แต่ซูจิ่งสิงต้องการ นางเชื่อใจเขาโดยจิตใต้สำนึกเพียงแต่ว่าเขาจะใช้ปืนเป็นใช่หรือไม่?หลังจากที่เห็นซูจิ่งสิงคว้าปืนไป เขาได้ทำการเลียนแบบท่าทางของกู้หว่านเยว่แล้วลั่นไกปืน แรกเริ่มเขายังจับไม่ถนัดมือนัก แต่หลังจากยิงปืนออกไปได้สองครั้ง ทุกอย่างก็เข้ามือแม้กระทั่งการเล็งเป้าหมาย เขาก็เล็งมันได้อย่างแม่นยิ่งกว่ากู้หว่านเยว่ปืนหนึ่งนัด ยิงทะลุร่างของโจรกระจอกหนึ่งคนตั้งแต่การไล่ล่าในช่วงแรก ไปจนถึงสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดได้ปรากฏขึ้น พวกโจรเหล่านั้นต่างเริ่มหนีอย่างสุดชีวิตสุดท้ายทุกอย่างก็พลิกผันไปจากเดิม ก่อนหน้านั้นกู้หว่านเยว่เป็นฝ่ายหนีอย่างบ้าคลั่งอยู่ข้างหน้า พวกโจรไล่ลามอยู่ด้านหลังตอนนี้กลับกลายเป็นพวกโจรที่เป็นฝ่ายวิ่งหนีอย่างลนลาน ส่วนสองสามีภรรยาก็เดินเอ้อระเหยอยู่รอบ ๆ อย่างสบายอารมณ์พร้อมกับปืนคนละกระบอกอีกทั้งกู้หว่านเยว่ยังพบกับเรื่องที่ไม่คาดคิด ดูเหมือนว่าโจรกลุ่มนั้นจะมีปัญหาเข้าแล้ว หลังจากที่พวกเขาวิ่งไปได้ไม่นาน ขาทั้งสองข้างก็อ่อนกำลังและล้มลงไปบนพื้น“เก็บชีวิตไว้เถอะ”เมื่อเห็นในกลุ่มที่เหลือเพียงโจรธรรมดาไม่กี่คน ซูจิ่งสิงก็คืนปืนให้กู้หว่านเยว่
โจรคนนั้นเอาแต่โขกหัวกับพื้นอย่างต่อเนื่อง ความเจ็บปวดนั้นทวีความรุนแรงจนเขาอยากตายไปเสียรู้แล้วรู้รอดในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าการตายทั้งเป็นอย่างที่กู้หว่านเยว่เอ่ยนั้นหมายความว่าอย่างไร หญิงสาวผู้นี้น่ากลัวยิ่งนัก!นางหยิบยาที่ใช้ทรมานคนเช่นนี้ออกมาใช้อย่างง่ายดาย“ขอร้อง ข้อร้องเจ้าล่ะ ให้ข้าหายปวดเถอะ อย่าทรมานข้าเช่นนี้เลย....”การโจมตีของเสียงที่แหลมแสบแก้วหูนั้นทำลายสติสัมปชัญญะของคนคนหนึ่งไปโดยสิ้นเชิง โจรในตอนนี้ก็เป็นเช่นนี้ในสมองของเขาไม่ได้คิดถึงสิ่งใดเลย เขาแค่อยากตายให้มันหลุดพ้นกู้หว่านเยว่เห็นเวลาที่มันสมควรแล้ว จึงเอ่ยถามอีกครั้ง “ตอนนี้เจ้าคงบอกได้แล้วสินะว่าใครส่งพวกเจ้ามาลอบฆ่าพวกเรา”“เป็นหวายหนานอ๋อง! คุณชายเว่ยเสนอความคิดให้หวายหนานอ๋อง ด้วยการให้ผู้ชายแต่งกายเป็นโจรแล้วมาลอบสังหารซูจิ่งสิง”ความจริงแล้วในใจของกู้หว่านเยว่ก็คาดการณ์ไว้แล้วว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังจะต้องเป็นมู่หรงอวี้ ถึงอย่างไรก็เพิ่งเจอกับพวกเขาในเมืองตงโจว ไม่ถึงสองวันก็โดนลอบสังหารนอกจามู่หรงอวี้แล้วก็คงไม่มีใครคนอื่นแค่คาดไม่ถึงว่าเว่ยเฉิงจะให้มู่หรงอวี้วางแผนเช่นนี้แม้จะกล่าวได้ว
