“ท่านแม่ ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ หน้าของข้าก็เป็นเช่นนี้แล้ว ทำอย่างไรดีท่านแม่”เฟิ่งหลิงหลงลนลานแล้ว นางจับแขนนางหลิ่วไว้แน่น สีหน้าซีดเซียว นางเป็นสตรีแห่งโชคชะตานะ เป็นถึงฮองเฮาในอนาคต ใบหน้าของนางจะมีปัญหาได้อย่างไร“ลูกแม่ใจเย็นๆ แม่จะไปหาหมอมาดูให้เจ้าเดี๋ยวนี้”นางหลิ่งปลอบใจครู่หนึ่ง ก็สั่งให้สาวใช้ไปตามหมอทันทีหมอมาเร็วมาก เขาตรวจชีพจรให้เฟิ่งหลิงหลงอย่างละเอียด จากนั้นก็ตรวจดูตุ่มที่ขึ้นตามตัว ทว่าตรวจแล้วครึ่งวันก็ไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไร“ฮูหยิน ชีพจรของคุณหนูเฟิ่งเต้นเป็นจังหวะ มีกำลังคงที่ ร่างกายแข็งแรงมาก ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง ส่วนตุ่มแดงนี่ ชั่วขณะข้ายังไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร”นางหลิ่วโมโหจนเกือบแหกปากด่าทอแล้ว หลังจากฝืนกล้ำกลืนเอาไว้ได้ ก็สั่งให้สาวใช้พาหมอไปรับค่าปิดปากสถานะของลูกสาวในตอนนี้ไม่เหมือนอดีต อาการที่เกิดขึ้นตามร่างกาย ปล่อยให้ข่าวหลุดออกไปข้างนอกไม่ได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นไม่รู้ว่าจะมีข่าวลือออกมาอย่างไรต่อจากนั้น นางก็ได้เชิญหมอมาอีกหลายท่าน แต่คนที่มาเหล่านี้ อย่าว่าแต่รักษาเลย ดูไม่ออกด้วยซ้ำว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรบางคนบอกว่าถู
จวนอ๋องหกตงฟางจิ่งมองเว่ยเซิง “อย่างนั้นหรือ? บรรดาหมอหลวงก็ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุเลยแม้แต่น้อยเช่นกัน?”“ถูกต้อง แค่เขียนใบสั่งยาเพื่อบำรุงร่างกายให้เท่านั้น”ตงฟางจิ่งหรี่ตา ทำท่าทางครุ่นคิด ราวกับว่านึกถึงเฟิ่งเชียนอวี่ขึ้นมาทันที เขามีลางสังหรณ์รุนแรงบางอย่าง เรื่องนี้จะต้องข้องเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นอย่างแน่นอนถ้าหากเขาเดาไม่ผิดละก็ น่าจะเป็นครั้งก่อนตอนที่เฟิ่งหลิงหลงมาหาถึงที่จวนอ๋องหก เป็นฝีมือของเฟิ่งเชียนอวี่?เมื่อลองคิดดูก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้เขารู้ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่มีทางซื่อสัตย์ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเกลียดเฟิ่งหลิงหลงเกลียดเสียจนเข้ากระดูก เป็นไปได้อย่างไรที่ยังจะยอมปรนนิบัติผู้อื่นอย่างเต็มใจ มีปัญหาอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆเฮอะ ดูท่า จะมีเรื่องสนุกให้ดูอีกแล้วสิเฟิ่งเชียนอวี่ไม่รู้เลยแม้แต่น้อยสิ่งที่ตนกระทำไปนั้นได้ถูกผู้ชายบางคนเดาได้แล้วตอนนั้นนางเพื่อที่จะให้ตนหลุดพ้นจากการตกเป็นที่ต้องสงสัย ยาที่วางนั้นเป็นแบบออกฤทธิ์ช้า ห้าถึงเจ็ดวันถึงจะออกฤทธิ์นางนั่งอยู่บนเก้าอี้ ขาไขว่ห้าง ไม่รู้ว่านึกอะไรขึ้นได้ รอยยิ้มที่มุมปากเต็มไปด้วยความสะใจเวลาสองวันผ่านไ
