“ให้ข้าตรวจดูสักหน่อย “กู้หว่านเยว่สวมถุงมือ สัมผัสกระดูกขาของเฉิงเซวียน ทำให้เขาต้องร้องโหยหวนอีกครั้ง“กระดูกหน้าแข้งหัก”กู้หว่านเยว่ชักมือออก พลางขมวดคิ้ว “ต้องต่อกระดูก”“กระดูกขาหักหรือ? ข้าจะไม่ขาเป๋ใช่ไหม?” เฉิงเซวียนค่อนข้างกลัวเนี่ยชิงหลานรีบปลอบใจ “เฮ้ย ๆ ๆ ไม่มีทาง พี่หญิงกู้มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม จะว่าไปแล้ว เมื่อก่อนข้าเคยเห็นคนในจวนขาหักมาก่อน รักษาหายดีแล้วก็กระโดดโลดเต้นได้เหมือนเดิม ไม่ได้รับผลกระทบอะไร”แต่เฉิงเซวียนกลับไม่เชื่อ ส่ายหัวด้วยความหงุดหงิดพร้อมกับกล่าวว่า “ลุงสามของข้ากระดูกขาหัก ผลปรากฏว่าต่อกระดูกไม่ดี กลายเป็นคนขาเป๋”เขาหันไปมองกู้หว่านเยว่ที่เตรียมลงมือ“ชายาท่านอ๋อง ท่านทำได้หรือ ท่านเคยต่อกระดูกให้คนอื่นมาก่อนไหม? ได้ยินมาว่าการต่อกระดูกต้องใช้พลังมาก ท่านเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวจะไหวหรือ?”คนผู้นี้เอานิสัยเดิมมาใช้อีกแล้วกู้หว่านเยว่ทนฟังเขาไม่ได้ “ชิงหลานมาหาข้า ถ้าเจ้าไม่เชื่อในทักษะทางการแพทย์ของข้า ก็เปลี่ยนหมอเถอะ”“ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อในทักษะทางการแพทย์ของท่าน ข้าแค่อยากจะยืนยันอีกครั้ง ที่ขาของลุงสามพิการก็เพราะเจอหมอเถื่อ
กู้หว่านเยว่พูดไป เนี่ยชิงหลานก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก“ฟื้นตัวได้ก็ดีแล้ว พี่หญิงกู้ไม่ต้องกังวลนะ ข้าจะจับตาดูเขาให้ดี ไม่ปล่อยให้เขาเดินเล่นสุ่มสี่สุ่มห้าเด็ดขาด”ว่าแล้วก็รีบเข้าไปดูอาการของเฉิงเซวียนในห้อง กู้หว่านเยว่เช็ดมือ ขณะที่กำลังจะออกไปก็เห็นหญิงผู้หนึ่งรีบร้อนเข้ามาเมื่อเห็นกู้หว่านเยว่นางยังรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “ข้าเซี่ยเหอขอคารวะชายาท่านอ๋อง”ชิงเหลียนรีบอธิบาย “คุณหนูเซี่ยบอกว่านางมาขอโทษคุณชายเฉิง”เซี่ยเหออธิบายว่า “น้องชายของข้าดื้อรั้นไม่เชื่อฟัง เหยียบขาของคุณชายเฉิง ข้านำอาหารเสริมมาให้โดยเฉพาะ ตั้งใจมาขอโทษคุณชายเฉิง”กู้หว่านเยว่มองไปทางด้านหลังของนาง ในมือของสาวใช้มีกล่องใส่ของใบใหญ่สองกล่อง ดูเหมือนว่าจะเป็นอาหารเสริม“คุณชายเฉิงอยู่ข้างใน เจ้าเข้าไปสิ”“ขอบคุณชายาท่านอ๋องเจ้าค่ะ”เซี่ยเหอรีบเดินเข้าไปข้างใน แต่เนื่องจากใช้กำลังกายมากเกินในการต่อกระดูก กู้หว่านเยว่จึงยังไม่ได้ออกไปทันที แต่นั่งกินของว่างอยู่ข้าง ๆ แทนด้วยเหตุนี้จึงได้ยินเนี่ยชิงหลานแผดเสียงลั่น “เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ยังทำให้ขาของท่านพี่ไม่สาหัสพออีกหรือ?“คุณหนูเนี่ย เจ้าใจเย็นก่อน
