“ให้ข้าตรวจดูสักหน่อย “กู้หว่านเยว่สวมถุงมือ สัมผัสกระดูกขาของเฉิงเซวียน ทำให้เขาต้องร้องโหยหวนอีกครั้ง“กระดูกหน้าแข้งหัก”กู้หว่านเยว่ชักมือออก พลางขมวดคิ้ว “ต้องต่อกระดูก”“กระดูกขาหักหรือ? ข้าจะไม่ขาเป๋ใช่ไหม?” เฉิงเซวียนค่อนข้างกลัวเนี่ยชิงหลานรีบปลอบใจ “เฮ้ย ๆ ๆ ไม่มีทาง พี่หญิงกู้มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม จะว่าไปแล้ว เมื่อก่อนข้าเคยเห็นคนในจวนขาหักมาก่อน รักษาหายดีแล้วก็กระโดดโลดเต้นได้เหมือนเดิม ไม่ได้รับผลกระทบอะไร”แต่เฉิงเซวียนกลับไม่เชื่อ ส่ายหัวด้วยความหงุดหงิดพร้อมกับกล่าวว่า “ลุงสามของข้ากระดูกขาหัก ผลปรากฏว่าต่อกระดูกไม่ดี กลายเป็นคนขาเป๋”เขาหันไปมองกู้หว่านเยว่ที่เตรียมลงมือ“ชายาท่านอ๋อง ท่านทำได้หรือ ท่านเคยต่อกระดูกให้คนอื่นมาก่อนไหม? ได้ยินมาว่าการต่อกระดูกต้องใช้พลังมาก ท่านเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวจะไหวหรือ?”คนผู้นี้เอานิสัยเดิมมาใช้อีกแล้วกู้หว่านเยว่ทนฟังเขาไม่ได้ “ชิงหลานมาหาข้า ถ้าเจ้าไม่เชื่อในทักษะทางการแพทย์ของข้า ก็เปลี่ยนหมอเถอะ”“ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อในทักษะทางการแพทย์ของท่าน ข้าแค่อยากจะยืนยันอีกครั้ง ที่ขาของลุงสามพิการก็เพราะเจอหมอเถื่อ
กู้หว่านเยว่พูดไป เนี่ยชิงหลานก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก“ฟื้นตัวได้ก็ดีแล้ว พี่หญิงกู้ไม่ต้องกังวลนะ ข้าจะจับตาดูเขาให้ดี ไม่ปล่อยให้เขาเดินเล่นสุ่มสี่สุ่มห้าเด็ดขาด”ว่าแล้วก็รีบเข้าไปดูอาการของเฉิงเซวียนในห้อง กู้หว่านเยว่เช็ดมือ ขณะที่กำลังจะออกไปก็เห็นหญิงผู้หนึ่งรีบร้อนเข้ามาเมื่อเห็นกู้หว่านเยว่นางยังรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “ข้าเซี่ยเหอขอคารวะชายาท่านอ๋อง”ชิงเหลียนรีบอธิบาย “คุณหนูเซี่ยบอกว่านางมาขอโทษคุณชายเฉิง”เซี่ยเหออธิบายว่า “น้องชายของข้าดื้อรั้นไม่เชื่อฟัง เหยียบขาของคุณชายเฉิง ข้านำอาหารเสริมมาให้โดยเฉพาะ ตั้งใจมาขอโทษคุณชายเฉิง”กู้หว่านเยว่มองไปทางด้านหลังของนาง ในมือของสาวใช้มีกล่องใส่ของใบใหญ่สองกล่อง ดูเหมือนว่าจะเป็นอาหารเสริม“คุณชายเฉิงอยู่ข้างใน เจ้าเข้าไปสิ”“ขอบคุณชายาท่านอ๋องเจ้าค่ะ”เซี่ยเหอรีบเดินเข้าไปข้างใน แต่เนื่องจากใช้กำลังกายมากเกินในการต่อกระดูก กู้หว่านเยว่จึงยังไม่ได้ออกไปทันที แต่นั่งกินของว่างอยู่ข้าง ๆ แทนด้วยเหตุนี้จึงได้ยินเนี่ยชิงหลานแผดเสียงลั่น “เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ยังทำให้ขาของท่านพี่ไม่สาหัสพออีกหรือ?“คุณหนูเนี่ย เจ้าใจเย็นก่อน
