Beranda / รักโบราณ / ดอกไม้ในเปลวเพลิง / บทที่ 5 ฉีกหน้ากากคนดี (1)

Share

บทที่ 5 ฉีกหน้ากากคนดี (1)

last update Terakhir Diperbarui: 2025-02-02 20:55:49

          เมื่อวสันตฤดูมาเยือน ปีนี้ฝนตกหนักกว่าทุกปี อากาศขมุกขมัว ข่าวการลักลอบค้าเกลือเถื่อนกำลังเป็นประเด็นให้ผู้คนได้ถกเถียงกัน คนทั่วไปก็ว่ามือปราบวังหลวงเมิ่งหยางมีความรู้ความสามารถเก่งกล้าเกินกว่าผู้ใด นักเล่าเรื่องนิยมเล่าเรื่องของเมิ่งหยางโดยให้เขาเป็นพระเอกไปปราบอธรรมต่าง ๆ  ใส่สีตีข่าวอีกหน่อยเพื่อความบันเทิง เมิ่งหยางก็ประทับอยู่ในใจของผู้คนแล้ว

แม้ว่าเมิ่งหยางเป็นมือปราบวังหลวง แต่หากมีคดีสำคัญที่นอกเหนือจากความรับผิดชอบ เขามักจะเข้ามาช่วยเหลือจับกุมผู้กระทำผิดเสมอ ไม่มีผู้ใดกล้ากล่าวว่าเขาแทรกแซงการทำงาน สถานะน้องชายคนเล็กของเมิ่งกุ้ยเฟยทำให้ได้รับความเกรงใจเป็นพิเศษ

อย่างไรก็ตาม คดีใหญ่ ๆ ที่เมิ่งหยางเป็นผู้คลี่คลาย สามารถจับกุมผู้กระทำผิดส่งศาลได้จำนวนมาก แต่บรรดามือปราบด้วยกันกลับกังขา เมื่อส่งผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการของศาลแล้ว หลายคดีที่ไม่สามารถลงทัณฑ์ได้เพราะหลักฐานไม่เพียงพอ

“นี่ก็เป็นอีกคดีที่ผู้ต้องหามีแนวโน้มจะรอดพ้นจากการถูกลงทัณฑ์เพราะหลักฐานไม่เพียงพอ” ฉินอ๋อง เทียนตี้หย่ง เคาะลงบนสำนวนของเถ้าแก่ถาง พ่อค้าเกลือเถื่อนรายใหญ่ สุ่ยฝานหรงถอนหายใจ

“คดีนี้ เมื่อครั้งจับกุมได้ มือปราบเมิ่งได้รับการปูนบำเหน็จไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่เมื่อเข้าสู่การพิจารณาคดีของศาล พบว่าตอนจับกุมแจ้งปริมาณเกลือเถื่อนจำนวนมหาศาล แต่เมื่อตรวจสอบของกลางพบว่า เกลือมีปริมาณเล็กน้อยเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”

“นั่นสิ มีการอ้างว่าจัดเก็บไม่เหมาะสมจึงละลายไปกับฝนที่ตกหนัก เมื่อของกลางปริมาณน้อย โทษทัณฑ์ของเถ้าแก่ถางก็น้อยตามไปด้วย” ฉินอ๋อง สั่งความสหาย “ข้าไม่เชื่อว่า พ่อค้าจะปล่อยให้สินค้ามูลค่าสูงเช่นนี้หายไปกับสายฝน น่าจะถูกเคลื่อนย้ายไปซ่อนไว้ที่ใดที่หนึ่ง ท่านจัดกำลังไปค้นหาเถิด”

“พ่ะย่ะค่ะ  อ้อ มีอีกเรื่องที่น่าสงสัย มือปราบเมิ่งเพิ่งซื้อเรือนขนาดใหญ่ไว้ที่ตงฉาน ใช้จ่ายไปจำนวนมาก เตรียมให้อนุนางนั้นไปอยู่พ่ะย่ะค่ะ”

“ท่านไปสืบด้วยว่า เขานำเงินมาจากไหนจึงซื้อเรือนขนาดใหญ่ในพื้นที่เศรษฐกิจอย่างตงฉานได้”                              

     หลายวันต่อมา สุ่ยฝานหรงก็แบกใบหน้าที่มีดวงตาดำคล้ำมาพบฉินอ๋อง เขาหาวไปพลาง รายงานไปพลางว่า “ได้ความแล้วพ่ะย่ะค่ะ แท้จริงแล้วเกลือถูกนำไปซุกซ่อนไว้ที่เรือนปลายถนนจีฮวงลู่ มีคนเฝ้าอยู่จำนวนหนึ่ง กระหม่อมได้จัดกำลังจับตาไว้แล้ว”

“เรื่องเงินที่ใช้จ่ายในการซื้อเรือน ข้าได้ความแล้ว มือปราบเมิ่งผู้นี้ล้ำลึกยิ่งนัก เขาจับกุมผู้กระทำผิดเพื่อสร้างความดีความชอบในสายพระเนตรพระกรรณของฝ่าบาทและราษฎร จากนั้นต่อรองกับผู้ทำความผิดว่าจะช่วยลดโทษทัณฑ์ให้แลกกับสินบนก้อนใหญ่”

“คดีก่อน เขาจับกุมพ่อค้าที่ไม่ใช่พรรคพวกของตน แต่กลับเป็นการส่งเสริมให้พ่อค้าฝ่ายตนไร้คู่แข่งทางการค้า สำหรับคดีนี้พระองค์จะทำอย่างไรต่อไป หากกราบบังคมทูลฝ่าบาท เมิ่งกุ้ยเฟยจะเข้าแทรกแซงหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

ฉินอ๋องถอนหายใจ เมิ่งกุ้ยเฟยเป็นที่เสน่หาของฮ่องเต้มาก เมิ่งหยางเป็นน้องชายคนเล็กของเมิ่งกุ้ยเฟย

“ไม่แน่ว่ากุ้ยเฟยอาจจะช่วยเขาปิดฟ้า เช่นนั้นเราก็ต้องตีเรื่องนี้ให้ดัง”

