Home / รักโบราณ / ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม / แยกบ้านที่หมายถึงแยกครอบครัว (1)

Share

แยกบ้านที่หมายถึงแยกครอบครัว (1)

นี่ใช่นางเด็กบ้านเยว่ที่ตนเคยเจอจริงน่ะหรือ

แม่เฒ่าเซี่ยเบิกตากว้างมองคนตรงหน้า อีกฝ่ายไม่เหมือนเดิมเลยแม้แต่น้อย คำพูดที่ฉาดฉานแสดงออกถึงความมั่นใจ การกระทำท่าทางทุกอย่างล้วนสง่างาม แฝงด้วยไปกลิ่นอายข่มขวัญกดดันผู้คน แม้แต่ฮูหยินนายอำเภอที่นางเคยได้เห็นไกลๆ ก็ยังไม่อาจเทียบได้

“เจ้าต้องการอะไร” แม่เฒ่าเซี่ยถาม ตอนนี้นางรู้สึกเสียใจเหลือเกินที่ตัวเองยอมรับการเปลี่ยนตัวเจ้าสาว เด็กนี่เลวร้ายยิ่งกว่าย่าของมันเสียอีก

“ข้าต้องการแยกบ้านเจ้าค่ะ”

“แต่ข้าขอเตือนเจ้า อย่าได้คิดว่าจะ… อะไรนะ!” แม่เฒ่าเซี่ยเกือบจะคิดว่าตนเองหูฝาดไปแล้ว นางตกใจจนดวงตาเบิกกว้าง ประกายความยินดีแทบจะล้นปรี่ออกมาจากเบ้าตา

ที่นางกัดฟันยอมรับเงื่อนไขของยายแก่เยว่ก็เพื่อการนี้ไม่ใช่หรือ!

“สกุลเซี่ยของเราไม่เคยมีเรื่องแบบนี้มาก่อน แต่เอาเถอะในเมื่อเจ้าต้องการ ข้าก็ไม่ขัดขวาง นับจากวันนี้พวกเจ้าก็อยู่ที่นี่ ส่วนเสบียงอาหารข้าได้จัดแจงไว้ให้แล้ว นี่เงินห้าตำลึงมอบให้เจ้าไว้เป็นค่าใช้จ่าย เมื่อแยกบ้านแล้วก็เก็บไว้ให้ดีๆ”

แม้แม่เฒ่าเซี่ยจะคิดแยกครอบครัวลูกชายคนรองออกไป แต่ในใจนางก็ยังคิดยึดจับพวกเขาไว้ไม่ปล่อย วันนี้ที่มาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางดี สาเหตุก็เพื่อแสดงอำนาจกดข่มลูกสะใภ้ที่เพิ่งแต่งไม่ให้โงศีรษะขึ้นได้นั่นเอง

น่าเสียดายที่เรื่องราวกลับไม่เป็นตามแผนการที่นางคิดไว้ อีกฝ่ายแค่เอ่ยคำพูดไม่กี่ประโยค ก็สามารถแย่งชิงสิทธิ์การเป็นผู้นำไปจากนางได้แล้ว แม่เฒ่าเซี่ยไม่ถูกใจสิ่งนี้เป็นอย่างยิ่ง

หญิงชรากลอกตาด้วยความหงุดหงิด ตั้งแต่แม่สามีจากไป สกุลเซี่ยก็มีแม่เฒ่าเซี่ยเป็นผู้ดูแลจัดการ แม้แต่สามีที่ล่วงลับไป ยังต้องยอมลงให้นางหลายส่วน

ยิ่งคิดแม่เฒ่าเซี่ยก็ยิ่งมีโทสะ ถ้าไม่เพราะเยว่อวิ๋นเอาอนาคตของบุตรชายนางมาขู่ มีหรือนางจะยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป เพียงแต่ปล่อยจริงหรือแกล้งหลอกผู้ใดจะรู้ได้เล่า

“หลังจากแยกบ้านกันไปแล้ว ข้าหวังว่าเจ้าจะทำตัวให้ดีสมกับข้อเรียกร้อง ปรนนิบัติสามี ดูแลบุตรธิดา รักษาผลประโยชน์ของครอบครัวไว้ให้ดี”

ในคำพูดทั้งหมด ประโยคสุดท้ายจึงจะเป็นสิ่งที่นางต้องการสื่อจริงๆ แม้สิ่งของเงินทองที่มอบให้จะไม่ได้มากมาย ทว่าแม่เฒ่าเซี่ยก็ไม่ต้องการให้สะใภ้นำกลับเอาไปจุนเจือทางบ้านเดิม

“ข้าว่า ท่านแม่น่าจะเข้าใจคำว่าแยกบ้านของข้าผิดไปแล้วนะเจ้าคะ” เยว่อวิ๋นแย้มรอยยิ้มจนยิ้มตาหยี กล่าวต่อ “ที่ข้าบอกว่าต้องการแยกบ้านนั้น ไม่ได้หมายถึงการแยกที่อยู่ส่งๆ แบบนี้เจ้าค่ะ”

“หมายความว่าอย่างไร” แม่เฒ่าเซี่ยไม่เข้าใจเอ่ยถาม นางมองรอยยิ้มของลูกสะใภ้หมาดๆ แล้วพลันหนาวสันหลังวูบวาบบอกไม่ถูก

“แน่นอน การแยกบ้านที่ข้าหมายถึง คือการแยกครอบครัวเจ้าค่ะ”

แม่สามีราคาถูกผู้นี้กลิ้งกลอกเจ้าเล่ห์เพทุบาย แล้วยังไร้น้ำใจอย่างที่สุด สูบเลือดสูบเนื้อสามพ่อลูกจนแทบไม่มีเหลือ พอทำประโยชน์อันใดให้ไม่ได้ก็คิดจะเขี่ยทิ้ง คนเช่นนี้หากนางแค่พาพวกเขาแยกตัวออกมาอยู่อีกบ้าน ก็จะรังแต่เป็นการสะสมปัญหาต่อไปในอนาคตเท่านั้น

“ไม่มีทาง!” แม่เฒ่าเซี่ยปฏิเสธทันที

การที่นางแยกบ้านกับพวกเขาครั้งนี้ แท้จริงเป็นแค่การแยกกันอยู่เท่านั้น ตัวแม่เฒ่าเซี่ยเองก็รู้ข้อนี้ดี ที่นางทำเช่นนี้ ก็เพื่อต่อไปในภายหน้าหากลูกรองสามารถดีขึ้น ครอบครัวนางก็ยังสามารถรับผลประโยชน์จากเขาได้ ทว่าหากแยกครอบครัวกันแล้ว นั่นหมายความว่าอนาคตพวกนางไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งเกี่ยวใดๆ ทั้งสิ้น

ไม่มีทาง! นางไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นเด็ดขาด!

