Share

บทที่ 6

ยามฟ้าสางรุ่งอรุณมาเยือน แสงอาทิตย์สีทองเริ่มจับขอบฟ้า หมู่สกุณาเริงร่าร้องขับขาน เยว่อวิ๋นถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงพูดคุยเล็กๆ

“ท่านพี่ ข้าหิวแล้ว” เสียงที่พอฟังออกว่าเป็นเด็กหญิงดังขึ้น จากนั้นก็มีเสียงตอบกลับจากเด็กชาย “ชู่ เบาๆ นางตื่นแล้ว”

เยว่อวิ๋นลืมตาเหม่อมองหลังคาอยู่พักหนึ่ง นางนอนฟังเจ้าของเสียงคุยกัน ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นขึ้นนั่งช้าๆ

ดวงตากลมหรี่มองไปทางที่มาของเสียง เห็นเพียงบานประตูที่ถูกแง้มเปิดไว้เท่านั้น หญิงสาวพลันเลิกคิ้วเล็กน้อยทว่าไม่เอ่ยวาจา

เห็นว่าเจ้าของเสียงไม่กล้าปรากฏกาย เยว่อวิ๋นจึงรั้งสายตากลับมายังร่างบุรุษข้างกายพลางย่นจมูกเล็กน้อย กลิ่นเนื้อเน่าที่ลอยปะปนมากับกลิ่นอับชื้น บอกให้รู้ว่าสภาพบาดแผลของคนผู้นี้ย่ำแย่มากแค่ไหน

ฉับพลันเสียงโครกครากก็ดังจากส่วนกลางลำตัว เยว่อวิ๋นละความสนใจจากสามีหมาดๆ ของตน นางข่มอาการวิงเวียนที่ไม่รู้ว่าเพราะเป็นเพราะแผลที่ศีรษะหรือความหิวลงท้อง พลางลุกก้าวเดินออกจากห้อง

อย่างไรเสียก็มีเวลาอยู่ด้วยกันอีกนาน หาอะไรกินลงท้องก่อน แล้วค่อยมาดูหน้าสามีที่เพิ่งแต่งกันก็ยังไม่สาย ที่สำคัญนางต้องการดูท่าทีของอีกฝ่ายด้วย

อนาคตนางจะช่วยเหลือคนผู้นี้หรือไม่ยังต้องไตร่ตรองดูให้ละเอียดสักหน่อย

เยว่อวิ๋นเดินสำรวจตัวบ้านมาจนถึงห้องครัวด้านหลัง หญิงสาวมองข้าวของที่วางกองไว้อย่างไร้ระเบียบด้วยใบหน้าว่างเปล่า ข้าวสาร ไข่ และผักตากแห้งพวกนี้คงเป็นสิ่งที่แม่สามีของนางทิ้งเอาไว้ให้ แม้มีไม่มากมายนักทว่าก็ยังพอให้ประทังชีวิตไปได้สักสองสามวัน

เพียงแต่ว่าเมื่อยามสายตามองเห็นสิ่งเหล่านี้ เยว่อวิ๋นก็พลันนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้

อืม…ดูเหมือนว่านางจะทำอาหารไม่เป็นสินะ…

มุมปากแห้งกร้านบิดเบี้ยวเล็กน้อย เยว่อวิ๋นสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง อดยกมือขึ้นกุมขมับไม่ได้ นางที่อดีตเคยถูกยกย่องว่าเป็นแม่ทัพผู้เชี่ยวชาญการรบเก่งกาจทั้งบุ๋นบู๊ มายามนี้กลับต้องสิ้นท่าอยู่หน้าข้าวสารเสียนี่

ต่อให้ไม่เคยกินหมูแต่ก็ต้องเคยเห็นหมูวิ่งมาบ้าง [1] ถึงนางจะไม่เคยทำอาหาร แต่ตอนมีชีวิตอยู่ชาติก่อนก็ยังเคยเห็นพ่อครัวในกองทัพต้มข้าวเลี้ยงทหารยามไปตั้งค่ายออกรบมาก่อน ดูแล้วก็น่าจะไม่ยากจนเกินทำ

