กู้หว่านเยว่ได้สอบถามกับระบบแล้ว แต่ระบบก็ไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้เช่นกัน กล่าวได้เพียงว่ามีไม่น้อยแน่นอน“น้ำมันก๊าดอยู่ในส่วนลึกของถ้ำมาก จำนวนที่แน่นอนข้าก็ไม่รู้เช่นกัน แต่ข้าอยากเข้าไปดูหน่อย”ซูจิ่งสิงกล่าวโดยตรึกตรอง “ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”ที่เสนอความต้องการเช่นนี้ไม่ใช่ว่าเห็นแก่น้ำมันก๊าดเหล่านั้น แต่เพราะเป็นห่วงว่ากู้หว่านเยว่จะเกิดเรื่องต้องตามติดอยู่ข้างกายกู้หว่านเยว่เท่านั้น เขาถึงจะวางใจได้“ก็ได้ ข้าจะไปบอกซุนอู่ก่อน”กู้หว่านเยว่เข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าซุนอู่ บอกเล่าจุดประสงค์ของตนเองให้พวกเขาฟังแน่นอนว่านางไม่ได้พูดเรื่องน้ำมันก๊าด แค่บอกว่าต้องการเข้าไปในส่วนลึกของถ้ำเพื่อตรวจดูว่ามีอันตรายหรือไม่ หากมีอันตรายจะได้เตรียมการป้องกันล่วงหน้าซุนอู่เหลือบมองโพรงถ้ำที่มืดมิดมองไม่เห็นก้นบึ้ง ตัวเขาเองยอมรับว่าไม่กล้าเข้าไปตรวจสอบ จึงรีบพยักหน้าให้“เช่นนั้นพวกเจ้าก็ต้องระวังตัวหน่อย แต่ว่า ซูจิ่งสิงยังเดินไม่สะดวกไม่ใช่หรือ ข้าส่งนักการในศาลาว่าการคนอื่นไปกับเจ้าด้วยดีกว่า”“ไม่จำเป็น ข้าจะไปกับภรรยาของข้าเอง”ซูจิ่งสิงยืนกรานเสียงแข็งกู้หว่านเยว่วางใจใครไ
“เชื่อมั่นในตัวข้าเถอะ” ซูจิ่งสิงส่งสายตายืนยันให้กู้หว่านเยว่ จากนั้นก็พุ่งตัวออกไป สังหารหนึ่งในคนชุดดำด้วยดาบเดียว“องค์ชายซู”ใบหน้าของอวิ๋นมู่ตื่นตระหนก ซูจิ่งสิงมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ขาของเขาหายดีตั้งแต่เมื่อไหร่? สถานการณ์ตึงเครียดทำให้อวิ๋นมู่ไม่มีเวลาคิดอะไรมากนัก เขารีบแบกมู่ชิงขึ้นมาจากพื้น เข้าไปซ่อนตัวรออยู่หลังเสาหินกู้หว่านเยว่จับปืนแน่นอยู่ด้านหลังก้อนหินเมื่อใดที่ซูจิ่งสิงตกอยู่ในอันตราย นางจะออกโรงทันทีแต่ไม่นานนางก็พบว่า ทักษะการต่อสู้ของซูจิ่งสิงแข็งแกร่งมาก ไม่ต้องการความช่วยเหลือใดๆ เลย เพียงชั่วพริบตาคนชุดดำทั้งหมดก็ล้มลงกับพื้น เหลือเพียงหัวหน้าคนชุดดำเพียงคนเดียวซูจิ่งสิงยกเท้าขึ้นถีบหัวหน้าคนชุดดำล้มคว่ำลงกับพื้น จากนั้นก็ดึงผ้าปิดหน้าของอีกฝ่ายออก เผยให้เห็นใบหน้าของชายวัยกลางคนคนหนึ่ง“ชิวหมิงจื้อ!” เสียงของซูจิ่งสิงเยือกเย็นมากกู้หว่านเยว่ไม่เคยเห็นเขาโกรธขนาดนี้มาก่อน ราวกับอสูรที่ก้าวออกมาจากอเวจี นางรีบปรี่เข้าไปอยู่ข้างกายเขา “ท่านพี่ เขาเป็นใคร เหตุใดท่านถึงโกรธเช่นนี้?”“เขา ฮึ เขาเป็นรองแม่ทัพของข้า”คนผู้นี้เคยเป็นคนสนิทของเขา แต่ตอน
