เวินทิงอวิ๋นแย้มมุมปาก ไม่เห็นซูจิ่งสิงอยู่ในสายตาสักเท่าใด ในสายตาของเขา อีกฝ่ายเป็นเพียงแม่ทัพคนหนึ่งเท่านั้น จะเก่งกาจสักแค่ไหนกันเชียว?...กู้หว่านเยว่รอฟังข่าวจากเฉิงเซวียน ขณะเดียวกันก็กำลังยุ่งอยู่กับธุระของร้านดอกท้อและในวันนี้เองซูจิ่นเอ๋อร์ก็วิ่งเข้ามาหาอย่างรีบร้อน “พี่สะใภ้ใหญ่ มีเรื่องที่ต้องให้พี่ช่วยอีกเจ้าค่ะ”“อะไรหรือ?”นังหนูคนนี้นับตั้งแต่เปิดร้านอาหารมา ก็แทบจะไม่เคยแสดงท่าทีจนปัญญาเช่นนี้เลย“ใต้เท้าฟู่ อาการป่วยของเขาหนักขึ้น เขากลับมาเมื่อวาน ปรากฏว่าอาเจียนเป็นเลือด”ซูจิ่นเอ๋อร์ร้องไห้ออกมาทันที“เขาซ่อนผ้าเช็ดหน้าที่เปื้อนเลือดไว้ แต่สุดท้ายก็ถูกข้าพบเข้าพี่สะใภ้ใหญ่ ข้าจำได้ว่าครั้งหนึ่งท่านเคยบอกข้าว่า เขาป่วยด้วยโรคติดต่อสองครั้งเป็นอันตรายอย่างรุนแรง จะมีชีวิตอยู่ได้เพียงสามถึงห้าปีเท่านั้นแต่เพราะเหตุใด เพิ่งผ่านมาเพียงปีเดียวก็กลายเป็นแบบนี้แล้ว?”หลังจากนางพบผ้าเช็ดหน้าก็ไม่กล้าบอกฟู่หลานเหิง เป็นห่วงว่าอีกฝ่ายจะทำใจรับไม่ได้ แต่ก็ทนไม่ไหวจริง ๆ จึงรีบไปหากู้หว่านเยว่“ฟู่หลานเหิงอาเจียนเป็นเลือดหรือ?”เรื่องนี้กู้หว่านเยว่ก็คาดไม่ถึง
กู้หว่านเยว่หยิบยาเม็ดขวดหนึ่งออกมาก่อน แล้วไปหาซูจิ้ง ผู้อาวุโสทั้งสองกำลังอุ้มจ้านจ้านเล่นอยู่ตั้งแต่จ้านจ้านเกือบจะถูกคนชุดดำลักพาตัวไปเมื่อคราวก่อน สองวันมานี้ เมื่อใดก็ตามที่ผู้อาวุโสทั้งสองมีเวลา ก็จะไปที่เรือนของจ้านจ้าน“อุแว้!”เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่เข้ามาใกล้ เด็กน้อยก็โบกไม้โบกมือทั้งสอง“เด็กดี”กู้หว่านเยว่หอมแก้มของเขา ก่อนจะส่งยาให้ซูจิ้ง“ท่านพ่อ นี่คือยาเม็ดที่ข้าคิดค้นขึ้นมา สามารถช่วยฟื้นฟูกล่องเสียงของท่านได้”ซูจิ้งค่อนข้างแปลกใจ แต่นางหยางกลับตอบสนองทันที รีบรับขวดยาไป พร้อมกับถามด้วยความตื่นเต้น“กินยานี้แล้ว พ่อตาของเจ้าก็จะพูดได้เป็นปกติแล้วใช่ไหม?”“ถ้าฟื้นฟูได้ดี ก็จะพูดได้อีกครั้งแน่นอน”กู้หว่านเยว่พยักหน้า นางหยางดีใจจนน้ำตาไหล กอดซูจิ้งไว้“ดีจังเลยท่านพี่ ข้ารู้ว่าหว่านเยว่ต้องมีวิธีช่วยให้ท่านฟื้นคืนสู่สภาพเดิมได้”ความจริงที่ซูจิ้งกลับมาได้ นางก็มีความสุขมากแล้วแต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายพูดไม่ได้ นางก็รู้สึกปวดใจอยู่เสมอ“อา ๆ” ซูจิ้งตื่นเต้นจนลืมใช้กระดาษกับพู่กัน“ยานี้ต้องใช้เป็นประจำ วันละหนึ่งครั้งห้ามขาด”กู้หว่านเยว่ยิ้มพลางกำชับว่า คว
