Home / รักโบราณ / ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม / แยกบ้านที่หมายถึงแยกครอบครัว (2)

Share

แยกบ้านที่หมายถึงแยกครอบครัว (2)

เยว่อวิ๋นมองตามหลังแม่สามีที่เดินจากไปจนลับตา จึงไม่พลาดสีหน้าท่าทางทั้งหมดของอีกฝ่าย ทว่านางไม่คิดแยแสแต่อย่างใด คนอย่างแม่เฒ่าเซี่ยยิ่งอ่อนข้อให้ก็มีแต่จะยิ่งได้ใจเท่านั้น

ร่างบางหันหลังเดินกลับมุ่งหน้าไปยังห้องนอนที่สามพ่อลูกอยู่ หากรอพวกเขาจนปรึกษากันเสร็จ เงินนี่คงถูกเรียกร้องขอคืนเป็นแน่ เพราะฉะนั้นที่ควรทำก็ควรรีบ

“ท่านแม่” พอเห็นนางเปิดประตูเดินเข้ามา ใบหน้าเล็กๆ ของเสี่ยวอวี้ก็เผยรอยยิ้มหวานออกมาทันที

เนื่องจากเยว่อวิ๋นให้นางกินอาหาร แล้วยังช่วยเหลือนางกับพี่ชายไม่ให้ถูกผู้เป็นย่าทุบตี ในใจเด็กหญิงจึงเชื่อมั่นและรู้สึกดีกับมารดาคนใหม่เป็นอย่างมาก

“ท่านแม่ ท่านย่าไม่ได้ตีท่านใช่ไหมเจ้าคะ” เสี่ยวอวี้รีบถามอย่างเป็นห่วง เด็กหญิงรู้ดีว่าท่านย่าของตนเป็นคนใจร้าย ท่านแม่ขัดใจนางเช่นนี้มีหรือนางจะไม่ทำอะไร

เด็กน้อยวิ่งมาหยุดเบื้ิองหน้าเยว่อวิ๋น พลางเอียงศีรษะมองสำรวจร่างกายเยว่อวิ๋นด้วยดวงตากลมโตแวววาวเหมือนลูกแมว

“ข้าไม่เป็นอะไร” เยว่อวิ๋นชะงักเล็กน้อยกับคำเรียกขานอันสนิทสนม นางเป็นคนความรู้สึกไว จึงรับรู้ได้ว่าความห่วงใยที่เจ้าตัวเล็กแสดงออกมานั้นเป็นของจริงแท้แน่นอน นี่เป็นสิ่งที่นางไม่เคยได้รับมาก่อน จึงบังเกิดความรู้สึกว่าไม่ค่อยคุ้นชินนัก

“ต้าเป่า ในหมู่บ้านของเรามีหมอหรือไม่” นางจำได้ว่าตอนลงเกวียน นางมองเห็นภูเขาอยู่ไม่ห่างจากที่นี่มากนัก รอให้จัดการธุระเรื่องแยกบ้านเรียบร้อย ค่อยขึ้นไปหาเก็บสมุนไพรมารักษาเซี่ยฉงอวิ๋นภายหลังแล้วกัน

ในเมื่อการรักษาของนางยังไม่อาจทำได้ และเพื่อไม่ให้คนบ้านเซี่ยมาเรียกร้องขอเงินคืน เยว่อวิ๋นจึงวางแผนให้ต้าเป่าไปตามหมอมาจ่ายยารักษาเซี่ยฉงอวิ๋นไปพลางๆ ก่อน

“มีขอรับ ท่านหมอจางที่อยู่ที่อยู่ตีนเขาท้ายหมู่บ้าน เคยมารักษาให้ท่านพ่อขอรับ” ต้าเป่ารีบตอบ

เดิมทีตอนที่บิดาได้รับบาดเจ็บใหม่ๆ ท่านหมอจางก็ถูกตามตัวมารักษา ทว่าเพราะอาการหนักยาที่ใช้หลายตัวมีราคาแพง ท่านย่าไม่อยากเสียเงินเยอะจึงจงใจเอะอะโวยวายหาเรื่องว่าท่านหมอจางต้องการขูดรีดนาง สุดท้ายท่านหมอจางถูกท่านย่ากับป้าใภ้ใหญ่ทำให้มีโทสะจนสะบัดชายเสื้อเดินจากไป

หลังจากนั้นบาดแผลของท่านพ่อก็ไม่เคยได้รับการรักษาอีกเลย…

แม่เลี้ยงถามเช่นนี้หมายความว่าต้องการรักษาบิดาเขาใช่หรือไม่ ดวงตาต้าเป่ากลมโตไม่ต่างจากเสี่ยวอวี้นัก ยามเบิกมองมาที่คนนั้นฉ่ำวาวราวกับลูกสัตว์ตัวน้อยขี้สงสัย

เยว่อวิ๋นมองสบตาอีกฝ่าย แล้วได้แต่นึกในใจว่า แม้จะผอมแห้งไปสักหน่อย แต่เจ้าไชเท้าน้อยก็น่ารักน่าเอ็นดูอยู่นะนี่

“เจ้ารีบไปเชิญหมอจางผู้นั้นมาดูบาดแผลให้บิดาเจ้าเถอะ” เยว่อวิ๋นกล่าวพลางหยิบตำลึงเงินในแขนเสื้อออกมาส่งให้ “รีบไปเร็วๆ ประเดี๋ยวท่านย่ากับครอบครัวนางจะมา”

เยว่อวิ๋นไม่จำเป็นต้องพูดมากความ ต้าเป่าก็เข้าใจในทันที เด็กชายขานรับคำเสียงดัง ขณะวิ่งออกจากห้องไปด้วยความไว

อันที่จริงก่อนหน้านี้ ต้าเป่าได้ยินถ้อยคำที่เยว่อวิ๋นตอบโต้กับย่าตนเองแล้ว ทว่าในใจเขายังคงมีความไม่เชื่อมั่นอยู่ จึงคิดว่ามารดาเลี้ยงเพียงแค่หาข้ออ้างไปส่งๆ เพื่อที่จะเก็บเงินส่วนนี้ไว้เอง

เด็กชายยิ่งคิดก็อดรู้สึกผิดในใจไม่ได้ ใบหน้าน้อยๆ ยับยู่ ขณะที่ดวงตาแดงก่ำขึ้นมาด้วยความละอายปนซาบซึ้ง แม่เลี้ยงดีกับพวกเขายิ่งนัก อนาคตเขาจะกตัญญูและทำดีต่อนางให้มากๆ

