“ข้า...ข้าแอบตามหลังพวกท่านมา ก็เลยติดตามมาด้วย”ซูจื่อชิงก็ก้มหน้าเช่นกัน ทั้งสองคนเหมือนเด็กน้อยสองคนที่ทำความผิดมองดูเด็กตัวป่วนสองคนที่เพิ่งรอดตาย กู้หว่านเยว่ก็ดุพวกเขาไม่ลง“ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีก มันอันตรายมาก”ซูจิ่งสิงกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แต่เมื่อเห็นการกระทำที่ซูจื่อชิงปกป้องเมี่ยชิงหว่านเมื่อครู่นี้ เขาในฐานะพี่ชายก็รู้สึกโล่งใจน้องรองโตขึ้นแล้ว“รีบเอามือเจ้ามาให้ข้าดูหน่อย”เมี่ยชิงหว่านนึกอะไรขึ้นได้ รีบคว้ามือทั้งสองข้างของซูจื่อชิง เมื่อเห็นฝ่ามือเต็มไปด้วยเลือด ดวงตาของนางก็แดงก่ำขึ้นมาอีกครั้ง“เหตุใดเจ้าถึงโง่เช่นนี้ เมื่อครู่ เจ้าสามารถทิ้งข้าแล้วหนีเอาตัวรอดไปได้แท้ ๆ ”ซูจื่อชิงไม่พูดอะไร ถ้าเขาคิดจะหนีเอาตัวรอด คงไม่ช่วยเมี่ยชิงหว่านตั้งแต่แรกแล้ว“พี่หว่านเยว่ พี่รีบดูแผลที่ฝ่ามือของเขาเร็ว”เมี่ยชิงหว่านร้อนใจจนเกือบจะร้องไห้ออกมาบางทีอาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ตกใจมากเกินไป ซูจื่อชิงจึงไม่รู้สึกเหนื่อย คิดแต่ว่าจะพายให้เร็วขึ้นอีกหน่อยตอนนี้พ้นจากอันตรายแล้ว เขาก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ฝ่ามือทันที แขนทั้งสองข้างก็ปวดเมื่อยจนชาไปหมดแม้แต่เรี่ยวแรงที่
มองเห็นร่างของพวกเขาค่อย ๆ กลายเป็นจุดดำเล็ก ๆ จนหายไปในที่สุดกู้หว่านเยว่จึงนำชาวประมงสิบคน หนานหยางอ๋อง และศพอีกสองศพออกมาจากมิติศพทั้งสองนั้นถูกก้อนหินทับจนเละเทะไปหมด มองดูแล้วน่าสยดสยองจริง ๆ กู้หว่านเยว่จึงไปเด็ดใบไม้ใหญ่ ๆ ริมแม่น้ำ มาคลุมศพเอาไว้“ท่านพี่ ข้าจะเข้าไปดูงูหลามยักษ์ตัวนั้นในมิติก่อน”ระหว่างรอ กู้หว่านเยว่ก็บอกกับซูจิ่งสิง หลัก ๆ แล้วนางกังวลว่างูหลามยักษ์จะคลุ้มคลั่งอยู่ในมิติ“ได้ เจ้าเข้าไปเถอะ ข้าจะคอยดูต้นทางให้เจ้าข้างนอกนี่เอง”ซูจิ่งสิงพยักหน้าอย่างอ่อนโยน กู้หว่านเยว่จึงรีบเข้าไปในมิติแต่สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจก็คือ หลังจากเข้าไปแล้ว กลับไม่พบฉากนองเลือดอย่างที่คิดไว้งูหลามยักษ์สีขาวกำลังนอนขดอยู่กับนกหงส์เพลิงนกตัวหนึ่ง งูตัวหนึ่ง คุยกันเจื้อยแจ้ว ราวกับกำลังรำลึกความหลังกู้หว่านเยว่ ? นกกับงูเป็นเพื่อนกันได้ด้วยหรือ?“จูเชวี่ย พวกเจ้าสองตัวเคยรู้จักกันมาก่อนหรือไม่?”เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่เข้ามา นกหงส์เพลิงก็รีบกางขาเล็กๆ สองข้าง กระพือปีกบินมาหากู้หว่านเยว่ จากนั้นเอาหัวถูไถนางอย่างสนิทสนมส่วนงูหลามยักษ์สีขาวก็เอียงหัว กะพริบตา จ
