Share

บทที่ 5

เยว่อวิ๋นฟังแล้วอดนึกขันไม่ได้ คงต้องบอกว่าคนจำพวกเดียวกันมักจะมองกันออกจริงๆ สินะ ขนาดอีกฝ่ายไม่อยู่ในขบวนรับตัวเจ้าสาวแท้ๆ กลับบรรยายการกระทำของแม่เฒ่าเยว่ได้ชัดเจนชนิดตาเห็นเลยทีเดียว ดูท่าแล้วหญิงชราผู้นี้คงเป็นแม่สามีราคาถูกของนางกระมั้ง

“ท่านแม่ พวกข้าไม่ได้เสียเปรียบให้นางเลยขอรับ” เซี่ยจินกล่าวตอบมารดา ก่อนจะกระซิบเล่าเรื่องการพุ่งชนเสาของเจ้าสาวน้องชายให้นางฟังอย่างละเอียด

อันที่จริงขบวนรับตัวเจ้าสาวของเขาไปถึงหมู่บ้านไป๋นานแล้ว เพียงแต่มีคนบอกเซี่ยจินว่าเจ้าสาวไม่ยินยอมแต่งงานจึงพุ่งศีรษะชนเสาเพื่อฆ่าตัวตาย พอได้ยินดังนั้นเขาจึงหยุดรั้งขบวนรอที่หน้าทางเข้าหมู่บ้าน ก่อนจะส่งคนไปดูว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร

ที่เซี่ยจินทำเช่นนี้ไม่ใช่เพราะมีใจเป็นห่วงหน้าตาคนสกุลเซี่ย เพียงแต่เขาเกรงว่าหากตนไปถึงไว แล้วเยว่อวิ๋นผู้นี้จะถูกยายของนางส่งตัวออกมาในสภาพปางตาย ถึงตอนนั้นพวกเขาคงได้รับเอาตัวภาระเข้ามาเพิ่มอีกเป็นแน่

ไปถึงช้าสักหน่อย หากว่าที่เจ้าสาวเกิดตายไปก่อน ก็มีข้ออ้างเปลี่ยนตัวคนแล้ว ระหว่างหลานสาวที่เกลียดชังกับลูกสาวแสนรัก สินเดิมที่ติดตัวมาย่อมแตกต่างกันมากโข คิดถึงตรงนี้แล้วเซี่ยจินก็ภาวนาให้เยว่อวิ๋นรีบๆ ตายไปเสียที

ทว่าน่าเสียดายที่เขาต้องผิดหวัง หลังจากถ่วงเวลารอคอยอยู่เนิ่นนานเยว่อวิ๋นกลับไม่ตาย แถมตอนไปรับตัวคน ยายเฒ่าเยว่ยังจ้องจะตามติดเขาเหมือนผีหิวโหย

มองสัมภาระเจ้าสาวที่มีเพียงถุงผ้าเก่าสีมอซอติดตัวมาถุงเดียว เซี่ยจินก็ได้แต่ถ่มน้ำลายด่าในใจว่าช่างสมกับเป็นตัวอัปมงคลเสียจริงๆ

แม่เฒ่าเซี่ยไม่ชื่นชอบเยว่อวิ๋นอยู่เป็นทุนเดิม พอมารู้ว่านางถึงกับยอมฆ่าตัวตายแต่ไม่ยินยอมแต่งเป็นภรรยาลูกชายตน ในใจหญิงชราก็ยิ่งทวีความไม่พอใจ

“นางมีสิทธิ์อะไรมารังเกียจเจ้ารอง หากไม่เพราะเจ้ารองเป็นแบบนี้ บ้านเซี่ยเรามีหรือจะยอมรับตัวโชคร้ายนาง!”

