“เจ้าคิดว่านักพรตชายคนหนึ่ง มีสาวใช้ของพระชายาปรนนิบัติข้างกาย มันเหมาะสมหรือ?”เฟิ่งเชียนอวี่ “...”หลังจากนั้นสองวันเฟิ่งเชียนอวี่เปลี่ยนชุดอีกครั้ง ขึ้นรถม้าของจวนอ๋องที่จอดอยู่ข้างนอกด้วยภาพลักษณ์ของนักพรตเฟิ่ง ไปที่จวนตระกูลหงโดยตรงนอกจวนตระกูลหง อวิ๋นจิ่นเซ่อได้มารออยู่นอกประตูแล้วรถม้าค่อยๆ จอดลง เฟิ่งเชียนอวี่เดินลงมา พลันอวิ๋นจิ่นเซ่อตาเป็นประกาย รีบเดินเข้าไปทันที “ท่านก็คือนักพรตเฟิ่งกระมัง”เฟิ่งเชียนอวี่กระแอมทีหนึ่ง พยักหน้าเบาๆ “ข้าเอง พระชายาอ๋องหกได้เล่าเรื่องราวให้ข้าฟังแล้ว คุณหนูอวิ๋นนำทางก็พอ”อวิ๋นจิ่นเซ่อพอใจในความตรงไปตรงมาของนางมาก เดิมทีเรียกเขามาก็เพื่อรักษาโรคอยู่แล้ว“ท่านนักพรตตามข้ามา”ทั้งสองคนหนึ่งหน้า คนหนึ่งหลังเดินเข้าไปในเรือนของจวนตระกูลหง เว่ยเซิงกับเว่ยชิวเดินตามโดยไม่ละสายตาอวิ๋นจิ่นเซ่อพานางเข้าไปในเรือนของฮูหยินหงโดยตรง “ท่านอาหญิง ท่านนักพรตมาแล้ว”เฟิ่งเชียนอวี่กวาดมองเรือนหลังนี้เงียบๆ แอบให้คะแนนในใจ อืม เรือนไม่เลว ค่อนข้างโอ่อ่า แต่ก็ยังไม่ประณีตงดงาม และรื่นรมย์เหมือนเรือนชิงหลางของตัวเองมีสาวใช้เล็กใหญ่ยืนอยู่ข้างนอกไม
อวิ๋นจิ่นเซ่อรีบมองไป “นักพรตเฟิ่ง ไม่ทราบว่าต้องเตรียมตัวอย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่สะบัดแส้ “ข้ามีคำขอแค่เรื่องเดียว”“ท่านนักพรตเชิญพูด” ฮูหยินหงรีบกล่าว“กฎในการรักษาของข้าคือ ห้องที่สะอาดและเงียบหนึ่งห้อง ระหว่างการรักษา ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้า จนกระทั่งข้าออกมา”อวิ๋นจิ่นเซ่อตอบตกลงทันที “ไม่มีปัญหา”ทว่ามีเสียงอีกสายหนึ่งดังขึ้น“ไม่ได้เจ้าค่ะ”คนที่เอ่ยปากพูดคือหมอมอคนหนึ่งที่คอยรับใช้ข้างกายฮูหยินหงหมอมออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “นักพรตท่านนี้ ต้องขออภัยที่ล่วงเกิน แต่กฎนี่ สามารถแก้หรือไม่”“ให้บ่าว หรือคนรับใช้คนไหนก็ได้ดูอยู่ข้างๆ ท่านดูว่าได้หรือไม่ ต่อให้ใช้ฉากบังลมกั้นเอาไว้ก็ยังดี”เฟิ่งเชียนอวี่มองบนในใจ พลางส่ายศีรษะหมอมอกังวลแล้ว “เช่น เช่นนั้นทำอย่างไรดี ขออภัยที่บ่าวพูดมาก ท่านนักพรตเป็นชายนอกจวน ฮูหยินเป็นหญิงในจวน”“นี่ นี่หากอยู่ด้วยกันในห้อง และยังปิดประตู มัน มันไม่เหมาะสม”เฟิ่งเชียนอวี่ “...”นางมองตาค้างฮูหยินหงก็เริ่มลังเลแล้วที่จริงด้วยความคิดของคนยุคโบราณ สิ่งที่หมอมอท่านนี้กังวล มันเป็นเรื่องปกติเพราะชั่วขณะ เฟิ่งเชียนอวี่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอ
เถ้าแก่ดูโครงสร้างของกล่องอย่างละเอียดแล้วกล่าว “สองวันก็ทำเสร็จแล้วขอรับ”“ได้ เช่นนั้นอีกสองวัน ข้าให้คนมาเอา”เฟิ่งเชียนอวี่จ่ายเงินมัดจำ ยื่นใบรับเงินให้เหลิ่งหนิง ให้นางมาเอาในอีกสองวัน ก็พาคนจากไปแล้ว“พระชายา พวกเราจะกลับจนอ๋องหรือ?” หลิวซูกล่าวถามนางโบกมือ ตอนนี้ยังไม่เที่ยงเลย ออกมาทั้งที จะรีบกลับไปเร็วเช่นนี้ทำไม?“ข้าเอาเรือนพักของตงฟางจิ่งมาหนึ่งหลังไม่ใช่หรือ ไป พวกเราไปดูกัน”อย่างไรมันก็เป็นที่ของตัวเองแล้ว นางก็ควรจะไปลงพื้นที่ตรวจดูเสียหน่อยหลิวซูกับเหลิ่งหนิงย่อมไม่คัดค้าน ไปที่ไหนก็ย่อมดีกว่าไปสถานที่อย่างหอนางโลมเรือนที่เฟิ่งเชียนอวี่ได้มาจากตงฟางจิ่งอยู่เขตชานเมือง รถม้าแล่นประมาณครึ่งชั่วยามจึงถึงแม้เป็นเขตชานเมือง แต่ก็อยู่ในเขตของเมืองหลวง ต่อให้เรือนอยู่บนไหล่เขา ถนนบนภูเขาก็มีการสร้างบันไดและถนนสำหรับรถม้าแล่น ถนนหนทางจึงค่อนข้างสะดวกเฟิ่งเชียนอวี่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าประตูเรือน มองดูตัวอักษรสามคำที่พลิ้วไหวแต่ซับซ้อนผิดปกติบนแผ่นป้าย นางเบะปาก“นี่ชื่ออะไร?”หลิวซูกล่าว “พระชายา เรือนแห่งนี้มีชื่อว่าเรือนหมีเซิ่ง ชื่อนี้ตั้งมาจากท่อนหนึ่งของหน
เฟิ่งเชียนอวี่เข้าใจแล้ว มองดูที่ดินมากมายเช่นนี้ รู้สึกดีใจมาก ของเหล่านี้ล้วนเป็นของนาง“ในคฤหาสน์มีช่างปลูกดอกไม้หรือไม่?”“เรียนพระชายา มีช่างปลูกดอกไม้หนึ่งคน แต่อายุเยอะมากแล้ว ดังนั้น…” หม่าลิ่วกล่าวอย่างลำบากใจเล็กน้อย“เช่นนั้นก็ช่างเถอะ” นางโบกมือเฟิ่งเชียนอวี่มองหม่าลิ่ว “ข้าจะเปิดร้านค้า ต้องการผงดอกไม้ที่ต่างๆ จำนวนมาก ที่ดินพวกนี้ นำมาใช้ปลูกดอกไม้”พลันหม่าลิ่วตะลึงงัน “พระชายา ใช้ปลูกดอกไม้ทั้งหมดเลยหรือ?”“ตอนนี้ยังก่อน”เฟิ่งเชียนอวี่ลองคำนวณ นางตัดสินใจปลูกดอกไม้ที่แพร่หลายในทุกฤดู และมีกลิ่นหอมก่อน รวมๆ ประมาณยี่สิบกว่าชนิดแต่ละชนิดปลูกสิบหมู่ รวมกันก็ไม่ถึงสามร้อยหมู่ นอกจากนี้ ไม้ดอกที่สวยงามอย่างดอกท้อ ดอกบ๊วย ดอกหอมหมื่นลี้และอื่นๆ ก็ปลูกเป็นแปลงๆ ไปเลย ให้มันกลายเป็นป่าท้อ ป่าบ๊วย ป่าหอมหมื่นลี้ ป่าสาลี่และอื่นๆทิวทัศน์นั่น ถึงเวลาต้องสวยงามมากแน่นอน อีกทั้งดอกท้อยังสามารถออกลูกด้วยไม้ดอกเช่นนี้ปลูกบนภูเขาสองลูกที่อยู่ด้านหลัง ถึงเวลาต้องสวยงามมากแน่นอนส่วนที่ดินที่เหลือก็ปล่อยวางไว้ชั่วคราว ดูตามสถานการณ์การขายของร้านค้า ค่อยดำเนินการขยายใหญ่
เฟิ่งเชียนอวี่สอบถามสถานการณ์คร่าวๆ ของคนเหล่านี้ นางตัดคนที่มือเท้าไม่สะอาด ถูกเจ้าของบ้านขายแลกเงินเพราะขโมยออก ยังเหลือสามสิบสองคน นางเอาทั้งหมดในคราวเดียวในมือเฟิ่งเชียนอวี่มีสัญญาทาสเพิ่มขึ้นสามสิบสองใบ จากนั้นก็พาสาวใช้ทั้งสองคน พาช่างปลูกดอกไม้ทั้งสามสิบสองคนกลับไปที่คฤหาสน์อย่างเอิกเกริกอีกครั้งนางมอบช่างดอกไม้ทั้งหมดให้หม่าลิ่วดูแล และได้มอบเงินหนึ่งก้อน