Home / รักโบราณ / ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม / ไม่ใช่ซาลาเปาแต่เป็นไชเท้าน้อย (3)

Share

ไม่ใช่ซาลาเปาแต่เป็นไชเท้าน้อย (3)

“เด็กน้อย เจ้าดูไฟเป็นหรือไม่” หญิงสาวถามเบาๆ

เสี่ยวอวี้ประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะพยักใบหน้ารัวๆ ประดุจไก่จิกข้าวสาร

“เป็นเจ้าค่ะ ตั้งแต่เสี่ยวอวี้สี่ขวบก็มีหน้าที่คอยจุดไฟให้ท่านป้าใหญ่อยู่แล้ว” เด็กหญิงบอกน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว ขณะทรุดลงนั่งยองๆ หน้าเตาไฟ

เยว่อวิ๋นหรี่นัยน์ตามองร่างเล็กตรงหน้าอย่างพินิจ ก่อนจะถอนลมหายใจแผ่วเบา เด็กบ้านยากจนจะโตไวกว่าเด็กปกติจริงๆ

“พวกเจ้าชื่ออะไร อายุเท่าไรกันแล้ว” จากความชำนาญที่เห็น แสดงว่าเด็กคนนี้น่าจะทำหน้าที่นี้มานานแล้วจริงๆ

“ข้าชื่อเซี่ยเสี่ยวอวี้ ส่วนพี่ชายชื่อเซี่ยต้าเป่า อายุห้าปีใกล้จะหกแล้วเจ้าค่ะ” เสี่ยวอวี้เงยหน้าขึ้นตอบ เพียงแต่ตัวนางเองก็ไม่รู้ว่าจะครบหกขวบเดือนไหน เพราะที่ผ่านมาคนในบ้านเซี่ยไม่ค่อยให้ความสำคัญกับสองพี่น้องฝาแฝดคู่นี้นัก มีเพียงปีก่อนๆ ที่บิดายังไม่ป่วย มักจะไปหาไข่นกมาต้มให้พวกเขากินเป็นพิเศษเท่านั้น

คิดถึงรสชาติของไข่นกที่ท่านพ่อเคยแอบให้กินลับหลังท่านย่า รอยยิ้มสดใสก็ปรากฎบนใบหน้าเล็ก ก่อนจะสลดลงในชั่วครู่ น่าเสียดายที่หลังๆ มาท่านพ่อล้มป่วยหนัก อย่าว่าแต่ไข่นกแสนอร่อยที่เคยกินเลย หลายเดือนมานี้ แม้แต่ข้าวต้มข้นๆ สักถ้วยก็ยังยากจะมีให้กิน

จากสภาพภายนอกที่เห็น รูปร่างสองพี่น้องคู่นี้แทบจะไม่ต่างจากเด็กอายุสามขวบด้วยซ้ำ เยว่อวิ๋นขมวดคิ้วแน่น ดูเหมือนว่าแม่สามีราคาถูกของนางใจดำอำมหิตกว่าที่คิดนะนี่

สายลมเย็นพัดกรูผ่านร่าง เยว่อวิ๋นกระชับสาปเสื้อเข้าหากัน พลางบ่นอุบอิบในความอ่อนแอของร่างกายนี้ ก่อนจะเผยแววตาประหลาดใจขึ้นมาแวบหนึ่ง เมื่อเห็นเด็กน้อยงอร่างตัวสั่นสะท้าน โดยเฉพาะต้าเป่าที่อยู่ห่างจากเตาไฟ ถึงกับเดินเบียดเข้ามาใกล้อย่างอดไม่ไหว

ไวเท่าความคิด มือเรียวขยุมไปที่เสื้อบนตัวเด็กชาย ขณะเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งครึม “ทำไมเสื้อผ้าพวกเจ้าถึงเปียกชื้นเช่นนี้”

ต้าเป่าที่กำลังจะสะบัดหนีนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะหลุบดวงตาลงต่ำเม้มปากแน่นไม่พูดอะไร เห็นดังนั้นเยว่อวิ๋นก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเข้มอีกครั้ง

“ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็น กลางคืนมักมีน้ำค้างลงหนา พวกเจ้าคงไม่ได้ซุกซนออกไปเล่นข้างนอกในยามค่ำคืนใช่หรือไม่”

“เกี่ยวอะไรกับท่านด้วยเล่า” เด็กชายกัดฟันเอ่ย จะบอกได้อย่างไรละ ว่าเพราะเมื่อวานเป็นวันแต่งงานของบิดา พวกท่านย่าจึงแบกร่างเขามาไว้กระท่อมนี้ ส่วนตนกับน้องสาวเพื่อไม่ให้มาวุ่นวายในพิธีจึงถูกทิ้งให้อยู่ที่บ้านเดิม

เดิมทีการอยู่บ้านเดิมก็มิใช่เรื่องแย่อะไร ใครจะรู้ว่าหลังทำงานเสร็จ เซี่ยเสี่ยวเกอจะออกอุบายหาเรื่องใช้ให้เขากับน้องสาวออกไปตัดหญ้าก่อนเวลาอาหารเย็น

เซี่ยเสี่ยวเกอเป็นหลานชายคนโตของบ้าน แม้ท่านย่าจะรักเขารองลงมาจากอาสามกับอาหญิงเล็ก ทว่าลุงใหญ่กับป้าสะใภ้ใหญ่รักและตามใจเขายิ่งเสียกว่าอะไร ต้าเป่ากับเสี่ยวอวี้ที่รู้สถานะตัวเองดีจึงไม่กล้างัดค้านคำสั่งอีกฝ่าย

สองพี่น้องแบกตระกร้าขึ้นหลังคนละใบออกตัดหญ้าจนเต็ม กว่าจะเดินมาถึงเรือนสกุลเซี่ยฟ้าก็มืดไร้แสงสว่างไปนานแล้ว เหน็ดเหนื่อยแทบขาดใจ หิวเสียจนหน้าท้องยุบติดแผ่นหลัง

ทว่าเท่านั้นยังไม่พอ คนในบ้านยังพร้อมใจกลั่นแกล้งพวกเขาด้วยการปิดประตูรั้วก่อนเวลา เขากับเสี่ยวอวี้ช่วยกันร้องเรียกจนเสียงแหบก็ไม่มีใครออกมาเปิดให้ สุดท้ายจึงต้องไปนอนซุกกอดกันที่ใต้ต้นไม้ข้างรั้วหลับไป

ดังนั้นพอตื่นลืมตาฟ้าเริ่มสางมองเห็นทาง สองพี่น้องที่อิดโรยและหิวโหยจึงตัดสินใจพากันเดินทางมายังกระท่อมเก็บของที่บิดาอยู่ทันที

ส่วนงานในบ้านเซี่ยน่ะหรือ ใครจะทำก็ทำไปสิ!

