ก็ไม่น่าแปลกใจนัก หากพวกเขาไม่มีวิชาตัวเบาที่สูงส่ง ก็คงไม่สามารถลักพาตัวคนออกไปจากสายตาขององครักษ์จันทราได้“ตกลง”ซูจิ่งสิงแทบจะใช้ความเร็วสูงสุดของตัวเอง พุ่งตัวไล่ตามไป“จุดแดงหยุดแล้ว”กู้หว่านเยว่รู้สึกสงสัยเล็กน้อย ตามหลักแล้ว พวกเขาน่าจะเร่งเดินทางให้เร็วที่สุด ไม่น่าจะหยุดพักในเวลานี้แต่แผนที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า พวกเขาหยุดอยู่ข้างหน้าไม่ไกลจริง ๆ ทั้งสองคนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ก็เห็นชาวนาสองคนวิ่งมาจากฝั่งตรงข้าม“คุณชาย พวกท่านทั้งสองอย่าเพิ่งเข้าไปเลย ในป่าข้างหน้านั่นอันตรายนะ”ชาวนาทั้งสองคนตกใจจนหน้าซีดเผือด เห็นได้ชัดว่าเจอเรื่องที่น่ากลัวมา“เกิดอะไรขึ้น?”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากัน ทั้งสองรู้สึกกังวลเล็กน้อย กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับลูก“ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หมูป่าที่อยู่ในป่าเกิดคลั่งขึ้นมา จู่ ๆ ก็วิ่งออกมาหมดเลย แล้วก็รุมล้อมคนชุดดำสองคนนั้นไว้”ชาวนาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก“คนชุดดำสองคนนั้นไปขุดสุสานบรรพบุรุษของหมูป่าหรือไร? ข้ามีชีวิตอยู่มานานขนาดนี้ ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลยจริง ๆ ”“ใช่แล้ว หมูป่าหลายสิบตัววิ่งออกมาหมด ภาพนั้นน่ากลัวมากจร
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”“อาว้าว!” ดวงตาของเสี่ยวจ้านจ้านเป็นประกาย ไม่มีความกลัวเลยแม้แต่น้อย“สมควรตาย ทั้งหมดเป็นเพราะหมูป่าพวกนี้ ไม่เช่นนั้นเราคงไปกันตั้งนานแล้ว”คนชุดดำด่าทอ ในวินาทีที่สบตากับซูจิ่งสิง เขามีลางสังหรณ์ว่าตัวเองจบสิ้นแล้ว“เหตุใดที่นี่ถึงมีหมูป่าเยอะขนาดนี้?”กู้หว่านเยว่พูดจบ หมูป่าเหล่านั้นก็ไม่ได้ทำร้ายพวกเขา พวกมันหันหลังกลับ แล้ววิ่งพรวดพราดเข้าไปในป่า พื้นดินสะเทือน หลังจากนั้นก็หายไปจนหมดหมูป่าเหล่านี้คงไม่ได้มาปกป้องเสี่ยวจ้านจ้านหรอกนะ?กู้หว่านเยว่เกิดความคิดหนึ่งขึ้นในใจ เงยหน้ามองไปยังคนชุดดำสองคนนั้น แววตาเย็นชาจนน่ากลัว“จับพวกเขาสองคนเอาไว้”กล้ามาลักพาตัวลูกชายของนาง นางไม่มีทางปล่อยไปง่าย ๆ แน่“ไม่ต้องห่วง”ซูจิ่งสิงพูดขึ้นประโยคหนึ่ง พลางชักกระบี่อาทิตย์คำรามออกมา จากนั้นก็พุ่งตัวเข้าไปต่อสู้กับทั้งสองคนทันทีคนชุดดำสองคนนี้ก็มีพรรคพวกเช่นกัน พวกเขาผิวปากส่งสัญญาณ ไม่นานนัก ก็มีคนชุดดำอีกสิบกว่าคนมาจากทุกสารทิศน่าเสียดายที่พวกเขาต่างประเมินซูจิ่งสิงต่ำไป โดยเฉพาะในตอนนี้ที่เขาโกรธมาก“รนหาที่ตาย!”เขาโมโหอย่างยิ่ง ทุกท่วงท่าล้วนหมายเ