ให้เขาซื้อเมล็ดพันธุ์กับต้นกล้าดอกไม้อย่างเต็มที่เมล็ดพันธุ์และต้นกล้ามีราคาถูกมากเฟิ่งเชียนอวี่ได้พบกับทุกคนในเรือนและดูสมุดบัญชีของคฤหาสน์ครู่หนึ่งทั้งคฤหาสน์มีทั้งชายและหญิง และมีหญิงรับใช้ทำงานหยาบหม่าลิ่วเป็นผู้ดูแล รับผิดชอบคนรับใช้ชาย ส่วนเมียของหม่าลิ่วรับผิดชอบคนรับใช้หญิง เรื่องนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเฟิ่งเชียนอวี่แบ่งหน้าที่ให้ทุกคนใหม่ นอกจากนี้เงินเดือนก็กำหนดใหม่ รวมถึงวันทำงาน มีวันหยุดอาทิตย์ละหนึ่งวัน สามารถเปลี่ยนกะได้และอื่นๆ นางพูดทั้งหมด มอบให้หม่าลิ่วไปดำเนินการหลังจากทำทั้งหมดนี้เสร็จ เฟิ่งเชียนอวี่แบ่งประเภทดอกไม้และแปลงดอกไม้ที่ช่างปลูกดอกไม้ต้องรับผิดชอบครู่หนึ่ง ก็จากไปอีกครั้งหลัง
กลิ่นตัวเกิดจากใต้รักแร้ของมนุษย์หลั่งเหงื่อออกมาค่อนข้างมาก และถูกย่อยสลายโดยแบคทีเรียอย่างรวดเร็ว จึงก่อให้เกิดกลิ่นเหม็นเพียงแค่ตัดต่อมเหงื่อบางส่วนที่ทำงานดีออก ก็สามารถแก้ปัญหานี้จากต้นต่อ ในชีวิตประจำวัน แค่ต้องรักษาความสะอาดของรักแร้ใบหน้าเฟิ่งเชียนอวี่เต็มไปด้วยความเข้มงวด อันดับแรกใช้มีดผ่าตัดเปิดปากแผลเล็กๆ ใต้รักแร้ของนาง ทำการลอกผิวหนังตรงปากแผลออกอย่างช้าๆจากนั้นนางตัดเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังและต่อมเหงื่อออกทีละนิดมือทั้งสองข้างต้องทำการผ่าตัดที่เหมือนกันเวลาค่อยๆ ล่วงเลยไปทีละน้อยนอกฉากบังลม อวิ๋นจิ่นเซ่อและคนอื่นรออย่างประหม่ามีหลายครั้งที่อวิ๋นจิ่นเซ่ออยากชะเง้อศีรษะดู แต่ก็อดกลั้นเอาไว้ แม้นางเป็นคนใจร้อน แต่ก็รู้จักแยกแยะหนักเบาหลังจากนั้นหนึ่งชั่วยาม เฟิ่งเชียนอวี่ทำการเย็บแผลและฆ่าเชื้อใต้รักแร้ฮูหยินหงให้เรียบร้อย ทายาบางอย่างลงบนผ้าพันแผล แล้วพันใต้รักแร้นาง นี่จึงจะถอนหายใจยาวทีหนึ่งเฟิ่งเชียนอวี่นำเสื้อกาวน์ ถุงมือ และสิ่งของอื่นๆ ใส่เข้าไปในถุงที่หยิบออกมาต่างหาก จากนั้นหยิบถุงออกมาอีกหนึ่งใบ ใส่เนื้อเยื่อและต่อมเหงื่อเหล่านี้รวมกันสุดท้ายก็เก็บ
นางสามารถอดทนมาจนถึงวันนี้ มันไม่ง่ายเลยจริงๆ“ท่านอาหญิง ท่านพูดเหลวไหลอะไร ต่อไปห้ามคิดเช่นนี้อีกนะ”“ใช่แล้วฮูหยิน นี่ก็หายป่วยแล้ว วันดีๆ ของท่านยังรออยู่ข้างหลังเจ้าค่ะ”ฮูหยินหงพยักหน้าแรงๆ ทั้งร้องไห้ทั้งยิ้มเฟิ่งเชียนอวี่ก็ถอนหายใจอย่างซาบซึ้งเช่นกัน“ท่านนักพรตเฟิ่ง ข้าได้เตรียมค่าตอบแทนไว้แล้ว ข้า…”นางยกมือขัดคำพูดของฮูหยินหง “อีกเจ็ดวันข้าจะมาอีก เพื่อดูอาการของฮูหยิน และยังต้องตัดไหม ค่อยให้ค่าตอบแทนตอนนั้นก็ยังไม่สาย…”ฮูหยินหงแสดงความขอบคุณอีกครั้ง เฟิ่งเชียนอวี่พาเว่ยเซิงกับเว่ยชิวไปจากจวนหงหลังจากนั้นสองวัน อวิ๋นจิ่นเซ่อไปหาเฟิ่งเชียนอวี่ที่จวนอ๋องหก