เฟิ่งเชียนอวี่กล่าวอย่างอารมณ์ดี “มันก็ไม่มีอะไร แค่ได้รายได้พิเศษมาก้อนหนึ่ง”“รายได้พิเศษ?”ตงฟางจิ่งเผยให้เห็นความสงสัย แล้วรายได้พิเศษมันคืออะไร?นางโบกมือขี้เกียจอธิบาย “เอาเป็นว่าเป็นเรื่องดีก็แล้วกัน”ตงฟางจิ่งไม่รบเร้าอีก พลันเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ได้ยินมาว่าเจ้าตอบตกลงรักษาโรครักแร้เหม็นให้อาหญิงของอวิ๋นจิ่นเซ่อ หรือก็คือฮูหยินของหงเวย?”พลันเฟิ่งเชียนอวี่ตะลึงงัน นางสงสัย “ท่านรู้ได้อย่างไร?”นี่เป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นวันนี้ ตงฟางจิ่งอยู่จวนอ๋อง เหตุใดจึงรู้เร็วเช่นนี้?เมื่อนางเข้าใจแล้ว ก็ถลนตาอย่างโมโหทันที “ท่านแอบส่งคนไปติดตามข้า?”นอกจากนี้ ก็คิดสาเหตุอื่นไม่ออกแล้วเหลิ่งหนิงที่อยู่ข้างๆ หลุบตาอย่างร้อนตัวตงฟางจิ่งเหลืบมองนางแวบหนึ่ง กล่าวอย่างใจเย็น “เจ้าคิดมากไปแล้ว”เฟิ่งเชียนอวี่พ่นลมออกจากจมูกอย่างเย็นชา “เช่นนั้นท่านอ๋องลองพูดมาดู ท่านรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร”“ความลับ”เฟิ่งเชียนอวี่ “...”นางกัดฟัน “ท่านยังบอกว่าไม่ได้แอบส่งคนติดตามข้าอีก”“ย่อมไม่อยู่แล้ว อีกอย่าง หากข้าทำเช่นนี้ จำเป็นต้องปิดบังเจ้าด้วยหรือ ต่อให้บอกเจ้า เจ้าจะทำอะไรได้?”ตงฟา
การลงทุนเบื้องต้นจะใช้เงินมากเกินไปหรือไม่อิ้งเสวี่ยอธิบาย “พระชายา ผงดอกไม้ของร้านผงหอมมีหลายแบบ นี่เป็นราคาของสินค้าชั้นดี ถ้าหากเป็นผงเก่า ราคาจะต่ำลงมาก เงินหนึ่งเฉียน[1]ก็สามารถซื้อได้หลายชั่ง[2]แล้วเจ้าค่ะ”มุมปากเฟิ่งเชียนอวี่กระตุก ราคาต่างกันเช่นนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ คุณภาพของสินค้าชั้นดีกับสินค้าเก่าต่างกันแค่ไหนผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอางที่นางทำ ย่อมต้องใช้ผงดอกไม้ที่สดใหม่ จะเอาของเก่ามาใช้ได้อย่างไรตงฟางจิ่งที่ฟังอยู่ข้างๆ ครึ่งค่อนวันก็พอจะเข้าใจแล้ว เขาหยิบใบรายการแผ่นนั้นมาดูครู่หนึ่ง กล่าวอย่างเชื่องช้า“ดอกไม้ทุกชนิดล้วนมีฤดูปลูกและระยะเวลาการออกดอกที่แตกต่างกัน ในใบรายการของเจ้ามีมากกว่าหนึ่งร้อยชนิด อยากรวบรวมจนครบ มันเป็นไปไม่ได้”เฟิ่งเชียนอวี่ขมวดคิ้ว ก็แค่ดอกไม้นอกฤดู ไม่มีคนปลูกหรือ?เพราะนางรู้ ที่นี่มีวิธีการที่คล้ายกับการปลูกผักในโรงเรือนแล้ว หรือไม่มีคนนำมาใช้กับการปลูกดอกไม้เลย?การปลูกผักนอกฤดูกับการปลูกดอกไม้นอกฤดู โดยทั่วไปแล้วคล้ายกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องสมดุลกับสภาพแวดล้อมภายนอก หรือก็คืออุณหภูมิกับความชื้นสิ่งเหล่านี้สามารถทำได้