ดวงตาทั้งสองของลั่วยางเป็นประกาย“แมงกะพรุนฝันสู่สวรรค์ นี่คือสมุนไพรที่ทำมาจากแมงกะพรุนฝันสู่สวรรค์จริง ๆ!”ลั่วยางอุทานด้วยความประหลาดใจอย่างอดไม่ไหว ตอนนี้นางได้ทุ่มเทให้กับการศึกษาวิชาแพทย์ มีเพียงสมุนไพรเท่านั้นที่จะทำให้ดวงตาทั้งสองของนางเปล่งประกายได้“ของสิ่งนี้หายากมากหรือ?” เกาเจี้ยนประหลาดใจ“ไม่ใช่แค่หายาก แต่พานพบได้ด้วยวาสนาเท่านั้น แม้แต่อาจารย์ของข้าที่มีชีวิตอยู่เกือบร้อยปีแล้ว ก็ยังไม่เคยเห็นของสิ่งนี้มาก่อน ข้าก็เคยเห็นจากในหนังสือเท่านั้น”ลั่วยางมีสีหน้าอิจฉา พี่หญิงหว่านเยว่นี่สวรรค์คัดสรรจริง ๆ โชคดีเหลือเกินที่มีอยู่ในมือ ลำพังสมุนไพรหายากก็มากมายแล้ว“ของสิ่งนี้ล้ำค่าขนาดนี้เชียวหรือ?”เกาเจี้ยนชักมือกลับในทันใด พลางส่ายหน้า“ของที่ล้ำค่าเช่นนี้ เจ้าเก็บไว้กับตัวเองดีกว่า ตาข้างนี้ของข้าก็บอดมาหลายปีแล้ว ข้าเคยชินแล้ว”“โห มองไม่ออกเลยว่าคนอย่างท่านนั้นยิ่งใหญ่มาก” ลั่วยางเลิกคิ้วขึ้นเกาเจี้ยนเคยชินกับปากของนางแล้วอย่างจำใจ เลือกที่จะไม่พูดอะไร แต่เป็นกู้หว่านเยว่เองที่ยัดยาใส่มือเขา“รับไปเถอะ ไม่งั้นข้ากับท่านอ๋องจะสบายใจไม่ได้”นางกล่าวเสริมอี
หลังจากทั้งสองเข้ามาในห้องหนังสือ ก็นั่งอยู่หน้าโต๊ะเขียนหนังสือด้วยกันพร้อมกับกางแผนที่ออกแผนที่นี้ไม่ได้ใหญ่มากเมื่อดูสัญลักษณ์บนแผนที่ กู้หว่านเยว่ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“ได้แผนที่มาแล้ว แต่พวกเราสองคนกลับไม่เข้าใจสัญลักษณ์บนแผนที่”ซูจิ่งสิงหยิบมาศึกษาดูสักครู่ แล้วก็ต้องพยักหน้ายอมรับ เขาเองก็ไม่เข้าใจแผนที่ฉบับนี้เช่นกัน“เรียกเฉิงเซวียนเข้ามา บางทีเขาอาจจะอ่านเข้าใจก็ได้”หลังจากทั้งสองหารือกันแล้ว ก็โทรเรียกเฉิงเซวียนเข้ามาหลังจากรับแผนที่มาแล้ว เฉิงเซวียนมองปราดเดียวก็พยักหน้า “ใช่แล้ว แผนที่ฉบับนี้ท่านตาของข้าวาดเองกับมือ ลองดูสิตรงกลางแผนที่นี้ก็คือตลาดมืดอินซาน”กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้ว “แผนที่ฉบับนี้พวกข้าสองคนอ่านไม่เข้าใจเลย”เฉิงเซวียนครุ่นคิดอยู่สักครู่ ก่อนจะกล่าวว่า “มีแผนที่ปกติไหม ข้าจะได้วาดเส้นทางของตลาดมืดอินซานลงบนแผนที่ได้”“มี”กู้หว่านเยว่รีบหยิบแผนที่ปกติออกมาวางไว้ตรงหน้าเฉิงเซวียน เขาวาดเส้นทางลงบนแผนที่นั้นแบบนี้กู้หว่านเยว่ก็เข้าใจได้แล้ว“ท่านเคยไปสถานที่แห่งนี้ไหม?” กู้หว่านเยว่เอ่ยถามซูจิ่งสิงซูจิ่งสิงส่ายหัว“แม้ว่าที่นี่จะเป็นพรม
มีข้านำทางไป ก็สะดวกกว่าเช่นกัน”กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้ว “ขาท่านบาดเจ็บคงไม่สะดวกหรอกนะ...”