“พวกเราไม่ได้ซุกซนนะเจ้าคะ เพียงแต่…” โดนคนในบ้านกลั่นแกล้ง ประโยคนี้แม้แต่เด็กน้อยอย่างเสี่ยวอวี้ยังเข้าใจความหมาย แล้วเยว่อวิ๋นจะเดาความจริงไม่ออกได้อย่างไร

หญิงสาวผ่อนลมหายใจหดหู่ออกวูบหนึ่ง ขณะที่เอื้อมมือไปลูบศีรษะเล็กของเด็กหญิง “ช่างเถอะ พวกเจ้าถอดเสื้อออกมาก่อน ข้าจะอังไฟให้”

ไม่ต้องให้พูดซ้ำ เสี่ยวอวี้ก็รีบปลดเชือกถอดเสื้อมาส่งให้ทันที ต้าเป่ามองการกระทำอันแสนกระตือรือร้นของน้องสาว แล้วพลันเกิดความรู้สึกอันบอกไม่ถูกขึ้นมาในใจ

น้องสาวโง่งมยังไม่ถึงชั่วยามก็ถูกล่อลวงไปเสียแล้ว หากตนไม่แน่วแน่มั่นคงยืนหยัดเอาไว้ เกรงว่าพวกเขาสองคนพี่น้องคงถูกนำไปขายทั้งคู่เป็นแน่

แม้ใจเตือนตัวเองว่าต้องหนักแน่นไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใดง่ายๆ ทว่าความอบอุ่นในห้องครัวกลับมีความดึงดูดจนยากจะต้านทาน จากที่เดิมแอบอยู่เพียงหน้าประตู เมื่อถูกเร่งรัดให้ถอดเสื้อ เด็กชายจึงอดที่จะก้าวเข้าไปไม่ได้

เยว่อวิ๋นสะบัดเสื้อที่เก่าจนสีซีดในมือเป็นระยะ รอจนมั่นใจว่าแห้งอุ่นดีแล้วจึงค่อยส่งให้เด็กหญิงข้างกาย ขณะเอื้อมมือไปรับเสื้อจากแฝดคนพี่

เสี่ยวอวี้รับเสื้อมาสวมใส่ อาจเป็นเพราะผ่านค่ำคืนเหน็บหนาวมาทั้งคืน ยามเสื้อคลุมอุ่นๆ กระทบถูกผิวกาย ความอบอุ่นสายหนึ่งพลันพวยพุ่งเข้าสู่หัวใจดวงน้อยๆ ทันที

เยว่อวิ๋นรับเสื้อจากมือต้าเป่ามาอังไฟ สายตาทอดไปที่ร่างเล็กสองร่างตรงหน้า หวนคิดถึงภาพร่างกายที่ไร้อาภรณ์ปกปิดเมื่อครู่ ก่อนจะขมวดคิ้วสีหน้าอึมครึม

ดูเหมือนว่าลูกเลี้ยงของนางจะไม่ใช่ซาลาเปา แต่เป็นได้แค่หัวไชเท้าน้อยเท่านั้น…

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Kaugnay na kabanata

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   แยกบ้าน (ก็แยกสิ) (1)

    ในความคิดของเยว่อวิ๋น เด็กน้อยอายุไม่กี่ขวบเหล่านี้ หากถูกเลี้ยงดูดีๆ มีใครบ้างที่ไม่ขาวอวบนุ่มนิ่มดังเช่นซาลาเปาทว่าน่าเสียดายนัก ลูกเลี้ยงของนางทั้งสองคนกลับเป็นได้แค่หัวไชเท้าน้อยเปื้อนโคลน พวกเขาไม่เพียงมีร่างกายที่ผ่ายผอมแคระแกร็น ทั้งยังเต็มไปด้วยริ้วรอยบาดแผลฟกช้ำตามเนื้อตัวชนิดไม่มีที่ว่าง เยว่อวิ๋นที่ปกติเป็นคนอารมณ์ดีเห็นแล้วยังนึกสบถสาปแช่งคนสกุลเซี่ยด้วยความรังเกียจไปหลายต่อหลายรอบโดยเฉพาะเซี่ยซื่อแม่สามีราคาถูกของนางหากเป็นคนอื่น แม้จะรังแกสองพี่น้องก็ยังพอจะมองข้ามไปได้บ้าง เพียงแต่ตัวแม่เฒ่าเซี่ยนั้นเป็นมารดาของเซี่ยฉงอวิ๋น เด็กสองคนนี้ก็คือสายเลือดแท้ๆ ของนาง เหตุใดจึงปล่อยปละละเลยทิ้งขว้างได้ถึงเพียงนี้เล่าคิดแล้วเยว่อวิ๋นก็ได้แต่ถอนลมหายใจให้กับชะตาชีวิตของเด็กน้อย เอาเถอะ นางตอนนี้มีศักดิ์ฐานะเป็นมารดาของอีกฝ่ายแล้ว ต่อไปภายหน้าก็ค่อยๆ ดูแลกันไปก็แล้วกันในอดีตเยว่อวิ๋นใช้ชีวิตอยู่ในกองทัพ แม้จะไม่สันทัดในเรื่องการทำอาหาร แต่ด้านการใช้ชีวิตประจำวันนั้นไม่ถือว่าแย่ หญิงสาวพลิกเสื้อคลุมอังไฟไปมาไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย ยามส่งเสื้อคืนให้แก่เจ้าของ ข้าวต้มในหม้อก็เริ่

    Huling Na-update : 2025-04-02
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   แยกบ้าน (ก็แยกสิ) (2)