แม่ม่ายหลี่กอดเด็กสองคนไว้ในอ้อมแขน รู้สึกตื่นเต้นดีใจจนน้ำตาไหลอาบแก้มนอกจากพวกเขาแล้ว ชาวประมงคนอื่น ๆ ก็สวมกอดกับครอบครัวของพวกเขาเช่นกัน“ท่านพ่อ ในที่สุดท่านกลับมาแล้ว อาเฉ่าคิดถึงท่านมาก”“ลูกชายของข้าล่ะ ลูกชายของข้าทำไมไม่กลับมา?”ชายวัยกลางคนคนหนึ่งวิ่งขึ้นไปบนเรืออย่างร้อนรน ก็เห็นศพสองศพบนดาดฟ้าเรือแม้ว่าศพทั้งสองจะถูกทับจนเละเทะไปหมด แต่ลุงเนี่ยก็ยังจำเสื้อผ้าบนศพทั้งสองได้ในทันที เพราะเป็นเสื้อผ้าที่เขาตัดเย็บเองกับมือ“ต้าหู่ เสียวหู่ พวกเจ้าเป็นอะไรไป?”ลุงเนี่ยร้องไห้โฮแล้ววิ่งเข้าไป ซูจิ่งสิงเรียกหัวหน้าหมู่บ้านมา แล้วบอกสาเหตุการตายของทั้งสองคนให้เขาฟัง“ตอนที่พวกเราไปถึง ทั้งสองคนนี้ก็เละเทะไปหมดแล้ว ขาดใจตายไปนานแล้ว”“ต้าหู่ เสียวหู่ พวกเจ้าลืมตาขึ้นมามองพ่อสิ พ่อจะเสียพวกเจ้าไปไม่ได้!”ลุงเนี่ยร้องไห้เสียงดังลั่น หัวหน้าหมู่บ้านรีบเข้าไปอธิบายให้เขาฟังคงเป็นเพราะรับไม่ได้ที่ลูกชายทั้งสองจากไป เขาจึงเป็นลมล้มพับไป“ใครก็ได้ เร็วเข้า พาเนี่ยต้าเหลียงกลับบ้านทีแล้วก็ศพของต้าหู่และเสียวหู่ พวกเจ้าไปหาแผ่นไม้มา แล้วนำศพกลับไปที่บ้านสกุลเนี่ย”“พวกเราจ
ร่างกายร้อนผ่าวอยู่บ้างกู้หว่านเยว่ลืมตาขึ้นมา พบว่าตนเองกำลังนอนอยู่บนเตียงแกะสลักขนาดใหญ่ มีกลิ่นอายโบราณหลังหนึ่ง ข้างเตียงมีชายสวมชุดแต่งงานนั่งอยู่หนึ่งคนนี่คงฝันไปใช่ไหม แต่เหตุใดเหมือนจริงถึงเพียงนี้?นางเบือนหน้ามองฝ่ายชายฝ่ายชายผิวพรรณขาวดุจหยก ใบหน้าหล่อเหลางดงาม มองแวบเดียวก็ทำให้คนจมดิ่งสู่ภวังค์อย่างยากจะหักห้ามใจ เพียงแต่สีหน้าของเขาเย็นชาเกินไป สุ้มเสียงเองก็ไร้อารมณ์เสียนี่กระไร“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากแต่งกับข้า พระบรมราชโองการยากจะฝ่าฝืน หากเจ้าไม่ยินยอม...”“ข้ายินยอม ข้ายินยอม!”ชายหนุ่มรูปงามหาใครเทียบได้เช่นนี้ นางครองโสดมายี่สิบกว่าปีไม่เคยได้พบพานมาก่อน ไฉนเลยจะไม่ยินยอมกันเล่า!กู้หว่านเยว่พยักหน้าอย่างบ้าคลั่ง ไม่สนใจสีหน้าตกตะลึงของฝ่ายชาย ยื่นมือออกไปเกี่ยวเข็มขัดโผเข้าหาอ้อมอกของเขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง อ้า หอมยิ่งนัก กลิ่นหอมเย็นของชายหนุ่มรูปงามเห็นได้ชัดว่านี่คือครั้งแรกของฝ่ายชาย ทีแรกยังคิดปฏิเสธ แต่กลับไม่อาจต้านทานเสียงที่ดังออดอ้อนออเซาะขึ้นมาของนางได้ สติค่อยๆ เลือนรางไป ทว่า ครู่เดียวก็ทำเอากู้หว่านเยว่วิญญาณหลุดลอยทั้งสองเกี