“ไม่เป็นไร ถึงเวลานั้นเราจะนั่งรถม้าไป”“ความจริงแล้วเขาไม่อยากไป แต่เมื่อเห็นญาติผู้น้องอยากไปขนาดนี้ จึงทำได้เพียงตามนางไปยิ่งไปกว่านั้นก่อนตายท่านตาเป็นห่วงเรื่องความขัดแย้งกับตลาดมืดอินซานมาโดยตลอด บางทีเขาควรไปสักครั้ง ดูว่าตอนนั้นท่านตาต้องพบเจออะไรบ้างในตลาดมืดอินซานหลังจากเข้าใจในเรื่องนี้แล้ว สายตาของเฉิงเซวียนก็เด็ดเดี่ยวเป็นพิเศษ“แม้ว่าข้าจะไม่รู้ทักษะการต่อสู้ แต่ข้าก็รู้จักเขาอินซานดีกว่าพวกท่าน จะไม่เป็นตัวถ่วงของพวกท่านแน่”กู้หว่านเยว่ตกอยู่ในภวังค์ความคิดถ้านางและสามีไปก็ต้องนั่งเฮลิคอปเตอร์ไป ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าขี่ม้าไปเมื่อไหร่จะถึง แต่พวกเขาทั้งสองได้ตัดสินใจที่จะยึดครองสาขาก่อน หมายความว่ายังพอมีเวลาก่อนจะไปที่สำนักงานใหญ่ เพียงพอสำหรับพวกเฉิงเซวียนที่จะเร่งเดินทาง“เอาอย่างนี้แล้วกัน พวกเราแยกเป็นสองทาง”กู้หว่านเยว่เสนอความคิดขึ้น“เจ้ากับชิงหลาน พวกเจ้าสองคนออกเดินทางจากเมืองอวี้ก่อน มุ่งหน้าไปยังตลาดมืดอินซาน ไปรอพวกเราอยู่ที่เมืองเกอปี้นอกเขาอินซาน”“พวก
“เจ้าค่ะ”ชิงเหลียนเผยสีหน้ายินดีปรีดา หงเจารีบถามขึ้น “แล้วบ่าวล่ะเจ้าคะ”“เจ้าอยู่เฝ้าเมืองอวี้ ไม่ว่าจะเป็นที่ดินศักดินา ร้านค้า รวมถึงซุนมู่เจี้ยง ก็ต้องให้เจ้าจับตาดูไว้”กู้หว่านเยว่มอบหมายหน้าที่ แม้ว่าหงเจาอยากจะไปกับนางมากก็ตามแต่นางก็รู้ว่าการอยู่ที่นี่จะเป็นประโยชน์ต่อกู้หว่านเยว่มากกว่าดังนั้นจึงเชื่อฟังแต่โดยดี “ฮูหยินวางใจได้ บ่าวจะคอยดูให้ดี”“รบกวนเจ้าแล้ว”“พวกบ่าวจะไปช่วยท่านเก็บสัมภาระนะเจ้าคะ”ทั้งสองเข้าไปในห้องอย่างฉับไว จัดของใช้ประจำวันที่จำเป็นให้กู้หว่านเยว่นำไปด้วย หลังจากจัดเก็บเรียบร้อยแล้ว ซูจิ่งสิงก็จัดการทุกอย่าง แล้วกลับไปที่จวนทั้งสองไปหาจ้านจ้านก่อน จากนั้นก็พลิกตัวขึ้นขี่ม้าโดยไม่รอช้า ตะบึงออกจากเมืองเมื่อมาถึงพื้นที่โล่ง กู้หว่านเยว่ก็เก็บสัมภาระที่บรรจุของใช้ประจำวันเข้าไปในมิติก่อน จากนั้นก็เรียกเฮลิคอปเตอร์ออกมา“รวมทั้งหมดมีแปดสาขา เราไปที่เปี้ยนโจวที่ไกลที่สุดก่อน”นางหยิบปากกามาร์คเกอร์ออกมา วาดวงกลมเล็ก ๆ ลงบนแผนที่“หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ กวาดต้อนไปตามเส้นทางสู่เขาอินซาน”“ตกลง”ซูจิ่งสิงนั่งที่เบาะคนขับ ทั้งสองบุกตะลุยไปยัง
เขาหน้านิ่วคิ้วขมวด กู้หว่านเยว่เปิดเผยความลับด้วยเสียงแผ่วเบา พบชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกำลังตรวจนับห้องเก็บของพร้อมกับเด็กรับใช้สองคนพอจะมองออกว่า น่าจะเป็นหนึ่งในสี่พ่อบ้านใหญ่ของตลาดมืดอินซานทั้งสองสบตากัน ซูจิ่งสิงยกมือขึ้นยิงก้อนหินออกไปสองสามก้อนทันใดนั้น พ่อบ้านและเด็กรับใช้สองคนก็ล้มลงกับพื้นพร้อมกัน“ไป”ซูจิ่งสิงดึงตัวกู้หว่านเยว่กระโจนเข้าไป ทั้งสองตรวจสอบข้างกายชายวัยกลางคนผู้นั้นทันที“ผู้นี้แซ่ฉิน”กู้หว่านเยว่หยิบป้ายบนหน้าอกของเขาขึ้นมา พ่อบ้านฉินผู้นี้เป็นเพียงลูกสมุนตัวเล็กตัวน้อย นางขี้เกียจจะจัดการกับเขาพลางกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้องเก็บของรอบ ๆ ล้วนเป็นตู้ใบใหญ่สูงตระหง่าน แทบทุกตารางนิ้วมีกล่องผ้าไหมวางไว้เต็มกู้หว่านเยว่ถือโอกาสเปิดกล่องใบหนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ ออกดู “โสมร้อยปี!”