“นี่มันเป็นไปไม่ได้!”ซูจิ่งสิงกำหมัดทั้งสองแน่นเขามีพ่อมีแม่ ยี่สิบปีที่ผ่านมาปฏิบัติตัวเป็นทายาทของสกุลซูมาโดยตลอด แล้วจะเป็นบุตรที่เป็นกำพร้าของอดีตองค์รัชทายาทไปได้อย่างไร?ชิวหมิงจื้อยิ้มเจื่อนๆ ตอนแรกเขาก็ไม่เชื่อเช่นกัน แต่เมื่อได้ยินด้วยหูตัวเองก็ต้องไม่ผิดแน่“ท่านอ๋อง บนร่างกายของท่านมีรอยฟันรูปจันทร์เสี้ยวหรือไม่?”หากเป็นเมื่อก่อน ซูจิ่งสิงก็ยังมีข้อสงสัย แต่ตอนนี้ชิวหมิงจื้อรู้เรื่องรอยฟันรูปจันทร์เสี้ยวบนร่างกายของเขาด้วย จะไม่เชื่อก็ไม่ได้เสียแล้วชิวหมิงจื้อพูดต่อ “หากท่านยังไม่เชื่อข้า ก็สามารถแสดงรอยฟันรูปจันทร์เสี้ยวนี้ให้โจวเหล่าดูได้ แล้วปริศนาทุกอย่างก็จะคลี่คลาย”“โจวเหล่า เป็นเขาอีกแล้ว...” กู้หว่านเยว่นึกขึ้นได้อย่างไม่รู้ตัว เว่ยเฉิงเคยพูดกับซูจิ่งสิงมาก่อน ขอให้เขาไปตามหาโจวเหล่าสักครั้งแต่สิ่งที่ทำให้กู้หว่านเยว่สนอกสนใจก็คือ เว่ยเฉิงน่าจะไม่มีทางรู้จักตัวตนของซูจิ่งสิงต่างหากแม้ว่าต่อไปเว่ยเฉิงจะดำรงตำแหน่งสมุหราชเลขาธิการ ค้นพบเบาะแสจากในอดีต แต่ตอนนี้เขาก็ยังเป็นบัณฑิตหนุ่มอยู่ดี แล้วจะรู้ได้อย่างไร?หรือจะบอกว่า เป็นเพียงเรื่องบังเอิญไม่ว่
หลังจากซูจิ่งสิงเห็นอวิ๋นมู่ เจตนาฆ่าก็เผยออกมาจากแววตาเรื่องนี้มีความสำคัญมาก ห้ามแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด ในเมื่ออวิ๋นมู่ได้ยินการสนทนาของพวกเขาแล้ว ย่อมไม่มีเหตุผลใดที่ยังมีชีวิตรอดอยู่อวิ๋นมู่เห็นสองสามีภรรยาจ้องมองเขา ก็รู้เลยว่าคงรอดยาก จึงส่ายหัวด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆเขาไม่นึกว่าตัวเองจะได้ยินความลับเกี่ยวกับอดีตองค์รัชทายาทโดยบังเอิญและยิ่งคาดไม่ถึงว่า ซูจิ่งสิงที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นบุตรที่เป็นกำพร้าของอดีตองค์รัชทายาทแต่ถึงอย่างไรก็ได้ยินมาแล้ว เขาทำได้เพียงพยายามเสาะหาโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่ให้ตัวเองอย่างเต็มที่ดังนั้นเขาจึงโยนอาวุธในมือทิ้ง พลางเอ่ยอย่างจริงใจ “ท่านทั้งสองโปรดวางใจ เรื่องที่ได้ยินในถ้ำวันนี้ ข้าจะรักษาความลับเป็นแม่นมั่น ไม่มีทางแพร่งพรายออกไปสุ่มสี่สุ่มห้า”กู้หว่านเยว่เบะปาก “ปากอยู่ที่ตัวเจ้า ใครจะรู้ล่ะ เหตุใดพวกข้าต้องเชื่อเจ้าด้วย?”“พูดแบบนี้ก็ถูก”อวิ๋นมู่ยิ้มเจื่อนๆ เพื่อรักษาชีวิตไว้ เขาต้องยอมเฉือนเนื้อตัวเอง“แม่นางกู้ ท่านดูสิว่านี่คืออะไร”อวิ๋นมู่ควักป้ายอาญาสิทธิ์ออกมาจากอก ส่งให้กู้หว่านเยว่ในขณะที่กู้หว่านเยว่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก อ