“เสี่ยวอวี้” หลังต้าเป่าจากไป เยว่อวิ๋นก็หันมาเรียกเสี่ยวอวี้

“เจ้าค่ะ” ในสายตาเสี่ยวอวี้เวลานี้ มารดาคนใหม่คือเทพธิดาผู้แสนดีที่ตกลงมาจากฟ้า ในดวงตาคู่เล็กๆ นั้นเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดีจนไม่อาจปกปิด

เยว่อวิ๋นมุมปากกระตุกเล็กน้อย เจ้าเด็กน้อยนี่เขียนความชื่นชอบนางเอาไว้บนหน้าเสียขนาดนี้ทำเอานางแทบไม่กล้ามองอีกฝ่าย “ข้าต้มน้ำร้อนไว้เช็ดตัวให้ท่านพ่อเจ้า เจ้าช่วยไปดูไฟให้หน่อยได้หรือไม่”

“เจ้าค่ะ” เสียงใสรับคำยังไม่ทันจบดี ร่างเล็กก็วิ่งปรื๋อจากไปแล้ว เยว่อวิ๋นมองตามหลังอีกฝ่ายใบหน้าเผยรอยยิ้มเอ็นดู นางกล่าวกับคนบนเตียงยิ้มๆ

“ต้าเป่ากับเสี่ยวอวี้เป็นเด็กดียิ่ง” ถึงแม้เจ้าตัวจะโชคร้ายไปบ้าง ทว่าสวรรค์ก็ยังปรานีให้เขาได้มีบุตรธิดาที่เฉลียวฉลาดและกตัญญูแบบเจ้าไชเท้าน้อยทั้งสอง

เซี่ยฉงอวิ๋นรับคำเบาๆ ในวันคืนมืดมนที่ผ่านมาของเขา ผ่านมาได้ด้วยบุตรฝาแฝดจริงๆ หาไม่คงสิ้นชีพในบ้านเซี่ยไปนานแล้ว

“ข้าได้ยื่นข้อเสนอกับมารดาของเจ้าไปแล้ว ว่าต้องการแยกครอบครัว” ถึงอย่างไรเซี่ยซื่อก็เป็นมารดาแท้ๆ ของคนตรงหน้า เยว่อวิ๋นจึงต้องบอกกับอีกเขาก่อน ที่สำคัญก็คือนางต้องการรู้ทัศนคติของอีกฝ่ายด้วย “เจ้ามีความเห็นว่าอย่างไร”

ถ้าหากเซี่ยฉงอวิ๋นเป็นเพียงถุงฟางข้าว [1] แล้วยังทำตัวเป็นลูกหนังให้คนเตะกลิ้งเล่นแบบไร้หัวคิด นางก็พร้อมละทิ้งอีกฝ่ายแล้ววางแผนอนาคตแค่ของตนเองกับเจ้าหัวไชเท้าทั้งสองแทน

เซี่ยฉงอวิ๋นคล้ายเข้าใจความคิดของเยว่อวิ๋นได้ ริมฝีปากใต้หนวดเครารุงรังกระตุกยิ้มหยันขึ้นคราหนึ่ง ยามหวนคิดถึงการกระทำที่เซี่ยซื่อปฏิบัติต่อตนที่ผ่านมา

“ถึงตอนนั้นเจ้าก็ให้ต้าเป่าไปตามผู้อาวุโสมาเป็นพยานด้วย จะให้ดีให้พวกเขาร่างหนังสือประทับตะ… รอยนิ้วมือเป็นหลักฐานไว้จะดีที่สุด” เซี่ยฉงอวิ๋นกล่าว ดวงตาสีเข้มอ่อนแสงลงชั่วขณะ ในอดีตหนังสือรายงานของคนผู้นั้นล้วนเป็นเขาที่คอยตรวจประทับตรา จึงเกิดเป็นความเคยชินนี้ขึ้นมา

เยว่อวิ๋นสะดุดใจเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าสามีที่เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาของนาง จะมีความละเอียดอ่อนรอบรู้ไม่ต่างจากบัณฑิตเช่นนี้ พอเห็นแบบนี้ ก็ทำให้รู้สึกว่าท่าทางของอีกฝ่ายนั้นช่างคุ้นเคย คล้ายกับใครบางคนในความทรงจำของนางเสียเหลือเกิน

“เข้าใจแล้ว ท่านไม่ต้องห่วง” เมื่อรู้ว่าเซี่ยฉงอวิ๋นไม่ใช่คนที่หลับหูหลับตากตัญญู เยว่อวิ๋นจึงค่อยโล่งอกขึ้นมาในที่สุด นางเห็นสภาพเขากับลูกๆ แล้วยังอดห่วงไม่ได้ว่าที่อีกฝ่ายมีชะตากรรมแบบนี้ จะเป็นเพราะโง่งมจนแยกแยะอะไรไม่ออกหรือเปล่า

จบเรื่องที่จะพูด เยว่อวิ๋นก็เดินไปห้องครัวทันที ไม่นานกะละมังใส่น้ำร้อนที่ถูกผสมจนอุ่นดีแล้ว ก็ถูกนางยกเข้ามา แรงกดยวบยาบข้างกายทำให้คนบนเตียงขมวดคิ้วแน่น

“ต้าเป่าไปตามหมอแล้ว ถือโอกาสที่ท่านหมอยังมาไม่ถึง เช็ดตัวท่านรอเลยก็แล้วกัน”

นางเอ่ยเป็นประโยคบอกเล่า แสดงออกชัดเจนว่าไม่ได้ต้องการความคิดเห็นจากเขา เซี่ยฉงอวิ๋นพลันรู้สึกได้ถึงความเย็นจากปลายนิ้วที่สัมผัสแผ่นอกตน จากนั้นไม่นานเสื้อผ้าบนร่างกายก็คลายหลุดออกจากร่างไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มพลันเกิความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาทันที

ภรรยาที่เพิ่งแต่งเข้ามาของตนเองนั้น ดูจะถอดเสื้อผ้าบุรุษได้ชำนาญเกินไปแล้วกระมัง!