“ปะการังหนานไห่!”ไม่ได้ล้ำค่าเท่ากับในงานประมูล แต่ก็ยังมีมูลค่าสูงมากด้วยความกระชั้นชิดของเวลา กู้หว่านเยว่จึงไม่ทันได้ตรวจสอบทีละรายการ โบกมือโดยพลัน รวบรวมสิ่งของทั้งหมดในห้องเก็บของรวมถึงตู้ต่าง ๆ เข้าไปในมิติโดยตรง“พวกเรารีบไปกันเถอะ”กู้หว่านเยว่เอ่ยประโยคหนึ่ง คนเหล่าน
กู้หว่านเยว่มองดูผู้ที่เข้ามาหาอย่างบอกไม่ถูก “ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น”“ใครจะรู้ว่าเจ้ามีเจตนาอันใด ทหาร จับพวกเขาสองคนไว้ที!”หลงเส้าเทียนโบกมือ องครักษ์ที่อยู่ด้านหลังก็เข้ามารายล้อมทั้งสองไว้“ดูไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน”กู้หว่านเยว่จับมือของซูจิ่งสิงที่กำลังจะชักดาบไว้ คนผู้นี้ดูเหมือนองครักษ์คนสนิทของจวนหลงฉวน ไม่สร้างความขัดแย้งใด ๆ เป็นดีที่สุด“พวกข้าสองคน ความจริงแล้วเป็นเพื่อนของเส้าฮูหยิน”กู้หว่านเยว่เปิดฉากอธิบาย ตั้งใจจะพูดคุยกับอีกฝ่ายด้วยเหตุผล แต่ไม่คาดคิดว่าหลงเส้าเทียนจะกลอกตาใส่ทันที“เจ้าพูด แล้วข้าต้องเชื่องั้นหรือ? เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนโง่หรืออย่างไร?”เขาดูไม่น่าสุงสิงด้วย “ทหาร พาตัวพวกเขาสองคนกลับไป”กู้หว่านเยว่...“ได้โปรด พวกข้ารู้จักเหยาฮุ่ยซินจริง ๆ”“พี่สาว...ชื่อของเส้าฮูหยิน เจ้าสามารถเรียกตรง ๆ ได้งั้นหรือ?”หลงเส้าเทียนถลึงตาใส่นาง สายตานั้นเหี้ยมโหด วินาทีต่อมา ข้อมือก็ถูกคนจับไว้จนแทบหัก“โอ๊ย ๆ ๆ เจ็บ ๆ ๆ รีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”“คุณชายรอง ท่านไม่เป็นไรนะ?” องครักษ์ก้าวออกไปข้างหน้าอย่างร้อนใจ คนที่อยู่ข้างหลังก็อยู่ในสถานะเฝ้าระวังกู
คาดว่าน่าจะเป็นศัตรูของสกุลอวิ๋น เห็นอวิ๋นมู่พ่อลูกไม่กลับมานานจึงสบจังหวะหาช่องว่าง เล่นงานสกุลอวิ๋นในเมื่อเป็นเช่นนี้ อวิ๋นมู่ไม่กลับไปคงไม่ได้แล้วซูจิ่งสิงได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยขึ้น “ข้าส่งคนไปคุ้มกันเจ้า”ตอนนี้สกุลอวิ๋นกับพวกเขาเจดีย์หนิงกู่ถือว่าร่วมงานกัน แม้เรื่องนี้จะเป็นความลับ แต่ยากจะรับประกันว่าไม่แพร่งพรายออกไปเกิดคนในราชสำนักรู้เข้า ความปลอดภัยของอวิ๋นมู่ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง“ขอบคุณท่านอ๋อง”อวิ๋นมู่มองซูจิ่งสิงอย่างแปลกใจ ทำให้อีกฝ่ายเอ่ยเสียงเรียบ“อย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้เป็นห่วงเจ้า”เพราะกู้หว่านเยว่ บรรยากาศระหว่างทั้งสองมักจะแปลกประหลาด ตั้งแต่พบกันครั้งแรกก็ไม่ถูกกันแล้วอวิ๋นมู่ยิ้มเจื่อน “ท่านอ๋องวางใจได้ ข้าไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองแต่ว่า ความหวังดีของท่านอ๋องข้าน้อยขอน้อมรับ และตื้นตันเหลือเกิน”การเดินทางไปเมืองหลวงในครั้งนี้มีอันตราย เขาจึงไม่ปฏิเสธ“เจ้าจะออกเดินทางเมื่อใด?”กู้หว่านเยว่รีบสอบถาม“คืนนี้มากล่าวลาท่านอ๋องและพระชายา พรุ่งนี้เมื่อฟ้าสางจะออกเดินทางทันที”“เวลาเร่งรีบขนาดนี้เชียว”กู้หว่านเยว่รีบถาม“พรุ่งนี้ท่านอย่าเพิ่งรีบไป
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน รองแม่ทัพวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน แล้วหันมองเฉิงทั่วแวบหนึ่ง“ท่านแม่ทัพ แย่แล้ว ฮูหยินหมดสติไปแล้วขอรับ”เฉิงทั่วหน้าถอดสี “อะไรนะ?”เขารีบลุกขึ้นยืนขึ้น ไม่มีเวลาสนใจกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงที่ยังอยู่ตรงนี้ แล้วรีบสอบถาม “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”“คุณชายน้อยกลับมาแล้ว ไม่เพียงกลับมา ยังพาอีกคน...”รองแม่ทัพกระดากปากที่จะเอ่ย จึงได้แต่ส่งสายตาให้อีกฝ่าย“ท่านแม่ทัพ ท่านกลับไปดูเองเถอะขอรับ”เฉิงทั่วไม่มีแก่ใจจะกินอาหาร จึงลุกขึ้นขอตัว “ท่านอ๋อง พระชายา โปรดให้ข้าไปดูฮูหยินสักครู่ได้หรือไม่”“ไปเถอะ”ซูจิ่งสิงโบกมือ“ขอบคุณท่านอ๋อง” เฉิงทั่วรีบวิ่งออกไปทันทีหนานหยางอ๋องมองแผ่นหลังที่ร้อนใจของเขา แล้วรู้สึกเศร้าเล็กน้อยหากพระชายาของเขายังอยู่คงดีไม่น้อย เขากับเหล่าเฉิงแข่งกันมาค่อนชีวิต มีเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียว ที่เขาแพ้มาตลอด“เกิดอะไรขึ้น?” กู้หว่านเยว่กระซิบถามชิงเหลียนชิงเหลียนเอ่ยเสียงต่ำ “คุณชายใหญ่สกุลเฉิงพาสตรีคนหนึ่งกลับมาด้วย เหมือนจะเป็นหญิงที่แต่งงานแล้ว”เจ้าหมอนี่กู้หว่านเยว่เกือบสำลักข้าวมิน่าเฉิงฮูหยินถึงได้เป็นลม เจ้าเฉิงซินเม
มิน่าท่านอ๋องถึงยอมสวามิภักดิ์ต่อพวกเขา ทั้งสองคนไม่ธรรมดาจริงๆ มองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา“พวกเราเองก็มาถึงเมืองซุ่ยโจว และได้พบท่านอ๋องกับพระชายาแล้ว เดี๋ยวส่งจดหมายไปแจ้งท่านอ๋องหน่อยเถอะ ท่านจะได้วางใจ”จู้หวยกล่าวเตือนอย่างใส่ใจครั้งนี้ก่อนออกเดินทาง ท่านอ๋องกำชับเขาแล้วว่า ต้องดูแลเนี่ยชิงหลานให้ดีในเมื่อเนี่ยชิงหลานเป็นคู่หมั้นของเขา เขาย่อมดูแลเอาใจใส่มาก“รู้แล้ว รู้แล้ว เจ้าอย่าเอาแต่บ่นข้า อีกเดี๋ยวตอนเขียนจดหมายข้าจะเป็นคนพูดส่วนเจ้าเป็นคนเขียน ขี่ม้ามาทั้งวัน