กู้หว่านเยว่มุ่ยปากอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นก็สะบัดเสื้อของเขาด้วยท่าทีกระฟัดกระเฟียด“ไหล่โดนกัดก็จริง แต่ข้าไม่รู้นี่ว่าจะเหลือร่องรอยเอาไว้ตรงไหน....”โชคดีที่นางเห็นการเคลื่อนไหวที่ไม่ราบรื่นของเขาในคืนเข้าหอ ยังคิดว่านี่เป็นครั้งแรกของเขา ที่ไหนได้นางถูกหลอกเข้าแล้ว!ในใจของกู้หว่านเยว่เต็มไปด้วยความริษยา เหมือนกับว่านางกำลังทับรอยเก่าของเขาอย่างไรอย่างนั้นหลังจากที่ซูจิ่งสิงได้ยินคำกล่าวของนางก็รีบก้มมองทันที ในตอนที่เขาเห็นรอยฟันที่มีลักษณะเป็นรูปจันทร์เสี้ยวนั้น ก็รีบอธิบาย“น้องหญิง เจ้าอย่าเพิ่งเข้าใจผิด นี่ไม่ใช่รอยกัดของหญิงสาวนะ”“ท่านอย่าบอกข้านะว่านี่คือรอยแมลงกัด”ซูจิ่งสิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่กลับรู้สึกว่ากู้หว่านเยว่ที่เป็นเช่นนี้ก็น่ารักไปอีกแบบ“แน่นอนว่าไม่ใช่รอยแมลงกัดต่อย แต่ไม่ใช่รอยกัดของหญิงอื่น นี่คือรอยที่ท่านพ่อข้ากัดทิ้งไว้ ข้าเกิดทางตอนใต้ของเมือง ก่อนที่ข้าจะตามท่านแม่เข้าเมือง เขาได้ทิ้งรอยนี้ไว้บนไหล่ของข้า ป้องกันไม่ให้ข้าพลัดหลง หากเจ้าไม่เชื่อเจ้าก็ลองดูรอยแผลบนตัวข้าอย่างละเอียดอีกครั้งสิ มันเป็นแผลเก่าเมื่อนานมาแล้วใช่หรือไม่”กู้หว่าน
กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงมองหน้ากัน ทั้งสองต่างเห็นความตื่นตระหนกบนใบหน้าของอีกฝ่าย“จื่อชิง เขาตกอยู่ในอันตรายแล้ว!”“ไป พวกเราไปหาเขากัน”ทั้งสองรีบรุดไปยังทิศทางที่ส่งเสียงมา แม้ว่าจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่เมื่อเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า พวกเขาก็ยังตกตะลึงเป็นอย่างหนักเห็นเพียงซูจื่อชิงกำลังถูกงูเหลือมยักษ์สีแดงตัวหนาเท่าขอนไม้ตัวหนึ่งรัดแน่น โผล่มาแต่ส่วนหัวที่กำลังตื่นกลัวเท่านั้นอาจจะถูกบีบร่วงลงมาได้ทุกเมื่อสิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจยิ่งกว่านั้นก็คือ ตรงหน้างูเหลือมยักษ์มีหญิงสาวชุดแดงกำลังบัญชาการอย่างตื่นเต้น“เจ้าแดงลูกรักทำดีมาก สั่งสอนบทเรียนเขาให้สาสม เขาขโมยไข่งูของเราไป ไอ้หัวขโมยไร้ยางอาย!”ขโมยไข่งูหรือ?แม้ว่าซูจื่อชิงจะยังเด็ก แต่ก็ถูกสอนให้ซื่อสัตย์ จะไม่ทำเรื่องขโมยของเด็ดขาดมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?ทั้งสองซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหิน กลั้นหายใจคอยสังเกตการณ์สายตาอันแหลมคมของกู้หว่านเยว่สังเกตเห็นว่า มีไข่งูสองฟองวางอยู่แทบเท้าของหญิงสาวชุดแดง หนึ่งในนั้นแตกแล้ว มีไข่ขาวไหลออกมาหรือว่าซูจื่อชิงจะขโมยไข่จริงๆ?ซูจื่อชิงที่ถูกงูเหลือมสีแดงพันรอบตัวอยู่ ได้ยินหญิงส