[1] เปรียบเปรยถึงคนไร้ประโยชน์ ไม่เอาไหน ไม่เป็นโล้เป็นพาย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   ลูกพลับนิ่มในอดีตได้กลายเป็นก้อนหินไปเสียแล้ว (1)

    เยว่อวิ๋นไม่ล่วงรู้ถึงความสงสัยของเซี่ยฉงอวิ๋นเลยแม้แต่น้อยและแน่นอนว่าถึงรู้นางก็ไม่ใส่ใจอยู่ดี ชีวิตก่อนนางเป็นแม่ทัพนำทหารออกรบ พอจบศึกก็เป็นหมอรักษาผู้ใต้บังคับบัญชา ได้เห็นร่างกายบุรุษมานับไม่ถ้วน สูงต่ำดำขาวแบบใดก็ล้วนมีทั้งสิ้นผู้เป็นหมอต้องมีใจเมตตา รักษาคนไม่แบ่งแยกชายหญิง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเซี่ยฉงอวิ๋นที่ยามนี้ป่วยหนักขนาดนี้ด้วยแล้ว เยว่อวิ๋นไม่มีทางมองเขาในแง่ชู้สาวเป็นแน่และผลของการถูกมองข้ามก็คือ…“เจ้าไม่พอใจอะไรงั้นหรือ” เยว่อวิ๋นขมวดคิ้วมองหลังมือที่ถูกปัดจนขึ้นรอยแดงของตนอย่างไม่เข้าใจ นางดูแลเขาดีถึงเพียงนี้ คนตรงหน้ายังกล้าลงมือกับนางอีก ช่างไม่สำนึกบุญคุณซะบ้างเลยเซี่ยฉงอวิ๋นใบหน้าและลำคอขึ้นสีแดงก่ำ แม้เขาไม่มองเห็นทว่ารู้สึกได้ถึงความตัดพ้อในน้ำเสียงอีกฝ่าย ชายหนุ่มไม่ตอบทว่ากลับเบือนหน้าหนีเข้าผนัง พลางนึกโมโหตัวเองที่ดันเผลอลดการป้องกัน สบช่องทำให้อีกฝ่ายทำอะไรแบบนั้นเสียได้เห็นเขาแสดงท่าทางประหนึ่งคนไม่ได้รับความเป็นธรรม เยว่อวิ๋นพลันเกิดความคิดอยากร้องเพ้ยขึ้นมาทันที “มารดามันสิเหล่าเหนียง [1] ต่างหากไหมที่ควรจะต้องเป็นคนโกรธ!”หญิงสาวพึมพำ ด้วยนิสัยถูกต

    Last Updated : 2025-04-04
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   ลูกพลับนิ่มในอดีตได้กลายเป็นก้อนหินไปเสียแล้ว (2)

    ถึงจะคิดว่าอีกฝ่ายจะดูแปลกๆ แต่ในใจหมอจางก็มีความรู้สึกดีให้เยว่อวิ๋นมากว่าพวกแม่เฒ่าเซี่ยมากนัก เขากวาดสายตามองเซี่ยฉงอวิ๋นที่อยู่บนเตียง แล้วพยักหน้าพึงพอใจ แม้เสื้อผ้าจะดูเก่าซีดใบหน้ามีหนวดเครารุงรัง ทว่าเนื้อตัวสะอาดสะอ้านไม่มีกลิ่นเหม็น สภาพดูดีกว่าครั้งก่อนที่ได้เห็นนับว่าไม่เลวเลย“ตกลง ไม่ต้องห่วง หากเจ้ามีใจจะรักษาเขาจริง ข้าจะจ่ายยาให้ไปก่อน ขาดเหลือมีคืนแล้วค่อยว่ากัน” หมอจางมีใจชื่นชมเซี่ยฉงอวิ๋นมานานแล้วชายหนุ่มผู้นี้เป็นคนนิสัยดี ขยันขันแข็ง ก่อนเกิดเรื่อง เขาคนเดียวหาเลี้ยงคนทั้งบ้าน น่าเสียดายที่ญาติของอีกฝ่ายแต่ละคนเป็นเพียงหมาป่าตาขาวที่ไร้คุณธรรมเดิมทีบาดแผลของเซี่ยฉงอวิ๋น หากรีบพาไปหาหมอเก่งๆ ในเมือง ไม่แน่อาจมีหนทางรักษา เรื่องนี้หมอจางเคยเอ่ยกับแม่เฒ่าเซี่ยไปก่อนหน้านี้แล้ว น่าเสียดายที่อีกฝ่ายเป็นคนเห็นแก่ตัวแม่เฒ่าเซี่ยไม่อยากต้องควักเงิน จึงใส่ร้ายว่าหมอจางมีจิตใจละโมบต้องการขูดรีดจนอีกฝ่ายโมโหจากไป จากนั้นนางก็ทิ้งให้บุตรชายนอนรอความตายโดยไม่แยแส หากไม่เพราะหมอจางแอบมอบสมุนไพรให้กับต้าเป่าก่อนจากไป เซี่ยฉงอวิ๋นในตอนนี้คงมีหญ้าสูงเหนือหลุมศพไปนานแล้วช่วงเ

    Last Updated : 2025-04-04
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   ลูกพลับนิ่มในอดีตได้กลายไปเป็นก้อนหินเสียแล้ว (3)

    เยว่อวิ๋นยังไม่ทันกล่าวคำพูด ก็มีเสียงหนึ่งดังขัดขึ้นเสียก่อน เมื่อหันไปมองที่มาของเสียงก็เห็นแม่เฒ่าเซี่ยเดินนำหน้าคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาคนกลุ่มนั้นประกอบไปด้วยบุรุษสองคนสตรีสองนาง สองในสี่นั้นนางพอรู้จักคุ้นหน้าอยู่บ้าง เพราะเคยพบอีกฝ่ายเมื่อวันส่งตัวเจ้าสาว เป็นเซี่ยจินกับอู๋ซื่อพี่สะใภ้ใหญ่ของนางนั่นเองส่วนชายหญิงอีกคู่แลดูมีอายุน้อยกว่า บุรุษมีรูปร่างสูงโปร่งใบหน้าคมคาย ทว่าดวงตาเรียวเต็มไปแววกลิ้งกลอกมองดูแล้วชวนให้ไม่น่าคบหา ส่วนสตรียิ่งแล้วใหญ่ดวงตามองสูงจมูกแทบชี้ฟ้า ต่อให้รูปร่างหน้าตาหมดจดงดงามก็ไม่เจริญตา เยว่อวิ๋นนึกถึงคำพูดของต้าเป่าเมื่อเช้า พอจะเดาออกทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใครแม่เฒ่าเซี่ยมีบุตรสี่คน เป็นชายสามหญิงหนึ่ง คนโตเซี่ยจิน คนรองเซี่ยฉงอวิ๋น คนที่สามเซี่ยหยวนชาง และคนสุดท้ายคือเซี่ยหว่านหรูนั่นเองไม่ต้องสงสัย สองคนที่นางไม่เคยพบหน้ามาคู่นี้ คงไม่แคล้วเป็นเซี่ยหยวนชางกับเซี่ยหว่านหรูนั่นเองเจ้าเด็กน้อยเสี่ยวอวี้เป็นเด็กช่างพูด นางใช้คำเจรจาเจื้อยแจ้วกล่าวถึงอาสามกับอาหญิงเล็กของตน ว่าเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในบ้านเนื่องจากอาสามต้องเรียนหนังสือเพื่อสอบซิ่วไฉจึงไม่ต