          วันรุ่งขึ้น สุ่ยฝานหรงนำกองกำลังไปล้อมจับกุมคนเฝ้าเกลือเถื่อนอย่างเอิกเกริก พบว่าส่วนหนึ่งเป็นคนของเมิ่งหยาง บรรดาผู้ถูกจับกุมยอมรับผิดแต่ไม่มีผู้ใดซัดทอดถึงเมิ่งหยาง สำหรับเถ้าแก่ถางและคนของเมิ่งหยาง ก็ถูกลงทัณฑ์ตามที่สมควรจะได้รับ อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของเมิ่งหยางเริ่มแปรไปในทางสีเทา ราษฎรเรียกร้องให้ตรวจสอบทรัพย์สินของเมิ่งหยางว่ามีที่มาอย่างไร ไม่แน่ว่าเมิ่งกุ้ยเฟยยื่นมือเข้ามาช่วยดับไฟกองนี้ให้น้องชายหรือไม่ เรื่องการตรวจสอบก็ไม่มีอะไรคืบหน้า เมื่อเวลาผ่านไปราษฎรก็หันไปให้ความสนใจเรื่องราวใหม่ ๆ

          ครานี้เหลียงจื้อมีเรื่องมารายงาน “ท่านอ๋อง กระหม่อมได้ข่าวมาว่าเรือนอนุของมือปราบเมิ่งที่ตงฉานนั้น ผู้ที่จ่ายเงินไม่ใช่มือปราบเมิ่ง แต่เป็นเถ้าแก่ถางพ่อค้าเกลือเถื่อนที่ถูกจับกุมพ่ะย่ะค่ะ จ่ายในนามของมือปราบเมิ่ง เดิมจ่ายไปก่อนครึ่งหนึ่ง เมื่อถูกจับกุมอีกครึ่งหนึ่งก็ไม่ได้จ่าย ผู้ขายไม่กล้าโวยวายเพราะเกรงกลัวมือปราบเมิ่ง แต่ใช้วิธีปล่อยข่าวซุบซิบพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินอ๋องยิ้มร้าย หันไปมององครักษ์คนสนิททั้งสองนาย เหลียงจื้อเชี่ยวชาญทั้งการสู้รบและด้านอักษร จางชุนเก่งการสู้รบและมีความคล่องแคล่ว บางครั้งก็ทะเล้นเกินไปบ้าง เมื่อพิจารณาแล้วจึงสั่งจางชุนว่า

“งั้นเจ้าจงไปช่วยให้เรื่องราวใหญ่โต”

ไม่ผิดหวัง เรื่องราวบานปลายใหญ่โตเป็นเรื่องอื้อฉาวของตงฉาน ผู้ขายเรือนซึ่งมึนเมาถูกยั่วยุจากจางชุนถึงกลับกล้าพูดเสียงดังในร้านสุรา ก่นด่ามือปราบเมิ่งที่ไม่ยอมจ่ายค่าซื้อเรือนที่ค้างอยู่ เป็นเรื่องอื้อฉาวไปทั่วทั้งตงฉานภายในเวลาอันรวดเร็ว

คืนนั้นยามซวี ผู้ขายเรือนอนุนั่งตัวสั่นเทาอยู่ในลานบ้านของตัวเอง ถูกผู้บุกรุกประเคนมือเท้าเข่าศอกเข้าใส่ไม่ยั้งแต่ก็ไม่ลงดาบ วันรุ่งขึ้นผู้ขายเรือนเก็บตัวเงียบไม่กล้าแจ้งทางการ

ทางฝ่ายเมิ่งหยางนั่งฟังลูกน้องแจ้งผลการสั่งสอนแล้วก็ยังมีสีหน้าโกรธขึ้ง เขาเค้นเสียงลอดไรฟันออกมาว่า “นี่เพราะคนที่สมควรจ่าย ไม่จ่ายให้ครบ เจ้าไปกับข้า จะต้องรีดให้ได้ว่าเถ้าแก่ถางเก็บซ่อนทรัพย์สินไว้ที่ใด”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 6 ฉีกหน้ากากคนดี (2)

    ในเวลาต่อมา ร่างสูงใบหน้าละมุนก็มาเยือนที่คุมขัง เขาแจ้งแก่ผู้คุมว่าต้องการมาสอบปากคำเพิ่มเติม ผู้คุมเห็นว่าเมิ่งหยางเป็นผู้จับกุมเถ้าแก่ถางในครั้งแรก จึงให้เข้าไปพบนักโทษแต่โดยดี “เถ้าแก่ ท่านยังจ่ายค่าเรือนไม่ครบ”เถ้าแก่ถางมองเมินเมิ่งหยางอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“ข้าถูกคุมขังโทษทัณฑ์ร้ายแรงขนาดนี้ ท่านยังกล้ามาถามเรื่องเงินหรือ”“ตอนแรก ข้าก็ช่วยให้จำนวนเกลือมีเพียงเล็กน้อยแล้ว เป็นท่านเองที่ไม่รอบคอบ ไม่แบ่งของไว้หลาย ๆ ที่”“ก็ท่านเองมิใช่หรือ แนะนำให้เก็บไว้ที่จีฮวงลู่”เมิ่งหยางโบกมืออย่างรำคาญ ดวงตาแข็งกร้าว “ข้าไม่เถียงกับท่านแล้ว บอกมาท่านเก็บทรัพย์สินไว้ที่ไหน จะเอามาจ่ายค่าเรือนให้ครบ”เถ้าแก่ถางยืนกรานไม่บอกที่เก็บทรัพย์สิน เมิ่งหยางแสยะยิ้ม กล่าวเบา ๆ ว่า “พรุ่งนี้ รอฟังข่าว”มือปราบหนุ่มจากไปแล้ว เถ้าแก่ถางระล่ำระลักบอกผู้คุมว่า “ข้าขอพบฉินอ๋อง ข้ามีเรื่องจะสารภาพเพิ่มเติม”คืนนั้น ยามจื่อ ชายฉกรรจ์ในชุดดำนับสิบคนถีบประตูเรือนเถ้าแก่ถางจนสลักหลุด เมื่อเข้าไปในเรือนได้แล้วก็แยกย้ายกันไปค้นตามห้องต่าง ๆ เมิ่งหยางยืนสั่งการอย่างอหังการ“ฆ่าให้หมด ให้มันรู้ว่าการปฏิเสธอำ

