ถึงตอนนั้น ทุกคนพบว่า ‘ผงหยกนารี’ ของร้านเพียวเซียงจวีเป็นเพียงของหลอกลวงลูกค้า จะต้องกระตุ้นกลุ่มคนอย่างแน่นอน ร้านเพียวเซียงจวีก็ทำได้เพียงยกหินทับเท้าของตนแล้ว“หวังว่าร้านเพียวเซียงจวีจะไม่แกล้งตาย”กู้หว่านเยว่โยน ‘ผงหยกนารี’ ไปที่ด้านข้าง ไม่มีเวลาแม้แต่ชายตาแล หมุนตัวเขียนแผนที่ดินศักดินาหลายวันมานี้ เวลาของนางเกือบถูกใช้ไปจนหมดหลังดอกไม้สดบนที่ดินศักดินาปลูกออกมาแล้ว นางวางแผนสอนคนงานสกัดน้ำมันหอมระเหย ทำน้ำหอมกู้หว่านเยว่นึกถึงภาพในอนาคตภายในสมอง เขียนไปเขียนไปก็หิวบ้างแล้ว ออกจากมิติ“พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่!”ซูจิ่นเอ๋อร์วิ่งพรวดพราดเข้ามา“ภายในเมืองมีร้านอาหารเปิดใหม่แห่งหนึ่ง พวกเราไปกินข้าวด้วยกันเถอะ”สีหน้านางตื่นเต้น ดวงตาทอประกายระยับ เห็นได้ชัดว่ากำลังวางแผนบางอย่างกู้หว่านเยว่แสยะยิ้ม “มีอะไรก็พูดโดยตรง”ซูจิ่นเอ๋อร์จิ้มนิ้วเข้าหากันอย่างเก้อกระดาก “ก็ได้ ร้านอาหารนั้นเป็นข้าเปิดเอง วันนี้ทำการค้าเป็นวันแรก ข้าอยากให้พี่สะใภ้ไปช่วยข้าดูๆ หน่อย...”ก่อนนี้ซูจิ่นเอ๋อร์เคยเอ่ยปากกับตนเรื่องอยากเปิดร้านอาหาร หลังแต่งงานก็ไม่ได้ทิ้งกิจการไป เตรียมการอย
อย่าโหดร้ายเพียงนี้ได้หรือไม่ นางเพิ่งเปิดกิจการวันแรก ร้านก็มีนักฆ่าแล้ว คงไม่คิดทำให้โต๊ะเก้าอี้ที่นางตกแต่งอย่างดีต้องพังลงหรอกกระมังซูจิ่นเอ๋อร์รีบตะโกนใส่บ่าวน้อย “รีบไปแจ้งทางการ”จากนั้นหันมองซ่งรั่วเจินอย่างตื่นเต้น “พี่สะใภ้ใหญ่ ใช่หรือไม่ว่านักฆ่าเหล่านี้โจมตีมาที่ท่าน?”“มองดูแล้วไม่เป็นเช่นนั้น”หากโจมตีมาที่นางจริง ไฉนเลยพวกเขาจะยังมีเวลาเอ้อระเหยอยู่ที่นี่ ต้องบุกเข้ามาฆ่าโดยตรงแล้วอย่างแน่นอน“หงเจา เจ้าคุ้มกันจิ่นเอ๋อร์ให้ดี ชิงเหลียนพวกเราออกไปดูกันเถอะ”กู้หว่านเยว่พาชิงเหลียนออกไป ปรากฏว่าคนชุดดำภายนอกบุกเข้าหาคนภายใน ส่วนคนภายในกลับเป็นคนรู้จักคนหนึ่ง“ชิงหว่าน?”คนชุดดำเหล่านี้ถึงขั้นโจมตีเมี่ยชิงหว่าน“ฮูหยิน จะทำเยี่ยงไร?” ชิงเหลียนเอ่ยถามกู้หว่านเยว่เดินเข้าไปภายใน “พวกเราไปช่วยเถอะ”ในเมื่อเป็นคนรู้จัก ย่อมไม่สามารถเห็นคนใกล้ตายแล้วไม่ช่วยได้ “ฮูหยิน ท่านยืนที่ฝั่งหนึ่งก็พอ ยกให้เป็นหน้าที่บ่าวเองเจ้าค่ะ” แม้กู้หว่านเยว่เดินทางไปทุกหนแห่ง แต่เพิ่งคลอดลูก เรื่องต่อสู้ทำนองนี้ทำร้ายลมปราณ ชิงเหลียนไม่อยากให้นางลงมือ“อืม”กู้หว่านเยว่มองออกว่าค