    เยว่อวิ๋นนั้นไม่รู้ตัวเลยว่าเจ้าหัวไชเท้าน้อยที่นางกำลังคิดเลี้ยงดูนั้น กำลังวางแผนที่จะเลี้ยงดูนางในอนาคตเช่นกันเนื่องจากฟ้าด้านนอกยังสว่างไม่มากนัก ภายในห้องมีเพียงเแสงสว่างสลัวๆ เมื่อรวมกับกลิ่นอับชื้นอากาศจึงไม่น่าพิสมัยนัก เยว่อวิ๋นพลันขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะถือชามข้าวต้มเดินเข้าในห้องคนบนเตียงยังคงนอนอยู่ในท่าเดิม ลมหายใจแผ่วเบายากจะสังเกตก็ยังไม่แปรเปลี่ยน ทว่าเยว่อวิ๋นกลับรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้กำลังหลับอย่างท่าทางที่แสดงออก“ข้านำข้าวต้มมาให้” นางกล่าวพลางกวาดสายตาไปรอบห้อง “ยาของเจ้าเล่า ไม่มีงั้นหรือ”บนโต๊ะด้านนอกไม่มียาวางไว้ นางมองหาดูภายในห้องก็ไม่เห็น อาการของอีกฝ่ายย่ำแย่ขนาดนี้ อย่าบอกนะว่ามารดาใจดำของเขาไม่คิดเตรียมไว้ให้คำถามถูกตอบกลับมาด้วยความเงียบ บุรุษบนเตียงไม่แม้แต่จะขยับลืมตาด้วยซ้ำ เยว่อวิ๋นเลิกคิ้วน้อยๆ ไม่กล่าวอะไรต่อ คนผู้นี้คล้ายมีกลิ่นอายต่อต้านผู้อื่นแผ่ออกมาให้สัมผัสได้แต่เดิมนางก็ไม่มีนิสัยชอบเอาหน้าร้อนๆ ของตนไปนาบก้นเย็นๆ ของผู้อื่น [1] อยู่แล้ว เมื่อเห็นอีกฝ่ายแสดงท่าที่ไม่ยี่หระ ความคิดแวบแรกที่ผุดมาคือ หรือว่านางจะปล่อยให้คนผู้นี้ตายไปเช่นนี้

    Huling Na-update : 2025-04-03
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   แยกบ้าน (ก็แยกสิ) (3)

    รอยยิ้มกลบเกลื่อนของเยว่อวิ๋นไม่นับว่าแนบเนียน แต่ตัวเซี่ยฉงอวิ๋นเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน ทั้งคู่จึงไม่ทันมองออกถึงความในใจที่ต่างคนก็ต่างซ่อนเก็บไว้“นี่มันอะไรกัน ทำไมข้าวสารกับไข่ถึงได้เหลือแค่นี้!”เสียงร้องตะโกนดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ เยว่อวิ๋นราวกับได้ย้อนไปวันแรกที่นางฟื้นมาในร่างนี้แล้วมียายแก่แซ่เยว่นั่งก่นด่าอยู่ข้างหูอย่างไรอย่างนั้นหญิงสาวเหลือบมองไปทางด้านนอกประตู ก่อนจะค่อยๆ ประคองร่างบนเตียงให้เอนลงนอน “เจ้านอนพักไปก่อน รอข้าจัดการธุระแล้วจะมาเช็ดตัวให้”นางกล่าวด้วยท่าทีเฉยเมย ทว่าเซี่ยฉงอวิ๋นกลับรู้สึกหน้าร้อนผ่าว ต่อให้นางเป็นภรรยาที่แต่งเข้ามา เขาก็รู้สึกไม่คุ้นชินอยู่ดี แต่ยังไม่ทันเอ่ยปฏิเสธผู้พูดก็ก้าวเท้าหายลับออกจากห้องไปแล้วเยว่อวิ๋นได้ยินเสียงเมื่อครู่ ก็พอนึกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องครัว นางแค่ดูจากร่างกายของเด็กๆ กับเซี่ยฉงอวิ๋น ก็พอคาดเดาได้แล้วว่าในยามปกติพวกเขาคงไม่ได้กินอิ่มท้องกันนัก โดยเฉพาะเด็กน้อยเสี่ยวอวี้นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด ในยุคสมัยที่นางจากมา ผู้คนก็มักให้ความสำคัญกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิงเช่นกัน ตัวยายเฒ่าเซี่ยเองก็ดูไม่ใช่ผู้อาวุโสที่

    Huling Na-update : 2025-04-04
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   แยกบ้านที่หมายถึงแยกครอบครัว (1)

    นี่ใช่นางเด็กบ้านเยว่ที่ตนเคยเจอจริงน่ะหรือแม่เฒ่าเซี่ยเบิกตากว้างมองคนตรงหน้า อีกฝ่ายไม่เหมือนเดิมเลยแม้แต่น้อย คำพูดที่ฉาดฉานแสดงออกถึงความมั่นใจ การกระทำท่าทางทุกอย่างล้วนสง่างาม แฝงด้วยไปกลิ่นอายข่มขวัญกดดันผู้คน แม้แต่ฮูหยินนายอำเภอที่นางเคยได้เห็นไกลๆ ก็ยังไม่อาจเทียบได้“เจ้าต้องการอะไร” แม่เฒ่าเซี่ยถาม ตอนนี้นางรู้สึกเสียใจเหลือเกินที่ตัวเองยอมรับการเปลี่ยนตัวเจ้าสาว เด็กนี่เลวร้ายยิ่งกว่าย่าของมันเสียอีก“ข้าต้องการแยกบ้านเจ้าค่ะ”“แต่ข้าขอเตือนเจ้า อย่าได้คิดว่าจะ… อะไรนะ!” แม่เฒ่าเซี่ยเกือบจะคิดว่าตนเองหูฝาดไปแล้ว นางตกใจจนดวงตาเบิกกว้าง ประกายความยินดีแทบจะล้นปรี่ออกมาจากเบ้าตาที่นางกัดฟันยอมรับเงื่อนไขของยายแก่เยว่ก็เพื่อการนี้ไม่ใช่หรือ!“สกุลเซี่ยของเราไม่เคยมีเรื่องแบบนี้มาก่อน แต่เอาเถอะในเมื่อเจ้าต้องการ ข้าก็ไม่ขัดขวาง นับจากวันนี้พวกเจ้าก็อยู่ที่นี่ ส่วนเสบียงอาหารข้าได้จัดแจงไว้ให้แล้ว นี่เงินห้าตำลึงมอบให้เจ้าไว้เป็นค่าใช้จ่าย เมื่อแยกบ้านแล้วก็เก็บไว้ให้ดีๆ”แม้แม่เฒ่าเซี่ยจะคิดแยกครอบครัวลูกชายคนรองออกไป แต่ในใจนางก็ยังคิดยึดจับพวกเขาไว้ไม่ปล่อย วันนี้ที่มาตั