หลังจากหลิวซื่อตั้งครรภ์เยว่อวิ๋นได้ไม่นาน ผู้เฒ่าเยว่ก็เสียชีวิต จากนั้นก็เป็นเยว่หลินบิดาอีกฝ่าย บ้านเยว่ยามนี้ตกต่ำลงไปเรื่อยๆ ต่อให้เป็นตัวของเยว่เจินเจินเอง แม่เฒ่าเซี่ยก็ยังมองว่านางไม่คู่ควรกับบุตรชายคนเล็กซึ่งเป็นว่าที่ซิ่วไฉของตน

น่าเสียดายที่ตอนผู้เฒ่าเซี่ยมีชีวิตอยู่ เป็นตายก็ไม่ยินยอมให้นางบิดพลิ้วสัญญา ไม่อย่างนั้นยามที่เมียเจ้ารองจากไป นางคงนำการหมั้นหมายนี้มาสู่ขอเยว่เจินเจินให้เขาแล้ว

ดีเลยตอนนี้เลยหมดสิทธิ์จะต่อรองอะไร เนื่องจากบุตรชายคนรองบาดเจ็บร้ายแรง แม้นางจะเจรจาจนสามารถเปลี่ยนคนแต่งได้ แต่อีกฝ่ายก็เขี้ยวลากดินพอตัวไม่น้อย เอ่ยปากเรียกร้องต้องการเปลี่ยนตัวเจ้าสาวเช่นกัน

แม่เฒ่าเซี่ยจำต้องทำใจยอมรับเงื่อนไขของบ้านเยว่ รับเอาเยว่อวิ๋นที่ด้อยกว่าเยว่เจินเจินทุกอย่างมาแทน คราแรกนางยังพอโน้มน้าวใจตัวเองไว้ได้บ้าง ทว่าพอฟังคำพูดบุตรชายและเห็นสินเดิมที่แสนอัตคัดของอีกฝ่าย นางก็ยิ่งดูแคลนลูกสะใภ้คนนี้มากขึ้นไปอีก

เยว่อวิ๋นสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ สายตาเย็นชาของคนบ้านเซี่ยแม้ไม่มองนางก็รู้สึกได้ หญิงสาวอดทนยืนนิ่งไม่ขยับ จนกระทั่งได้ยินเสียงแค่นฮึในลำคอจากคนเป็นแม่สามี ก่อนเจ้าตัวจะกล่าวเรียกคนให้พยุงนางตามไป

แม่เฒ่าเซี่ยพาเยว่อวิ๋นเดินเข้าไปในบ้าน จากนั้นนางก็ได้ยินเสียงขานร้องให้คำนับฟ้าดิน ก่อนจะถูกมือของใครบางคนกดศีรษะลงเต็มแรง

เสร็จสิ้นพิธีการ เยว่อวิ๋นก็ถูกพาตัวเข้าไปในห้องด้านในสุดของบ้าน ร่างผอมบางที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อของนางถูกประคองลงบนเตียง ยังไม่ทันกล่าววาจาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าห่างออกไป จากนั้นก็มีเสียงประตูปิดเบาๆ

“…”

ไปแล้ว…

เช่นนี้น่ะหรือ…

เยว่อวิ๋นขยับตัวลุกขึ้นนั่ง นางถอดผ้าคลุมศีรษะออกมองไปทางประตูอย่างมึนงง ช่างเป็นการแต่งงานที่ลวกๆ ขอไปทีเสียเหลือเกิน ไม่มีแม่สื่อทาบทาม ไม่มีสามหนังสือและหกพิธีการ [1] ไม่มีแม้กระทั่งเกี้ยวแปดคนหาม…

ทว่าพอคิดตรองดูแล้ว นางก็เผยรอยยิ้มบางเบาออกมาทันที ลืมไปได้อย่างไรกัน นางในยามนี้มิใช่เยว่อวิ๋นที่เป็นคนของราชวงศ์อีกแล้วนี่นา

ที่นี่ไม่มีท่านหญิงผู้สูงศักดิ์หรือแม่ทัพผู้เป็นวีรสตรีอะไรนั่นทั้งนั้น จะมีก็แต่เพียงหญิงสาวชนบทนามเยว่อวิ๋น ที่ถูกครอบครัวเดิมส่งออกมาเพื่อสินสอดเท่านั้น