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-03
  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 7 ลักพาตัว

    งานเลี้ยงดำเนินไปอย่างสนุกสนาน อย่างไรก็ตาม หญิงสาวทั้งหลายและชายหนุ่มทั้งปวงก็ได้แต่มองกันห่าง ๆ จนกระทั่งเสนาบดีกรมคลังกล่าวเชิญแขกทุกท่านร่วมสนุกแข่งขันยิงธนู โดยไม่แบ่งแยกหญิงชาย ทุกคนจึงไปรวมตัวกันที่ลานกว้างซึ่งเป็นสถานที่จัดแข่งขัน สุ่ยเฉินเฟิงซึ่งแทรกกลุ่มหญิงสาวเข้ามาใกล้พี่ชายกล่าวเสียงใส“พี่ใหญ่ ท่านก็ลองสักหน่อย ของรางวัลก็น่าสนใจมิใช่น้อย”ทันใดนั้น บุรุษในเครื่องแต่งกายสีเขียวเข้ม ปักลวดลายสวยงามก็ก้าวเข้ามา“หากคุณหนูสุ่ยต้องการของรางวัล ข้าจะนำมาให้”พลันสายตาทุกคู่จับจ้องไปที่เจ้าของเสียง บุตรชายคนเล็กแห่งจวนเสนาบดีกรมโยธานั่นเอง เขามีชื่อเสียงในฝีมือธนูอยู่พอสมควร สุ่ยเฉินเฟิงแย้มปาก“ขอบคุณคุณชายมาก แต่พี่ชายของข้าก็จะนำมาให้ข้าอยู่แล้ว ไม่รบกวนคุณชาย”จงเฝิ่นลู่สีหน้ามืดครึ้มแล้ว นางเม้มปาก พยายามกลืนความขุ่นเคืองใจลงท้อง งานนี้จวนเสนาบดีกรมคลังเป็นเจ้าภาพ คนที่โดดเด่นที่สุดก็ควรเป็นนาง แต่นี่อะไร บุตรีของแม่ทัพใหญ่แย่งความสนใจมากเกินไปแล้วบุตรชายเสนาบดีกรมโยธายังคงมียิ้มที่มุมปากก่อนเดินไปประจำจุดแข่งขัน สุ่ยฝานหรงก็เช่นกัน แน่นอนว่าสุ่ยฝานหรง รองผู้บัญชาการทหาร

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-04
  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 8 มัจฉาพระกาฬฝ่าป่าไม้กินเนื้อคน

    ร่างสูงเพรียวของฉินอ๋องก้าวเข้ามาในห้องทำงานของรองผู้บัญชาการทหารม้า เมื่อได้รับข่าวจากสุ่ยฝานหรง เขาก็รีบรุดมาอย่างเร็ว ดวงตายาวรีบัดนี้เปล่งประกายโหด“ยังไม่สารภาพงั้นหรือ ถ้าเช่นนั้น ข้าจะสอบถามเอง”เท่านั้นเอง หญิงสาวก็ร้องโหยหวน การสอบปากคำผู้ต้องหาของฉินอ๋องเป็นที่เลื่องลือ ไม่มีผู้ที่ฉินอ๋องสอบปากคำด้วยตนเองแล้วไม่คายความลับ ทันใดนั้น ร่างกายของนางก็ชักเกร็ง นัยน์ตาเหลือกลาน ฉินอ๋องตะโกนลั่น“อย่าให้นางฆ่าตัวตาย”แต่ก็สายไปเสียแล้ว ผิวของหญิงสาวเป็นสีม่วงคล้ำช้ำเลือดช้ำหนองอย่างรวดเร็ว นางขบกัดยาพิษที่ซ่อนไว้ในซอกฟันให้แตกออก พิษเข้าทำลายระบบหายใจอย่างรวดเร็วและยังมีผลต่อระบบการหมุนเวียนของโลหิตเมื่อนายทหารคนสนิทของสุ่ยฝานหรงตรวจสอบศพ ก็พบว่านางมีสัญญลักษณ์กองโจรปีศาจคำราม รองผู้บัญชาการทหารม้าเคร่งเครียด เส้นเลือดปูดโปนบนขมับ เขาสั่งห้ามทุกคนแพร่งพรายเรื่องนี้ เพื่อมิให้กระทบต่อชื่อเสียงของสุ่ยเฉินเฟิงคนของสุ่ยฝานหรงทำงานอย่างรวดเร็ว ร่างของหญิงสาวนางนั้นถูกเคลื่อนย้ายออกไปจากที่ทำการรองผู้บัญชาการทหารม้าอย่างเงียบเชียบภายในห้องทำงานของรองผู้บัญชาการทหารม้าเต็มไปด้วยผู้คนที

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-11
  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 9 กองโจรปีศาจคำราม

    ในลานกว้างบนยอดเขาเกาชาน บุรุษที่มีเครื่องหน้าละมุนนั่งเด่นเป็นสง่าอยู่บนเก้าอี้ไม้ที่ประกอบขึ้นอย่างสวยงาม ใกล้กันมีร่างขาวผ่องในเครื่องแต่งกายสีครีมนั่งหน้าบึ้ง ชายฉกรรจ์จำนวนมากและหญิงสาวหกคนแต่งกายทะมัดทะแมงนั่งล้อมวง นอกจากมีไหเหล้าวางไว้ข้างกายแล้ว ยังมีอาวุธวางไว้ไม่ห่างกายทุกคน กลิ่นหมูป่าย่างโชยหอมมาแตะจมูก เสียงท้องของใครคนหนึ่งในหน่วยมัจฉาพระกาฬดังขึ้น ทุกคนในหน่วยหันหน้ามามองจางชุน เขายิ้มจืดๆ เอามือกุมท้อง ยังโชคดีที่หน่วยมัจฉาพระกาฬอยู่ห่างจากกลุ่มชายฉกรรจ์พอที่เสียงท้องร้องหิวไม่ดังไปเข้าหูเพราะมั่นใจในความปลอดภัยของพื้นที่ กองโจรปีศาจคำรามจึงจัดคนไว้ลาดตระเวนจำนวนหนึ่ง ที่เหลือฉลองกันเต็มที่ วันนี้ลูกพี่จะสมรสสมรักแล้ว อันที่จริงสุ่ยเฉินเฟิงก็เป็นคู่หมายของเมิ่งหยางมาตั้งแต่นางยังอยู่ในท้องมารดาแล้ว เพียงแต่ว่ายังมิได้มีพิธีหมั้นตามธรรมเนียม เมิ่งหยางก็เกิดเหตุเสียก่อนฉินอ๋องเขม้นมองว่าที่บ่าวสาวในกองโจร อย่างน้อยก็ยังสบายใจได้นิดหน่อยว่าสุ่ยเฉินเฟิงยังปลอดภัย จะบุกเข้าไปชิงตัวนางทันทีก็คงยาก กองโจรนี้มีจำนวนคนมากกว่าหน่วยมัจฉาพระกาฬหลายเท่าตัว ยังไม่แน่ว่ามีกับดัก