“ข้าไม่ได้ทำให้นางลำบากเลย” เนี่ยชิงหลานรู้สึกสับสนเล็กน้อย “นางคุกเข่าลงเองต่างหาก”ขอบตาของเซี่ยเหอแดงก่ำ “ใช่แล้ว คุณชายเฉิง อย่าเข้าใจผิด เหอเอ๋อร์เป็นคนทำผิดก่อน คุณหนูท่านนี้จะระบายอารมณ์ใส่เหอเอ๋อร์สักเท่าใดก็ไม่เป็นไรหรอก”ชิงเหลียนกำลังยื่นน้ำชาให้กู้หว่านเยว่ เมื่อได้ยินดังนั้นก็มองเซี่ยเหอด้วยความประหลาดใจนางติดตามฮูหยินมานาน ย่อมมองออกว่าเซี่ยเหอจงใจพลางเหลือบเห็นกู้หว่านเยว่ดื่มชาอย่างไม่สะทกสะท้าน นางจึงไม่พูดอะไรมากนัก ดูต่อไปเงียบ ๆเนี่ยชิงหลานเป็นที่โปรดปรานมาตั้งแต่เด็กจนโต มีภูมิหลังสะอาดไม่มีความลับที่น่าละอาย เติบโตมาก็ท่องไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ เห็นการรบราฆ่าฟันจนเคยชินการกระทำในครั้งนี้ของเซี่ยเหอทำให้นางรู้สึกสับสนจริง ๆไม่ใช่ ชัดเจนว่าคนที่ทำผิดคือพวกเขา ทำไมถึงทำเหมือนนางกำลังข่มเหงใคร?“ข้าไม่ได้ระบายอารมณ์ใส่เจ้า สิ่งที่ข้าพูดมาตลอดก็คือ ให้เรียกคุณชายเซี่ยมาที่นี่!”เซี่ยเหอดูตกใจกลัว ร่างกายผอมบางสั่นสะท้านเล็กน้อย จนทำให้เนี่ยชิงหลานพูดไม่ออก เมื่อเห็นว่านางกำลังจะระเบิดอารมณ์ เฉิงเซวียนก็รีบดึงนางไว้“ใจเย็น ใจเย็น เปลี่ยนเรื่องใหญ่ให้เป็นเ
“หากคราวหน้าเซี่ยเหอมาทำให้เจ้าอึดอัดอีก ก็อย่ายืนเฉย ตอบโต้กลับไป ถึงเจ้าฝีปากจะสู้นางไม่ได้ แต่ฝีมือก็เก่งกาจกว่านางอยู่ดี”ดวงตาของเนี่ยชิงหลานสว่างไสวขึ้น “ข้าเข้าใจแล้ว คราวหน้าหากรู้สึกสะอิดสะเอียนคนประเภทนี้อีก ก็ไม่ต้องโวยวาย ลงมือได้เลย!”กู้หว่านเยว่ส่งสายตาแบบเด็กที่โตแล้วให้นาง“แล้วพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของเจ้า”“ไม่ต้องสนใจเขา ขาหักก็ไม่ต้องสนใจ ใครใช้ให้เขาตาบอดล่ะ!”แม้ว่าจะพูดเช่นนี้ แต่เนี่ยชิงหลานก็แค่โกรธ ดังที่คาดไว้เมื่อถึงเวลาพลบค่ำ ก็เห็นเฉิงเซวียนนอนอยู่บนเตียงอย่างน่าสงสารโดยไม่มีใครสนใจ จึงถือข้าวเย็นเข้าไปดูเขา ไม่เหมือนกับที่พูดไว้เลยกู้หว่านเยว่กำลังเตรียมตัวสำหรับการเปิดเรียนของสำนักศึกษาถงซันในวันพรุ่งนี้อยู่ภายในเรือนหลายวันมานี้ นางคอยจับตาดูหนังสือโบราณและตำราเรียนบนแพลตฟอร์มซื้อขายอยู่ตลอดเวลาพอเห็นหนังสือก็ซื้อมาเลยภายในเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่วัน ก็รวบรวมหนังสือโบราณเอาไว้ได้นับพันเล่มแล้วไม่ถือว่ามากมายนัก เมื่อเทียบกับสำนักศึกษาเก่าแก่และครอบครัวขุนนางอายุนับร้อยปี มันยังไม่ควรค่าแก่การพิจารณาด้วยซ้ำแต่ก็ไม่เป็นไร สำนักศึกษาถงซันเพิ่ง