ขนาดยาลูกกลอนนางยังปรุงออกมาได้เลย นับประสาอะไรกับอีแค่การต้มข้าวกัน เรื่องแค่นี้นับว่าเล็กน้อยมาก

คิดจบ กำลังใจก็เพิ่มพูน หญิงสาวมองหาหม้อจนเจอในที่สุด นางเทข้าวสารลงไปเกือบครึ่งที่มี ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นเศษผงและดินที่ผสมปนเปอยู่ในนั้น

เอาเถอะ ถึงอย่างไรมีกินก็ยังดีกว่าไม่มี แม้ข้าวสารจะเก่าและสกปรกไปสักหน่อย แต่ก็ช่วยให้อิ่มท้องได้เหมือนกัน อีกทั้งในบ้านยังมีคนป่วยกับเด็กรอกินอาหารอยู่ด้วย

โชคดีที่ตอนเดินทัพนางเคยก่อกองไฟ ทำให้ไม่นานไฟในเตาก็เริ่มปะทุ เยว่อวิ๋นเป่าลมด้วยความโล่งอก นางมองเงาร่างเล็กๆ สองเงาที่แอบอยู่นอกประตูพลางยกหม้อขึ้นตั้งไฟ

“ท่านพี่ นางกำลังทำอาหารใช่หรือไม่ นางจะแบ่งให้พวกเรากินด้วยไหม” เด็กหญิงถามพี่ชายเสียงเบา ในแววตามีความคาดหวังฉายอยู่เจือจาง

รู้ว่าน้องสาวถามเพราะความหิว ต้าเป่าไม่อยากทำลายความหวัง ทว่าในใจเด็กชายกลับรู้ดีว่าเป็นไปได้ยากนัก ใบหน้าเล็กๆ ที่ซูบเหลืองจึงเผยให้เห็นความอึดอัดคับข้องใจที่เด็กวัยนี้ไม่ควรมี

นับตั้งแต่ท่านพ่อของเขาป่วย คนในครอบครัวที่เคยทำดีด้วยก็เปลี่ยนไป พวกเขาสองพี่น้องถูกใช้ให้ทำงานทุกอย่างที่ทำได้ ทว่าท้องกลับไม่เคยได้สัมผัสความอิ่มหนำเลยสักครั้ง

ต้าเป่าเป็นเด็กฉลาด คำพูดกับการกระทำของญาติๆ เหล่านั้น ทำให้เขารู้ว่าพวกตนกับบิดาถูกมองว่าเป็นภาระที่แม้แต่ย่าของตัวเองก็ยังไม่ต้องการ

ทว่าถึงรู้แล้วอย่างไร เขากับน้องสาวเพิ่งจะอายุห้าขวบ บิดาก็ป่วยหนักไม่อาจดูแลตัวเอง หากถูกไล่ออกจากบ้านสกุลเซี่ยไป ไม่ต้องรอให้ถึงฤดูหนาวมาเยือน ก็คงได้อดตายกันหมดเป็นแน่

เพราะรู้ซึ้งถึงข้อนี้ เด็กชายจึงพยายามอดทนต่อความยากลำบาก ยอมทำงานที่ได้รับมอบหมายในทุกวันอย่างสุดชีวิต หวังเพียงให้บิดากับน้องสาวยังได้มีที่พึ่งพิง แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความคิดไร้เดียงสาของเขาเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น

เห็นผู้เป็นย่ารีบร้อนแต่งภรรยาใหม่ให้บิดา แม้ในใจลึกๆ ต้าเป่าจะรู้สึกอึดอัด ทว่าก็ยังมีความยินดีปรีดาท่วมท้น เพราะเด็กน้อยเชื่อว่าการที่ท่านย่าตนทำเช่นนี้เพราะเอาใจใส่ท่านพ่อของเขานั่นเอง หารู้ไม่ว่า…

“พี่เองก็ไม่รู้” ขนาดคนที่เป็นญาติแท้ๆ ยังไม่ต้องการสิ้นเปลืองกับพวกเขาพี่น้อง แล้วคนอื่นอย่างผู้หญิงคนนั้นจะยินยอมหรือ “น้องสาว เจ้าต้องระวังตัวไว้ให้ดีนะ นางเป็นคนนอก พวกเราไม่อาจรู้ได้ว่าในใจนางคิดอะไรอยู่”

ต้าเป่าจำได้ว่าในหมู่บ้านเคยมีครอบครัวหนึ่ง บิดาเป็นพ่อม่ายลูกติดได้แต่งภรรยาใหม่ สตรีผู้นั้นไม่เพียงใช้งานลูกติดสามีอย่างหนัก ทั้งยังทารุณทุบตี ซ้ำพอหลังจากตั้งท้องอีกฝ่ายก็กล่อมให้เขาขายลูกภรรยาเก่าไปอีกด้วย

เมื่อมีแม่เลี้ยงก็จะมีพ่อเลี้ยงไปด้วย สองสามวันมานี้เด็กชายได้ยินประโยคนี้จากปากของหลายคน แน่นอนว่าจุดประสงค์ของคนพวกนั้นไม่ได้ดีแน่ ต้าเป่าที่ระยะหลังมักได้เผชิญกับคลื่นลมภายในใจคนก็พอมองออกอยู่บ้าง

สองพี่น้องพูดคุยโต้ตอบกันด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา พวกเขาคิดว่าตัวเองแอบซ่อนดีแล้ว ทว่าไม่รู้เลยว่าทุกถ้อยคำถูกคนที่ตนกล่าวถึงได้ยินเสียแล้ว

เยว่อวิ๋นไม่กังขาในคำพูดโตเกินวัยของเด็กชายเลยสักนิด นางเกิดและเติบโตมาในราชวงศ์ที่ไม่มีผู้ใสซื่อไร้เดียงสา ญาติๆ ของนาง อายุสามขวบก็รู้จักการวางอุบายใส่ผู้อื่นแล้ว

อีกอย่างเด็กนั่นก็แค่เตือนน้องสาวให้ระวังตัวจากนางเท่านั้น ดั่งคำที่กล่าวเอาไว้ แม้ไม่มีจิตที่คิดร้ายทว่าใจป้องกันนั้นยังต้องมีอยู่ [2] มองจากจุดนี้ในใจเยว่อวิ๋นก็นึกชมชอบเจ้าซาลาเปาน้อยนี่ขึ้นมานิดหน่อยแล้ว

เพียงแต่ต้าเป่าไม่ล่วงรู้ความคิดของเยว่อวิ๋นเลยสักนิด เพราะตอนนี้ความสนใจของเด็กชายถูกการกระทำของนางดึงไปหมดสิ้น จนถึงกับต้องขยี้ตาซ้ำๆ

เขาเห็นนางจุดไฟ นำหม้อออกมาวาง แล้วจัดการเทข้าวสารในถุงลงไปเกินครึ่ง จากนั้นก็ตักน้ำใส่ ก่อนจะยกขึ้นตั้งบนเตาไฟโดยไม่มีการล้างใดๆ

คิดถึงสภาพข้าวผสมเศษดินเศษกรวดที่เห็นยามแอบเปิดดูเมื่อวาน ต้าเป่าพลันรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย การกินดินโดยตรงทำให้ปวดท้องทรมานแทบตาย เขาที่มีประสบการณ์นั้นรู้ดียิ่งกว่าใคร แต่เหตุใดสตรีตรงหน้าถึงต้มข้าวโดยไม่ล้างดินออกก่อนกัน