    Last Updated : 2025-04-07
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   ลูกพลับนิ่มในอดีตได้กลายเป็นก้อนหินไปเสียแล้ว (4)

    อู๋ซื่อหันหน้ามาตามเสียงคำราม ทว่าสายตาเห็นเพียงเงาร่างพร่าเลือน จากนั้นก็ถูกแรงปะทะจนลอยละลิ่วไปปะทะผนังบ้านด้านหลังเสียงดังโครม“โอ๊ย!”แม่เฒ่าซี่ยเพิ่งตั้งหลักขยับลุกจากตัวบุตรสาวได้ เดิมคิดฉวยโอกาสนี้ตบสั่งสอนสะใภ้ของตนสักหลายฉาด ทว่ายามเห็นร่างอวบอ้วนของอู๋ซื่อถูกถีบกระเด็นไปกระแทกผนังบ้านแล้วทรุดกองบนพื้นไม่ขยับเขยื้อน ความคิดนี้ของแม่เฒ่าเซี่ยก็ถูกแช่แข็งในทันทีเช่นเดียวกับมารดาพวกเขา เซี่ยจินกับเซี่ยหยวนชางเองก็ไม่ต่างกัน โดยเฉพาะเซี่ยจิน ยามนี้เขาชักไม่มั่นใจแล้วว่าเมื่อครู่ตนล้มลงไปเองจริงๆแม่เฒ่าเซี่ยกับบุตรชายรีบหยุดมืออย่างมีสติ ทว่าเซี่ยหว่านหรูกลับไม่ใช่ นางถูกมารดาล้มทับเพิ่งลุกจากพื้นได้ จึงพลาดที่จะเห็นฉากตัวลอยของอู๋ซื่อเหมือนคนอื่นๆ ความโมโหทำให้นางลืมตัวไปชั่วขณะ เปิดปากด่าทอเยว่อวิ๋นชนิดหนึ่งประโยคไม่มีซ้ำ“นางคนชั้นต่ำน่ารังเกียจ ทำอะไรของเจ้ากัน มิน่าเล่าบ้านเยว่ถึงได้เร่งรีบส่งตัวหายนะอย่างเจ้าออกมานัก ที่แท้ก็เป็นตัวอัปมงคล ไปที่ไหนก็นำพาแต่ความโชคร้าย” ความเจ็บปวดที่ก้นกระแทกพื้น ทำให้เซี่ยหว่านหรูยิ่งไม่พอใจในตัวพี่สะใภ้รองคนนี้มากกว่าเดิม ด่าเสร็จก็กางเล

    Last Updated : 2025-04-07
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   ลูกพลับนิ่มในอดีตได้กลายเป็นก้อนหินไปเสียแล้ว (5)

    เสียงของเยว่อวิ๋นไม่ได้เบานัก ภายในบ้านที่คับแคบจึงได้ยินกันโดยทั่ว สี่คนที่กำลังถูกเปรียบเปรยเป็นสุนัขมีใบหน้าแดงก่ำ ส่วนแม่เฒ่าเซี่ยนั้นทั้งแดงทั้งดำสลับกันจนดูน่าขันที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากแม่เฒ่าเซี่ยไม่มั่นใจ ว่าประโยคเมื่อครู่ของเยว่อวิ๋นหมายถึงลูกๆ ของนาง หรือกล่าวเหมารวมไปถึงตัวนางเองด้วย เพราะก่อนหน้านี้นางก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย ทั้งยังเอาร่างกายแก่ๆ ของตนไปกอดปล้ำกับหมอจางอีกคิดถึงตรงนี้ใบหน้าชราของแม่เฒ่าเซี่ยจึงขึ้นสีแดงฉานไปทั้งหน้า ทว่าพอเห็นรอยยิ้มบางแฝงแววเจ้าเล่ห์ของเยว่อวิ๋น ใบหน้าแดงนั้นก็พัฒนากลายเป็นดำสลับไปมาเยว่อวิ๋นมองแล้วคิดอย่างขบขัน สีหน้าของแม่สามีนางช่างน่าตลกเสียจริง“น้องสะใภ้รองปากกล้าเหลือเกิน ไม่รู้ว่าสกุลเยว่สั่งสอนลูกหลานมาอย่างไร ถึงได้ไร้กฎระเบียบ ไร้มารยาท ไม่เคารพผู้อาวุโสแบบนี้” อู๋ซื่อสังเกตเห็นกลุ่มคนที่มาใหม่แล้ว นางเก็บอาการเสียกิริยาของตนหันมากล่าวเสียดสีเยว่อวิ๋นแทนแม่เฒ่าเซี่ยฟังแล้วพลันได้สติ เปล่งเสียงร้องโหยหวนปานจะขาดใจ “พี่สามในที่สุดท่านก็มา ไม่อย่างนั้นยายแก่อย่างข้าคงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว คงต้องถูกสะใภ้รองผู้นี้ทำให้อัดอั้นจนตายเป

    Last Updated : 2025-04-07
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   ลูกพลับนิ่มในอดีตได้กลายเป็นก้อนหินไปเสียแล้ว (6)

    เซี่ยเหล่าซานมองภาพมารดากับบุตรกอดกันด้วยความพอใจ ดูเหมือนว่าภรรยาเจ้ารองจะไม่ใช่สตรีจำพวกเดียวกับเซี่ยซื่อ นี่ถือว่าเป็นเรื่องดี“แต่เรื่องพวกนี้ตัวข้าเองก็ไม่ได้ถือสา” เยว่อวิ๋นกอดเจ้าไชเท้าน้อย พลางลูบคลำตรวจดูรอยปูดด้านหลังศีรษะอีกฝ่าย ขณะกล่าวต่อ “ทว่าวันนี้แม่สามีมาแต่เช้า พอนางพบว่าข้าต้มข้าวต้มกับไข่ให้เด็กๆ กิน นางก็โมโหทุบตีพวกเขา นางมอบเงินให้ข้ามาห้าตำลึง ข้าก็นำเงินนั้นไปจ่ายค่ารักษาให้ท่านหมอจาง พวกท่านว่าข้าทำผิดอะไร เกินไปตรงไหนอย่างนั้นหรือ”แน่นอนว่านางเล่าข้ามเรื่องที่ตนเองข่มขู่ขอแยกบ้าน และไม่ได้เอ่ยว่าเงินห้าตำลึงนั้นเป็นเงินค่าแยกบ้านที่แม่สามีนำออกมาให้เยว่อวิ๋นไม่เอ่ย แม่เฒ่าเซี่ยก็ไม่มีหน้าไปพูดถึง ลำพังได้ยินเรื่องที่นางทุบตีหลานเพราะกินอาหาร แล้วยังลงมือกับสะใภ้เนื่องจากอีกฝ่ายนำเงินไปรักษาสามี สายตาแสดงความเหยียดหยามก็พุ่งตรงมาที่นางจนแทบหายใจไม่ออกแล้ว“เรื่องนี้เป็นความจริง เดิมทีแล้วข้าไม่อยากมา แต่สะใภ้รองให้ต้าเป่ามาขอร้อง ข้าเห็นแก่ความจริงใจของนาง ถึงได้มาตามคำเชิญ” หมอจางที่กำลังดูละครเพลินๆ ได้รับสายตาจากเยว่อวิ๋น จึงก้าวออกมาพูดบ้าง“ถึงอย่างนั้น

