่เป็นเดือนก็ได้รับโอกาสในครั้งนี้ฉินเสี่ยวหรานโบกมือลาเพื่อนในกลุ่มหน้าโรงเรียนเมื่อเห็นว่ารถยนต์คันเดิมมารอรับแล้ว ตั้งแต่ที่ทั้งสองกลับมาพูดคุยกันมันก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง นั่นก็คือไม่ต้องเดินกลับบ้านแล้ว ฉินเสี่ยวหลิงผู้เป็นน้องสาวชอบแบบนี้ที่สุด และว่าที่พี่เขย- อะแฮ่ม พี่เว่ยยังมีรถส่วนตัวที่ซื้อมาภายหลัง ถึงจะเป็นมือสองแต่ก็สภาพดีมากแต่ก่อนที่จะเดินไปถึงรถ สองพี่น้องฉินกลับถูกคนเอ่ยรั้งเอาไว้ก่อน "นักเรียนฉินเสี่ยวหราน นักเรียนฉินเสี่ยวหลิง""คุณครูหยู" ฉินเสี่ยวหรานก้มศีรษะเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพคุณครูในโรงเรียน ในขณะเดียวกันก็มีความสงสัยไม่น้อย "มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ"ค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11

บทล่าสุด

  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 40 ครอบครัว (จบบริบูรณ์)

    เจ็ดปีแล้วที่ลิลลี่ ลลิลิล ได้มายังที่นี่ ได้ใช้ชีวิตเป็นฉินเสี่ยวหราน จากเด็กมัธยมปลายที่ตามพ่อแม่จากต่างเมืองมาใช้ชีวิตในกองทัพ สู่เจ้าของร้านเสื้อผ้าหรานหลิงที่เป็นที่จดจำของผู้คน มามีครอบครัวที่อบอุ่นสี่ปีที่ฉินเสี่ยวหรานได้แต่งงานมีครอบครัว หลังน้องสาวแต่งงานออกไปฉินเสี่ยวหรานก็ย้ายกลับมาอยู่บ้านใหญ่ดูแลพ่อแม่ ทุกคนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขสามปีสำหรับการมีฉินเสี่ยวเว่ยลูกชายตัวน้อยของฉินเสี่ยวหรานกับเว่ยเซียว เขาเป็นแก้วตาดวงใจของบ้าน และฉินเสี่ยวหรานไม่ได้มีลูกเพิ่มด้วยประชากรที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในแต่ละปี รัฐบาลจึงมีนโยบายลูกคนเดียว ยกเว้นชาวบ้านตามชนบทที่อนุญาตให้มีลูกสองคน ในกรณีลูกคนแรกไม่ใช่ลูกชาย อันที่จริงหากฉินเสี่ยวหรานอยากมีลูกคนที่สองเธอสามารถมีได้แต่ฉินเสี่ยวหรานต้องการทุ่มเทให้ลูกชายคนเดียวของเธอมากกว่า หากมีลูกก็ต้องหยุดทำงานไปอีก และฉินเสี่ยวหรานไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น ไหน ๆ ก็มีลูกชายแล้ว"ฮ่า ๆ เสี่ยวเว่ยชิมนี่ดูสิ" ฉินเสี่ยวหรานยื่นแตงโมให้ลูกชายด้วยความเอ็นดู"แม่ ผมอยากกินแอปเปิล" ฉินเสี่ยวเว่ยส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรวดเร็วฉินเสี่ยวหรานถอนหายใจ "แอปเปิลมัน