หรือว่าดินกับกรวดพอมาต้มผสมข้าวแล้วจะทำให้คนกินไม่ปวดท้องกัน

เยว่อวิ๋นจะรู้ได้อย่างไรว่าก่อนต้มต้องซาวน้ำล้างข้าว ชีวิตในชาติก่อนของนางล้วนห่างไกลจากห้องครัว

ตอนเด็กไม่มีเหตุผลให้ท่านหญิงน้อยของวังอ๋องไปยุ่งเกี่ยวกับการทำอาหาร ตอนโตยิ่งไม่มีความจำเป็นให้แม่ทัพผู้บัญชาการรบไปทำเรื่องพวกนี้

วัยเด็กนางขอเพียงขยับมือกับปากเสื้อผ้าอาหารก็เตรียมพร้อมรอไว้แล้ว ตอนโตมาแม้แต่ในยามเดินทัพก็มีคนสนิทคอยดูแลการกินอยู่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงภายหลังจากได้พบกับเซี่ยฉงอวิ๋น นางแทบจะถูกคนผู้นั้นขุนเลี้ยงดูเสียจนอ้วนพี

เยว่อวิ๋นอาศัยความทรงจำที่เคยเห็นทหารในกองทัพต้มโจ๊กมาก่อนลงมือทำ ทว่าผ่านไปครู่หนึ่ง พอเห็นสีของน้ำข้าวเริ่มดูไม่ต่างจากน้ำโคลน นางก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง

“ปกติข้าวต้มควรเป็นสีขาวมิใช่หรือ สีน้ำแบบนี้พอข้าวสุกจะขาวได้อย่างไร”

เสียงบ่นงึมงำของสตรีในห้องครัวดังขึ้น ต้าเป่าฟังแล้วครุ่นคิด ก่อนจะเบิกตาโตด้วยความตกใจ

นี่คงมิใช่ว่า มารดาคนใหม่ของเขา ทำอาหารไม่เป็นใช่หรือไม่!

เด็กชายคิดแล้วก็ส่ายหน้า เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ขนาดน้องสาวเขาอายุแค่นี้ ยังต้องช่วยทำงานในครัวเลย แล้วอีกฝ่ายที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว มีหรือจะทำไม่เป็นกระทั่งการต้มข้าวต้มง่ายๆ

คำพูดต่อมาของคนในครัวทำให้ต้าเป่าต้องยอมรับความจริง ว่าคนตรงหน้าพวกเขาไม่รู้กระทั่งวิธีต้มข้าวด้วยซ้ำ

“สุกหรือยังนะ” เสียงใสเอ่ยขึ้นลอยๆ มือเล็กหยิบเอากระบวยมาตักข้าวสารขึ้นดู ก่อนจะฉวยหยิบเอาเมล็ดสีกระดำกระด่างใส่ปากชิม “ยังแข็งกรุบอยู่เลยนี่นา แล้วมันต้องต้มนานแค่ไหนกัน”

เห็นท่าทางของเยว่อวิ๋น หน้าผากเด็กชายเกิดรอยย่นสามเส้นขึ้นมาทันที

เพิ่งยกหม้อตั้งไฟยังไม่ทันเดือดดีก็ถามแบบนี้แล้ว คนทำอาหารเป็นที่ไหนเขาทำกัน!

[1] เป็นสำนวน หมายถึง เราอาจจะไม่เคยประสบสิ่งนั้นมาด้วยตนเอง แต่เคยได้ยินหรือเห็นมาก่อน อย่างไรก็ต้องรู้มาบ้าง

[2] หมายถึง แม้ไม่มีใจคิดร้ายต่อผู้อื่น แต่ก็ต้องมีความคิดปกป้องตัวเอง
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 7

    “ต้องซาวน้ำล้างเศษดินทิ้งก่อนหุงเจ้าค่ะ” เสียงเล็กๆ ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ในกระแสเสียงปะปนด้วยอารมณ์หวาดหวั่นของผู้เป็นเจ้าของเยว่อวิ๋นเลิกคิ้วเล็กน้อย ในใจบางอ้อขึ้นมาทันที ที่แท้เพราะนางยังไม่ได้ล้างข้าวก่อนนี่เอง สีของน้ำจึงมิต่างจากน้ำโคลนเช่นนี้ หญิงสาวหันไปยิ้มให้เจ้าตัวน้อยที่แอบอยู่ด้านหลัง