    Last Updated : 2025-04-07
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   ในเมื่อแยกบ้านแล้วก็ต้องหาหนทางหาเงินสิ (1)

    หลังจากวกวนทุ่มเถียงกันไปมาอยู่นาน ในที่สุดหนังสือแยกครอบครัวก็ถูกเขียนขึ้นโดยเซี่ยเหล่าซานท่ามกลางคำเกลี้ยกล่อมของเซี่ยจินและเซี่ยหยวนชาง แม่เฒ่าเซี่ยรับเอาหนังสือที่ถูกลงชื่อมาถือไว้ด้วยมืออันสั่นเทา นางไม่ยินยอมทว่ากลับไม่อาจขัดขืนดวงตาหญิงชราจับจ้องไปที่ร่างบนเตียงของบุตรชายไม่วางตา ขณะที่ใจก็คิดตัดพ้ออีกฝ่ายไม่หยุด ไม่ใช่ว่านางไม่สงสารเขาเสียเมื่อใด เพียงแต่เงินส่วนนี้ยังมีความจำเป็นต้องใช้อีกมากหากจะนำไปสิ้นเปลืองกับขาที่ไม่มีวันรักษา ไม่สู้เก็บไว้ให้เจ้าสามนำไปใช้ประโยชน์ดีกว่าหรือ อย่างน้อยถ้าเจ้าสามสอบได้ตำแหน่งขุนนาง อนาคตเจ้ารองกับลูกๆ ก็จะได้มีที่พึ่งพิงที่นางทำทุกอย่างก็เพื่อครอบครัวทั้งนั้นทำไมบุตรชายถึงไม่ยอมเข้าใจกัน!แม่เฒ่าเซี่ยครุ่นคิดอย่างน้อยใจ ไม่ฉุกคิดถึงการกระทำที่ผ่านมาของตนกับบุตรชายคนที่สามเลยแม้แต่น้อย ยามนั้นนางปล่อยให้สามพ่อลูกใช้ชีวิตอย่างยากลำบากปางตาย นั่นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเซี่ยหยวนชางขนาดเวลานี้ยังไม่ได้เข้าสอบ ไม่มีตำแหน่งอะไรติดตัว ข้าวสักคำน้ำสักอึกเขายังไม่เคยหยิบยื่นให้พี่ชายที่นอนรอความตาย ถ้าวันใดสอบผ่านไหนเลยจะมีใจมัวมาคิดถึงตอบแทนอยู่อีกห

    Last Updated : 2025-04-11
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   ในเมื่อแยกบ้านแล้วก็ต้องหาหนทางหาเงินสิ (2)

    เมื่อสมหวังในสิ่งที่ต้องการแล้ว หมอจางก็ไม่คิดอยู่รบกวนต่อ ชายชรานำยาทาแก้ฟกช้ำมอบให้แก่เยว่อวิ๋น ก่อนจะโบกมือลาจากไปด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้ารอจนหมอจางเดินจากไปลับสายตา เยว่อวิ๋นจึงค่อยหันกลับมา นางมองดูสองพี่น้องที่เดินตามตนเองออกด้วยสายตาเคร่งขรึม ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“ต้าเป่า เสี่ยวอวี้ รู้หรือไม่ว่าพวกเจ้าทำอะไรผิด”ต้าเป่าชะงักไปเล็กน้อย ความสนิทใจที่เพิ่มขึ้นมาถูกท่าทีเย็นชาของมารดาเลี้ยงทำให้ลดลงในทันทีมารดาเลี้ยงรังเกียจพวกเขา ความคิดนี้กลับผุดขึ้นมาอีกครั้ง เด็กชายพลันแสบร้อนจนดวงตาแดงก่ำ ที่แท้ก็แค่แสร้งแสดงตนเป็นคนดีนี่เอง ยามนี้ไม่มีผู้อื่นอยู่แล้ว นางย่อมต้องเปิดเผยนิสัยแท้จริงออกมาให้เห็น“ไม่รู้ขอรับ” คิดย้อนการกระทำของตนที่วิ่งหกล้มหกลุกไปตามปู่สามมาช่วยอีกฝ่าย ต้าเป่าก็มองไม่เห็นว่าตัวเองทำสิ่งใดผิดสักนิด“แล้วเจ้าเล่า เสี่ยวอวี้” เยว่อวิ๋นไม่พูดอะไรต่อ นางหันไปถามเสี่ยวอวี้ด้วยท่าทีเคร่งขรึมไม่เปลี่ยนเสี่ยวอวี้มีความคิดไร้เดียงสากว่าพี่ชาย เด็กหญิงชื่นชอบมารดาคนใหม่ด้วยใจจริง ครั้นประสบกับท่าทีห่างเหินเย็นชา ไม่ทันคิดออกว่าตนเองทำอะไรผิด เจ้าตัวน้อยก็ยื

    Last Updated : 2025-04-11

Latest chapter

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   รักษาขาของเซี่ยฉงอวิ๋น (3)