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-11
  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 10 หน่วยพยัคฆ์เหิน

    ทางสุ่ยฝานหรงนั้น เมื่อฉินอ๋องพร้อมหน่วยมัจฉาพระกาฬเคลื่อนกายลงน้ำไปแล้ว ชายหนุ่มส่งยาลูกกลอนเม็ดเล็ก ๆ ให้ฝูซิง นายทหารคนสนิทและทหารในหน่วยพยัคฆ์เหินอีกจำนวนหนึ่ง ก่อนจะหยิบห่อของที่ได้รับจากฉินอ๋องออกมาหนึ่งห่อแล้วกล่าวว่า“ยาลูกกลอนนี้ช่วยป้องกันพิษจากสมุนไพรที่จะทาลงบนเกราะ แม้ว่าสมุนไพรพิษมีผลเฉพาะพืช ไม่มีผลต่อคนหรือสัตว์ แต่ท่านอ๋องคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุด ไม่ต้องการให้มีผลกระทบใด ๆ จึงให้ผู้มีหน้าที่โรยสมุนไพรพิษกินยาลูกกลอนป้องกันไว้ก่อน”รองผู้บัญชาการทหารม้ากวาดตามองกองกำลังที่ติดตามมา แล้วกล่าวต่อไปว่า“ยาลูกกลอนมีจำกัด ไม่สามารถแจกจ่ายให้ทุกคนได้ ขอให้ผู้ที่ไม่ได้ทำหน้าที่โรยสมุนไพรพิษถอยไปอยู่เหนือลมก่อนเถิด”เหล่าทหารที่ไม่ได้กินยาลูกกลอนและม้าศึกทั้งหลายถอยไปตั้งมั่นอยู่เหนือลม สุ่ยฝานหรงเปิดห่อของ สมุนไพรพิษในห่อมีสีแดงคล้ำ กลิ่นเหมือนใบไม้หมักที่ทับถมกันมานานปีส่งกลิ่นฉุนเฉียวแรง สมุนไพรพิษผสมน้ำทาลงบนเสื้อเกราะของทหาร ทหารผู้กล้าล่องแพไม้ที่ต่อขึ้นอย่างลวก ๆ ไปยังฝั่งป่าไม้กินเนื้อคน กลิ่นสมุนไพรพิษดูเหมือนจะทำให้ต้นไม้ใหญ่ตระหนกไม่น้อยเลยทีเดียว พยายามเอนลำต้นออ

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-12
  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 11 คมดาบนี้เพื่อเจ้า

    ตลอดทางเดินไปยังเรือนผู้นำ สุ่ยเฉินเฟิงพยายามสงบสติอารมณ์ กวาดตามองหาทางหนีทีไล่ แต่มองไปทางใดก็ล้วนแต่เห็นเวรยามของกองโจรยืนประจำจุดเรือนผู้นำเป็นเรือนไม้ขนาดกลางชั้นเดียว ก่อสร้างขึ้นแบบหยาบ ๆ ห่างออกไปเป็นเรือนของคนอื่นในกองโจร ปลูกในลักษณะกระท่อมขนาดเล็กหลายหลังเรียงรายกันไปเมื่อก้าวเข้าสู่ตัวเรือนผู้นำ ภายในเรือนตกแต่งด้วยสีแดง แม้จะไม่หรูหราแต่ก็แสดงถึงงานมงคล เมิ่งหยางจูงมือนางมานั่งที่โต๊ะ รินเหล้ามงคลใส่จอกส่งให้ สุ่ยเฉินเฟิงรับมาแต่โดยดี นางมีสีหน้าแปลกใจ“พี่หยางนำสิ่งของเหล่านี้ขึ้นมาบนยอดเขาได้อย่างไร”เมิ่งหยางกำลังอารมณ์ดี เมื่อเห็นสุ่ยเฉินเฟิงไม่ต่อต้าน ก็เข้าใจว่านางยอมรับชะตากรรมแต่โดยดี“มีเส้นทางที่จะขึ้นมาได้โดยไม่ยาก วันหน้าเจ้าจะได้เห็น”สุ่ยเฉินเฟิงวางจอกเหล้าไว้บนโต๊ะ นางเดินชมสิ่งของภายในเรือนแล้วไปหยุดอยู่ตรงหน้าภาพวาดทิวทัศน์ เมิ่งหยางเดินเข้ามาทางด้านหลัง สอดแขนเข้ามาโอบเอว ก้มลงกระซิบว่า“เฟิงเอ๋อร์ เจ้าจะถ่วงเวลาให้เนิ่นช้าไปไย เราไปพักผ่อนกันเถอะ”ฉับพลัน สุ่ยเฉินเฟิงหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้า ในมือคว้าแจกันทองเหลืองฟาดลงไปบนศีรษะของเมิ่งหยาง ชายหนุ่มเบี

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-13
  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 12 ปราบให้ราบคาบ