ในเมื่อท่านทำลายงานประมูลที่ล้ำค่าที่สุดของตลาดมืดอินซาน จึงเสนอให้อินซานลักพาตัวลูกที่ท่านรักมากที่สุด แล้วนำไปประมูลที่ตลาดมืดอินซาน...”“โครม!” ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ หักออกเป็นสองท่อนทันทีคนชุดดำตกใจกลัวจนตัวสั่น ทั้งคนแทบจะหมอบลงกับพื้น“สิ่งที่ข้าน้อยรู้ ข้าน้อยก็บอกไปหมดแล้ว เรื่องนี้คนทูเจวี๋ยนั่นเป็นคนบอกนายท่านของพวกเราจริง ๆ ข้าน้อยไม่ได้คิดจะทำร้ายคุณชายน้อย แค่พาคุณชายน้อยกลับไปให้นายท่านเท่านั้น”ซูจิ่งสิงมองเขาอย่างเย็นชา เขายังมีคำถามสุดท้ายอีกหนึ่งข้อ“รู้หรือไม่ว่านายท่านของพวกเจ้าหน้าตาเป็นอย่างไร?”เจ้าของตลาดมืดอินซานผู้อยู่เบื้องหลัง ปรากฏตัวอย่างลึกลับและไร้ร่องรอย ไม่มีใครในโลกนี้รู้จักหน้าตาของเขาจริง ๆ ครั้งที่แล้วที่พวกเขาสองสามีภรรยาถามพ่อบ้านเฉียน ปรากฏว่าพ่อบ้านเฉียนก็ไม่รู้เช่นกันครั้งนี้ ซูจิ่งสิงก็ถามไปโดยที่ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้คำตอบ“ข้าไม่รู้”เป็นไปอย่างที่คิดไว้ คนชุดดำส่ายหัว แต่หลังจากที่เห็นแววตาเย็นชาของเขา ก็รีบเอ่ยขึ้นมา“แต่ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่านายท่านหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ข้าเคยเห็นนายท่านสวมเสื้อคลุม ข้าสามารถวาดรูปลักษณะนั้นออก
“เจ้า...”คนชุดดำเบิกตากว้าง ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ล้มลงกับพื้นกู้หว่านเยว่เดินเข้าไป แล้วหยิบอาวุธลับชิ้นหนึ่งที่อยู่ใต้มือของเขาออกมา“ฉาบสารหนูไว้ ของสิ่งนี้มีพิษรุนแรง”เจ้านายเป็นเช่นไร สุนัขรับใช้ก็เป็นเช่นนั้น “เดิมทีต้องการเก็บชีวิตสุนัขรับใช้อย่างเขาไว้ แต่ตอนนี้ไม่มีประโยชน์แล้ว”“ระวังหน่อย”ซูจิ่งสิงหยิบอาวุธลับออกไปด้วยความประหม่า กลัวว่ากู้หว่านเยว่จะถูกลูกหลงไปด้วยในขณะนี้ชิงเหลียนและฉู่เฟิงก็รีบรุดมาถึงพร้อมกับองครักษ์จันทรา“นายท่าน ข้าน้อยมาช้าไป”เมื่อเห็นคุณชายน้อยไม่เป็นอะไรก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนพากันคุกเข่าลงกับพื้น“ไปรับโทษให้หมด”สีหน้าของซูจิ่งสิงค่อนข้างบึ้งตึง เกือบจะเกิดเรื่องกับจ้านจ้าน เขาไม่อาจใจเย็นอยู่ได้“ขอรับ”พวกเขาไม่ปริปากบ่น เพราะพวกเขาไม่ได้ปกป้องคุณชายน้อยให้ดี“น้องหญิง ส่งลูกมาให้ข้า”ซูจิ่งสิงอุ้มเด็กขึ้นมา แล้วพลิกตัวขึ้นหลังม้า พาสองแม่ลูกกลับจวนก่อนนางหยางและซูจิ้งร้อนใจจะแย่อยู่แล้ว เมื่อเห็นพวกเขากลับมา ก็รีบเข้ามาต้อนรับ“จ้านจ้านไม่เป็นไรใช่ไหม?”“ไม่เป็นไร เด็กคนนี้ดวงดีดวงแข็งมาก”สองสามีภรรยาเก็บเรื่องห
