Share

บทที่ 10

เยว่อวิ๋นนั้นไม่รู้ตัวเลยว่าเจ้าหัวไชเท้าน้อยที่นางกำลังคิดเลี้ยงดูนั้น กำลังวางแผนที่จะเลี้ยงดูนางในอนาคตเช่นกัน

เนื่องจากฟ้าด้านนอกยังสว่างไม่มากนัก ภายในห้องมีเพียงเแสงสว่างสลัวๆ เมื่อรวมกับกลิ่นอับชื้นอากาศจึงไม่น่าพิสมัยนัก เยว่อวิ๋นพลันขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะถือชามข้าวต้มเดินเข้าในห้อง

คนบนเตียงยังคงนอนอยู่ในท่าเดิม ลมหายใจแผ่วเบายากจะสังเกตก็ยังไม่แปรเปลี่ยน ทว่าเยว่อวิ๋นกลับรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้กำลังหลับอย่างท่าทางที่แสดงออก

“ข้านำข้าวต้มมาให้” นางกล่าวพลางกวาดสายตาไปรอบห้อง “ยาของเจ้าเล่า ไม่มีงั้นหรือ”

บนโต๊ะด้านนอกไม่มียาวางไว้ นางมองหาดูภายในห้องก็ไม่เห็น อาการของอีกฝ่ายย่ำแย่ขนาดนี้ อย่าบอกนะว่ามารดาใจดำของเขาไม่คิดเตรียมไว้ให้

คำถามถูกตอบกลับมาด้วยความเงียบ บุรุษบนเตียงไม่แม้แต่จะขยับลืมตาด้วยซ้ำ เยว่อวิ๋นเลิกคิ้วน้อยๆ ไม่กล่าวอะไรต่อ คนผู้นี้คล้ายมีกลิ่นอายต่อต้านผู้อื่นแผ่ออกมาให้สัมผัสได้

แต่เดิมนางก็ไม่มีนิสัยชอบเอาหน้าร้อนๆ ของตนไปนาบก้นเย็นๆ ของผู้อื่น [1] อยู่แล้ว เมื่อเห็นอีกฝ่ายแสดงท่าที่ไม่ยี่หระ ความคิดแวบแรกที่ผุดมาคือ หรือว่านางจะปล่อยให้คนผู้นี้ตายไปเช่นนี้เลยดีนะ…

นางแต่งเข้ามาแล้ว ถ้าอีกฝ่ายจากไปนางก็จะกลายเป็นภรรยาม่ายของเซี่ยฉงอวิ๋น บ้านเดิมที่น่ารังเกียจย่อมไม่อาจเข้ามายุ่มย่าม ส่วนทางบ้านเซี่ยเองก็ไม่มีใครอยากแบกรับภาระเลี้ยงดูหญิงม่ายกับบุตรเป็นแน่ สิ่งที่แม่สามีราคาถูกของนางจะทำคงเป็นการเตะส่งแยกบ้านไล่พวกนางสามแม่ลูกออกมา

ชีวิตแบบนั้น มันช่าง…น่าสนใจเสียจริง

ความคิดนี้เปรียบดังกระแสน้ำไหล ลอยผ่านมาแล้วก็ลอยผ่านไป เพราะเจ้าไชเท้าน้อยคู่นั้นไร้มารดาผู้ให้กำเนิด หากต้องมาเสียบิดาอีกคนก็คงจะน่าสงสารแย่

แม้การเป็นภรรยาม่ายสามีตายโดยทิ้งลูกเล็กไว้ให้จะน่าเย้ายวนใจเพียงใด แต่เยว่อวิ๋นก็ตระหนักได้ว่าการมีชีวิตอยู่ของเซี่ยฉงอวิ๋นก็ยังสามารถสร้างประโยชน์ให้นางได้มากกว่าการตายของเขาอยู่สักเล็กน้อย

คิดได้ดังนั้น เยว่อวิ๋นจึงไม่มัวมาคิดเล็กคิดน้อยกับอีกฝ่าย ก็แค่คนป่วยคนหนึ่งมิใช่หรือ ให้มันรู้ไปสิ ว่านางที่อดีตเป็นถึงผู้สืบทอดวิชาแพทย์ของเขาโอสถมีหรือจะจัดการเขาไม่ได้