ในเวลานี้ จู่ ๆ สาวใช้คนหนึ่งก็ส่งเสียงกล่าวออกมา “ฮูหยิน หรือไม่ก็เชิญนักพรตเฟิงที่อยู่จวนอ๋องหกท่านนั้นมาเถอะเจ้าค่ะ”บรรดาสาวใช้ชราคนอื่น ๆ ก็ได้สติกลับคืนมา ต่างพากันคล้อยตามทันทีนักพรตเฟิงที่จวนอ๋องหกท่านนั้น ถึงแม้ว่าจะยื่นมือเข้าช่วยรักษาไม่มากนัก แต่ทุกครั้งที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือก็สามารถรักษาผู้ป่วยที่ใกล้ตายให้หายเป็นปกติได้เหมือนเดิมทุกครั้ง สร้างปาฏิหาริย์ อาการที่ไม่สามารถรักษาให้หายดีได้ แต่เมื่อผ่านมือเขา ก็หายดีเป็นปลิดทิ้งหมอหลวงหลายคนตกตะลึง ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันและกัน เห็นได้ชัดว่า พวกเขาเองก็เคยได้ยินชื่อเสียงอันโด่งดังของนักพรตเฟิงท่านนั้นเช่นเดียวกัน เพียงแต่ไม่เคยเห็นหน้าเลยสักครั้งเท่านั้นฮูหยินหลิ่วดวงตาเปล่งประกายทันที เห็นความหวังใหม่อีกครั้ง รีบบอกเฟิ่งอวี้เทียน เฟิ่งอวี้เทียนพาคนไปที่จวนอ๋องหกด้วยตัวเองและภายในจวนอ๋อง เฟิ่งเชียนอวี่รออยู่ตั้งแต่แรกแล้ว ในเมื่อนางลงมือแล้ว จะยอมให้หมอคนอื่นรักษาโรคของเฟิ่งหลิงหลงให้หายดีอย่างง่ายดายได้อย่างไรพ่อบ้านรายงานตงฟางจิ่งแล้ว ตงฟางจิ่งเจอหน้าเฟิ่งอวี้เทียนแล้ว ในนามแล้ว คนคนนี้ยังเป็นพ่อตาของเขาอีกด้วย
นางสาวเท้าเดินไปที่ข้างเตียง สาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ เลิกผ้าม่านขึ้น นางมองเห็นใบหน้าที่น่าสยดสยองของเฟิ่งหลิงหลงแวบหนึ่งเฟิ่งเชียนอวี่จับชีพจรของนาง หยิบเข็มเงินออกมาจากในกระเป๋ายา แทงลงไปบนแขนของนางหลายที แล้วจ้องมองลูกตา และฝ้าที่ลิ้นของนางเป็นต้น กล่าวโดยรวมแล้วก็คือทำท่าทางที่ดูเหมือนจริงจัง แต่อันที่จริงกลับไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด ถึงได้ลุกขึ้นยืน“นักพรตเฟิง อาการของบุตรสาวข้า มีผลหรือไม่?”เฟิ่งอวี้เทียนกล่าวถามอย่างอดไม่ได้ รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที เกรงว่าเขาจะไร้หนทาง เฉกเช่นเดียวกันกับหมอหลวงทั้งหลายเฟิ่งเชียนอวี่พยักหน้าพร้อมกล่าวเสียงเรียบ “เรื่องเล็กน้อย สามารถรักษาได้”ความกังวลใจของเฟิ่งอวี้เทียนคลายลงเป็นอย่างยิ่ง บนใบหน้ามีความปีติ นางหลิ่วร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ“ดีเหลือเกิน รักษาได้ก็ดี รักษาได้ก็ดี หลิงหลงมีทางรอดแล้ว”หมอหลวงทุกคนสีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ หนึ่งในนั้นอดไม่ได้ที่จะกล่าวถาม “ขอถามท่านนักพรต โรคของคุณหนูเฟิ่ง เป็นโรคอะไรหรือ?”เฟิ่งเชียนอวี่ได้เตรียมการไว้เรียบร้อยตั้งแต่แรก“เป็นเพียงแค่ขี้กลากชนิดหนึ่งเท่านั้น”อะไรนะ? ขี้กลากหรือ?หมอห