    Huling Na-update : 2025-04-04
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   แยกบ้านที่หมายถึงแยกครอบครัว (2)

    เยว่อวิ๋นมองตามหลังแม่สามีที่เดินจากไปจนลับตา จึงไม่พลาดสีหน้าท่าทางทั้งหมดของอีกฝ่าย ทว่านางไม่คิดแยแสแต่อย่างใด คนอย่างแม่เฒ่าเซี่ยยิ่งอ่อนข้อให้ก็มีแต่จะยิ่งได้ใจเท่านั้นร่างบางหันหลังเดินกลับมุ่งหน้าไปยังห้องนอนที่สามพ่อลูกอยู่ หากรอพวกเขาจนปรึกษากันเสร็จ เงินนี่คงถูกเรียกร้องขอคืนเป็นแน่ เพราะฉะนั้นที่ควรทำก็ควรรีบ“ท่านแม่” พอเห็นนางเปิดประตูเดินเข้ามา ใบหน้าเล็กๆ ของเสี่ยวอวี้ก็เผยรอยยิ้มหวานออกมาทันทีเนื่องจากเยว่อวิ๋นให้นางกินอาหาร แล้วยังช่วยเหลือนางกับพี่ชายไม่ให้ถูกผู้เป็นย่าทุบตี ในใจเด็กหญิงจึงเชื่อมั่นและรู้สึกดีกับมารดาคนใหม่เป็นอย่างมาก“ท่านแม่ ท่านย่าไม่ได้ตีท่านใช่ไหมเจ้าคะ” เสี่ยวอวี้รีบถามอย่างเป็นห่วง เด็กหญิงรู้ดีว่าท่านย่าของตนเป็นคนใจร้าย ท่านแม่ขัดใจนางเช่นนี้มีหรือนางจะไม่ทำอะไรเด็กน้อยวิ่งมาหยุดเบื้ิองหน้าเยว่อวิ๋น พลางเอียงศีรษะมองสำรวจร่างกายเยว่อวิ๋นด้วยดวงตากลมโตแวววาวเหมือนลูกแมว“ข้าไม่เป็นอะไร” เยว่อวิ๋นชะงักเล็กน้อยกับคำเรียกขานอันสนิทสนม นางเป็นคนความรู้สึกไว จึงรับรู้ได้ว่าความห่วงใยที่เจ้าตัวเล็กแสดงออกมานั้นเป็นของจริงแท้แน่นอน นี่เป็นสิ่งที

    Huling Na-update : 2025-04-04
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   ลูกพลับนิ่มในอดีตได้กลายเป็นก้อนหินไปเสียแล้ว (1)

    เยว่อวิ๋นไม่ล่วงรู้ถึงความสงสัยของเซี่ยฉงอวิ๋นเลยแม้แต่น้อยและแน่นอนว่าถึงรู้นางก็ไม่ใส่ใจอยู่ดี ชีวิตก่อนนางเป็นแม่ทัพนำทหารออกรบ พอจบศึกก็เป็นหมอรักษาผู้ใต้บังคับบัญชา ได้เห็นร่างกายบุรุษมานับไม่ถ้วน สูงต่ำดำขาวแบบใดก็ล้วนมีทั้งสิ้นผู้เป็นหมอต้องมีใจเมตตา รักษาคนไม่แบ่งแยกชายหญิง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเซี่ยฉงอวิ๋นที่ยามนี้ป่วยหนักขนาดนี้ด้วยแล้ว เยว่อวิ๋นไม่มีทางมองเขาในแง่ชู้สาวเป็นแน่และผลของการถูกมองข้ามก็คือ…“เจ้าไม่พอใจอะไรงั้นหรือ” เยว่อวิ๋นขมวดคิ้วมองหลังมือที่ถูกปัดจนขึ้นรอยแดงของตนอย่างไม่เข้าใจ นางดูแลเขาดีถึงเพียงนี้ คนตรงหน้ายังกล้าลงมือกับนางอีก ช่างไม่สำนึกบุญคุณซะบ้างเลยเซี่ยฉงอวิ๋นใบหน้าและลำคอขึ้นสีแดงก่ำ แม้เขาไม่มองเห็นทว่ารู้สึกได้ถึงความตัดพ้อในน้ำเสียงอีกฝ่าย ชายหนุ่มไม่ตอบทว่ากลับเบือนหน้าหนีเข้าผนัง พลางนึกโมโหตัวเองที่ดันเผลอลดการป้องกัน สบช่องทำให้อีกฝ่ายทำอะไรแบบนั้นเสียได้เห็นเขาแสดงท่าทางประหนึ่งคนไม่ได้รับความเป็นธรรม เยว่อวิ๋นพลันเกิดความคิดอยากร้องเพ้ยขึ้นมาทันที “มารดามันสิเหล่าเหนียง [1] ต่างหากไหมที่ควรจะต้องเป็นคนโกรธ!”หญิงสาวพึมพำ ด้วยนิสัยถูกต

    Huling Na-update : 2025-04-04
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   ลูกพลับนิ่มในอดีตได้กลายเป็นก้อนหินไปเสียแล้ว (2)