เชิญนางไปร้านอาหารที่ดีที่สุดในเมืองหลวง และสั่งอาหารที่แพงที่สุดมาหนึ่งโต๊ะ ลงทุนครั้งใหญ่เมืองหลวงกลับมาคึกคักอีกครั้ง เพราะอีกครึ่งเดือน ก็จะถึงเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างประเพณีของเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างต้องกินบ๊ะจ่าง พกถุงหอม ข้างในถุงหอมใส่ลูกชาด หรดาลแดง สุราหอมและอื่นๆ ห่อด้วยผ้าไหม ดมแล้วกลิ่นหอมสดชื่นโดยปากถูกมัดด้วยเชือกห้าสีที่ถักเองหญิงสาวยังสามารถมอบของสิ่งนี้ให้กัน เพื่อแสดงความรู้สึกที่มีต่อผู้ชายที่ชอบ
เฟิ่งเชียนอวี่ค่อยๆ เผยให้เห็นรอยยิ้ม “ข้ารู้สึกว่ามันก็เหมาะสมนะ”“ต่อให้กระเด็นออกมา นั่นก็เป็นของที่ข้ากินเอง ข้าไม่รังเกียจเสียหน่อย ส่วนจะทำให้คนอื่นรังเกียจหรือไม่…”เกี่ยวอะไรกับข้าแม้ไม่ได้พูดคำพูดประโยคหลังออกมา แต่การแสดงออกของเฟิ่งเชียนอวี่เผยออกมาแล้วตงฟางจิ่ง “...”ขมับของเขาเต้นตุบๆ เอามือก่ายหน้าผาก ถอนหายใจ ตัดสินใจข้ามหัวข้อสนทนาที่ทำให้เขาปวดหัวนี้“อีกไม่กี่วันก็เป็นวันขอพรของราชวงศ์ ถึงเวลานั้น ฮองเฮาจะพาสมาชิกผู้หญิงของครอบครัวขุนนางทั้งหมดปีนบันไดพันคน จุดธูปขอพรที่วัดหลงถาน”เฟิ่งเชียนอวี่กะพริบตาปริบๆ “ดังนั้นล่ะ?”“ดังนั้น ด้วยสถานะของเจ้า ก็รวมอยู่ในนั้นด้วย ถึงตอนนั้นอย่าลืมวันและเวลาเสียล่ะ”นางกระแอมทีหนึ่ง “คือว่า ช่วงนี้ข้า…”ตงฟางจิ่งขัดคำพูดของนางโดยตรง “นอกจากเจ้าป่วยจนใกล้จะตายแล้ว ไม่เช่นนั้น ต่อให้คลานก็ต้องคลานไป”พลันนางชะงัก หน้าบึ้งทันที “ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าอยากพูดอะไร?”“เหอะ”พลันตงฟางจิ่งหัวเราะอย่างเย็นชา มองนางด้วยสายตาที่เจ้ารู้อยู่แก่ใจเฟิ่งเชียนอวี่ “...”นางเบะปากอย่างไม่สบอารมณ์ “ขอพรอะไรนั่น ทำอะไรบ้าง?”ตงฟางจิ
“ฮือ ฮือ...”ตงฟางหล่างหน้าซีดด้วยความหวาดผวา พร้อมส่ายหน้าอย่างแรง ไม่ใช่นะเสด็จพ่อ ไม่ได้เป็นเช่นนั้นทว่าฮ่องเต้เทียนหยวนกลับเชื่อไปเจ็ดแปดส่วนแล้วเพราะมือสังหารพูดอย่างมีเหตุมีผล หากตงฟางจิ่งลอบสังหารเขาจริง เหตุผลล่ะ?ตงฟางจิ่งร่างกายไม่แข็งแรงตั้งแต่เด็ก น้อยมากที่จะออกจากจวนอ๋อง ไม่มีเหตุผลในการลอบปลงพระชนม์แม้แต่น้อย เพราะต่อให้ทำสำเร็จ แล้วเขาจะทำอะไรได้?ทว่ารัชทายาทไม่เหมือนกันหากฮ่องเต้เทียนหยวนตาย รัชทายาทจะเป็นฮ่องเต้ตงเยว่คนต่อไป ถือเป็นผลประโยชน์มหาศาลสำหรับเขา จึงค่อนข้างเข้าใจได้ ฮ่องเต้เทียนหยวนเป็นฮ่องเต้ที่เห็นแก่ตัวและรักอำนาจ คำพูดของมือสังหารแต่ละคำกระแทกเข้าไปในใจเขา ราวกับรุกล้ำขีดจำกัดของเขา ทำให้เขาโกรธจนถึงขีดสุด“ทหาร มาลากตัวมือสังหารผู้นี้ลงไปประหารซะ”“ยังมีรัชทายาท คนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เนรคุณอกตัญญู ช่างน่าโมโหยิ่งนัก มาลากตัวไปรอรับโทษที่คุกหลวง”ฮ่องเต้เทียนหยวนโมโหมาก หลังจากสั่งเสร็จจึงจากไปทันทีเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั้ว ตงฟางจิ่งถูกปล่อยออกจากวังอย่างปลอดภัย ส่วนรัชทายาทถูกนำไปคุมขังที่คุกหลวงรัชทายาทคงไม่นึกไม่ฝัน เมื
