“อยากกิน”กู้หว่านเยว่พยักหน้าอย่างคาดหวัง นางคาดหวังจนถึงขั้นจินตนาการถึงวิธีการย่างหมาป่าทั้งหมดในหัวของนางแล้ว“รอก่อน”ซูจิ่งสิงหยิบคันธนูและลูกธนูออกมา จากนั้นก็เล็งเป้าหมายไปที่ฝูงหมาป่าที่อยู่ในความมืด“มืดขนาดนี้จะยิงโดนไหม?”สิ้นสุดเสียง นางกลับเห็นว่าลูกธนูในมือของซูจิ่งสิงนั้นพุ่งตัวออกไปติดต่อกันสามครั้งแล้ว“สวบ” กระทั่งได้ยินเสียงของปลายธนูที่เสียบทะลุเนื้อดังขึ้นกู้หว่านเยว่รีบคลานเข้าไปตรวจสอบ จนกระทั่งลากซากหมาป่าที่ตายแล้วทั้งสามตัวออกมาอย่างมีความสุข“ท่านพี่ ท่านเก่งมาก ไม่เพียงแค่ยิงโดนเท่านั้น ทั้งยังทำให้ฝูงหมาป่าหนีกระเจิงไปอีกด้วย”นางดูผลงานนั้นอย่างตั้งใจ ธนูดอกนี้ของซูจิ่งสิงน่าจะเสียบเข้าที่หัวของหมาป่า จึงทำให้ฝูงหมาป่าที่เหลือตกใจจนหนีไปซูจิ่งสิงแอบดีใจกับคำชมของนางอยู่ในใจ แต่ใบหน้ากลับนิ่งสงบ“ไม่ใช่เพราะเจ้าอยากกินเนื้อหมาป่าหรอกหรือ รีบลากมันมานี่ ข้าจะได้ช่วยจัดการให้เจ้า”“เยี่ยม” กู้หว่านเยว่เก็บหมาป่าไว้ให้ตัวเองหนึ่งตัว แล้วแบ่งหมาป่าตัวที่สองให้นักการในศาลาว่าการ จากนั้นก็แบ่งหมาป่าตัวที่สามให้กับครอบครัวอื่น ๆ หลี่ฮูหยินรับเน
“คุณชาย ข้าเองก็อยากกิน”ทางด้านกองไฟ มู่ชิงกำลังมองเนื้อหมาป่าด้วยความอยากกระหาย เขาอยากกินจนน้ำลายไหลหยดย้อย“หรือว่าเราจะไปขอหมอเทวดาน้อยสักหน่อยดีไหม หมอเทวดาน้อยจะต้องให้แน่นอน”“ห้ามไป”อวิ๋นมู่ชำเลืองมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์หมาป่าเหล่านั้นเป็นฝีมือการล่าของซูจิ่งสิง เขาไม่อยากได้อยู่แล้วมู่ชิงกัดธัญพืชแห้งหนึ่งคำ ก่อนจะหันไปเห็นภาพที่ซูจิ่งสิงกำลังฉีกเนื้อป้อนกู้หว่านเยว่พอดี จึงอดถามอย่างหดหู่ไม่ได้“คุณชาย ท่านแน่ใจหรือว่าหมอเทวดาน้อยกับสามีของนางนิสัยไม่ดี ข้าว่าสองคนนั้นเหมือนดั่งกิ่งทองใบหยก นิสัยก็ดี”คุณชายของเขาเองก็ไม่รู้ว่าอะไรเข้าสิง ทำไมถึงได้ตกหลุมรักกู้หว่านเยว่ตั้งแต่แรกเห็นถึงแม้ว่ากู้หว่านเยว่จะเก่งมาก ทักษะการแพทย์ก็สูงแต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นหญิงสาวที่มีสามีแล้ว!“พูดมาก”อวิ๋นมู่มองเขาด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็หันกลับไปมองซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ด้วยความไม่สบอารมณ์อยู่ในใจแต่เมื่อคิดถึงเป้าหมายในการเข้ามาในภูเขาหู่หลางครั้ง ทั้งยังเตือนตัวเองว่าถลำลึกสู่ความสัมพันธ์ของชายหญิง ครั้งนี้เขามีภาระที่ต้องทำ โอกาสที่สกุลอวิ๋นจะได้พลิกกลับมารุ่งเรืองอีก