นางหยิบยาลูกกลอนห้ามเลือดออกมาหนึ่งเม็ด “กินลงไป”“ขอบคุณมากขอรับ”ดวงตาเผยเสวียนทอประกาย กินยาลูกกลอนลงไป เพียงแต่ครู่ต่อมา เขากระอักเลือดออกมาแล้ว แม้แต่ยาลูกกลอนเองก็อาเจียนออกมาด้วยกู้หว่านเยว่ “....”เมี่ยชิงหว่านตำหนิอย่างอดไม่ได้ “ยาลูกกลอนห้ามเลือดนี้เป็นพี่หญิงหว่านเยว่คิดค้นด้วยตนเอง ล้วนให้ท่านห้ามเลือด เหตุใดอาเจียนยาลูกกลอนออกมาแล้วเล่า?”“ขออภัยซูฮูหยิน ข้า ข้าไม่ได้ตั้งใจ...”เผยเสวียนมีท่าทางอ่อนแอ ล้มลงหมดสติภายในอ้อมกอดของเมี่ยชิงหว่านเมี่ยชิงหว่านพูดอะไรไม่ออกอีก รับมือไม่ทันอยู่บ้างบ่าวน้อยข้างกายเขารีบพูด “คุณชายได้รับบาดเจ็บหนักเพียงนี้ ยังพาคนไปส่งที่โรงหมอเถอะ ข้ารู้ว่าละแวกใกล้เคียงนี้มีโรงหมอแห่งหนึ่ง”“เจ้านำทางเถอะ”เมี่ยชิงหว่านรีบสั่งให้คนแบกเผยเสวียน เร่งตามออกไปแล้ว“ซูฮูหยิน บ่าวเองก็ตามคุณหนูไปก่อนแล้วเจ้าค่ะ” เสี่ยวเซียงค้อมตัวกู้หว่านเยว่กลับเรียกนางไว้แล้ว “เสี่ยวเซียง เหตุใดวันนี้คุณหนูของเจ้ามากินข้าวที่จินโหลวได้เล่า?”“อ้อ ก็เพราะคุณชายเผยท่านนั้น พูดว่าขอบคุณคุณหนูของพวกเราที่ช่วยเขาไว้ในภูเขาหิมะ อยากเลี้ยงข้าวคุณหนูให้ได้ คุณ
“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง? นักฆ่าเหล่านั้นทำร้ายเจ้าหรือไม่ ให้ข้าดูเร็วเข้า”ท่าทางนั้นของซูจิ่งสิง ร้อนใจจนเกือบดึงกู้หว่านเยว่ขึ้นแล้ว“ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่หัวเราะ มองเหงื่อเม็ดโตเต็มศีรษะซูจิ่งสิง หยิบผ้าเช็ดหน้าช่วยเขาเช็ด“มีองครักษ์จันทราอยู่ ท่านกังวลอะไรข้ากันเล่า?”สีหน้าซูจิ่งสิงแดงเรื่อ“ก็ไม่รู้เพราะเหตุใด ว้าวุ่นไปชั่วขณะ”วันนี้เขาอยู่ในค่ายทหารตลอดเวลา เพิ่งกลับถึงบ้าน บ่าวรับใช้ก็รายงานข่าวนี้แก่เขา“ข้าให้ห้องครัวเล็กเตรียมของกินให้ท่านสักหน่อย”กู้หว่านเยว่เดาว่าเขาเพิ่งกลับมาถึง จะต้องยังไม่ได้กินมื้อเย็น“ซูจิ่นเอ๋อร์เด็กคนนี้ อยู่ดีๆ ก็เรียกเจ้าไปกินข้าวที่ร้านอาหารเสียได้”ซูจิ่งสิงยังกังวลเรื่องนักฆ่า ทำให้กู้หว่านเยว่ช่วยพูดแทนจิ่นเอ๋อร์สองประโยค“ร้านอาหารนั้นเป็นจิ่นเอ๋อร์แอบเปิด นางเชิญข้าไปช่วยดู ก็โชคร้ายจริง เพิ่งเปิดกิจการเพียงวันเดียวก็พบนักฆ่าแล้ว”“นางเล่นอะไร?”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้ว ไม่แปลกที่เขาคิดเช่นนี้ ก่อนนี้ซูจิ่นเอ๋อร์ไม่น่าเชื่อถือมากเกินไปจู่ๆ ก็โตขึ้น ทำให้คนไม่คุ้นชิน“ข้าจะให้คนสืบเรื่องนักฆ่าเหล่านั้นดีๆ”ซูจิ่งสิงเ
