นางเป็นห่วงเขามาก ไม่เช่นนั้นคงไม่เข้ามาเงียบ ๆ กลางดึกหรอกก็แค่จะยอมเสียหน้าไม่ได้ แต่ในเมื่อตอนนี้กู้หว่านเยว่พานางเข้ามาด้วยตัวเอง นางจึงไม่มีอะไรให้ต้องงอแงไร้เหตุผลอีกตอนแรกซูจื่อชิงกำลังจะพูดว่า “เจ็บมาก” แต่พอคำพูดออกมาจากปากก็กลับเปลี่ยนเป็นว่า“เจ้าไม่ต้องลำบากมาสนใจหรอก เจ้าไปสนใจเผยเสวียนเถอะ”เมี่ยชิงหว่านอึ้งไปทันที “ท่านหมายความว่ายังไง?”ซูจื่อชิงยิ้มเยาะกล่าวว่า “ข้าพูดไม่ถูกหรือ? เพื่อเขาแล้ว เจ้าไม่กลัวแม้แต่หมีด้วยซ้ำ สละชีวิตเพื่อช่วยเขา”เมื่อนึกถึงภาพที่เมี่ยชิงหว่านกระโจนเข้าไปปกป้องเผยเสวียน ซูจื่อชิงก็รู้สึกไม่สบายใจ“นึกไม่ถึงเลยว่า เจ้ากับเขาเพิ่งรู้จักกันได้เพียงไม่กี่วัน ความสัมพันธ์ก็ลึกซึ้งได้ถึงเพียงนี้”ส่วนพวกเขาน่ะหรือ รู้จักกันมาเกือบปีแล้ว เมื่อก่อนทุกวันตัวติดกันเป็นดั่งเงา ไม่เคยเห็นเขาแสดงท่าทีร้อนรนกับนางเช่นนี้มาก่อน“ท่านกำลังพูดจาเหลวไหลอะไร?” เมี่ยชิงหว่านชักจะโมโหขึ้นมา “ที่ข้าเป็นห่วงเผยเสวียน เพราะเขาบอกว่าหมีถูกท่านล่อเข้ามา ข้ากังวลว่า...” กังวลว่าหากเผยเสวียนได้รับบาดเจ็บ คนสกุลเผยจะสร้างความลำบากให้ซูจื่อชิงใครจะไปรู้ว่าซ
แค่เรื่องของความรู้สึกเท่านั้น ไม่มีประโยชน์ที่คนอื่นจะเข้ามาก้าวก่าย ไม่พูดก็คือไม่พูดกู้หว่านเยว่กลับไปที่ห้องของตัวเองโดยไม่ได้พูดอะไรตลอดทาง บังเอิญเจอซูจิ่งสิงที่กลับมาแล้วพอดี“โมโหอะไรถึงเพียงนี้?”กู้หว่านเยว่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ซูจิ่งสิงรู้สึกสงสารไปชั่วขณะ“เรื่องของพวกเขาสองคน เจ้าก็อย่าไปยุ่งอีกเลย ตอนนี้เจ้ายังอยู่ในช่วงอยู่ไฟ จะเหนื่อยกายเหนื่อยใจไม่ได้”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ได้ยินซูจิ่งสิงพูดเคล้าเสียงหัวเราะ “เจ้าอยากได้แม่นมมาช่วยสองคนมิใช่หรือ? ข้าออกไปหาแม่นมมาให้เจ้าสองคนแล้ว”ซูจิ่งสิงปรบมือ หญิงสองคนเข้ามาจากด้านนอก“บ่าวขอคารวะฮูหยิน”“แม่นมสองคนนี้ข้าเลือกมาจากสตรีในเรือนองครักษ์ลับ สัญญาขายตัวทั้งหมดอยู่ในมือของเรา เป็นคนซื่อสัตย์และเชื่อถือได้” ซูจิ่งสิงกล่าวแนะนำกู้หว่านเยว่เหลือบมองใบหน้าของทั้งสอง แน่นอนว่าทั้งคู่ซื่อตรงไม่มีเล่ห์เหลี่ยมดังนั้นจึงเรียกพวกนางเข้ามาหา แล้วกำชับข้อควรระวังเกี่ยวกับทารกน้อยหลายอย่าง“จ้านจ้านยังอยู่กับย่าของเขา อีกหนึ่งชั่วยามพวกเจ้าคอยอุ้มเขากลับมา ให้เขาอยู่กับย่าของเขาอีกสักพักก่อน”กู้หว่านเยว่เข้าใ