“ฝ่าบาทมีรับสั่ง เจิ้นเป่ยอ๋องซูจิ่งสิงคิดก่อกบฏ หลักฐานชัดเจน!”“นับแต่นี้ไปปลดออกจากตำแหน่ง เป็นสามัญชน ยึดทรัพย์เนรเทศไปยังหนิงกู่ถ่า ผู้ใดกล้าฝ่าฝืน ฆ่าได้ไม่ละเว้น!”ฮูหยินผู้เฒ่าทุบอกกระทืบเท้า “สกุลซูของข้าซื่อสัตย์ภักดี ไฉนเลยจะก่อกบฏได้?”หัวหน้าหน่วยยึดทรัพย์เจียงเต๋อจื้อสบถเสียงเย็น “ฝ่าบาทมีพระกระแสรับสั่งออกจากพระโอษฐ์ของพระองค์เอง เจ้ากำลังกล่าวหาว่าฝ่าบาท ทรงวินิจฉัยผิดพลาดงั้นหรือ?”ทุกคนไม่กล้าโวยวายอีก กอดกันร่ำไห้โอดครวญทหารหลวงหลั่งไหลเข้ามา ถีบเปิดประตูเรือน ทุบทำลายข้าวของทั่วทุกสารทิศคล้ายโจรก็มิปาน ไม่ว่าที่ผ่านมาเจ้ามีตำแหน่งสูงส่งเยี่ยงไร หากถูกลงโทษยึดทรัพย์ นั่นก็คือคนต่ำต้อยมองภาพวุ่นวายภายในจวนอ๋อง ฮูหยินผู้เฒ่าคิดห้าม แต่กลับถูกเจียงเต๋อจื้อผลักล้มลงกับพื้น กระดูกของหญิงชราเกือบหักถัดมา เจียงเต๋อจื้อหรี่ตามองทางญาติฝ่ายหญิงของจวนอ๋อง“เพื่อป้องกันมิให้พวกเจ้านำทรัพย์สินส่วนตัวออกไป ญาติฝ่ายหญิงทั้งหมดต้องเปลื้องผ้าตั้งแต่ใต้สะดือลงมาเพื่อตรวจสอบหนึ่งรอบ!”“ไม่ได้!”สีหน้าเหล่าญาติฝ่ายหญิงทั้งโกรธทั้งอายฮูหยินผู้เฒ่าก่นด่าออกมา “เจียงเต๋อจื
“กบฏ ไม่ตายดี!”“สมรู้ร่วมคิดกับทูเจวี๋ย คลอดลูกชายไม่สมประกอบ!”ซูจิ่งสิงนอนกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่บนกระดานเกวียน รับก้อนหิน มูลแพะและผักเน่าที่โยนเข้ามาทุกทิศทาง...ยามรบชนะกลับมา เขาคือวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ปกป้องแคว้น ราษฎรล้วนโห่ร้องแสดงความยินดีบัดนี้เขาถูกใส่ร้ายข้อหากบฏ ไม่เพียงไม่มีคนขอความเป็นธรรมแทนเขา ทุกคนยังร้องตะโกนใส่ กลายเป็นคนบาปที่ทุกคนตราหน้าหันมองไปที่คนอื่น ๆ ของสกุลซู แต่ละคนเกือบซุกหน้าลงบนบ่าแล้วฮูหยินผู้เฒ่าร้องไห้น้ำตาไหลเป็นทาง “เวรกรรม สกุลซูของข้าตกต่ำถึงขั้นนี้เชียวหรือ...”นายท่านบ้านรองซูหัวหลินอดตำหนิไม่ได้ “ล้วนต้องตำหนิจิ่งสิง อยู่ดีๆ ก็คิดไม่ตก ไปสมรู้ร่วมคิดกับกบฏขายบ้านเมือง ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า ทั้งครอบครัวล้วนต้องเดือนร้อนเพราะเขา ข้าเป็นคนรักศักดิ์ศรีที่สุด ถูกราษฎรกลุ่มนี้สบถด่า หน้าก็ไม่กล้าเงยขึ้นมาแล้ว ภายภาคหน้าจะใช้ชีวิตเยี่ยงไร!”นับตั้งแต่ยึดทรัพย์จนถึงตอนนี้ เริ่มแรกทุกคนยังงุนงง จนถึงตอนนี้แต่ละคนก็เกิดความคิดขึ้นมาแล้ว มีทั้งคนเชื่อว่าซูจิ่งสิงมิได้ก่อกบฏ และมีคนที่ไม่เชื่อ นายท่านรองเป็นคนแรกที่มิอาจอดกลั้นบ้านอื่นสบตากันแวบ
เสียงอิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้นภายในสมอง ทำให้กู้หว่านเยว่ตกใจแทบแย่“เจ้าเป็นใคร?”“สวัสดีเจ้านาย ข้าเป็นผู้ดูแลระบบมิติ รับผิดชอบตอบปัญหาที่ท่านสงสัยโดยเฉพาะ”มิติคือพลังวิเศษที่นางมีตั้งแต่ชาติก่อน ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินเรื่องผู้ดูแลระบบอันใด“ก่อนนี้เจ้านายอยู่ในขั้นเริ่มต้น จึงไม่ได้เปิดใช้งานฟังก์ชันของระบบ แต่อิงตามการกักตุนสินค้าเต็มพื้นที่ของท่านในวันนี้ มิติได้เปิดใช้งานผู้ดูแลระบบและอาคารทางการแพทย์ให้ท่านแล้ว”กู้หว่านเยว่หลับตาลง เพียงนึกคิดก็เข้าสู่มิติได้แล้ว ดังคาด ภายในพื้นที่กักตุนสินค้า นอกจากสิ่งของที่นางเก็บมา ก็มีอาคารทางการแพทย์เครื่องมือล้ำสมัยหลังหนึ่งทว่า เหตุใดเป็นอาคารทางการแพทย์เล่า?“ซูจิ่งสิงต้องการอาคารทางการแพทย์ เจ้าก็เปิดการใช้งานอาคารทางการแพทย์ ตกลงเจ้าของร่างคือข้าหรือซูจิ่งสิงกันแน่?”กู้หว่านเยว่ไม่สบอารมณ์อย่างมากในใจ“...” ผู้ดูแลระบบแกล้งตายไปแล้วกู้หว่านเยว่ทำเพียงสำรวจการเปลี่ยนแปลงภายในมิติ นอกจากอาคารทางการแพทย์ นางยังพบหน้าจอคล้ายศูนย์ควบคุมทำนองนั้นเพิ่มขึ้นมาในระบบอย่างหนึ่ง ข้างบนเขียนการเปิดใช้งานอาคารใหม่หลากหลายแบบอ
มีนางเป็นตัวอย่าง ทุกคนล้มเลิกความคิดแล้ว แต่ละคนกัดฟันเดินไปข้างหน้าเดินออกมาอีกราวห้าลี้ กู้หว่านเยว่เห็นนางหยางเหนื่อยจนคล้ายลาแก่ ต้องการขยับขึ้นไปช่วย แต่กลับถูกนางปฏิเสธ “หว่านเยว่ เจ้า เจ้าเหนื่อย ข้าเข็น...”“ใช่แล้วพี่สะใภ้ใหญ่ ท่านเพิ่งแต่งเข้ามาก็ต้องถูกเนรเทศไปกับพวกเรา จะยังให้ท่านลำบากอีกได้เยี่ยงไร” ซูจื่อชิงรู้ความ เรียกซูจิ่นเอ๋อร์น้องสาวมาช่วยเข็นด้วยกันใครรู้ซูจิ่นเอ๋อร์ตัวเล็กแต่อารมณ์ร้าย ใบหน้าเปี่ยมอารมณ์ไม่พอใจ “ข้าเหนื่อยจะตายแล้ว เข็นไม่ไหว ก็ควรให้กู้หว่านเยว่เข็น ใครให้นางเป็นดาวหายนะทำให้พวกเราต้องถูกเนรเทศกันเล่า”“น้องหญิง เจ้าพูดส่งเดชอันใด เรื่องนี้ตำหนิพี่สะใภ้ใหญ่ไม่ได้”ซูจื่อชิงโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว เหตุใดน้องหญิงคิดเห็นเฉกเดียวกันกับบ้านเหล่านั้นได้เล่า?สีหน้าซูจิ่นเอ๋อร์กลับเปลี่ยนไปแล้ว รู้สึกเกลียดกู้หว่านเยว่เพิ่มมากขึ้นอีกหนึ่งส่วนอยู่ภายในใจกู้หว่านเยว่คร้านจะตามใจอารมณ์ของคุณหนูใหญ่ “เจ้าเองก็รู้ว่าพี่ใหญ่ของเจ้าเอ็นดูเจ้าที่สุด บัดนี้เขาหมดสติยังไม่ฟื้น ปรากฏว่าแม้แต่เข็นเกวียนของเขาสักเล็กน้อยเจ้าก็ไม่ยินดี ช่างเอ็นดูอย่างเสียเปล่า
แม่ม่ายหลี่กอดเด็กสองคนไว้ในอ้อมแขน รู้สึกตื่นเต้นดีใจจนน้ำตาไหลอาบแก้มนอกจากพวกเขาแล้ว ชาวประมงคนอื่น ๆ ก็สวมกอดกับครอบครัวของพวกเขาเช่นกัน“ท่านพ่อ ในที่สุดท่านกลับมาแล้ว อาเฉ่าคิดถึงท่านมาก”“ลูกชายของข้าล่ะ ลูกชายของข้าทำไมไม่กลับมา?”ชายวัยกลางคนคนหนึ่งวิ่งขึ้นไปบนเรืออย่างร้อนรน ก็เห็นศพสองศพบนดาดฟ้าเรือแม้ว่าศพทั้งสองจะถูกทับจนเละเทะไปหมด แต่ลุงเนี่ยก็ยังจำเสื้อผ้าบนศพทั้งสองได้ในทันที เพราะเป็นเสื้อผ้าที่เขาตัดเย็บเองกับมือ“ต้าหู่ เสียวหู่ พวกเจ้าเป็นอะไรไป?”ลุงเนี่ยร้องไห้โฮแล้ววิ่งเข้าไป ซูจิ่งสิงเรียกหัวหน้าหมู่บ้านมา แล้วบอกสาเหตุการตายของทั้งสองคนให้เขาฟัง“ตอนที่พวกเราไปถึง ทั้งสองคนนี้ก็เละเทะไปหมดแล้ว ขาดใจตายไปนานแล้ว”“ต้าหู่ เสียวหู่ พวกเจ้าลืมตาขึ้นมามองพ่อสิ พ่อจะเสียพวกเจ้าไปไม่ได้!”ลุงเนี่ยร้องไห้เสียงดังลั่น หัวหน้าหมู่บ้านรีบเข้าไปอธิบายให้เขาฟังคงเป็นเพราะรับไม่ได้ที่ลูกชายทั้งสองจากไป เขาจึงเป็นลมล้มพับไป“ใครก็ได้ เร็วเข้า พาเนี่ยต้าเหลียงกลับบ้านทีแล้วก็ศพของต้าหู่และเสียวหู่ พวกเจ้าไปหาแผ่นไม้มา แล้วนำศพกลับไปที่บ้านสกุลเนี่ย”“พวกเราจ
มองเห็นร่างของพวกเขาค่อย ๆ กลายเป็นจุดดำเล็ก ๆ จนหายไปในที่สุดกู้หว่านเยว่จึงนำชาวประมงสิบคน หนานหยางอ๋อง และศพอีกสองศพออกมาจากมิติศพทั้งสองนั้นถูกก้อนหินทับจนเละเทะไปหมด มองดูแล้วน่าสยดสยองจริง ๆ กู้หว่านเยว่จึงไปเด็ดใบไม้ใหญ่ ๆ ริมแม่น้ำ มาคลุมศพเอาไว้“ท่านพี่ ข้าจะเข้าไปดูงูหลามยักษ์ตัวนั้นในมิติก่อน”ระหว่างรอ กู้หว่านเยว่ก็บอกกับซูจิ่งสิง หลัก ๆ แล้วนางกังวลว่างูหลามยักษ์จะคลุ้มคลั่งอยู่ในมิติ“ได้ เจ้าเข้าไปเถอะ ข้าจะคอยดูต้นทางให้เจ้าข้างนอกนี่เอง”ซูจิ่งสิงพยักหน้าอย่างอ่อนโยน กู้หว่านเยว่จึงรีบเข้าไปในมิติแต่สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจก็คือ หลังจากเข้าไปแล้ว กลับไม่พบฉากนองเลือดอย่างที่คิดไว้งูหลามยักษ์สีขาวกำลังนอนขดอยู่กับนกหงส์เพลิงนกตัวหนึ่ง งูตัวหนึ่ง คุยกันเจื้อยแจ้ว ราวกับกำลังรำลึกความหลังกู้หว่านเยว่ ? นกกับงูเป็นเพื่อนกันได้ด้วยหรือ?“จูเชวี่ย พวกเจ้าสองตัวเคยรู้จักกันมาก่อนหรือไม่?”เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่เข้ามา นกหงส์เพลิงก็รีบกางขาเล็กๆ สองข้าง กระพือปีกบินมาหากู้หว่านเยว่ จากนั้นเอาหัวถูไถนางอย่างสนิทสนมส่วนงูหลามยักษ์สีขาวก็เอียงหัว กะพริบตา จ
“ข้า...ข้าแอบตามหลังพวกท่านมา ก็เลยติดตามมาด้วย”ซูจื่อชิงก็ก้มหน้าเช่นกัน ทั้งสองคนเหมือนเด็กน้อยสองคนที่ทำความผิดมองดูเด็กตัวป่วนสองคนที่เพิ่งรอดตาย กู้หว่านเยว่ก็ดุพวกเขาไม่ลง“ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีก มันอันตรายมาก”ซูจิ่งสิงกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แต่เมื่อเห็นการกระทำที่ซูจื่อชิงปกป้องเมี่ยชิงหว่านเมื่อครู่นี้ เขาในฐานะพี่ชายก็รู้สึกโล่งใจน้องรองโตขึ้นแล้ว“รีบเอามือเจ้ามาให้ข้าดูหน่อย”เมี่ยชิงหว่านนึกอะไรขึ้นได้ รีบคว้ามือทั้งสองข้างของซูจื่อชิง เมื่อเห็นฝ่ามือเต็มไปด้วยเลือด ดวงตาของนางก็แดงก่ำขึ้นมาอีกครั้ง“เหตุใดเจ้าถึงโง่เช่นนี้ เมื่อครู่ เจ้าสามารถทิ้งข้าแล้วหนีเอาตัวรอดไปได้แท้ ๆ ”ซูจื่อชิงไม่พูดอะไร ถ้าเขาคิดจะหนีเอาตัวรอด คงไม่ช่วยเมี่ยชิงหว่านตั้งแต่แรกแล้ว“พี่หว่านเยว่ พี่รีบดูแผลที่ฝ่ามือของเขาเร็ว”เมี่ยชิงหว่านร้อนใจจนเกือบจะร้องไห้ออกมาบางทีอาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ตกใจมากเกินไป ซูจื่อชิงจึงไม่รู้สึกเหนื่อย คิดแต่ว่าจะพายให้เร็วขึ้นอีกหน่อยตอนนี้พ้นจากอันตรายแล้ว เขาก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ฝ่ามือทันที แขนทั้งสองข้างก็ปวดเมื่อยจนชาไปหมดแม้แต่เรี่ยวแรงที่
“ท่านพี่ เรากลับกันเถอะ”กู้หว่านเยว่เห็นว่าในมิติล้วนเต็มไปด้วยทองคำ จึงยิ้มอย่างมีความสุขมากเป็นพิเศษ มีเงินนี่ดีจริง ๆ มีเงินก็สามารถทำการใหญ่ได้“ไปกันเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ ทำความสะอาดเครื่องเรือนที่เต็มไปด้วยฝุ่นอย่างใส่ใจ ทั้งสองมองย้อนกลับไปดูทางส่วนลึกของถ้ำในสุสานใต้ดินเป็นครั้งสุดท้าย แล้วจูงมือกันเดินกลับทางเดิมขณะที่ผ่านทางเดิน เห็นชาวประมงสองคนที่ถูกทับตายอย่างน่าสงสาร คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจนำศพของพวกเขากลับไปด้วยเวลานี้หนานหยางอ๋องได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว และป้อนน้ำเชื่อมที่กู้หว่านเยว่ทิ้งไว้ให้เหล่าชาวประมงตามจำนวนเรียบร้อยแล้วเมื่อเห็นทั้งสองคนพุ่งตัวออกมาจากข้างใน จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกพร้อมกับเช็ดเหงื่อ“ท่านอ๋อง พระชายา ในที่สุดพวกท่านก็ออกมาแล้ว ข้ายังกังวลว่าพวกท่านจะพบกับอันตราย”กู้หว่านเยว่เลิกคิ้วแล้วยิ้ม “ไม่มีอันตรายอะไรหรอก”หนานหยางอ๋องรีบหยิบสมุดเล่มเล็กออกมา “ชาวบ้านจากหมู่บ้านชาวประมงเล็กหายไปทั้งหมดสิบสองคน ตายไปสองคน ที่เหลืออยู่ที่นี่แล้ว”ที่แท้หัวหน้าหมู่บ้านก็ให้สมุดเล่มเล็กกับเขาเช่นกัน เพื่อความสะดวกในการตามหาชาวประมงที
นางอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปหยิบดาบยาวขึ้นมา ทันใดนั้นก็พบว่าดาบเล่มนี้เข้ากับซูจิ่งสิงมากทีเดียว“ท่านพี่ ดาบเล่มนี้เหมาะกับท่านมาก”“ข้าขอลองหน่อย” ซูจิ่งสิงรับดาบยาวมา ทันทีที่จับดาบไว้ในมือ ก็รู้สึกว่าเขาน่าจะเป็นเจ้าของดาบเล่มนี้หยิบดาบยาวขึ้นมา ฟันไปที่โซ่เหล็กข้างหนึ่งผลปรากฏว่าโซ่เหล็กนั่นขาดทันที“คมกริบ ดาบเล่มนี้เป็นของดีจริง ๆ !”กู้หว่านเยว่ร้องอุทาน เมื่อเห็นว่าซูจิ่งสิงชอบดาบเล่มนี้มาก จึงเสนอว่า“ท่านพี่ ถ้าท่านชอบดาบเล่มนี้ ก็เก็บไว้ข้างกายเถิด”“ตกลง” ซูจิ่งสิงนาน ๆ ทีจะชอบของสักอย่างมากขนาดนี้ตอนที่ทั้งสองคนเพิ่งเข้ามา พวกเขาคิดว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสุสานของใครสักคน แต่หลังจากเดินวนไปรอบ ๆ สุสานใต้ดินแล้ว กู้หว่านเยว่ก็พบว่าที่นี่น่าจะเป็นสถานที่ที่คู่สามีภรรยาคู่หนึ่งเคยอาศัยอยู่ดูสิ ที่ส่วนลึกของสุสานใต้ดิน ยังสามารถมองเห็นโต๊ะเครื่องแป้ง บนโต๊ะมีกระจกทองแดง ด้านหน้ายังมีกล่องใส่เครื่องประทินโฉมอีกด้วยด้านหลังยังมีเตียงหินอีกหนึ่งเตียง แม้ว่าที่นี่จะเก่าแก่มาก ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่น แต่ก็มองเห็นเลือนรางว่าเป็นที่ที่ชายหญิงคู่หนึ่งเคยใช้ชีวิตอยู่“ท่านพี่
“ต้าหนิว เจ้าทำอะไร?” เอ้อร์โก่วล้มลงกับพื้น โกรธจนหน้าแดงก่ำ“พวกเขาสองคนถูกหินทับตาย มันเกี่ยวอะไรกับข้า?”ต้าหนิวกำหมัดแน่น เอ่ยถามด้วยความโมโห “หากมิใช่เพราะเจ้าหวาดกลัวเกินไปจนผลักพวกเขาสองคนล้มลง พวกเขาจะถูกหินทับตายหรือไม่ สรุปแล้วก็เป็นเพราะเจ้า”หลังจากที่พวกเขาถูกวังน้ำวนขนาดใหญ่พัดพาเข้ามาในสุสานใต้ดินแห่งนี้ โชคดีที่พวกเขามีเสบียงติดตัวมาบ้าง จึงสามารถประทังชีวิตอยู่ในสุสานใต้ดินได้ระยะหนึ่งแต่เมื่อสองวันก่อน เสบียงของพวกเขาหมดแล้วดังนั้น จึงตัดสินใจส่งคนห้าคนลงไปยังส่วนลึกของสุสานใต้ดินเพื่อหาอาหารถ้าหาอาหารเจอ หรือหาทางออกเจอก็ได้แต่หลังจากพวกเขาเข้าไปในส่วนลึกของอุโมงค์ กลับพบงูหลามยักษ์สีขาวตัวนั้นตอนที่เอ้อร์โก่วหนีเอาตัวรอด เป็นเพราะหวาดกลัวเกินไป เขาจึงผลักเพื่อนสองคนออกไป แล้วรีบวิ่งไปหลบหลังผนังหินก่อน ส่วนเพื่อนสองคนที่ถูกเขาผลักนั้นล้มลงกับพื้น และบังเอิญถูกก้อนหินที่ร่วงลงมาจากด้านบนทับพอดี จึงถูกทับตายคาที่หลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว กู้หว่านเยว่ก็มองไปยังเอ้อร์โก่วด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเอ้อร์โก่วหน้าแดงก่ำพลางกล่าวขึ้น “ข้าไม่ควรหนีเอาช
กู้หว่านเยว่กะพริบตา นางก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มาจากไหนเหมือนกัน แต่พอเห็นดวงตาของงูตัวนั้นแล้วกลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกซูจิ่งสิงก็รู้สึกแบบนี้เช่นกัน ไม่เพียงเท่านี้ เขายังรู้สึกสนิทสนมกับงูหลามยักษ์ตัวนี้อย่างน่าประหลาด เมื่อเห็นว่างูหลามยักษ์สงบลงอย่างสมบูรณ์แล้ว และไม่ทำร้ายใครอีก กู้หว่านเยว่จึงเก็บขลุ่ยเข้าไปในมิติอีกครั้งจากนั้นก็กระโดดลงมาจากผนังหิน มาถึงข้าง ๆ งูหลามยักษ์ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็โบกมือเก็บงูหลามยักษ์เข้าไปในมิติ“เก็บมันเข้าไปในมิติก่อน รอออกไปข้างนอกแล้วเราค่อย ๆ ศึกษา”“ก็ดี”“ช่วยด้วย ช่วยด้วย มีใครช่วยพวกเราได้บ้าง...”ทันใดนั้นก็มีเสียงแผ่วเบาเล็ดลอดออกมาจากมุมหนึ่ง ทั้งสองคนตามเสียงไป พบว่าที่มุมนั้นมีก้อนหินขนาดใหญ่วางขวางอยู่ข้างหน้า เสียงนั้นดังมาจากข้างหลังก้อนหินกู้หว่านเยว่โบกมือ เก็บก้อนหินนั้นเข้าไปในมิติโดยตรง จากนั้น คนที่ซ่อนอยู่หลังก้อนหินก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าคนเหล่านี้หิวจนผอมโซ แทบจะจำหน้าตาไม่ได้แล้ว พอเห็นทั้งสองคนก็หวาดกลัว จากนั้นก็รีบคุกเข่าลงกับพื้น“ขอบคุณท่านทั้งสองที่ช่วยพวกเรา ขอบคุณ ขอบคุณมาก”กู้หว่านเย