เมื่อเห็นภรรยาไม่อยากให้ตนลงมือจริงๆ ซูจิ่งสิงก็ซ่อนตัวอย่างเชื่อฟัง จุดเทียนภาวนาให้น้องชายอย่างเงียบๆ ในใจทางด้านนี้ ซูจื่อชิงที่ให้ตายก็ไม่ยอมคุกเข่าขอโทษ ได้ถูกเมี่ยชิงหว่านตบหน้าไปแล้วสองครั้ง“เจ้าทำไข่งูของข้าแตก เหตุใดเจ้าถึงไม่คุกเข่า?”ซูจื่อชิงยังดื้อรั้น “จะให้ข้าขอโทษก็ได้ แต่ถ้าจะให้ข้าคุกเข่า ถึงตายก็ไม่ยอม!'“เจ้าๆๆ เจ้าช่างไร้เหตุผลเสียจริง ไม่แปลกใจเลยที่ปู่ของข้าบอกว่าบุรุษนอกเขาหู่หลางไม่มีใครดี!”“ท่านต่างหากที่ไม่มีเหตุผล ไม่แปลกใจเลยที่ในหนังสือบอกว่ามีเพียงสตรีและคนต่ำต้อยเท่านั้นที่สั่งสอนยาก!”“ถ้าเจ้ายังไม่ขอโทษอีก ข้าจะให้เจ้าแดงจับเจ้าโยนลงไปในหุบเขา!”“โยนสิ เมื่อพี่ชายกับพี่สะใภ้ใหญ่ของข้าพบศพข้า จะต้องมาแก้แค้นหญิงใจโหดอย่างท่านแน่”ทั้งสองเริ่มโต้เถียงกันตรงนั้นกู้หว่านเยว่ก็เฝ้าดูอย่างใจจดใจจ่ออยู่ทางด้านหลัง และในขณะนั้นเอง จู่ๆ พื้นดินใต้เท้าของนางก็เกิดการสั่นไหวขึ้นมานางเกิดความฉงนเล็กน้อยขึ้นมาทันทีลางสังหรณ์ร้ายบังเกิดขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ“ท่านพี่ เมื่อครู่ท่านรู้สึกหรือไม่ จู่ๆ พื้นดินก็สั่นไหวอยู่ครู่หนึ่ง?”ซูจิ่งสิงพยักหน้า เขา
“ท่านแม่ ระวัง!”แววตาของซูจิ่งสิงฉายความตกใจในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย กู้หว่านเยว่แฉลบตัวออกไป ดึงนางหยางออกมาจากกองดินประสิวเสียงดัง “โครม” ในวินาทีต่อมา ดินประสิวก้อนใหญ่มหึมากระแทกพื้นเกิดเป็นหลุมลึกนางหยางหันกลับไปมองหลุมลึกนั้น นางตกใจกลัวมากจนทรุดลงกับพื้นหลังจากสงบสติอารมณ์ลงแล้วก็จับมือกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิง พลางเอ่ยอย่างตื่นเต้น“พวกเจ้า พวกเจ้ากลับมาแล้ว ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า?”“ท่านแม่ พวกเราไม่ได้รับบาดเจ็บ จิ่นเอ๋อร์อยู่ไหนเจ้าคะ?” กู้หว่านเยว่หยิบหมวกไม้ไผ่ออกมาใบหนึ่งสวมให้นางหยางขณะเดียวกันสายตาก็มองหาร่องรอยของซูจิ่นเอ๋อร์ไปทั่ว และในที่สุดก็พบนางอยู่ในกองเศษหินโชคดีที่นางแค่สะดุดล้ม ถูกเศษหินข่วนที่หน้าแข้ง ไม่มีบาดแผลร้ายแรงอื่นใดกู้หว่านเยว่รีบเข้าไปช่วยพยุงนางขึ้นมาซูจิ่นเอ๋อร์โผเข้าสู่อ้อมกอดของนาง ร้องไห้ฟูมฟายอย่างหนัก “พี่สะใภ้ใหญ่ พี่ใหญ่ ในที่สุดพวกท่านก็กลับมาแล้ว ข้าคิดว่าจะไม่มีวันได้พบพวกท่านอีกแล้ว ฮือๆๆ...”“เลิกร้องไห้ได้แล้ว ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดถึงเรื่องพวกนี้ ภูเขาไฟกำลังปะทุ พวกเราต้องรีบหาที่หลบภัย”กู้หว่านเยว่ปลอบ