“เดี๋ยวข้าจะให้เจียงเฟิ่งพาพวกเจ้าไปยังที่ดิน ช่วงนี้พวกเจ้าจะได้เรียนรู้เรื่องการปลูกดอกไม้ในที่ดิน หลังจากนั้นไม่กี่วัน ข้าจะไปตรวจงาน”กู้หว่านเยว่หยิบตำราการดูแลจัดการพื้นที่การเกษตรสองเล่มออกมาวางไว้บนโต๊ะ“พวกเจ้ารู้หนังสือไหม?”“ข้าพอรู้บ้าง แต่แม่ของข้าไม่รู้”เหมยจื่อตาแดง พี่เจิ้งเป็นคนสอนหนังสือให้นาง“เช่นนั้นข้าขอมอบหนังสือสองเล่มนี้ให้เจ้า เจ้าว่างเมื่อไหร่ก็เปิดอ่านดู”การปลูกดอกไม้เป็นเรื่องรอง สิ่งที่นางต้องการไม่ใช่ชาวสวนดอกไม้ แต่เป็นผู้ที่ดูแลจัดการพื้นที่การเกษตรได้ดี“เจ้าค่ะ บ่าวจะตั้งใจอ่านอย่างเต็มที่”เหมยจื่อรีบรับหนังสือมา สองแม่ลูกเดินตามเจียงเฟิ่งไปกู้หว่านเยว่หันไปมองจ้านจ้านอีกครั้ง เด็กคนนี้เป็นลูกน้อยเทวดา เดินตามชุนเหนียงและจิ่วเหนียงซึ่งเป็นแม่นมทั้งสองอย่างว่าง่าย ไม่ร้องไห้ไม่ส่งเสียงดัง กินอิ่มแล้วก็เข้านอน“พวกบ่าวไม่เคยเลี้ยงเด็กที่สบายใจเช่นนี้มาก่อนเลย”นี่ไม่ใช่คำเยินยอ ทั้งสองชื่นชอบคุณชายน้อยจากใจจริง“อุแว้ อุแว้...” เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือน้อยหย็อย ๆ อยากให้แม่อุ้มละมุนละไมจนหัวใจของกู้หว่านเยว่ละลายไปแล้ว รีบอุ้มจ้านจ้านขึ้นม
“ต้องขอโทษด้วยเจ้าค่ะเผยฮูหยิน ข้ายังมีเรื่องอื่นต้องไปทำเดี๋ยวข้ากลับถึงจวนแล้ว จะให้สาวใช้นำอาหารบำรุงมาส่ง”“ไม่ ไม่ต้องหรอก”เผยฮูหยินรีบปฏิเสธ “คุณหนูฟู่ เจ้ารู้ว่าเสวียนเอ๋อร์ไม่ได้ขาดแคลนสมุนไพร หากเจ้าใช้เวลาอยู่กับเขามากกว่านี้ เขาจะยิ่งดีใจมาก”ว่าแล้วนางก็เช็ดน้ำตาที่หางตา ช่างมีหัวใจของผู้เป็นแม่ที่คิดถึงลูก ต้องการเพียงให้ลูกชายมีความสุขจริง ๆ“ถ้าคุณชายเผยอาการหนัก ก็เรียกหมอได้”ความชอบที่เผยเสวียนมีต่อนาง นางเข้าใจดี แต่นางไม่ได้ชอบอีกฝ่ายเลยเป็นเพื่อนกันได้ แต่หากต้องการการตอบรับ นางไม่สามารถให้ได้“คุณหนูฟู่...” เผยฮูหยินไล่ตามมาถึงประตูก็ยังรั้งเมี่ยชิงหว่านไว้ไม่อยู่ มองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายที่ไม่หันหลังกลับ พลางขมวดคิ้ว“คุณหนูฟู่ผู้นี้ใจร้ายมาก ข้าโน้มน้าวถึงขนาดนี้ นางยังไม่อยู่ต่อ”ถ้าเมี่ยชิงหว่านอยู่ที่นี่คงตกใจมาก เผยฮูหยินเปลี่ยนอากัปกิริยาจากแม่ผู้จนปัญญาเมื่อครู่ กลายเป็นเต็มไปด้วยความโกรธเคืองทันทีเผยเสวียนที่ยังนอนพูดจาเลอะเลือนอยู่บนเตียงเมื่อครู่ก็ลุกขึ้นนั่งเช่นกัน“ท่านแม่ระวังคำพูดด้วย หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง”ที่แท้สองแม่ลูกคู่นี้เส