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของอวิ๋นมู่ก็เผยความเคร่งขรึมออกมา “บ่อน้ำมันก๊าดแห่งนี้สกุลอวิ๋นของข้าไม่ใช่ผู้ค้นพบ ความจริงแล้วสกุลอวิ๋นของข้าถูกขู่บังคับให้มาขุดน้ำมันก๊าดที่นี่ด้วย”กู้หว่านเยว่ไม่นึกว่าจะยังมีคนอื่นอยู่เบื้องหลังบ่อน้ำมันก๊าดอีก จึงอดถามไม่ได้ว่า “ถูกขู่บังคับ เรื่องราวมันเป็นมายังไง?”อวิ๋นมู่อธิบายเสียงขรึม “เมื่อครึ่งปีก่อน พ่อของข้าพาลูกน้องไปที่เขาหู่หลางเพื่อขุดแร่ แต่กลับได้พบกับกลุ่มผู้ลึกลับโดยบังเอิญหลังจากรู้ว่าผู้ลึกลับกลุ่มนั้นมาที่เขาหู่หลางเพื่อหาสมุนไพรช่วยชีวิต พ่อของข้าก็เสนอตัวเข้าช่วยเหลือ ออกค้นหาพร้อมกับพวกเขาผลสุดท้ายกลับได้รู้โดยบังเอิญว่าพวกเขาไม่ได้มาค้นหาสมุนไพรช่วยชีวิตใดๆ แต่มาตามหาน้ำมันก๊าดพ่อของข้าอยากจะหนี แต่ก็สายไปแล้ว ผู้ลึกลับรู้ว่าพ่อของข้าเคยขุดเหมืองถ่านหินมาก่อน จึงขู่บังคับให้เขาออกค้นหาน้ำมันก๊าดด้วยกันพ่อของข้าอาศัยประสบการณ์ของตัวเองค้นหาน้ำมันก๊าดจนพบจริงๆ แต่หลังจากพบน้ำมันก๊าดแล้ว ผู้ลึกลับก็ไม่ยอมปล่อยเขาไป แต่กลับขอให้พ่อของข้าพาสกุลอวิ๋นไปขุดน้ำมันก๊าดแทนเขา”เมื่อพูดถึงตรงนี้ ใบหน้าของอวิ๋นมู่ก็เผยความเกลี
กู้หว่านเยว่ใคร่ครวญพลางพูด “รอข้าถึงเจดีย์หนิงกู่ เจ้าพานายท่านผู้เฒ่าอวิ๋นมาพบข้า ข้าจะช่วยเขาถอนพิษ”อวิ๋นมู่กำลังกังวล เขามอบความจริงใจให้กู้หว่านเยว่แล้ว พิษของบิดาจะทำเยี่ยงไร ได้ยินแล้วก็ดีใจอย่างบ้าคลั่ง“ท่านพูดจริงหรือ? พิษนี้ของท่านพ่อข้า เคยหาหมอเทวดามามากมายนัก”“นั่นก็เพราะเจ้ามิได้มาหาข้า”ผงพระจันทร์เสี้ยวพิษนี้ นางเคยถอนมาก่อน“ข้าสามารถถอนพิษของนายท่านผู้เฒ่าอวิ๋นได้ แต่ก่อนถอนพิษ เจ้าต้องรับมือกับผู้ลึกลับ อย่างไรเสียบ่อน้ำมันก๊าดนี้ ข้ารับไปแล้ว”เหตุที่อวิ๋นมู่ถูกผู้ลึกลับควบคุมไว้ ก็เพราะพิษของนายท่านผู้เฒ่าอวิ๋นในเมื่อกู้หว่านเยว่บอกเขา พิษสามารถถอนได้ เช่นนั้นเขาย่อมไม่กลัว“ท่านวางใจ ขอเพียงสามารถถอนพิษของท่านพ่อข้าได้ เมื่อนั้นข้าสามารถพูดให้ชัดเจนได้ว่าขุดน้ำมันก๊าดยังต้องใช้เครื่องมือ พยายามยื้อเวลาออกไปก่อน”อวิ๋นมู่พูดอย่างกะทันหัน“แต่ บ่อน้ำมันก๊าดนี้...”“ขุดบ่อน้ำมันก๊าดต่อไป น้ำมันก๊าดที่ขุดออกมาแล้ว ทั้งหมดล้วนส่งไปยังเจดีย์หนิงกู่ เมื่อนั้นข้ามีวิธีใช้งาน”กู้หว่านเยว่สำทับเป็นขั้นเป็นตอน“หว่านเยว่ ในมือข้ามีตำรับดินปืนหนึ่งแผ่น”ซูจ