ทางด้านหลัง เสียงคำรามของภูเขาไฟดังขึ้นเรื่อยๆ ยังพอมองเห็นก้อนอากาศธาตุทรงกลมถาโถมเข้ามาจากระยะไกลได้รางๆกู้หว่านเยว่ไม่ลังเลอีกต่อไป รีบพาทุกคนเข้าไปในถ้ำหลังจากเข้าไปแล้ว ก็พบว่าถ้ำนี้จากภายนอกจะดูแคบๆ แต่ข้างในกว้างขวาง โพรงถ้ำก็ลึกมาก มองไม่เห็นก้นถ้ำในคราวเดียวที่หายากยิ่งกว่าก็คือ ภายในถ้ำมีลำธารใต้ดินสายหนึ่งอยู่ด้วยเดิมทีกู้หว่านเยว่ยังกังวลว่าจะทำความสะอาดเถ้าภูเขาไฟพิษที่เกาะอยู่ตามร่างกายอย่างไรตอนนี้ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นการมีแหล่งน้ำก็หมายความว่าพวกเขาจะไม่ตายด้วยความกระหายน้ำหรืออดอยากอยู่ข้างใน“ท่านแม่ จิ่นเอ๋อร์ พวกท่านรีบมาเอาน้ำล้างเถ้าภูเขาไฟตามร่างกายให้สะอาด แล้วก็ล้างตาไปด้วย”ดวงตาของซูจิ่นเอ๋อร์ยังพร่ามัวเล็กน้อย ปวดแสบปวดร้อนอยู่เป็นระยะ นางรีบวักน้ำขึ้นมาล้างทำความสะอาดคนอื่นๆ ก็ตามมาที่ริมลำธารใต้ดิน ล้างเนื้อล้างตัวที่สกปรกมอมแมมในเวลานี้ ซุนอู่ได้เดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้ากู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิง“พวกท่านสองคนไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม?”กู้หว่านเยว่รู้ว่าซุนอู่ห่วงใยพวกนาง พลางส่ายศีรษะ“พวกข้าไม่เป็นอะไร ขอบคุณท่านที่รอเรา
ไม่รู้ว่าทั้งสองมารวมหัวกันตั้งแต่เมื่อไหร่“ท่านแม่ ซูอวี่ร่างกายอ่อนแอมากมาโดยตลอดนับตั้งแต่ถูกพิษคราวก่อน เอ่อ...จะตายก็ไม่แปลก ไม่เกี่ยวกับหลานสะใภ้หรอก”ซูหัวจวิ้นออกโรงปกป้องนางดังคาดฮูหยินผู้เฒ่าซูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “อวี่เอ๋อร์ถูกพิษจะตำหนิใครได้ ถ้าไม่ใช่นางที่เก็บเห็ดพิษมา กาลกิณี เป็นตัวกาลกิณีจริงๆ วันนี้ข้าต้องให้นางถูกฝังไปพร้อมกับอวี่เอ๋อร์ให้ได้”พูดพลางเดินเข้าไปกระชากหลี่ซือซือ หลี่ซือซือเข้าไปหลบอยู่ด้านหลังซูหัวจวิ้นอย่างอ่อนช้อย“ท่านอาสี่ ช่วยข้าด้วย...”“ไม่ต้องกลัว หลานสะใภ้ อาสี่ต้องปกป้องเจ้าแน่นอน”ไม่ไกลนักซูจิ่นเอ๋อร์เอ่ยปากพูดว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ เหตุใดท่านอาสี่กับหลี่ซือซือถึงได้...”สีหน้าของกู้หว่านเยว่ยากจะอธิบายเป็นคำพูดสั้นๆ ก่อนหน้านี้หลี่ซือซือผู้นี้แค่แสร้งทำเป็นใสซื่อไปหน่อย แต่ตอนนี้ถูกเนรเทศและทรมานอย่างโหดร้ายไร้ยางอาย“อย่าไปสนใจพวกเขา จะได้ไม่เดือดร้อนไปด้วย”“...เจ้าค่ะ”ซูจิ่นเอ๋อร์ทำหน้าเหมือนท้องผูก นางก็ไม่อยากจะยุ่งเรื่องชาวบ้าน เพียงแต่คาดคิดไม่ถึง พวกเขาสองคนเป็นอาหลานสะใภ้กัน...นี่มันยุ่งเหยิงเกินไปแล้วความจริงระหว่างเส้น
เดิมทีวิชายุทธ์ของเขาก็ไม่สูง หลังผ่านความตกตะลึง ขาก็ลื่นร่วงหล่นจากคานบ้านปรมาจารย์แพทย์ ‘...เหล่านี้ล้วนคือสมุนไพร ดอกไม้อะไรกัน!’