ทางสายนี้ เว้นเสียแต่ร้านดอกท้อที่มีกิจการเต็มทุกพื้นที่แล้ว ร้านอื่นสองสามแห่งล้วนลำบากมากกู้หว่านเยว่ดื่มชาหนึ่งอึก“กิจการร้านดอกท้อดีเพียงนี้ น่ากลัวว่าร้านขายชาดแห่งอื่นอีกหลายร้านจะต้องนั่งไม่ติดแน่”ชิงเหลียนและหงเจาลำพองใจมาก “พวกเขาร้อนใจไปก็ไม่ได้อะไร ชาดของร้านพวกเราใช้ได้ดีกว่าร้านอื่นมากนัก”ทั้งสองคนพูดไป จู่ๆ ก็เกิดเสียงดังหน้าประตู“ทุกคนอย่าซื้อที่นี่เลย ร้านเพียวเซียงจวีข้างๆ ขายผงหยกนารี หนึ่งกล่องเพียงหนึ่งตำลึงเท่านั้น”วันนี้มิใช่วันที่หนึ่ง และไม่ใช่วันที่สิบห้า ผงหยกนารีของร้านดอกท้อไม่ขายมีคนมากมายล่วงหน้ามาถามถึงผงหยกนารี กลับไม่ได้รับอะไร กำลังผิดหวังอยู่เชียว ก็ได้ยินว่าร้านเพียวเซียงจวีเองก็มีผงหยกนารี แต่ละคนหูตั้งตรง“หนึ่งตำลึง? ผงหยกนารีของร้านดอกท้อตั้งสิบตำลึงนะ”“ความแตกต่างนี้มากเกินไปแล้วกระมัง”“ล้วนเป็นขี้ผึ้งสีขาวเฉกเช่นเดียวกัน แม้แต่กล่องเหล็กก็เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว พวกเราลองไปซื้อดูดีหรือไม่?”ฮูหยินสองสามคนพูดไป จูงมือกันแยกย้ายออกจากร้านดอกท้อ ไปที่ร้านเพียวเซียงจวีทันใดนั้นคนภายในร้านดอกท้อถึงขั้นน้อยลงครึ่งหนึ่งรอยยิ้ม
ถึงตอนนั้น ทุกคนพบว่า ‘ผงหยกนารี’ ของร้านเพียวเซียงจวีเป็นเพียงของหลอกลวงลูกค้า จะต้องกระตุ้นกลุ่มคนอย่างแน่นอน ร้านเพียวเซียงจวีก็ทำได้เพียงยกหินทับเท้าของตนแล้ว“หวังว่าร้านเพียวเซียงจวีจะไม่แกล้งตาย”กู้หว่านเยว่โยน ‘ผงหยกนารี’ ไปที่ด้านข้าง ไม่มีเวลาแม้แต่ชายตาแล หมุนตัวเขียนแผนที่ดินศักดินาหลายวันมานี้ เวลาของนางเกือบถูกใช้ไปจนหมดหลังดอกไม้สดบนที่ดินศักดินาปลูกออกมาแล้ว นางวางแผนสอนคนงานสกัดน้ำมันหอมระเหย ทำน้ำหอมกู้หว่านเยว่นึกถึงภาพในอนาคตภายในสมอง เขียนไปเขียนไปก็หิวบ้างแล้ว ออกจากมิติ“พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่!”ซูจิ่นเอ๋อร์วิ่งพรวดพราดเข้ามา“ภายในเมืองมีร้านอาหารเปิดใหม่แห่งหนึ่ง พวกเราไปกินข้าวด้วยกันเถอะ”สีหน้านางตื่นเต้น ดวงตาทอประกายระยับ เห็นได้ชัดว่ากำลังวางแผนบางอย่างกู้หว่านเยว่แสยะยิ้ม “มีอะไรก็พูดโดยตรง”ซูจิ่นเอ๋อร์จิ้มนิ้วเข้าหากันอย่างเก้อกระดาก “ก็ได้ ร้านอาหารนั้นเป็นข้าเปิดเอง วันนี้ทำการค้าเป็นวันแรก ข้าอยากให้พี่สะใภ้ไปช่วยข้าดูๆ หน่อย...”ก่อนนี้ซูจิ่นเอ๋อร์เคยเอ่ยปากกับตนเรื่องอยากเปิดร้านอาหาร หลังแต่งงานก็ไม่ได้ทิ้งกิจการไป เตรียมการอย
อย่าโหดร้ายเพียงนี้ได้หรือไม่ นางเพิ่งเปิดกิจการวันแรก ร้านก็มีนักฆ่าแล้ว คงไม่คิดทำให้โต๊ะเก้าอี้ที่นางตกแต่งอย่างดีต้องพังลงหรอกกระมังซูจิ่นเอ๋อร์รีบตะโกนใส่บ่าวน้อย “รีบไปแจ้งทางการ”จากนั้นหันมองซ่งรั่วเจินอย่างตื่นเต้น “พี่สะใภ้ใหญ่ ใช่หรือไม่ว่านักฆ่าเหล่านี้โจมตีมาที่ท่าน?”“มองดูแล้วไม่เป็นเช่นนั้น”หากโจมตีมาที่นางจริง ไฉนเลยพวกเขาจะยังมีเวลาเอ้อระเหยอยู่ที่นี่ ต้องบุกเข้ามาฆ่าโดยตรงแล้วอย่างแน่นอน“หงเจา เจ้าคุ้มกันจิ่นเอ๋อร์ให้ดี ชิงเหลียนพวกเราออกไปดูกันเถอะ”กู้หว่านเยว่พาชิงเหลียนออกไป ปรากฏว่าคนชุดดำภายนอกบุกเข้าหาคนภายใน ส่วนคนภายในกลับเป็นคนรู้จักคนหนึ่ง“ชิงหว่าน?”