ฝีเท้าของกู้หว่านเยว่รวดเร็วดุจสายลม นางวิ่งด้วยความเร็วสูงอยู่ในป่า“โจร” ด้านหลังยังคงวิ่งไล่ตามมาติด ๆ และพยายามเล็งธนูมาที่พวกเขาภูเขาที่โล่งเตียน ไม่มีต้นไม้เป็นอุปสรรค พวกเขาเหมือนกระต่ายน้อยสองตัวที่อยู่ในสายตาของศัตรูแต่กู้หว่านเยว่ไม่ใช่กระต่ายน้อยธรรมดา นางเป็นกระต่ายที่วิ่งเร็วที่สุด ไม่ว่า “โจร” ด้านหลังจะยิงธนูใส่อย่างไร ร่างกายอรชรที่ปราดเปรียวของนางก็ยังสามารถหลบไปซ้ายทีหลบไปขวาทีได้อย่างแม่นยำ“ให้ตายเถอะ แม่นางผู้นี้มีดวงตาด้านอยู่หลังหรืออย่างไร!”ถูซาน “โจร” ที่อยู่ด้านหน้าขยี้หัวอย่างหงุดหงิด หญิงสาวผู้นี้คงจะไม่ใช่หญิงสาวชาวบ้านธรรมดา เพราะนางแบกบุรุษวิ่งเร็วกว่าเหล่าชายฉกรรจ์อย่างพวกเขา!เมื่อเห็นว่าตัวเองไล่ตามมาหลายลี้แล้วแต่ก็ยังไล่ตามกู้หว่านเยว่ไม่ทัน ถูซานจึงกระตุ้นวิชาตัวเบาอย่างโกรธเคือง จากนั้นก็หยิบมีดเล่มใหญ่เขวี้ยงไปยังแผ่นหลังของกู้หว่านเยว่“ระวัง!”รูม่านตาของซูจิ่งสิงหดลงทันทีแต่เขากลับเห็นกู้หว่านเยว่หันกลับมาอย่างฉับพลันและกระตุกยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย“กล้าลอบโจมตีจากด้านหลังใช่ไหม? เช่นนั้นก็กินลูกเตะข้าหน่อยละกัน!”กล่าวจบ เสี้ย
แต่ซูจิ่งสิงต้องการ นางเชื่อใจเขาโดยจิตใต้สำนึกเพียงแต่ว่าเขาจะใช้ปืนเป็นใช่หรือไม่?หลังจากที่เห็นซูจิ่งสิงคว้าปืนไป เขาได้ทำการเลียนแบบท่าทางของกู้หว่านเยว่แล้วลั่นไกปืน แรกเริ่มเขายังจับไม่ถนัดมือนัก แต่หลังจากยิงปืนออกไปได้สองครั้ง ทุกอย่างก็เข้ามือแม้กระทั่งการเล็งเป้าหมาย เขาก็เล็งมันได้อย่างแม่นยิ่งกว่ากู้หว่านเยว่ปืนหนึ่งนัด ยิงทะลุร่างของโจรกระจอกหนึ่งคนตั้งแต่การไล่ล่าในช่วงแรก ไปจนถึงสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดได้ปรากฏขึ้น พวกโจรเหล่านั้นต่างเริ่มหนีอย่างสุดชีวิตสุดท้ายทุกอย่างก็พลิกผันไปจากเดิม ก่อนหน้านั้นกู้หว่านเยว่เป็นฝ่ายหนีอย่างบ้าคลั่งอยู่ข้างหน้า พวกโจรไล่ลามอยู่ด้านหลังตอนนี้กลับกลายเป็นพวกโจรที่เป็นฝ่ายวิ่งหนีอย่างลนลาน ส่วนสองสามีภรรยาก็เดินเอ้อระเหยอยู่รอบ ๆ อย่างสบายอารมณ์พร้อมกับปืนคนละกระบอกอีกทั้งกู้หว่านเยว่ยังพบกับเรื่องที่ไม่คาดคิด ดูเหมือนว่าโจรกลุ่มนั้นจะมีปัญหาเข้าแล้ว หลังจากที่พวกเขาวิ่งไปได้ไม่นาน ขาทั้งสองข้างก็อ่อนกำลังและล้มลงไปบนพื้น“เก็บชีวิตไว้เถอะ”เมื่อเห็นในกลุ่มที่เหลือเพียงโจรธรรมดาไม่กี่คน ซูจิ่งสิงก็คืนปืนให้กู้หว่านเยว่