“ข้าน้อยหาในละแวกนี้นานมากแล้ว แต่กลับไม่พบร่องรอยขององค์กรเลยขอรับ”“รู้แล้ว”กู้หว่านเยว่โบกมือ“เจ้าหาต่อไปเถอะ”รอจนกระทั่งฉู่เฟิงจากไปแล้ว นางนึกคิดแล้วเข้ามิติ เปิดระบบระบุตำแหน่งซูจิ่งสิงเคยเข้ามิติมาก่อน ดังนั้นระบบสามารถอิงตามลมหายใจของเขา เพื่อหาร่องรอยของเขาได้ระบบระบุตำแหน่งอย่างว่องไว“นายหญิง อยู่ที่ใจกลางป่าเล็ก เดินเข้าไปข้างใน”“ขอบคุณมาก”ได้ยินถ้อยคำนี้ กู้หว่านเยว่ขี่ม้าเร็วเข้าไปในป่ามาถึงหน้าถ้ำแห่งหนึ่งอย่างว่องไว“ท่านพี่ ท่านอย่าเป็นอะไรไปเป็นอันขาด”กู้หว่านเยว่ภาวนาภายในใจ สรุปคือนางเพิ่งเดินเข้าถ้ำ ก็ได้เห็นภาพบาดตาเห็นเพียงสตรีชุดขาวคนหนึ่งกำลังหันหลังให้นาง ซูจิ่งสิงที่ได้รับบาดเจ็บกำลังพิงร่างนางสตรีชุดขาวคล้ายได้ยินเสียงที่ปากถ้ำ หันหน้ามา“เจ้าเป็นใคร?”นางกอดซูจิ่งสิงไว้ สีหน้าท่าทางปกป้องเข้าข้างอย่างเต็มที่กู้หว่านเยว่เร่งเดินทางเข้ามา คิดไม่ถึงจะได้เห็นภาพซูจิ่งสิงพิงบ่าสตรีคนอื่นเช่นนี้ เดิมทีก็โมโหมากอยู่แล้ว ยังถูกสตรีชุดขาวคนนี้ถามไล่เรียงอีกโทสะพลุ่งพล่าน เดินเข้าไป ดึงซูจิ่งสิงขึ้น“ข้าคือพระชายาเจิ้นเป่ยอ๋อง เจ้าพูดเ
เพิ่งขึ้นหลังม้า กู้หว่านเยว่ก็จับมือซูจิ่งสิงตรวจชีพจรเล็กน้อยสรุปคือถึงขั้นหาไม่พบว่าเขาถูกวางยาพิษอะไรดูท่าแล้วพิษนี้รับมือได้ยากอยู่บ้างจะต้องรีบพาคนกลับไป ยิ่งช้าก็ไม่แน่ว่าจะยิ่งอันตรายฉู่เฟิ่งเองก็มองออกแล้ว สีหน้านายท่านเผือดซีดดุจกระดาษ หลับตาแน่นทั้งสองข้าง เหงื่อผุดพราวเต็มศีรษะ มองดูแล้วคล้ายอาการแย่มาก“ฮูหยิน ตอนท่านไปได้พบกับเหยลวี่เจิงหรือ?”“เปล่า” กลับได้พบคนอื่น“ข้าว่าเจ้าไร้มารยาทเกินไปแล้วกระมัง ข้าตะโกนตามหลังนานมากเพียงนี้ เจ้าถึงขั้นขี่ม้าออกมาเช่นนี้ ทิ้งข้าไว้ข้างหลัง?”สตรีชุดขาวไล่ตามหลังมา สายตายามมองกู้หว่านเยว่เปี่ยมความโมโหระคนเขินอายเพื่อไล่ตามมาอย่างว่องไว ผมเผ้ายุ่งเหยิงอยู่บ้าง“ท่านอ๋องถูกวางยาพิษ รีบส่งเขาให้ข้า”สตรีชุดขาวเร่งรัด ทำเสียจนกู้หว่านเยว่พูดไม่ออก “ข้ารู้ว่าเขาถูกวางยาพิษ แต่ถือสิทธิ์อะไรต้องให้เจ้า?”“ขอล่ะ ตกลงเจ้าใช่ภรรยาจิ่งสิงหรือไม่ เหตุใดคล้ายไม่ใส่ความเป็นตายของเขาเลยเล่า? ในเมื่อเขาถูกวางยาพิษ ย่อมต้องรีบจัดการ!”สตรีชุดขาวลำพองใจหลายส่วน“ข้าเป็นวิชายุทธ์ สามารถใช้กำลังภายในยับยั้งอาการบาดเจ็บของเขาไว้ได้ช
