“พระชายามองข้าอย่างหิวกระหายเช่นนี้ ด้วยความเข้าใจที่ข้ามีต่อพระชายาในบางแง่มุม ข้าจะเข้าใจผิดเอาได้”ตงฟางจิ่งกล่าวอย่างมีนัยดวงตาเฟิ่งเชียนอวี่เป็นประกาย “ท่านอ๋อง เหมือนเมื่อครู่หลิวซูบอกว่าจวนอ๋องมีเรือนหลายหลัง?”ตงฟางจิ่งเข้าใจจุดประสงค์ของนางทันที เขาเลิกคิ้ว “ใช่แล้วอย่างไร?”“ข้าขอ…”“ไม่ได้”นางกล่าวยังไม่ทันจบ ก็ถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยแล้วเฟิ่งเชียนอวี่ไม่พอใจ “ข้าพูดยังไม่ทันจบเลยนะ”“ต่างกันตรงไหน? อย่างไรเจ้าพูดอะไรข้าก็ไม่อนุญาต” ตงฟางจิ่งกล่าวอย่างช้าๆเฟิ่งเชียนอวี่ “...”พู่…ไม่จำเป็นต้องโกรธ นิสัยสุนัขของหมอนี่ เจ้าไม่ได้เพิ่งเจอวันแรกเสียหน่อยจู่ๆ เฟิ่งเชียนอวี่ก็เริ่มคิดถึงระบบกฎหมายแต่งงานของยุคปัจจุบัน อย่างเช่นสามีภรรยามีส่วนร่วมในทรัพย์ร่วมกันนางยิ้มอีกครั้ง “ขอแค่ท่านอ๋องยอมเช่าเรือนให้ข้าหนึ่งหลัง ค่าเช่าของทุกปีสามารถตกลงกันได้ ท่านอ๋องไม่ขาดทุนแน่นอน”“น่าเสียดาย ข้าไม่ได้ขาดสนเงินทอง”เฟิ่งเชียนอวี่กล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ของอย่างเงิน ต่อให้ไม่ขาดสน ก็ไม่มีใครกลัวมีเยอะไม่ใช่หรือ ได้หนึ่งก้อนก็เอาหนึ่งก้อน หรือไม่ท่านอ๋องลองพิจารณาดู?”ตงฟา
“เจ้าคิดว่านักพรตชายคนหนึ่ง มีสาวใช้ของพระชายาปรนนิบัติข้างกาย มันเหมาะสมหรือ?”เฟิ่งเชียนอวี่ “...”หลังจากนั้นสองวันเฟิ่งเชียนอวี่เปลี่ยนชุดอีกครั้ง ขึ้นรถม้าของจวนอ๋องที่จอดอยู่ข้างนอกด้วยภาพลักษณ์ของนักพรตเฟิ่ง ไปที่จวนตระกูลหงโดยตรงนอกจวนตระกูลหง อวิ๋นจิ่นเซ่อได้มารออยู่นอกประตูแล้วรถม้าค่อยๆ จอดลง เฟิ่งเชียนอวี่เดินลงมา พลันอวิ๋นจิ่นเซ่อตาเป็นประกาย รีบเดินเข้าไปทันที “ท่านก็คือนักพรตเฟิ่งกระมัง”เฟิ่งเชียนอวี่กระแอมทีหนึ่ง พยักหน้าเบาๆ “ข้าเอง พระชายาอ๋องหกได้เล่าเรื่องราวให้ข้าฟังแล้ว คุณหนูอวิ๋นนำทางก็พอ”อวิ๋นจิ่นเซ่อพอใจในความตรงไปตรงมาของนางมาก เดิมทีเรียกเขามาก็เพื่อรักษาโรคอยู่แล้ว“ท่านนักพรตตามข้ามา”ทั้งสองคนหนึ่งหน้า คนหนึ่งหลังเดินเข้าไปในเรือนของจวนตระกูลหง เว่ยเซิงกับเว่ยชิวเดินตามโดยไม่ละสายตาอวิ๋นจิ่นเซ่อพานางเข้าไปในเรือนของฮูหยินหงโดยตรง “ท่านอาหญิง ท่านนักพรตมาแล้ว”เฟิ่งเชียนอวี่กวาดมองเรือนหลังนี้เงียบๆ แอบให้คะแนนในใจ อืม เรือนไม่เลว ค่อนข้างโอ่อ่า แต่ก็ยังไม่ประณีตงดงาม และรื่นรมย์เหมือนเรือนชิงหลางของตัวเองมีสาวใช้เล็กใหญ่ยืนอยู่ข้างนอกไม