“เช่นนั้นข้าก็จะกลับบ้านเดิม” เยว่อวิ๋นกล่าวเนิบๆ ไม่ทุกข์ร้อนแม้แต่น้อย “เดิมทีการแต่งงานนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับข้า พวกท่านเปลี่ยนตัวเจ้าสาว ปิดบังยัดเยียดสามีที่เดินไม่ได้ทั้งยังตาบอดมาให้ข้า อ่อ ยังมีลูกติดที่เป็นภาระมาอีกถึงสองคน”

เพื่อแสดงให้เห็นว่าตนเองไม่พอใจมาก เยว่อวิ๋นจึงจำเป็นต้องแสดงท่าทีรังเกียจสามพ่อลูก นางเอ่ยประโยคจี้ใจดำแม่เฒ่าเซี่ยออกมา พลางนึกยินดีที่เจ้าไชเท้าน้อยทั้งสองไม่ได้ยินถ้อยคำโหดร้ายพวกนี้

เพราะนางรู้ดีว่าไม่ว่าเมื่อใดความรู้สึกไม่เป็นที่ต้องการก็สามารถทำให้คนรู้สึกเจ็บปวดได้เสมอ

“อย่าฝันเลย เจ้าแต่งเข้าสกุลเซี่ยเราแล้ว อยู่เป็นคนสกุลเซี่ย ตายก็ต้องเป็นผีสกุลเซี่ย” นางเสียสินสอดให้บ้านเยว่ไปแล้ว ถ้ายังต้องเสียคนอีก นั่นจะไม่เรียกขาดทุนซ้ำซ้อนรึ

ที่สำคัญนอกจากสะใภ้คนนี้ เกรงว่าต่อให้พลิกดินหาก็คงไม่พบคนที่จะยอมแต่งให้บุตรชายคนรองแล้ว หากปล่อยนางไป ใครจะมาสานต่อรับภาระนี้จากตนเล่า

“ถ้าเช่นนั้นก็ต้องแยกครอบครัวตามที่ข้าเสนอ ไม่อย่างนั้นข้าก็จะกลับบ้านเดิม และถ้าท่านคิดจะใช้กำลังบังคับ ข้าจะไปตีกลองร้องทุกข์ที่ว่าการอำเภอ ประกาศให้ทุกคนรู้กันไปทั่ว ว่าบ้านเซี่ยจงใจหลอกลวงการแต่งงาน หากเรื่องนี้แพร่ออกไปท่านว่าผู้คนจะเชื่อใคร ท่านหรือว่าข้า”

เยว่อวิ๋นกึ่งเอ่ยเงื่อนไขกึ่งข่มขู่ นางไม่กลัวเลยสักนิดว่าอีกฝ่ายจะไม่ตกลง เพราะเข้าใจในความเห็นแก่ตัวของแม่เฒ่าเซี่ยเป็นอย่างดี ยายแก่นี่ไม่มีทางนำเอาอนาคตบุตรชายคนเล็กมาเสี่ยงกับตนเป็นแน่

“แยกครอบครัวที่เจ้าต้องการ หมายถึงแบ่งทรัพย์สินด้วยใช่หรือไม่” แม่เฒ่าเยว่เองก็ไม่ใช่คนหัวทึบ ถึงตอนนี้ถ้านางยังไม่เข้าใจจุดประสงค์ของเยว่อวิ๋น ข้าวที่เคยกินมาก็นับว่าเสียเปล่าแล้ว

“ท่านแม่ฉลาดยิ่ง” เยว่อวิ๋นไม่ปฏิเสธ นางยิ้มกว้างจนดวงตากลมหยีโค้ง แม่เฒ่าเซี่ยมองรอยยิ้มนั้นอึดอัดจนหายใจไม่ออก

“เรื่องนี้ข้าคนเดียวตัดสินใจไม่ได้ ต้องไปปรึกษาพวกพี่น้องของเจ้ารองก่อน” ตอนแรกที่ตกปากรับคำยายเฒ่าเยว่เปลี่ยนคนเพราะเห็นว่าสะใภ้คนนี้เป็นคนหัวอ่อน ไม่คิดเลยว่าจะเป็นการยกหินทุ่มใส่เท้าตนเอง [1] ไปเสียได้ แม่เฒ่าเซี่ยคิดแล้วนึกเจ็บใจจนลำไส้เขียว

“ได้สิเจ้าคะ ถ้าอย่างนั้นข้าจะรอคำตอบจากท่านแม่นะเจ้าคะ” เยว่อวิ๋นไม่ดึงดัน ทว่าอาศัยความไวเอื้อมมือไปคว้าเงินตำลึงในมือแม่สามีมาถือไว้ “ส่วนเงินนี่ สามีไม่มียากิน ข้าจะนำเงินส่วนนี้ไปตามท่านหมอมาจ่ายยา ท่านแม่คงไม่ติดขัดอะไรใช่ไหม”

แม่เฒ่าเซี่ยมองตำลึงเงินที่หลุดลอยไปด้วยใบหน้าดำคล้ำ ถ้านางบอกว่าติดขัด อีกฝ่ายจะยอมคืนเงินมาให้หรือไม่เล่า

เยว่อวิ๋นสอดตำลึงใส่แขนเสื้อพลางตบอกปุๆ “ท่านแม่ท่านวางใจได้เลย ลูกสะใภ้จะใช้เงินพวกนี้อย่างคุ้มค่า เพราะการรักษาสามีสำคัญที่สุด ประเดี๋ยวข้าจะไปถามหัวหน้าหมู่บ้านว่าแถวนี้มีหมอเก่งๆ บ้างหรือไม่ จะได้ไปเชิญมา ถึงตอนนั้นค่ารักษา…”

ยังจะเอาอีกหรือ!

แม่เฒ่าเซี่ยถลึงตาโปน เงินที่ถูกชิงไปยังไม่ทันเอ่ยปากเอาคืน ลูกสะใภ้ตัวดีอ้าปากก็คิดจะเอาเพิ่มอีก ชาติก่อนนางเกิดเป็นเทาเที่ย [2] หรืออย่างไร อ้าปากทีก็กว้างซะขนาดนี้

“ข้าจะกลับไปปรึกษาพวกเจ้าใหญ่” ว่าจบแล้วก็หันหลังเดินจากไปทันที รอก่อนเถอะ นางจะไปตามสะใภ้ใหญ่ให้มาออกหน้าสั่งสอนอีกฝ่ายให้หนักเลย

เยว่อวิ๋นมองตามหลังแม่เฒ่าเซี่ยพลางโบกมือให้ด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่ปรึกษาเสร็จแล้วก็รีบมานะเจ้าคะ เผื่อท่านหมอมาแล้วค่ายาไม่พอ...”

คำพูดต่อจากนั้นไม่ต้องเดาก็เข้าใจได้ แม่เฒ่าเซี่ยที่เร่งเดินออกมา ฟังแล้วถึงกับสะดุดหน้าแทบคะมำ นางกัดฟันกรอดหักใจที่จะไม่หันไปด่าอีกฝ่ายสุดชีวิต

อยู่ไม่ได้แล้ว ขืนอยู่ต่อนางต้องเจ็บใจจนตายแน่นอน!