    สุ่ยเฉินเฟิงตัวสั่นสะท้าน ดวงตาเบิกกว้างอย่างตะหนก ฉินอ๋องดึงร่างบอบบางเข้ามากอดปลอบ“ปลอดภัยแล้วนะ เฟิงเอ๋อร์”หญิงสาวซุกตัวนิ่งอยู่ในอ้อมอกของเทียนตี้หย่ง ความอบอุ่นแผ่ซ่านครอบคลุมจิตใจ เพียงอึดใจเดียวนางก็เงยหน้าขึ้น“เราไปช่วยพวกเขากันเพคะ”ฉินอ๋องและสุ่ยเฉินเฟิงรีบกลับไปยังลานบ้านที่เสียงอาวุธกระทบกันยังดังต่อเนื่อง ก่อนถึงลานบ้าน ฉินอ๋องกดไหล่บอบบางของสุ่ยเฉินเฟิงให้หลบหลังแนวต้นไม้ใหญ่“เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่”หญิงสาวพยักหน้าแล้วทรุดตัวลงนั่งเงียบ ๆ หลบซ่อนไม่ให้ใครเห็นเมื่อจัดการให้สุ่ยเฉินเฟิงซ่อนตัวแล้ว ฉินอ๋องตรงเข้าร่วมกับหน่วยมัจฉาพระกาฬฟาดฟันกองโจรปีศาจคำราม ทุกครั้งที่ดาบตวัดออกไปย่อมมีหลายชีวิตปลิดปลิวแต่กองโจรปีศาจคำรามยังคงดาหน้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แม้กองโจรปีศาจคำรามจะสูญเสียผู้นำคือเมิ่งหยางไปแล้ว ก็มิได้สูญเสียกำลังใจ หากแต่ยิ่งเพิ่มความโกรธแค้นแม้ทักษะการต่อสู้ของกองโจรปีศาจคำรามจะห่างชั้นมาก แต่ด้วยจำนวนคนที่มากมายกว่าหลายเท่าตัว อีกทั้งการดำน้ำมายังทำให้หน่วยมัจฉาพระกาฬไม่สามารถสวมใส่เสื้อเกราะได้ ตามร่างกายของหน่วยมัจฉาพระกาฬก็มีบาดแผลบ้างเช่นกันทันใดนั้นเสี

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-14
  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 13 ไม่พบร่างหัวหน้ากองโจร

    เช้าวันรุ่งขึ้น ทุกคนลงจากเขาเกาชานใช้เส้นทางที่ต้องผ่านป่าไม้กินเนื้อคน สมุนไพรพิษที่ฉินอ๋องให้สุ่ยฝานหรงเก็บไว้หนึ่งห่อได้ถูกนำมาใช้เปิดเส้นทางบรรดาต้นไม้ยังอ่อนเปลี้ยเพลียแรงจากสมุนไพรพิษของเมื่อวาน วันนี้เหล่าทหารผู้กล้าโรยสมุนไพรพิษเพิ่มเติมอีกก็ได้แต่ยืนต้นสลบไสล กระนั้นสุ่ยเฉินเฟิงก็ยังตะหนกตกใจกับสิ่งที่พบเห็นตามเส้นทางเมื่อพ้นพื้นที่ป่าไม้กินเนื้อคน ฉินอ๋องให้พักม้าริมแม่น้ำฝั่งตรงข้าม แล้วสั่งการให้กองกำลังส่วนหนึ่งไปค้นหาศพของเมิ่งหยางซึ่งตกลงในน้ำเมื่อคืนที่ผ่านมาสุ่ยฝานหรงและสุ่ยเฉินเฟิงนั่งทอดตามองไปยังฝั่งตรงข้าม ฝูซิงสวมเสื้อเกราะเดินเข้ามาใกล้ กลิ่นสมุนไพรพิษลอยมา สุ่ยเฉินเฟิงทำจมูกฟุดฟิด อ๋องฉินมองเห็นก็ยิ้มแล้วเดินมานั่งร่วมวงก่อนเอ่ยว่า“สมุนไพรพิษปรุงขึ้นจากเถาวัลย์มรณะ เปลือกต้นผูกวิญญาณจากทุ่งน้ำแข็ง หางแมงป่องหิมะพันปีที่ตายโดยธรรมชาติไม่เกินสามวัน และยางสดของคางคกในถ้ำใต้สมุทร ในสัดส่วนที่ถูกต้องบดละเอียดให้เข้ากัน แม้มีส่วนผสมที่เป็นพิษหลายอย่าง แต่ก็มีส่วนผสมของโสมพันปีและเกสรดอกดาวสวรรค์ข่มพิษมิให้มีอันตรายต่อคนและสัตว์”“มิน่าเล่า กลิ่นรุนแรงนัก” สุ่ยเฉ

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-15

Bab terbaru

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 110 ใคร ๆ ก็หลงรักฮ่องเต้ผู้สง่างาม

    พระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นไปอย่างยิ่งใหญ่อลังการ เทียนตี้หย่ง ขึ้นครองราชย์สถาปนาเป็นฮ่องเต้เทียนคงอิงฉ๋ง ราษฎรทั่วแคว้นต้าเจียเฉลิมฉลองเจ็ดวันเจ็ดคืน พวกเขาล้วนมีความหวังที่ยิ่งใหญ่กว่าครั้งใดที่เคยหวัง ต่างแคว้นล้วนส่งทูตมาแสดงความยินดี ไม่มีแคว้นใดหาญกล้าทดสอบความแข็งแกร่งของฮ่องเต้พระองค์ใหม่เผ่าตู้เป็นชนเผ่าที่เคยถูกแคว้นต้าเลี่ยงรุกรานและสร้างความอัปยศให้แก่องค์หญิงหลายองค์จนปลิดชีพตนเอง เมื่อแคว้นต้าเจียปราบปรามแคว้นต้าเลี่ยงทำให้เผ่าตู้ได้รับอิสระอีกครั้ง เมื่อมาแสดงความยินดีในครั้งนี้ มีองค์หญิงน้อยเผ่าตู้ร่วมเดินทางมาด้วย องค์หญิงนาราเป็นองค์หญิงองค์เดียวที่ปลอดภัยจากการรุกราน เนื่องจากช่วงเวลานั้นไม่ได้อยู่ในดินแดนเผ่าตู้ ในท้องพระโรง พระเจ้าเทียนคงอิงฉ๋ง เทียนตี้หย่ง ประทับอยู่บนบัลลังก์มังกร พระพักตร์ขาวใส ดวงตาดำขลับยาวรีปลายชี้ฟ้า จมูกโด่งเป็นสัน ช่างสง่างามเหลือเกิน องค์หญิงน้อยมองดูด้วยความตะลึง หลงรักบุรุษผู้สง่างามนี้ทันทีเทียนตี้หย่งแย้มพระโอษฐ์ขอบคุณแคว้นต่าง ๆ ที่มาร่วมแสดงความยินดี และเชิญทูตทุกแคว้นทุกชนเผ่าเข้าร่วมงานเลี้ยงในตอนเย็น เนื่องจากยังไม่มีการแต่