เฟิ่งอวี้เทียนและคนอื่น ๆ จ้องมองเฟิ่งเชียนอวี่ สีหน้าเต็มไปด้วยคำว่าเหลวไหล“น้ำ น้ำมูลนี่ ควร ควรจะใช้อย่างไร...” เฟิ่งอวี้เทียนพูดต่อไปไม่ไหวจริง ๆเฟิ่งเชียนอวี่เผชิญหน้ากับสายตาของทุกคนอย่างไม่สะทกสะท้าน ยังคงสงบนิ่งเช่นเดิม “แน่นอนว่าต้องดื่มลงไป”หนึ่งในหมอหลวงไม่สามารถทนรับต่อไปได้จริง ๆ รีบลุกขึ้นยืนทันที ใบหน้าชราคร่ำเครียด“เหลวไหล ช่างเป็นเรื่องเหลวไหลจริง ๆ ข้าเป็นหมอมาหลายสิบปี ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าของสกปรกเช่นนี้ จะสามารถนำมารักษาอาการไข้ได้ ฮึ่”หมอหลวงคนอื่น ๆ พากันเห็นด้วย สีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อเฟิ่งเชียนอวี่ไม่โมโห สถานการณ์เหล่านี้นางคาดเดาเอาไว้ได้ตั้งแต่แรกแล้วแต่คนพวกนี้ยอมรับไม่ได้แล้วอย่างไร? นอกเสียงจากว่าไม่อยากให้เฟิ่งหลิงหลงหายดี ไม่อย่างนั้น เฮอะ น้ำมูลนี้ เฟิ่งหลิงหลงไม่อยากดื่มก็ต้องดื่ม“ท่านผู้นี้มีนามว่าอะไร?”“ข้าแซ่หวัง” หมอหลวงท่านนั้นกล่าวอย่างอารมณ์ไม่ดี“ที่แท้ก็คือหมอหลวงหวัง วิธีการรักษาที่ท่านไม่เคยได้ยินมาก่อนมีมากถมไป ท่านไม่เคยได้ยินก็เป็นเรื่องของท่าน แต่จะปฏิเสธการมีอยู่ของมันไม่ได้”“ยังไม่ทันได้ลองเลย จะให้ข้อสรุปไ
เฟิ่งเชียนอวี่เดินไปที่โถงด้านนอก สายตาของตงฟางจิ่งและคนอื่น ๆ มองมาทันที โดยเฉพาะเว่ยเซิงกับเว่ยชิว สายตาที่จ้องมองนาง แปลกประหลาดอย่างอธิบายไม่ได้นางเลิกคิ้ว เดินเข้าไปหาแล้วนั่งลงอย่างใจเย็นเวลาครึ่งชั่วยามผ่านไปอย่างรวดเร็วมาก มีเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจของสาวใช้ชราดังลอยมาจากภายในห้อง“นายท่าน ฮูหยิน คุณหนูตัวหายร้อนแล้วจริง ๆ ด้วย ไข้ลดลงไปแล้วจริง ๆ ด้วย”เฟิ่งเชียนอวี่แสยะยิ้มเล็กน้อย ไม่หวังซึ่งลาภยศสรรเสริญในไม่ช้า เฟิ่งอวี้เทียนก็สาวเท้ายาวเดินเข้ามาหา บนใบหน้าเต็มไปด้วยความปีติ“ท่านนักพรต บุตรสาวของข้าไข้ลดแล้วจริง ๆ ฝีมือการรักษาของท่านนักพรตยอดเยี่ยมอย่างที่คิดไว้จริง ๆ”“เพียงแค่ตำรายาสมุนไพรพื้นบ้านเท่านั้น ไม่ควรค่าให้ใต้เท้าเฟิ่งชื่นชม” เฟิ่งเชียนอวี่กล่าวอย่างถ่อมตัวเมื่อเฟิ่งอวี้เทียนได้ยินดังนั้น ก็นึกถึงวิธีการรักษานั่นขึ้นมาอีกครั้ง กระตุกมุมปากสองสามที“ไม่ทราบว่าตุ่มพวกนั้นบนร่างกายของบุตรสาวข้า จะรักษาอย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่นำใบสั่งยาที่จัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยตั้งแต่แรกแผ่นหนึ่งยื่นไปให้ นางไม่อยากจะเข้าไปในห้องที่มีกลิ่นเหม็นชวนอ้วกนั่นอีกแล้ว