“รัชทายาท...”น้ำเสียงเย็นเยือกของฮ่องเต้เทียนหยวนทำให้ใจของตงฟางหล่างบีบรัด“เสด็จพ่อ ลูกถูกปรักปรำพ่ะย่ะค่ะ ไม่รู้ว่ามือสังหารผู้นี้ได้รับคำสั่งจากใคร ถึงได้ใส่ความลูกเช่นนี้”“ก่อนหน้านี้เขาซัดทอดน้องหกก่อน ตอนนี้ซัดทอดลูก เห็นได้ชัดว่ามีเงื่อนงำ ความภักดีที่ลูกมีต่อเสด็จพ่อ ฟ้าดินเป็นพยานได้ ไม่กล้าลบหลู่พระองค์แม้แต่น้อย”“เสด็จพ่อ นี่เป็นแผนการ ขอจงทรงตรวจสอบด้วยพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าฮ่องเต้เทียนหยวนบรรยายไม่ถูก แต่ไม่ดีแน่นอน สายตาของพระองค์หันมองตงฟางจิ่ง“เจ้าหก เรื่องนี้เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”ตงฟางจิ่งเอ่ยเสียงเรียบ “ลูกไม่มีความเห็น มีเพียงประโยคเดียวเท่านั้น ลูกเป็นผู้บริสุทธิ์พ่ะย่ะค่ะ”ตงฟางหล่างกัดฟันกรอด แล้วถลึงตาใส่เขา เจ้าบริสุทธิ์หรือ? ดังนั้นคนที่มีปัญหาคือเขางั้นหรือ?เขาอดแค่นหัวเราะไม่ได้ “น้องหกพูดอย่างไม่เดือดร้อน ครั้งที่แล้วมือสังหารซัดทอดเจ้า คราวนี้กลับเปลี่ยนคำให้การกะทันหัน ช่างบังเอิญเสียจริง”ตงฟางจิ่งส่ายหน้าเชื่องช้า “มือสังหารชี้แจงสาเหตุแล้วไม่ใช่หรือ”“ท่านสังหารน้องสาวเพียงคนเดียวของเขา คนเป็นพี่ชายอย่างเขาไม่ยินดีถวายชีวิตให้ท่านอีกแล้ว เรื่
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่ารัชทายาทสั่งการเจ้าหรือ?”“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่กล้าโป้ปด ทุกอย่างเป็นคำสั่งขององค์รัชทายาท”ตงฟางหล่างที่อยู่อีกด้านกำหมัดแน่น มองดูมือสังหารด้วยแววตาอำมหิต แทบอยากจะเข้าไปแทงอีกฝ่ายให้ตายคามือเขากล้าได้อย่างไร...“ฮึ เจ้านึกว่าเราจะเชื่อเจ้าหรือ?”“ครั้งที่แล้วเจ้าซัดทอดอ๋องหก ครั้งนี้ซัดทอดรัชทายาท เจ้ากำลังปั่นหัวเราเหมือนคนโง่หรือ?”มือสังหารรีบกล่าว “กระหม่อมไม่กล้า”“เราว่าเจ้าใจกล้ามาก ในเมื่อเจ้าซัดทอดรัชทายาท เราจะถามเจ้าอีกครั้ง เหตุใดครั้งแรกเจ้าซัดทอดอ๋องหก แล้วตอนนี้ถึงเปลี่ยนคำให้การอีกครั้ง?”“หากเจ้าไม่มีเหตุผล เราจะให้เจ้าได้ลิ้มรสสุดยอดของเครื่องทรมาน” ฮ่องเต้เทียนหยวนทรงพลังดูน่าเกรงขามมือสังหารกัดฟันกรอก แล้วจ้องไปที่รัชทายาท ในดวงตามีความโกรธแค้นที่รุนแรงความโกรธแค้นนั้นเสมือนจริงมากตงฟางหล่างถูกเขาจ้องจนชะงักไป“กระหม่อมเป็นข้ารับใช้ขององค์รัชทายาทมาตลอด ทำงานให้องค์รัชทายาทด้วยความจงรักภักดี”“การลอบปลงพระชนม์ในครั้งนี้ เดิมทีกระหม่อมตั้งใจแน่วแน่ว่าจะตาย เพราะองค์รัชทายาทเคยบอกว่าหากกระหม่อมเกิดเรื่อง จะช่วยดูแลน้องสาวเพียง