เมื่อยมือจะแย่แล้ว”จู้หวยยิ้มพร้อมพยักหน้า“เรื่องนี้ไม่ยาก ขอเพียงเจ้าไม่รังเกียจที่ตัวหนังสือข้าน่าเกลียดก็พอ”เนี่ยชิงหลานขบขันเขาจนหัวเราะเสียงดังทันที“ตัวหนังสือของเจ้าน่าเกลียดมาก แต่ไม่เป็นไร วรยุทธ์ของเจ้าสูงส่ง พวกเจ้าที่เป็นทหารแม้จะไม่ใช่คนเถื่อน แต่ต้องรู้จักเขียนอ่านไว้บ้าง ถึงจะรู้เขารู้เรารบอย่างไรก็ไม่แพ้ ทว่าเรื่องการเขียนหนังสือไม่จำเป็นต้องพิถีพิถันมากนัก แค่ดูได้ก็พอ”นางพูดอย่างจริงจัง จนจู้หวยเองก็หัวเราะตามนางไปด้วย ในแววตามีแต่ความเอ็นดู“ท่านหญิงพูดถูก”แม้ทั้งสองค
หลังหนังสือยอมจำนนออกมาแล้ว เนี่ยชิงหลานก็นำกองทัพเหอตง มาเสริมทัพกู้หว่านเยว่“เขตเหอตงของข้าไม่มีสิ่งใดเลย มีเพียงถ่านหินและเงินทองมากมาย พี่ใหญ่จึงนำไปแลกเสบียงหนึ่งชุด ส่งข้ามาช่วยเหลือพวกท่าน”กู้หว่านเยว่ไม่ได้พบเนี่ยชิงหลานมาสักพักใหญ่ๆ แล้วตอนนี้เมื่อทั้งสองได้พบกัน นางดีใจมาก“เจ้าตัวสูงขึ้นแล้ว”กู้หว่านเยว่ลูบหัวเนี่ยชิงหลาน ทำให้อีกฝ่ายยิ้มอย่างเขินอาย“ไม่เพียงตัวสูงขึ้น ข้ายังหมั้นหมายแล้วด้วย”นี่เป็นข่าวที่อยู่เหนือความคาดหมายเมื่อเห็นพวกเขาหลายคนเดินทางเหน็ดเหนื่อย กู้หว่านเยว่รีบเชิญพวกเขาเข้าจวน เมื่อถึงห้องรับแขกจึงจับมือเนี่ยชิงหลานไว้ แล้วสอบถามอย่างละเอียด“เหตุใดจึงรวดเร็วเช่นนี้ เจ้าหมั้นกับผู้ใดหรือ?”“หมั้นกับแม่ทัพในค่ายของท่านพี่ นามว่าจู้หวย”ไม่ใช่เฉิงเซวียนหรอกหรือ ข่าวนี้ทำให้พวกกู้หว่านเยว่ยิ่งแปลกใจแต่เมื่อนึกดูอย่างละเอียด เฉิงเซวียนกับเนี่ยชิงหลานใช่ว่าจะเหมาะสมกันแม้ทั้งสองจะสนิทสนมกันตั้งแต่เด็ก ทว่าทัศนคติไม่ตรงกันบวกกับก่อนหน้านี้เพราะหญิงอื่น เฉิงเซวียนเข้าใจเนี่ยชิงหลานผิดหลายครั้งเนี่ยชิงหลานรู้ว่ากู้หว่านเยว่คิดอะไร จึ
ตกลงปีนั้นรัชทายาทตายเยี่ยงไรกันแน่?เขารู้ดียิ่งกว่าผู้ใดหากไม่ใช่รัชทายาทและพระชายารัชทายาทตายไป ไฉนเลยเขาจะได้นั่งตำแหน่งฮ่องเต้?ทว่าบัดนี้ เขาคิดว่าตำแหน่งฮ่องเต้กำลังตกอยู่ในอันตราย“ไป จับคนสกุลหลี่เข้าคุกใหญ่!”มู่หรงถิงไม่ฟังคำชี้แนะจากนั้นยามทุกคนมายังสกุลหลี่ กลับพบว่าสกุลหลี่มีเพียงความว่างเปล่า เหลือบ่าวรับใช้ที่ไม่เกี่ยวข้องอยู่สองสามคนกำลังใช้วิธีพรางตา“ภายในหอบรรพบุรุษสกุลหลี่ พบเส้นทางสายหนึ่ง...”องครักษ์ไปจับคนตัวสั่นเทานี่คือเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเดิมทีมู่หรงถิงก็โมโหอยู่แล้ว ต้องการใครสักคนเพื่อบันดาลโทสะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะหาตัวคนรองรับอารมณ์ไม่พบ ยังถูกเขาจับได้ว่าคนของสกุลหลี่หนีไปแล้วเขาพลิกโต๊ะ กระทืบองครักษ์ไปจับตัวคนจนตาย“ฝ่าบาท” ตอนฮองเฮามา ภายในตำหนักวุ่นวายไปหมด แม้แต่นางกำลังก็ถูกมู่หรงถิงบีบคอตายไปสองคนฮองเฮาอดทนต่อความขยะแขยง สั่งให้คนลากศพไปจัดการ“เจ้ามาแล้ว”ตอนมู่หรงถิงอยู่เพียงลำพังจะบันดาลโทสะเยี่ยงไรก็ย่อมได้ แต่เขากลัวทำให้ฮองเฮาตกใจ“เพคะ ฝ่าบาท หม่อมฉันได้ยินเรื่องของอัครมหาเสนาบดีหลี่แล้ว”ฮองเฮาก้าวเท้าเบาๆ มาหยุดต่อหน้ามู