คนชุดดำเหล่านี้ถึงขั้นโจมตีเมี่ยชิงหว่าน“ฮูหยิน จะทำเยี่ยงไร?” ชิงเหลียนเอ่ยถามกู้หว่านเยว่เดินเข้าไปภายใน “พวกเราไปช่วยเถอะ”ในเมื่อเป็นคนรู้จัก ย่อมไม่สามารถเห็นคนใกล้ตายแล้วไม่ช่วยได้ “ฮูหยิน ท่านยืนที่ฝั่งหนึ่งก็พอ ยกให้เป็นหน้าที่บ่าวเองเจ้าค่ะ” แม้กู้หว่านเยว่เดินทางไปทุกหนแห่ง แต่เพิ่งคลอดลูก เรื่องต่อสู้ทำนองนี้ทำร้ายลมปราณ ชิงเหลียนไม่อยากให้นางลงมือ“อืม”กู้หว่านเยว่มองออกว่าค
นางหยิบยาลูกกลอนห้ามเลือดออกมาหนึ่งเม็ด “กินลงไป”“ขอบคุณมากขอรับ”ดวงตาเผยเสวียนทอประกาย กินยาลูกกลอนลงไป เพียงแต่ครู่ต่อมา เขากระอักเลือดออกมาแล้ว แม้แต่ยาลูกกลอนเองก็อาเจียนออกมาด้วยกู้หว่านเยว่ “....”เมี่ยชิงหว่านตำหนิอย่างอดไม่ได้ “ยาลูกกลอนห้ามเลือดนี้เป็นพี่หญิงหว่านเยว่คิดค้นด้วยตนเอง ล้วนให้ท่านห้ามเลือด เหตุใดอาเจียนยาลูกกลอนออกมาแล้วเล่า?”“ขออภัยซูฮูหยิน ข้า ข้าไม่ได้ตั้งใจ...”เผยเสวียนมีท่าทางอ่อนแอ ล้มลงหมดสติภายในอ้อมกอดของเมี่ยชิงหว่านเมี่ยชิงหว่านพูดอะไรไม่ออกอีก รับมือไม่ทันอยู่บ้างบ่าวน้อยข้างกายเขารีบพูด “คุณชายได้รับบาดเจ็บหนักเพียงนี้ ยังพาคนไปส่งที่โรงหมอเถอะ ข้ารู้ว่าละแวกใกล้เคียงนี้มีโรงหมอแห่งหนึ่ง”“เจ้านำทางเถอะ”เมี่ยชิงหว่านรีบสั่งให้คนแบกเผยเสวียน เร่งตามออกไปแล้ว“ซูฮูหยิน บ่าวเองก็ตามคุณหนูไปก่อนแล้วเจ้าค่ะ” เสี่ยวเซียงค้อมตัวกู้หว่านเยว่กลับเรียกนางไว้แล้ว “เสี่ยวเซียง เหตุใดวันนี้คุณหนูของเจ้ามากินข้าวที่จินโหลวได้เล่า?”“อ้อ ก็เพราะคุณชายเผยท่านนั้น พูดว่าขอบคุณคุณหนูของพวกเราที่ช่วยเขาไว้ในภูเขาหิมะ อยากเลี้ยงข้าวคุณหนูให้ได้ คุณ
“เจ้าเป็นใคร?”เขามองกู้หว่านเยว่ด้วยสายตาเย็นชา และมองออกว่า ตรงหน้าคือสตรีผู้หนึ่งสตรีผู้นี้เป็นใครกัน? เข้ามาที่นี่ได้อย่างไร?“รีบปล่อยฝ่าบาทเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้น...”แม่ทัพเกาเถียนมองนางด้วยสายตาเยือกเย็น น้ำเสียงเต็มไปด้วยการข่มขู่ เมื่อเขาโกรธ ดวงตาของเขาดูเหมือนมีน้ำแข็งเกาะอยู่ชั้นหนึ่ง ทำให้ผู้คนอดตัวสั่นไม่ได้กู้หว่านเยว่กลับยิ้มอย่างดูถูก ไม่กลัวเขาแม้แต่น้อย“มิเช่นนั้นแล้วจะทำไม? กษัตริย์ทูเจวี๋ยอยู่ในมือข้าวิชาตัวเบาของเจ้าแม้จะรวดเร็วเพียงใด แต่ก็ไม่เร็วเท่ากริชของข้า”กริชเลื่อนไปมาเบา ๆ บนลำคอของกษัตริย์ทูเจวี๋ย กู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างสดใสรอยยิ้มนี้ทำให้แม่ทัพเกาเถียนตาพร่าไปชั่วขณะ“อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม ห้ามทำอะไรบุ่มบ่ามทั้งนั้น”กษัตริย์ทูเจวี๋ยหวาดกลัวจริง ๆ เขาตกใจกับการกระทำของกู้หว่านเยว่จนแทบแย่เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังปรากฏตัวต่อหน้าท่านยมบาล!