เซี่ยฉงอวิ๋นยังคงนอนหลับตานิ่ง หูลอบฟังเสียงคนข้างกาย ผ่านไปครู่หนึ่งก็ยังไม่ได้ยินเสียงใดๆ คาดว่าคงจากไปแล้ว

ดูเหมือนว่าเจ้าสาวหมาดๆ ของเขา จะไม่มีความอดทนเลยสักนิด แค่แสร้งไม่ตอบนางก็ผละจากไปไม่รั้งรอ ไม่รู้ว่าในใจสั่งสมความไม่พอใจเอาไว้มากแค่ไหน

ก็จริง ต้องแต่งให้บุรุษป่วยหนักซ้ำร่างกายยังพิการ สตรีปกติที่ไหนจะยินดีกัน

ไม่สิ…ยังมีคนผู้หนึ่ง ที่ไม่ว่าอะไรก็มิอาจสั่นครอนความตั้งใจของนาง ทว่าน่าเสียดายที่เขาจะไม่มีวันได้พบหน้านางอีกแล้ว

เยว่อวิ๋นเลิกคิ้วเล็กน้อย แม้ใบหน้าผู้ที่อยู่ตรงหน้านางจะถูกปกคลุมไปด้วยหนวดเครารุงรังจนยากจะมองเห็นได้ ทว่ากลิ่นอายบรรยากาศหดหู่ที่แผ่ออกมานั้นเห็นได้ชัด

เพียงแต่ไม่ว่าคนบนเตียงจะมีท่าทีอย่างไร ล้วนไม่กระทบต่อความรู้สึกนึกคิดของเยว่อวิ๋น นางไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วยามโน้มตัวลงไปพยุงจัดท่าทางให้อีกฝ่ายนั่ง

นางนำหมอนมารองด้านหลังให้เขา หลังจากขยับดูจนแน่ใจว่ามั่นคง จึงหันไปหยิบชามข้าวกับไข่ที่ไม่ร้อนมากแล้วขึ้นมาป้อนเขา

เซี่ยฉงอวิ๋นแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นว่านางยังไม่จากไป ก่อนจะรู้สึกถึงปลายช้อนที่ยื่นมาจ่อริมฝีปากตัวเอง เขาอ้าปากรับช้าๆ ไม่ดึงดัน ด้วยรู้สึกได้ว่าตอนนี้ต่อให้ตนแสดงท่าทางเมินเฉยอย่างไร คนตรงหน้าก็ไม่สนใจเป็นแน่ ดีไม่ดีนางอาจจับเขาเงยหน้าบีบจมูกเทชามข้าวต้มกรอกเข้าปากแบบรวดเดียวด้วยซ้ำ

อย่าถามเลยว่าเขารู้ได้อย่างไร ก็ความรู้สึกมันบอกเช่นนั้น…

สองสามีภรรยา คนหนึ่งป้อน คนหนึ่งกิน ไม่นานข้าวต้มในชามก็ถูกตักกินจนหมด เยว่อวิ๋นก้มลงมองชามเปล่าในมือตัวเองแล้วเอ่ยถามน้ำเสียงเรียบเฉย

“ยังต้องการอีกหรือไม่” เมื่อครู่ตอนจัดท่าทางให้เขา นางได้จับชีพจรไปด้วย ถึงรู้ว่ากระเพาะของอีกฝ่ายไม่ค่อยดีนัก

เซี่ยฉงอวิ๋นส่ายหน้า เขาลืมตามองฝ่าความมืดมิดไปยังทิศทางที่มาของเสียง ตอยกลับด้วยน้ำเสียงพึมพำ

“ไม่แล้ว ขอน้ำ”

เสียงทุ้มต่ำแหบพร่านั้นให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก เยว่อวิ๋นเหม่อลอยไปชั่วขณะ ก่อนจะขมวดคิ้วแน่นเมื่อสังเกตได้ถึงบางอย่าง

“เจ้า… ตาของเจ้า…”

ดวงตาคู่เรียวที่ซ่อนอยู่ใต้ไรผมนั้นสามารถมองเห็นได้เลือนราง แต่เมื่อเพ่งอย่างละเอียดก็จะมองออกถึงความไม่ปกติ

“ใช่แล้ว เป็นอย่างที่เจ้าคิด เหตุการณ์บนเขาคราวนั้นไม่เพียงแต่จะทำให้ข้าไม่สามารถเดินได้ ดวงตาสองข้างก็ยังมองไม่เห็นอีกด้วย”