[1] เป็นสำนวน เปรียบเปรยถึงการคิดทำร้ายผู้อื่น แต่ผลร้ายนั้นกลับย้อนมาหาตัวเอง มีความหมายตรงกับสำนวนไทยที่ว่า ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว

[2] เทาเที่ย สัตว์ในตำนานจีนที่มีมาแต่โบราณ ความหมายของชื่อคือ ความตะกละตะกลาม เป็นอสูรร้ายตัวแทนความตะกละ ละโมภ ไม่รู้จักเพียงพอ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   แยกบ้านที่หมายถึงแยกครอบครัว (2)

    เยว่อวิ๋นมองตามหลังแม่สามีที่เดินจากไปจนลับตา จึงไม่พลาดสีหน้าท่าทางทั้งหมดของอีกฝ่าย ทว่านางไม่คิดแยแสแต่อย่างใด คนอย่างแม่เฒ่าเซี่ยยิ่งอ่อนข้อให้ก็มีแต่จะยิ่งได้ใจเท่านั้นร่างบางหันหลังเดินกลับมุ่งหน้าไปยังห้องนอนที่สามพ่อลูกอยู่ หากรอพวกเขาจนปรึกษากันเสร็จ เงินนี่คงถูกเรียกร้องขอคืนเป็นแน่ เพราะฉะนั้นที่ควรทำก็ควรรีบ“ท่านแม่” พอเห็นนางเปิดประตูเดินเข้ามา ใบหน้าเล็กๆ ของเสี่ยวอวี้ก็เผยรอยยิ้มหวานออกมาทันทีเนื่องจากเยว่อวิ๋นให้นางกินอาหาร แล้วยังช่วยเหลือนางกับพี่ชายไม่ให้ถูกผู้เป็นย่าทุบตี ในใจเด็กหญิงจึงเชื่อมั่นและรู้สึกดีกับมารดาคนใหม่เป็นอย่างมาก“ท่านแม่ ท่านย่าไม่ได้ตีท่านใช่ไหมเจ้าคะ” เสี่ยวอวี้รีบถามอย่างเป็นห่วง เด็กหญิงรู้ดีว่าท่านย่าของตนเป็นคนใจร้าย ท่านแม่ขัดใจนางเช่นนี้มีหรือนางจะไม่ทำอะไรเด็กน้อยวิ่งมาหยุดเบื้ิองหน้าเยว่อวิ๋น พลางเอียงศีรษะมองสำรวจร่างกายเยว่อวิ๋นด้วยดวงตากลมโตแวววาวเหมือนลูกแมว“ข้าไม่เป็นอะไร” เยว่อวิ๋นชะงักเล็กน้อยกับคำเรียกขานอันสนิทสนม นางเป็นคนความรู้สึกไว จึงรับรู้ได้ว่าความห่วงใยที่เจ้าตัวเล็กแสดงออกมานั้นเป็นของจริงแท้แน่นอน นี่เป็นสิ่งที

    Last Updated : 2025-04-04
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   ลูกพลับนิ่มในอดีตได้กลายเป็นก้อนหินไปเสียแล้ว (1)

    เยว่อวิ๋นไม่ล่วงรู้ถึงความสงสัยของเซี่ยฉงอวิ๋นเลยแม้แต่น้อยและแน่นอนว่าถึงรู้นางก็ไม่ใส่ใจอยู่ดี ชีวิตก่อนนางเป็นแม่ทัพนำทหารออกรบ พอจบศึกก็เป็นหมอรักษาผู้ใต้บังคับบัญชา ได้เห็นร่างกายบุรุษมานับไม่ถ้วน สูงต่ำดำขาวแบบใดก็ล้วนมีทั้งสิ้นผู้เป็นหมอต้องมีใจเมตตา รักษาคนไม่แบ่งแยกชายหญิง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเซี่ยฉงอวิ๋นที่ยามนี้ป่วยหนักขนาดนี้ด้วยแล้ว เยว่อวิ๋นไม่มีทางมองเขาในแง่ชู้สาวเป็นแน่และผลของการถูกมองข้ามก็คือ…“เจ้าไม่พอใจอะไรงั้นหรือ” เยว่อวิ๋นขมวดคิ้วมองหลังมือที่ถูกปัดจนขึ้นรอยแดงของตนอย่างไม่เข้าใจ นางดูแลเขาดีถึงเพียงนี้ คนตรงหน้ายังกล้าลงมือกับนางอีก ช่างไม่สำนึกบุญคุณซะบ้างเลยเซี่ยฉงอวิ๋นใบหน้าและลำคอขึ้นสีแดงก่ำ แม้เขาไม่มองเห็นทว่ารู้สึกได้ถึงความตัดพ้อในน้ำเสียงอีกฝ่าย ชายหนุ่มไม่ตอบทว่ากลับเบือนหน้าหนีเข้าผนัง พลางนึกโมโหตัวเองที่ดันเผลอลดการป้องกัน สบช่องทำให้อีกฝ่ายทำอะไรแบบนั้นเสียได้เห็นเขาแสดงท่าทางประหนึ่งคนไม่ได้รับความเป็นธรรม เยว่อวิ๋นพลันเกิดความคิดอยากร้องเพ้ยขึ้นมาทันที “มารดามันสิเหล่าเหนียง [1] ต่างหากไหมที่ควรจะต้องเป็นคนโกรธ!”หญิงสาวพึมพำ ด้วยนิสัยถูกต

    Last Updated : 2025-04-04
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   ลูกพลับนิ่มในอดีตได้กลายเป็นก้อนหินไปเสียแล้ว (2)

    ถึงจะคิดว่าอีกฝ่ายจะดูแปลกๆ แต่ในใจหมอจางก็มีความรู้สึกดีให้เยว่อวิ๋นมากว่าพวกแม่เฒ่าเซี่ยมากนัก เขากวาดสายตามองเซี่ยฉงอวิ๋นที่อยู่บนเตียง แล้วพยักหน้าพึงพอใจ แม้เสื้อผ้าจะดูเก่าซีดใบหน้ามีหนวดเครารุงรัง ทว่าเนื้อตัวสะอาดสะอ้านไม่มีกลิ่นเหม็น สภาพดูดีกว่าครั้งก่อนที่ได้เห็นนับว่าไม่เลวเลย“ตกลง ไม่ต้องห่วง หากเจ้ามีใจจะรักษาเขาจริง ข้าจะจ่ายยาให้ไปก่อน ขาดเหลือมีคืนแล้วค่อยว่ากัน” หมอจางมีใจชื่นชมเซี่ยฉงอวิ๋นมานานแล้วชายหนุ่มผู้นี้เป็นคนนิสัยดี ขยันขันแข็ง ก่อนเกิดเรื่อง เขาคนเดียวหาเลี้ยงคนทั้งบ้าน น่าเสียดายที่ญาติของอีกฝ่ายแต่ละคนเป็นเพียงหมาป่าตาขาวที่ไร้คุณธรรมเดิมทีบาดแผลของเซี่ยฉงอวิ๋น หากรีบพาไปหาหมอเก่งๆ ในเมือง ไม่แน่อาจมีหนทางรักษา เรื่องนี้หมอจางเคยเอ่ยกับแม่เฒ่าเซี่ยไปก่อนหน้านี้แล้ว น่าเสียดายที่อีกฝ่ายเป็นคนเห็นแก่ตัวแม่เฒ่าเซี่ยไม่อยากต้องควักเงิน จึงใส่ร้ายว่าหมอจางมีจิตใจละโมบต้องการขูดรีดจนอีกฝ่ายโมโหจากไป จากนั้นนางก็ทิ้งให้บุตรชายนอนรอความตายโดยไม่แยแส หากไม่เพราะหมอจางแอบมอบสมุนไพรให้กับต้าเป่าก่อนจากไป เซี่ยฉงอวิ๋นในตอนนี้คงมีหญ้าสูงเหนือหลุมศพไปนานแล้วช่วงเ