เยว่อวิ๋นถอนสายตาจากบานประตูที่ปิดสนิท มองรอบด้านผ่านความมืดสลัวแล้วถอนใจอีกรอบ ในห้องแห่งนี้นอกจากโต๊ะไม้ที่วางชิดข้างผนังริมหน้าต่าง ก็มีแค่เตียงนอนที่นางกำลังนั่งอยู่เท่านั้น

บนโต๊ะไม้เพียงหนึ่งเดียวในห้องว่างเปล่า เยว่อวิ๋นคิดถึงตอนตนไปร่วมงานแต่งของลูกน้องในกองทัพแล้วนึกหดหู่ ดีชั่วเจ้าพวกนั้นก็ยังมีอาหารรับรองให้แขกอิ่มท้องบ้าง ทว่างานแต่งของตัวเองเจ้าสาวอย่างนางกลับต้องมานั่งฟังเสียงท้องร้อง

ความหิวโหยทำให้ทรมาน เยว่อวิ๋นอยากออกไปสำรวจหาของกิน ทว่าจนใจที่ไร้เรี่ยวแรงจะลุกเดิน อีกทั้งแผลที่ศีรษะก็เริ่มปวดร้าวขึ้นมากเรื่อยๆ นางถอนหายใจเบาๆ แล้วเลือกที่จะหงายหลังทิ้งตัวลงนอนเสียเลย

ทั้งหิวทั้งเหนื่อย ในเมื่อลุกไม่ไหวก็พักผ่อนเอาแรงดีกว่า คิดอย่างนี้สายตาก็สะดุดกับแผ่นกระเบื้องที่แตกร้าวเป็นรูโหว่ ไม่รู้ว่ายามใดแล้ว แต่มองเห็นพระจันทร์ขึ้นสูงเช่นนี้คงเลยยามซวี [2] แล้วเป็นแน่

พอได้ทิ้งตัวลงนอนสักพักอาการวิงเวียนศีรษะก็ดูเหมือนจะดีขึ้น เยว่อวิ๋นรู้สึกถึงลมหายใจอ่อนจางสายหนึ่งจากด้านข้าง หญิงสาวมองฝ่าความมืดพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย

ที่จริงตอนเข้ามาในห้องเยว่อวิ๋นก็สัมผัสได้ถึงการคงอยู่ของคนผู้นี้แล้ว เพียงแต่ตอนนั้นนางกำลังสู้รบกับอาการปวดศีรษะ จึงไม่ได้ให้ความสนใจกับอีกฝ่าย ดูท่าแล้วบุรุษตัวสูงกว่าแปดฉื่อ [3] ผู้นี้คงเป็นสามีที่นางเพิ่งแต่งงานด้วยกระมัง

ดวงตากลมหรี่มองด้านข้างของร่างที่แทบจับลมหายใจไม่ได้อย่างพินิจ ครั้นเห็นอีกฝ่ายนอนนิ่งไม่กระดุกกระดิก อีกทั้งลมหายใจก็ยังสม่ำเสมอ จึงค่อยบรรเทาความหวาดระแวงภายในใจลง

“คนในบ้านเจ้าก็ช่างไร้มนุษย์ธรรมเสียจริง ไม่ให้อาหารกับข้ายังไม่เท่าไร ทว่าแม้แต่ยาของเจ้าก็ไม่มีให้ด้วยงั้นหรือ” ลูกคนรองของบ้านมักมีชะตากรรมถูกละเลยหรือไรนะ บิดาของร่างเดิมก็ใช่ คนตรงหน้านางก็ใช่

“ดีชั่ว ข้าก็แต่งให้บุตรชายนาง เป็นสะใภ้วันแรกโจ๊กสักชามก็ไม่มีให้ดื่ม โหดเหี้ยมเสียจริง” เยว่อวิ๋นอดบ่นงึมงำไม่ได้ ดูๆ ไปแล้วการแต่งงานครั้งนี้สำหรับร่างเดิม เป็นแค่การย้ายจากหลุมหนึ่งมาตกอีกหลุมหนึ่งเท่านั้นเอง