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 109 เทพสงครามครองบัลลังก์มังกร

    หลังจากพระเจ้าเต๋อหมิงได้รับบาดเจ็บ คณะหมอหลวงก็พยายามทุกวิธีในการรักษา เพราะฤทธิ์ยาระงับความเจ็บปวดที่หมอหลวงปรุงขึ้น แม้พระพักตร์จะขาวซีดแต่ก็ไม่แสดงถึงความเจ็บปวด เวลาผ่านไปสิบกว่าวัน ลมหายใจที่แผ่วเบานั้นก็หยุดนิ่ง หัวหน้าหมอหลวงตรวจชีพจรอีกครั้งก่อนจะหันมาทูลต่อไทเฮาสือจินอวี้ว่า“พระองค์กลับคืนสู่สวรรค์แล้วพ่ะย่ะค่ะ”ไทเฮาสือจินอวี้ตัวอ่อน เป็นลมล้มพับ ฉินอ๋อง เทียนตี้หย่ง ที่ยืนอยู่ใกล้กันรับตัวเสด็จป้าสะใภ้ไว้ทันก่อนพระวรกายกระทบพื้น หมอหลวงแบ่งคนมาปฐมพยาบาลไทเฮา ความเศร้าโศกเสียใจล้นห้องบรรทมออกไปครอบคลุมวังหลวงและกระจายออกไปทั่วแคว้น พระเจ้าเต๋อหมิงเป็นผู้ปกครองใต้หล้าด้วยความเมตตา จึงเป็นที่รักใคร่ของราษฎร ในช่วงเวลาอันเศร้าหมอง ฉินอ๋องเป็นกำลังหลักในการสั่งการเรื่องต่าง ๆ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยหลังจากพิธีการต่าง ๆ ผ่านพ้นไป ไทเฮาสือจินอวี้ก็เรียกฉินอ๋องเข้าเฝ้า สุ่ยเฉินเฟิงดูแลเครื่องแต่งกายให้พระสวามี ฉินอ๋องใช้นิ้วดันคางของนางให้เงยหน้าขึ้น“เฟิงเอ๋อร์ เจ้ากังวลอะไรหรือ”สุ่ยเฉินเฟิงถอนหายใจ “ไม่แน่ว่าการเรียกตัวเข้าเฝ้าในครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับบัลลังก์ที่ว่างอยู่เพ

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 108 ศาสตร์และศิลป์ในการปกครอง

    พระเจ้าเต๋อหมิงบาดเจ็บสาหัส นับตั้งแต่วันที่เกิดเหตุพระองค์ก็ยังไม่ลืมพระเนตรขึ้นมา มีเพียงชีพจรและลมหายใจแผ่วเบาเท่านั้นที่ทำให้รู้ว่ายังมีพระชนม์ชีพอยู่ เกิดความโกลาหลในการบริหารงานเล็กน้อย ไทเฮาสือจินอวี้ต้องออกนั่งเป็นประธานการประชุมขุนนางในฐานะผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน พระนางไม่ประทับบนบัลลังก์มังกร แต่กลับให้คนนำเก้าอี้หงส์จากตำหนักของพระนางมาใช้ประทับเป็นการชั่วคราวแม้ว่าปกติไม่ว่าไทเฮาหรือฮองเฮาพระองค์ใดก็ตาม ไม่สามารถเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจการของวังหลวงได้ ผู้เป็นมารดาของแผ่นดินมีหน้าที่ควบคุมกำกับดูแลวังหลังให้เป็นไปโดยเรียบร้อย แต่สถานการณ์ของแคว้นต้าเจียในคราวนี้แตกต่างออกไป พระเจ้าเต๋อหมิงไม่ได้อภิเษกสมรสเพราะอยู่ระหว่างการไว้ทุกข์ให้กับไท่ซ่างหวงซึ่งก็คือเสด็จพ่อของพระองค์นั่นเอง อีกทั้งพระเจ้าเต๋อหมิงก็ไม่มีสนมจึงยังไม่มีพระราชโอรสหรือพระราชธิดาแม้แต่พระองค์เดียว แคว้นต้าเจียจึงยังไม่มีรัชทายาทเดิมทีเหล่าขุนนางตั้งใจว่าหลังจากพ้นการไว้ทุกข์ให้ไท่ซ่างหวงแล้ว พวกเขาจะกดดันให้พระเจ้าเต๋อหมิงอภิเษกสมรสและแต่งตั้งฮองเฮา รวมทั้งให้เริ่มการคัดเลือกสนมเข้ามาปรนนิบัติตามธรรมเนียมท

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 107 ขบวนการทำลายแคว้นจบสิ้น

    ก่อนที่สุ่ยฝานหรงจะออกไป ฉินอ๋องสั่งการเพิ่มเติมว่า “ตอนที่จับกุมเมิ่งกุ้ยเฟย คนที่สุสานบรรพชนล้วนถูกลงโทษ นางกำนัลอู่ก็ติดตามกุ้ยเฟยไปที่สุสานด้วย ท่านตรวจสอบด้วยว่าผู้ใดช่วยเหลือให้นางหลบหนีจนรอดพ้นได้” “พ่ะย่ะค่ะ”สุ่ยฝานหรงออกไปแล้ว ฉินอ๋องกลับเข้าไปในห้องบรรทมของพระเจ้าเต๋อหมิง มีโต๊ะวางไว้มุมห้อง เขาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ จางชุนรินน้ำชาส่งให้ เขารับมาถือไว้นิ่ง ๆ มองตรงไปก็เห็นญาติผู้พี่นอนนิ่ง พระพักตร์ซีดเซียว นี่คือสิ่งที่เขากังวลอยู่เสมอว่าจะเกิดขึ้น และแล้วก็เกิดขึ้นจริง พี่สี่ของเขาพระทัยอ่อน ใช้สายพระเนตรที่เมตตามองผู้คนโดยรอบ ใช้พระคุณแต่เพียงอย่างเดียวในการปกครองเวลาผ่านไป แม่ทัพใหญ่สุ่ยฝานหรงกลับมาอีกครั้งเมื่อเข้ายามอิ๋น เขาสีหน้าไม่ดีนัก รายงานว่า“ตรวจสอบโดยละเอียดแล้วพ่ะย่ะค่ะ นางกำนัลอู่ไม่ถูกจับกุมเพราะนางลากลับบ้านเดิมเพื่อจัดการงานศพของมารดา เมื่องานศพเสร็จแล้ว ระหว่างทางที่เดินทางกลับเมืองหลวง ก็ได้ข่าวว่าคนที่สุสานบรรพชนถูกจับกุม นางจึงซ่อนเร้นตัว เมื่อทหารที่ไปตรวจค้นสุสานบรรพชนและทำลายเห็ดเมากลับไปแล้ว นางก็ลักลอบเข้าไปในสุสานบรรพชน เพราะนางอยู่ที่นั่นกั