    ฟังเสียงร้องที่ดังแต่ไร้ความจริงใจ มุมปากเยว่อวิ๋นคล้ายจะกระตุกเล็กน้อยกับความปลอมของอีกฝ่าย นางกับเซี่ยหู่ขึ้นเกวียนไปรอรับร่างสามี ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ“ออกเดินทางกันเถอะพี่ต้าจวง”แม่เฒ่าเซี่ยถูกเมินเฉยจนตั้งตัวไม่ติด นางคิดไว้แล้วว่าหากถูกเยว่อวิ๋นด่าทอลงมือ ก็จะร้องร่ำไห้คุกเข่าสำนึกผิดตรงนี้ หรือว่าหากอีกฝ่ายห่วงหน้าตาไม่ทำอะไรตัวเอง ก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ติดตามไปด้วยทว่าคิดเสียเยอะแยะกลับไม่เป็นอย่างใจ ความจริงไหนเลยเยว่อวิ๋นจะหันมาสนใจนาง อีกฝ่ายไม่แม้จะมองดูนางด้วยซ้ำ“หยุดนะ!” เห็นเซี่ยต้าจวงทำท่าจะบังคับเกวียนออก แม่เฒ่าเซี่ยก็รีบโดดไปจับเกวียนไว้ทันที ทว่ายังไม่ทันได้แตะถูก วัตถุสีดำบางอย่างก็พุ่งกระทบถูกมือนางเสียก่อน แม่เฒ่าเซี่ยพลันเจ็บปวดจนกรีดร้องออกมา“โอ๊ย!”เยว่อวิ๋นไม่สนท่าทีเจ็บปวดของแม่เฒ่าเซี่ยสักนิด นางหลุบมองก้อนหินเล็กๆ ในมือตัวเองพลางขมวดคิ้วแน่น หญิงสาวครุ่นคิดอย่างหงุดหงิดว่าหากเซี่ยซื่อยังกล้าสร้างความวุ่นวายอีกนางจะดีดลูกหินใส่ดวงตาแม่สามีให้บอดเสียเลย ต่อไปจะได้ไม่ต้องออกจากบ้านมาสร้างความรำคาญให้นางอีกทว่าคิดยังไม่ทันลงมือ เซี่ยฉงอวิ๋นก็ยื่

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   รักษาขาของเซี่ยฉงอวิ๋น (2)

    “ท่านแม่ เรื่องนี้ข้าผิดเองขอรับ เป็นเพราะข้าเปิดประตูให้พวกท่านย่าจึงทำให้เกิดเรื่องขึ้น ข้าผิดไปแล้วขอรับ” ต้าเป่าเอ่ยรับผิด เด็กชายกล่าวต่อ “ท่านแม่ ท่านลงโทษข้าเถอะขอรับ”เยว่อวิ๋นไม่ได้พูดอะไรอีก นางเพียงหรี่เปลือกตาลงต่ำพลางแค่นเสียงออกมาคำหนึ่ง“ดีนี่ ปกป้องความผิดกันเอง แล้วโกหกข้าสีหน้าไม่เปลี่ยน ช่างเถอะ ข้าคงลงโทษพวกเจ้าไม่ไหวหรอก”ต้าเป่าได้ยินก็ตกตะลึงอึ้งไปชั่วขณะ เขาไม่รู้ว่ามารดารู้ได้อย่างไรว่าตนเองโกหก แต่ฟังจากน้ำเสียงเขาสัมผัสได้ว่าคราวนี้ท่านแม่มีโทสะแล้วจริงๆแน่นอนว่าเรื่องนี้ต้าเป่าไม่ได้รู้สึกไปเอง เยว่อวิ๋นโกรธแล้วจริงๆ พี่น้องรักใคร่ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่การที่อีกฝ่ายโกหกก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องเช่นกันอ่างน้ำที่ยังไม่ได้เทน้ำทิ้งกับเซี่ยฉงอวิ๋นในเสื้อผ้าชุดใหม่ ทำให้เยว่อวิ๋นคาดเดาได้ว่าต้าเป่าน่าจะเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับบิดาอยู่ ส่วนเสี่ยวอวี้ที่ไม่เคยเห็นหมูป่ามาก่อนก็น่าจะออกมาดูมัน จากนั้นคนบ้านใหญ่ที่ได้ยินว่านางจับหมูป่าได้ก็น่าจะมาเพื่อส่วนแบ่งต้าเป่าอยู่ข้างในด้านนอกมีเพียงเสี่ยวอวี้ เด็กหญิงถูกคนบ้านใหญ่ทำร้ายมานาน มีความเกรงกลัวซึมลึกถึง

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   รักษาขาของเซี่ยฉงอวิ๋น (1)

    เยว่อวิ๋นใช้ไม้กระบองในมือส่งบ้านใหญ่ออกไป เซี่ยต้าจวงที่เลี่ยงออกมาเห็นว่าพวกเขาจากไป ก็รีบกลับมาจัดการร่างหมูป่าตามความตั้งใจเดิม โดยไม่สนใจจะถามถึงเรื่องที่นางทุบตีคนสักนิดแม้เซี่ยต้าจวงจะเป็นคนซื่อทว่าเขาไม่ได้โง่ ที่ผ่านมาอาสะใภ้สี่ถือดีว่าพวกเขาทำอะไรนางไม่ได้ เอาเปรียบบิดาเขาสร้างปัญหาให้ไว้เว้นวันมายามนี้ในใจเซี่ยต้าจวงจึงคิดเพียงว่าภรรยาฉงอวิ๋นตีได้ดีนัก เหมาะแล้ว สมควรยิ่งคนอย่างอาสะใภ้สี่ก็สมควรต้องเจอแบบนี้แหละ!“น้องสะใภ้ เจ้าจะให้เก็บส่วนไหนไว้หรือไม่” เซี่ยต้าจวงยกร่างหมูป่ามาล้างน้ำเสร็จก็หันมาถามเยว่อวิ๋นเยว่อวิ๋นคิดเล็กน้อย ก่อนจะบอกให้เซี่ยต้าจวงตัดส่วนที่นางต้องการเก็บไว้ ด้วยความชำนาญของอีกฝ่าย ไม่นานส่วนที่ต้องการก็ถูกชำแหละออกมาตามที่ต้องการเห็นดังนั้นเยว่อวิ๋นจึงเดินไปเปิดประตูรั้วออกกว้าง ให้ชาวบ้านที่ต้องการซื้อเนื้อหมูป่าเข้ามาได้หลายคนที่รอด้านนอกพอเห็นประตูเปิด ก็รีบพากันกรูเข้ามาทันที เนื้อหมูป่าได้มายากกว่าหมูบ้าน อีกทั้งเยว่อวิ๋นก็ยังขายให้ในราคาที่ถูกกว่าอีกด้วย ทำให้เยว่อวิ๋นถูกรุมล้อมจนหัวหมุน“พี่สะใภ้ พวกข้ามาช่วยแล้วเจ้าค่ะ” ในขณะที่กำลังยุ่

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   หนังหน้า-หน้าด้าน (3)