“เฮ้อ เอาเถอะวันนี้เหนื่อยมามากพอแล้ว นอนพักสักหน่อยจะดีกว่า” นอนหลับเสียร่างกายจะได้ไม่ต้องรู้สึกหิวรู้สึกเจ็บปวด

“เซี่ยฉงอวิ๋นเอ๋ยเซี่ยฉงอวิ๋น คอยดูเถอะ อนาคตหากเจ้ากล้าคิดไม่ซื่อกับข้าเยว่อวิ๋นผู้นี้ละก็…” นางจะทำให้เขาทรมานชนิดอยู่ก็ไม่ได้ตายก็ไม่ดีเลยทีเดียว

หากไม่ใช่เพราะนามของอีกฝ่าย นางมีหรือยินยอมแต่งให้คนป่วยพิการที่ใกล้ตายผู้หนึ่ง

เซี่ยฉงอวิ๋นกับเยว่อวิ๋น แม้เพียงแค่ตัวอักษรในนามของชื่อ นางก็อยากให้มันเป็นความจริง...

เยว่อวิ๋นพึมพำอยู่พักหนึ่งก็ผลอยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย นางไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าสามีที่ตนเอ่ยถึงอยู่นั้น แท้จริงแล้วหาได้กำลังนอนหลับอย่างที่คิดไม่

พอได้ยินเสียงลมหายใจทอดยาวเป็นจังหวะจากคนที่เมื่อครู่ยังบ่นงึมงัม ดวงตาเรียวก็ค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า ในแววตาขุ่นมัวไร้ประกาย ทว่าทั่วร่างกลับแผ่กลิ่นอายความเฉียบคมที่ไม่ควรมีในตัวชาวบ้านธรรมดาออกมา หากเยว่อวิ๋นยังไม่หลับได้เห็นจะต้องนึกประหลาดใจเป็นแน่

เซี่ยฉงอวิ๋นที่อยู่บนเตียงไม่สามารถขยับร่างกายส่วนล่างได้ ทำได้เพียงนอนนิ่งไม่กระดุกกระดิก พลางคิดถึงประโยคพึมพำของภรรยาหมาดๆ เมื่อครู่

นี่คือสตรีที่มารดาของร่างนี้หามารับเคราะห์แทนตัวเอง?

นางบอกว่าตัวเองชื่อเยว่อวิ๋นสินะ มือยาวเรียวเห็นข้อชัดเลื่อนออกจากใต้หมอนช้าๆ

ช่างเถอะ ตอนนี้อีกฝ่ายยังไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการล้ำเส้น ดังนั้นเพื่อเห็นแก่นามนี้ของนาง เขาจะปล่อยให้นางมีชีวิตรอดต่อไปก่อนก็แล้วกัน

เซี่ยฉงอวิ๋นกับเยว่อวิ๋นงั้นหรือ

ไม่เลว แม้จะเป็นเพียงแค่ในนามก็ตาม

เสมือนบุปผางดงามในคันฉ่อง ประดุจจันทราส่องสว่างบนวารี [4]