    Last Updated : 2025-04-02
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 8

    “เด็กน้อย เจ้าดูไฟเป็นหรือไม่” หญิงสาวถามเบาๆเสี่ยวอวี้ประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะพยักใบหน้ารัวๆ ประดุจไก่จิกข้าวสาร“เป็นเจ้าค่ะ ตั้งแต่เสี่ยวอวี้สี่ขวบก็มีหน้าที่คอยจุดไฟให้ท่านป้าใหญ่อยู่แล้ว” เด็กหญิงบอกน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว ขณะทรุดลงนั่งยองๆ หน้าเตาไฟเยว่อวิ๋นหรี่นัยน์ตามองร่างเล็กตรงหน้าอย่างพินิจ

    Last Updated : 2025-04-02
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 9

    ในความคิดของเยว่อวิ๋น เด็กน้อยอายุไม่กี่ขวบเหล่านี้ หากถูกเลี้ยงดูดีๆ มีใครบ้างที่ไม่ขาวอวบนุ่มนิ่มดังเช่นซาลาเปาทว่าน่าเสียดายนัก ลูกเลี้ยงของนางทั้งสองคนกลับเป็นได้แค่หัวไชเท้าน้อยเปื้อนโคลน พวกเขาไม่เพียงมีร่างกายที่ผ่ายผอมแคระแกร็น ทั้งยังเต็มไปด้วยริ้วรอยบาดแผลฟกช้ำตามเนื้อตัวชนิดไม่มีที่ว่าง

    Last Updated : 2025-04-02
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 10

    เยว่อวิ๋นนั้นไม่รู้ตัวเลยว่าเจ้าหัวไชเท้าน้อยที่นางกำลังคิดเลี้ยงดูนั้น กำลังวางแผนที่จะเลี้ยงดูนางในอนาคตเช่นกันเนื่องจากฟ้าด้านนอกยังสว่างไม่มากนัก ภายในห้องมีเพียงเแสงสว่างสลัวๆ เมื่อรวมกับกลิ่นอับชื้นอากาศจึงไม่น่าพิสมัยนัก เยว่อวิ๋นพลันขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะถือชามข้าวต้มเดินเข้าในห้องคนบนเตียงยั

    Last Updated : 2025-04-03
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 11

    รอยยิ้มกลบเกลื่อนของเยว่อวิ๋นไม่นับว่าแนบเนียน แต่ตัวเซี่ยฉงอวิ๋นเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน ทั้งคู่จึงไม่ทันมองออกถึงความในใจที่ต่างคนก็ต่างซ่อนเก็บไว้“นี่มันอะไรกัน ทำไมข้าวสารกับไข่ถึงได้เหลือแค่นี้!”เสียงร้องตะโกนดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ เยว่อวิ๋นราวกับได้ย้อนไปวันแรกที่นางฟื้นมาในร่างนี้แล้วมียายแ

    Last Updated : 2025-04-04
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 12

    นี่ใช่นางเด็กบ้านเยว่ที่ตนเคยเจอจริงน่ะหรือแม่เฒ่าเซี่ยเบิกตากว้างมองคนตรงหน้า อีกฝ่ายไม่เหมือนเดิมเลยแม้แต่น้อย คำพูดที่ฉาดฉานแสดงออกถึงความมั่นใจ การกระทำท่าทางทุกอย่างล้วนสง่างาม แฝงด้วยไปกลิ่นอายข่มขวัญกดดันผู้คน แม้แต่ฮูหยินนายอำเภอที่นางเคยได้เห็นไกลๆ ก็ยังไม่อาจเทียบได้“เจ้าต้องการอะไร” แม่

    Last Updated : 2025-04-04
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 13