เหตุผลอีกครึ่งหนึ่ง ก็เพื่อยกระดับมิติดังคาด หลังน้ำมันก๊าดนับพันล้านตันเข้าสู่มิติแล้ว เสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นอย่างว่องไวภายในสมองของนาง“ติ๊ง บรรจุน้ำมันก๊าด ระบบควบคุมส่วนกลางเปิดใช้งานสภาพอากาศของมิติ”สภาพอากาศของมิติ?กู้หว่านเยว่ใจสั่นทีหนึ่ง ก่อนนี้มิติอึมครึมอยู่ตลอด ก็คล้ายชั้นในของตู้เย็นขนาดใหญ่แห่งหนึ่งบัดนี้ถึงขั้นเปิดใช้งานสภาพอากาศของระบบแล้ว ใช่หรือไม่ว่าภายภาคหน้าก็เหมือนกับโลกภายนอก มีลมมีฝน มีวิหคบินกลิ่นเกสร?ข่มความปรารถนาภายในใจ กู้หว่านเยว่เดินไปช่วยจัดการศพหลังผ่านไปครู่หนึ่ง ศพก็ถูกจัดการเรียบร้อยทั้งหมดแล้ว“พวกเราออกจากที่นี่ก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่มองเวลาเล็กน้อย พวกเขาเสียเวลาอยู่ในถ้ำนานมากแล้ว ยังอยู่ต่อไป ไม่แน่ว่าพวกซุนอู่และคนอื่นอาจมาหา“รอข้าทำสัญลักษณ์อย่างหนึ่งก่อน”อวิ๋นมู่หยิบกริชออกมาเล่มหนึ่ง กรีดบนผนังเล็กน้อย จากนั้นแบกมู่ชิงขึ้นหลัง ทั้งสามคนพากันเดินออกไประหว่างทาง ทั้งสามพูดเรื่องนี้เป็นเสียงเดียวกันก็พูดว่าเพื่อหลบหลีกการปะทุของภูเขาไฟ อวิ๋นมู่จับพลัดจับผลูหลบเข้าไปในถ้ำแล้วบาดแผลบนตัวมู่ชิง ก็เพราะถูกสะเก็ดภูเขาไฟ
น่าเสียดายเสียงต่อมาของหลี่ซือซือเบามาก กู้หว่านเยว่ไม่ได้ยินเว้นเสียแต่ขยับขึ้นไปลอบฟังดู แต่ทำเช่นนี้ไม่เพียงถูกจับได้ ยังต้องเห็นฉากเสพสังวาสไม่ชวนพิศของพวกเขาอีกด้วยกู้หว่านเยว่ไม่อยากให้ตาของตนสกปรกเห็นว่าทั้งสองหารือกันเรียบร้อยแล้ว ทั้งยังกลับมาทำกิจกรรมใหม่อีกครั้ง เสียงร้องยิ่งดังขึ้นเรื่อย ๆ กู้หว่านเยว่รู้สึกเมามายขึ้นมาแล้วซูจิ่งสิงขมวดคิ้วแน่น “จะเก็บหลี่ซือซือไว้ต่อไปไม่ได้แล้ว ข้าจะหาโอกาสจัดการนาง”“ท่านจะทำเยี่ยงไร?” กู้หว่านเยว่เองก็เกิดจิตสังหารแล้วซูจิ่งสิงใคร่ครวญพลางพูด “ภายในถ้ำลงมือไม่ง่าย รอออกจากถ้ำแล้ว สร้างอุบัติเหตุขึ้นมาอย่างหนึ่งตามสถานการณ์พาไป”เช่นนี้ก็ไม่สร้างปัญหาให้ซุนอู่ มิหนำซ้ำยังไม่เดือดร้อนถึงตนเอง“ท่านพิจารณารอบคอบยิ่งนัก”กู้หว่านเยว่พยักหน้าลง ระหว่างเดินทางซุนอู่ดีต่อพวกเขาไม่เลว นางเองก็ไม่อยากสร้างปัญหาให้ซุนอู่ทว่านางไม่อยากได้ยินเสียงครวญครางของสองคนนี้อีกแล้ว ซื้องูน้ำตัวหนึ่งจากช่องทางซื้อขาย โยนใส่เท้าซูหัวจวิ้นและหลี่ซือซือสาเหตุที่มิได้ซื้องูพิษ ก็เพราะกลัวงูเลื้อยออกไปทำร้ายคนอื่นที่ภายนอกทว่าเพียงครู่เดียว หล