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 106 บาดเจ็บสาหัส

    “พ่ะย่ะค่ะ เสด็จป้าสะใภ้ หลานจะสอบสวนเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้สภาพในคุกไม่เหมาะสำหรับผู้บาดเจ็บ” เขาหันถามหัวหน้าหมอหลวงว่า “จะเคลื่อนย้ายฝ่าบาทได้หรือไม่ หรือต้องรอให้อาการดีขึ้นกว่านี้ก่อน”หัวหน้าหมอหลวงตอบว่า “สามารถเคลื่อนย้ายได้แล้วพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง แต่ต้องทำด้วยความระมัดระวัง คุกหลวงไม่เหมาะกับการรักษาผู้ป่วยจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”ในที่สุด พระเจ้าเต๋อหมิงก็ถูกเคลื่อนย้ายไปยังตำหนักเฉียนชิง ฉินอ๋องประคองไทเฮา สือจินอวี้ไปพร้อมกัน โดยให้สุ่ยฝานหรงซึ่งตามมาถึงแล้ว ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุอย่างละเอียด ไทเฮานั่งกุมพระหัตถ์พระราชโอรส พระพักตร์ของพระองค์และพระเจ้าเต๋อหมิงซีดขาวพอกัน"เสด็จป้าสะใภ้พักผ่อนก่อนดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” ไทเฮาสือจินอวี้ส่ายพระพักตร์ “ป้าสะใภ้จะเฝ้าเต๋อเอ๋อร์ เมื่อเขาฟื้นจะได้เห็นหน้าแม่เป็นคนแรก”“ถ้าเช่นนั้นหลานจะให้คนจัดห้องด้านข้างเป็นที่บรรทมชั่วคราวดีไหมพ่ะย่ะค่ะ เสด็จป้าสะใภ้ไปพักผ่อนก่อน มิฉะนั้นอาจจะประชวรไปอีกพระองค์ หากพี่สี่รู้สึกตัวแม้เพียงเล็กน้อยจะให้คนไปทูลให้ทรงทราบทันที”ไทเฮาพยักพระพักตร์ ฉินอ๋องจึงสั่งให้ขันทีประจำตำหนักเฉียนชิงเร่งจัดห้องบรรทมช

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 105 ฟางเส้นสุดท้าย

    ในห้องขังห้องหนึ่งของคุกหลวง บนโต๊ะตัวเล็กซึ่งวางไว้มุมหนึ่งมีกับข้าวสองอย่างและน้ำ แม้จานอาหารจะไม่ได้ตกแต่งอย่างสวยงาม แต่กับข้าวก็มีทั้งเนื้อและผัก อีกมุมหนึ่งมีผ้าผืนใหญ่ค่อนข้างหนาปูไว้บนพื้นสำหรับใช้เป็นที่นอน อากาศเย็นและอับชื้น โคมไฟที่มุมกำแพงส่องแสงลอดลูกกรงเข้ามาทำให้ในห้องขังไม่มืดองค์ชายรอง เทียนตี้ฮุ่ย นั่งอยู่บนผ้าปูนอน หลังพิงกำแพงคุกหลวง สามวันแล้วที่เขาเข้ามาอยู่ในคุกหลวง แม้ว่าอาหารจะไม่เป็นที่พอใจแต่เขาก็รับประทานได้ ไม่มีเหตุผลที่ต้องทรมานตัวเอง ข้อเท้าของเขาได้รับการรักษา หมอหลวงเข้ามาทำแผลให้วันละสองครั้ง แต่ถึงกระนั้นก็ยังอักเสบ มีเลือดและน้ำหนองซึมออกมา เขาไม่สามารถเดินได้ แม้จะเป็นระยะทางใกล้ ๆ จากที่นอนตรงไปยังโต๊ะอาหาร เขาต้องคลานไป ช่างน่าอนาถนักมีเงาไหววูบอยู่หน้าห้องขัง เขามองออกไปก็เห็นบุรุษรูปร่างสูงผอมที่คุ้นเคย ทั้งหน้าตาผิวพรรณและเครื่องแต่งกายล้วนสูงส่ง พระเจ้าเต๋อหมิงมองผ่านลูกกรงเข้ามา ตรัสถามว่า“แผลที่ขาเป็นอย่างไรบ้างพี่รอง”องค์ชายรอง เทียนตี้ฮุ่ย หันหน้าไปอีกทางหนึ่ง ใบหน้าเศร้าโศก ไม่พูดไม่จา พระเจ้าเต๋อหมิงจึงให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ไขกุญแ