“พูดเช่นนี้หมายความว่าเจ้ามาหาเจียงอวิ๋นจิ่น เจ้าอยากพานางหนีไป?” กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วเอ่ยถามเฉินจื่อวั่งสบสายตาของทั้งคู่ รีบส่ายหน้า “ข้าเปล่า ข้ารู้นางไม่มีวันไปกับข้า แม่ของนางยังอยู่ในเมืองหลวง หากนางไป แม่ของนางก็ต้องตาย ข้าเพียงอยากลอบมาดูนางสักครั้ง”กู้หว่านเยว่รู้สึกเห็นใจคนผู้นี้อยู่บ้าง เขาก็คือคนหลงใหลในความรักคนหนึ่งยิ่งไปกว่านั้นฟังจากคำพูดของอีกฝ่ายแล้ว เจียงอวิ๋นจิ่นไม่ได้ยินดีมาเป็นชายารองที่เจดีย์หนิงกู่เฉินจื่อวั่งขบกรามแน่นพูดว่า “เรื่องคืนนี้ล้วนเป็นความผิดของข้า พวกเจ้าจะฆ่าก็ฆ่า แต่อย่าโทษนางเป็นอันขาด นางน่าสงสารพอแล้ว”เขากำหมัดแน่น “จะโทษก็โทษที่ข้าไร้ประโยชน์ ไม่สามารถปกป้องนางและครอบครัวของนางเอาไว้ได้”เขามองทางซูจิ่งสิง “ท่านอ๋องขอร้องท่านหนึ่งเรื่อง อวิ๋นจิ่นเป็นคนน่าสงสารจริงๆ ต่อให้ท่านไม่รักนาง แต่ฝ่าบาทพระราชทานนางให้ท่านแล้ว ในเมื่อนางเป็นสตรีของท่านแล้ว ขอร้องท่านดีต่อนางด้วย แม้ข้าและนางเป็นคู่รักในวัยเย
เฉินจื่อวั่งสีหน้างุนงง เมื่อครู่เกิดเรื่องใดขึ้นแล้ว เหตุใดเขาไม่รู้?สีหน้ากู้หว่านเยว่สับสน ปรมาจารย์แพทย์ลูบศีรษะอย่างเก้อกระดาก“คือว่า คือว่าเวลาออกฤทธิ์ของยาพูดความจริงนี้สั้นไปบ้างยิ่งไปกว่านั้นยามเอ่ยถามปัญหาสำคัญ เป็นไปได้มากว่าฤทธิ์ยาจะหายไป...ยังไม่ทันได้ปรับปรุง”ยาสิ้นฤทธิ์ตอนถามปัญหาสำคัญ เช่นนั้นยาพูดความจริงมีประโยชน์อะไร?กู้หว่านเยว่ยิ้มไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก แต่ก็สามารถเข้าใจได้ เพียงยาน้ำขวดเดียว ยากจะทำให้จิตใจของคนสับสน“น้องหญิง ใต้วงแขนเขาคล้ายมีของ” สายตาซูจิ่งสิงคมกริบ ขยับขึ้นไปดึงสิ่งที่อยู่ใต้วงแขนของเฉินจื่อวั่งออกมาเฉินจื่อวั่งคล้ายให้ความสำคัญต่อของสิ่งนี้มากเป็นพิเศษ รีบร้องตะโกน “รีบคืนของให้ข้า!”เขาพยายามกระโจนเข้ามา ถูกฉู่เฟิงจับไว้แน่นๆ แล้ว“ของสิ่งนี้เป็นสิ่งล้ำค่าของข้า ขอร้องพวกท่านรีบคืนมันให้ข้า”กู้หว่านเยว่หันมองทางมือของซูจิ่งสิง พบว่าคือถุงหอมใบหนึ่งนางเมินข้ามคำอ้อนวอนของเฉินจื่อวั่ง หยิบถุงหอมมามองซ้ายมองขวา สรุปคือพบอักษรตัวเล็กๆ หนึ่งบรรทัดที่ด้านล่างถุงหอม“ท่านพี่ ท่านถือเทียนเข้ามาใกล้หน่อย”ตอนนี้ท้องฟ้ามืดมิด อักษ
โชคดีจริงๆเสียด้วย!กู้หว่านเยว่โมโหไม่อยากพูดแล้ว กลับเอ่ยปากอย่างใจอ่อน “ช่างเถอะๆ ข้าช่วยท่านจับชีพจร แต่หากข้าเองก็ไม่สามารถถอนพิษได้ เช่นนั้นท่านก็คงต้องตายจริงๆ แล้ว”นางจงใจทำให้ปรมาจารย์แพทย์ตกใจ ใครจะรู้ปรมาจารย์แพทย์กลับหัวเราะ “ตายเถอะๆ รีบตายรีบหลุดพ้น”“.....”