เมื่อกู้หว่านเยว่เดินไปเปิดประตู ก็เห็นเฉิงเซวียนและเนี่ยชิงหลานยืนอยู่ข้างนอกด้วยกัน“พี่หญิงกู้ พวกข้าได้ยินมาว่ามีคนจากตลาดมืดอินซานลักพาตัวจ้านจ้านไป” เนี่ยชิงหลานเข้ามาสอบถามอย่างร้อนใจ“พวกข้าพอจะรู้จักตลาดมืดอินซานอยู่บ้าง มีอะไรให้ช่วยไหม?”“พวกเจ้ารู้จักตลาดมืดอินซานหรือ?”กู้หว่านเยว่จำได้ว่า ตอนที่พวกเขาไปงานประมูลก่อนหน้านี้ เนี่ยชิงหลานสามารถอธิบายกฎของการประมูลได้อย่างฉะฉาน แล้วยังเปิดเผยข้อมูลมากมายเกี่ยวกับตลาดมืดอินซานอีกด้วย“ได้ตัวจ้านจ้านกลับมาแล้ว แต่ความแค้นนี้ ไม่จบแน่”กู้หว่านเยว่ไม่อ้อมค้อม“พวกเจ้ารู้จักตลาดมืดอินซานมากน้อยแค่ไหน”เนี่ยชิงหลานเอ่ยปากว่า “พี่หญิงกู้ ท่านวางแผนจะไปแก้แค้นตลาดมืดอินซานหรือ?”กู้หว่านเยว่ไม่ปฏิเสธ นางอดปิดปากไม่ได้ “โอ้พระเจ้า ท่านคิดดีแล้วหรือ?”“หยุดพูดเรื่องไร้สาระ”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้ว เขาจะไม่ยอมปล่อยคนจากเขาอินซานไปเด็ดขาด“เจ้าค่ะ”เนี่ยชิงหลานกลืนน้ำลาย “แต่สถานการณ์ของตลาดมืด ให้พี่ชายบอกกับพวกท่านดีกว่า เขารู้มากกว่า”เนี่ยชิงหลานชี้ไปที่เฉิงเซวียนที่อยู่ข้างกาย สองสามีภรรยารู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเฉิงเซวียนกระ
“นกพิราบทองคำในตำนาน?”เขามองไปที่นกพิราบอย่างไม่วางตา“ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับนกพิราบชนิดนี้จากในหนังสือเท่านั้น ได้ยินว่านกพิราบนี้โบยบินสามพันลี้ต่อวัน และมีสติปัญญาสูงมาก ตลอดชีวิตจะยอมรับเจ้าของเพียงผู้เดียวไม่ว่าจะบินไปที่ใด ตราบใดที่เจ้าของยังมีชีวิตอยู่ มันจะกลับไปอยู่กับเจ้าของเสมอไม่คิดว่าวันนี้ข้าจะได้เห็นนกพิราบทองคำ ช่างเปิดหูเปิดตาจริง ๆ”เขาถามซักไซ้อีกประโยคหนึ่งอย่างอดไม่ได้ “ท่านอ๋อง ท่านได้นกพิราบตัวนี้มาจากไหน?”“หุบเขาลึก”ซูจิ่งสิงตอบคำหนึ่ง แล้วส่งกระดาษกับพู่กันให้เขา “เขียนจดหมาย”“ขอรับ”เฉิงเซวียนวางนกพิราบทองคำลงอย่างรู้กาลเทศะ ของสิ่งนี้ไม่ว่าจะดีแค่ไหนก็ไม่ใช่ของเขา เขาแค่ได้ชื่นชมก็พอแล้วก่อนจะรีบเขียนจดหมายฉบับหนึ่งจนเสร็จ แล้วผูกไว้บนเท้าของนกพิราบทองคำ“ท่านอ๋อง ชายาท่านอ๋อง พวกท่านวางใจเถอะ หลังจากแม่ของข้าเห็นจดหมายฉบับนี้ของข้าแล้วก็จะส่งแผนที่มาให้”“ขอบคุณมาก”กู้หว่านเยว่เหลือบมองเฉิงเซวียนด้วยความชื่นชมมากขึ้น เมื่อก่อนเคยรู้สึกว่าคนผู้นี้มีแนวคิดชายเป็นใหญ่และไม่มีประโยชน์ใด ๆ“ไม่ต้องเกรงใจ ๆ ถ้าไม่ได้ชายาท่านอ๋อง ขาของข้าก็พิกา