“พระชายามองข้าอย่างหิวกระหายเช่นนี้ ด้วยความเข้าใจที่ข้ามีต่อพระชายาในบางแง่มุม ข้าจะเข้าใจผิดเอาได้”ตงฟางจิ่งกล่าวอย่างมีนัยดวงตาเฟิ่งเชียนอวี่เป็นประกาย “ท่านอ๋อง เหมือนเมื่อครู่หลิวซูบอกว่าจวนอ๋องมีเรือนหลายหลัง?”ตงฟางจิ่งเข้าใจจุดประสงค์ของนางทันที เขาเลิกคิ้ว “ใช่แล้วอย่างไร?”“ข้าขอ…”“ไม่ได้”นางกล่าวยังไม่ทันจบ ก็ถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยแล้วเฟิ่งเชียนอวี่ไม่พอใจ “ข้าพูดยังไม่ทันจบเลยนะ”“ต่างกันตรงไหน? อย่างไรเจ้าพูดอะไรข้าก็ไม่อนุญาต” ตงฟางจิ่งกล่าวอย่างช้าๆเฟิ่งเชียนอวี่ “...”พู่…ไม่จำเป็นต้องโกรธ นิสัยสุนัขของหมอนี่ เจ้าไม่ได้เพิ่งเจอวันแรกเสียหน่อยจู่ๆ เฟิ่งเชียนอวี่ก็เริ่มคิดถึงระบบกฎหมายแต่งงานของยุคปัจจุบัน อย่างเช่นสามีภรรยามีส่วนร่วมในทรัพย์ร่วมกันนางยิ้มอีกครั้ง “ขอแค่ท่านอ๋องยอมเช่าเรือนให้ข้าหนึ่งหลัง ค่าเช่าของทุกปีสามารถตกลงกันได้ ท่านอ๋องไม่ขาดทุนแน่นอน”“น่าเสียดาย ข้าไม่ได้ขาดสนเงินทอง”เฟิ่งเชียนอวี่กล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ของอย่างเงิน ต่อให้ไม่ขาดสน ก็ไม่มีใครกลัวมีเยอะไม่ใช่หรือ ได้หนึ่งก้อนก็เอาหนึ่งก้อน หรือไม่ท่านอ๋องลองพิจารณาดู?”ตงฟา
“เจ้าคิดว่านักพรตชายคนหนึ่ง มีสาวใช้ของพระชายาปรนนิบัติข้างกาย มันเหมาะสมหรือ?”เฟิ่งเชียนอวี่ “...”หลังจากนั้นสองวันเฟิ่งเชียนอวี่เปลี่ยนชุดอีกครั้ง ขึ้นรถม้าของจวนอ๋องที่จอดอยู่ข้างนอกด้วยภาพลักษณ์ของนักพรตเฟิ่ง ไปที่จวนตระกูลหงโดยตรงนอกจวนตระกูลหง อวิ๋นจิ่นเซ่อได้มารออยู่นอกประตูแล้วรถม้าค่อยๆ จอดลง เฟิ่งเชียนอวี่เดินลงมา พลันอวิ๋นจิ่นเซ่อตาเป็นประกาย รีบเดินเข้าไปทันที “ท่านก็คือนักพรตเฟิ่งกระมัง”เฟิ่งเชียนอวี่กระแอมทีหนึ่ง พยักหน้าเบาๆ “ข้าเอง พระชายาอ๋องหกได้เล่าเรื่องราวให้ข้าฟังแล้ว คุณหนูอวิ๋นนำทางก็พอ”อวิ๋นจิ่นเซ่อพอใจในความตรงไปตรงมาของนางมาก เดิมทีเรียกเขามาก็เพื่อรักษาโรคอยู่แล้ว“ท่านนักพรตตามข้ามา”ทั้งสองคนหนึ่งหน้า คนหนึ่งหลังเดินเข้าไปในเรือนของจวนตระกูลหง เว่ยเซิงกับเว่ยชิวเดินตามโดยไม่ละสายตาอวิ๋นจิ่นเซ่อพานางเข้าไปในเรือนของฮูหยินหงโดยตรง “ท่านอาหญิง ท่านนักพรตมาแล้ว”เฟิ่งเชียนอวี่กวาดมองเรือนหลังนี้เงียบๆ แอบให้คะแนนในใจ อืม เรือนไม่เลว ค่อนข้างโอ่อ่า แต่ก็ยังไม่ประณีตงดงาม และรื่นรมย์เหมือนเรือนชิงหลางของตัวเองมีสาวใช้เล็กใหญ่ยืนอยู่ข้างนอกไม