  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 39 ปี 1987

    ฉินเสี่ยวเว่ยตามแม่ไปทำงานที่ร้านเสื้อผ้าทุกวัน และกลายเป็นดาวเด่นของร้าน ด้วยความที่เป็นเด็กพูดเก่ง ไม่งอแง และขี้อ้อน ลูกค้าที่มาซื้อเสื้อผ้าโดนเด็กชายตกแบบงง ๆ เวลาตามแม่ของเขามาทำงานก็จะได้รับขนมติดมือมาตลอดแต่ฉินเสี่ยวหรานไม่ได้ให้ลูกของเธอกินขนมพวกนี้ เนื่องจากว่าเป็นขนมที่เด็กไม่ควรกิน อีกทั้งไม่รู้ว่าคนให้ใส่อะไรมาบ้าง ป้องกันได้ก็ควรป้องกันเอาไว้ก่อน และฉินเสี่ยวเว่ยก็รับของมาทุกวันวันไหนที่ลูกชายของฉินเสี่ยวหรานออกมาหน้าร้านก็จะมีลูกค้ามามุงดู แต่ถ้ามาที่ร้านแต่อยู่ภายในห้องก็เยอะเหมือนกันแต่ไม่ได้เยอะขนาดนั้นวันที่เจ็ด เดือนมีนาคม ปี1987 เหยาหนานและบ้านเหยามาสู่ขอฉินเสี่ยวหลิงไปเป็นสะใภ้ หลังฉินเสี่ยวหลิงตกลงคบหากับเหยาหนานได้หนึ่งปีเต็ม ต้องบอกว่าบ้านเหยานั้นรีบมาก กลัวจะไม่ได้ฉินเสี่ยวหลิงเป็นสะใภ้ ถึงขั้นมาขอหมั้นตั้งแต่ที่รู้ว่าทั้งสองคบกันแรก ๆ ด้วยซ้ำเพียงแต่ฉินเสี่ยวหรานถามน้องสาวแล้ว และทั้งสองลงความเห็นกันว่ารออีกหน่อย รอให้ฉินเสี่ยวหลิงใช้ชีวิตอีกสักปี และพอครบพวกเขาก็รีบมาทันทีครั้งนี้ฉินเสี่ยวหรานอนุญาต น้องสาวของเธอได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระและพร้อมที่จะมีสามีแ

  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 38 กลับไปทำงาน

    ฉินเสี่ยวหรานต่อเติมคูหายื่นออกมาจากตึกร้านเสื้อผ้าหรานหลิงเพื่อใช้ในการเปิดร้านขายดอกไม้ ซึ่งดอกไม้ที่นำมาขายเป็นดอกไม้ในที่ดินของสามีฉินเสี่ยวหรานเอง แต่ว่าสองสามีภรรยาเปิดร้านนี้ให้พ่อแม่ฉิน โดยที่ช่วยจ่ายค่าอื่น ๆ แต่พ่อแม่ของฉินเสี่ยวหรานรับเงินเพียงเท่านั้นที่จริงแล้วทั้งสองไม่คิดว่าจะขายดอกไม้ด้วยซ้ำ แต่ว่าดอกไม้ที่ได้พันธุ์มาจากสวนผักของโรงแรมในตอนนั้นเกิดขายดีขึ้นมา และเพาะปลูกไม่ทันจึงนำดอกไม้ที่ปลูกในไร่ออกมาขาย ใครจะคิดว่ามันก็ขายได้ จึงเกิดเป็นธุรกิจใหม่ร้านดอกไม้ที่ไม่ได้มีอะไรมากมาย แต่ว่าในแต่ละวันมีรายได้เดือนละมากกว่าร้อยหยวน เงินส่วนต่างจ้าวหยู่ฟางเก็บไว้ให้หลานชายทั้งหมดในตอนนี้ฉินเสี่ยวเว่ยอายุสองขวบแล้ว ฉินเสี่ยวหรานที่ติดลูกชายก็ได้ฤกษ์กลับไปทำงานสักที ตลอดสองปีที่ผ่านมาถึงแม้จะดูแลทางเบื้องหลังมาตลอด แต่ฉินเสี่ยวหรานก็ไม่ได้เข้าไปดูหน้าร้าน เพราะบางครั้งคนเยอะก็ไม่อยากให้ลูกชายไป อีกอย่างแม่ของเธอยังสนับสนุน ไป ๆ มา ๆ ก็เข้าสองปี"วันนี้จะเอาเสี่ยวเว่ยไปด้วยหรือ แม่ว่าลูกไปทำงานก่อนไหม ตอนบ่ายแม่จะพาหลานไปที่ร้านเอง" จ้าวหยู่ฟางมองหลานชายที่แม่ของเขาแต่งตัวใ