เวินทิงอวิ๋นแย้มมุมปาก ไม่เห็นซูจิ่งสิงอยู่ในสายตาสักเท่าใด ในสายตาของเขา อีกฝ่ายเป็นเพียงแม่ทัพคนหนึ่งเท่านั้น จะเก่งกาจสักแค่ไหนกันเชียว?...กู้หว่านเยว่รอฟังข่าวจากเฉิงเซวียน ขณะเดียวกันก็กำลังยุ่งอยู่กับธุระของร้านดอกท้อและในวันนี้เองซูจิ่นเอ๋อร์ก็วิ่งเข้ามาหาอย่างรีบร้อน “พี่สะใภ้ใหญ่ มีเรื่องที่ต้องให้พี่ช่วยอีกเจ้าค่ะ”“อะไรหรือ?”นังหนูคนนี้นับตั้งแต่เปิดร้านอาหารมา ก็แทบจะไม่เคยแสดงท่าทีจนปัญญาเช่นนี้เลย“ใต้เท้าฟู่ อาการป่วยของเขาหนักขึ้น เขากลับมาเมื่อวาน ปรากฏว่าอาเจียนเป็นเลือด”ซูจิ่นเอ๋อร์ร้องไห้ออกมาทันที“เขาซ่อนผ้าเช็ดหน้าที่เปื้อนเลือดไว้ แต่สุดท้ายก็ถูกข้าพบเข้าพี่สะใภ้ใหญ่ ข้าจำได้ว่าครั้งหนึ่งท่านเคยบอกข้าว่า เขาป่วยด้วยโรคติดต่อสองครั้งเป็นอันตรายอย่างรุนแรง จะมีชีวิตอยู่ได้เพียงสามถึงห้าปีเท่านั้นแต่เพราะเหตุใด เพิ่งผ่านมาเพียงปีเดียวก็กลายเป็นแบบนี้แล้ว?”หลังจากนางพบผ้าเช็ดหน้าก็ไม่กล้าบอกฟู่หลานเหิง เป็นห่วงว่าอีกฝ่ายจะทำใจรับไม่ได้ แต่ก็ทนไม่ไหวจริง ๆ จึงรีบไปหากู้หว่านเยว่“ฟู่หลานเหิงอาเจียนเป็นเลือดหรือ?”เรื่องนี้กู้หว่านเยว่ก็คาดไม่ถึง
กู้หว่านเยว่หยิบยาเม็ดขวดหนึ่งออกมาก่อน แล้วไปหาซูจิ้ง ผู้อาวุโสทั้งสองกำลังอุ้มจ้านจ้านเล่นอยู่ตั้งแต่จ้านจ้านเกือบจะถูกคนชุดดำลักพาตัวไปเมื่อคราวก่อน สองวันมานี้ เมื่อใดก็ตามที่ผู้อาวุโสทั้งสองมีเวลา ก็จะไปที่เรือนของจ้านจ้าน“อุแว้!”เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่เข้ามาใกล้ เด็กน้อยก็โบกไม้โบกมือทั้งสอง“เด็กดี”กู้หว่านเยว่หอมแก้มของเขา ก่อนจะส่งยาให้ซูจิ้ง“ท่านพ่อ นี่คือยาเม็ดที่ข้าคิดค้นขึ้นมา สามารถช่วยฟื้นฟูกล่องเสียงของท่านได้”ซูจิ้งค่อนข้างแปลกใจ แต่นางหยางกลับตอบสนองทันที รีบรับขวดยาไป พร้อมกับถามด้วยความตื่นเต้น“กินยานี้แล้ว พ่อตาของเจ้าก็จะพูดได้เป็นปกติแล้วใช่ไหม?”“ถ้าฟื้นฟูได้ดี ก็จะพูดได้อีกครั้งแน่นอน”กู้หว่านเยว่พยักหน้า นางหยางดีใจจนน้ำตาไหล กอดซูจิ้งไว้“ดีจังเลยท่านพี่ ข้ารู้ว่าหว่านเยว่ต้องมีวิธีช่วยให้ท่านฟื้นคืนสู่สภาพเดิมได้”ความจริงที่ซูจิ้งกลับมาได้ นางก็มีความสุขมากแล้วแต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายพูดไม่ได้ นางก็รู้สึกปวดใจอยู่เสมอ“อา ๆ” ซูจิ้งตื่นเต้นจนลืมใช้กระดาษกับพู่กัน“ยานี้ต้องใช้เป็นประจำ วันละหนึ่งครั้งห้ามขาด”กู้หว่านเยว่ยิ้มพลางกำชับว่า คว
“เจ้าจะช่วยส่งจดหมายให้พวกข้าหรือ?”เยียนอวิ๋นชูมองไปที่กู้หว่านเยว่อย่างคาดไม่ถึง ดวงตาแจ่มใสทั้งคู่ที่มองไปที่กู้หว่านเยว่ เขาเชื่อมั่นในตัวนางมากจริง ๆ“ไม่ได้ มันจะทำให้เจ้ายุ่งยากเกินไป”เยียนอวิ๋นชูใจเต้นอยู่ชั่วขณะ หันหน้าไปอย่างรวดเร็วอาจเป็นเพราะหลายทศวรรษที่ผ่านมา เขาเคยชินกับการปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยท่าทีเฉยชา ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในเวลาอันสั้นการเอาตัวออกห่าง เป็นวิธีการปกป้องตัวเอง และปกป้องมิตรสหายของเขาด้วยกู้หว่านเยว่ถือโอกาสรับจดหมายของเขามา “เฮ้อ ท่านอย่ามัวชักช้าเลย ฟังจากคำพูดของท่าน พี่ชายของท่านไปที่เมืองอูถ่านแล้ว หากช้ากว่านี้ก็คงไม่ทันกาล เอาจดหมายมาให้ข้า พวกข้าจะไปส่งให้ท่านเอง”เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่โผงผางเช่นนี้ เยียนอวิ๋นชูก็เบิกตาทั้งสองกว้างอย่างตกตะลึง“เจ้า เจ้า...” เขาคงไม่สามารถแย่งจดหมายกลับมาได้อีกแล้วกระมัง?