โจรคนนั้นเอาแต่โขกหัวกับพื้นอย่างต่อเนื่อง ความเจ็บปวดนั้นทวีความรุนแรงจนเขาอยากตายไปเสียรู้แล้วรู้รอดในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าการตายทั้งเป็นอย่างที่กู้หว่านเยว่เอ่ยนั้นหมายความว่าอย่างไร หญิงสาวผู้นี้น่ากลัวยิ่งนัก!นางหยิบยาที่ใช้ทรมานคนเช่นนี้ออกมาใช้อย่างง่ายดาย“ขอร้อง ข้อร้องเจ้าล่ะ ให้ข้าหายปวดเถอะ อย่าทรมานข้าเช่นนี้เลย....”การโจมตีของเสียงที่แหลมแสบแก้วหูนั้นทำลายสติสัมปชัญญะของคนคนหนึ่งไปโดยสิ้นเชิง โจรในตอนนี้ก็เป็นเช่นนี้ในสมองของเขาไม่ได้คิดถึงสิ่งใดเลย เขาแค่อยากตายให้มันหลุดพ้นกู้หว่านเยว่เห็นเวลาที่มันสมควรแล้ว จึงเอ่ยถามอีกครั้ง “ตอนนี้เจ้าคงบอกได้แล้วสินะว่าใครส่งพวกเจ้ามาลอบฆ่าพวกเรา”“เป็นหวายหนานอ๋อง! คุณชายเว่ยเสนอความคิดให้หวายหนานอ๋อง ด้วยการให้ผู้ชายแต่งกายเป็นโจรแล้วมาลอบสังหารซูจิ่งสิง”ความจริงแล้วในใจของกู้หว่านเยว่ก็คาดการณ์ไว้แล้วว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังจะต้องเป็นมู่หรงอวี้ ถึงอย่างไรก็เพิ่งเจอกับพวกเขาในเมืองตงโจว ไม่ถึงสองวันก็โดนลอบสังหารนอกจามู่หรงอวี้แล้วก็คงไม่มีใครคนอื่นแค่คาดไม่ถึงว่าเว่ยเฉิงจะให้มู่หรงอวี้วางแผนเช่นนี้แม้จะกล่าวได้ว
กู้หว่านเยว่มุ่ยปากอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นก็สะบัดเสื้อของเขาด้วยท่าทีกระฟัดกระเฟียด“ไหล่โดนกัดก็จริง แต่ข้าไม่รู้นี่ว่าจะเหลือร่องรอยเอาไว้ตรงไหน....”โชคดีที่นางเห็นการเคลื่อนไหวที่ไม่ราบรื่นของเขาในคืนเข้าหอ ยังคิดว่านี่เป็นครั้งแรกของเขา ที่ไหนได้นางถูกหลอกเข้าแล้ว!ในใจของกู้หว่านเยว่เต็มไปด้วยความริษยา เหมือนกับว่านางกำลังทับรอยเก่าของเขาอย่างไรอย่างนั้นหลังจากที่ซูจิ่งสิงได้ยินคำกล่าวของนางก็รีบก้มมองทันที ในตอนที่เขาเห็นรอยฟันที่มีลักษณะเป็นรูปจันทร์เสี้ยวนั้น ก็รีบอธิบาย“น้องหญิง เจ้าอย่าเพิ่งเข้าใจผิด นี่ไม่ใช่รอยกัดของหญิงสาวนะ”“ท่านอย่าบอกข้านะว่านี่คือรอยแมลงกัด”ซูจิ่งสิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่กลับรู้สึกว่ากู้หว่านเยว่ที่เป็นเช่นนี้ก็น่ารักไปอีกแบบ“แน่นอนว่าไม่ใช่รอยแมลงกัดต่อย แต่ไม่ใช่รอยกัดของหญิงอื่น นี่คือรอยที่ท่านพ่อข้ากัดทิ้งไว้ ข้าเกิดทางตอนใต้ของเมือง ก่อนที่ข้าจะตามท่านแม่เข้าเมือง เขาได้ทิ้งรอยนี้ไว้บนไหล่ของข้า ป้องกันไม่ให้ข้าพลัดหลง หากเจ้าไม่เชื่อเจ้าก็ลองดูรอยแผลบนตัวข้าอย่างละเอียดอีกครั้งสิ มันเป็นแผลเก่าเมื่อนานมาแล้วใช่หรือไม่”กู้หว่าน
กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงมองหน้ากัน ทั้งสองต่างเห็นความตื่นตระหนกบนใบหน้าของอีกฝ่าย“จื่อชิง เขาตกอยู่ในอันตรายแล้ว!”“ไป พวกเราไปหาเขากัน”ทั้งสองรีบรุดไปยังทิศทางที่ส่งเสียงมา แม้ว่าจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่เมื่อเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า พวกเขาก็ยังตกตะลึงเป็นอย่างหนักเห็นเพียงซูจื่อชิงกำลังถูกงูเหลือมยักษ์สีแดงตัวหนาเท่าขอนไม้ตัวหนึ่งรัดแน่น โผล่มาแต่ส่วนหัวที่กำลังตื่นกลัวเท่านั้นอาจจะถูกบีบร่วงลงมาได้ทุกเมื่อสิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจยิ่งกว่านั้นก็คือ ตรงหน้างูเหลือมยักษ์มีหญิงสาวชุดแดงกำลังบัญชาการอย่างตื่นเต้น“เจ้าแดงลูกรักทำดีมาก สั่งสอนบทเรียนเขาให้สาสม เขาขโมยไข่งูของเราไป ไอ้หัวขโมยไร้ยางอาย!”ขโมยไข่งูหรือ?แม้ว่าซูจื่อชิงจะยังเด็ก แต่ก็ถูกสอนให้ซื่อสัตย์ จะไม่ทำเรื่องขโมยของเด็ดขาดมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?ทั้งสองซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหิน กลั้นหายใจคอยสังเกตการณ์สายตาอันแหลมคมของกู้หว่านเยว่สังเกตเห็นว่า มีไข่งูสองฟองวางอยู่แทบเท้าของหญิงสาวชุดแดง หนึ่งในนั้นแตกแล้ว มีไข่ขาวไหลออกมาหรือว่าซูจื่อชิงจะขโมยไข่จริงๆ?ซูจื่อชิงที่ถูกงูเหลือมสีแดงพันรอบตัวอยู่ ได้ยินหญิงส
เมื่อเห็นภรรยาไม่อยากให้ตนลงมือจริงๆ ซูจิ่งสิงก็ซ่อนตัวอย่างเชื่อฟัง จุดเทียนภาวนาให้น้องชายอย่างเงียบๆ ในใจทางด้านนี้ ซูจื่อชิงที่ให้ตายก็ไม่ยอมคุกเข่าขอโทษ ได้ถูกเมี่ยชิงหว่านตบหน้าไปแล้วสองครั้ง“เจ้าทำไข่งูของข้าแตก เหตุใดเจ้าถึงไม่คุกเข่า?”ซูจื่อชิงยังดื้อรั้น “จะให้ข้าขอโทษก็ได้ แต่ถ้าจะให้ข้าคุกเข่า ถึงตายก็ไม่ยอม!'“เจ้าๆๆ เจ้าช่างไร้เหตุผลเสียจริง ไม่แปลกใจเลยที่ปู่ของข้าบอกว่าบุรุษนอกเขาหู่หลางไม่มีใครดี!”“ท่านต่างหากที่ไม่มีเหตุผล ไม่แปลกใจเลยที่ในหนังสือบอกว่ามีเพียงสตรีและคนต่ำต้อยเท่านั้นที่สั่งสอนยาก!”“ถ้าเจ้ายังไม่ขอโทษอีก ข้าจะให้เจ้าแดงจับเจ้าโยนลงไปในหุบเขา!”“โยนสิ เมื่อพี่ชายกับพี่สะใภ้ใหญ่ของข้าพบศพข้า จะต้องมาแก้แค้นหญิงใจโหดอย่างท่านแน่”ทั้งสองเริ่มโต้เถียงกันตรงนั้นกู้หว่านเยว่ก็เฝ้าดูอย่างใจจดใจจ่ออยู่ทางด้านหลัง และในขณะนั้นเอง จู่ๆ พื้นดินใต้เท้าของนางก็เกิดการสั่นไหวขึ้นมานางเกิดความฉงนเล็กน้อยขึ้นมาทันทีลางสังหรณ์ร้ายบังเกิดขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ“ท่านพี่ เมื่อครู่ท่านรู้สึกหรือไม่ จู่ๆ พื้นดินก็สั่นไหวอยู่ครู่หนึ่ง?”ซูจิ่งสิงพยักหน้า เขา