อย่างน้อยก็พอให้หลอกตัวเองต่อไปได้บ้าง…

[1] สามหนังสือหกพิธีการ โดยสามหนังสือที่กล่าวถึงนั้น ได้แก่ หนังสือหมั้นหมาย หนังสือแสดงสินสอด และหนังสือรับตัวเจ้าสาว ส่วน หกพิธีการเป็นขั้นตอนการปฏิบัติที่เริ่มตั้งแต่การหมั้นกระทั่งถึงพิธีแต่งงาน ได้แก่ 1. สู่ขอ – ผู้ใหญ่ฝ่ายชายและแม่สื่อเดินทางไปสู่ขอกับพ่อแม่ฝ่ายหญิง พร้อมมอบของขวัญที่มีความหมายมงคลให้แก่บ้านผู้หญิง ส่วนครอบครัวฝ่ายหญิงเองจะถือโอกาสนี้สอบถามแม่สื่อเกี่ยวกับครอบครัวฝ่ายชาย 2. ขอวันเดือนปีเกิด – หลังจากสู่ขอสำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พ่อแม่ฝ่ายหญิงจะมอบวันเดือนปีเกิดของลูกสาวให้แก่บ้านฝ่ายชายเพื่อนำไปเสี่ยงทาย 3. เสี่ยงทาย – หลังจากรับแผ่นกระดาษบันทึกวันเดือนปีเกิดฝ่ายหญิงมาแล้ว พ่อแม่ฝ่ายชายจะนำแผ่นวันเดือนปีเกิดไปวางไว้หน้ารูปปั้นเทพเจ้าหรือบนโต๊ะบูชาบรรพบุรุษ เพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือบรรพบุรุษชี้แนะว่าการแต่งงานครั้งนี้จะนำโชคดีหรือร้ายมาสู่ครอบครัว ว่าที่คู่บ่าวสาวดวงชงกันหรือไม่ หากไม่มีสัญญาณบ่งชี้ถึงความไม่เป็นมงคลเกิดขึ้น การเตรียมงานแต่งก็เริ่มขึ้น ณ บัดนี้ 4. มอบสินสอด– ฝ่ายชายส่งหนังสือหมายหมั้น และหนังสือแสดงสินสอดมายังบ้านฝ่ายหญิง โดยก่อนวันสมรส 1 เดือน-2 สัปดาห์ ครอบครัวฝ่ายชายจะเชิญญาติที่เป็นหญิง 2 หรือ 4 คน (ต้องเป็นหญิงที่มีความสุขพร้อม) พร้อมทั้งแม่สื่อ นำสินสอดทองหมั้นไปให้ฝ่ายหญิง และครอบครัวฝ่ายหญิงก็จะมอบของขวัญตอบ 5. ขอฤกษ์ – ครอบครัวฝ่ายชายรับหน้าที่หาฤกษ์งามยามดีจัดงาน และนำวันที่ได้ไปขอความเห็นจากฝ่ายหญิง 6. รับเจ้าสาว – ในวันมงคลสมรส เจ้าบ่าวในชุดพิธีการ พร้อมด้วยแม่สื่อ ญาติสนิท มิตรสหาย เดินทางไปรับเจ้าสาวที่บ้าน เมื่อถึงบ้านเจ้าสาวแล้ว เจ้าบ่าวต้องไปเคารพศาลบรรพชนของฝ่ายหญิง หลังจากนั้นก็รับเจ้าสาวขึ้นเกี้ยวมาทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินที่บ้านฝ่ายชาย (ขณะออกเดินทางครอบครัวฝ่ายหญิงบางครอบครัวจะนำน้ำสะอาดสาดตามหลังเกี้ยว หมายถึง ลูกสาวแต่งงานไปแล้ว ก็ถือว่าเป็นสมาชิกของครอบครัวฝ่ายชาย เหมือนน้ำที่สาดออกไป) เมื่อเสร็จพิธีไหว้ฟ้าดินแล้วก็ถือว่าบ่าวสาวทั้งสองเป็นสามีภรรยากันโดยถูกต้อง จากนั้นก็ส่งตัวทั้งคู่เข้าสู่ห้องหอ

[2] ยามซวี คือช่วงเวลา 19.00-21.00

[3] ฉื่อ หน่วยวัดของจีน สิบฉื่อเท่ากับหนึ่งจั้ง ความยาวจะแตกต่างกันในแต่ละยุคสมัย เช่น ในสมัยราชวงศ์ฮั่น 1 ฉื่อเท่ากับราว 23.1 เซนติเมตร ในสมัยราชวงศ์เว่ยและจิ้น 1 ฉื่อเท่ากับราว 24.2 เซนติเมตร ในสมัยราชวงศ์ถัง 1 ฉื่อเท่ากับราว 30.6 เซนติเมตร ในสมัยราชวงศ์ซ่ง 1 ฉื่อเท่ากับราว 31.4

[4] อุปมาถึงภาพมายา ไม่เป็นความจริง
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 6