หลังจากดื่มน้ำ สุ้มเสียงที่แหบพร่าของเซี่ยฉงอวิ๋นก็กลับคืนมาหลายส่วน น้ำเสียงทุ้มเนิบช้ารวมกับท่าทางสบายๆ ของเจ้าตัว สื่อให้รู้สึกถึงความเอื่อยเฉื่อยดุจเมฆาที่เคลื่อนคล้อยกลางสายลมอบอุ่น ราวกับว่าคำที่กล่าวออกมาเมื่อครู่นั้นไม่ใช่เรื่องของคนพูดแต่อย่างใด

หากเป็นสตรีทั่วไปได้ยินแบบนี้ ในใจย่อมไม่ยินยอม ต้องแสดงความโกรธเคืองขุ่นข้อง หรือกระทั่งร่ำไห้ตีโพยตีพายออกมาให้เห็น ทว่าที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นมิใช่เยว่อวิ๋น

สิ่งแรกที่นางคิดถึงหลังจากได้ยินเขาบอก ก็คือ เซี่ยฉงอวิ๋นผู้นี้เป็นสามีที่ฟ้าประทานมาให้นางชัดๆ

ก่อนหน้าก็เคยคาดการณ์ไว้แล้วว่าคนผู้นี้จะกลายเป็นคนพิการ ในใจเยว่อวิ๋นที่ต้องการเพียงสามีในนามจึงยอมรับได้การแต่งงานนี้ แม้การดูแลผู้ป่วยที่ต้องนอนบนเตียงจะลำบากไปบ้าง แต่นางก็มีความมั่นใจอยู่หลายส่วน

มายามนี้เมื่อได้ยินว่าเขาตาบอด เยว่อวิ๋นก็รู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นต้องปล่อยให้อีกฝ่ายพิการนอนไปตลอดชีวิต เพราะเทียบกันแล้วคนตาบอดที่ทำกิจวัตรประจำวันได้เอง ย่อมดูแลได้ง่ายกว่าคนป่วยที่นอนขยับตัวไม่ได้มากนัก อนาคตขอเพียงเขาสงบเสงี่ยมอยู่ในที่ของตัวเอง นางก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องไปวุ่นวายด้วย

ใช้เวลาไม่นาน เยว่อวิ๋นก็ครุ่นคิดจนแตกฉานถึงผลได้ผลเสียของเรื่องราว ยิ่งคิดนางก็ยิ่งอารมณ์ดี เบิกบานเสียจนวาจาที่กล่าวปลอบใจสามีในนามยังอ่อนลง ทั้งเจือความจริงใจถึงสองส่วน

“ไม่เป็นไรนะ เหตุการณ์ไม่คาดคิดเหล่านั้นผ่านพ้นไปแล้ว ต่อไปก็นับได้ว่าเป็นดั่งฟ้าหลังฝน มนุษย์เราขอเพียงแค่มีชีวิตอยู่ไม่ว่าอะไรล้วนเป็นไปได้ ไม่ต้องห่วง ข้าจะหาหมอมารักษาเจ้าให้หายเป็นปกติเอง” แน่นอนว่าหมอที่ว่านั่นย่อมไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นตัวนางเองนี่แหละ

เซี่ยฉงอวิ๋นฟังแล้วอึ้งไปเล็กน้อย เดิมทีที่เขาจงใจเปิดเผยเรื่องอาการป่วยก็เพื่อบีบให้เยว่อวิ๋นเป็นฝ่ายยอมถอยออกไป คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายไม่เพียงแต่จะรับได้ไม่เอะอะโวยวาย มิหนำซ้ำยังเอ่ยวาจาปลอบใจตนอีก

ดูจากการกระทำของนางก็มั่นใจได้แล้วว่านิสัยแตกต่างจากสตรีในบ้านเซี่ยที่เขาพบมา คิดดูแล้วเขาช่างใจแคบ เอาน้ำใจวิญญูชนไปวัดใจคนถ่อย [2] เสียได้

“ขอบคุณ” ความซาบซึ้งปะปนสำนึกผิดแล่นผ่านความคิดเซี่ยฉงอวิ๋น ในประโยคที่กล่าวออกมาจึงลดทอนกลิ่นอายความเหินห่างที่ผลักไสผู้คนให้ออกไปหลายส่วน

เยว่อวิ๋นฟังคำขอบคุณอันเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ พลันนึกกระดากอายอยู่ในใจ หากอีกฝ่ายรู้ว่าเดิมทีนางมีความคิดที่จะปล่อยบิดาตายแล้วแย่งชิงบุตร คำพูดขอบคุณนี้จะยังถูกกล่าวออกมาอีกไหมนะ

“เอ่อ… อา… อ๋อ! ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เอง”

ไม่ได้! อย่างไรก็ให้รู้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด!