    Last Updated : 2025-04-04
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   ลูกพลับนิ่มในอดีตได้กลายไปเป็นก้อนหินเสียแล้ว (3)

    เยว่อวิ๋นยังไม่ทันกล่าวคำพูด ก็มีเสียงหนึ่งดังขัดขึ้นเสียก่อน เมื่อหันไปมองที่มาของเสียงก็เห็นแม่เฒ่าเซี่ยเดินนำหน้าคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาคนกลุ่มนั้นประกอบไปด้วยบุรุษสองคนสตรีสองนาง สองในสี่นั้นนางพอรู้จักคุ้นหน้าอยู่บ้าง เพราะเคยพบอีกฝ่ายเมื่อวันส่งตัวเจ้าสาว เป็นเซี่ยจินกับอู๋ซื่อพี่สะใภ้ใหญ่ของนางนั่นเองส่วนชายหญิงอีกคู่แลดูมีอายุน้อยกว่า บุรุษมีรูปร่างสูงโปร่งใบหน้าคมคาย ทว่าดวงตาเรียวเต็มไปแววกลิ้งกลอกมองดูแล้วชวนให้ไม่น่าคบหา ส่วนสตรียิ่งแล้วใหญ่ดวงตามองสูงจมูกแทบชี้ฟ้า ต่อให้รูปร่างหน้าตาหมดจดงดงามก็ไม่เจริญตา เยว่อวิ๋นนึกถึงคำพูดของต้าเป่าเมื่อเช้า พอจะเดาออกทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใครแม่เฒ่าเซี่ยมีบุตรสี่คน เป็นชายสามหญิงหนึ่ง คนโตเซี่ยจิน คนรองเซี่ยฉงอวิ๋น คนที่สามเซี่ยหยวนชาง และคนสุดท้ายคือเซี่ยหว่านหรูนั่นเองไม่ต้องสงสัย สองคนที่นางไม่เคยพบหน้ามาคู่นี้ คงไม่แคล้วเป็นเซี่ยหยวนชางกับเซี่ยหว่านหรูนั่นเองเจ้าเด็กน้อยเสี่ยวอวี้เป็นเด็กช่างพูด นางใช้คำเจรจาเจื้อยแจ้วกล่าวถึงอาสามกับอาหญิงเล็กของตน ว่าเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในบ้านเนื่องจากอาสามต้องเรียนหนังสือเพื่อสอบซิ่วไฉจึงไม่ต

    Last Updated : 2025-04-07
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   ลูกพลับนิ่มในอดีตได้กลายเป็นก้อนหินไปเสียแล้ว (4)

    อู๋ซื่อหันหน้ามาตามเสียงคำราม ทว่าสายตาเห็นเพียงเงาร่างพร่าเลือน จากนั้นก็ถูกแรงปะทะจนลอยละลิ่วไปปะทะผนังบ้านด้านหลังเสียงดังโครม“โอ๊ย!”แม่เฒ่าซี่ยเพิ่งตั้งหลักขยับลุกจากตัวบุตรสาวได้ เดิมคิดฉวยโอกาสนี้ตบสั่งสอนสะใภ้ของตนสักหลายฉาด ทว่ายามเห็นร่างอวบอ้วนของอู๋ซื่อถูกถีบกระเด็นไปกระแทกผนังบ้านแล้วทรุดกองบนพื้นไม่ขยับเขยื้อน ความคิดนี้ของแม่เฒ่าเซี่ยก็ถูกแช่แข็งในทันทีเช่นเดียวกับมารดาพวกเขา เซี่ยจินกับเซี่ยหยวนชางเองก็ไม่ต่างกัน โดยเฉพาะเซี่ยจิน ยามนี้เขาชักไม่มั่นใจแล้วว่าเมื่อครู่ตนล้มลงไปเองจริงๆแม่เฒ่าเซี่ยกับบุตรชายรีบหยุดมืออย่างมีสติ ทว่าเซี่ยหว่านหรูกลับไม่ใช่ นางถูกมารดาล้มทับเพิ่งลุกจากพื้นได้ จึงพลาดที่จะเห็นฉากตัวลอยของอู๋ซื่อเหมือนคนอื่นๆ ความโมโหทำให้นางลืมตัวไปชั่วขณะ เปิดปากด่าทอเยว่อวิ๋นชนิดหนึ่งประโยคไม่มีซ้ำ“นางคนชั้นต่ำน่ารังเกียจ ทำอะไรของเจ้ากัน มิน่าเล่าบ้านเยว่ถึงได้เร่งรีบส่งตัวหายนะอย่างเจ้าออกมานัก ที่แท้ก็เป็นตัวอัปมงคล ไปที่ไหนก็นำพาแต่ความโชคร้าย” ความเจ็บปวดที่ก้นกระแทกพื้น ทำให้เซี่ยหว่านหรูยิ่งไม่พอใจในตัวพี่สะใภ้รองคนนี้มากกว่าเดิม ด่าเสร็จก็กางเล

    Last Updated : 2025-04-07
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   ลูกพลับนิ่มในอดีตได้กลายเป็นก้อนหินไปเสียแล้ว (5)