“ข้าไม่ได้ทำให้นางลำบากเลย” เนี่ยชิงหลานรู้สึกสับสนเล็กน้อย “นางคุกเข่าลงเองต่างหาก”ขอบตาของเซี่ยเหอแดงก่ำ “ใช่แล้ว คุณชายเฉิง อย่าเข้าใจผิด เหอเอ๋อร์เป็นคนทำผิดก่อน คุณหนูท่านนี้จะระบายอารมณ์ใส่เหอเอ๋อร์สักเท่าใดก็ไม่เป็นไรหรอก”ชิงเหลียนกำลังยื่นน้ำชาให้กู้หว่านเยว่ เมื่อได้ยินดังนั้นก็มองเซี่ยเหอด้วยความประหลาดใจนางติดตามฮูหยินมานาน ย่อมมองออกว่าเซี่ยเหอจงใจพลางเหลือบเห็นกู้หว่านเยว่ดื่มชาอย่างไม่สะทกสะท้าน นางจึงไม่พูดอะไรมากนัก ดูต่อไปเงียบ ๆเนี่ยชิงหลานเป็นที่โปรดปรานมาตั้งแต่เด็กจนโต มีภูมิหลังสะอาดไม่มีความลับที่น่าละอาย เติบโตมาก็ท่องไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ เห็นการรบราฆ่าฟันจนเคยชินการกระทำในครั้งนี้ของเซี่ยเหอทำให้นางรู้สึกสับสนจริง ๆไม่ใช่ ชัดเจนว่าคนที่ทำผิดคือพวกเขา ทำไมถึงทำเหมือนนางกำลังข่มเหงใคร?“ข้าไม่ได้ระบายอารมณ์ใส่เจ้า สิ่งที่ข้าพูดมาตลอดก็คือ ให้เรียกคุณชายเซี่ยมาที่นี่!”เซี่ยเหอดูตกใจกลัว ร่างกายผอมบางสั่นสะท้านเล็กน้อย จนทำให้เนี่ยชิงหลานพูดไม่ออก เมื่อเห็นว่านางกำลังจะระเบิดอารมณ์ เฉิงเซวียนก็รีบดึงนางไว้“ใจเย็น ใจเย็น เปลี่ยนเรื่องใหญ่ให้เป็นเ
“หากคราวหน้าเซี่ยเหอมาทำให้เจ้าอึดอัดอีก ก็อย่ายืนเฉย ตอบโต้กลับไป ถึงเจ้าฝีปากจะสู้นางไม่ได้ แต่ฝีมือก็เก่งกาจกว่านางอยู่ดี”ดวงตาของเนี่ยชิงหลานสว่างไสวขึ้น “ข้าเข้าใจแล้ว คราวหน้าหากรู้สึกสะอิดสะเอียนคนประเภทนี้อีก ก็ไม่ต้องโวยวาย ลงมือได้เลย!”กู้หว่านเยว่ส่งสายตาแบบเด็กที่โตแล้วให้นาง“แล้วพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของเจ้า”“ไม่ต้องสนใจเขา ขาหักก็ไม่ต้องสนใจ ใครใช้ให้เขาตาบอดล่ะ!”แม้ว่าจะพูดเช่นนี้ แต่เนี่ยชิงหลานก็แค่โกรธ ดังที่คาดไว้เมื่อถึงเวลาพลบค่ำ ก็เห็นเฉิงเซวียนนอนอยู่บนเตียงอย่างน่าสงสารโดยไม่มีใครสนใจ จึงถือข้าวเย็นเข้าไปดูเขา ไม่เหมือนกับที่พูดไว้เลยกู้หว่านเยว่กำลังเตรียมตัวสำหรับการเปิดเรียนของสำนักศึกษาถงซันในวันพรุ่งนี้อยู่ภายในเรือนหลายวันมานี้ นางคอยจับตาดูหนังสือโบราณและตำราเรียนบนแพลตฟอร์มซื้อขายอยู่ตลอดเวลาพอเห็นหนังสือก็ซื้อมาเลยภายในเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่วัน ก็รวบรวมหนังสือโบราณเอาไว้ได้นับพันเล่มแล้วไม่ถือว่ามากมายนัก เมื่อเทียบกับสำนักศึกษาเก่าแก่และครอบครัวขุนนางอายุนับร้อยปี มันยังไม่ควรค่าแก่การพิจารณาด้วยซ้ำแต่ก็ไม่เป็นไร สำนักศึกษาถงซันเพิ่ง
“ข้าน้อยหาในละแวกนี้นานมากแล้ว แต่กลับไม่พบร่องรอยขององค์กรเลยขอรับ”“รู้แล้ว”กู้หว่านเยว่โบกมือ“เจ้าหาต่อไปเถอะ”รอจนกระทั่งฉู่เฟิงจากไปแล้ว นางนึกคิดแล้วเข้ามิติ เปิดระบบระบุตำแหน่งซูจิ่งสิงเคยเข้ามิติมาก่อน ดังนั้นระบบสามารถอิงตามลมหายใจของเขา เพื่อหาร่องรอยของเขาได้ระบบระบุตำแหน่งอย่างว่องไว“นายหญิง อยู่ที่ใจกลางป่าเล็ก เดินเข้าไปข้างใน”“ขอบคุณมาก”ได้ยินถ้อยคำนี้ กู้หว่านเยว่ขี่ม้าเร็วเข้าไปในป่ามาถึงหน้าถ้ำแห่งหนึ่งอย่างว่องไว“ท่านพี่ ท่านอย่าเป็นอะไรไปเป็นอันขาด”กู้หว่านเยว่ภาวนาภายในใจ สรุปคือนางเพิ่งเดินเข้าถ้ำ ก็ได้เห็นภาพบาดตาเห็นเพียงสตรีชุดขาวคนหนึ่งกำลังหันหลังให้นาง ซูจิ่งสิงที่ได้รับบาดเจ็บกำลังพิงร่างนางสตรีชุดขาวคล้ายได้ยินเสียงที่ปากถ้ำ หันหน้ามา“เจ้าเป็นใคร?”นางกอดซูจิ่งสิงไว้ สีหน้าท่าทางปกป้องเข้าข้างอย่างเต็มที่กู้หว่านเยว่เร่งเดินทางเข้ามา คิดไม่ถึงจะได้เห็นภาพซูจิ่งสิงพิงบ่าสตรีคนอื่นเช่นนี้ เดิมทีก็โมโหมากอยู่แล้ว ยังถูกสตรีชุดขาวคนนี้ถามไล่เรียงอีกโทสะพลุ่งพล่าน เดินเข้าไป ดึงซูจิ่งสิงขึ้น“ข้าคือพระชายาเจิ้นเป่ยอ๋อง เจ้าพูดเ
เพิ่งขึ้นหลังม้า กู้หว่านเยว่ก็จับมือซูจิ่งสิงตรวจชีพจรเล็กน้อยสรุปคือถึงขั้นหาไม่พบว่าเขาถูกวางยาพิษอะไรดูท่าแล้วพิษนี้รับมือได้ยากอยู่บ้างจะต้องรีบพาคนกลับไป ยิ่งช้าก็ไม่แน่ว่าจะยิ่งอันตรายฉู่เฟิ่งเองก็มองออกแล้ว สีหน้านายท่านเผือดซีดดุจกระดาษ หลับตาแน่นทั้งสองข้าง เหงื่อผุดพราวเต็มศีรษะ มองดูแล้วคล้ายอาการแย่มาก“ฮูหยิน ตอนท่านไปได้พบกับเหยลวี่เจิงหรือ?”“เปล่า” กลับได้พบคนอื่น“ข้าว่าเจ้าไร้มารยาทเกินไปแล้วกระมัง ข้าตะโกนตามหลังนานมากเพียงนี้ เจ้าถึงขั้นขี่ม้าออกมาเช่นนี้ ทิ้งข้าไว้ข้างหลัง?”สตรีชุดขาวไล่ตามหลังมา สายตายามมองกู้หว่านเยว่เปี่ยมความโมโหระคนเขินอายเพื่อไล่ตามมาอย่างว่องไว ผมเผ้ายุ่งเหยิงอยู่บ้าง“ท่านอ๋องถูกวางยาพิษ รีบส่งเขาให้ข้า”สตรีชุดขาวเร่งรัด ทำเสียจนกู้หว่านเยว่พูดไม่ออก “ข้ารู้ว่าเขาถูกวางยาพิษ แต่ถือสิทธิ์อะไรต้องให้เจ้า?”“ขอล่ะ ตกลงเจ้าใช่ภรรยาจิ่งสิงหรือไม่ เหตุใดคล้ายไม่ใส่ความเป็นตายของเขาเลยเล่า? ในเมื่อเขาถูกวางยาพิษ ย่อมต้องรีบจัดการ!”สตรีชุดขาวลำพองใจหลายส่วน“ข้าเป็นวิชายุทธ์ สามารถใช้กำลังภายในยับยั้งอาการบาดเจ็บของเขาไว้ได้ช
พูดอ้อมค้อมอย่างสุภาพ กู้หว่านเยว่ก็เป็นเจ้านายของเขาครึ่งหนึ่งไฉนเลยเขาจะทำตามคำพูดของซวนลู่ ไปเป็นปรปักษ์กับนายท่านได้?“อะไรนะ ท่านอ๋องดีต่อนางถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”สายตาซวนลู่หนักอึ้ง ยังไม่ยอมตัดใจ “แต่ตอนนี้ท่านอ๋องตกอยู่ในอันตราย กำลังภายในของข้าสามารถยับยั้งพิษของเขาได้ชั่วคราว”“ท่านอ๋องเป็นชายของข้า เขาถูกพิษ ข้าย่อมต้องใส่ใจ แม่ทัพซวนยังดูแลตนเองให้ดีเถอะ”กู้หว่านเยว่ได้เห็นท่าทีของฉู่เฟิงแล้ว คร้านจะสนใจซวนลู่ พาองครักษ์จันทราจากไป“เจ้า!”สายตาซวนลู่หนักอึ้ง “คุณหนูสูงศักดิ์สกุลกู้ตัวดี ดูเบาเจ้าเกินไปแล้ว”นางยกเท้าไล่ตามไป อีกเดี๋ยวนางกลับอยากเห็น หากอาการของท่านอ๋องร้ายแรงยิ่งขึ้น กู้หว่านเยว่จะอธิบายเยี่ยงไรระหว่างทางกู้หว่านเยว่พาซูจิ่งสิงกลับจวนกู้นางใคร่ครวญตลอดทาง ซูจิ่งสิงไล่ตามเหยลวี่เจิงไป ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้น เหตุใดซวนลู่จึงไปอยู่ที่นั่นแต่ทั้งหมดเป็นเพียงการหยั่งเดาของนาง ทั้งหมดยังต้องรอซูจิ่งสิงฟื้นขึ้นมา ถึงจะรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น“เข้าทางประตูข้าง อย่าทำให้คนอื่นตกใจ”โดยเฉพาะนางหยางและซูจิ้ง กังวลผู้เฒ่าทั้งสองจะรับไม่ไหว“ขอรับ”
ข้ารู้แล้ว เจ้าจะต้องได้ยินว่าข้าสามารถใช้กำลังภายในยับยั้งพิษของท่านอ๋องได้ดังนั้นเจ้าจึงว้าวุ่น คิดจะทำตัวโดดเด่นต่อหน้าท่านอ๋อง”กู้หว่านเยว่เกือบหัวเราะออกมาเพราะข้อสันนิษฐานของนางแล้ว ขมวดคิ้วมุ่น“เจ้าไม่ได้ป่วยกระมัง?”“เหตุใดเจ้าโจมตีข้าถึงเพียงนี้?” ซวนลู่มั่นใจบางอย่างแล้ว “จิตใจโหดเหี้ยมดังคาด”ชิงเหลียนทนไม่ไหวอีกต่อไป “เจ้าถือสิทธิ์อะไรปรักปรำฮูหยิน ฮูหยินเป็นวิชาแพทย์”ซวนลู่ไม่รู้จักชิงเหลียน ไม่ใส่ใจนาง เอ่ยเตือนกู้หว่านเยว่อย่างห่วงใย“ข้าส่งคนไปขอร้องปรมาจารย์แพทย์แล้ว ข้าชี้แนะเจ้าอย่าได้ฝังเข็มท่านอ๋องด้วยตนเอง หาไม่แล้วหากเกิดเรื่องอะไร ใครก็รับผิดชอบไม่ไหว”นางเดินไปที่ข้างเตียงด้วยสีหน้าปวดใจ คล้ายอยากเห็นซูจิ่งสิงทว่ายังไม่ทันถึงข้างเตียง กู้หว่านเยว่ก็ยกเท้าถีบนางออกไปอย่างกะทันหัน ในขณะเดียวกันก็แย่งเข็มเงินจากมือนางด้วย“สกปรกแย่แล้ว”นางโยนเข็มเงินของตนลงถังขยะอย่างรังเกียจ หมุนตัวเปลี่ยนเป็นเล่มที่สะอาดซวนลู่ถูกถีบออกไปอย่างไม่ทันตั้งตัว คนงุนงงแล้ว“เจ้าถึงขั้นขวัญกล้าถีบข้า!”รู้สึกตกตะลึงสั่นสะท้านภายในใจ สตรีคนนี้ถึงขั้นเป็นวิชายุทธ์ ดู
“ผ่อนคลายไปทั้งตัว”เยียนอวิ๋นชูยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ยว่า แม้ว่าตอนนี้เขายังเดินเหมือนคนปกติไม่ได้ แต่ก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายรู้สึกสบายตัวขึ้นมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนที่ถูกพิษ ไม่รู้สึกกระสับกระส่ายและกดดันอีกต่อไป แม้แต่จิตใจก็ยังเบิกบานขึ้นมาก“ดี เดี๋ยวข้าจะเขียนใบสั่งยาเพื่อบำรุงร่างกายให้ท่าน”หลังจากตื่นแล้ว กู้หว่านเยว่ก็เป็นห่วงความปลอดภัยของซูจิ่งสิงเขามุ่งหน้าไปส่งจดหมายที่เมืองอูถ่านตามลำพัง และไม่รู้ว่าได้พบกับเยียนสือซานหรือไม่เช่นเดียวกับกู้หว่านเยว่ เยียนอวิ๋นชูก็เป็นห่วงความปลอดภัยของพี่ชายของตัวเองเช่นกัน กลัวว่าเขาจะตกหลุมพรางของเหยลวี่เจิงทั้งสองตัดสินใจทันทีว่าจะรับประทานอาหารกลางวันบนรถม้า ตอนนี้พวกเขาจะไปเก็บสัมภาระ มุ่งหน้าไปยังเมืองอูถ่านทันที“ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่ใหญ่จะเป็นอย่างไรบ้าง”สีหน้าของเยียนอวิ๋นชูเป็นกังวล เสี่ยวถ่านจับจ้องไปที่ใบหน้าที่หล่อเหลาจนทั่วหล้าต้องขุ่นเคืองของเขา พลางถามอย่างอ่อนแรง“พี่รอง ควรอำพรางตัวให้พี่รองเยียนด้วยหรือไม่?ท่านดูสิเขาหน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้ ออกไปเดินบนท้องถนนต้องดึงดูดสายตาของผู้คนมากมายเป็นแน่ ทัน
เยียนอวิ๋นชูน่าสงสารนัก กู้หว่านเยว่ก็ใจอ่อนในชั่วพริบตา“เชื่อข้าเถอะ พิษในร่างกายของท่านจะถูกขับออกมาแน่นอน ต่อไปท่านจะไม่สูญเสียการควบคุมอีกแล้วแต่ขาของท่าน เนื่องจากไม่ได้เดินมานานเกินไป อาจต้องใช้เวลาถึงครึ่งปี จึงจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ”“นี่เป็นเรื่องธรรมชาติ”เยียนอวิ๋นชูก็ไม่ได้คาดหวังว่าขาของเขาจะหายดีได้ในชั่วข้ามคืนพิการมานานสิบกว่าปี ได้มีความหวังที่จะยืนขึ้นได้อีกครั้ง สำหรับเขาก็เป็นพรอันยิ่งใหญ่แล้วเขาดื่มยาหม้อหมดในคราเดียวในไม่ช้า ความไม่สบายก็เข้ามาภายในร่างกาย“ยาหม้อนี้มีสรรพคุณในการล้างพิษ ต่อไปท่านอาจจะรู้สึกไม่สบายเล็กน้อย อาจถึงขั้นมีไข้สูง แต่ท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะอยู่เคียงข้างท่าน”กู้หว่านเยว่หยิบเข็มเงินออกมาอย่างเป็นระเบียบขั้นตอน ราวกับว่ามองเห็นเหตุการณ์นี้ไว้ล่วงหน้าแล้วน้ำเสียงสุขุมของนาง ทำให้จิตใจที่ไม่เป็นสุขของเยียนอวิ๋นชูสงบลงมากร่างกายเจ็บปวดมากเกินไป เขาจึงพยายามหลับตาทั้งสอง ข่มความเจ็บปวดนี้เอาไว้เหงื่อเย็นเยียบพรั่งพรูออกมาจากร่างกายของเขาดั่งสายฝนกู้หว่านเยว่ถือผ้าขนหนูไว้ คอยเช็ดเหงื่อให้เขาอย่างอดทน เมื่อพบว่าเขาทนไม่ไ
ความคิดของเยียนอวิ๋นชูเปลี่ยนไปโดยพลัน เขาไม่คิดว่ากู้หว่านเยว่ จะหลอกลวงเขาในเรื่องแบบนี้ แสดงว่าร่างกายของเขาถูกวางยาพิษจริง ๆ และพิษนี้เริ่มตั้งแต่ขาทั้งสองของเขายืนไม่ได้ อย่างน้อยก็สิบกว่าปีแล้วเยียนอวิ๋นชูนึกย้อนกลับไปในหัวใครกันที่สามารถวางยาพิษเขาได้ในช่วงเวลานั้น แต่กลับไม่ได้อะไรเลย เวลามันเนิ่นนานเกินไปแล้วเขารู้ว่า ในขณะนี้สิ่งที่สำคัญไม่ใช่การตามหาคนที่วางยาพิษ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการล้างพิษในร่างกายของเขา“เจ้า เจ้าล้างพิษในร่างกายของข้าได้ไหม?”“ตอนนี้รู้จักขอร้องข้าแล้วหรือ เมื่อครู่ยังหน้าซีดรีบร้อนขับไล่ข้าออกไปมิใช่หรือ?”กู้หว่านเยว่กะพริบตายั่วเย้า ใช้น้ำเสียงหยอกล้อ ทำให้เยียนอวิ๋นชูหน้าแดง แทบจะพาลโกรธเอาดื้อ ๆ อีกครั้ง“เจ้า...”เมื่อเห็นเขากัดริมฝีปาก กู้หว่านเยว่ก็หัวเราะคิกคัก“เอาล่ะ ข้าแค่หยอกล้อท่านเฉย ๆ ข้าสามารถล้างพิษได้ วางใจเถิด”นางปลอมตัวเป็นผู้ชาย ใบหน้าหล่อเหลาอยู่แล้ว ในเวลานี้ได้เผยรอยยิ้มที่น่าหลงใหลออกมาอย่างฉับพลันเยียนอวิ๋นชูตกตะลึงไปชั่วขณะ มองดูใบหน้าที่เปล่งประกายของนาง รู้สึกว่าหัวใจนั้นเต้นแรงเขารีบกุมหัวใจเอาไว้ แล
เซียวหลิ่นหลีกทางให้โดยจิตใต้สำนึก กู้หว่านเยว่กำลังจะจับมือของเยียนอวิ๋นชู แต่ฝ่ายหลังกลับดันรถเข็นถอยหลังอย่างไม่คาดคิดปากก็ยังด่าทอเสียงดัง“ไปให้พ้น ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาสงสารข้า เจ้าเป็นอะไรกับข้าหรือ ปล่อยข้าไว้คนเดียวให้สงบสติอารมณ์สักพัก รีบออกไปให้พ้นเดี๋ยวนี้!”เยียนอวิ๋นชูคำรามลั่น ใบหน้าหล่อเหยเกเล็กน้อย คำพูดที่เอ่ยออกมาแย่มากจนทำให้มุมปากของเซียวหลิ่นกระตุก“คุณชายรอง!”คุณชายรองเกิดลมบ้าหมูอะไรขึ้นมา จอมยุทธหนุ่มท่านนี้เมื่อครู่สามารถใช้เข็มเงินนั่นฆ่าใครก็ได้ มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่านี่คือบุคคลที่มีทักษะทางการแพทย์สูงมาก หวังดีจะช่วยชีวิตเขา เหตุใดเขาถึงยังด่าทออย่างรุนแรง?“จอมยุทธหนุ่ม ขอโทษด้วยจริง ๆ”เซียวหลิ่นรีบขอโทษกู้หว่านเยว่ หวังว่านางจะใจกว้างไม่ถือสาคนต่ำทรามและกู้หว่านเยว่ก็มองดูท่าทางต่อต้านของเยียนอวิ๋นชู ครุ่นคิดเล็กน้อยก็รู้ว่าเขากำลังกังวลเรื่องอะไร“ท่านผู้นี้ ช่างดื้อรั้นเสียจริง!”เขาคงกลัวว่าจะสูญเสียการควบคุมและทำร้ายนาง ดังนั้นเขาจึงพูดจาดุดันเพราะต้องการขับไล่นางออกไป ทั้ง ๆ ที่นัยน์ตานั้นเต็มไปด้วยความกังวล แต่ก็ยังดึงดันที่จะแสร้ง
“เจ้าจะช่วยส่งจดหมายให้พวกข้าหรือ?”เยียนอวิ๋นชูมองไปที่กู้หว่านเยว่อย่างคาดไม่ถึง ดวงตาแจ่มใสทั้งคู่ที่มองไปที่กู้หว่านเยว่ เขาเชื่อมั่นในตัวนางมากจริง ๆ“ไม่ได้ มันจะทำให้เจ้ายุ่งยากเกินไป”เยียนอวิ๋นชูใจเต้นอยู่ชั่วขณะ หันหน้าไปอย่างรวดเร็วอาจเป็นเพราะหลายทศวรรษที่ผ่านมา เขาเคยชินกับการปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยท่าทีเฉยชา ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในเวลาอันสั้นการเอาตัวออกห่าง เป็นวิธีการปกป้องตัวเอง และปกป้องมิตรสหายของเขาด้วยกู้หว่านเยว่ถือโอกาสรับจดหมายของเขามา “เฮ้อ ท่านอย่ามัวชักช้าเลย ฟังจากคำพูดของท่าน พี่ชายของท่านไปที่เมืองอูถ่านแล้ว หากช้ากว่านี้ก็คงไม่ทันกาล เอาจดหมายมาให้ข้า พวกข้าจะไปส่งให้ท่านเอง”เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่โผงผางเช่นนี้ เยียนอวิ๋นชูก็เบิกตาทั้งสองกว้างอย่างตกตะลึง“เจ้า เจ้า...” เขาคงไม่สามารถแย่งจดหมายกลับมาได้อีกแล้วกระมัง?“คุณชายรอง ในเมื่อวีรบุรุษหนุ่มทั้งสองท่านนี้ต้องการช่วยเหลือเรา สู้เราเอาจดหมายให้พวกเขาดีกว่า สถานการณ์เร่งด่วน เราไม่อาจมัวลังเลได้”เซียวหลิ่นที่อยู่ข้าง ๆ รีบเอ่ยขึ้น ความจริงเขาก็กำลังคิดจะขอความช่วยเหลือจากกู้หว่านเยว่ เพีย