    ยามฟ้าสางรุ่งอรุณมาเยือน แสงอาทิตย์สีทองเริ่มจับขอบฟ้า หมู่สกุณาเริงร่าร้องขับขาน เยว่อวิ๋นถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงพูดคุยเล็กๆ“ท่านพี่ ข้าหิวแล้ว” เสียงที่พอฟังออกว่าเป็นเด็กหญิงดังขึ้น จากนั้นก็มีเสียงตอบกลับจากเด็กชาย “ชู่ เบาๆ นางตื่นแล้ว”เยว่อวิ๋นลืมตาเหม่อมองหลังคาอยู่พักหนึ่ง นางนอนฟังเจ้าของ

    Last Updated : 2025-04-02
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 7

    “ต้องซาวน้ำล้างเศษดินทิ้งก่อนหุงเจ้าค่ะ” เสียงเล็กๆ ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ในกระแสเสียงปะปนด้วยอารมณ์หวาดหวั่นของผู้เป็นเจ้าของเยว่อวิ๋นเลิกคิ้วเล็กน้อย ในใจบางอ้อขึ้นมาทันที ที่แท้เพราะนางยังไม่ได้ล้างข้าวก่อนนี่เอง สีของน้ำจึงมิต่างจากน้ำโคลนเช่นนี้ หญิงสาวหันไปยิ้มให้เจ้าตัวน้อยที่แอบอยู่ด้านหลัง

    Last Updated : 2025-04-02
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 8

    “เด็กน้อย เจ้าดูไฟเป็นหรือไม่” หญิงสาวถามเบาๆเสี่ยวอวี้ประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะพยักใบหน้ารัวๆ ประดุจไก่จิกข้าวสาร“เป็นเจ้าค่ะ ตั้งแต่เสี่ยวอวี้สี่ขวบก็มีหน้าที่คอยจุดไฟให้ท่านป้าใหญ่อยู่แล้ว” เด็กหญิงบอกน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว ขณะทรุดลงนั่งยองๆ หน้าเตาไฟเยว่อวิ๋นหรี่นัยน์ตามองร่างเล็กตรงหน้าอย่างพินิจ

    Last Updated : 2025-04-02
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 9

    ในความคิดของเยว่อวิ๋น เด็กน้อยอายุไม่กี่ขวบเหล่านี้ หากถูกเลี้ยงดูดีๆ มีใครบ้างที่ไม่ขาวอวบนุ่มนิ่มดังเช่นซาลาเปาทว่าน่าเสียดายนัก ลูกเลี้ยงของนางทั้งสองคนกลับเป็นได้แค่หัวไชเท้าน้อยเปื้อนโคลน พวกเขาไม่เพียงมีร่างกายที่ผ่ายผอมแคระแกร็น ทั้งยังเต็มไปด้วยริ้วรอยบาดแผลฟกช้ำตามเนื้อตัวชนิดไม่มีที่ว่าง

    Last Updated : 2025-04-02
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 10

    เยว่อวิ๋นนั้นไม่รู้ตัวเลยว่าเจ้าหัวไชเท้าน้อยที่นางกำลังคิดเลี้ยงดูนั้น กำลังวางแผนที่จะเลี้ยงดูนางในอนาคตเช่นกันเนื่องจากฟ้าด้านนอกยังสว่างไม่มากนัก ภายในห้องมีเพียงเแสงสว่างสลัวๆ เมื่อรวมกับกลิ่นอับชื้นอากาศจึงไม่น่าพิสมัยนัก เยว่อวิ๋นพลันขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะถือชามข้าวต้มเดินเข้าในห้องคนบนเตียงยั

    Last Updated : 2025-04-03
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 11

    รอยยิ้มกลบเกลื่อนของเยว่อวิ๋นไม่นับว่าแนบเนียน แต่ตัวเซี่ยฉงอวิ๋นเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน ทั้งคู่จึงไม่ทันมองออกถึงความในใจที่ต่างคนก็ต่างซ่อนเก็บไว้“นี่มันอะไรกัน ทำไมข้าวสารกับไข่ถึงได้เหลือแค่นี้!”เสียงร้องตะโกนดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ เยว่อวิ๋นราวกับได้ย้อนไปวันแรกที่นางฟื้นมาในร่างนี้แล้วมียายแ