สายตากู้หว่านเยว่ทอดมองมา กู้หว่านหรูและญาติผู้พี่นางรู้สึกกลัวจนกอดกัน“เจ้า เจ้าจะทำอันใด?”กู้หว่านหรูกลืนน้ำลายหนึ่งอึก เอ่ยปากเสียงสั่น“ต่อให้เจ้าเป็นพระชายา ก็ไม่สามารถเมินข้ามกฎหมายได้ เจ้าไม่กลัวคนในใต้หล้าบริภาษเจ้าหรือ?”กู้หว่านเยว่หัวเราะพรืด“บริภาษ?” นางส่ายหน้า หนังสือประวัติศาสตร์ล้วนถูกเขียนโดยผู้ชนะยังต้องกลัวคำนินทาทั่วหล้าด้วยหรือ?“โยนพวกเขาสองคนออกจากซุ่ยโจว” กู้หว่านเยว่โบกมือเรียกคนเข้ามาสองคนนี้เป็นหวัด ถูกโยนออกไป ก็เพียงพอให้พวกเขาทรมาน“ญาติผู้น้อง” อวี๋เสียงลนลาน เขย่ามือของกู้หว่านหรู“นี่ไม่ใช่พี่สาวของเจ้าหรือ รีบไปขอร้องนางเร็วเข้า”ยังมีระยะทางอีกห้าถึงหกวันกว่าจะถึงบ้านเกิด พวกเขาต้องอยู่ภายในซุ่ยโจว รีบรักษาอาการป่วยให้หายดี“ข้าจะขอร้องนางเยี่ยงไร?”กู้หว่านหรูแค้นใจแย่แล้ว“นางไม่มีวันฟัง”“เจ้ารีบคิดหาทางเถอะ” สุ้มเสียงของอวี๋เสียงเจือไอโทสะสายหนึ่งอย่างสุดระงับ ทำเสียจนกู้หว่านหรูเหล่มอง“ท่านกำลังโทษข้าหรือ?”นางและกู้หว่านเยว่มีความแค้นต่อกันอย่างลึกซึ้ง ตอนอยู่ในจวนก็มักรังแกนาง จะสามารถมีวิธีใดได้เล่า?“หว่านหรู ข้าไม่ได้
แต่ต้วนหลานซิวจากไปอย่างไม่ไว้หน้าไป๋หลี่ชิงซีถอนหายใจอย่างเอือมระอา ทำได้เพียงกลับไปหากู้หว่านเยว่และซูจิ่งสสิงปรากฏว่าคนเพิ่งไป ก็มองเห็นเกาเจี้ยนวิ่งเข้ามาจากภายนอก พูดว่าลั่วยางที่อยู่ข้างหน้าเจอคนไข้ที่ไม่แน่ใจอาการป่วย ขอเชิญกู้หว่านเยว่ไปวินิจฉัยกู้หว่านเยว่ยังนั่งได้ไม่นานก็รีบไปที่ด้านหน้าแล้ว“มีอันใดหรือ?”ตอนปรากฏตัวออกมาก็ได้เห็นสีหน้าว้าวุ่นของลั่วยาง กู้หว่านเยว่แปลกใจอยู่บ้างโรคอะไรกัน สามารถทำให้ว้าวุ่นถึงเพียงนี้ได้?“เหตุใดสีหน้าแย่มากถึงเพียงนี้?”“มีคนป่วยมาคนหนึ่งเจ้าค่ะ” ลั่วยางลอบชำเลืองมองสีหน้าของกู้หว่านเยว่ จากนั้นพูดเสียงค่อย“ข้าเองก็ไม่แน่ใจฐานะของนาง แต่เห็นแล้วคุ้นตาอยู่บ้าง ท่านมาดูกับข้าก็จะรู้”พูดไปก็เดินนำทางกู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงคุ้นหูจากที่ไกลๆ“ไม่ใช่พูดว่าจะดูอาการให้ข้าหรือ เหตุใดพาข้ามาไว้ที่นี่ หมอหญิงของพวกเจ้าเล่า? เหตุใดเข้าไปแล้ว?”คนผู้นั้นโวยวาย เสียงคุ้นหูทำให้กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วน้อยๆไม่ใช่นางหรอกกระมัง? ไม่ถูกนี่ เหตุใดนางมาอยู่ที่นี่ได้?กู้หว่านเยว่ก้าวเท้าเร็วขึ้นสองส่วน เดินขึ้นไปก็ได้เห็นโฉมหน้าของคนผู้นั้
เขาทอดสายตามองกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงด้วยใบหน้าจริงใจ“ทั้งสองท่านช้าก่อน ข้ามีเรื่องอยากพูดกับพวกท่าน”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงได้ยินว่าต้วนหลานซิวมีเรื่องอยากพูด นี่จึงมิได้จากไปในทันที แต่เลือกนั่งลงฟัง ดูว่าเขาอยากพูดเรื่องใดทั้งสองคนกลับแปลกใจมาก“ระหว่างทางที่ข้ามาได้เห็นพระชายาแจกจ่ายยาภายในเมือง” ต้วนหลานซิวเอ่ยปากถามกู้หว่านเยว่พยักหน้า“ราษฎรของซุ่ยโจวเป็นไข้หวัด เพราะสถานการณ์บ้านเมืองไม่สู้ดี จึงไม่มียารักษา”ต้วนหลานซิวประกบมือพูดยิ้มๆ “ไอหยา นี่บังเอิญยิ่งนัก ข้าที่นี่มีสมุนไพรหนึ่งชุดพอดี”เขาพูดยิ้มๆ“หากท่านอ๋องและพระชายาไม่รังเกียจ ข้าน้อยยินดีบริจาคสมุนไพรชุดนี้เพื่อแจกจ่ายให้แก่ราษฎรเมืองซุ่ยโจว”ถือว่าเขาจ่ายค่าหมอให้กู้หว่านเยว่ก็แล้วกัน“ในมือท่านมีสมุนไพร?”กู้หว่านเยว่ตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าตนเองลงมือช่วยเหลืออย่างไม่ใส่ใจ ถึงขั้นสามารถช่วยพ่อค้าขายส่งสมุนไพรอีกด้วย?นี่คือประโยชน์สุขของราษฎรเมืองซุ่ยโจว นางย่อมไม่ปฏิเสธ“ใช่แล้ว ในมือข้ามียาสมุนไพรหนึ่งชุด”ไป๋หลี่ชิงซีอธิบายอยู่ทางด้านข้าง “พวกท่านไม่รู้ สตรีที่อาจารย์อาเล็กของข้าชอบเป็นคนบ้
“นี่ท่านถูกพิษกระนั้นหรือ?”กู้หว่านเยว่เอียงศีรษะจับชีพจรให้เขา จับชีพจรอย่างละเอียดอยู่นาน ถึงพูดออกมาอย่างแปลกใจ“พิษนี้แปลกยิ่งนัก”“อย่างไรหรือ?” ไป๋หลี่ชิงซีเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ เสียดายเขามีใบหน้าหล่อเหลา แต่กลับเป็นคนพูดมากคนหนึ่ง“ยาพิษนี้มองดูแล้ววางยาได้ยุ่งยากอย่างมาก จะถอนพิษกลับยุ่งยากยิ่งกว่า แต่แปลกก็แปลกที่พิษนี้ไม่ส่งผลร้ายต่อร่างกายคน พิษน้อยมาก เพียงแต่ยากจะถอนออกได้”ดังนั้นบัดนี้มองท่าทางของต้วนหลานซิวดูแล้ว ยังมีชีวิตชีวา ไม่คล้ายคนถูกวางยาพิษ“ฟังท่านพูดแล้วคล้ายเป็นเช่นนี้จริงเสียด้วย”ไป๋หลี่ชิงซีเองก็ไม่โง่คนทั่วไปวางยาผู้อื่น บ้างก็เพื่อฆ่าคนผู้นั้นให้ตายคาที่ บ้างก็ต้องการใช้พิษควบคุมเขาฝ่ายแรกออกฤทธิ์เร็ว พิษร้ายแรงมาก ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็สามารถทำให้พิษกำเริบจนเลือดออกทวารทั้งเจ็ดและตายไปฝ่ายหลังเล่า แม้ว่าไม่ถึงแก่ชีวิต แต่หากพิษกำเริบก็ทำให้คนเจ็บปวดทรมาน หาไม่แล้วจะสามารถควบคุมคนผู้นั้นได้เยี่ยงไร?ทว่ายาพิษภายในร่างกายของต้วนหลานซิวแปลกมากไม่เพียงไม่มีพิษ หนำซ้ำยังทำร้ายร่างกายน้อยมาก เพียงแต่ยากจะถอนพิษได้ก็เท่านั้น“อาจารย์อาเล็ก ท่าน