นางแพ้แล้ว“เป็นเช่นไรนังหนู เจ้าสามารถคิดค้นยาถอนพิษนี้ได้หรือไม่?” ปรมาจารย์แพทย์สนใจเพียงสิ่งนี้“สามารถคิดค้นได้ แต่ต้องฝังเข็ม”กู้หว่านเยว่หยิบเข็มเงินออกมา ใช้เวลาครู่หนึ่ง ถึงขับพิษให้ไปอยู่อีกแห่งหนึ่งได้“ข้าค่อยเขียนตำรับยาให้ท่านหนึ่งเทียบ”ช่วยแล้วก็ต้องช่วยจนถึงที่สุด กำจัดพิษที่เหลืออยู่ด้วย นางก้มหน้าเขียนตำรับยา ดวงตาปรมาจารย์แพทย์ทอประกายระยับมองนาง“นังหนู วิชาพิษของเจ้าก็ไม่ธรรมดาเลยนี่”กู้หว่านเยว่หัวเราะ “โชคดีที่ไม่ธรรมดา มิเช่นนั้นท่านจะต้องไปพบยมบาลแล้ว”นางพูดอีกหนึ่งประโยคอย่างอดไม่ได้ “ภายภาคหน้าจะทำเช่นนี้ไม่ได้ หากครั้งหน้าท่านต้องการทดลองยาพิษ สามารถใช้หนูทดลองได้”“หนูทดลอง คือสิ่งใด?” ปรมาจารย์แพทย์ส่ายหัว ไม่เข้าใจกู้หว่านเยว่เล่าหลักการการใช้หนูทดลองในยุคสมัยใหม่ให้เขา
“ไป พวกเราไปดูกันเถอะ”กู้หว่านเยว่กังวลความปลอดภัยของปรมาจารย์แพทย์ ไม่ใส่ใจความเขินอาย รีบจูงมือซูจิ่งสิงไล่ตามไปสรุปคือทั้งสองคนมาถึงเรือนของปรมาจารย์แพทย์ คนชุดดำก็ล้มอยู่บนพื้นแล้ว“นังหนูๆ ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว เมื่อครู่จู่ๆ ก็มีคนชุดดำคนหนึ่งเขามา ข้าตกใจแทบแย่”ปรมาจารย์แพทย์วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา ในมือยังถือผงยาถูกเปิดออกหนึ่งขวดเห็นได้ชัดมาก คนชุดดำน่าจะโดนผงยาในมือของเขาแล้ว“ท่านมิได้วางยาพิษเขาจนตายไปแล้วกระมัง?”กู้หว่านเยว่ส่ายหัว มองดูแล้วนางกังวลโดยเสียเปล่า“เปล่าเสียหน่อย ตอนนี้ข้าไม่ฆ่าสิ่งมีชีวิตแล้ว นี่เป็นเพียงยาสลบธรรมดาๆ เท่านั้น”ปรมาจารย์แพทย์เก็บยาสลบ จากนั้นรีบตบหน้าอก“ข้าตกใจแทบแย่ เมื่อครู่ข้าเพิ่งศึกษาสมุนไพร จู่ๆ เขาก็ร่วงลงมาจากคานบ้าน”กู้หว่านเยว่เดินเข้าไปมองแวบหนึ่ง คนยังไม่ตายจริงๆ“นี่คือศัตรูของท่านหรือ?”“ศัตรูอะไรกันเล่า ข้าไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ”ปรมาจารย์แพทย์ส่ายหน้า ซูจิ่งสิงโบกมือให้องครักษ์จันทราดึงคนชุดดำขึ้นมา“นักฆ่าคนนี้ มองดูแล้วนับว่าหล่อเหลาทีเดียว”กู้หว่านเยว่ประเมินออกมาหนึ่งประโยคอย่างอดไม่ได้ ทำเสียจนซูจิ่งสิงห
“ไม่ใช่ว่าข้าเก่งนะ แต่มีคู่มือการผลิตอยู่ในมิติ ข้าแค่ทำตามคู่มือก็เสร็จแล้ว””นั่นเจ้าก็เก่งเหมือนกัน คนทั่วไปต่อให้ได้คู่มือการผลิตมา ก็อาจจะทำออกมาได้ไม่เหมือนต้นฉบับซูจิ่งสิงไม่ยอมรับการโต้แย้ง กู้หว่านเยว่วกเข้าเรื่องเดิม “ข้าตั้งใจจะผลิตแก้วให้ครบวงจร”นางกล่าวอย่างครุ่นคิด “ความจริงแล้วแก้วไม่ใช่ของหายากอะไร เป็นชาวต่างแดนที่เห็นต้าฉีของเราไม่มี ก็เลยจงใจปั่นราคาให้สูงขึ้น”ที่กู้หว่านเยว่ยืนกรานที่จะผลิตแก้วออกมาให้ได้ เพราะไม่อยากให้ชาวต่างแดนขูดรีดพวกเขา“ท่านพี่รู้หรือไม่? ความจริงแล้วแก้วมีประโยชน์ใช้สอยมากมาย ไม่เพียงแต่สามารถใช้ทำเป็นถ้วยจานชามได้เท่านั้น แต่ยังใช้ผลิตหน้าต่างกระจกได้อีกด้วย ไม่เพียงแต่สามารถกันลมกันฝนได้เท่านั้น แต่ยังทำให้แสงแดดส่องถึงอีกด้วย มากไปถึงขั้นที่สามารถใช้มันผลิตกระจกได้ด้วย กระจกทองแดงที่พวกเราใช้กันอยู่ตอนนี้จะชัดเจนและสว่างไสวมากขึ้น”ดวงตาของกู้หว่านเยว่เปี่ยมไปด้วยประกายแวววาว ในขณะที่นางพรรณนาประโยชน์ของแก้วด้วยเสียงแผ่วเบา“หากสามารถส่งเสริมการใช้แก้วออกไปได้ ก็จะเป็นเรื่องที่ดีมากที่สร้างความผาสุกให้แก่ประชาชน”นี่คือจุดประส
“ยังไม่กลับเจ้าค่ะ” ชิงเหลียนส่ายหัวกู้หว่านเยว่เหลือบมองสีท้องฟ้า ฟ้ากำลังจะมืดแล้ว ซูจิ่งสิงคงยุ่งมากแน่ ๆนางแทบรอไม่ไหวที่จะแบ่งปันความสุขนี้กับอีกฝ่าย “เดี๋ยวท่านพี่กลับมา รีบไปบอกข้าทันทีนะ”หลังจากยุ่งมาตลอดช่วงบ่าย นางก็เหงื่อแตกพลั่กไปทั้งตัว อาศัยช่วงเวลานี้อาบน้ำได้พอดี“ชิงเหลียน ข้าอยากอาบน้ำ”“เจ้าค่ะ” ชิงเหลียนรีบร้อนลงไป ให้ทางห้องครัวเล็กนำน้ำร้อนมาให้ ไม่นานอ่างอาบน้ำก็เต็มไปด้วยน้ำร้อนกู้หว่านเยว่แค่อยากแช่น้ำ ก็เลยไม่ได้เข้าไปอาบน้ำในมิติหยิบขวดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นกุหลาบออกมา ก่อนหยดลงในอ่างอาบน้ำ กลิ่นหอมแรงทำให้ชิงเหลียนเผยสีหน้าเคลิบเคลิ้มออกมา“ฮูหยิน หอมจัง เมื่อครู่ท่านหยดอะไรลงไปหรือเจ้าคะ? ทำไมถึงหอมเช่นนี้?“นี่คือน้ำมันหอมระเหยกลิ่นกุหลาบ”กู้หว่านเยว่ลงไปนั่งอย่างผ่อนคลาย แช่ในน้ำร้อนอุ่น ๆ หลับตาพริ้ม“ฮูหยินเก่งสุดยอดจริง ๆ “ชิงเหลียนชื่นชมอย่างจริงใจ หลังจากติดตามฮูหยินมานาน ก็ได้รู้ว่าสิ่งของอะไรที่หายาก ฮูหยินสามารถทำออกมาได้ทั้งหมด“เก่งสุดยอดไปเลย”ทำแก้วสำเร็จ กู้หว่านก็เยว่อารมณ์ดีทีเดียว พลางพยักหน้าอย่างหลงระเริงหลังจากแช่น้ำเส
“ตกลง ตกลง” นางจินเช็ดน้ำตา รู้สึกมีความหวังขึ้นมาทันใดในเวลานี้พ่อบ้านศูนย์พักพิงรีบวิ่งเข้ามา “ท่านทั้งสองเป็นญาติของท่านอ๋องใช่ไหม?”“เกิดอะไรขึ้นหรือ?” ทั้งสองรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าเมื่อครู่เพิ่งรู้สึกมีความหวังในชีวิต พอหันกลับมาก็ถูกตบหน้าแล้วหรอกนะ?“ท่านทั้งสองอย่าประหม่าไปเลย” พ่อบ้านรีบบอก “ถ้าท่านทั้งสองต้องการความช่วยเหลือใด ๆ ข้าคือพ่อบ้านศูนย์พักพิง บอกกับพวกข้าได้เลย”นี่คือญาติของท่านอ๋อง ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมถึงเร่ร่อนมาถึงศูนย์พักพิงได้ แต่ก็ไม่สามารถล่วงเกินได้อยู่ดี“ข้า พวกข้าต้องการทำงาน” ซูเช่อรวบรวมคว้ากล้า“ได้สิ ถ้าท่านรู้หนังสือล่ะก็ ศูนย์พักพิงของเราขาดนักบัญชีหนึ่งคน”“ข้ารู้หนังสือ!”“งั้นพรุ่งนี้ท่านก็สามารถมาทำงานได้เลย” พ่อบ้านกล่าวอย่างผ่อนคลาย“จริงหรือ ขอบคุณ ยังมีแม่ของข้าด้วย...”“ถ้าแม่เฒ่าไม่รังเกียจ ทางศูนย์พักพิงก็สามารถจัดหางานที่ค่อนข้างสบายให้ได้”“ไม่รังเกียจ ไม่รังเกียจ รบกวนพ่อบ้านด้วย”เมื่อเห็นพ่อบ้านออกไปแล้ว สีหน้าของซูเช่อที่เคยขมขื่น ความเคียดแค้นที่มีต่อซูจิ่งสิงก็หายไปทันที“ท่านแม่ ข้าคิดได้แล้ว ต่อไปข้าจะใช้ช