    เยว่อวิ๋นมองตามหลังแม่สามีที่เดินจากไปจนลับตา จึงไม่พลาดสีหน้าท่าทางทั้งหมดของอีกฝ่าย ทว่านางไม่คิดแยแสแต่อย่างใด คนอย่างแม่เฒ่าเซี่ยยิ่งอ่อนข้อให้ก็มีแต่จะยิ่งได้ใจเท่านั้นร่างบางหันหลังเดินกลับมุ่งหน้าไปยังห้องนอนที่สามพ่อลูกอยู่ หากรอพวกเขาจนปรึกษากันเสร็จ เงินนี่คงถูกเรียกร้องขอคืนเป็นแน่ เพราะ

    Last Updated : 2025-04-04
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 14

    เยว่อวิ๋นไม่ล่วงรู้ถึงความสงสัยของเซี่ยฉงอวิ๋นเลยแม้แต่น้อยและแน่นอนว่าถึงรู้นางก็ไม่ใส่ใจอยู่ดี ชีวิตก่อนนางเป็นแม่ทัพนำทหารออกรบ พอจบศึกก็เป็นหมอรักษาผู้ใต้บังคับบัญชา ได้เห็นร่างกายบุรุษมานับไม่ถ้วน สูงต่ำดำขาวแบบใดก็ล้วนมีทั้งสิ้นผู้เป็นหมอต้องมีใจเมตตา รักษาคนไม่แบ่งแยกชายหญิง ยิ่งไม่ต้องพูดถ

    Last Updated : 2025-04-04

Latest chapter

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 120

    หลังผ่านเหตุการณ์ปิดประตูทุบตีคน เยว่อวิ๋นก็กลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมตามปกติคล้ายลืมเลือนไปแล้วว่ามีเรื่องนี้อยู่ จนกระทั่งเซี่ยฉงอวิ๋นเอ่ยถามขึ้นระหว่างกินอาหาร“บ้านเดิมเจ้าไม่มาแล้วหรือ” คิดถึงการสนทนาของนางกับคนสกุลเยว่ที่บุตรชายถ่ายทอดให้ฟัง ดวงตาของเซี่ยฉงอวิ๋นก็ดำมืดขึ้นหลายส่วน“อืม” เยว่อวิ๋

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 119

    “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ดีแล้ว” แม่เฒ่าเยว่ขมวดคิ้วครุ่นคิดหนักขนาดเซี่ยฉงอวิ๋นป่วยล้มหมอนนอนเสื่อเป็นคนไร้ประโยชน์ นางเด็กนั่นยังหยิ่งผยองไม่สนใจทางบ้านเดิมเช่นนี้ แล้วถ้าสามีนางได้เป็นซิ่วไฉหรือขุนนางขึ้นมาจริงๆ นางจะไม่ลอยขึ้นฟ้าจนมองไม่เห็นศีรษะใครเลยอย่างนั้นหรือ“ฟังจากที่พวกเจ้าเล่ามา ในใจเด็กนั่น

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 118

    ทว่าสิ่งที่นางได้รับเล่า...ถูกผู้ที่ได้ชื่อว่าครอบครัวบีบคั้นส่งนางออกมาแค่เพื่อสินสอดไม่กี่ตำลึงเท่านั้น และในยามที่นางขัดขืนดิ้นรนร้องขอความเมตตา คนเป็นแม่กลับทำเพียงทอดสายตามองด้วยใบหน้าเฉยเมย คิดถึงตรงนี้เยว่อวิ๋นพลันรู้สึกแสบร้อนโพรงจมูกอย่างบอกไม่ถูก“หลิวซื่อ ตัวเจ้าเองรู้ดีที่สุด ว่าบุตรสาว