อวิ๋นจิ่นเซ่อรีบมองไป “นักพรตเฟิ่ง ไม่ทราบว่าต้องเตรียมตัวอย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่สะบัดแส้ “ข้ามีคำขอแค่เรื่องเดียว”“ท่านนักพรตเชิญพูด” ฮูหยินหงรีบกล่าว“กฎในการรักษาของข้าคือ ห้องที่สะอาดและเงียบหนึ่งห้อง ระหว่างการรักษา ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้า จนกระทั่งข้าออกมา”อวิ๋นจิ่นเซ่อตอบตกลงทันที “ไม่มีปัญหา”ทว่ามีเสียงอีกสายหนึ่งดังขึ้น“ไม่ได้เจ้าค่ะ”คนที่เอ่ยปากพูดคือหมอมอคนหนึ่งที่คอยรับใช้ข้างกายฮูหยินหงหมอมออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “นักพรตท่านนี้ ต้องขออภัยที่ล่วงเกิน แต่กฎนี่ สามารถแก้หรือไม่”“ให้บ่าว หรือคนรับใช้คนไหนก็ได้ดูอยู่ข้างๆ ท่านดูว่าได้หรือไม่ ต่อให้ใช้ฉากบังลมกั้นเอาไว้ก็ยังดี”เฟิ่งเชียนอวี่มองบนในใจ พลางส่ายศีรษะหมอมอกังวลแล้ว “เช่น เช่นนั้นทำอย่างไรดี ขออภัยที่บ่าวพูดมาก ท่านนักพรตเป็นชายนอกจวน ฮูหยินเป็นหญิงในจวน”“นี่ นี่หากอยู่ด้วยกันในห้อง และยังปิดประตู มัน มันไม่เหมาะสม”เฟิ่งเชียนอวี่ “...”นางมองตาค้างฮูหยินหงก็เริ่มลังเลแล้วที่จริงด้วยความคิดของคนยุคโบราณ สิ่งที่หมอมอท่านนี้กังวล มันเป็นเรื่องปกติเพราะชั่วขณะ เฟิ่งเชียนอวี่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอ
เถ้าแก่ดูโครงสร้างของกล่องอย่างละเอียดแล้วกล่าว “สองวันก็ทำเสร็จแล้วขอรับ”“ได้ เช่นนั้นอีกสองวัน ข้าให้คนมาเอา”เฟิ่งเชียนอวี่จ่ายเงินมัดจำ ยื่นใบรับเงินให้เหลิ่งหนิง ให้นางมาเอาในอีกสองวัน ก็พาคนจากไปแล้ว“พระชายา พวกเราจะกลับจนอ๋องหรือ?” หลิวซูกล่าวถามนางโบกมือ ตอนนี้ยังไม่เที่ยงเลย ออกมาทั้งที จะรีบกลับไปเร็วเช่นนี้ทำไม?“ข้าเอาเรือนพักของตงฟางจิ่งมาหนึ่งหลังไม่ใช่หรือ ไป พวกเราไปดูกัน”อย่างไรมันก็เป็นที่ของตัวเองแล้ว นางก็ควรจะไปลงพื้นที่ตรวจดูเสียหน่อยหลิวซูกับเหลิ่งหนิงย่อมไม่คัดค้าน ไปที่ไหนก็ย่อมดีกว่าไปสถานที่อย่างหอนางโลมเรือนที่เฟิ่งเชียนอวี่ได้มาจากตงฟางจิ่งอยู่เขตชานเมือง รถม้าแล่นประมาณครึ่งชั่วยามจึงถึงแม้เป็นเขตชานเมือง แต่ก็อยู่ในเขตของเมืองหลวง ต่อให้เรือนอยู่บนไหล่เขา ถนนบนภูเขาก็มีการสร้างบันไดและถนนสำหรับรถม้าแล่น ถนนหนทางจึงค่อนข้างสะดวกเฟิ่งเชียนอวี่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าประตูเรือน มองดูตัวอักษรสามคำที่พลิ้วไหวแต่ซับซ้อนผิดปกติบนแผ่นป้าย นางเบะปาก“นี่ชื่ออะไร?”หลิวซูกล่าว “พระชายา เรือนแห่งนี้มีชื่อว่าเรือนหมีเซิ่ง ชื่อนี้ตั้งมาจากท่อนหนึ่งของหน