“อย่าทำร้ายฝ่าบาท ข้าจะไม่เข้าไป”ในที่สุดแม่ทัพเกาเถียนก็ยอมจำนนสตรีผู้นี้นิสัยแปลกประหลาด ไม่ทำตามแบบแผน เขาไม่สามารถเสี่ยงได้“เจ้าต้องการอะไร เพียงแค่เจ้าปล่อยฝ่าบาท ข้ายินดีทำให้เจ้าทุกอย่าง”เขาพยา
“เรื่องที่ข้าต้องการจะประกาศนั้น เกี่ยวข้องกับรัชทายาทในอนาคต”กษัตริย์ทูเจวี๋ยกัดฟันกรอด“ข้าได้พบที่อยู่ขององค์หญิงเก้าแล้ว และตั้งใจจะมอบตำแหน่งองค์หญิงรัชทายาทให้แก่องค์หญิงเก้า”เขาแทบจะเอ่ยคำเหล่านี้ออกมาทีละคำ ทีละพยางค์แม้ว่าเขาจะวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะหาโอกาสกล่าวถึงเรื่องการแต่งตั้งรัชทายาทแต่ว่านั่นหมายถึงเด็กที่อยู่ในครรภ์ของพระสนมลี่ทว่าตอนนี้กู้หว่านเยว่ได้ทำลายแผนการของเขาอย่างสิ้นเชิง เด็กที่เขาหมายตาไว้ ไม่สามารถขึ้นเป็นรัชทายาทได้อีกต่อไปแล้วเพื่อความปลอดภัยของพระสนมลี่และลูก เขาจำต้องยอมประนีประนอมดวงตาของกษัตริย์ทูเจวี๋ยเปล่งประกายความคับแค้นใจ“อะไรนะ?”แม่ทัพเกาเถียนถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองกษัตริย์ทูเจวี๋ยด้วยความไม่อยากจะเชื่อ และทันใดนั้นก็เห็นสีหน้าผิดปกติของกษัตริย์ทูเจวี๋ยเข้าพอดี“พบองค์หญิงเก้าแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เขาลังเลเล็กน้อย“แต่ก่อนหน้านี้ ท่านสงสัยว่าราชินีและองค์หญิงเก้าคิดก่อกบฏมิใช่หรือ และท่านยังเนรเทศทุกคนในตระกูลกู่ลี่ไปแล้ว”ดวงตาของแม่ทัพเกาเถียนเปล่งประกายความฉลาดเฉลียว ไม่ถูกต้อง เหตุใดคำพูดของฝ่าบาท
“องค์หญิงเก้าพูดความจริง ท่านเป็นคนเลือกตระกูลกู่ลี่เอง ไปหาพวกเขาเอง พวกเขาไม่ได้เป็นฝ่ายคุกคามท่านก่อน”พระสนมลี่รู้สึกตัวเองนั้นน่าขบขันยิ่งนัก นางยังคิดว่ากษัตริย์ทูเจวี๋ยถูกบีบบังคับให้แต่งงานกับราชินี ดังนั้นหลังจากที่นางเข้าวัง นางจึงเห็นราชินีเป็นศัตรูมาโดยตลอด และมักจะสร้างความเดือดร้อนให้กับเสี่ยวถ่านและราชินีเสมอมาพอมาคิดดูตอนนี้ ที่แท้นางต่างหาที่น่ารังเกียจ“เรื่องสำคัญขนาดนี้ เหตุใดฝ่าบาทถึงไม่บอกหม่อมฉัน?”พระสนมลี่รู้สึกผิดหวัง กษัตริย์ทูเจวี๋ยไม่กล้ามองตาของนาง“ลี่เอ๋อร์ ข้า ... ข้าไม่อยากทำลายภาพลักษณ์ในใจของเจ้า”“พระองค์ทำให้หม่อมฉันรู้สึกตัวเองเหมือนเป็นตัวตลก”พระสนมลี่มองกษัตริย์ทูเจวี๋ยด้วยความผิดหวังแวบหนึ่ง กษัตริย์ทูเจวี๋ยเป็นห่วงความรู้สึกของนางจริง ๆ ท่าทีดูอ่อนน้อมยิ่งนัก“ลี่เอ๋อร์ ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้าผิดหวัง”“สิ่งที่พระองค์ไม่อาจสูญเสียได้ไม่ใช่หม่อมฉัน แต่เป็นอำนาจของพระองค์”พระสนมลี่ส่ายหน้า จู่ ๆ นางก็รู้สึกว่านางไม่รู้จักคนที่อยู่ตรงหน้าเลยสักนิดนางไม่เอ่ยสิ่งใด สีหน้าของกษัตริย์ทูเจวี๋ยเคร่งขรึมลงกู้หว่านเยว่มองพระสนมลี่อย่างสูงส