    ถึงจะคิดว่าอีกฝ่ายจะดูแปลกๆ แต่ในใจหมอจางก็มีความรู้สึกดีให้เยว่อวิ๋นมากว่าพวกแม่เฒ่าเซี่ยมากนัก เขากวาดสายตามองเซี่ยฉงอวิ๋นที่อยู่บนเตียง แล้วพยักหน้าพึงพอใจ แม้เสื้อผ้าจะดูเก่าซีดใบหน้ามีหนวดเครารุงรัง ทว่าเนื้อตัวสะอาดสะอ้านไม่มีกลิ่นเหม็น สภาพดูดีกว่าครั้งก่อนที่ได้เห็นนับว่าไม่เลวเลย“ตกลง ไม่ต้องห่วง หากเจ้ามีใจจะรักษาเขาจริง ข้าจะจ่ายยาให้ไปก่อน ขาดเหลือมีคืนแล้วค่อยว่ากัน” หมอจางมีใจชื่นชมเซี่ยฉงอวิ๋นมานานแล้วชายหนุ่มผู้นี้เป็นคนนิสัยดี ขยันขันแข็ง ก่อนเกิดเรื่อง เขาคนเดียวหาเลี้ยงคนทั้งบ้าน น่าเสียดายที่ญาติของอีกฝ่ายแต่ละคนเป็นเพียงหมาป่าตาขาวที่ไร้คุณธรรมเดิมทีบาดแผลของเซี่ยฉงอวิ๋น หากรีบพาไปหาหมอเก่งๆ ในเมือง ไม่แน่อาจมีหนทางรักษา เรื่องนี้หมอจางเคยเอ่ยกับแม่เฒ่าเซี่ยไปก่อนหน้านี้แล้ว น่าเสียดายที่อีกฝ่ายเป็นคนเห็นแก่ตัวแม่เฒ่าเซี่ยไม่อยากต้องควักเงิน จึงใส่ร้ายว่าหมอจางมีจิตใจละโมบต้องการขูดรีดจนอีกฝ่ายโมโหจากไป จากนั้นนางก็ทิ้งให้บุตรชายนอนรอความตายโดยไม่แยแส หากไม่เพราะหมอจางแอบมอบสมุนไพรให้กับต้าเป่าก่อนจากไป เซี่ยฉงอวิ๋นในตอนนี้คงมีหญ้าสูงเหนือหลุมศพไปนานแล้วช่วงเ

    Huling Na-update : 2025-04-04
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   ลูกพลับนิ่มในอดีตได้กลายไปเป็นก้อนหินเสียแล้ว (3)

    เยว่อวิ๋นยังไม่ทันกล่าวคำพูด ก็มีเสียงหนึ่งดังขัดขึ้นเสียก่อน เมื่อหันไปมองที่มาของเสียงก็เห็นแม่เฒ่าเซี่ยเดินนำหน้าคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาคนกลุ่มนั้นประกอบไปด้วยบุรุษสองคนสตรีสองนาง สองในสี่นั้นนางพอรู้จักคุ้นหน้าอยู่บ้าง เพราะเคยพบอีกฝ่ายเมื่อวันส่งตัวเจ้าสาว เป็นเซี่ยจินกับอู๋ซื่อพี่สะใภ้ใหญ่ของนางนั่นเองส่วนชายหญิงอีกคู่แลดูมีอายุน้อยกว่า บุรุษมีรูปร่างสูงโปร่งใบหน้าคมคาย ทว่าดวงตาเรียวเต็มไปแววกลิ้งกลอกมองดูแล้วชวนให้ไม่น่าคบหา ส่วนสตรียิ่งแล้วใหญ่ดวงตามองสูงจมูกแทบชี้ฟ้า ต่อให้รูปร่างหน้าตาหมดจดงดงามก็ไม่เจริญตา เยว่อวิ๋นนึกถึงคำพูดของต้าเป่าเมื่อเช้า พอจะเดาออกทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใครแม่เฒ่าเซี่ยมีบุตรสี่คน เป็นชายสามหญิงหนึ่ง คนโตเซี่ยจิน คนรองเซี่ยฉงอวิ๋น คนที่สามเซี่ยหยวนชาง และคนสุดท้ายคือเซี่ยหว่านหรูนั่นเองไม่ต้องสงสัย สองคนที่นางไม่เคยพบหน้ามาคู่นี้ คงไม่แคล้วเป็นเซี่ยหยวนชางกับเซี่ยหว่านหรูนั่นเองเจ้าเด็กน้อยเสี่ยวอวี้เป็นเด็กช่างพูด นางใช้คำเจรจาเจื้อยแจ้วกล่าวถึงอาสามกับอาหญิงเล็กของตน ว่าเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในบ้านเนื่องจากอาสามต้องเรียนหนังสือเพื่อสอบซิ่วไฉจึงไม่ต

    Huling Na-update : 2025-04-07

Pinakabagong kabanata

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   รักษาขาของเซี่ยฉงอวิ๋น (3)

    ฟังเสียงร้องที่ดังแต่ไร้ความจริงใจ มุมปากเยว่อวิ๋นคล้ายจะกระตุกเล็กน้อยกับความปลอมของอีกฝ่าย นางกับเซี่ยหู่ขึ้นเกวียนไปรอรับร่างสามี ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ“ออกเดินทางกันเถอะพี่ต้าจวง”แม่เฒ่าเซี่ยถูกเมินเฉยจนตั้งตัวไม่ติด นางคิดไว้แล้วว่าหากถูกเยว่อวิ๋นด่าทอลงมือ ก็จะร้องร่ำไห้คุกเข่าสำนึกผิดตรงนี้ หรือว่าหากอีกฝ่ายห่วงหน้าตาไม่ทำอะไรตัวเอง ก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ติดตามไปด้วยทว่าคิดเสียเยอะแยะกลับไม่เป็นอย่างใจ ความจริงไหนเลยเยว่อวิ๋นจะหันมาสนใจนาง อีกฝ่ายไม่แม้จะมองดูนางด้วยซ้ำ“หยุดนะ!” เห็นเซี่ยต้าจวงทำท่าจะบังคับเกวียนออก แม่เฒ่าเซี่ยก็รีบโดดไปจับเกวียนไว้ทันที ทว่ายังไม่ทันได้แตะถูก วัตถุสีดำบางอย่างก็พุ่งกระทบถูกมือนางเสียก่อน แม่เฒ่าเซี่ยพลันเจ็บปวดจนกรีดร้องออกมา“โอ๊ย!”เยว่อวิ๋นไม่สนท่าทีเจ็บปวดของแม่เฒ่าเซี่ยสักนิด นางหลุบมองก้อนหินเล็กๆ ในมือตัวเองพลางขมวดคิ้วแน่น หญิงสาวครุ่นคิดอย่างหงุดหงิดว่าหากเซี่ยซื่อยังกล้าสร้างความวุ่นวายอีกนางจะดีดลูกหินใส่ดวงตาแม่สามีให้บอดเสียเลย ต่อไปจะได้ไม่ต้องออกจากบ้านมาสร้างความรำคาญให้นางอีกทว่าคิดยังไม่ทันลงมือ เซี่ยฉงอวิ๋นก็ยื่