    เสียงของเยว่อวิ๋นไม่ได้เบานัก ภายในบ้านที่คับแคบจึงได้ยินกันโดยทั่ว สี่คนที่กำลังถูกเปรียบเปรยเป็นสุนัขมีใบหน้าแดงก่ำ ส่วนแม่เฒ่าเซี่ยนั้นทั้งแดงทั้งดำสลับกันจนดูน่าขันที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากแม่เฒ่าเซี่ยไม่มั่นใจ ว่าประโยคเมื่อครู่ของเยว่อวิ๋นหมายถึงลูกๆ ของนาง หรือกล่าวเหมารวมไปถึงตัวนางเองด้วย เพราะก่อนหน้านี้นางก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย ทั้งยังเอาร่างกายแก่ๆ ของตนไปกอดปล้ำกับหมอจางอีกคิดถึงตรงนี้ใบหน้าชราของแม่เฒ่าเซี่ยจึงขึ้นสีแดงฉานไปทั้งหน้า ทว่าพอเห็นรอยยิ้มบางแฝงแววเจ้าเล่ห์ของเยว่อวิ๋น ใบหน้าแดงนั้นก็พัฒนากลายเป็นดำสลับไปมาเยว่อวิ๋นมองแล้วคิดอย่างขบขัน สีหน้าของแม่สามีนางช่างน่าตลกเสียจริง“น้องสะใภ้รองปากกล้าเหลือเกิน ไม่รู้ว่าสกุลเยว่สั่งสอนลูกหลานมาอย่างไร ถึงได้ไร้กฎระเบียบ ไร้มารยาท ไม่เคารพผู้อาวุโสแบบนี้” อู๋ซื่อสังเกตเห็นกลุ่มคนที่มาใหม่แล้ว นางเก็บอาการเสียกิริยาของตนหันมากล่าวเสียดสีเยว่อวิ๋นแทนแม่เฒ่าเซี่ยฟังแล้วพลันได้สติ เปล่งเสียงร้องโหยหวนปานจะขาดใจ “พี่สามในที่สุดท่านก็มา ไม่อย่างนั้นยายแก่อย่างข้าคงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว คงต้องถูกสะใภ้รองผู้นี้ทำให้อัดอั้นจนตายเป

    Last Updated : 2025-04-07
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   ลูกพลับนิ่มในอดีตได้กลายเป็นก้อนหินไปเสียแล้ว (6)

    เซี่ยเหล่าซานมองภาพมารดากับบุตรกอดกันด้วยความพอใจ ดูเหมือนว่าภรรยาเจ้ารองจะไม่ใช่สตรีจำพวกเดียวกับเซี่ยซื่อ นี่ถือว่าเป็นเรื่องดี“แต่เรื่องพวกนี้ตัวข้าเองก็ไม่ได้ถือสา” เยว่อวิ๋นกอดเจ้าไชเท้าน้อย พลางลูบคลำตรวจดูรอยปูดด้านหลังศีรษะอีกฝ่าย ขณะกล่าวต่อ “ทว่าวันนี้แม่สามีมาแต่เช้า พอนางพบว่าข้าต้มข้าวต้มกับไข่ให้เด็กๆ กิน นางก็โมโหทุบตีพวกเขา นางมอบเงินให้ข้ามาห้าตำลึง ข้าก็นำเงินนั้นไปจ่ายค่ารักษาให้ท่านหมอจาง พวกท่านว่าข้าทำผิดอะไร เกินไปตรงไหนอย่างนั้นหรือ”แน่นอนว่านางเล่าข้ามเรื่องที่ตนเองข่มขู่ขอแยกบ้าน และไม่ได้เอ่ยว่าเงินห้าตำลึงนั้นเป็นเงินค่าแยกบ้านที่แม่สามีนำออกมาให้เยว่อวิ๋นไม่เอ่ย แม่เฒ่าเซี่ยก็ไม่มีหน้าไปพูดถึง ลำพังได้ยินเรื่องที่นางทุบตีหลานเพราะกินอาหาร แล้วยังลงมือกับสะใภ้เนื่องจากอีกฝ่ายนำเงินไปรักษาสามี สายตาแสดงความเหยียดหยามก็พุ่งตรงมาที่นางจนแทบหายใจไม่ออกแล้ว“เรื่องนี้เป็นความจริง เดิมทีแล้วข้าไม่อยากมา แต่สะใภ้รองให้ต้าเป่ามาขอร้อง ข้าเห็นแก่ความจริงใจของนาง ถึงได้มาตามคำเชิญ” หมอจางที่กำลังดูละครเพลินๆ ได้รับสายตาจากเยว่อวิ๋น จึงก้าวออกมาพูดบ้าง“ถึงอย่างนั้น

    Last Updated : 2025-04-07
  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   ในเมื่อแยกบ้านแล้วก็ต้องหาหนทางหาเงินสิ (1)

    หลังจากวกวนทุ่มเถียงกันไปมาอยู่นาน ในที่สุดหนังสือแยกครอบครัวก็ถูกเขียนขึ้นโดยเซี่ยเหล่าซานท่ามกลางคำเกลี้ยกล่อมของเซี่ยจินและเซี่ยหยวนชาง แม่เฒ่าเซี่ยรับเอาหนังสือที่ถูกลงชื่อมาถือไว้ด้วยมืออันสั่นเทา นางไม่ยินยอมทว่ากลับไม่อาจขัดขืนดวงตาหญิงชราจับจ้องไปที่ร่างบนเตียงของบุตรชายไม่วางตา ขณะที่ใจก็คิดตัดพ้ออีกฝ่ายไม่หยุด ไม่ใช่ว่านางไม่สงสารเขาเสียเมื่อใด เพียงแต่เงินส่วนนี้ยังมีความจำเป็นต้องใช้อีกมากหากจะนำไปสิ้นเปลืองกับขาที่ไม่มีวันรักษา ไม่สู้เก็บไว้ให้เจ้าสามนำไปใช้ประโยชน์ดีกว่าหรือ อย่างน้อยถ้าเจ้าสามสอบได้ตำแหน่งขุนนาง อนาคตเจ้ารองกับลูกๆ ก็จะได้มีที่พึ่งพิงที่นางทำทุกอย่างก็เพื่อครอบครัวทั้งนั้นทำไมบุตรชายถึงไม่ยอมเข้าใจกัน!แม่เฒ่าเซี่ยครุ่นคิดอย่างน้อยใจ ไม่ฉุกคิดถึงการกระทำที่ผ่านมาของตนกับบุตรชายคนที่สามเลยแม้แต่น้อย ยามนั้นนางปล่อยให้สามพ่อลูกใช้ชีวิตอย่างยากลำบากปางตาย นั่นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเซี่ยหยวนชางขนาดเวลานี้ยังไม่ได้เข้าสอบ ไม่มีตำแหน่งอะไรติดตัว ข้าวสักคำน้ำสักอึกเขายังไม่เคยหยิบยื่นให้พี่ชายที่นอนรอความตาย ถ้าวันใดสอบผ่านไหนเลยจะมีใจมัวมาคิดถึงตอบแทนอยู่อีกห

    Last Updated : 2025-04-11

Latest chapter

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   รักษาขาของเซี่ยฉงอวิ๋น (3)