    Last Updated : 2025-04-04
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 12

    นี่ใช่นางเด็กบ้านเยว่ที่ตนเคยเจอจริงน่ะหรือแม่เฒ่าเซี่ยเบิกตากว้างมองคนตรงหน้า อีกฝ่ายไม่เหมือนเดิมเลยแม้แต่น้อย คำพูดที่ฉาดฉานแสดงออกถึงความมั่นใจ การกระทำท่าทางทุกอย่างล้วนสง่างาม แฝงด้วยไปกลิ่นอายข่มขวัญกดดันผู้คน แม้แต่ฮูหยินนายอำเภอที่นางเคยได้เห็นไกลๆ ก็ยังไม่อาจเทียบได้“เจ้าต้องการอะไร” แม่

    Last Updated : 2025-04-04
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 13

    เยว่อวิ๋นมองตามหลังแม่สามีที่เดินจากไปจนลับตา จึงไม่พลาดสีหน้าท่าทางทั้งหมดของอีกฝ่าย ทว่านางไม่คิดแยแสแต่อย่างใด คนอย่างแม่เฒ่าเซี่ยยิ่งอ่อนข้อให้ก็มีแต่จะยิ่งได้ใจเท่านั้นร่างบางหันหลังเดินกลับมุ่งหน้าไปยังห้องนอนที่สามพ่อลูกอยู่ หากรอพวกเขาจนปรึกษากันเสร็จ เงินนี่คงถูกเรียกร้องขอคืนเป็นแน่ เพราะ

    Last Updated : 2025-04-04

Latest chapter

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 120

    หลังผ่านเหตุการณ์ปิดประตูทุบตีคน เยว่อวิ๋นก็กลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมตามปกติคล้ายลืมเลือนไปแล้วว่ามีเรื่องนี้อยู่ จนกระทั่งเซี่ยฉงอวิ๋นเอ่ยถามขึ้นระหว่างกินอาหาร“บ้านเดิมเจ้าไม่มาแล้วหรือ” คิดถึงการสนทนาของนางกับคนสกุลเยว่ที่บุตรชายถ่ายทอดให้ฟัง ดวงตาของเซี่ยฉงอวิ๋นก็ดำมืดขึ้นหลายส่วน“อืม” เยว่อวิ๋

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 119

    “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ดีแล้ว” แม่เฒ่าเยว่ขมวดคิ้วครุ่นคิดหนักขนาดเซี่ยฉงอวิ๋นป่วยล้มหมอนนอนเสื่อเป็นคนไร้ประโยชน์ นางเด็กนั่นยังหยิ่งผยองไม่สนใจทางบ้านเดิมเช่นนี้ แล้วถ้าสามีนางได้เป็นซิ่วไฉหรือขุนนางขึ้นมาจริงๆ นางจะไม่ลอยขึ้นฟ้าจนมองไม่เห็นศีรษะใครเลยอย่างนั้นหรือ“ฟังจากที่พวกเจ้าเล่ามา ในใจเด็กนั่น

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 118

    ทว่าสิ่งที่นางได้รับเล่า...ถูกผู้ที่ได้ชื่อว่าครอบครัวบีบคั้นส่งนางออกมาแค่เพื่อสินสอดไม่กี่ตำลึงเท่านั้น และในยามที่นางขัดขืนดิ้นรนร้องขอความเมตตา คนเป็นแม่กลับทำเพียงทอดสายตามองด้วยใบหน้าเฉยเมย คิดถึงตรงนี้เยว่อวิ๋นพลันรู้สึกแสบร้อนโพรงจมูกอย่างบอกไม่ถูก“หลิวซื่อ ตัวเจ้าเองรู้ดีที่สุด ว่าบุตรสาว