เฟิ่งเชียนอวี่เข้าใจแล้ว มองดูที่ดินมากมายเช่นนี้ รู้สึกดีใจมาก ของเหล่านี้ล้วนเป็นของนาง“ในคฤหาสน์มีช่างปลูกดอกไม้หรือไม่?”“เรียนพระชายา มีช่างปลูกดอกไม้หนึ่งคน แต่อายุเยอะมากแล้ว ดังนั้น…” หม่าลิ่วกล่าวอย่างลำบากใจเล็กน้อย“เช่นนั้นก็ช่างเถอะ” นางโบกมือเฟิ่งเชียนอวี่มองหม่าลิ่ว “ข้าจะเปิดร้านค้า ต้องการผงดอกไม้ที่ต่างๆ จำนวนมาก ที่ดินพวกนี้ นำมาใช้ปลูกดอกไม้”พลันหม่าลิ่วตะลึงงัน “พระชายา ใช้ปลูกดอกไม้ทั้งหมดเลยหรือ?”“ตอนนี้ยังก่อน”เฟิ่งเชียนอวี่ลองคำนวณ นางตัดสินใจปลูกดอกไม้ที่แพร่หลายในทุกฤดู และมีกลิ่นหอมก่อน รวมๆ ประมาณยี่สิบกว่าชนิดแต่ละชนิดปลูกสิบหมู่ รวมกันก็ไม่ถึงสามร้อยหมู่ นอกจากนี้ ไม้ดอกที่สวยงามอย่างดอกท้อ ดอกบ๊วย ดอกหอมหมื่นลี้และอื่นๆ ก็ปลูกเป็นแปลงๆ ไปเลย ให้มันกลายเป็นป่าท้อ ป่าบ๊วย ป่าหอมหมื่นลี้ ป่าสาลี่และอื่นๆทิวทัศน์นั่น ถึงเวลาต้องสวยงามมากแน่นอน อีกทั้งดอกท้อยังสามารถออกลูกด้วยไม้ดอกเช่นนี้ปลูกบนภูเขาสองลูกที่อยู่ด้านหลัง ถึงเวลาต้องสวยงามมากแน่นอนส่วนที่ดินที่เหลือก็ปล่อยวางไว้ชั่วคราว ดูตามสถานการณ์การขายของร้านค้า ค่อยดำเนินการขยายใหญ่
เฟิ่งเชียนอวี่สอบถามสถานการณ์คร่าวๆ ของคนเหล่านี้ นางตัดคนที่มือเท้าไม่สะอาด ถูกเจ้าของบ้านขายแลกเงินเพราะขโมยออก ยังเหลือสามสิบสองคน นางเอาทั้งหมดในคราวเดียวในมือเฟิ่งเชียนอวี่มีสัญญาทาสเพิ่มขึ้นสามสิบสองใบ จากนั้นก็พาสาวใช้ทั้งสองคน พาช่างปลูกดอกไม้ทั้งสามสิบสองคนกลับไปที่คฤหาสน์อย่างเอิกเกริกอีกครั้งนางมอบช่างดอกไม้ทั้งหมดให้หม่าลิ่วดูแล และได้มอบเงินหนึ่งก้อน ให้เขาซื้อเมล็ดพันธุ์กับต้นกล้าดอกไม้อย่างเต็มที่เมล็ดพันธุ์และต้นกล้ามีราคาถูกมากเฟิ่งเชียนอวี่ได้พบกับทุกคนในเรือนและดูสมุดบัญชีของคฤหาสน์ครู่หนึ่งทั้งคฤหาสน์มีทั้งชายและหญิง และมีหญิงรับใช้ทำงานหยาบหม่าลิ่วเป็นผู้ดูแล รับผิดชอบคนรับใช้ชาย ส่วนเมียของหม่าลิ่วรับผิดชอบคนรับใช้หญิง เรื่องนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเฟิ่งเชียนอวี่แบ่งหน้าที่ให้ทุกคนใหม่ นอกจากนี้เงินเดือนก็กำหนดใหม่ รวมถึงวันทำงาน มีวันหยุดอาทิตย์ละหนึ่งวัน สามารถเปลี่ยนกะได้และอื่นๆ นางพูดทั้งหมด มอบให้หม่าลิ่วไปดำเนินการหลังจากทำทั้งหมดนี้เสร็จ เฟิ่งเชียนอวี่แบ่งประเภทดอกไม้และแปลงดอกไม้ที่ช่างปลูกดอกไม้ต้องรับผิดชอบครู่หนึ่ง ก็จากไปอีกครั้งหลัง