  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 37 ฉินเสี่ยวเว่ยหนึ่งขวบ

    เผลอแป๊บเดียวฉินเสี่ยวเว่ยก็อายุหนึ่งขวบแล้ว เป็นหนึ่งปีที่บอกได้ว่าฉินเสี่ยวหรานไม่ได้ไปทำงานนอกบ้าน เธออยู่บ้านเลี้ยงลูกเองหนึ่งปีเต็ม ๆ เนื่องด้วยว่าจู่ ๆ ช่วงหลังมานี้น้ำนมค่อนข้างเยอะมาก ถ้าไปทำงานกลัวว่าเชื้อโรคข้างนอกจะติดตัวมาด้วย ฉินเสี่ยวหรานจึงมอบหน้าที่ตรงนี้ให้กับแม่ของเธอแทนบ้านฉินไม่พลาดที่จะจัดงานเลี้ยงฉลองครบหนึ่งปีของฉินเสี่ยวเว่ย หลังจากงานเลี้ยงจบมัธยมปลายของฉินเสี่ยวหลิงเมื่อกลางปีที่แล้ว บ้านฉินก็ไม่ได้มีงานเลี้ยงอะไรอีก วันนี้จึงจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ฉินเสี่ยวหลิงเดินหน้าทำงานในหน่วยแพทย์ของกองทัพ ตอนนี้ได้รับการเลื่อนยศแรกของหน่วยแพทย์แล้ว รอสอบเลื่อนขั้น ที่สำคัญคือเธอมีผู้ชายมาตามจีบคน ๆ นั้นไม่ใช่คนอื่นที่ไหน เป็นเหยาหนานที่ไปรับภารกิจนอกกองทัพนานหลายปี มาเจอฉินเสี่ยวหลิงที่วันฉลองการจบการศึกษาถึงได้ตามจีบ โดยมีคุณนายเหยากับพันโทเหยาผู้เป็นพ่อแม่สนับสนุนฉินเสี่ยวหรานไม่ได้ต้องการจัดงานใหญ่โต แต่ว่าพอนับดูจำนวนคนแล้วได้เป็นร้อยคน ฉินเสี่ยวหรานรู้ว่าการทำอาหารมันเหนื่อยมาก รอบนี้ถึงได้แตกต่างจากครั้งอื่น ตรงที่ว่าฉินเสี่ยวหรานนั้นจ้างแม่ครัวมาทำอาหารให้ อาหาร

  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 36 ฉินเสี่ยวหลิงเรียนจบแล้ว

    ช่วงเวลาที่ฉินเสี่ยวหรานคิดว่าผ่านไปเพียงไม่นาน แต่ว่าลูกชายของเธอก็ได้หกเดือนแล้ว และฉินเสี่ยวหลิงน้องสาวของเธอก็เรียนจบมัธยมปลาย ยังจำปีนั้นที่เข้ามาเรียนได้อยู่เลย เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆฉินเสี่ยวหลิงชื่นชอบในวิชาแพทย์ ได้ศึกษางานมานานถึงสามปี จึงตัดสินใจที่จะไม่เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย และขอขมาพ่อแม่รวมถึงพี่สาวที่ไม่อาจไปเรียนต่อตามความหวังได้ เพราะงานในกองทัพที่เธอทำจนอยู่ตัวไม่ต้องผ่านการประเมินก่อน ที่สำคัญไม่มีการทดสอบ รวมถึงเงินเดือนที่ได้รับก็ได้เป็นจำนวนมาก สวัสดิการก็ดีสำหรับฉินเสี่ยวหรานกับพ่อแม่ พวกเธอไม่ได้ว่าน้องสาวในเรื่องนี้ การที่อีกฝ่ายตัดสินชีวิตของตัวเองได้แล้ว มีเพียงการสนับสนุนเท่านั้นฉินเสี่ยวหรานอุ้มลูกชายวัยหกเดือนนั่งตรงโต๊ะที่สั่งทำ พร้อมกับวางจานอาหารให้เขาได้จับกิน มันเป็นการกินชนิดหนึ่งพ่อแม่ไม่ต้องป้อนและสอนให้เขากินข้าวเป็นตลอดหกเดือนที่่ผ่านมาเธอเลี้ยงลูกด้วยวิธีของตนเอง อาหารที่บำรุงน้ำนมที่เขาว่าดีก็ให้แม่ทำให้ ช่วงหลัง ๆ มาพอจะมีน้ำนมบ้างก็ไม่ให้ดื่มนมผง เป็นหกเดือนที่ฉินเสี่ยวหรานบำรุงตัวเองจนมีเนื้อมีนวลและสามีคอยตามหวง"เสี่ยวเว่ย น้าเล็กทำ