    ฟังเสียงร้องที่ดังแต่ไร้ความจริงใจ มุมปากเยว่อวิ๋นคล้ายจะกระตุกเล็กน้อยกับความปลอมของอีกฝ่าย นางกับเซี่ยหู่ขึ้นเกวียนไปรอรับร่างสามี ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ“ออกเดินทางกันเถอะพี่ต้าจวง”แม่เฒ่าเซี่ยถูกเมินเฉยจนตั้งตัวไม่ติด นางคิดไว้แล้วว่าหากถูกเยว่อวิ๋นด่าทอลงมือ ก็จะร้องร่ำไห้คุกเข่าสำนึกผิดตรงนี้ หรือว่าหากอีกฝ่ายห่วงหน้าตาไม่ทำอะไรตัวเอง ก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ติดตามไปด้วยทว่าคิดเสียเยอะแยะกลับไม่เป็นอย่างใจ ความจริงไหนเลยเยว่อวิ๋นจะหันมาสนใจนาง อีกฝ่ายไม่แม้จะมองดูนางด้วยซ้ำ“หยุดนะ!” เห็นเซี่ยต้าจวงทำท่าจะบังคับเกวียนออก แม่เฒ่าเซี่ยก็รีบโดดไปจับเกวียนไว้ทันที ทว่ายังไม่ทันได้แตะถูก วัตถุสีดำบางอย่างก็พุ่งกระทบถูกมือนางเสียก่อน แม่เฒ่าเซี่ยพลันเจ็บปวดจนกรีดร้องออกมา“โอ๊ย!”เยว่อวิ๋นไม่สนท่าทีเจ็บปวดของแม่เฒ่าเซี่ยสักนิด นางหลุบมองก้อนหินเล็กๆ ในมือตัวเองพลางขมวดคิ้วแน่น หญิงสาวครุ่นคิดอย่างหงุดหงิดว่าหากเซี่ยซื่อยังกล้าสร้างความวุ่นวายอีกนางจะดีดลูกหินใส่ดวงตาแม่สามีให้บอดเสียเลย ต่อไปจะได้ไม่ต้องออกจากบ้านมาสร้างความรำคาญให้นางอีกทว่าคิดยังไม่ทันลงมือ เซี่ยฉงอวิ๋นก็ยื่

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   รักษาขาของเซี่ยฉงอวิ๋น (2)

    “ท่านแม่ เรื่องนี้ข้าผิดเองขอรับ เป็นเพราะข้าเปิดประตูให้พวกท่านย่าจึงทำให้เกิดเรื่องขึ้น ข้าผิดไปแล้วขอรับ” ต้าเป่าเอ่ยรับผิด เด็กชายกล่าวต่อ “ท่านแม่ ท่านลงโทษข้าเถอะขอรับ”เยว่อวิ๋นไม่ได้พูดอะไรอีก นางเพียงหรี่เปลือกตาลงต่ำพลางแค่นเสียงออกมาคำหนึ่ง“ดีนี่ ปกป้องความผิดกันเอง แล้วโกหกข้าสีหน้าไม่เปลี่ยน ช่างเถอะ ข้าคงลงโทษพวกเจ้าไม่ไหวหรอก”ต้าเป่าได้ยินก็ตกตะลึงอึ้งไปชั่วขณะ เขาไม่รู้ว่ามารดารู้ได้อย่างไรว่าตนเองโกหก แต่ฟังจากน้ำเสียงเขาสัมผัสได้ว่าคราวนี้ท่านแม่มีโทสะแล้วจริงๆแน่นอนว่าเรื่องนี้ต้าเป่าไม่ได้รู้สึกไปเอง เยว่อวิ๋นโกรธแล้วจริงๆ พี่น้องรักใคร่ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่การที่อีกฝ่ายโกหกก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องเช่นกันอ่างน้ำที่ยังไม่ได้เทน้ำทิ้งกับเซี่ยฉงอวิ๋นในเสื้อผ้าชุดใหม่ ทำให้เยว่อวิ๋นคาดเดาได้ว่าต้าเป่าน่าจะเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับบิดาอยู่ ส่วนเสี่ยวอวี้ที่ไม่เคยเห็นหมูป่ามาก่อนก็น่าจะออกมาดูมัน จากนั้นคนบ้านใหญ่ที่ได้ยินว่านางจับหมูป่าได้ก็น่าจะมาเพื่อส่วนแบ่งต้าเป่าอยู่ข้างในด้านนอกมีเพียงเสี่ยวอวี้ เด็กหญิงถูกคนบ้านใหญ่ทำร้ายมานาน มีความเกรงกลัวซึมลึกถึง

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   รักษาขาของเซี่ยฉงอวิ๋น (1)

    เยว่อวิ๋นใช้ไม้กระบองในมือส่งบ้านใหญ่ออกไป เซี่ยต้าจวงที่เลี่ยงออกมาเห็นว่าพวกเขาจากไป ก็รีบกลับมาจัดการร่างหมูป่าตามความตั้งใจเดิม โดยไม่สนใจจะถามถึงเรื่องที่นางทุบตีคนสักนิดแม้เซี่ยต้าจวงจะเป็นคนซื่อทว่าเขาไม่ได้โง่ ที่ผ่านมาอาสะใภ้สี่ถือดีว่าพวกเขาทำอะไรนางไม่ได้ เอาเปรียบบิดาเขาสร้างปัญหาให้ไว้เว้นวันมายามนี้ในใจเซี่ยต้าจวงจึงคิดเพียงว่าภรรยาฉงอวิ๋นตีได้ดีนัก เหมาะแล้ว สมควรยิ่งคนอย่างอาสะใภ้สี่ก็สมควรต้องเจอแบบนี้แหละ!“น้องสะใภ้ เจ้าจะให้เก็บส่วนไหนไว้หรือไม่” เซี่ยต้าจวงยกร่างหมูป่ามาล้างน้ำเสร็จก็หันมาถามเยว่อวิ๋นเยว่อวิ๋นคิดเล็กน้อย ก่อนจะบอกให้เซี่ยต้าจวงตัดส่วนที่นางต้องการเก็บไว้ ด้วยความชำนาญของอีกฝ่าย ไม่นานส่วนที่ต้องการก็ถูกชำแหละออกมาตามที่ต้องการเห็นดังนั้นเยว่อวิ๋นจึงเดินไปเปิดประตูรั้วออกกว้าง ให้ชาวบ้านที่ต้องการซื้อเนื้อหมูป่าเข้ามาได้หลายคนที่รอด้านนอกพอเห็นประตูเปิด ก็รีบพากันกรูเข้ามาทันที เนื้อหมูป่าได้มายากกว่าหมูบ้าน อีกทั้งเยว่อวิ๋นก็ยังขายให้ในราคาที่ถูกกว่าอีกด้วย ทำให้เยว่อวิ๋นถูกรุมล้อมจนหัวหมุน“พี่สะใภ้ พวกข้ามาช่วยแล้วเจ้าค่ะ” ในขณะที่กำลังยุ่

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   หนังหน้า-หน้าด้าน (3)