ตงฟางจิ่งเปิดกล่องยาออก ราวกับว่าได้เปิดโลกใบใหม่โลกหนึ่งขึ้นมาสิ่งของด้านในนอกจากขวดกระเบื้องสามสี่ขวดกับเข็มเงินแล้ว อันอื่นที่เหลือเขาไม่รู้จักเลยสักอัน แล้วก็ไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยเขาหยิบสิ่งของทรงกระบอกกลมอันหนึ่งขึ้นมา ไม่นึกว่ายังเป็นสีใสอีกด้วย ด้านนอกยังมีกระดาษสีใสหุ้มเอาไว้อีกหนึ่งชั้นเป็นครั้งแรกที่ตงฟางจิ่งได้เห็นกระดาษสีใส คุณภาพค่อนข้างแข็งแรงอีกด้วย“นี่คือสิ่งใด?”เฟิ่งเชียนอวี่เหลือบตามองแวบหนึ่ง “นี่เรียกว่ากระบอกฉีดยา”“เข็มที่อยู่ด้านบนเป็นแบบกลวง ด้านในหลอดบรรจุด้วยยาน้ำ นำปลายเข็มแทงเข้าไปในเส้นเลือดของมนุษย์ นำยาน้ำดันเข้าไปแบบนี้นางอธิบายหลักการการฉีดยาคร่าว ๆ ให้ตงฟางจิ่งฟังตงฟางจิ่งได้ฟังก็รู้สึกสงสัยเป็นอย่างยิ่ง ตามความเข้าใจของเขา ยาน้ำมีไว้สำหรับดื่ม นี่เป็นครั้งแรกที่ได้รู้ว่า สามารถนำมาฉีดเข้าไปในร่างกายได้อีกด้วย“แล้วนี่คืออะไร?”“นี่คือถุงมือ ใช้สำหรับสวมบนมือ ป้องกันมือของแพท...หมอสัมผัสโดนคนป่วยโดยตรง เพื่อ...”เฟิ่งเชียนอวี่ยังไม่ทันพูดจบ ตงฟางจิ่งก็พยักหน้า กล่าวอย่างพอใจ “ของสิ่งนี้ดีมาก”หืม?นางมีความไม่เข้าใจบางอย่างตงฟางจิ่
แม้ว่าแคว้นตงเยว่จะเป็นผู้นำของแคว้นทั้งสี่ กำลังทหารย่อมแข็งแกร่งที่สุดในสี่แคว้น แน่นอนว่า ดาบและกระบี่ที่เหล่าพลทหารใช้ เมื่อเผชิญหน้ากับอาวุธของแคว้นซีเหลียง เมื่อเทียบกันแล้ว ก็เหมือนกับไม่มีประโยชน์อะไรแรกเริ่มเดิมทีแคว้นตงเยว่ถูกโจมตีจนล่าถอยด้วยความพ่ายแพ้ ขวัญกำลังใจของทหารถดถอย ความสูญเสียมหาศาลแต่ยังดีที่แคว้นตงเยว่มีเส้นสายมากมาย ประกอบกับตอนนั้นมีนายพลใหญ่คนหนึ่ง จัดทัพและวางค่ายกล ใช้ทหารได้เก่งกาจ สุดท้ายก็บีบให้แคว้นซีเหลียงล่าถอยไปได้แต่แคว้นตงเยว่ ก็ได้เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่จากเหตุนี้การศึกครั้งนี้ ทำให้อีกสองแคว้นที่คอยดูอยู่ข้าง ๆ ตกตะลึงไม่น้อย โดยเฉพาะตอนที่มีดโลหะของแคว้นซีเหลียงปรากฏขึ้นอีกสองแคว้นใหญ่ก็ไม่เอาตัวออกห่างอีกเลย ไม่อย่างนั้น หากให้แคว้นซีเหลียงโจมตีแคว้นตงเยว่จริง ๆ ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะเพิ่มสูงขึ้นทันที เป้าหมายในการโจมตีถัดไป จะต้องเป็นพวกเขาตามสถานการณ์ศึกที่สงบลง สี่แคว้นใหญ่ได้ดำเนินการเจรจากันมีดโลหะของแคว้นซีเหลียงทำให้อีกสามประเทศหวาดหวั่น การเจรจาตอนนั้น ทั้งสามแคว้นมีการแอบร่วมมือกัน เพื่อสะกดอำนาจของแคว้นซีเหลียงแคว้