อวิ๋นจิ่นเซ่อรีบมองไป “นักพรตเฟิ่ง ไม่ทราบว่าต้องเตรียมตัวอย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่สะบัดแส้ “ข้ามีคำขอแค่เรื่องเดียว”“ท่านนักพรตเชิญพูด” ฮูหยินหงรีบกล่าว“กฎในการรักษาของข้าคือ ห้องที่สะอาดและเงียบหนึ่งห้อง ระหว่างการรักษา ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้า จนกระทั่งข้าออกมา”อวิ๋นจิ่นเซ่อตอบตกลงทันที “ไม่มีปัญหา”ทว่ามีเสียงอีกสายหนึ่งดังขึ้น“ไม่ได้เจ้าค่ะ”คนที่เอ่ยปากพูดคือหมอมอคนหนึ่งที่คอยรับใช้ข้างกายฮูหยินหงหมอมออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “นักพรตท่านนี้ ต้องขออภัยที่ล่วงเกิน แต่กฎนี่ สามารถแก้หรือไม่”“ให้บ่าว หรือคนรับใช้คนไหนก็ได้ดูอยู่ข้างๆ ท่านดูว่าได้หรือไม่ ต่อให้ใช้ฉากบังลมกั้นเอาไว้ก็ยังดี”เฟิ่งเชียนอวี่มองบนในใจ พลางส่ายศีรษะหมอมอกังวลแล้ว “เช่น เช่นนั้นทำอย่างไรดี ขออภัยที่บ่าวพูดมาก ท่านนักพรตเป็นชายนอกจวน ฮูหยินเป็นหญิงในจวน”“นี่ นี่หากอยู่ด้วยกันในห้อง และยังปิดประตู มัน มันไม่เหมาะสม”เฟิ่งเชียนอวี่ “...”นางมองตาค้างฮูหยินหงก็เริ่มลังเลแล้วที่จริงด้วยความคิดของคนยุคโบราณ สิ่งที่หมอมอท่านนี้กังวล มันเป็นเรื่องปกติเพราะชั่วขณะ เฟิ่งเชียนอวี่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอ
เถ้าแก่ดูโครงสร้างของกล่องอย่างละเอียดแล้วกล่าว “สองวันก็ทำเสร็จแล้วขอรับ”“ได้ เช่นนั้นอีกสองวัน ข้าให้คนมาเอา”เฟิ่งเชียนอวี่จ่ายเงินมัดจำ ยื่นใบรับเงินให้เหลิ่งหนิง ให้นางมาเอาในอีกสองวัน ก็พาคนจากไปแล้ว“พระชายา พวกเราจะกลับจนอ๋องหรือ?” หลิวซูกล่าวถามนางโบกมือ ตอนนี้ยังไม่เที่ยงเลย ออกมาทั้งที จะรีบกลับไปเร็วเช่นนี้ทำไม?“ข้าเอาเรือนพักของตงฟางจิ่งมาหนึ่งหลังไม่ใช่หรือ ไป พวกเราไปดูกัน”อย่างไรมันก็เป็นที่ของตัวเองแล้ว นางก็ควรจะไปลงพื้นที่ตรวจดูเสียหน่อยหลิวซูกับเหลิ่งหนิงย่อมไม่คัดค้าน ไปที่ไหนก็ย่อมดีกว่าไปสถานที่อย่างหอนางโลมเรือนที่เฟิ่งเชียนอวี่ได้มาจากตงฟางจิ่งอยู่เขตชานเมือง รถม้าแล่นประมาณครึ่งชั่วยามจึงถึงแม้เป็นเขตชานเมือง แต่ก็อยู่ในเขตของเมืองหลวง ต่อให้เรือนอยู่บนไหล่เขา ถนนบนภูเขาก็มีการสร้างบันไดและถนนสำหรับรถม้าแล่น ถนนหนทางจึงค่อนข้างสะดวกเฟิ่งเชียนอวี่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าประตูเรือน มองดูตัวอักษรสามคำที่พลิ้วไหวแต่ซับซ้อนผิดปกติบนแผ่นป้าย นางเบะปาก“นี่ชื่ออะไร?”หลิวซูกล่าว “พระชายา เรือนแห่งนี้มีชื่อว่าเรือนหมีเซิ่ง ชื่อนี้ตั้งมาจากท่อนหนึ่งของหน