พูดอ้อมค้อมอย่างสุภาพ กู้หว่านเยว่ก็เป็นเจ้านายของเขาครึ่งหนึ่งไฉนเลยเขาจะทำตามคำพูดของซวนลู่ ไปเป็นปรปักษ์กับนายท่านได้?“อะไรนะ ท่านอ๋องดีต่อนางถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”สายตาซวนลู่หนักอึ้ง ยังไม่ยอมตัดใจ “แต่ตอนนี้ท่านอ๋องตกอยู่ในอันตราย กำลังภายในของข้าสามารถยับยั้งพิษของเขาได้ชั่วคราว”“ท่านอ๋องเป็นชายของข้า เขาถูกพิษ ข้าย่อมต้องใส่ใจ แม่ทัพซวนยังดูแลตนเองให้ดีเถอะ”กู้หว่านเยว่ได้เห็นท่าทีของฉู่เฟิงแล้ว คร้านจะสนใจซวนลู่ พาองครักษ์จันทราจากไป“เจ้า!”สายตาซวนลู่หนักอึ้ง “คุณหนูสูงศักดิ์สกุลกู้ตัวดี ดูเบาเจ้าเกินไปแล้ว”นางยกเท้าไล่ตามไป อีกเดี๋ยวนางกลับอยากเห็น หากอาการของท่านอ๋องร้ายแรงยิ่งขึ้น กู้หว่านเยว่จะอธิบายเยี่ยงไรระหว่างทางกู้หว่านเยว่พาซูจิ่งสิงกลับจวนกู้นางใคร่ครวญตลอดทาง ซูจิ่งสิงไล่ตามเหยลวี่เจิงไป ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้น เหตุใดซวนลู่จึงไปอยู่ที่นั่นแต่ทั้งหมดเป็นเพียงการหยั่งเดาของนาง ทั้งหมดยังต้องรอซูจิ่งสิงฟื้นขึ้นมา ถึงจะรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น“เข้าทางประตูข้าง อย่าทำให้คนอื่นตกใจ”โดยเฉพาะนางหยางและซูจิ้ง กังวลผู้เฒ่าทั้งสองจะรับไม่ไหว“ขอรับ”
ข้ารู้แล้ว เจ้าจะต้องได้ยินว่าข้าสามารถใช้กำลังภายในยับยั้งพิษของท่านอ๋องได้ดังนั้นเจ้าจึงว้าวุ่น คิดจะทำตัวโดดเด่นต่อหน้าท่านอ๋อง”กู้หว่านเยว่เกือบหัวเราะออกมาเพราะข้อสันนิษฐานของนางแล้ว ขมวดคิ้วมุ่น“เจ้าไม่ได้ป่วยกระมัง?”“เหตุใดเจ้าโจมตีข้าถึงเพียงนี้?” ซวนลู่มั่นใจบางอย่างแล้ว “จิตใจโหดเหี้ยมดังคาด”ชิงเหลียนทนไม่ไหวอีกต่อไป “เจ้าถือสิทธิ์อะไรปรักปรำฮูหยิน ฮูหยินเป็นวิชาแพทย์”ซวนลู่ไม่รู้จักชิงเหลียน ไม่ใส่ใจนาง เอ่ยเตือนกู้หว่านเยว่อย่างห่วงใย“ข้าส่งคนไปขอร้องปรมาจารย์แพทย์แล้ว ข้าชี้แนะเจ้าอย่าได้ฝังเข็มท่านอ๋องด้วยตนเอง หาไม่แล้วหากเกิดเรื่องอะไร ใครก็รับผิดชอบไม่ไหว”นางเดินไปที่ข้างเตียงด้วยสีหน้าปวดใจ คล้ายอยากเห็นซูจิ่งสิงทว่ายังไม่ทันถึงข้างเตียง กู้หว่านเยว่ก็ยกเท้าถีบนางออกไปอย่างกะทันหัน ในขณะเดียวกันก็แย่งเข็มเงินจากมือนางด้วย“สกปรกแย่แล้ว”นางโยนเข็มเงินของตนลงถังขยะอย่างรังเกียจ หมุนตัวเปลี่ยนเป็นเล่มที่สะอาดซวนลู่ถูกถีบออกไปอย่างไม่ทันตั้งตัว คนงุนงงแล้ว“เจ้าถึงขั้นขวัญกล้าถีบข้า!”รู้สึกตกตะลึงสั่นสะท้านภายในใจ สตรีคนนี้ถึงขั้นเป็นวิชายุทธ์ ดู
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก