พูดอ้อมค้อมอย่างสุภาพ กู้หว่านเยว่ก็เป็นเจ้านายของเขาครึ่งหนึ่งไฉนเลยเขาจะทำตามคำพูดของซวนลู่ ไปเป็นปรปักษ์กับนายท่านได้?“อะไรนะ ท่านอ๋องดีต่อนางถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”สายตาซวนลู่หนักอึ้ง ยังไม่ยอมตัดใจ “แต่ตอนนี้ท่านอ๋องตกอยู่ในอันตราย กำลังภายในของข้าสามารถยับยั้งพิษของเขาได้ชั่วคราว”“ท่านอ๋องเป็นชายของข้า เขาถูกพิษ ข้าย่อมต้องใส่ใจ แม่ทัพซวนยังดูแลตนเองให้ดีเถอะ”กู้หว่านเยว่ได้เห็นท่าทีของฉู่เฟิงแล้ว คร้านจะสนใจซวนลู่ พาองครักษ์จันทราจากไป“เจ้า!”สายตาซวนลู่หนักอึ้ง “คุณหนูสูงศักดิ์สกุลกู้ตัวดี ดูเบาเจ้าเกินไปแล้ว”นางยกเท้าไล่ตามไป อีกเดี๋ยวนางกลับอยากเห็น หากอาการของท่านอ๋องร้ายแรงยิ่งขึ้น กู้หว่านเยว่จะอธิบายเยี่ยงไรระหว่างทางกู้หว่านเยว่พาซูจิ่งสิงกลับจวนกู้นางใคร่ครวญตลอดทาง ซูจิ่งสิงไล่ตามเหยลวี่เจิงไป ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้น เหตุใดซวนลู่จึงไปอยู่ที่นั่นแต่ทั้งหมดเป็นเพียงการหยั่งเดาของนาง ทั้งหมดยังต้องรอซูจิ่งสิงฟื้นขึ้นมา ถึงจะรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น“เข้าทางประตูข้าง อย่าทำให้คนอื่นตกใจ”โดยเฉพาะนางหยางและซูจิ้ง กังวลผู้เฒ่าทั้งสองจะรับไม่ไหว“ขอรับ”
ข้ารู้แล้ว เจ้าจะต้องได้ยินว่าข้าสามารถใช้กำลังภายในยับยั้งพิษของท่านอ๋องได้ดังนั้นเจ้าจึงว้าวุ่น คิดจะทำตัวโดดเด่นต่อหน้าท่านอ๋อง”กู้หว่านเยว่เกือบหัวเราะออกมาเพราะข้อสันนิษฐานของนางแล้ว ขมวดคิ้วมุ่น“เจ้าไม่ได้ป่วยกระมัง?”“เหตุใดเจ้าโจมตีข้าถึงเพียงนี้?” ซวนลู่มั่นใจบางอย่างแล้ว “จิตใจโหดเหี้ยมดังคาด”ชิงเหลียนทนไม่ไหวอีกต่อไป “เจ้าถือสิทธิ์อะไรปรักปรำฮูหยิน ฮูหยินเป็นวิชาแพทย์”ซวนลู่ไม่รู้จักชิงเหลียน ไม่ใส่ใจนาง เอ่ยเตือนกู้หว่านเยว่อย่างห่วงใย“ข้าส่งคนไปขอร้องปรมาจารย์แพทย์แล้ว ข้าชี้แนะเจ้าอย่าได้ฝังเข็มท่านอ๋องด้วยตนเอง หาไม่แล้วหากเกิดเรื่องอะไร ใครก็รับผิดชอบไม่ไหว”นางเดินไปที่ข้างเตียงด้วยสีหน้าปวดใจ คล้ายอยากเห็นซูจิ่งสิงทว่ายังไม่ทันถึงข้างเตียง กู้หว่านเยว่ก็ยกเท้าถีบนางออกไปอย่างกะทันหัน ในขณะเดียวกันก็แย่งเข็มเงินจากมือนางด้วย“สกปรกแย่แล้ว”นางโยนเข็มเงินของตนลงถังขยะอย่างรังเกียจ หมุนตัวเปลี่ยนเป็นเล่มที่สะอาดซวนลู่ถูกถีบออกไปอย่างไม่ทันตั้งตัว คนงุนงงแล้ว“เจ้าถึงขั้นขวัญกล้าถีบข้า!”รู้สึกตกตะลึงสั่นสะท้านภายในใจ สตรีคนนี้ถึงขั้นเป็นวิชายุทธ์ ดู
กู้หว่านเยว่หัวเราะ กลับเกิดความคาดหวังต่อคำพูดของชิงเหลียนภายในใจ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”ชิงเหลียนตอบตามสัตย์จริง “พวกบ่าวเป็นคนที่ท่านอ๋องชุบเลี้ยงไว้โดยเฉพาะ เพื่อปกป้องว่าที่พระชายา หากนางมีอะไรกับท่านอ๋องจริง บ่าวไม่มีวันไม่รู้เจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่เองก็เชื่อซูจิ่งสิงกลับหึงหวงอย่างอดไม่ได้นางพูดอย่างนึกสนุก “รอเจ้านายของเจ้าฟื้นขึ้นมา ถามตัวเขาดูก็รู้แล้ว”“ฮูหยินถามก็พอ หากนายท่านมีอะไรกับนางจริง เช่นนั้นบ่าวก็ขอติดตามฮูหยิน!” ชิงเหลียนเอนเอียงไปทางกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่เปลี่ยนเข็มเงิน ขับพิษให้ซูจิ่งสิงต่อไม่รู้ผ่านไปนานมากเพียงใด พิษที่ถูกกำลังภายในยับยั้งไว้ในร่างกายของซูจิ่งสิง กำเริบออกมาแล้วนี่เป็นสัญญาณดี มีเพียงเป็นเช่นนี้ นางถึงจะสามารถประเมินได้อย่างแม่นยำว่าซูจิ่งสิงโดนพิษอะไร จากนั้นค่อยถอนพิษให้เขา“ร้อนเหลือเกิน”ปรากฏว่ากู้หว่านเยว่พบอย่างคาดไม่ถึง สีหน้าเขากลายเป็นแดงก่ำเพียงแตะโดน ใบหน้านางเองก็แดงแล้วยากระตุ้นกำหนัด?เหตุใดซูจิ่งสิงถูกยาเช่นนี้ได้เล่า กู้หว่านเยว่รีบหายาถอนพิษในมิติ ขณะกำลังหยิบยาถอนพิษออกมาจู่ๆ ข้อมือก็ถูกจับไว้อย่างกะทัน
ซวนลู่หันมองทางปรมาจารย์แพทย์กู้หว่านเยว่เองก็มองทางปรมาจารย์แพทย์“ผู้อาวุโส ท่านรู้จักแม่ทัพซวนด้วยหรือ?”“แม่ทัพซวนแม่ทัพห้วนอะไร เจ้าเด็กตัวเหม็น นางไม่ใช่คนของเจ้าหรือ?”ปรมาจารย์แพทย์เผยสีหน้าประหลาดใจ “ที่แท้เจ้าก็ไม่รู้จักเจ้าเด็กตัวเหม็นนี่เอง ข้ายังคิดว่าเป็นเจ้าเด็กตัวเหม็นให้เจ้ามาหาข้า ดังนั้นข้าถึงรีบร้อนเดินทางมา หากรู้แต่แรกว่าเจ้ามาเชิญข้าด้วยตนเอง ข้าก็ไม่มีวันมา”สีหน้าซวนลู่กระด้างไป ปรมาจารย์แพทย์พูดอย่างไม่ไว้หน้ายิ่งขึ้น“วิชาแพทย์ของเจ้าเด็กตัวเหม็นคนนี้ดีกว่าข้ามากนัก คนที่นางเคยดูอาการมาก่อนยังจะให้ข้าดูอะไรอีก สร้างปัญหาให้ข้าโดยแท้”สีหน้าซวนลู่เขียวแล้ว ดังนั้นนางสามารถเชิญปรมาจารย์แพทย์มาได้ มิใช่เพราะชื่อของนาง แต่เพราะกู้หว่านเยว่? !กู้หว่านเยว่มองปรมาจารย์แพทย์ยิ้มๆ“ในเมื่อมาแล้วเที่ยวหนึ่ง คืนนี้ก็อย่ากลับไปเลย อยู่ต่อที่จวนข้าเถอะ ห้องก่อนหน้านี้ที่ท่านเคยอยู่บ่าวรับใช้ยังเก็บกวาดอยู่ตลอด”“ได้ๆ!”ปรมาจารย์แพทย์พยักหน้ามีความสุข สามารถมากินมาดื่มได้ เขาย่อมไม่ปฏิเสธเดาออกว่าพวกเขาคนหนุ่มสาวมีเรื่องอะไร ปรมาจารย์แพทย์รู้กาลเทศะรีบหนีไปแ
ยามอยู่ที่ชายแดน แม่ทัพผู้เฒ่าซวนดูแลเขาไม่น้อย เขาจดจำอยู่ภายในใจซวนลู่เผยสีหน้าดีใจ “มิสู้ท่านอ๋องไปพร้อมกับข้าเถอะ หากท่านพ่อได้พบท่าน จะต้องดีใจมากแน่”ซูจิ่งสิงไม่มีท่าทีตอบสนองเขาวางแผนไปที่ชายแดนจริง เพียงแต่นั่นคือติดตามกู้หว่านเยว่ไป ไม่มีวันแย้มพรายเรื่องนี้ให้ซวนลู่ฟังซวนลู่เห็นสถานการณ์แล้ว พูดออกมาอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ “ข้าได้ยินว่าท่านเกิดเรื่อง ก็ร้อนใจดุจไฟเผา ตลอดทางมานี้ลำบากคุณหนูกู้แล้ว แต่ ภายภาคหน้ามีข้าอยู่ ไม่มีใครขวัญกล้าทำร้ายท่าน”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้ว ต่อให้เขารู้สึกช้าเยี่ยงไร ก็ฟังออกว่าประโยคนี้ของอีกฝ่ายผิดปกติกู้หว่านเยว่แสยะยิ้ม กินเมล็ดแตงเงียบๆตรงข้ามกันไม่กังวลซูจิ่งสิง อย่างไรเสียก็เป็นชายที่นางเลือกด้วยตนเอง นางเชื่อว่าสายตาตนไม่แย่ถึงเพียงนั้นดังคาด ซูจิ่งสิงมิได้ทำให้นางผิดหวัง เปล่งเสียงเครียด“หว่านเยว่เป็นพระชายาของข้า ตลอดทางพวกเราสองสามีภรรยาดูแลประคับประคองกัน สายสัมพันธ์ลึกซึ้งรบกวนเจ้าภายภาคหน้าตอนเรียกนาง อย่าได้เรียกนางว่าคุณหนูกู้อีก เรียกนางว่าพระชายา”ซวนลู่อึ้งงันอยู่กับที่ คล้ายคิดไม่ถึงเลยว่าซูจิ่งสิงถึงขั้นหักหน้าน
สองสามีภรรยากลับมาคุยธุระสำคัญซูจิ่งสิงพยักหน้า “ถูกต้อง ข้าไล่ตามเขาไปจริงๆ ข้าพบร่องรอยของเขาที่นอกเมือง”ที่แท้ ยามซูจิ่งสิงอยู่ที่ตลาดประมูลพบว่าลี่จีเป็นคนของหอร้อยบุปผา ก็เริ่มสงสัยว่าเหยลวี่เจิงเองก็อยู่ภายในเจดีย์หนิงกู่ ดังนั้นจึงส่งคนคอยสังเกตการณ์อยู่ตลอดดังคาด หลังสุ่ยเซียนถูกจับ เหยลวี่เจิงก็เผยพิรุธออกมา“อาจเพราะเขาพบว่าสุ่ยเซียนตายในเงื้อมมือของพวกเรา ดังนั้นเขาจึงพาคนออกจากเมืองอวี้ สรุปคือถูกข้าพบเข้าให้แล้ว”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้ว “เขาเปลี่ยนไปจากที่เคยต่อสู้กันเมื่อหลายปีก่อนไม่น้อย บนตัวคล้ายมีความชั่วร้ายเพิ่มขึ้นไม่เพียงวิชายุทธ์แตกต่างจากที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง ยิ่งไปกว่านั้นหลังถูกข้าทำให้บาดเจ็บแล้ว ถึงขั้นสาดผงยาพิษใส่ข้า”เขาใช้พิษไม่เป็น แม้ว่าสามารถหลบได้ในทันที แต่ยังสูดผงยาพิษเข้าไปไม่น้อย“หลังพบว่าผงยาพิษคือยากระตุ้นกำหนัด ข้าก็ระงับฤทธิ์ยาลงไปในทันที จากนั้นหาถ้ำแห่งหนึ่งพบ ก็สะลึมสะลือไม่ได้สติ”กู้หว่านเยว่ยิ้มเย็น “เหยลวี่เจิงสามารถรังสรรค์เจ้าสิ่งนี้ออกจากหอร้อยบุปผาได้ มองออกว่าไม่ใช่คนดีอะไร บัดนี้ความชั่วร้ายก็แค่ปลดปล่อยอุปนิสัยตามธรรมชา
แต่แค้นนี้ นับว่าคลี่คลายแล้วกู้หว่านเยว่กลับแปลกใจมาก “เหตุใดเหยลวี่เจิงต้องไล่ตามท่านไม่เลิกราด้วยเล่า?”ต่อให้พ่ายแพ้ให้ซูจิ่งสิงในสงคราม แต่แพ้ชนะเป็นเรื่องปกติของการทำสงคราม ไม่ถึงขั้นต้องไล่ตามมาฆ่าถึงเจดีย์หนิงกู่หรอกกระมังเว้นเสียแต่ว่ายังมีเรื่องค้างคาอะไรกัน“เหยลวี่เจิงอายุมากกว่าข้าห้าปี”ซูจิ่งสิงยิ้มเยาะหยัน “เขาเข้าสนามรบตอนอายุสิบเก้าปี ทำสงครามกับต้าฉี ไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อนจนกระทั่งข้าไปที่ชายแดน”กู้หว่านเยว่เข้าใจแล้วเหยลวี่เจิงคิดว่าตนเองเป็นแม่ทัพมีพรสวรรค์ ปรากฏว่ากลับถูกซูจิ่งสิงปราบและบังคับให้ลงนามในสัญญายอมรับความพ่ายแพ้ นี่ยังจะอดทนไหวได้อย่างไร?ดังนั้นไม่ว่าเขาทำเพื่อระบายโทสะ หรือเพื่อทำให้ซูจิ่งสิงไม่เป็นภัยต่อทูเจวี๋ยอีก นี่จึงมีเหตุผลเพียงพอให้เอาชีวิตของซูจิ่งสิงสำหรับอาการบาดเจ็บสาหัสของเขา ทั้งสองตัดสินว่าเหยลวี่เจิงไม่มีวันโผล่หน้าออกมาภายในระยะเวลาอันสั้นนี้ความจริงก็เป็นเช่นนี้ บัดนี้เหยลวี่เจิงกำลังหนีเอาชีวิตรอดเขานอนบนรถม้า รูปร่างสูงใหญ่ กำยำล่ำสันสะท้อนความงามของชายต่างเผ่าออกมา มิน่าเล่าสตรีมากมายภายในหอร้อยบุปผาถึงหลงใหลและ
กู้หว่านเยว่แสยะยิ้ม ซวนลู่เองก็อยู่ด้วย“หว่านเยว่ มีอะไรหรือ?”ซ่งเสวี่ยสังเกตเห็นว่านางไม่สบอารมณ์ มองตามสายตานางไปทางซวนลู่สัญชาตญาณของผู้หญิงบอกนาง คนผู้นี้เป็นปรปักษ์กับกู้หว่านเยว่หางตาซวนลู่ลำพองใจถึงสองส่วน ยืนข้างซูจิ่นเอ๋อร์อย่างสนิทสนม จงใจแสดงท่าทางสนิทสนมมากกับพวกเขา“จิ่นเอ๋อร์ นี่ก็คือพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าหรือ?”นางตั้งใจถามออกไปเช่นนี้ ซูจิ่นเอ๋อร์ไม่รู้เรื่องเมื่อวาน พยักหน้าท่าทางซื่อๆ“ใช่แล้ว นี่ก็คือพี่สะใภ้ใหญ่ที่ข้าบอกท่าน”พูดไปก็วิ่งเข้ามาหยุดข้างกายของกู้หว่านเยว่“พี่สะใภ้ใหญ่ พวกเราวางแผนไปสนุกครึกครื้นด้วยกันที่สำนักศึกษาถงซัน ให้พวกเราไปกับท่านดีหรือไม่?”“ได้เลย แต่เจ้าต้องรับปากข้า จะวุ่นวายไม่ได้”กู้หว่านเยว่จิ้มหน้าผากเด็กโง่คนนี้ ซูจิ่นเอ๋อร์รีบรับปาก“พี่สะใภ้ใหญ่วางใจได้ ข้าจะเชื่อฟัง”ซูจื่อชิงได้เห็นสีหน้าซูจิ่งสิง ก็รีบพูด“ข้าเองก็จะเชื่อฟัง”อาจเพราะได้กลับมาพบหน้าหลังไม่ได้พบกันมานาน เพิ่งขึ้นรถม้า ซูจิ่นเอ๋อร์และซูจื่อชิงก็อยู่ข้างกายซวนลู่อยู่ตลอดทว่าบัดนี้เพียงได้พบกู้หว่านเยว่ สองคนก็วิ่งเข้าไปหยุดข้างกายกู้หว่านเยว่ เชื
กู้หวย่านเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลิ่วเพียวเพียวกำลังตั้งครรภ์ คนในตระกูลเจี่ยจะต้องไม่ปล่อยนางไปง่าย ๆ จะต้องพานางไปด้วยอย่างแน่นอนอีกอย่างในตอนที่นางสอบถามพวกโจร นางไม่เคยได้ยินเรื่องที่หัวหน้าตระกูลถูกฆ่าตายอยู่ในจวนเจี่ยจากปากของพวกเขาเลย“ท่านพี่ ข้าอยากสำรวจเมืองจางโจวในเวลากลางคืน”หลังจากที่ลงหลักปักฐานแล้ว กู้หว่านเยว่ก็หันไปปรึกษากับซูจิ่งสิงในเมื่อมีเบาะแสของหลิ่วเพียวเพียวแล้ว นางจึงตัดสินใจว่าจะไปดูด้วยของตัวเอง ถึงอย่างไรพี่หญิงก็กำลังตั้งครรภ์อยู่ ซึ่งเป็นช่วงที่อันตรายมากหากเกิดความผิดพลาดขึ้นมา คงไม่ใช่เรื่องตลก นางจะต้องมั่นใจที่อยู่ของอีกฝ่าย ถึงจะกล้าวางใจหากได้กลับไป ก็ไม่ถึงกับพูดไม่ออกต่อหน้าท่านลุงและท่านป้า“ข้าจะไปกับเจ้า” ซูจิ่งสิงเข้าใจความหมายของกู้หว่านเยว่ แต่เขาไม่วางใจให้กู้หว่านเยว่ไปเพียงลำพัง ไม่ว่าอย่างไรเขาจะตามนางไปด้วย“เจ้ายังต้องอยู่ในค่าย หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจะได้รับมือได้ทันท่วงที”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า นางกลัวว่าท่านแม่ทัพจางโจวจะจู่โจมในเวลากลางคืนโดยไม่ทันตั้งตัว หากซูจิ่งสิงไม่อยู่ที่นี่ สถานการณ์อาจจะเลวร้ายกว่านี้ก
“ไม่ได้” เฉิงฮูหยินกอดร่างอวบอ้วนของเฉิงซินไว้ในอ้อมกอด “นี่คือบุตรชายเพียงคนเดียวของเรานะ ท่านส่งเขาออกบวชเช่นนี้ ท่านจะฆ่าข้าด้วยใช่หรือไม่เจ้าคะ?”นางเช็ดน้ำตาด้วยความเสียใจ“หากหวนเอ๋อร์ยังมีชีวิติอยาละก็ ต่อให้ท่านเฆี่ยนเขาจนตาย ข้าก็จะไม่ขวางท่าน แต่นี่หวนเอ๋อร์ก็ตายไปแล้ว ข้ามีบุตรชายเพียงคนเดียว ท่านจะไม่เห็นแก่หน้าของข้าบ้างอย่างนั้นหรือ?”ครั้นเฉิงทั่วนึกถึงบุตรชายคนโตที่มีความเชี่ยวชาญด้านบทกวีและมีทักษะการต่อสู้ก็อดเศร้าใจขึ้นมาไม่ได้ ที่แท้เหนือกว่าเฉิงซินขึ้นไปก็ยังมีพี่ชายอีกหนึ่งคนที่มีความเฉลียวฉลาดยิ่งกว่านี่เองเพียงเพราะเป็นบุตรชายคนโต เฉิงฮูหยินจึงฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เขา เข้มงวดด้านกฎระเบียบปรากฏว่ากลับเข้มงวดมากเกินไป จนทำให้บุตรชายผู้นี้ต้องตายในที่สุด“หลังจากนั้นเป็นต้นมา ท่านแม่ของข้าก็มักจะหวาดกลัวอยู่เสมอ”เฉิงเหลียนชำเลืองมองกู้หว่านเยว่แล้วกล่าวอย่างทอดถอนใจ“กลัวว่าข้าจะเจริญรอยตามพี่ใหญ่ จึงไม่กล้าอบรมสั่งสอนพี่รอง ตราบใดที่ไม่ใช่เรื่องฆ่าคนและวางเพลิง นางก็มักจะตามใจเขาอยู่เสมอ”กู้หว่านเยว่ประหลาดใจมาก ยังใช้เหตุผลนี้กันอยู่อีกหร
“เพียงแต่เราต้องตกลงกันให้ชัดเจนก่อน ท่านตามข้าได้ แต่ท่านห้ามเข้าเมืองหลวงพร้อมกับข้า เมื่อเข้าเขตเมืองหลวง ข้าจะให้ท่านไปพักในโรงเตี๊ยมที่ปลอดภัย ถึงยามนั้นข้าจะเข้าไปเพียงลำพัง หากข้ากลับออกมาอย่างปลอดภัย ข้าค่อยพาท่านกลับเจดีย์หนิงกู่ เพื่อกราบขอโทษท่านอ๋องและพระชายา แต่หากข้าไม่กลับออกมา คนของข้าจะคุ้มกันท่านกลับบ้านอย่างปลอดภัย”มู่หรงฉางเล่อหลุดหัวเราะออกมา“เหอะ ๆ พูดไม่เป็นมงคลเอาเสียเลย หมายความว่าอย่างไรไม่กลับออกมา? ไม่ว่าอย่างไรท่านต้องกลับออกมาเจ้าค่ะ”อวิ๋นมู่มองนางด้วยสีหน้าจริงจัง ครั้งนี้เจ้าจะไม่ให้นางบิดพลิ้วง่าย ๆ อีก“ได้โปรดท่านหญิงจงรับปากข้า มิเช่นนั้นข้าจะเลี้ยวหัวกลับเดี๋ยวนี้ พาท่านกลับไปส่งเมืองซุ่ยโจว”มู่หรงฉางเล่อถอนหายใจ“ก็ได้ ๆ ข้ารับปากท่าน”ตอนนี้นางยอมรับปากส่งเดชไปก่อน แต่เมื่อถึงที่หมายแล้วจะทำอย่างไรนั้นก็ค่อยว่ากันกู้หว่านเยว่เดาออกว่าเรื่องของแม่นางตั่วไม่มีทางจบในเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน เป็นอย่างที่คาดคิดไว้ในเช้าวันต่อมาก็เกิดเรื่องขึ้น หลังจากที่เฉิงฮูหยินตื่นนอน ก็ส่งตัวแม่นางตั่วออกไปและโน้มน้าวไม่ให้เฉิงซินบอกเขาเดิมทีเ
เสียงนี้เป็นเสียงของผู้หญิงอย่างชัดเจน อวิ๋นมู่รู้สึกถึงบางอย่างไม่ชอบมาพากล จึงรีบเปิดม่านและชะโงกหน้าออกไปดู“ท่าน...”คนของอวิ๋นมู่โง่เขลาไปชั่วขณะในตอนที่เขาโผล่หน้าออกมานั้น ก็เจอกับใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มหวานของคนผู้นั้นพอดีเจ้าของรอยยิ้มผู้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นมู่หรงฉางเล่อนั้นเอง“ท่านหญิง ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?”อวิ๋นมู่รีบมองไปรอบ ๆ หน้าผากเริ่มมีเม็ดเหงื่อผุดพราย คิดว่าตัวเองกำลังฝันอยู่กระทั่งเห็นว่าบนทางหลวงที่ค่อนข้างคับแคบแห่งนี้มีเพียงรถม้าที่กำลังเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ เพียงคันเดียวแต่มู่หรงฉางเล่อนั่งอยู่บนที่นั่งที่ประกอบด้วยไม้บริเวณด้านหน้าของรถม้า มือข้างหนึ่งจับเชือกบังเหียน แต่งกายเป็นคนขับรถม้าแล้วอวิ๋นมู่จะรู้ได้อย่างไร ว่าสตรีผู้นี้แต่งกายเป็นคนบังคับม้า และแอบขึ้นมาบนรถม้าของเขา ออกเดินทางไปเมืองซุ่ยโจวกับเขามาไกลถึงเพียงนี้!“คุณชายอวิ๋น ทำไมพอเจอข้าแล้วถึงนิ่งงันไปเช่นนั้นล่ะเจ้าคะ?”มู่หรงฉางเล่อเอียงคอคลี่ยิ้มนัยน์ตาของนางฉายแววเฉลียวฉลาดที่ชวนหลงใหลออกมา จากนั้นก็โยนเชือกบังเหียนไปให้กับคนบังคับม้าที่อยู่ข้างกาย จากนั้นก็
นางออกคำสั่งเป็นปกติ ซูจิ่งสิงที่อยู่ข้างกายทำได้แต่เพียงฟังอย่างเงียบ ๆ ไม่คิดจะออกความคิดเห็นแต่อย่างใดเฉิงเหลียนรู้ว่านางเชื่อถือได้ “ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”ตอนจากไป นางย่างก้าวราวกับเหาะออกไปเลยทีเดียว“พระชายาช่างใจดียิ่งนัก” ชิงเหลียนอดทอดถอนใจไม่ได้แน่นอนว่าครั้นแม่นางเฉิงเหลียนได้รับความไม่ยุติธรรมจากตระกูลเฉิง นางจึงอยากพาอีกฝ่ายไปด้วย“นางสมควรได้รับ”กู้หว่านเยว่เห็นฝีมือและประสบการณ์ด้านการนำทัพของเฉิงเหลียนแล้ว นับว่าเป็นพรสวรรค์ที่หาได้ยากยิ่งเพียงแต่น่าเสียดายที่นางเป็นสตรี จึงได้รับข้อจำกัดทุกด้านแต่หากนางได้อยู่ที่นี่ ก็ไม่ต้องกังวลมากนักนางให้โอกาสเฉิงเหลียนได้แสดงความสามารถของตัวเองอย่างอิสระ“ท่านพี่ เรากลับกันเถอะ”หลังจากเสียเวลามาตลอดครึ่งเช้า ก็ถึงเวลาที่ต้องกลับไปกินมื้อเที่ยงแล้วกู้หว่านเยว่จูงมือของซูจิ่งสิงกลับมาถึงจวน กระทั่งเห็นสาวใช้วิ่งออกมาอย่างกระวนกระวายใจ“ท่านอ๋อง พระชายา แย่แล้ว ท่านหญิงฉางเล่อหายตัวไปแล้วเจ้าค่ะ”นี่คือสาวใช้ของมู่หรงฉางเล่อ ชื่อว่ากู๋อวี่กู๋อวี่ถือจดหมายฉบับหนึ่ง ด้วยท่าทางเหมือนจะร้องไห้“ข้าน้อยไป
กู้หว่านเยว่กุมขมับ ไม่มีใครปากหนักได้เหมือนเฉิงซิน หวังว่านางจะจำมันไว้เป็นบทเรียน “โธ่ ๆ ท่านพี่ช่างร้ายกาจยิ่งนัก!” แม่นางตั่วล้มลงไปกองบนพื้น พลางยกมือกุมอกด้วยท่าทางยั่วสวาท ความจริงแล้วนางมีรูปโฉมงดงามมาก แม้จะไม่ได้บอกว่านางงดงามยิ่งกว่าใครในปฐพี แต่ก็มั่นใจได้ว่าเป็นสตรีวัยกลางคนที่มีเสน่ห์น่าดึงดูดมากและเย้ายวนเก่งมากทีเดียว ไม่แปลกใจที่เฉิงซินจะชื่นชอบ“ฮูหยิน ก่อนหน้านั้นแม่นางผู้นี้มีชื่อเสียงเลื่องลือที่สุดในหอนางโลมซุ่ยโจวเจ้าค่ะ”ชิงเหลียนกระซิบนินทาเสียงเบาข้างหูของกู้หว่านเยว่ นางรู้ว่าพระชายาของตัวเองชอบฟังเรื่องเหล่านี้เป็นที่สุด“ต่อมาครั้นถึงวัยออกเรือน นางก็ได้แต่งงานกับคนขี่ม้าผู้หนึ่ง ทว่าแม้ว่านางจะมีสามีเป็นตัวเป็นตนแล้ว แต่กลับยังออกไปรับแขกเฉกเช่นเดิม...”กู้หว่านเยว่มีคำว่า ‘ให้ตายเถอะ’ ผุดขึ้นมาในใจโดยไม่รู้ว่าควรโพล่งหรือไม่ควรโพล่งออกมา “แม่นางตั่ว เจ้าเป็นอะไรไป?”ครั้นเฉิงซินได้ยินเสียงของแม่นางตั่วก็รีบวิ่งออกมาทันที ท่าทางนั้นของเขาดูร้อนใจกว่าตอนที่แม่เขาเป็นลมเสียอีก“ท่านอ๋อง ข้าเจ็บเจ้าค่ะ....” แม่นางตั่วถูเข่าของตัวเอง“ไปกันเถอะ”
“พระชายา ท่านอ่อง เรื่องนี้...”ซูจิ่งสิงโบกมือเบาๆ “เรื่องนี้เป็นเรื่องในครอบครัว เจ้าจัดการเองเถอะ”ตอนเฉิงฮูหยินเพิ่งฟื้นขึ้น เอาแต่เป็นห่วงลูกชายที่ถูกแขวนไว้ด้านนอก ตอนนี้ถึงได้หันมาสนใจกู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงที่ยืนอยู่ด้านข้างเมื่อรู้ว่ากู้หว่านเยว่ช่วยนางไว้ จึงรีบลุกขึ้นทำความเคารพอีกฝ่าย“ชีวิตอันต่ำต้อยของข้าน้อยจะให้พระชายามาเองได้อย่างไร รบกวนพระชายาเกินไปแล้ว”นอกจากรักลูกชายมากเกินไปแล้ว ด้านอื่นๆ ของเฉิงฮูหยินก็ยังถือว่าปกติดีกู้หว่านเยว่โบกมือ“เฉิงฮูหยินไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนั้น รีบลุกเถอะ สุขภาพของท่านไม่ค่อยดี”“ถูกต้องท่านแม่ ท่านรีบลุกขึ้นมาเถอะ”เฉิงซินเข้าไปประคองเฉิงฮูหยินอย่างกระตือรือร้น สายตาเหลือบมองกู้หว่านเยว่ เขายังรู้สึกกลัวกู้หว่านเยว่อยู่บ้างช่วงเวลาที่ถูกมู่หรงฉางเล่อจับตัวไป เขาถูกทรมานมาไม่น้อยในมือกู้หว่านเยว่มียาพิษมากมาย มียาพิษหลายชนิดที่เขาได้ลิ้มลองด้วยตัวเอง“รีบสั่งให้แม่นางตั่วของเจ้าไปซะ” เฉิงฮูหยินด่าทออย่างไม่สบอารมณ์“เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ได้เวลากลับตัวกลับใจได้แล้ว”ที่ลูกชายออกไปทำตัวสำมะเลเทเมาอยู่ข้างนอก ต้อง