จากระดับความรักที่พี่ชายมีต่อเขา ต้องตามราวีซูจิ่งสิงอย่างไม่เลิกราแน่นอนลองคิดดูอีกที ช่วงนี้ใครอีกที่ต้องการยืมมือของพี่ชายเพื่อฆ่าซูจิ่งสิง“เหยลวี่เจิง”ดวงตาของเยียนอวิ๋นชูขรึมลงเล็กน้อย พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “เขาต้องการฆ่าข้า จากนั้นค่อยยืมมือพี่ชายของข้าฆ่าซูจิ่งสิง”กู้หว่านเยว่ตกตะลึงเล็กน้อย เยียนสือซานรับปากเหยลวี่เจิงว่าจะไปฆ่าซูจิ่งสิงตั้งแต่แรกแล้วมิใช่หรือ?หรือว่าเขาจะยังไม่ตอบตกลง!เหยลวี่เจิงจึงเสี่ยงเพราะเข้าตาจน วางแผนที่จะใช้เยียนอวิ๋นชูมายั่วยุความโกรธแค้นระหว่างเขากับซูจิ่งสิง?อย่างนี้เยียนอวิ๋นชูจึงไม่รู้เรื่องอะไรเลยและเยียนสือซานก็ไม่ถือเป็นศัตรูของพวกเขาในขณะนี้“รีบนำปากกาและพู่กันมาให้ข้า ข้าต้องเรียบเรียงจดหมายส่งให้พี่ใหญ่ ไม่ให้เขาตกหลุมพรางของคนอื่นอย่างเด็ดขาด”เยียนอวิ๋นชูรีบขอกระดาษและพู่กันจากองครักษ์ กู้หว่านเยว่ถามด้วยความใคร่รู้“พี่ใหญ่ของท่านอยู่แถวนี้หรือ?”เยียนอวิ๋นชูมองไปที่กู้หว่านเยว่ แม้ว่าสายตาของเขายังคงเย็นชาเหมือนในตอนแรก แต่ที่จริงแล้วในใจของเขามีความเชื่อถือต่อกู้หว่านเยว่ตั้งนานแล้ว“ไม่ใช่ พี่ใหญ่อยู่ในเมืองอูถ่าน”
“โอ๊ย!” ชายที่ลอบโจมตีร้องโหยหวน ก่อนจะล้มลงกับพื้นกู้หว่านเยว่มองไปที่เยียนอวิ๋นชูอย่างประหลาดใจ ไม่คิดว่าเขาจะใช้อาวุธลับและเมื่อพิจารณาจากความแข็งแกร่งของอาวุธลับนี้แล้ว ก็ไม่ได้เป็นรองธนูในมิติของนางดูเหมือนว่าเยียนอวิ๋นชูก็ไม่ใช่คนพิการที่ไร้ประโยชน์เช่นกันชายผู้นั้นล้มลงกับพื้น เมื่อเห็นสหายถูกฆ่าตายหมด ก็โกรธจนกระอักเลือดออกมาเต็มปากเขารู้อยู่แก่ใจว่าสถานการณ์เลวร้ายลงจนไม่อาจแก้ไขได้แล้ว ก่อนจะตะโกนลั่นด้วยสายตาที่ชั่วร้าย“พวกเจ้าสองคนสมควรตาย มาทำลายแผนการของเจิ้นเป่ยอ๋อง ท่านอ๋องจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่!”หลังจากพูดจบ หน้าอกของเขาก็ถูกลูกศรของซูจิ่งสิงเจาะทะลุ หลังจากกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ก็ขาดใจตายในทันใดมองดูร่างของชายผู้นั้น กู้หว่านเยว่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็โกรธจัดนี่มันอะไรกัน? ก่อนตายยังไม่หยุด ยังโยนความผิดมาใส่ตัวพวกเขาอีก!“เจิ้นเป่ยอ๋อง?”สีหน้าของเยียนอวิ๋นชูเปลี่ยนไปตามคาดได้ยินมาว่าที่ครั้งนี้พี่ใหญ่ได้รับเชิญให้ไปทูเจวี๋ย ก็เพื่อช่วยเหลือแม่ทัพเหยลวี่เจิ้งแห่งทูเจวี๋ยในการสังหารเจิ้นเป่ยอ๋องเพียงแต่ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอันใด พี่ใหญ่ถึงไม่ตอบตกลง