“ฮ่าๆ ไม่เป็นไรเลยจริงๆ นะ
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Kaugnay na kabanata

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 11

    รอยยิ้มกลบเกลื่อนของเยว่อวิ๋นไม่นับว่าแนบเนียน แต่ตัวเซี่ยฉงอวิ๋นเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน ทั้งคู่จึงไม่ทันมองออกถึงความในใจที่ต่างคนก็ต่างซ่อนเก็บไว้“นี่มันอะไรกัน ทำไมข้าวสารกับไข่ถึงได้เหลือแค่นี้!”เสียงร้องตะโกนดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ เยว่อวิ๋นราวกับได้ย้อนไปวันแรกที่นางฟื้นมาในร่างนี้แล้วมียายแ

    Huling Na-update : 2025-04-04
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 12

    นี่ใช่นางเด็กบ้านเยว่ที่ตนเคยเจอจริงน่ะหรือแม่เฒ่าเซี่ยเบิกตากว้างมองคนตรงหน้า อีกฝ่ายไม่เหมือนเดิมเลยแม้แต่น้อย คำพูดที่ฉาดฉานแสดงออกถึงความมั่นใจ การกระทำท่าทางทุกอย่างล้วนสง่างาม แฝงด้วยไปกลิ่นอายข่มขวัญกดดันผู้คน แม้แต่ฮูหยินนายอำเภอที่นางเคยได้เห็นไกลๆ ก็ยังไม่อาจเทียบได้“เจ้าต้องการอะไร” แม่

    Huling Na-update : 2025-04-04
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 13

    เยว่อวิ๋นมองตามหลังแม่สามีที่เดินจากไปจนลับตา จึงไม่พลาดสีหน้าท่าทางทั้งหมดของอีกฝ่าย ทว่านางไม่คิดแยแสแต่อย่างใด คนอย่างแม่เฒ่าเซี่ยยิ่งอ่อนข้อให้ก็มีแต่จะยิ่งได้ใจเท่านั้นร่างบางหันหลังเดินกลับมุ่งหน้าไปยังห้องนอนที่สามพ่อลูกอยู่ หากรอพวกเขาจนปรึกษากันเสร็จ เงินนี่คงถูกเรียกร้องขอคืนเป็นแน่ เพราะ

    Huling Na-update : 2025-04-04
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 14

    เยว่อวิ๋นไม่ล่วงรู้ถึงความสงสัยของเซี่ยฉงอวิ๋นเลยแม้แต่น้อยและแน่นอนว่าถึงรู้นางก็ไม่ใส่ใจอยู่ดี ชีวิตก่อนนางเป็นแม่ทัพนำทหารออกรบ พอจบศึกก็เป็นหมอรักษาผู้ใต้บังคับบัญชา ได้เห็นร่างกายบุรุษมานับไม่ถ้วน สูงต่ำดำขาวแบบใดก็ล้วนมีทั้งสิ้นผู้เป็นหมอต้องมีใจเมตตา รักษาคนไม่แบ่งแยกชายหญิง ยิ่งไม่ต้องพูดถ

    Huling Na-update : 2025-04-04
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 15

    ถึงจะคิดว่าอีกฝ่ายจะดูแปลกๆ แต่ในใจหมอจางก็มีความรู้สึกดีให้เยว่อวิ๋นมากว่าพวกแม่เฒ่าเซี่ยมากนัก เขากวาดสายตามองเซี่ยฉงอวิ๋นที่อยู่บนเตียง แล้วพยักหน้าพึงพอใจ แม้เสื้อผ้าจะดูเก่าซีดใบหน้ามีหนวดเครารุงรัง ทว่าเนื้อตัวสะอาดสะอ้านไม่มีกลิ่นเหม็น สภาพดูดีกว่าครั้งก่อนที่ได้เห็นนับว่าไม่เลวเลย“ตกลง ไม่ต

    Huling Na-update : 2025-04-04
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 16

    เยว่อวิ๋นยังไม่ทันกล่าวคำพูด ก็มีเสียงหนึ่งดังขัดขึ้นเสียก่อน เมื่อหันไปมองที่มาของเสียงก็เห็นแม่เฒ่าเซี่ยเดินนำหน้าคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาคนกลุ่มนั้นประกอบไปด้วยบุรุษสองคนสตรีสองนาง สองในสี่นั้นนางพอรู้จักคุ้นหน้าอยู่บ้าง เพราะเคยพบอีกฝ่ายเมื่อวันส่งตัวเจ้าสาว เป็นเซี่ยจินกับอู๋ซื่อพี่สะใภ้ใหญ่ของนางนั

    Huling Na-update : 2025-04-07
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 17

    อู๋ซื่อหันหน้ามาตามเสียงคำราม ทว่าสายตาเห็นเพียงเงาร่างพร่าเลือน จากนั้นก็ถูกแรงปะทะจนลอยละลิ่วไปปะทะผนังบ้านด้านหลังเสียงดังโครม“โอ๊ย!”แม่เฒ่าซี่ยเพิ่งตั้งหลักขยับลุกจากตัวบุตรสาวได้ เดิมคิดฉวยโอกาสนี้ตบสั่งสอนสะใภ้ของตนสักหลายฉาด ทว่ายามเห็นร่างอวบอ้วนของอู๋ซื่อถูกถีบกระเด็นไปกระแทกผนังบ้านแล้วท

    Huling Na-update : 2025-04-07
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 18

    เสียงของเยว่อวิ๋นไม่ได้เบานัก ภายในบ้านที่คับแคบจึงได้ยินกันโดยทั่ว สี่คนที่กำลังถูกเปรียบเปรยเป็นสุนัขมีใบหน้าแดงก่ำ ส่วนแม่เฒ่าเซี่ยนั้นทั้งแดงทั้งดำสลับกันจนดูน่าขันที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากแม่เฒ่าเซี่ยไม่มั่นใจ ว่าประโยคเมื่อครู่ของเยว่อวิ๋นหมายถึงลูกๆ ของนาง หรือกล่าวเหมารวมไปถึงตัวนางเองด้วย เพ

    Huling Na-update : 2025-04-07

Pinakabagong kabanata

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 120

    หลังผ่านเหตุการณ์ปิดประตูทุบตีคน เยว่อวิ๋นก็กลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมตามปกติคล้ายลืมเลือนไปแล้วว่ามีเรื่องนี้อยู่ จนกระทั่งเซี่ยฉงอวิ๋นเอ่ยถามขึ้นระหว่างกินอาหาร“บ้านเดิมเจ้าไม่มาแล้วหรือ” คิดถึงการสนทนาของนางกับคนสกุลเยว่ที่บุตรชายถ่ายทอดให้ฟัง ดวงตาของเซี่ยฉงอวิ๋นก็ดำมืดขึ้นหลายส่วน“อืม” เยว่อวิ๋

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 119

    “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ดีแล้ว” แม่เฒ่าเยว่ขมวดคิ้วครุ่นคิดหนักขนาดเซี่ยฉงอวิ๋นป่วยล้มหมอนนอนเสื่อเป็นคนไร้ประโยชน์ นางเด็กนั่นยังหยิ่งผยองไม่สนใจทางบ้านเดิมเช่นนี้ แล้วถ้าสามีนางได้เป็นซิ่วไฉหรือขุนนางขึ้นมาจริงๆ นางจะไม่ลอยขึ้นฟ้าจนมองไม่เห็นศีรษะใครเลยอย่างนั้นหรือ“ฟังจากที่พวกเจ้าเล่ามา ในใจเด็กนั่น

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 118

    ทว่าสิ่งที่นางได้รับเล่า...ถูกผู้ที่ได้ชื่อว่าครอบครัวบีบคั้นส่งนางออกมาแค่เพื่อสินสอดไม่กี่ตำลึงเท่านั้น และในยามที่นางขัดขืนดิ้นรนร้องขอความเมตตา คนเป็นแม่กลับทำเพียงทอดสายตามองด้วยใบหน้าเฉยเมย คิดถึงตรงนี้เยว่อวิ๋นพลันรู้สึกแสบร้อนโพรงจมูกอย่างบอกไม่ถูก“หลิวซื่อ ตัวเจ้าเองรู้ดีที่สุด ว่าบุตรสาว

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 117

    “ไม่ได้ทำอะไรงั้นหรือ พวกเจ้ามาถึงก็อ้างความกตัญญูเรียกร้องให้ข้ามอบสิ่งของให้ พอข้าไม่ยอมก็คิดจะทำร้ายข้า นี่ยังเรียกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกหรือ” เยว่อวิ๋นเอียงคอถามน้ำเสียงจริงจัง“แล้วจะทำไม ในเมื่อบ้านเราเลี้ยงดูเจ้ามาตั้งหลายสิบปี จะให้เจ้าแสดงความกตัญญูบ้างมันผิดตรงไหน อย่าลืมนะว่าถ้าไม่ใช่เพราะท่า

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 116

    แม่เฒ่าเยว่ฟังแล้วหยุดหอบหายใจ นางไม่ได้เอะอะโวยวายต่ออีก เรื่องที่จางซื่อยังคิดออกมีหรือนางจะคิดไม่ได้ “ช่างเถอะๆ พรุ่งนี้เจ้าก็พาสะใภ้รองไปหมู่บ้านเซี่ย บอกเด็กนั่นว่าข้าล้มป่วยคิดถึงต้องการให้นางกลับมาเยี่ยม”พูดจบแม่เฒ่าเยว่กับจางชุ่ยก็สบสายตากันอย่างมีเลศนัย ผู้อาวุโสไม่สบายถ้าไม่อยากถูกตราหน้า

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 115

    “สะใภ้ใหญ่ที่เจ้าเล่ามาเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ” แม่เฒ่าเยว่ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เนื่องจากรู้นิสัยชอบพูดใส่สีตีไข่ของลูกสะใภ้คนโตดี“จริงสิเจ้าคะ ถ้าท่านแม่ไม่เชื่อจะไปถามอาฮัวดูก็ได้ นางมาเล่าให้ข้าฟังว่านางเป็นคนเห็นกับตาเลย” จางชุ่ยยืนยันหนักแน่น ในดวงตายังฉายแววอิจฉาไม่หาย“อาฮัวเล่าว

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 114

    ในใจเจ้าของร่างมีสองสิ่งที่ยังมิอาจปล่อยวาง หนึ่งคือบุตรฝาแฝดที่ยังเล็ก สองคือความเสียดายแกมริษยาน้องชายที่ได้ร่ำเรียน เขาปรารถนาจะร่ำเรียนฝากชื่อให้คนทั่วหล้าได้รู้จัก ได้รับราชการเป็นขุนนางที่นำพาเกียรติยศมาสู่วงศ์ตระกูลในยามที่เซี่ยฉงอวิ๋นวิญญาณหลุดลอยมาเข้าร่าง จึงได้เอ่ยคำมั่นให้สัญญาว่าจะทำสอ

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 113

    การปะทะกันระหว่างสะใภ้ครั้งนี้จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของอู่ซื่อ เนื่องจากรู้ดีว่าเป็นตัวเองที่ไร้เหตุผลก่อน ยามพ่อสามีกลับมากินอาหารเย็น อู่ซื่อจึงไม่ได้รื้อฟื้นเรื่องราวขึ้นมาอีกแต่อย่างใดเพียงแต่อู่ซื่อไม่เอ่ยถึง ไม่ได้หมายความว่าเจินซื่อจะปล่อยผ่าน พวกนางสะใภ้ทั้งสามล้วนทำหน้าที่ของตัวอย่างเต็มกำลัง

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 112

    หลานชายหายดีอนาคตเขาลงไปแดนน้ำพุเหลืองก็สามารถสู้หน้าน้องชายที่ตายไปได้แล้วได้คำตอบที่ต้องการแล้ว เซี่ยเหล่าซานกับผู้ใหญ่บ้านก็ไม่ได้รั้งอยู่ต่อ เยว่อวิ๋นนำใบยาสูบและแบ่งใบชาหลงจิ่งที่ซื้อมาให้เซี่ยฉงอวิ๋นให้แก่ลุงสามกับผู้ใหญ่บ้าน เดิมนางต้องการจ่ายค่าจ้างให้สองสามีภรรยาเซี่ยหู่ชิงหลัว ทว่าทั้งคู่

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status