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   รักษาขาของเซี่ยฉงอวิ๋น (2)

    “ท่านแม่ เรื่องนี้ข้าผิดเองขอรับ เป็นเพราะข้าเปิดประตูให้พวกท่านย่าจึงทำให้เกิดเรื่องขึ้น ข้าผิดไปแล้วขอรับ” ต้าเป่าเอ่ยรับผิด เด็กชายกล่าวต่อ “ท่านแม่ ท่านลงโทษข้าเถอะขอรับ”เยว่อวิ๋นไม่ได้พูดอะไรอีก นางเพียงหรี่เปลือกตาลงต่ำพลางแค่นเสียงออกมาคำหนึ่ง“ดีนี่ ปกป้องความผิดกันเอง แล้วโกหกข้าสีหน้าไม่เปลี่ยน ช่างเถอะ ข้าคงลงโทษพวกเจ้าไม่ไหวหรอก”ต้าเป่าได้ยินก็ตกตะลึงอึ้งไปชั่วขณะ เขาไม่รู้ว่ามารดารู้ได้อย่างไรว่าตนเองโกหก แต่ฟังจากน้ำเสียงเขาสัมผัสได้ว่าคราวนี้ท่านแม่มีโทสะแล้วจริงๆแน่นอนว่าเรื่องนี้ต้าเป่าไม่ได้รู้สึกไปเอง เยว่อวิ๋นโกรธแล้วจริงๆ พี่น้องรักใคร่ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่การที่อีกฝ่ายโกหกก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องเช่นกันอ่างน้ำที่ยังไม่ได้เทน้ำทิ้งกับเซี่ยฉงอวิ๋นในเสื้อผ้าชุดใหม่ ทำให้เยว่อวิ๋นคาดเดาได้ว่าต้าเป่าน่าจะเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับบิดาอยู่ ส่วนเสี่ยวอวี้ที่ไม่เคยเห็นหมูป่ามาก่อนก็น่าจะออกมาดูมัน จากนั้นคนบ้านใหญ่ที่ได้ยินว่านางจับหมูป่าได้ก็น่าจะมาเพื่อส่วนแบ่งต้าเป่าอยู่ข้างในด้านนอกมีเพียงเสี่ยวอวี้ เด็กหญิงถูกคนบ้านใหญ่ทำร้ายมานาน มีความเกรงกลัวซึมลึกถึง

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   รักษาขาของเซี่ยฉงอวิ๋น (1)

    เยว่อวิ๋นใช้ไม้กระบองในมือส่งบ้านใหญ่ออกไป เซี่ยต้าจวงที่เลี่ยงออกมาเห็นว่าพวกเขาจากไป ก็รีบกลับมาจัดการร่างหมูป่าตามความตั้งใจเดิม โดยไม่สนใจจะถามถึงเรื่องที่นางทุบตีคนสักนิดแม้เซี่ยต้าจวงจะเป็นคนซื่อทว่าเขาไม่ได้โง่ ที่ผ่านมาอาสะใภ้สี่ถือดีว่าพวกเขาทำอะไรนางไม่ได้ เอาเปรียบบิดาเขาสร้างปัญหาให้ไว้เว้นวันมายามนี้ในใจเซี่ยต้าจวงจึงคิดเพียงว่าภรรยาฉงอวิ๋นตีได้ดีนัก เหมาะแล้ว สมควรยิ่งคนอย่างอาสะใภ้สี่ก็สมควรต้องเจอแบบนี้แหละ!“น้องสะใภ้ เจ้าจะให้เก็บส่วนไหนไว้หรือไม่” เซี่ยต้าจวงยกร่างหมูป่ามาล้างน้ำเสร็จก็หันมาถามเยว่อวิ๋นเยว่อวิ๋นคิดเล็กน้อย ก่อนจะบอกให้เซี่ยต้าจวงตัดส่วนที่นางต้องการเก็บไว้ ด้วยความชำนาญของอีกฝ่าย ไม่นานส่วนที่ต้องการก็ถูกชำแหละออกมาตามที่ต้องการเห็นดังนั้นเยว่อวิ๋นจึงเดินไปเปิดประตูรั้วออกกว้าง ให้ชาวบ้านที่ต้องการซื้อเนื้อหมูป่าเข้ามาได้หลายคนที่รอด้านนอกพอเห็นประตูเปิด ก็รีบพากันกรูเข้ามาทันที เนื้อหมูป่าได้มายากกว่าหมูบ้าน อีกทั้งเยว่อวิ๋นก็ยังขายให้ในราคาที่ถูกกว่าอีกด้วย ทำให้เยว่อวิ๋นถูกรุมล้อมจนหัวหมุน“พี่สะใภ้ พวกข้ามาช่วยแล้วเจ้าค่ะ” ในขณะที่กำลังยุ่

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   หนังหน้า-หน้าด้าน (3)

    “หยุดนะ! แข็งข้อแล้ว! สะใภ้รองเจ้าคิดจะก่อกบฏอย่างนั้นหรือ!” แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกหลานตัวเองที่ถูกตีจนดิ้นพล่านกับพื้นพลางกรีดเสียงร้องโหยหวนเยว่อวิ๋นไม่สนใจเสียงสาปแช่งของแม่เฒ่าเซี่ย และยิ่งไม่คิดใส่ใจต่อเสียงก่นด่าของคนที่ถูกนางตี นางเตะพวกเขามานอนเรียงรายกันบนพื้น แม้แต่เซี่ยจินกับอู๋ซื่อที่พยายามลดการมีอยู่ของตัวเองสุดชีวิตแล้ว ก็ยังถูกนางสังเกตเห็นและลากจับมารวมกลุ่มทุบตี“เซี่ยหู่ เจ้าไปตามหมอจางมาที พี่ต้าจวงข้ารบกวนพี่ออกไปเฝ้าประตูไว้ให้ทีนะเจ้าคะ เพราะอีกเดี๋ยวคนที่จะมาซื้อเนื้อหมูป่าคงจะมากันแล้ว”เซี่ยหู่หรือจะกล้าขัดขืน เขาเห็นสภาพบ้านสี่แล้วยังนึกสยดสยองไม่หาย ไม่รอให้เยว่อวิ๋นเอ่ยซ้ำเป็นรอบที่สอง ก็ออกวิ่งสุดฝีเท้าตามคำสั่งแต่โดยดีทันที“เอ่อ… ถ้าอย่างนั้นข้าออกไปดูคนให้นะ” เซี่ยต้าจวงกล่าวอย่างอึกอัก พยายามหลบเลี่ยงสายตาขอความช่วยเหลือของแม่เฒ่าเซี่ยสุดชีวิต พลางก่นว่าน้องชายที่ตัดช่องน้อยเอาตัวรอดคนเดียวในใจไม่หยุด“เมื่อครู่เจ้าพูดว่าอะไรนะ ก่อกบฏงั้นสินะ” เยว่อวิ๋นพลันรู้สึกขันจนพูดไม่ออก ชาติที่แล้วนางก็ตายตกด้วยข้อหานี้มิใช่หรือ “ข้าก่อกบฏอย่างไร พวกเจ้าเป็นเชื้อพร