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 104 จื่อหยวน เจ้าอีกแล้ว

    พระเจ้าเต๋อหมิงลุกขึ้นจากบัลลังก์มังกร ตรงไปหยุดยืนตรงหน้าพี่รองของเขา พระเนตรฉายแววเสียพระทัยชัดเจน องค์ชายรองที่นั่งคุกเข่าเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นน้องชาย ฝ่ายหนึ่งดูสูงส่ง อีกฝ่ายหนึ่งดูไร้ค่า ภาพนั้นสะท้อนเข้าตาของอดีตเมิ่งกุ้ยเฟย น้ำตารินไหลลงมาอาบใบหน้าองค์ชายรองถูกมัดมือแต่ไม่ได้มัดเท้า เขาผุดลุกขึ้นยืนประจันหน้า “ถือว่าข้าเพลี่ยงพล้ำในหมากกระดานนี้ สังหารข้าเสียเถิด”“ไม่....” เสียงของอดีตเมิ่งกุ้ยเฟยร้องดังลั่นท้องพระโรง ทุกสายตาหันไปจับจ้องนางที่ทรุดตัวลงไปนั่งราบลงกับพื้น สองมือที่ถูกมัดแน่นเหยียดนิ้วออกกราบลงบนพื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ได้โปรดอภัยให้เย่าชือเพคะ ได้โปรดเห็นแก่ความเป็นพี่น้อง”ในขณะที่ทุกสายตาจับจ้องไปที่อดีตพระสนมของฮ่องเต้องค์ก่อน องค์ชายรองก็พุ่งตัวสุดแรงเข้าหาผู้เป็นน้องชาย เป็นความหวังครั้งสุดท้าย หากพระเศียรของพระเจ้าเต๋อหมิงกระทบพื้นแข็งของท้องพระโรงที่ถูกขัดจนขึ้นเงานั้น พระชนม์ชีพอาจไม่เหลือแล้วมีอาวุธบางอย่างถูกซัดออกมาจากหลังฉาก อาวุธลับนั้นหมุนแหวกอากาศส่งเสียงแหลมดังเสียดแทงโสตประสาท สกัดองค์ชายรองให้ทรุดลงกับพื้นก่อนที่จะถึงพระวรกายของพระเจ้าเต๋อหมิง

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 103 แคว้นอบายมุข

    “เจ้านั่งคอยหลังฉากก่อนนะ ข้าอยากจะฟังว่าพี่รองจะแก้ตัวอย่างไร”พระเจ้าเต๋อหมิงตรัสสั่ง ฉินอ๋องจึงเดินไปนั่งหลังฉาก พระเจ้าเต๋อหมิงตรงไปยังบัลลังก์มังกร ยามนั้นเป็นเวลาเซิน ไม่มีการประชุมขุนนาง ในท้องพระโรงอันกว้างใหญ่จึงมีเพียงองค์ชายรอง เทียนตี้ฮุ่ย และเมิ่งกุ้ยเฟย ยืนอยู่กลางห้อง มือของพวกเขาถูกพันธนาการไว้ด้วยเชือกแน่นหนา รายล้อมไปด้วยทหารหน่วยพยัคฆ์เหินและหน่วยมัจฉาพระกาฬ นอกจากนั้นก็คือบรรดาองครักษ์ประจำพระองค์ของพระเจ้าเต๋อหมิง เมื่อพระเจ้าเต๋อหมิงประทับบนบัลลังก์ ทหารหน่วยพยัคฆ์เหินซึ่งควบคุมตัวองค์ชายรองก็ใช้ฝ่ามือกดลงบนบ่าแล้วเอ่ยว่า “คุกเข่า”เทียนตี้ฮุ่ยสีหน้าเรียบเฉย เขาทรุดตัวลงคุกเข่าแต่โดยดีเพราะรู้ว่าขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์ ในขณะที่อดีตเมิ่งกุ้ยเฟยคุกเข่าลงพร้อมกัน “พี่รองทำเช่นนี้ทำไม”“เจ้าไม่น่าจะใช้คำถามนี้กับข้า” เทียนตี้ฮุ่ยตอบด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ไร้ความอ่อนน้อมที่เคยฉาบไว้ แม้แต่สรรพนามก็เปลี่ยนไปด้วย “พี่รองทั้งลักลอบเพาะปลูกเห็ดเมา ทั้งอยู่เบื้องหลังบ่อนการพนันทั้งหลาย สิ่งเหล่านี้ล้วนทำลายเยาวชน ทำลายราษฎร เป็นการทำร้ายแคว้นต้าเจียอย่างถึงรากนั่นเชียว

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 102 ที่แท้เขากลับมาเพื่อทำลาย

    ฉินอ๋อง เทียนตี้หย่ง และแม่ทัพใหญ่ สุ่ยฝานหรง รับรู้การตัดสินพระทัยของพระเจ้าเต๋อหมิงด้วยความกังวล แต่เรื่องนี้ก็มีพระราชโองการแล้วจึงได้แต่เก็บปากเก็บคำเมื่อเทียนตี้ฮุ่ยคืนสู่ตำแหน่งฉู่อ๋องแล้ว ฉินอ๋องก็คาดว่าเขาคงจะขอพระราชทานอภัยโทษให้เมิ่งกุ้ยเฟยผู้เป็นมารดาด้วย แต่หลังจากเวลาผ่านไปพอสมควร องค์ชายรอง เทียนตี้ฮุ่ย ก็ไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้ ทำให้แปลกใจฉินอ๋อง เทียนตี้หย่ง ไม่ได้ไปเยือนจวนแม่ทัพใหญ่นานแล้วเพราะสุ่ยเฉินเฟิงแต่งให้เขาแล้ว จวนแม่ทัพใหญ่จึงไม่มีแรงดึงดูดเขาอีกต่อไป กลับกลายเป็นว่าสุ่ยฝานหรงเป็นฝ่ายมาเยือนจวนอ๋องมากขึ้น สุ่ยฝานหรงมักจะแวะไปรับเหมยกุ้ยมาด้วยวันนี้ก็เช่นกัน ทั้งสี่คนนั่งล้อมวงในลานข้าง อากาศอบอุ่น กลิ่นดอกไม้หอมอ่อน ๆ ทำให้บรรยากาศสดชื่น บนโต๊ะมีอาหารหลายชนิด สุ่ยเฉินเฟิงจับตามองพี่ชายเงียบ ๆ นางรู้สึกว่าเขาเอาใจใส่เหมยกุ้ยเป็นพิเศษ สุ่ยฝานหรงคีบอาหารวางให้บนข้าวของเหมยกุ้ย“เจ้าลองซักคำ เนื้อกวางป่าผัดเห็ดนี่อร่อยมาก”เหมยกุ้ยใช้ตะเกียบคีบเห็ดขึ้นมาดูแล้วกล่าวว่า “คล้ายเห็ดเมาเลย”ทำให้ผู้ร่วมโต๊ะต่างก็เพ่งตามองเห็ด สุ่ยฝานหรงบอกว่า “ไม่ใช่เห็ดเมา เพียงแ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status