    “หยุดนะ! แข็งข้อแล้ว! สะใภ้รองเจ้าคิดจะก่อกบฏอย่างนั้นหรือ!” แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกหลานตัวเองที่ถูกตีจนดิ้นพล่านกับพื้นพลางกรีดเสียงร้องโหยหวนเยว่อวิ๋นไม่สนใจเสียงสาปแช่งของแม่เฒ่าเซี่ย และยิ่งไม่คิดใส่ใจต่อเสียงก่นด่าของคนที่ถูกนางตี นางเตะพวกเขามานอนเรียงรายกันบนพื้น แม้แต่เซี่ยจินกับอู๋ซื่อที่พยายามลดการมีอยู่ของตัวเองสุดชีวิตแล้ว ก็ยังถูกนางสังเกตเห็นและลากจับมารวมกลุ่มทุบตี“เซี่ยหู่ เจ้าไปตามหมอจางมาที พี่ต้าจวงข้ารบกวนพี่ออกไปเฝ้าประตูไว้ให้ทีนะเจ้าคะ เพราะอีกเดี๋ยวคนที่จะมาซื้อเนื้อหมูป่าคงจะมากันแล้ว”เซี่ยหู่หรือจะกล้าขัดขืน เขาเห็นสภาพบ้านสี่แล้วยังนึกสยดสยองไม่หาย ไม่รอให้เยว่อวิ๋นเอ่ยซ้ำเป็นรอบที่สอง ก็ออกวิ่งสุดฝีเท้าตามคำสั่งแต่โดยดีทันที“เอ่อ… ถ้าอย่างนั้นข้าออกไปดูคนให้นะ” เซี่ยต้าจวงกล่าวอย่างอึกอัก พยายามหลบเลี่ยงสายตาขอความช่วยเหลือของแม่เฒ่าเซี่ยสุดชีวิต พลางก่นว่าน้องชายที่ตัดช่องน้อยเอาตัวรอดคนเดียวในใจไม่หยุด“เมื่อครู่เจ้าพูดว่าอะไรนะ ก่อกบฏงั้นสินะ” เยว่อวิ๋นพลันรู้สึกขันจนพูดไม่ออก ชาติที่แล้วนางก็ตายตกด้วยข้อหานี้มิใช่หรือ “ข้าก่อกบฏอย่างไร พวกเจ้าเป็นเชื้อพร

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   หนังหนา-หน้าด้าน (2)

    มุมปากแม่เฒ่าเซี่ยเบี้ยวไปชั่วขณะ คล้ายคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำตอบแบบนี้“จะ เจ้า เจ้าไม่เคารพผู้อาวุโส” กล่าวจบนางก็ทำท่าจะหวีดร้องโวยวาย ทว่ากลับเห็นเยว่อวิ๋นหมุนร่างไปสั่งเซี่ยหูเสียก่อน“ปิดประตูซะ”เซี่ยหู่ที่ตามหลังมาพลันสะดุ้งเฮือก เขาสบสายตาเย็นชาของเยว่อวิ๋นแล้วรีบปิดประตูรั้วเสียงดังโครมโดยไม่ต้องให้เอ่ยย้ำ“สะ… สะใภ้รองเจ้าคิดจะทำอะไร” แม่เฒ่าเซี่ยข่มความหวาดกลัวพลางถามด้วยน้ำเสียงสั่นไหว“ฝีมือใคร” เยว่อวิ๋นไม่ได้ตอบคำถามของแม่เฒ่าเซี่ย ทว่ากลับเดินไปหยุดตรงหน้าเด็กสองคน พลางยกมือขึ้นลูบใบหน้ากลมเล็กของเสี่ยวอวี้เบาๆ “ใครเป็นคนทำ”เสี่ยวอวี้อยู่ร่วมกับเยว่อวิ๋นจนคุ้นชินแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่สัมผัสได้ถึงความเย็นชาที่ลึกถึงกระดูก เด็กหญิงพลันบังเกิดความหวาดกลัวในตัวอีกฝ่ายอย่างไร้สาเหตุ“ซะ… เซี่ยเสี่ยวเกอ กะ กับท่านอาเล็กเจ้าค่ะ”พอเปิดประตูให้พวกเขาเข้ามา เซี่ยเสี่ยวเกอก็โวยวายจะเอาขนมในมือนาง พอนางไม่ยอมให้ท่านอาเล็กที่เดินตามมาก็ตบหน้านาง คิดแล้วเสี่ยวอวี้ก็ดวงตาแดงก่ำ น้ำใสๆ ร่วงหล่นราวสายน้ำหลากตั้งแต่แยกครอบครัวมา เสี่ยวอวี้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เยว่อวิ๋นอย่าว่าแต

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   หนังหนา-หน้าด้าน (1)

    เกิดเติบโตมายี่สิบกว่าปี ครั้งแรกที่รู้สึกสนใจสตรีนางหนึ่ง ก็พบว่าหนทางเชื่อมหาคนถูกปิดตายหมดเสียแล้ว กู้เหยียนเซียวพลันส่ายหน้าจนใจบนถนนที่ขรุขระมีเสียงฝีเท้าและลมหายใจของม้าดังให้ได้ยินเป็นระยะ จึงไม่มีใครสังเกตถึงเสียงถอนลมหายใจอ่อนเบาของใครบางคนช่างน่าเสียดาย…เยว่อวิ๋นที่กำลังดีใจไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนกำลังนึกเสียดายโชคชะตาที่มาช้าไปนี้หญิงสาวกลับเข้าห้องไปบอกเรื่องราวกับเซี่ยฉงอวิ๋น ถึงกำหนดการผ่าตัดขาของเขาในวันพรุ่งนี้อย่างอารมณ์ดีหลังจากพูดคุยกับสามีเรื่องเดินทางไปหงจือหลินวันพรุ่งนี้จบ เยว่อวิ๋นก็เข้าครัวจัดการอาหารมื้อเช้าของครอบครัวอย่างเรียบง่าย ก่อนจะสะพายตะกร้ามุ่งหน้าขึ้นภูเขา โดยทิ้งให้ต้าเป่ากับเสี่ยวอวี้คอยอยู่ดูแลบิดาช่วงที่ผ่านมาเยว่อวิ๋นฟื้นร่างกายกลับมาจนเกือบเป็นปกติแล้ว การขึ้นภูเขาจึงไม่ใช่เรื่องยากลำบากแต่อย่างใด นางใช้เวลาเดินเท้าเพียงไม่นานก็มาถึงหลุมกับดักสัตว์เพราะที่บ้านไม่ได้ขาดแคลนเนื้อสัตว์เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เยว่อวิ๋นที่มีเรื่องให้ต้องจัดการมากมายในแต่ละวัน จึงแวะเวียนมาดูสัตว์ในหลุมสองถึงสามวันต่อครั้งเท่านั้นเสียงกู่ร้องของสัตว์บาดเจ็บดังกั

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   ข้อตกลง (2)