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   หนังหนา-หน้าด้าน (2)

    มุมปากแม่เฒ่าเซี่ยเบี้ยวไปชั่วขณะ คล้ายคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำตอบแบบนี้“จะ เจ้า เจ้าไม่เคารพผู้อาวุโส” กล่าวจบนางก็ทำท่าจะหวีดร้องโวยวาย ทว่ากลับเห็นเยว่อวิ๋นหมุนร่างไปสั่งเซี่ยหูเสียก่อน“ปิดประตูซะ”เซี่ยหู่ที่ตามหลังมาพลันสะดุ้งเฮือก เขาสบสายตาเย็นชาของเยว่อวิ๋นแล้วรีบปิดประตูรั้วเสียงดังโครมโดยไม่ต้องให้เอ่ยย้ำ“สะ… สะใภ้รองเจ้าคิดจะทำอะไร” แม่เฒ่าเซี่ยข่มความหวาดกลัวพลางถามด้วยน้ำเสียงสั่นไหว“ฝีมือใคร” เยว่อวิ๋นไม่ได้ตอบคำถามของแม่เฒ่าเซี่ย ทว่ากลับเดินไปหยุดตรงหน้าเด็กสองคน พลางยกมือขึ้นลูบใบหน้ากลมเล็กของเสี่ยวอวี้เบาๆ “ใครเป็นคนทำ”เสี่ยวอวี้อยู่ร่วมกับเยว่อวิ๋นจนคุ้นชินแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่สัมผัสได้ถึงความเย็นชาที่ลึกถึงกระดูก เด็กหญิงพลันบังเกิดความหวาดกลัวในตัวอีกฝ่ายอย่างไร้สาเหตุ“ซะ… เซี่ยเสี่ยวเกอ กะ กับท่านอาเล็กเจ้าค่ะ”พอเปิดประตูให้พวกเขาเข้ามา เซี่ยเสี่ยวเกอก็โวยวายจะเอาขนมในมือนาง พอนางไม่ยอมให้ท่านอาเล็กที่เดินตามมาก็ตบหน้านาง คิดแล้วเสี่ยวอวี้ก็ดวงตาแดงก่ำ น้ำใสๆ ร่วงหล่นราวสายน้ำหลากตั้งแต่แยกครอบครัวมา เสี่ยวอวี้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เยว่อวิ๋นอย่าว่าแต

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   หนังหนา-หน้าด้าน (1)

    เกิดเติบโตมายี่สิบกว่าปี ครั้งแรกที่รู้สึกสนใจสตรีนางหนึ่ง ก็พบว่าหนทางเชื่อมหาคนถูกปิดตายหมดเสียแล้ว กู้เหยียนเซียวพลันส่ายหน้าจนใจบนถนนที่ขรุขระมีเสียงฝีเท้าและลมหายใจของม้าดังให้ได้ยินเป็นระยะ จึงไม่มีใครสังเกตถึงเสียงถอนลมหายใจอ่อนเบาของใครบางคนช่างน่าเสียดาย…เยว่อวิ๋นที่กำลังดีใจไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนกำลังนึกเสียดายโชคชะตาที่มาช้าไปนี้หญิงสาวกลับเข้าห้องไปบอกเรื่องราวกับเซี่ยฉงอวิ๋น ถึงกำหนดการผ่าตัดขาของเขาในวันพรุ่งนี้อย่างอารมณ์ดีหลังจากพูดคุยกับสามีเรื่องเดินทางไปหงจือหลินวันพรุ่งนี้จบ เยว่อวิ๋นก็เข้าครัวจัดการอาหารมื้อเช้าของครอบครัวอย่างเรียบง่าย ก่อนจะสะพายตะกร้ามุ่งหน้าขึ้นภูเขา โดยทิ้งให้ต้าเป่ากับเสี่ยวอวี้คอยอยู่ดูแลบิดาช่วงที่ผ่านมาเยว่อวิ๋นฟื้นร่างกายกลับมาจนเกือบเป็นปกติแล้ว การขึ้นภูเขาจึงไม่ใช่เรื่องยากลำบากแต่อย่างใด นางใช้เวลาเดินเท้าเพียงไม่นานก็มาถึงหลุมกับดักสัตว์เพราะที่บ้านไม่ได้ขาดแคลนเนื้อสัตว์เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เยว่อวิ๋นที่มีเรื่องให้ต้องจัดการมากมายในแต่ละวัน จึงแวะเวียนมาดูสัตว์ในหลุมสองถึงสามวันต่อครั้งเท่านั้นเสียงกู่ร้องของสัตว์บาดเจ็บดังกั

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   ข้อตกลง (2)