  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 35 ลูกชายตัวอวบอ้วน

    แต่ก่อนการคลอดลูกในเดือนธันวาคมเป็นอะไรที่ลำบากมาก นอกจากอากาศที่หนาวแล้วยังต้องอด ๆ อยาก ๆ แต่ค่านิยมของคนในชนบทก็คือยิ่งมีลูกเยอะยิ่งดียังดีที่ฉินหานกับภรรยาเล็งเห็นว่าตรงนี้คือปัญหาที่ทำให้บ้านลำบาก พอมีลูกคนที่สองเป็นผู้หญิงเขาก็ไม่ได้มีคนที่สามต่อ เรื่องนี้จึงเป็นอีกเรื่องที่บ้านของเขาถูกคนอื่นมองว่าแปลก ยิ่งไม่มีลูกชายยิ่งต้องมีลูกเพิ่มในตอนนี้บ้านฉินมีเงินแล้ว ไหนจะบ้านของสามีที่รับขวัญหลานหลายพันหยวน จึงไม่ได้ลำบากอะไร ในบ้านเต็มไปด้วยความอบอุ่นจากปล่องไฟที่ฉินเสี่ยวหรานออกแบบมาเอง และภายในตัวบ้านคืออบอุ่นมากฉินเสี่ยวหรานคลอดลูกชายตัวอวบอ้วน ตั้งชื่อว่าฉินเสี่ยวเว่ย ฉินเสี่ยวมาจากแซ่และชื่อตัวแรกของแม่ ส่วนเว่ยมากจากแซ่ของพ่อ ในตอนแรกฉินเสี่ยวหรานจะตั้งว่าฉินเสี่ยวเซียว แต่พอคิดอีกทีเอาฉินเสี่ยวเว่ยจะดีกว่าฉินเสี่ยวเว่ยคลอดมาได้เพียงสิบวันเหล่าคุณย่า คุณยายต่างเดินทางมารับขวัญหลาน แต่ละคนที่รับขวัญหลานนอกจากบ้านเว่ยแล้ว แต่ละคนล้วนให้ไม่ต่ำกว่าร้อยหยวน ซึ่งมันเป็นเงินจำนวนมาก"ดูสิ ตั้งแต่ออกมาก็ตัวอวบอ้วนแล้ว ตอนนี้ยังดื่มนมเก่งตุ้ยนุ้ยเชียว" คุณนายเว่ยที่อาบน้ำเสร็จแล้วเ

  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 34 ปี 1984

    ช่วงขึ้นบ้านใหม่เป็นช่วงปลายปีหรือก็คือเดือนตุลาคม มีคนมาร่วมงานอย่างล้นหลาม ทั้งที่เป็นแขกรับเชิญและคนที่เข้ามาเอง แต่เพราะเป็นงานมงคลฉินเสี่ยวหรานจึงไม่ได้ว่าอะไร โชคดีที่เตรียมของเอาไว้เยอะหลังขึ้นบ้านใหม่ พันโทฉินที่ได้รับตำแหน่งได้ไม่กี่เดือนขอคืนบ้านพักให้รุ่นน้องที่จะเข้ามาทำงาน ก่อนพากันขนของไปอยู่บ้านใหม่ใกล้ตลาด ถึงแม้ว่าจะย้ายไปแล้ว แต่เหล่าคุณนายก็ยังคงติดต่อกันตลอด และยังมีนัดหมายรับประทานอาหารร่วมกันอีกด้วยส่วนฉินเสี่ยวหรานนั้นยินดีต้อนรับบรรดาคุณนายกับลุง ๆ เพื่อนของพ่อ สำหรับเธอการมีเพื่อนเป็นความสุขอย่างหนึ่ง และในแต่ละวันเธอเอาแต่ทำงาน ถ้าแม่ไม่อยู่กับพวกคุณนายคงไม่มีคนคุยด้วยต้นปี 1984 ฉินเสี่ยวหรานแต่งสามีเข้าบ้าน และคน ๆ นั้นคือพันโทเว่ยเซียว หลายคนที่รู้กำหนดการในตอนแรกถึงกับคัดค้าน บอกว่าการที่เว่ยเซียวแต่งเข้าบ้านภรรยาเป็นการหยามเกียรติของตระกูลเว่ยโดยปกติแต่ละตระกูล แต่ละแซ่ล้วนต้องการขยายวงศ์ตระกูลให้ใหญ่ ตระกูลเว่ยในกองทัพตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้น การที่เว่ยเซียวแต่งงานออกไปจึงคิดว่ามันไม่สมควรแน่นอนว่าคนตระกูลเว่ยต่างเพิกเฉยไม่คิดสนใจเรื่องนี้ พ