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 117

    “ไม่ได้ทำอะไรงั้นหรือ พวกเจ้ามาถึงก็อ้างความกตัญญูเรียกร้องให้ข้ามอบสิ่งของให้ พอข้าไม่ยอมก็คิดจะทำร้ายข้า นี่ยังเรียกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกหรือ” เยว่อวิ๋นเอียงคอถามน้ำเสียงจริงจัง“แล้วจะทำไม ในเมื่อบ้านเราเลี้ยงดูเจ้ามาตั้งหลายสิบปี จะให้เจ้าแสดงความกตัญญูบ้างมันผิดตรงไหน อย่าลืมนะว่าถ้าไม่ใช่เพราะท่า

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 116

    แม่เฒ่าเยว่ฟังแล้วหยุดหอบหายใจ นางไม่ได้เอะอะโวยวายต่ออีก เรื่องที่จางซื่อยังคิดออกมีหรือนางจะคิดไม่ได้ “ช่างเถอะๆ พรุ่งนี้เจ้าก็พาสะใภ้รองไปหมู่บ้านเซี่ย บอกเด็กนั่นว่าข้าล้มป่วยคิดถึงต้องการให้นางกลับมาเยี่ยม”พูดจบแม่เฒ่าเยว่กับจางชุ่ยก็สบสายตากันอย่างมีเลศนัย ผู้อาวุโสไม่สบายถ้าไม่อยากถูกตราหน้า

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 115

    “สะใภ้ใหญ่ที่เจ้าเล่ามาเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ” แม่เฒ่าเยว่ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เนื่องจากรู้นิสัยชอบพูดใส่สีตีไข่ของลูกสะใภ้คนโตดี“จริงสิเจ้าคะ ถ้าท่านแม่ไม่เชื่อจะไปถามอาฮัวดูก็ได้ นางมาเล่าให้ข้าฟังว่านางเป็นคนเห็นกับตาเลย” จางชุ่ยยืนยันหนักแน่น ในดวงตายังฉายแววอิจฉาไม่หาย“อาฮัวเล่าว

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 114

    ในใจเจ้าของร่างมีสองสิ่งที่ยังมิอาจปล่อยวาง หนึ่งคือบุตรฝาแฝดที่ยังเล็ก สองคือความเสียดายแกมริษยาน้องชายที่ได้ร่ำเรียน เขาปรารถนาจะร่ำเรียนฝากชื่อให้คนทั่วหล้าได้รู้จัก ได้รับราชการเป็นขุนนางที่นำพาเกียรติยศมาสู่วงศ์ตระกูลในยามที่เซี่ยฉงอวิ๋นวิญญาณหลุดลอยมาเข้าร่าง จึงได้เอ่ยคำมั่นให้สัญญาว่าจะทำสอ

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 113

    การปะทะกันระหว่างสะใภ้ครั้งนี้จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของอู่ซื่อ เนื่องจากรู้ดีว่าเป็นตัวเองที่ไร้เหตุผลก่อน ยามพ่อสามีกลับมากินอาหารเย็น อู่ซื่อจึงไม่ได้รื้อฟื้นเรื่องราวขึ้นมาอีกแต่อย่างใดเพียงแต่อู่ซื่อไม่เอ่ยถึง ไม่ได้หมายความว่าเจินซื่อจะปล่อยผ่าน พวกนางสะใภ้ทั้งสามล้วนทำหน้าที่ของตัวอย่างเต็มกำลัง

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 112

    หลานชายหายดีอนาคตเขาลงไปแดนน้ำพุเหลืองก็สามารถสู้หน้าน้องชายที่ตายไปได้แล้วได้คำตอบที่ต้องการแล้ว เซี่ยเหล่าซานกับผู้ใหญ่บ้านก็ไม่ได้รั้งอยู่ต่อ เยว่อวิ๋นนำใบยาสูบและแบ่งใบชาหลงจิ่งที่ซื้อมาให้เซี่ยฉงอวิ๋นให้แก่ลุงสามกับผู้ใหญ่บ้าน เดิมนางต้องการจ่ายค่าจ้างให้สองสามีภรรยาเซี่ยหู่ชิงหลัว ทว่าทั้งคู่

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status