    “หยุดนะ! แข็งข้อแล้ว! สะใภ้รองเจ้าคิดจะก่อกบฏอย่างนั้นหรือ!” แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกหลานตัวเองที่ถูกตีจนดิ้นพล่านกับพื้นพลางกรีดเสียงร้องโหยหวนเยว่อวิ๋นไม่สนใจเสียงสาปแช่งของแม่เฒ่าเซี่ย และยิ่งไม่คิดใส่ใจต่อเสียงก่นด่าของคนที่ถูกนางตี นางเตะพวกเขามานอนเรียงรายกันบนพื้น แม้แต่เซี่ยจินกับอู๋ซื่อที่พยายามลดการมีอยู่ของตัวเองสุดชีวิตแล้ว ก็ยังถูกนางสังเกตเห็นและลากจับมารวมกลุ่มทุบตี“เซี่ยหู่ เจ้าไปตามหมอจางมาที พี่ต้าจวงข้ารบกวนพี่ออกไปเฝ้าประตูไว้ให้ทีนะเจ้าคะ เพราะอีกเดี๋ยวคนที่จะมาซื้อเนื้อหมูป่าคงจะมากันแล้ว”เซี่ยหู่หรือจะกล้าขัดขืน เขาเห็นสภาพบ้านสี่แล้วยังนึกสยดสยองไม่หาย ไม่รอให้เยว่อวิ๋นเอ่ยซ้ำเป็นรอบที่สอง ก็ออกวิ่งสุดฝีเท้าตามคำสั่งแต่โดยดีทันที“เอ่อ… ถ้าอย่างนั้นข้าออกไปดูคนให้นะ” เซี่ยต้าจวงกล่าวอย่างอึกอัก พยายามหลบเลี่ยงสายตาขอความช่วยเหลือของแม่เฒ่าเซี่ยสุดชีวิต พลางก่นว่าน้องชายที่ตัดช่องน้อยเอาตัวรอดคนเดียวในใจไม่หยุด“เมื่อครู่เจ้าพูดว่าอะไรนะ ก่อกบฏงั้นสินะ” เยว่อวิ๋นพลันรู้สึกขันจนพูดไม่ออก ชาติที่แล้วนางก็ตายตกด้วยข้อหานี้มิใช่หรือ “ข้าก่อกบฏอย่างไร พวกเจ้าเป็นเชื้อพร

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   หนังหนา-หน้าด้าน (2)

    มุมปากแม่เฒ่าเซี่ยเบี้ยวไปชั่วขณะ คล้ายคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำตอบแบบนี้“จะ เจ้า เจ้าไม่เคารพผู้อาวุโส” กล่าวจบนางก็ทำท่าจะหวีดร้องโวยวาย ทว่ากลับเห็นเยว่อวิ๋นหมุนร่างไปสั่งเซี่ยหูเสียก่อน“ปิดประตูซะ”เซี่ยหู่ที่ตามหลังมาพลันสะดุ้งเฮือก เขาสบสายตาเย็นชาของเยว่อวิ๋นแล้วรีบปิดประตูรั้วเสียงดังโครมโดยไม่ต้องให้เอ่ยย้ำ“สะ… สะใภ้รองเจ้าคิดจะทำอะไร” แม่เฒ่าเซี่ยข่มความหวาดกลัวพลางถามด้วยน้ำเสียงสั่นไหว“ฝีมือใคร” เยว่อวิ๋นไม่ได้ตอบคำถามของแม่เฒ่าเซี่ย ทว่ากลับเดินไปหยุดตรงหน้าเด็กสองคน พลางยกมือขึ้นลูบใบหน้ากลมเล็กของเสี่ยวอวี้เบาๆ “ใครเป็นคนทำ”เสี่ยวอวี้อยู่ร่วมกับเยว่อวิ๋นจนคุ้นชินแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่สัมผัสได้ถึงความเย็นชาที่ลึกถึงกระดูก เด็กหญิงพลันบังเกิดความหวาดกลัวในตัวอีกฝ่ายอย่างไร้สาเหตุ“ซะ… เซี่ยเสี่ยวเกอ กะ กับท่านอาเล็กเจ้าค่ะ”พอเปิดประตูให้พวกเขาเข้ามา เซี่ยเสี่ยวเกอก็โวยวายจะเอาขนมในมือนาง พอนางไม่ยอมให้ท่านอาเล็กที่เดินตามมาก็ตบหน้านาง คิดแล้วเสี่ยวอวี้ก็ดวงตาแดงก่ำ น้ำใสๆ ร่วงหล่นราวสายน้ำหลากตั้งแต่แยกครอบครัวมา เสี่ยวอวี้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เยว่อวิ๋นอย่าว่าแต

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   หนังหนา-หน้าด้าน (1)

    เกิดเติบโตมายี่สิบกว่าปี ครั้งแรกที่รู้สึกสนใจสตรีนางหนึ่ง ก็พบว่าหนทางเชื่อมหาคนถูกปิดตายหมดเสียแล้ว กู้เหยียนเซียวพลันส่ายหน้าจนใจบนถนนที่ขรุขระมีเสียงฝีเท้าและลมหายใจของม้าดังให้ได้ยินเป็นระยะ จึงไม่มีใครสังเกตถึงเสียงถอนลมหายใจอ่อนเบาของใครบางคนช่างน่าเสียดาย…เยว่อวิ๋นที่กำลังดีใจไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนกำลังนึกเสียดายโชคชะตาที่มาช้าไปนี้หญิงสาวกลับเข้าห้องไปบอกเรื่องราวกับเซี่ยฉงอวิ๋น ถึงกำหนดการผ่าตัดขาของเขาในวันพรุ่งนี้อย่างอารมณ์ดีหลังจากพูดคุยกับสามีเรื่องเดินทางไปหงจือหลินวันพรุ่งนี้จบ เยว่อวิ๋นก็เข้าครัวจัดการอาหารมื้อเช้าของครอบครัวอย่างเรียบง่าย ก่อนจะสะพายตะกร้ามุ่งหน้าขึ้นภูเขา โดยทิ้งให้ต้าเป่ากับเสี่ยวอวี้คอยอยู่ดูแลบิดาช่วงที่ผ่านมาเยว่อวิ๋นฟื้นร่างกายกลับมาจนเกือบเป็นปกติแล้ว การขึ้นภูเขาจึงไม่ใช่เรื่องยากลำบากแต่อย่างใด นางใช้เวลาเดินเท้าเพียงไม่นานก็มาถึงหลุมกับดักสัตว์เพราะที่บ้านไม่ได้ขาดแคลนเนื้อสัตว์เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เยว่อวิ๋นที่มีเรื่องให้ต้องจัดการมากมายในแต่ละวัน จึงแวะเวียนมาดูสัตว์ในหลุมสองถึงสามวันต่อครั้งเท่านั้นเสียงกู่ร้องของสัตว์บาดเจ็บดังกั

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   ข้อตกลง (2)