  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 33 บ้านฉิน

    ในที่สุดเวลาที่หลายคนรอคอยก็มาถึง บ้านอิฐเจ็ดห้องนอน หนึ่งห้องโถง หนึ่งห้องครัว หนึ่งห้องรับประทานอาหารที่ถูกสร้างด้วยวัสดุอุปกรณ์อย่างดีราคาสูงก็เสร็จแล้วสไตล์ของบ้านต่างจากบ้านทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด เป็นฉินเสี่ยวหรานที่ลงมือออกแบบเองโดยเฉพาะ ทั้งยังคุมผู้รับเหมาและคนงานเองแทบจะตลอด ยิ่งวันไหนมีปัญหาเธอจะเข้าไปดูทันทีเพื่อจะได้แก้ไขทันแต่ก็ไม่ได้ถึงกับแปลกไปซะทีเดียว หลายคนในอำเภอต่างหาช่างฝีมือ ช่างออกแบบ เพื่อออกแบบแต่ละอย่างให้ทันสมัย อย่างเช่นเสื้อผ้าเช่นเดียวกัน มีหลายร้านที่ต้องการหาคนมาออกแบบ ก่อนหน้านี้มีร้านเสื้อผ้า โรงงานผ้าเข้ามาติดต่อขอซื้อแบบเสื้อ แต่ฉินเสี่ยวหรานไม่ยอมขายให้ เธอให้เหตุผลว่าไม่ต้องการให้แบบเสื้อกระจายมากเกินไปเพราะชุดที่ออกแบบมาในแต่ละครั้ง ฉินเสี่ยวหรานวางขายให้ลูกค้าในร้านไม่สามารถนำออกไปข้างนอกได้ หลังจากตัดเย็บเสร็จก็มีการทำลายทิ้งต่อหน้าลูกค้า เป็นการการันตีได้ว่าแบบนี้ไม่มีใครใช้แล้วจริง ๆอีกทั้งภาพจำของทุกคนคือลายผ้า ลวดลาย และการตัดเย็บไม่เหมือนใครอื่น ถ้าไปอยู่ร้านอื่นหลายคนจะจำสับสนได้ ที่สำคัญก็คือฉินเสี่ยวหรานไม่ได้มีเวลาออกแบบเยอะขนาดนั้น

  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 32 เดินไปข้างหน้าอย่างเติบโต

    การเลื่อนขั้นในครั้งนี้เป็นการจัดงานที่ยิ่งใหญ่ เนื่องจากพันตรีสองคนได้รับเลื่อนขั้นเป็นพันโทพร้อมกันในกรณีพิเศษ หลังเข้าช่วยเหลือคนสำคัญที่แม้แต่คนช่วยก็ไม่รู้ว่าเป็นใครครอบครัวเว่ย ครอบครัวฉิน ได้รับการต้อนรับเข้างานเลี้ยงเป็นอย่างดี และถูกจัดให้นั่งโต๊ะเดียวกัน นั่งรวมกับคนที่ได้ช่วยชีวิตเอาไว้ มีเพียงนายพลเว่ยที่รู้ว่าบุคคลสำคัญเป็นใครจริง ๆ พิธีเลื่อนขั้นเสร็จไปตั้งแต่ช่วงเช้า ตอนเย็นมีเพียงงานเลี้ยงและการพูดคุย มีคนใหญ่คนโตเข้าร่วมงานเลี้ยง ทหารตัวเล็ก ๆ มีหรือจะไม่พาครอบครัวมาให้เห็นหน้าค่าตาฉินเสี่ยวหรานถูกจัดที่นั่งให้นั่งทางด้านซ้ายของพ่อเธอที่ติดกับที่นั่งของคนรัก ส่วนแม่และน้องสาวนั่งอีกทางของพ่อ ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรืออย่างไร"นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะพากันจัดงานใหญ่โตแบบนี้ รอบที่แล้วยังเล็กกว่านี้เสียอีก" ฉินเสี่ยวหรานเอ่ยขึ้นเบา ๆ ท่ามกลางคนในโต๊ะที่มีเพียงคนกันเองจริงอยู่ว่านายพลเว่ยเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของกองทัพ แต่ในกองทัพมีแยกหน้าที่ออกเป็นหลายหน่วย อย่างเช่นหน่วยแพทย์ หน่วยตัดเย็บ หน่วยลาดตะเวน หน่วยครูฝึก หน่วยต่าง ๆ และภายในกองทัพยังมีหน่วยเตรียมสถานที่

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status