ถูกต้อง หากไม่มีตราประทับนั่น แค่คำให้การของมือสังหาร คงไม่มีน้ำหนักมากพออ๋องทุกคนล้วนมีตราประทับเฉพาะของทุกคน เพื่อแสดงสถานะของตน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นวัสดุหรือฝีมือแกะสลักล้วนเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งยากจะเลียนแบบทว่าตราประทับนั่นกลับอยู่บนตัวมือสังหาร หนำซ้ำหลังผ่านการพิสูจน์ มันเป็นของจริงนี่จึงเป็นสาเหตุให้ฮ่องเต้เทียนหยวนสงสัยตงฟางจิ่งสีหน้าฮ่องเต้เทียนหยวนไม่สู้ดีนัก เขาหันมองตงฟางจิ่ง “เจ้าหก เจ้าเป็นลูกที่เรารักและเอ็นดูมาโดยตลอด หากเจ้ายอมรับตอนนี้ เราจะลงโทษสถานเบา”“ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าเราไม่ให้โอกาสเจ้า”เมื่อรัชทายาทได้ยิน แววตามีความไม่สบอารมณ์แวบผ่านตงฟางจิ่งสีหน้าเรียบเฉย “ลูกไม่มีความผิดพ่ะย่ะค่ะ”“ดี นำตัวเข้ามาเดี๋ยวนี้” ฮ่องเต้เทียนหยวนเอ่ยเสียงฮึดฮัดในไม่ช้า มือสังหารที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำกรมราชทัณฑ์ถูกคุมตัวเข้ามามือสังหารหมอบกราบอยู่บนพื้น ไม่มีปฏิกิริยาใดทั้งสิ้นฮ่องเต้เทียนหยวนมองเขาเยือกเย็น “เจ้าลองบอกเราอีกครั้งสิ คืนนั้นที่เจ้าลอบสังหารเรา ได้รับคำสั่งจากใครกันแน่?”“ทางที่ดีจงพูดความจริง หากกล้าโป้ปดแม้แต่น้อย เราจะเฉือนเจ้าท
“พระชายา ตกลงท่านทำอะไรลงไป?”เฟิ่งเชียนอวี่เท้าคางพร้อมโบกมือ “บอกไปพวกเจ้าก็ไม่เข้าใจอยู่ดี”นางหันมองเว่ยเซิงกับเว่ยชิว “พวกเจ้าสองคนมีวิธีทำให้ฮ่องเต้ไต่สวนคดีของตงฟางจิ่งอีกครั้งหรือไม่?”“จำไว้ ทางที่ดีต้องไต่สวนต่อหน้าเหล่าขุนนาง โดยเฉพาะสามารถไต่สวนในท้องพระโรง สอบสวนมือสังหารคนนั้นต่อหน้าทุกคน”“ไม่ได้นะขอรับพระชายา หากมือสังหารคนนั้นซัดทอดท่านอ๋องอีกครั้ง เช่นนั้นข้อหานี้ จะไม่มีวันรอดไปได้อีกเลย”สีหน้าเว่ยเซิงเคร่งเครียดมากเฟิ่งเชียนอวี่กลอกตามองเขา “เรื่องนี้ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร? วางใจเถอะ หากอยากให้ท่านอ๋องของพวกเจ้าออกมาจากคุกหลวงอย่างปลอดภัย ต้องทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ”“นี่มัน...”เว่ยเซิงเอ่ยอย่างลังเล “พระชายา ท่านมั่นใจหรือ?”“มั่นใจแน่นอน”“งั้น...ก็ดี ข้าน้อยเข้าใจแล้ว” เว่ยเซิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วทำความเคารพคดีลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้เทียนหยวน แม้จะถูกมือสังหารซัดทอด แต่ในทางความผิด ตงฟางจิ่งยังไม่ยอมรับแม้ภายนอกตงฟางจิ่งจะเป็นอ๋องที่อ่อนแอขี้โรค ไม่สนใจเรื่องภายนอก ทว่าหลายปีมานี้ แอบวางแผนอยู่เบื้องหลังไม่น้อยเรื่องลอบปลงพระชนม์ เป็นความผิดที่ใส่ร้