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 117

    “ไม่ได้ทำอะไรงั้นหรือ พวกเจ้ามาถึงก็อ้างความกตัญญูเรียกร้องให้ข้ามอบสิ่งของให้ พอข้าไม่ยอมก็คิดจะทำร้ายข้า นี่ยังเรียกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกหรือ” เยว่อวิ๋นเอียงคอถามน้ำเสียงจริงจัง“แล้วจะทำไม ในเมื่อบ้านเราเลี้ยงดูเจ้ามาตั้งหลายสิบปี จะให้เจ้าแสดงความกตัญญูบ้างมันผิดตรงไหน อย่าลืมนะว่าถ้าไม่ใช่เพราะท่า

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 116

    แม่เฒ่าเยว่ฟังแล้วหยุดหอบหายใจ นางไม่ได้เอะอะโวยวายต่ออีก เรื่องที่จางซื่อยังคิดออกมีหรือนางจะคิดไม่ได้ “ช่างเถอะๆ พรุ่งนี้เจ้าก็พาสะใภ้รองไปหมู่บ้านเซี่ย บอกเด็กนั่นว่าข้าล้มป่วยคิดถึงต้องการให้นางกลับมาเยี่ยม”พูดจบแม่เฒ่าเยว่กับจางชุ่ยก็สบสายตากันอย่างมีเลศนัย ผู้อาวุโสไม่สบายถ้าไม่อยากถูกตราหน้า

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 115

    “สะใภ้ใหญ่ที่เจ้าเล่ามาเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ” แม่เฒ่าเยว่ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เนื่องจากรู้นิสัยชอบพูดใส่สีตีไข่ของลูกสะใภ้คนโตดี“จริงสิเจ้าคะ ถ้าท่านแม่ไม่เชื่อจะไปถามอาฮัวดูก็ได้ นางมาเล่าให้ข้าฟังว่านางเป็นคนเห็นกับตาเลย” จางชุ่ยยืนยันหนักแน่น ในดวงตายังฉายแววอิจฉาไม่หาย“อาฮัวเล่าว

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 114

    ในใจเจ้าของร่างมีสองสิ่งที่ยังมิอาจปล่อยวาง หนึ่งคือบุตรฝาแฝดที่ยังเล็ก สองคือความเสียดายแกมริษยาน้องชายที่ได้ร่ำเรียน เขาปรารถนาจะร่ำเรียนฝากชื่อให้คนทั่วหล้าได้รู้จัก ได้รับราชการเป็นขุนนางที่นำพาเกียรติยศมาสู่วงศ์ตระกูลในยามที่เซี่ยฉงอวิ๋นวิญญาณหลุดลอยมาเข้าร่าง จึงได้เอ่ยคำมั่นให้สัญญาว่าจะทำสอ

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 113

    การปะทะกันระหว่างสะใภ้ครั้งนี้จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของอู่ซื่อ เนื่องจากรู้ดีว่าเป็นตัวเองที่ไร้เหตุผลก่อน ยามพ่อสามีกลับมากินอาหารเย็น อู่ซื่อจึงไม่ได้รื้อฟื้นเรื่องราวขึ้นมาอีกแต่อย่างใดเพียงแต่อู่ซื่อไม่เอ่ยถึง ไม่ได้หมายความว่าเจินซื่อจะปล่อยผ่าน พวกนางสะใภ้ทั้งสามล้วนทำหน้าที่ของตัวอย่างเต็มกำลัง

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 112

    หลานชายหายดีอนาคตเขาลงไปแดนน้ำพุเหลืองก็สามารถสู้หน้าน้องชายที่ตายไปได้แล้วได้คำตอบที่ต้องการแล้ว เซี่ยเหล่าซานกับผู้ใหญ่บ้านก็ไม่ได้รั้งอยู่ต่อ เยว่อวิ๋นนำใบยาสูบและแบ่งใบชาหลงจิ่งที่ซื้อมาให้เซี่ยฉงอวิ๋นให้แก่ลุงสามกับผู้ใหญ่บ้าน เดิมนางต้องการจ่ายค่าจ้างให้สองสามีภรรยาเซี่ยหู่ชิงหลัว ทว่าทั้งคู่

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status