“พี่ใหญ่เกิดเรื่อง ข้าจะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร?”คำพูดขององครักษ์เยียนอวิ๋นชูฟังไม่เข้าหูเลย เขาขมวดคิ้วอย่างหนัก แล้วหมุนวงล้อด้านล่างวนรอบห้องเหมือนเดิมนี่คือสีหน้าของเขาเวลาตึงเครียดและในเวลานี้เอง ก็มีคนสองคนวิ่งเข้ามาจากด้านนอกประตู ทั้งคู่สวมเสื้อผ้าสีดำ ถือมีดเล่มใหญ่ไว้ในมือ จ้องมองเยียนอวิ๋นชูตาเป็นมัน“พวกเจ้าเป็นใคร บุกรุกเข้ามาทำไม?”“แหะ ๆ คุณชายรองสกุลเยียนยังมัวกังวลว่าพวกข้าคือใคร สนใจชีวิตของตัวท่านเองก่อนเถอะ” หนึ่งในนั้นยิ้มเยาะเยียนอวิ๋นชูก็ไม่ใช่คนโง่เขลาเช่นกัน เมื่อพิจารณาจากท่าทางของคนทั้งสอง แล้วนึกถึงจดหมายลับที่เขาเพิ่งได้รับมาอย่างไร้ที่มาที่ไป ก็เข้าใจในทันทีว่ามีคนจงใจวางกับดักไว้ต้องการโยกย้ายองครักษ์ที่อยู่ข้างกายเขาไปที่อื่น แล้วค่อยปลิดชีวิตเขา“พวกเจ้าไม่รู้จักตัวตนของข้าหรือ หากพี่ชายของข้ารู้เรื่องนี้ เขาจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปเด็ดขาด”เยียนอวิ๋นชูเกลี้ยกล่อมให้พูดความจริง คนที่บุกเข้ามาอีกคนก็หัวเราะหึหึ “พี่ชายของท่านไม่ใช่มือสังหารอันดับหนึ่งในรายชื่อหรอกหรือ นายของพวกข้าไม่เห็นพี่ชายของท่านอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ”เยียนอวิ๋นชูจับคำสำคัญได้
กู้หว่านเยว่แจ้งรายชื่ออาหารห้าหกรายการติดต่อกัน บริกรดีใจจนยิ้มไม่หุบ“ได้ขอรับ นายท่านกรุณารอสักครู่ อีกครึ่งชั่วยาม ข้าน้อยจะนำอาหารไปส่งที่ห้องพักของนายท่าน”“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”กู้หว่านเยว่ยื่นเงินให้ แล้วหันหลังเดินขึ้นบันไดไปแต่ในขณะที่เดินผ่านห้องพัก กลับได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากข้างใน“...จำไว้นะ ลงมือทันทีที่ฟ้ามืด สังหารเยียนอวิ๋นชูได้เลย”ชื่อที่คุ้นเคยทำให้กู้หว่านเยว่ชะงักฝีเท้า รีบหลบไปแอบฟังอยู่ข้าง ๆ“เจ้าจัดเตรียมข้าวของทุกอย่างพร้อมแล้วหรือยัง?”“จัดเตรียมพร้อมแล้ว ไม่เห็นหรือ นี่คือหนังสือที่เขียนด้วยเลือด ข้าให้คนเขียนเลียนแบบลายมือของเยียนอวิ๋นชู”ชายคนหนึ่งในนั้นกล่าวอย่างภาคภูมิใจแค่เพียงเยียนสือซานได้เห็นหนังสือเลือดเล่มนี้ ก็จะระบุตัวฆาตกรว่าเป็นซูจิ่งสิง แล้วก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเราอีกในใจของกู้หว่านเยว่เริ่มเกิดคลื่นถาโถม ชายสองคนที่วางแผนลับอยู่ในห้องคือใครกัน พวกเขาต้องการฆ่าเยียนอวิ๋นชู ซ้ำยังจะโยนบาปนี้มาให้ซูจิ่งสิงอีก?เพื่อความปลอดภัย กู้หว่านเยว่ไม่ได้บุกเข้าไปในห้อง แล้วจับกุมพวกเขาในทันทีแต่เจาะหน้าต่างอย่างระ