กู้หว่านเยว่รับมาตรวจดูอีกครั้ง จนมั่นใจว่าเนื้อหาในพระราชโองการนั้นไม่มีข้อผิดพลาด จึงยื่นพระราชโองการนั้นให้เสี่ยวถ่าน“เก็บราชโองการนี้ไว้ให้ดี ๆ ต่อไปเจ้าสามารถใช้ของสิ่งนี้ยืนยันสถานะของเจ้าได้”“ขอบคุณ ท่านอาจารย์”เสี่ยวถ่านรับราชโองการอย่างทะนุถนอม และเก็บไว้ในอกเสื้อ นับตั้งแต่บัดนี้ไป มีเพียงท่านอาจารย์ที่ดีกับนางอย่างจริงใจ“ข้าเขียนราชโองการให้พวกเจ้าไปแล้ว ตอนนี้พวกเจ้าก็ปล่อยพระสนมลี่กลับตำหนักของนางได้แล้ว”กษัตริย์ทูเจวี๋ยออกคำสั่งอย่างเคยตัว กู้หว่านเยว่หัวเราะเยาะอย่างไม่ไว้หน้า“ใครบอกว่าพวกเราจะปล่อยนางไปตอนนี้”“พวกเจ้ายังคิดจะทำสิ่งใดอีก?”กษัตริย์ทูเจวี๋ยเริ่มหงุดหงิด เขาเขียนพระราชโองการตามคำสั่งของสองคนนี้แล้ว พวกนางยังคิดจะเล่นตุกติกอะไรอีก?“แม้ว่าท่านจะเขียนพระราชโองการแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าขุนพลเกาเถียนจะยอมรับในพระราชโองการนี้”กู้หว่านเยว่ยกยิ้มบาง ๆ นางไม่ได้โง่ พระราชโองการนี้เป็นแค่เครื่องพิสูจน์ให้เสี่ยวถ่านขึ้นครองบัลลังก์ในอนาคตได้ง่ายขึ้นป้องกันไม่ให้นางโดนกล่าวหาในราชสำนักว่าชิงบัลลังก์แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหากมีพระราชโองการนี้แ
กู้หว่านเยว่ตัดบทพวกเขาอย่างไร้ความปรานี นางไม่มีทางเห็นใจกษัตริย์ทูเจวี๋ยอย่างแน่นอนแม้ว่าเขาจะแต่งงานกับราชินีทูเจวี๋ยแล้วอย่างไรเล่า เป็นสามีภรรยามานานนับสิบปี นึกจะฆ่าก็ฆ่า ไร้ศีลธรรมยิ่งนัก“ฝ่าบาท พระองค์ห้ามเขียนนะเพคะ”พระสนมลี่ส่ายหน้า “อย่าให้พวกเขาเอาหม่อมฉันมาขู่พระองค์ได้”กษัตริย์ทูเจวี๋ยเกิดความลังเล เขาคิดไว้แล้ว ว่าในอนาคตจะยกบัลลังก์ให้กับบุตรที่อยู่ในครรภ์ของพระสนมลี่ หากร่างพระราชโองการนี้ออกมาจริง ๆ แผนการที่ทำมาทั้งหมดของเขาก็ต้องพังทลายลง“ท่านคิดให้ดี ๆ”กริชของกู้หว่านเยว่ขยับเข้ามาใกล้คอของพระสนมลี่ กระทั่งคมมีดบาดคอของนางจนเลือดไหลซึมความจริงแล้วนางไม่ได้อยากฆ่าพระสนมลี่ ถึงอย่างไรเสียบุตรในครรภ์ของนางก็ยังไร้เดียงสา นางแค่อยากขู่กษัตริย์ทูเจวี๋ยเท่านั้นหากกษัตริย์ทูเจวี๋ยให้ความร่วมมือกับนางอย่างว่าง่าย เรื่องหลังจากนี้ก็จะง่ายมากขึ้นเลือดสีแดงของพระสนมลี่ไหลเปื้อนกริช นางกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดกษัตริย์ทูเจวี๋ยแทบใจสลาย “หยุดนะ อย่าทำร้ายนาง”เขามองใบหน้าของพระสนมลี่อย่างรักใคร่ แม้ว่าเขาจะหลงใหลในอำนาจแห่งกษัตริย์ทูเจวี๋ย แต่หากพระสนมลี่แล
“ดูท่าพระสนมลี่ผู้นี้จะเป็นนางในดวงใจของพระองค์นะเพคะ”น้ำเสียงของกู้หว่านเยว่แฝงไปด้วยการข่มขู่ จากนั้นกริชก็ได้พุ่งเข้ามาใส่หน้าของพระสนมลี่พระสนมลี่เป็นคนขี้ขลาด นางกรีดร้องในทันที“ฝ่าบาท ฝ่าบาทช่วยหม่อมฉันด้วย!”“หยุดร้อง หากดึงดูดทหารเข้ามา ข้าจะฆ่าเจ้าเป็นคนแรก”กู้หว่านเยว่กล่าวเตือน พระสนมลี่ตกใจกลัวจนหน้าซีดเผือดกษัตริย์ทูเจวี๋ยรีบกล่าว “อย่าทำร้ายนาง พวกเจ้าอย่าทำร้ายนาง นางกำลังตั้งครรภ์!”นัยน์ตาของเขาเปล่งประกาย เสี่ยวถ่านมองท้องของพระสนมลี่อย่างไม่อยากจะเชื่อ“นางกำลังตั้งครรภ์หรือ?”จู่ ๆ นางก็ได้สติกลับมา จากนั้นก็เปิดจดหมายลับที่กู้หว่านเยว่ให้นางเมื่อครู่ หลังจากที่กวาดสายตาอ่านอย่างละเอียดแล้ว สีหน้าก็พลันซีดเผือดลงในทันที“ดังนั้น เสด็จพ่อ เพื่อจะได้เปิดทางให้เด็กในครรภ์ของพระสนมลี่ พระองค์ถึงกับยอมเสียสละชีวิตของลูกและเสด็จแม่หรือเพคะ?”เสี่ยวถ่านจำได้ขึ้นใจพระสนมลี่มีฐานะยากจน ตระกูลฝ่ายมารดาไร้ซึ่งอำนาจเพราะเหตุนี้ แม้ว่านางจะได้ความรักอย่างลึกซึ้งจากเสด็จพ่อ แต่เสด็จแม่กลับไม่เคยเห็นนางอยู่ในสายตา ฐานะที่ต่ำต้อย ต่อให้ได้รับความโปรดปรานเพียง
กษัตริย์ทูเจวี๋ยรู้สึกกลัวขึ้นมาจริง ๆ นัยน์ตาฉายแววหวาดกลัวกู้หว่านเยว่ตัดนิ้วของเขาอย่างโหดเหี้ยมโดยไม่กะพริบตานั้น นี่ไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะทำได้ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันนั้น กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะได้ล้วงหยิบพระราชโองการออกมาจากห้วงมิติ แล้วโยนให้กษัตริย์ทูเจวี๋ย“เขียน แต่งตั้งให้องค์หญิงเก้าขึ้นเป็นรัชทายาทแห่งทูเจวี๋ย”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นกษัตริย์ทูเจวี๋ยแทบจะตะโกนออกมาในทันที“ไม่ได้! จะยกราชบัลลังก์ให้นางไม่ได้!”สองคนนี้ต้องการให้เขาเขียนพระราชโองการแต่งตั้งองค์รัชทายาท แล้วออกคำสั่งให้ขุนพลเกาเถียนตกอยู่ภายใต้อำนาจของเสี่ยวถ่าน! เลวทรามยิ่งนัก! เขาไม่มีทางเขียนอย่างแน่นอน!นัยน์ตาของกษัตริย์ทูเจวี๋ยวูบไหว อีกอย่างในใจของเขามีตัวเลือกสำหรับตำแหน่งองค์รักชทายาทแล้วกู้หว่านเยว่เข้าใจความคิดของเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง “ท่านคงอยากให้องค์ชายสิบขึ้นเป็นองค์รัชทายาทสินะ?”“เจ้า!” กษัตริย์ทูเจวี๋ยตกใจอย่างมาก นางผู้นี้รู้ได้อย่างไร?“ไม่ใช่!”“ข้าเห็นมันในตอนที่เปิดอ่านจดหมายลับของท่านแล้ว”กู้หว่านเยว่ยื่นจดหมายลับหลายฉบับ