เฟิ่งเชียนอวี่เข้าใจแล้ว มองดูที่ดินมากมายเช่นนี้ รู้สึกดีใจมาก ของเหล่านี้ล้วนเป็นของนาง“ในคฤหาสน์มีช่างปลูกดอกไม้หรือไม่?”“เรียนพระชายา มีช่างปลูกดอกไม้หนึ่งคน แต่อายุเยอะมากแล้ว ดังนั้น…” หม่าลิ่วกล่าวอย่างลำบากใจเล็กน้อย“เช่นนั้นก็ช่างเถอะ” นางโบกมือเฟิ่งเชียนอวี่มองหม่าลิ่ว “ข้าจะเปิดร้านค้า ต้องการผงดอกไม้ที่ต่างๆ จำนวนมาก ที่ดินพวกนี้ นำมาใช้ปลูกดอกไม้”พลันหม่าลิ่วตะลึงงัน “พระชายา ใช้ปลูกดอกไม้ทั้งหมดเลยหรือ?”“ตอนนี้ยังก่อน”เฟิ่งเชียนอวี่ลองคำนวณ นางตัดสินใจปลูกดอกไม้ที่แพร่หลายในทุกฤดู และมีกลิ่นหอมก่อน รวมๆ ประมาณยี่สิบกว่าชนิดแต่ละชนิดปลูกสิบหมู่ รวมกันก็ไม่ถึงสามร้อยหมู่ นอกจากนี้ ไม้ดอกที่สวยงามอย่างดอกท้อ ดอกบ๊วย ดอกหอมหมื่นลี้และอื่นๆ ก็ปลูกเป็นแปลงๆ ไปเลย ให้มันกลายเป็นป่าท้อ ป่าบ๊วย ป่าหอมหมื่นลี้ ป่าสาลี่และอื่นๆทิวทัศน์นั่น ถึงเวลาต้องสวยงามมากแน่นอน อีกทั้งดอกท้อยังสามารถออกลูกด้วยไม้ดอกเช่นนี้ปลูกบนภูเขาสองลูกที่อยู่ด้านหลัง ถึงเวลาต้องสวยงามมากแน่นอนส่วนที่ดินที่เหลือก็ปล่อยวางไว้ชั่วคราว ดูตามสถานการณ์การขายของร้านค้า ค่อยดำเนินการขยายใหญ่
เฟิ่งเชียนอวี่สอบถามสถานการณ์คร่าวๆ ของคนเหล่านี้ นางตัดคนที่มือเท้าไม่สะอาด ถูกเจ้าของบ้านขายแลกเงินเพราะขโมยออก ยังเหลือสามสิบสองคน นางเอาทั้งหมดในคราวเดียวในมือเฟิ่งเชียนอวี่มีสัญญาทาสเพิ่มขึ้นสามสิบสองใบ จากนั้นก็พาสาวใช้ทั้งสองคน พาช่างปลูกดอกไม้ทั้งสามสิบสองคนกลับไปที่คฤหาสน์อย่างเอิกเกริกอีกครั้งนางมอบช่างดอกไม้ทั้งหมดให้หม่าลิ่วดูแล และได้มอบเงินหนึ่งก้อน ให้เขาซื้อเมล็ดพันธุ์กับต้นกล้าดอกไม้อย่างเต็มที่เมล็ดพันธุ์และต้นกล้ามีราคาถูกมากเฟิ่งเชียนอวี่ได้พบกับทุกคนในเรือนและดูสมุดบัญชีของคฤหาสน์ครู่หนึ่งทั้งคฤหาสน์มีทั้งชายและหญิง และมีหญิงรับใช้ทำงานหยาบหม่าลิ่วเป็นผู้ดูแล รับผิดชอบคนรับใช้ชาย ส่วนเมียของหม่าลิ่วรับผิดชอบคนรับใช้หญิง เรื่องนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเฟิ่งเชียนอวี่แบ่งหน้าที่ให้ทุกคนใหม่ นอกจากนี้เงินเดือนก็กำหนดใหม่ รวมถึงวันทำงาน มีวันหยุดอาทิตย์ละหนึ่งวัน สามารถเปลี่ยนกะได้และอื่นๆ นางพูดทั้งหมด มอบให้หม่าลิ่วไปดำเนินการหลังจากทำทั้งหมดนี้เสร็จ เฟิ่งเชียนอวี่แบ่งประเภทดอกไม้และแปลงดอกไม้ที่ช่างปลูกดอกไม้ต้องรับผิดชอบครู่หนึ่ง ก็จากไปอีกครั้งหลัง