“รีบให้คนไปปล่อยซินเอ๋อร์ลงมาเดี๋ยวนี้!”เมื่อเฉิงฮูหยินลุกขึ้น หัวใจพลันปวดแปลบ นางจึงต้องเชื่อฟังและนอนลงแต่โดยดีทว่าก็ยังชะเง้อคอ อยากจะมองดูลูกรักที่อยู่ตรงลานบ้าน“เหลียนเอ๋อร์อยู่ข้างนอกหรือ? เหลียนเอ๋อร์ รีบปล่อยตัวพี่ใหญ่เจ้าเร็วสิ!”“ฮูหยิน!”เฉิงทั่วไม่เห็นด้วยกับวิธีการของนาง“เจ้าลูกอกตัญญูทำเรื่องน่าอับอายขายหน้าขนาดนี้ หากไม่ลงโทษให้ดี ต่อไปเขาจะใจกล้ามากยิ่งกว่านี้”เขาอยากถือโอกาสนี้ ลงโทษเฉิงซินให้เข็ดหลาบ“เพราะหญิงสำส่อนนั่นให้ท่า เกี่ยวอะไรกับลูกด้วย?” แต่เห็นได้ชัดว่าเฉิงฮูหยินลำเอียงคนลำเอียงมักพบได้ทั่วไป แต่ผู้ที่ลำเอียงขนาดนี้พบได้ไม่บ่อยนักกู้หว่านเยว่จับมือซูจิ่งสิงยืนสอดรู้อยู่ด้านข้างอย่างมีความสุขแม้แต่เฉิงทั่วเองก็ทนฟังต่อไปไม่ได้ สั่งสอนเฉิงฮูหยินด้วยใบหน้าแดงเถือก“ฮูหยิน หากไม่ใช่เพราะลูกชายของเราทำตัวเละเทะเอง ออกไปลักลอบได้เสียกับแม่นางตั่วอะไรนั่น หนำซ้ำยังพานางกลับมาที่บ้าน เจ้าจะหมดสติได้อย่างไร?”เฉิงทั่วโกรธที่ลูกชายไม่เอาไหนเจ้าลูกชายทำตัวเละเทะก็ไม่ใช่วันสองวันแล้ว ก่อนหน้านี้เขาไม่มีโอกาสจัดการลูกชายสักที วันนี้จะต้องสั่งสอ
ข้าเป็นคนไร้ชื่อเสียงย่อมไม่กลัว แต่ต่อไปจวนแม่ทัพของพวกเจ้ายังจะมีหน้าอยู่ในซุ่ยโจวอีกหรือ”ระหว่างที่พูด แม่นางตั่วเดินไปใต้ต้นไม้อีกครั้ง แล้วกอดเฉิงซินที่ถูกมัดแขวนไว้“คุณชายน้อย ท่านหลอกบ่าวให้หลงเชื่อสนิทใจ ท่านบอกว่าจะพาบ่าวไปอยู่อย่างสุขสบาย บ่าวจึงได้ทิ้งผัวที่บ้านตามท่านมา แต่สุดท้าย ทุกคนในบ้านท่านกลับรังแกบ่าว ฮือฮือฮือ...”อย่าเห็นว่าแม่นางตั่วแต่งงานแล้ว กลับหน้าตาเย้ายวน ทั่วทั้งตัวมีจริตจะก้านแผ่ซ่านออกมาสวมกระโปรงเกาะอกรัดเอวตัวยาว ภายนอกมีเสื้อคลุมสีชมพูสวมทับ หน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลง ทำให้เฉิงซินมองดูจนไม่อาจละสายตา“เฉิงเหลียน เจ้า เจ้าตะโกนโหวกเหวกใส่คนของข้า หากจะวางอำนาจก็กลับไปที่ค่ายทหารของเจ้า อย่ามาวางอำนาจให้ข้าดู”เฉินซินเห็นแม่นางตั่วถูกรังแกไม่ได้ จึงรีบตะโกนใส่เฉิงเหลียน“เจ้านี่มันกู่ไม่กลับแล้วจริงๆ ท่านแม่หมดสติเพราะโกรธเจ้าเรื่องหญิงคนนี้ แต่เจ้ากลับปกป้องนางหรือ”ทำไมถึงได้มีคนที่โง่ขนาดนี้?เฉิงเหลียนกำหมัดแน่นช่างเป็นลูกชายที่แน่จริง ทำให้พ่อแม่ลำเอียงรักแต่เขา“ก็เพราะท่านแม่โกรธข้าจนหมดสตินะสิ หากข้าไล่ให้นางไป ท่านแม่ไม่หมดสติเส