หากเปลี่ยนเป็นเหยลวี่เจิง ต่อให้นิ้วจะถูกตัดจนครบทุกนิ้ว เขาก็ไม่มีวันยอมคุกเข่าร้องขอชีวิตอย่างแน่นอนแม้ว่าเขาจะร้ายกาจและฉลาดแกมโกง แต่กลับยังคงเย่อหยิ่งกษัตริย์ทูเจวี๋ยผู้นี้ กลับเป็นคนรักตัวกลัวตายกษัตริย์ทูเจวี๋ยหน้าแดงเถือกเมื่อเห็นสายตาเยาะเย้ยของกู้หว่านเยว่ แต่เขาไม่อยากตาย ทำได้เพียงฝืนหยิบพู่กันที่วางอยู่ด้านข้างขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดภายใต้แววตาที่เปล่งประกาย ซูจิ่งสิงก็พลันกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก“ข้าว่าทางที่ดีที่สุดท่านควรเชื่อฟังดีกว่า หากกล้าเล่นตุกติกกับข้า โกหกพวกเรา ข้าจะทำให้ท่านทรมานยิ่งกว่าตายเป็นพันเท่า”“พวกเจ้า!”กษัตริย์ทูเจวี๋ยกัดฟันกรอด กระทั่งหางตาของเขาเห็นเสี่ยวถ่านไม่ได้สนใจเขา คาดว่าเด็กคนนี้คงจะตัดหางปล่อยวัดเขาไปแล้วเพื่อชีวิตของตัวเอง เขาทำได้แต่เขียนจดหมายอย่างว่าง่าย เพื่อเรียกคนสนิทเข้าวัง“ที่แท้ขุนพลเกาเถียนผู้นี้ก็เป็นคนของท่านนี่เอง”กู้หว่านเยว่หยิบจดหมายขึ้นมาอ่าน ในตอนที่ได้ยินเสี่ยวถ่านเล่าความเป็นมาของทั้งสี่ตระกูล นางได้ยินชื่อของตระกูลเกาเถียนด้วย“กองกำลังของท่านคงมีไม่น้อย”กู้หว่านเยว่หยิบตราประทับกษัตริย์ออ
สี่ตระกูลนี้ นอกจากตระกูลกู่ลี่ที่โดนเนรเทศแล้ว อีกสามตระกูลที่เหลือ ไม่ว่าจะตระกูลไหนใครก็ล่วงเกินไม่ได้สามตระกูลนี้ล้วนแต่มีองค์ชายที่อยากจะสนับสนุน ดังนั้นเขาไม่มีทางที่ยอมจำนนต่อพวกเขาอย่างแน่นอนเสี่ยวถ่านเดินมาถึงตรงหน้ากู้หว่านเยว่ พลางวิเคราะห์สถานการณ์ในตอนนี้ของสองสามีภรรยานางเริ่มกังวลหลังจากที่กู้หว่านเยว่ฟังจบ นางกลับคลี่ยิ้มและขยี้ปลายจมูก “ใครบอกว่าทั้งสามตระกูลนี้ เจ้าไม่สามารถใช้ประโยชน์จากตระกูลไหนได้เลย?”“หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ?”เสี่ยวถ่านยังไม่ได้สติกลับมาแต่ซูจิ่งสิงกลับเข้าใจความหมายของภรรยา จากนั้นก็ส่ายหน้าด้วยความเอ็นดูสมแล้วที่เป็นภรรยาของเขา และเป็นโจรได้สมบทบาท ชอบปล้นคลังสินค้าของผู้อื่นก็เรื่องหนึ่ง แม้กระทั่งกองกำลังของผู้อื่นที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีนางก็ปล้นชิงไม่มีเหลือ“หากข้าเดาไม่ผิด น้องหญิง เจ้าน่าจะอยากช่วงชิงกองกำลังในมือของกษัตริย์ทูเจวี๋ยมาด้วยสินะ?”ซูจิ่งสิงมองนางด้วยสายตาเปล่งประกาย กู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างเก้อเขิน“ตอบถูก แต่ไม่มีรางวัลให้หรอกนะ”ซูจิ่งสิงคลี่ยิ้มพลางพยักหน้า “วิธีนี้ได้ผลแน่นอน อีกอย่างกษัตริย์ทูเจวี๋ยก็อ