“น้องหญิง เจียงอวิ๋นจิ่น ไม่ใช่ชายารอง”ซูจิ่งสิงต้องแก้ไขให้ถูกต้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาไม่อยากให้ในอนาคตหากมีคนอื่นพูดถึงเขาอีก แล้วยังคิดว่าเขามีชายารอง“ตกลง ๆ ๆ ข้าคิดว่าเจียงอวิ๋นจิ่นผู้นี้ อาจจะไม่ได้มาโดยสมัครใจ”กู้หว่านเยว่เห็นนางลังเลที่จะพูดอยู่หลายครั้ง คำพูดนี้ทำให้ซูจินเอ๋อร์ถึงกับต้องออกปาก“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านใจดีเกินไปแล้ว นางเป็นศัตรูหัวใจของท่านนะ”“ใช่แล้วหว่านเยว่ ถ้านางไม่เต็มใจมา จะมีใครถือมีดจี้คอบังคับนางอยู่หรือ?”นางหยางเห็นแก่คนที่มาก่อน ไม่ค่อยชอบเจียงอวิ๋นจิ่นสักเท่าใด นางจับมือของกู้หว่านเยว่เอาไว้พลางถอนหายใจ “จิ่นเอ๋อร์พูดถูก เจ้าใจดีเกินไปแล้ว”“อุ๊บ!”กู้หว่านเยว่แสดงออกว่า ใช้ชีวิตอยู่มาสองชั่วอายุคน เป็นครั้งแรกที่มีคนบอกว่านางใจดี พวกท่านใส่ตัวกรองเข้มงวดเกินไปแล้ว“ยินดีด้วยท่านอ๋อง ยินดีด้วยชายาอ๋อง”ขุนนางที่รีบรุดมาถึงพากันคุกเข่าลง หลี่เฉินอันก็เดินเข้ามาหาด้วยความตื่นเต้น “อาจารย์หญิง ในที่สุดฟ้าหลังฝนก็มาถึงท่านแล้ว นับจากนี้ไปก็ไม่ได้อยู่ในสถานะนักโทษเนรเทศอีกแล้ว”เขามองกู้หว่านเยว่ด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความชื่นชม ไม่มีความ
ซูจิ่งสิงปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่า การเปิดใจของน้องหญิงเป็นเรื่องยากเพียงใดเขาจะไม่ยอมปล่อยให้เรื่องใด ๆ ที่อาจทำร้ายหว่านเยว่เกิดขึ้นเด็ดขาด“แต่งเพียงในนาม ก็ไม่ได้เช่นกัน”“ท่านพี่” ความหวานชื่นผุดขึ้นในหัวใจของกู้หว่านเยว่ เจือด้วยความซาบซึ้งขันทีเริ่มลำบากใจขึ้นเรื่อย ๆ การเลี้ยงดูสตรีในจวนอ๋อง ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรมิใช่หรือ?“ท่านอ๋อง ท่านทำเช่นนี้ ทำให้ข้าลำบากใจ”ก่อนออกเดินทาง พระองค์ท่านตรัสไว้ว่า ต้องให้ซูจิ่งสิงยอมรับเจียงอวิ๋นจิ่นให้ได้ ไม่เช่นนั้นหัวของเขาจะหลุดจากบ่าเมื่อนึกถึงภารกิจที่ที่ได้รับมอบหมาย ขันทีก็ใช้เหตุผลอธิบายให้เข้าใจ ใช้ความรู้สึกโน้มน้าวจิตใจต่อไป“ท่านอ๋อง แค่สตรีเพียงคนเดียว เก็บไว้ข้างกายท่าน จะไม่เป็นอุปสรรคต่อเรื่องใดแน่ราชโองการของฮ่องเต้ได้ประกาศลงมาแล้ว ชายารองเจียงก็เดินทางมาไกลถึงที่นี่แล้ว หากถูกส่งคืนกลับไป จะเอาหน้าที่ไหนไปใช้ชีวิตต่อเล่า?”“ความเป็นความตายของคนอื่น มันเกี่ยวข้องอะไรกับข้าด้วย?”หรือว่าต้องทำให้น้องหญิงเสียใจเพื่อคนที่ไม่สลักสำคัญอะไรเพียงคนเดียวเล่า?“จะใกล้หรือไกล ใกล้ชิดหรือห่างเหิ