โดยทั่วไปแล้ว สถานที่ที่มีสัตว์ประหลาดคอยเฝ้าอยู่ มักจะมีสมบัติและดูจากแผนที่แล้ว ที่นี่เป็นเพียงทางเข้าสุสานใต้ดินเท่านั้น ยังไปไม่ถึงส่วนลึกของสุสานใต้ดินเลยด้วยซ้ำในเมื่อได้แผนที่มาแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ไม่มีทางกลับไปมือเปล่าแน่นอน ด้วยนิสัยของนางแล้ว จะต้องกวาดล้างสมบัติในสุสานใต้ดินแห่งนี้ให้หมดเกลี้ยงถึงจะพอใจ“ก็ได้ ข้าจะไปกับเจ้า”ซูจิ่งสิงไม่ได้ปฏิเสธเพราะเขารู้สึกได้ว่า นับตั้งแต่เข้ามาในสุสานใต้ดิน ความรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งกำลังเรียกหาเขาก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ บางทีเมื่อเดินไปถึงส่วนลึกของสุสานใต้ดิน เขาอาจจะไขปริศนานี้ได้หนานหยางอ๋องไม่คิดเลยว่าหลังจากที่ตนพูดไปมากมายขนาดนั้น สองสามีภรรยาคู่นี้ยังจะคิดเข้าไปตายอีก ทำเอาเกือบจะกระอักเลือดออกมา“ท่านอ๋อง พระชายา ข้าบอกแล้วมิใช่หรือว่าข้างในนั้นมีสัตว์ประหลาด พวกท่านเข้าไป จะพบกับอันตราย”กู้หว่านเยว่กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “วางใจเถอะ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ประหลาดแบบไหน ข้าก็ไม่กลัวหรอก และต่อหน้าข้า พวกมันก็เทียบข้าไม่ติด”ล้อเล่นน่า สัตว์ประหลาดอะไรจะน่ากลัวเท่านางกันล่ะ?ต่อให้เป็นสัตว์ประหลาดพวกนั้น เมื่อเห็นน
กู้หว่านเยว่หยิบน้ำเชื่อมออกมาขวดหนึ่งแล้วยื่นให้เขา พร้อมกับอธิบาย“ข้าและท่านพี่ได้ยินว่าท่านเกิดเรื่อง จึงเร่งเดินทางมาที่นี่ ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่?”หนานหยางอ๋องได้ยินดังนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งใจ ประสานมือคารวะทั้งสองคน“ขอบคุณท่านอ๋องและพระชายาที่ยังเป็นห่วงข้า”กู้หว่านเยว่เห็นเขามีสีหน้าอ่อนเพลีย จึงรีบเอ่ยขึ้น “รีบดื่มน้ำเชื่อมนี่เถิด จะช่วยให้ท่านฟื้นฟูกำลังได้”“ตกลง”หนานหยางอ๋องเปิดขวดน้ำเชื่อมอย่างเชื่อฟัง แล้วดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง ก็รู้สึกว่ามีเรี่ยวแรงขึ้นมาไม่น้อยเลยจริง ๆ จึงรีบดื่มน้ำเชื่อมที่เหลือจนหมดขวดในขณะที่หนานหยางอ๋องดื่มน้ำเชื่อมอยู่นั้น กู้หว่านเยว่ก็ไปดูชาวประมงคนอื่น ๆ พบว่าชาวประมงเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นลมเพราะความหิวชุนจวี๋รีบวิ่งเข้ามาดู แต่หลังจากที่ตามหาหนึ่งรอบแล้ว ก็ไม่พบสามีของนาง“พี่ต้าหนิว เหตุใดจึงไม่เห็นพี่ต้าหนิวเลยล่ะ?”ต้าหนิวเป็นคนกลุ่มแรกที่ตกลงไปในวังน้ำวน ตามหลักแล้ว เขาก็น่าจะอยู่ที่นี่ แต่เหตุใดจึงไม่พบเขาเลย?ชุนจวี๋ร้อนใจจนแทบบ้าเมื่อเห็นชาวประมงเหล่านี้ นางก็รู้สึกดีใจอย่างมาก คิดว่าในที่สุดก็ได้พบกับสามีของนางแล้ว แ