    ต้นยามเหม่า[1] ท้องฟ้ายังมืดสลัวไม่สว่างดี เยว่อวิ๋นที่ตื่นมาล้างหน้าล้างตาแต่เช้า ก็พาสองซาลาเปาน้อยออกมาฝึกร่างกายเหมือนทุกทีหลายวันมานี้ช่วงเช้าเยว่อว๋นจะพาทั้งคู่ออกมาฝึกท่านั่งม้าตลอด จากที่แรกๆ เคยยืนขาสั่นตัวเอียง ยามนี้แม้แต่เสี่ยวอวี้น้อยก็สามารถยืนได้มั่นคงแล้ว“ท่านแม่ ครบชั่วยามหรือยังขอรับ” ต้าเป่าร้องถามมารดา ใบหน้าน้อยๆ ผุดไรเหงื่อชื้นไม่ต่างจากน้องสาวเยว่อวิ๋นมองแขนที่เริ่มตกกับขาที่เริ่มสั่นเพราะความล้าแล้วอมยิ้มเล็กน้อย ความจริงยังขาดไปอีกสองเค่อ แต่หญิงสาวก็พยักหน้าให้บุตรชาย“ต้าเป่ามานี่สิ” เยว่อวิ๋นก้าวมาหยุดยืนหน้าเสาไม้ต้นหนึ่งในลาน ซึ่งเสาไม้เหล่านี้ล้วนเป็นนางที่นำมาปักไว้ทั้งสิ้น“ขอรับ” ต้าเป่าได้ยินก็รีบวิ่งมาตามคำสั่งทันที เสี่ยวอวี้เห็นดังนั้นก็วิ่งตามพี่ชายมาอีกคน“เมื่อวานแม่บอกจะสอนวิชาหมัดให้เจ้า จำได้ไหม”“จำได้ขอรับ” เด็กชายรับคำดวงตาเป็นกายยินดี ต่อให้มีนิสัยสุขุมแค่ไหนอย่างไรเสียก็ยังเป็นเด็กคนหนึ่ง เยว่อวิ๋นพาเขาฝึกท่านั่งม้ามาหลายวัน ต้าเป่าที่ไม่เข้าใจว่านี่คือการฝึกพื้นฐานก็อดเบื่อไม่ได้อยู่ดี“วิชานี้ชื่อว่าวิชาหมัดเหล็ก เดิมทีเจ้าของวิชาไ

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   ข้อตกลง (1)

    นับว่าเป็นความโชคดีของสวีเหยา ที่เสียงคำรามของนางถูกข่มกลั้นไว้แค่ในลำคอ เพราะถ้าไม่อย่างนั้นเยว่อวิ๋นได้ยินคงหันกลับมาประเคนฝ่าเท้าให้นางอีกทีเป็นแน่เห็นว่าไม่มีละครสนุกๆ ให้ดูแล้ว บรรดาชาวบ้านมุงก็พากันแยกย้ายสลายตัว ในลานบ้านที่เงียบสงัดจึงเหลือเพียงแม่ลูกสกุลจางกับสวีเหยาและเซี่ยหว่านหรูหลัวซื่อคิดถึงเงินห้าตำลึงที่จะต้องเสีย ในใจเจ็บปวดแทบหลั่งเลือด นางนึกก่นด่าตัวเองเป็นร้อยรอบ ว่าทำไมตอนที่เยว่อวิ๋นมาพูดเรื่องบุตรชายรุมทุบตีต้าเป่า ตัวเองถึงได้ไปยั่วโมโหอีกฝ่ายจนเรื่องราวลุกลามใหญ่โตเช่นนี้กันมาถึงตอนนี้ต่อให้ยอมรับผิดก็ไร้ประโยชน์แล้ว คิดถึงใบหน้าสามีหลังรู้ว่านางทำให้ต้องเสียเงินถึงห้าตำลึง หลัวซื่อก็แทบร่ำไห้ออกมาเป็นสายเลือด พอเห็นสวีเหยากับเซี่ยหว่านหรูความขุ่นเคืองก็ยิ่งพุ่งสูงจนไม่มีสีหน้าดีๆ ให้เห็น“เพราะเจ้า…” หลัวซื่อกัดฟันคำรามลั่น นางอยากวิ่งเข้าไปตบคนตรงหน้าสักหลายที ทว่าถึงสวีเหยาจะเป็นลูกของน้องสาวสามี แต่หลัวซื่อก็รู้ดีว่าตนไม่มีสิทธิ์ไปตบตีอีกฝ่าย นางจึงได้แต่หันหน้าหนี ถือคติตามองไม่เห็นใจก็ไม่คิดเสียทว่าพอหันหนีมาอีกด้านสายตาก็พลันสบกับเซี่ยหว่านหรู ในใจ

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   ต้นตอของข่าวลือ (4)

    เยว่อวิ๋นไม่รู้ความคิดของคนเหล่านี้ หากนางรู้คงปรบมือให้พวกเขาแล้วเอ่ยพร้อมรอยยิ้มว่า ‘ยินดีด้วย พวกเจ้าเดาถูกแล้ว’ เป็นแน่ถูกแล้ว นางจงใจพูดทำลายชื่อเสียงเซี่ยหว่านหรู ก็แล้วอย่างไรเล่า ในเมื่ออีกฝ่ายป่าวประกาศไปทั่วว่านางคบชู้ แล้วทำไมนางจะโยนคำว่าบ้าผู้ชายใส่ศีรษะอีกฝ่ายบ้างไม่ได้ล่ะโดนตบแก้มซ้ายแล้วยังจะให้ยื่นแก้มขวาให้โดยไม่ตีคืนงั้นหรือ เฮอะ! ฝันไปเถอะ นางไม่ใช่พระโพธิสัตว์เสียหน่อย!ผู้ใหญ่บ้านเองก็คิดไม่ต่างจากคนอื่น แต่เขาก็เห็นด้วยกับที่เยว่อวิ๋นบอกเหมือนกัน จึงหันไปถามกับหลัวซื่ออีกครั้ง“หลัวซื่อ ที่เถี่ยตั้นพูดมาทั้งหมด ที่แท้มาจากตัวเจ้าเองที่กล่าวใช่หรือไม่!”หลัวซื่ออ้าปากอึกอัก นางไม่คิดว่านิสัยพูดไม่คิดของเซี่ยหว่านหรูจะเปิดเผยความผิดพลาดของตัวเองออกมาในเวลานี้ ยิ่งเห็นใบหน้าเคร่งขรึมจริงจังของผู้ใหญ่บ้าน คำพูดบอกปัดที่คิดเอาไว้ก็ติดอยู่ที่ริมฝีปาก“ข้า…”“ในฐานะสตรีคนหนึ่ง ชื่อเสียงถือได้ว่าสำคัญยิ่งกว่าชีวิต การปล่อยข่าวลือเช่นนี้ออกมา ก็เหมือนกับคนผู้นั้นต้องการฆ่าข้า หากวันนี้เรื่องราวไม่กระจ่าง ข้าจะไปตีกลองร้องทุกข์ที่ว่าการ” ก่อนที่หลัวซื่อจะพูดต่อ เสียงราบ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status