“คุณชายรอง ในเมื่อวีรบุรุษหนุ่มทั้งสองท่านนี้ต้องการช่วยเหลือเรา สู้เราเอาจดหมายให้พวกเขาดีกว่า สถานการณ์เร่งด่วน เราไม่อาจมัวลังเลได้”เซียวหลิ่นที่อยู่ข้าง ๆ รีบเอ่ยขึ้น ความจริงเขาก็กำลังคิดจะขอความช่วยเหลือจากกู้หว่านเยว่ เพีย
จากระดับความรักที่พี่ชายมีต่อเขา ต้องตามราวีซูจิ่งสิงอย่างไม่เลิกราแน่นอนลองคิดดูอีกที ช่วงนี้ใครอีกที่ต้องการยืมมือของพี่ชายเพื่อฆ่าซูจิ่งสิง“เหยลวี่เจิง”ดวงตาของเยียนอวิ๋นชูขรึมลงเล็กน้อย พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “เขาต้องการฆ่าข้า จากนั้นค่อยยืมมือพี่ชายของข้าฆ่าซูจิ่งสิง”กู้หว่านเยว่ตกตะลึงเล็กน้อย เยียนสือซานรับปากเหยลวี่เจิงว่าจะไปฆ่าซูจิ่งสิงตั้งแต่แรกแล้วมิใช่หรือ?หรือว่าเขาจะยังไม่ตอบตกลง!เหยลวี่เจิงจึงเสี่ยงเพราะเข้าตาจน วางแผนที่จะใช้เยียนอวิ๋นชูมายั่วยุความโกรธแค้นระหว่างเขากับซูจิ่งสิง?อย่างนี้เยียนอวิ๋นชูจึงไม่รู้เรื่องอะไรเลยและเยียนสือซานก็ไม่ถือเป็นศัตรูของพวกเขาในขณะนี้“รีบนำปากกาและพู่กันมาให้ข้า ข้าต้องเรียบเรียงจดหมายส่งให้พี่ใหญ่ ไม่ให้เขาตกหลุมพรางของคนอื่นอย่างเด็ดขาด”เยียนอวิ๋นชูรีบขอกระดาษและพู่กันจากองครักษ์ กู้หว่านเยว่ถามด้วยความใคร่รู้“พี่ใหญ่ของท่านอยู่แถวนี้หรือ?”เยียนอวิ๋นชูมองไปที่กู้หว่านเยว่ แม้ว่าสายตาของเขายังคงเย็นชาเหมือนในตอนแรก แต่ที่จริงแล้วในใจของเขามีความเชื่อถือต่อกู้หว่านเยว่ตั้งนานแล้ว“ไม่ใช่ พี่ใหญ่อยู่ในเมืองอูถ่าน”
“โอ๊ย!” ชายที่ลอบโจมตีร้องโหยหวน ก่อนจะล้มลงกับพื้นกู้หว่านเยว่มองไปที่เยียนอวิ๋นชูอย่างประหลาดใจ ไม่คิดว่าเขาจะใช้อาวุธลับและเมื่อพิจารณาจากความแข็งแกร่งของอาวุธลับนี้แล้ว ก็ไม่ได้เป็นรองธนูในมิติของนางดูเหมือนว่าเยียนอวิ๋นชูก็ไม่ใช่คนพิการที่ไร้ประโยชน์เช่นกันชายผู้นั้นล้มลงกับพื้น เมื่อเห็นสหายถูกฆ่าตายหมด ก็โกรธจนกระอักเลือดออกมาเต็มปากเขารู้อยู่แก่ใจว่าสถานการณ์เลวร้ายลงจนไม่อาจแก้ไขได้แล้ว ก่อนจะตะโกนลั่นด้วยสายตาที่ชั่วร้าย“พวกเจ้าสองคนสมควรตาย มาทำลายแผนการของเจิ้นเป่ยอ๋อง ท่านอ๋องจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่!”หลังจากพูดจบ หน้าอกของเขาก็ถูกลูกศรของซูจิ่งสิงเจาะทะลุ หลังจากกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ก็ขาดใจตายในทันใดมองดูร่างของชายผู้นั้น กู้หว่านเยว่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็โกรธจัดนี่มันอะไรกัน? ก่อนตายยังไม่หยุด ยังโยนความผิดมาใส่ตัวพวกเขาอีก!“เจิ้นเป่ยอ๋อง?”สีหน้าของเยียนอวิ๋นชูเปลี่ยนไปตามคาดได้ยินมาว่าที่ครั้งนี้พี่ใหญ่ได้รับเชิญให้ไปทูเจวี๋ย ก็เพื่อช่วยเหลือแม่ทัพเหยลวี่เจิ้งแห่งทูเจวี๋ยในการสังหารเจิ้นเป่ยอ๋องเพียงแต่ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอันใด พี่ใหญ่ถึงไม่ตอบตกลง
“พี่ใหญ่เกิดเรื่อง ข้าจะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร?”คำพูดขององครักษ์เยียนอวิ๋นชูฟังไม่เข้าหูเลย เขาขมวดคิ้วอย่างหนัก แล้วหมุนวงล้อด้านล่างวนรอบห้องเหมือนเดิมนี่คือสีหน้าของเขาเวลาตึงเครียดและในเวลานี้เอง ก็มีคนสองคนวิ่งเข้ามาจากด้านนอกประตู ทั้งคู่สวมเสื้อผ้าสีดำ ถือมีดเล่มใหญ่ไว้ในมือ จ้องมองเยียนอวิ๋นชูตาเป็นมัน“พวกเจ้าเป็นใคร บุกรุกเข้ามาทำไม?”“แหะ ๆ คุณชายรองสกุลเยียนยังมัวกังวลว่าพวกข้าคือใคร สนใจชีวิตของตัวท่านเองก่อนเถอะ” หนึ่งในนั้นยิ้มเยาะเยียนอวิ๋นชูก็ไม่ใช่คนโง่เขลาเช่นกัน เมื่อพิจารณาจากท่าทางของคนทั้งสอง แล้วนึกถึงจดหมายลับที่เขาเพิ่งได้รับมาอย่างไร้ที่มาที่ไป ก็เข้าใจในทันทีว่ามีคนจงใจวางกับดักไว้ต้องการโยกย้ายองครักษ์ที่อยู่ข้างกายเขาไปที่อื่น แล้วค่อยปลิดชีวิตเขา“พวกเจ้าไม่รู้จักตัวตนของข้าหรือ หากพี่ชายของข้ารู้เรื่องนี้ เขาจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปเด็ดขาด”เยียนอวิ๋นชูเกลี้ยกล่อมให้พูดความจริง คนที่บุกเข้ามาอีกคนก็หัวเราะหึหึ “พี่ชายของท่านไม่ใช่มือสังหารอันดับหนึ่งในรายชื่อหรอกหรือ นายของพวกข้าไม่เห็นพี่ชายของท่านอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ”เยียนอวิ๋นชูจับคำสำคัญได้
กู้หว่านเยว่แจ้งรายชื่ออาหารห้าหกรายการติดต่อกัน บริกรดีใจจนยิ้มไม่หุบ“ได้ขอรับ นายท่านกรุณารอสักครู่ อีกครึ่งชั่วยาม ข้าน้อยจะนำอาหารไปส่งที่ห้องพักของนายท่าน”“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”กู้หว่านเยว่ยื่นเงินให้ แล้วหันหลังเดินขึ้นบันไดไปแต่ในขณะที่เดินผ่านห้องพัก กลับได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากข้างใน“...จำไว้นะ ลงมือทันทีที่ฟ้ามืด สังหารเยียนอวิ๋นชูได้เลย”ชื่อที่คุ้นเคยทำให้กู้หว่านเยว่ชะงักฝีเท้า รีบหลบไปแอบฟังอยู่ข้าง ๆ“เจ้าจัดเตรียมข้าวของทุกอย่างพร้อมแล้วหรือยัง?”“จัดเตรียมพร้อมแล้ว ไม่เห็นหรือ นี่คือหนังสือที่เขียนด้วยเลือด ข้าให้คนเขียนเลียนแบบลายมือของเยียนอวิ๋นชู”ชายคนหนึ่งในนั้นกล่าวอย่างภาคภูมิใจแค่เพียงเยียนสือซานได้เห็นหนังสือเลือดเล่มนี้ ก็จะระบุตัวฆาตกรว่าเป็นซูจิ่งสิง แล้วก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเราอีกในใจของกู้หว่านเยว่เริ่มเกิดคลื่นถาโถม ชายสองคนที่วางแผนลับอยู่ในห้องคือใครกัน พวกเขาต้องการฆ่าเยียนอวิ๋นชู ซ้ำยังจะโยนบาปนี้มาให้ซูจิ่งสิงอีก?เพื่อความปลอดภัย กู้หว่านเยว่ไม่ได้บุกเข้าไปในห้อง แล้วจับกุมพวกเขาในทันทีแต่เจาะหน้าต่างอย่างระ
รถเข็นของใครคนหนึ่ง พุ่งเข้ามาหากู้หว่านเยว่อย่างควบคุมไม่ได้สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไปทันที ถ้ารถเข็นคันนี้ชนตัวนาง นางต้องเอวหักแน่ในช่วงเวลาสำคัญ นางเปิดใช้งานความสามารถพิเศษ ถึงพอจะหยุดรถเข็นเอาไว้ได้“ทำไมท่านไม่ระวังหน่อย เกือบจะชนพี่รองของข้าแล้ว!”เสี่ยวถ่านตกใจจนดึงกู้หว่านเยว่มาตรวจดู“ไม่เป็นไรเสี่ยวถ่าน เขาพิการ ควบคุมรถเข็นไม่ได้”กู้หว่านเยว่เป็นคนใจดีอยู่แล้ว ไม่ถือสาชายผู้นั้น ไม่นึกว่าชายผู้นั้นกลับจ้องเขม็งใส่นางอย่างดุร้าย“เจ้าว่าใครพิการนะ?”เสียงอันโกรธเกรี้ยวทำให้กู้หว่านเยว่จ้องมองเขาอย่างจริงจัง ถึงพบว่าเขาเป็นผู้ชายที่หล่อเหลามากคนหนึ่งเพียงแต่ใบหน้าของชายผู้นั้นเฉยเมย คนที่ไม่รู้เรื่องยังนึกว่านางติดหนี้เขาหลายล้าน“ท่านเป็นคนชนพี่รองของข้าแท้ ๆ ทำไมยังดุร้ายกับพี่รองของข้าอีก?”แม้ว่าเสี่ยวถ่านจะขี้ขลาด แต่หากเป็นเรื่องของกู้หว่านเยว่ นางจะขึ้นมาอยู่แถวหน้าชายผู้นั้นกลับมองไปที่กู้หว่านเยว่ “ขอโทษข้าด้วย”สายตาที่แข็งกร้าวของเขาทำให้กู้หว่านเยว่พูดไม่ออกแต่เมื่อมองไปยังขาทั้งสองที่พิการของเขา ก็พอจะเข้าใจได้บ้างคนประเภทนี้มีความนับถื
และศัตรูของศัตรูก็คือมิตรเหยลวี่เจิงมีความแค้นที่สังหารมารดาของเสี่ยวถ่าน เก็บเสี่ยวถ่านไว้ก็ไม่เสียหายอะไร“พี่หญิงกู้ ทะ ท่านไม่กลัวว่าข้าจะทำให้ท่านเดือดร้อนหรือ?”“ถ้ากลัวว่าเจ้าจะทำให้ข้าเดือดร้อนจริง ๆ ข้าก็คงทิ้งเจ้าไว้ที่โรงเตี๊ยมในเมืองชิงซานตั้งแต่แรกแล้ว ปล่อยให้เจ้าเอาตัวรอดเอง จะพาเจ้าออกมาทำไมกัน”กู้หว่านเยว่หุบยิ้ม เด็กคนนี้ดีใจจนเสียสติไปแล้วหรือ?เสี่ยวถ่านก็รู้สึกตัว เอามือลูบศีรษะด้วยความเขินอายหลังจากที่ตื่นเต้นดีใจจนลืมตัวไป นางรีบคุกเข่าลงต่อหน้ากู้หว่านเยว่“พี่หญิงกู้ บุญคุณที่ท่านช่วยชีวิตเสี่ยวถ่าน เสี่ยวถ่านจะจดจำไว้ในใจ หากมีโอกาสในภายภาคหน้า ข้าจะตอบแทนท่านอย่างแน่นอน”เสี่ยวถ่านรีบคุกเข่าลงกับพื้น โขกศีรษะลงคำนับกู้หว่านเยว่อย่างจริงจังสองครั้งกู้หว่านเยว่พิจารณารูปลักษณ์ของนาง แม้จะสวมชุดผู้ชายอยู่ แต่เมื่อใบหน้าเล็ก ๆ นั้นสะอาดสะอ้านแล้ว มองอย่างไรก็เป็นเด็กผู้หญิงชัด ๆ “เจ้าแต่งตัวแบบนี้ไม่ได้ หากเจอทหารตรวจจะถูกเปิดเผยตัวตนได้ง่าย ๆ ข้าช่วยปลอมตัวให้เจ้าดีกว่า”กู้หว่านเยว่เปิดกล่องยา หยิบอุปกรณ์ปลอมตัวออกมา นางลงมือจัดการใบหน้าของเสี่ยวถ
ก่อนหน้านี้ เสี่ยวถ่านเป็นเพียงแค่เด็กที่ไร้ซึ่งความกังวลใด ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างเสด็จพ่อและเสด็จแม่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เสี่ยวถ่านก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ“ต่อมา ข้าก็ไม่รู้ว่าแม่ทัพเหยลวี่เจิงไปพูดอะไรกับเสด็จพ่อเสด็จพ่อจึงส่งข้าและเสด็จแม่ไปที่เมืองเทียนสุ่ย”“เมืองเทียนสุ่ย?” ดวงตาดำขลับของซูจิ่งสิงเผยความตกตะลึง แล้วอธิบาย “ได้ยินมาว่าเมืองเทียนสุ่ยขาดแคลนเสบียงอาหาร สิ่งของเครื่องใช้ สภาพแวดล้อมที่นั่นเลวร้ายยิ่งกว่าเจดีย์หนิงกู่เสียอีก”“ท่านพูดถูก ตอนที่ข้าได้ยินว่าเสด็จพ่อจะส่งพวกเราไปที่เมืองเทียนสุ่ย ปฏิกิริยาแรกของข้าคือการปฏิเสธ ข้าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเสด็จพ่อถึงทำแบบนี้กับพวกเรา น่าเสียดาย ข้าอ้อนวอนมากเท่าไร เสด็จพ่อก็ไม่สนใจ เขายังคงส่งข้าและเสด็จแม่ไปที่เมืองเทียนสุ่ย”เสี่ยวถ่านยิ้มอย่างขมขื่น“หลังจากมาถึงเมืองเทียนสุ่ย ข้ากับเสด็จแม่ก็ถูกจับตามองตลอดเวลา”คงเป็นเพราะเสด็จแม่รู้สึกถึงอันตราย ตระหนักว่าตัวเองอาจประสบภัยได้ทุกเมื่อ จึงไม่ปกป้องข้าเหมือนเมื่อก่อน และเล่าทุกอย่างให้ข้าฟัง”ที่แท้เสด็จแม่ของเสี่ยวถ่านเป็นคนสกุลชุย ซึ่งสกุลชุยและสกุลเห
นี่มันของขวัญบ้าบออะไรกัน หากท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิงได้รับของขวัญชิ้นนี้จริง ๆ เขาจะโมโหอย่างรุนแรงแค่ไหนกัน“จับพวกเขาไว้ ไม่ ฆ่าพวกเขาไปเลย รีบฆ่าพวกเขาสองคนเสีย!”เจ้าเมืองชิงซานตะโกนอย่างบ้าคลั่งตอนนี้หนทางรอดเดียวของเขา คือต้องจับตัวฆาตกรสองคนนี้มาให้ได้ แล้วนำศพของพวกเขาไปมอบให้ท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิง บางทีอาจจะช่วยระงับความโกรธของแม่ทัพเหยลวี่เจิง และรักษาศีรษะของเขาไว้ได้“ท่านพี่ ไปกัน!”กู้หว่านเยว่แค่อยากยั่วโมโหเจ้าเมืองชิงซานสักหน่อย ไม่ได้อยากจะเผชิญหน้ากับเขาตรง ๆ นางยังต้องรีบไปที่เมืองอูถ่านเพื่อจัดการเหยลวี่เจิงอย่างไรเล่าซูจิ่งสิงได้รับคำสั่งจากนาง ปลายเท้าแตะพื้น โอบเอวบางของนางไว้ด้วยมือเดียว จากนั้นทะยานหายไปในความมืดมิด ทิ้งไว้เพียงเสียงกรีดร้องของเจ้าเมืองชิงซานหลังจากที่ทั้งสองคนออกจากโรงเตี๊ยมแล้ว พวกเขาไม่ได้ออกจากเมืองชิงซานในทันที แต่กลับมุ่งหน้าไปยังจวนเจ้าเมืองก่อนตามความเคยชิน กู้หว่านเยว่จึงไปที่ห้องเก็บของเพื่อกวาดทรัพย์สินก่อน กวาดเอาของทุกอย่างในจวนเจ้าเมืองจนหมดเกลี้ยง จากนั้นจึงค่อยจากไปอย่างพึงพอใจเมื่อเจ้าเมืองชิงซานพบว่าบ้านของเขาถูกขโ