    ต้นยามเหม่า[1] ท้องฟ้ายังมืดสลัวไม่สว่างดี เยว่อวิ๋นที่ตื่นมาล้างหน้าล้างตาแต่เช้า ก็พาสองซาลาเปาน้อยออกมาฝึกร่างกายเหมือนทุกทีหลายวันมานี้ช่วงเช้าเยว่อว๋นจะพาทั้งคู่ออกมาฝึกท่านั่งม้าตลอด จากที่แรกๆ เคยยืนขาสั่นตัวเอียง ยามนี้แม้แต่เสี่ยวอวี้น้อยก็สามารถยืนได้มั่นคงแล้ว“ท่านแม่ ครบชั่วยามหรือยังขอรับ” ต้าเป่าร้องถามมารดา ใบหน้าน้อยๆ ผุดไรเหงื่อชื้นไม่ต่างจากน้องสาวเยว่อวิ๋นมองแขนที่เริ่มตกกับขาที่เริ่มสั่นเพราะความล้าแล้วอมยิ้มเล็กน้อย ความจริงยังขาดไปอีกสองเค่อ แต่หญิงสาวก็พยักหน้าให้บุตรชาย“ต้าเป่ามานี่สิ” เยว่อวิ๋นก้าวมาหยุดยืนหน้าเสาไม้ต้นหนึ่งในลาน ซึ่งเสาไม้เหล่านี้ล้วนเป็นนางที่นำมาปักไว้ทั้งสิ้น“ขอรับ” ต้าเป่าได้ยินก็รีบวิ่งมาตามคำสั่งทันที เสี่ยวอวี้เห็นดังนั้นก็วิ่งตามพี่ชายมาอีกคน“เมื่อวานแม่บอกจะสอนวิชาหมัดให้เจ้า จำได้ไหม”“จำได้ขอรับ” เด็กชายรับคำดวงตาเป็นกายยินดี ต่อให้มีนิสัยสุขุมแค่ไหนอย่างไรเสียก็ยังเป็นเด็กคนหนึ่ง เยว่อวิ๋นพาเขาฝึกท่านั่งม้ามาหลายวัน ต้าเป่าที่ไม่เข้าใจว่านี่คือการฝึกพื้นฐานก็อดเบื่อไม่ได้อยู่ดี“วิชานี้ชื่อว่าวิชาหมัดเหล็ก เดิมทีเจ้าของวิชาไ

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   ข้อตกลง (1)

    นับว่าเป็นความโชคดีของสวีเหยา ที่เสียงคำรามของนางถูกข่มกลั้นไว้แค่ในลำคอ เพราะถ้าไม่อย่างนั้นเยว่อวิ๋นได้ยินคงหันกลับมาประเคนฝ่าเท้าให้นางอีกทีเป็นแน่เห็นว่าไม่มีละครสนุกๆ ให้ดูแล้ว บรรดาชาวบ้านมุงก็พากันแยกย้ายสลายตัว ในลานบ้านที่เงียบสงัดจึงเหลือเพียงแม่ลูกสกุลจางกับสวีเหยาและเซี่ยหว่านหรูหลัวซื่อคิดถึงเงินห้าตำลึงที่จะต้องเสีย ในใจเจ็บปวดแทบหลั่งเลือด นางนึกก่นด่าตัวเองเป็นร้อยรอบ ว่าทำไมตอนที่เยว่อวิ๋นมาพูดเรื่องบุตรชายรุมทุบตีต้าเป่า ตัวเองถึงได้ไปยั่วโมโหอีกฝ่ายจนเรื่องราวลุกลามใหญ่โตเช่นนี้กันมาถึงตอนนี้ต่อให้ยอมรับผิดก็ไร้ประโยชน์แล้ว คิดถึงใบหน้าสามีหลังรู้ว่านางทำให้ต้องเสียเงินถึงห้าตำลึง หลัวซื่อก็แทบร่ำไห้ออกมาเป็นสายเลือด พอเห็นสวีเหยากับเซี่ยหว่านหรูความขุ่นเคืองก็ยิ่งพุ่งสูงจนไม่มีสีหน้าดีๆ ให้เห็น“เพราะเจ้า…” หลัวซื่อกัดฟันคำรามลั่น นางอยากวิ่งเข้าไปตบคนตรงหน้าสักหลายที ทว่าถึงสวีเหยาจะเป็นลูกของน้องสาวสามี แต่หลัวซื่อก็รู้ดีว่าตนไม่มีสิทธิ์ไปตบตีอีกฝ่าย นางจึงได้แต่หันหน้าหนี ถือคติตามองไม่เห็นใจก็ไม่คิดเสียทว่าพอหันหนีมาอีกด้านสายตาก็พลันสบกับเซี่ยหว่านหรู ในใจ

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   ต้นตอของข่าวลือ (4)

    เยว่อวิ๋นไม่รู้ความคิดของคนเหล่านี้ หากนางรู้คงปรบมือให้พวกเขาแล้วเอ่ยพร้อมรอยยิ้มว่า ‘ยินดีด้วย พวกเจ้าเดาถูกแล้ว’ เป็นแน่ถูกแล้ว นางจงใจพูดทำลายชื่อเสียงเซี่ยหว่านหรู ก็แล้วอย่างไรเล่า ในเมื่ออีกฝ่ายป่าวประกาศไปทั่วว่านางคบชู้ แล้วทำไมนางจะโยนคำว่าบ้าผู้ชายใส่ศีรษะอีกฝ่ายบ้างไม่ได้ล่ะโดนตบแก้มซ้ายแล้วยังจะให้ยื่นแก้มขวาให้โดยไม่ตีคืนงั้นหรือ เฮอะ! ฝันไปเถอะ นางไม่ใช่พระโพธิสัตว์เสียหน่อย!ผู้ใหญ่บ้านเองก็คิดไม่ต่างจากคนอื่น แต่เขาก็เห็นด้วยกับที่เยว่อวิ๋นบอกเหมือนกัน จึงหันไปถามกับหลัวซื่ออีกครั้ง“หลัวซื่อ ที่เถี่ยตั้นพูดมาทั้งหมด ที่แท้มาจากตัวเจ้าเองที่กล่าวใช่หรือไม่!”หลัวซื่ออ้าปากอึกอัก นางไม่คิดว่านิสัยพูดไม่คิดของเซี่ยหว่านหรูจะเปิดเผยความผิดพลาดของตัวเองออกมาในเวลานี้ ยิ่งเห็นใบหน้าเคร่งขรึมจริงจังของผู้ใหญ่บ้าน คำพูดบอกปัดที่คิดเอาไว้ก็ติดอยู่ที่ริมฝีปาก“ข้า…”“ในฐานะสตรีคนหนึ่ง ชื่อเสียงถือได้ว่าสำคัญยิ่งกว่าชีวิต การปล่อยข่าวลือเช่นนี้ออกมา ก็เหมือนกับคนผู้นั้นต้องการฆ่าข้า หากวันนี้เรื่องราวไม่กระจ่าง ข้าจะไปตีกลองร้องทุกข์ที่ว่าการ” ก่อนที่หลัวซื่อจะพูดต่อ เสียงราบ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status