    ต้นยามเหม่า[1] ท้องฟ้ายังมืดสลัวไม่สว่างดี เยว่อวิ๋นที่ตื่นมาล้างหน้าล้างตาแต่เช้า ก็พาสองซาลาเปาน้อยออกมาฝึกร่างกายเหมือนทุกทีหลายวันมานี้ช่วงเช้าเยว่อว๋นจะพาทั้งคู่ออกมาฝึกท่านั่งม้าตลอด จากที่แรกๆ เคยยืนขาสั่นตัวเอียง ยามนี้แม้แต่เสี่ยวอวี้น้อยก็สามารถยืนได้มั่นคงแล้ว“ท่านแม่ ครบชั่วยามหรือยังขอรับ” ต้าเป่าร้องถามมารดา ใบหน้าน้อยๆ ผุดไรเหงื่อชื้นไม่ต่างจากน้องสาวเยว่อวิ๋นมองแขนที่เริ่มตกกับขาที่เริ่มสั่นเพราะความล้าแล้วอมยิ้มเล็กน้อย ความจริงยังขาดไปอีกสองเค่อ แต่หญิงสาวก็พยักหน้าให้บุตรชาย“ต้าเป่ามานี่สิ” เยว่อวิ๋นก้าวมาหยุดยืนหน้าเสาไม้ต้นหนึ่งในลาน ซึ่งเสาไม้เหล่านี้ล้วนเป็นนางที่นำมาปักไว้ทั้งสิ้น“ขอรับ” ต้าเป่าได้ยินก็รีบวิ่งมาตามคำสั่งทันที เสี่ยวอวี้เห็นดังนั้นก็วิ่งตามพี่ชายมาอีกคน“เมื่อวานแม่บอกจะสอนวิชาหมัดให้เจ้า จำได้ไหม”“จำได้ขอรับ” เด็กชายรับคำดวงตาเป็นกายยินดี ต่อให้มีนิสัยสุขุมแค่ไหนอย่างไรเสียก็ยังเป็นเด็กคนหนึ่ง เยว่อวิ๋นพาเขาฝึกท่านั่งม้ามาหลายวัน ต้าเป่าที่ไม่เข้าใจว่านี่คือการฝึกพื้นฐานก็อดเบื่อไม่ได้อยู่ดี“วิชานี้ชื่อว่าวิชาหมัดเหล็ก เดิมทีเจ้าของวิชาไ

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   ข้อตกลง (1)

    นับว่าเป็นความโชคดีของสวีเหยา ที่เสียงคำรามของนางถูกข่มกลั้นไว้แค่ในลำคอ เพราะถ้าไม่อย่างนั้นเยว่อวิ๋นได้ยินคงหันกลับมาประเคนฝ่าเท้าให้นางอีกทีเป็นแน่เห็นว่าไม่มีละครสนุกๆ ให้ดูแล้ว บรรดาชาวบ้านมุงก็พากันแยกย้ายสลายตัว ในลานบ้านที่เงียบสงัดจึงเหลือเพียงแม่ลูกสกุลจางกับสวีเหยาและเซี่ยหว่านหรูหลัวซื่อคิดถึงเงินห้าตำลึงที่จะต้องเสีย ในใจเจ็บปวดแทบหลั่งเลือด นางนึกก่นด่าตัวเองเป็นร้อยรอบ ว่าทำไมตอนที่เยว่อวิ๋นมาพูดเรื่องบุตรชายรุมทุบตีต้าเป่า ตัวเองถึงได้ไปยั่วโมโหอีกฝ่ายจนเรื่องราวลุกลามใหญ่โตเช่นนี้กันมาถึงตอนนี้ต่อให้ยอมรับผิดก็ไร้ประโยชน์แล้ว คิดถึงใบหน้าสามีหลังรู้ว่านางทำให้ต้องเสียเงินถึงห้าตำลึง หลัวซื่อก็แทบร่ำไห้ออกมาเป็นสายเลือด พอเห็นสวีเหยากับเซี่ยหว่านหรูความขุ่นเคืองก็ยิ่งพุ่งสูงจนไม่มีสีหน้าดีๆ ให้เห็น“เพราะเจ้า…” หลัวซื่อกัดฟันคำรามลั่น นางอยากวิ่งเข้าไปตบคนตรงหน้าสักหลายที ทว่าถึงสวีเหยาจะเป็นลูกของน้องสาวสามี แต่หลัวซื่อก็รู้ดีว่าตนไม่มีสิทธิ์ไปตบตีอีกฝ่าย นางจึงได้แต่หันหน้าหนี ถือคติตามองไม่เห็นใจก็ไม่คิดเสียทว่าพอหันหนีมาอีกด้านสายตาก็พลันสบกับเซี่ยหว่านหรู ในใจ

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   ต้นตอของข่าวลือ (4)

    เยว่อวิ๋นไม่รู้ความคิดของคนเหล่านี้ หากนางรู้คงปรบมือให้พวกเขาแล้วเอ่ยพร้อมรอยยิ้มว่า ‘ยินดีด้วย พวกเจ้าเดาถูกแล้ว’ เป็นแน่ถูกแล้ว นางจงใจพูดทำลายชื่อเสียงเซี่ยหว่านหรู ก็แล้วอย่างไรเล่า ในเมื่ออีกฝ่ายป่าวประกาศไปทั่วว่านางคบชู้ แล้วทำไมนางจะโยนคำว่าบ้าผู้ชายใส่ศีรษะอีกฝ่ายบ้างไม่ได้ล่ะโดนตบแก้มซ้ายแล้วยังจะให้ยื่นแก้มขวาให้โดยไม่ตีคืนงั้นหรือ เฮอะ! ฝันไปเถอะ นางไม่ใช่พระโพธิสัตว์เสียหน่อย!ผู้ใหญ่บ้านเองก็คิดไม่ต่างจากคนอื่น แต่เขาก็เห็นด้วยกับที่เยว่อวิ๋นบอกเหมือนกัน จึงหันไปถามกับหลัวซื่ออีกครั้ง“หลัวซื่อ ที่เถี่ยตั้นพูดมาทั้งหมด ที่แท้มาจากตัวเจ้าเองที่กล่าวใช่หรือไม่!”หลัวซื่ออ้าปากอึกอัก นางไม่คิดว่านิสัยพูดไม่คิดของเซี่ยหว่านหรูจะเปิดเผยความผิดพลาดของตัวเองออกมาในเวลานี้ ยิ่งเห็นใบหน้าเคร่งขรึมจริงจังของผู้ใหญ่บ้าน คำพูดบอกปัดที่คิดเอาไว้ก็ติดอยู่ที่ริมฝีปาก“ข้า…”“ในฐานะสตรีคนหนึ่ง ชื่อเสียงถือได้ว่าสำคัญยิ่งกว่าชีวิต การปล่อยข่าวลือเช่นนี้ออกมา ก็เหมือนกับคนผู้นั้นต้องการฆ่าข้า หากวันนี้เรื่องราวไม่กระจ่าง ข้าจะไปตีกลองร้องทุกข์ที่ว่าการ” ก่อนที่หลัวซื่อจะพูดต่อ เสียงราบ

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status