กลิ่นตัวเกิดจากใต้รักแร้ของมนุษย์หลั่งเหงื่อออกมาค่อนข้างมาก และถูกย่อยสลายโดยแบคทีเรียอย่างรวดเร็ว จึงก่อให้เกิดกลิ่นเหม็นเพียงแค่ตัดต่อมเหงื่อบางส่วนที่ทำงานดีออก ก็สามารถแก้ปัญหานี้จากต้นต่อ ในชีวิตประจำวัน แค่ต้องรักษาความสะอาดของรักแร้ใบหน้าเฟิ่งเชียนอวี่เต็มไปด้วยความเข้มงวด อันดับแรกใช้มีดผ่าตัดเปิดปากแผลเล็กๆ ใต้รักแร้ของนาง ทำการลอกผิวหนังตรงปากแผลออกอย่างช้าๆจากนั้นนางตัดเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังและต่อมเหงื่อออกทีละนิดมือทั้งสองข้างต้องทำการผ่าตัดที่เหมือนกันเวลาค่อยๆ ล่วงเลยไปทีละน้อยนอกฉากบังลม อวิ๋นจิ่นเซ่อและคนอื่นรออย่างประหม่ามีหลายครั้งที่อวิ๋นจิ่นเซ่ออยากชะเง้อศีรษะดู แต่ก็อดกลั้นเอาไว้ แม้นางเป็นคนใจร้อน แต่ก็รู้จักแยกแยะหนักเบาหลังจากนั้นหนึ่งชั่วยาม เฟิ่งเชียนอวี่ทำการเย็บแผลและฆ่าเชื้อใต้รักแร้ฮูหยินหงให้เรียบร้อย ทายาบางอย่างลงบนผ้าพันแผล แล้วพันใต้รักแร้นาง นี่จึงจะถอนหายใจยาวทีหนึ่งเฟิ่งเชียนอวี่นำเสื้อกาวน์ ถุงมือ และสิ่งของอื่นๆ ใส่เข้าไปในถุงที่หยิบออกมาต่างหาก จากนั้นหยิบถุงออกมาอีกหนึ่งใบ ใส่เนื้อเยื่อและต่อมเหงื่อเหล่านี้รวมกันสุดท้ายก็เก็บ
นางสามารถอดทนมาจนถึงวันนี้ มันไม่ง่ายเลยจริงๆ“ท่านอาหญิง ท่านพูดเหลวไหลอะไร ต่อไปห้ามคิดเช่นนี้อีกนะ”“ใช่แล้วฮูหยิน นี่ก็หายป่วยแล้ว วันดีๆ ของท่านยังรออยู่ข้างหลังเจ้าค่ะ”ฮูหยินหงพยักหน้าแรงๆ ทั้งร้องไห้ทั้งยิ้มเฟิ่งเชียนอวี่ก็ถอนหายใจอย่างซาบซึ้งเช่นกัน“ท่านนักพรตเฟิ่ง ข้าได้เตรียมค่าตอบแทนไว้แล้ว ข้า…”นางยกมือขัดคำพูดของฮูหยินหง “อีกเจ็ดวันข้าจะมาอีก เพื่อดูอาการของฮูหยิน และยังต้องตัดไหม ค่อยให้ค่าตอบแทนตอนนั้นก็ยังไม่สาย…”ฮูหยินหงแสดงความขอบคุณอีกครั้ง เฟิ่งเชียนอวี่พาเว่ยเซิงกับเว่ยชิวไปจากจวนหงหลังจากนั้นสองวัน อวิ๋นจิ่นเซ่อไปหาเฟิ่งเชียนอวี่ที่จวนอ๋องหก เชิญนางไปร้านอาหารที่ดีที่สุดในเมืองหลวง และสั่งอาหารที่แพงที่สุดมาหนึ่งโต๊ะ ลงทุนครั้งใหญ่เมืองหลวงกลับมาคึกคักอีกครั้ง เพราะอีกครึ่งเดือน ก็จะถึงเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างประเพณีของเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างต้องกินบ๊ะจ่าง พกถุงหอม ข้างในถุงหอมใส่ลูกชาด หรดาลแดง สุราหอมและอื่นๆ ห่อด้วยผ้าไหม ดมแล้วกลิ่นหอมสดชื่นโดยปากถูกมัดด้วยเชือกห้าสีที่ถักเองหญิงสาวยังสามารถมอบของสิ่งนี้ให้กัน เพื่อแสดงความรู้สึกที่มีต่อผู้ชายที่ชอบ