บ่าวทางซ้ายมือเข้าใจทันที จึงก้าวไปหนึ่งก้าวแล้วทำให้เหยียนความสลบเขาวางเหยียนควานไว้บนพื้น แล้วหันไปมองอีกคน “พระชายา ท่านเก่งกาจเหลือเกินขอรับ”นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะเข้ามาอย่างง่ายดาย หนำซ้ำยังไม่มีใครขัดขวางที่แท้บ่าวรับใช้ทั้งสองคน คือเฟิ่งเชียนอวี่และเว่ยเซิงส่วนเหลิ่งหานและเว่ยชิว ทั้งสองคนรออยู่ด้านนอก“เจ้าเฝ้าเขาให้ดี ข้าจะไปพบมือสังหารคนนั้น”“ไม่ได้ขอรับพระชายา ให้ข้าน้อยไปเป็นเพื่อนเถอะ ท่านเข้าไปคนเดียวอันตรายมาก”“วางใจเถอะ ข้ารู้จักประมาณตน ไม่ต้องพูดมาก”หลังจากเฟิ่งเชียนอวี่เอากุญแจมาจากมือเหยียนควาน ในไม่ช้าก็หาห้องขังของมือสังหารคนนั้นเจอพื้นที่บริเวณนี้เป็นส่วนที่ลึกมาก ห้องขังรอบด้านล้วนว่างเปล่า มีเพียงหนึ่งห้องที่คุมขังคนเอาไว้ จึงหาได้ง่ายมากนางเปิดประตูห้องขัง แล้วเดินเข้าไปอย่างเชื่องช้ามือสังหารที่เดิมทีนอนพักสายตาอยู่บนเตียงลืมตาโพลง แล้วระมัดระวังตัวมาก “เจ้าคือใคร? เข้ามาได้อย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่มองสำรวจอีกฝ่ายสักครู่ ใบหน้าดำคล้ำ หน้าตาธรรมดา เป็นคนที่หน้าตากลืนหายเข้าไปในฝูงชนนางเลิกคิ้ว เดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า จากนั้นนั่งลงบนเก้าอี
“...”เว่ยเซิงตาลุกวาว “พระชายา ท่านรู้แล้วหรือว่าจะช่วยท่านอ๋องได้อย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่พยักหน้า “มีวิธีที่ช่วยได้จริง แต่ว่า ข้าจำเป็นต้องได้พบมือสังหารคนนั้น”“ไม่มีปัญหา เรื่องนี้พวกข้าจะคิดหาวิธีเองขอรับ” เว่ยเซิงเว่ยชิวรีบรับปากทันทีเฟิ่งเชียนอวี่ผายมือ “ฤกษ์ดีไม่สู้ฤกษ์สะดวก ทำเสียตอนนี้เถอะ”“ตอนนี้หรือ?” ทั้งสามคนแปลกใจนางเลิกคิ้ว “ไม่ได้หรือ?”“ไม่ใช่แน่นอนขอรับ” พวกเขาแค่รู้สึกว่ากะทันหันเกินไปเท่านั้นแต่เรื่องช่วยท่านอ๋องจะรอช้าต่อไปไม่ได้แล้ว ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี พวกเว่ยเซิงจึงลงมือทันทีขณะนี้เป็นเวลาตีสามแล้ว บนถนนหนทางจึงไม่มีผู้คน เงียบสงัดมาก คนชุดดำทั้งสี่คนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปที่เรือนจำของกรมราชทัณฑ์เรือนจำของกรมราชทัณฑ์ย่อมตั้งอยู่ภายในกรม และมีทหารป้องกันแน่นหนาเช่นกันหากอยากเคลื่อนไหวโดยไม่เอิกเกริก แทรกซึมเข้าไปโดยไม่ให้เหล่าทหารพวกนี้รู้ คงทำได้เพียง...เฟิ่งเชียนอวี่ครุ่นคิด “เสนาบดีกรมราชทัณฑ์สามารถเข้าออกเรือนจำได้ตลอดใช่หรือไม่?”เว่ยเซิงพยักหน้า “แน่นอนขอรับ”สำหรับเสนาบดีกรมราชทัณฑ์ เรือนจำเปรียบเสมือนพื้นที่ของตัวเอง ย่อมเข้
“เกลียดหรือ...คงไม่ถึงขั้นนั้น”ปีศาจจิ๋วที่มีเงางอกออกมาบนหัวบินเข้ามา ทำเสียงฮึดฮัด “หากไม่ใช่เพราะตอนแรกเขาไม่ยอมหย่าร้างกับเจ้า ด้วยความสามารถของเจ้า ตอนนี้คงมีความสุขอิสรเสรีไปแล้ว”“เขาเป็นคนกักขังเจ้าเอาไว้ในจวนอ๋องหก ทำให้เจ้าไม่อาจทำตามความฝันได้”เฟิ่งเชียนอวี่กระพริบตา แล้วสงสัย “ความฝันของข้าคือสิ่งใดหรือ?”ปีศาจจิ๋วบินวนกลางอากาศหนึ่งรอบ กำหมัดขวาแล้วชูขึ้น “ความฝันของพวกเราคือ เงินทองที่ใช้ไม่หมด หนุ่มรูปงามที่เกี้ยวไม่หวาดไม่ไหว”เฟิ่งเชียนอวี่ “...”นางฟ้าจิ๋วถีบปีศาจจิ๋วจนกระเด็น พร้อมมือเท้าเอว เอ่ยอย่างโกรธเคือง “เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ”“เชียนอวี่ เจ้าอย่าฟังเขาพูดจาเหลวไหล เขาคือหายนะ เจ้าดูเขาสิแค่หน้าตาก็ไม่เหมือนคนดีแล้ว”เฟิ่งเชียนอวี่เอ่ยเชื่องช้า “พวกเจ้าสองคนหน้าตาเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน”“ใครเป็นคนบอก”“ไม่ใช่สักหน่อย”ปีศาจจิ๋วและนางฟ้าจิ๋วโต้แย้งพร้อมกันเฟิ่งเชียนอวี่ถอนหายใจ แล้วโบกพวกเขาให้พ้นทางอย่างน่ารำคาญ “เอาละ เอาละ หนวกหูจะตายแล้ว ไปไกล ๆ ข้าเลย”นางฟ้าจิ๋วเบะปาก “เจ้าต้องช่วยเขาให้ได้นะ หากสามีเจ้าตาย เจ้าเองก็จบเห่เช่นกัน”“ที่นี่
“เจ้านึกว่าข้าจับตัวช่างพวกนั้นไม่ได้หรือ?”“ตอนนี้ข้าใจดีเปิดโอกาสให้เจ้ามีชีวิตรอด อย่าทำตัวไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี”ตงฟางจิ่งเอ่ยเสียงเรียบ “หากรัชทายาทเก่งกล้าขนาดนั้น เชิญตามสบาย”เฟิ่งเชียนอวี่เคยกล่าวไว้ แม้ช่างเหล่านั้นจะรู้วิธีทำ แต่พวกเขาไม่รู้ขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญที่สุดหากไม่มีขั้นตอนนี้ จะไม่สามารถผลิตแก้วหลิวหลีที่เป็นผลึกใสออกมาได้คิดไปก็น่าจะใช่ นางรักเงินทองขนาดนั้น สิ่งที่ทำเงินได้มากมาย จะเปิดเผยออกไปหมดได้อย่างไร หญิงผู้นั้นฉลาดเป็นกรดตงฟางจิ่งจึงไม่เป็นห่วงสักนิดตงฟางหล่างเห็นว่าใช้ไม้ไหนก็ไม่ได้ผล จึงจากไปด้วยความโกรธจวนอ๋องหกเฟิ่งเชียนอวี่พลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงเพราะนอนไม่หลับในหัวของนางคิดถึงตงฟางจิ่งโดยไม่มีสาเหตุแม้นางจะไม่รู้ว่าคุกหลวงในยุคโบราณเป็นอย่างไร แต่คิดก็รู้ แม้คุกหลวงจะเป็นคุกระดับสูง ทว่าอย่างไรก็คือคุก จะสุขสบายได้อย่างไรตงฟางจิ่งถูกจับตัวไป ข้างในคงไม่มีใครใช้เครื่องทรมานกับเขาหรอกนะ?ไม่ไม่ ไม่น่าจะใช่ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นท่านอ๋อง เป็นถึงองค์ชาย คงไม่ตกต่ำขนาดนั้นแต่เรื่องที่เขาถูกตั้งข้อหาไม่ใช่เรื่องเล็ก นั่นมันก่อกบฏเ