ก่อนนี้พวกเขาล้วนอาศัยหลี่เฉินอันมาควบคุมเจดีย์หนิงกู่ บัดนี้เจดีย์หนิงกู่สามารถตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกเขาได้ ให้เขาเป็นคนควบคุมดูแล ก็ย่อมสะดวกไม่น้อย“ใช่แล้ว อาการบาดเจ็บของจื่อชิงเป็นเช่นไร?”ซูจิ่งสิงยุ่งอยู่กับงาน ห่วงใยอาการบาดเจ็บของน้องชายตนขึ้นมาอย่างอดไม่ได้สองวันมานี้เขามิได้ไปเยี่ยมอีกฝ่ายที่เรือนด้านข้าง มิใช่เพราะไม่ห่วงใยอีกฝ่าย เพียงแต่กังวลหากได้เห็นท่าทางหมดอาลัยตายอยากของอีกฝ่ายอีกครั้ง จะโมโหขึ้นมา“บาดแผลกลับดีขึ้นไม่น้อยแล้ว เดิมทีก็ไม่ได้บาดเจ็บลึกถึงกระดูกเส้นเอ็น ใส่ยาแล้วระดับเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติก็ดีขึ้นไม่น้อย ต่อจากนี้ก็รอเพียงเวลารักษาให้หายดี”กู้หว่านเยว่เงียบลงครู่หนึ่ง“แต่บาดแผลภายนอกเป็นเรื่องเล็ก ข้าเห็นเขาเจ็บปวดภายในใจอย่างแท้จริง ท่านเองก็รู้เรื่องของเขา...”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้ว “เรื่องนี้ไม่ใช่ข้าและเจ้าสามารถจัดการได้ หากเขาเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง ก็สมควรไปบอกความในใจของตนต่อฝ่ายหญิง ในเมื่อเขาไม่กล้าไป เช่นนั้นตอนนี้จะเป็นจะตายก็สมควรแล้ว ใครให้เขาอดกลั้นไว้เองเล่า”กู้หว่านเยว่ได้ยินถ้อยคำนี้ก็หัวเราะออกมาอย่างสุดระงับ แม้คำพูดหยาบกระด้างเ
“เสี่ยวจ้านจ้าน ย่าไปเลี้ยงหมูแล้ว ภายภาคหน้าจะทำหมูหันให้เจ้ากิน”นางหยางอุ้มจ้านจ้านหอมแล้วหอมอีก นางมิอาจหักใจออกห่างจากจ้านจ้าน เลี้ยงหมูก็หมายความว่าไม่มีเวลาเลี้ยงเด็กอีก“อืม?”เสี่ยวจ้านจ้านได้ยินว่าหมูหัน ดวงตาทอประกายแต่เจ้าเด็กตัวเหม็นคนนี้เป็นคนหน้าตายคล้ายบิดาเขา อารมณ์บนใบหน้ายังไม่เปลี่ยนไปหมูหันๆๆ...ดีที่สุดคือโรยผงยี่หร่าลงไป เขาชอบกินหมูหันที่ท่านแม่ทำที่สุดเลย! ในอดีต“หว่านเยว่ รอฟาร์มหมูเปิดแล้ว เจ้ารับกำไรหกส่วน”นางหยางพูดอย่างกะทันหัน ทำเสียจนกู้หว่านเยว่แปลกใจ“ท่านแม่ ท่านและท่านพ่อเป็นคนเลี้ยงหมู ข้าจะรับได้อย่างไร?”นางเองก็ไม่ขาดเงินเลี้ยงหมูแค่นี้เสียหน่อย ไม่จำเป็นเลยจริงๆ“เรื่องนี้แม่ตัดสินใจแล้ว เจ้าไม่ต้องใส่ใจ”สายตานางหยางหนักแน่นก่อนนี้นางก็ปรึกษากับซูจิ้ง รอเลี้ยงหมูได้เงิน แบ่งครึ่งหนึ่งให้กู้หว่านเยว่ครอบครัวของพวกเขาสามารถเดินมาถึงวันนี้ได้ ทั้งหมดล้วนพึ่งพาสะใภ้หากต้องคำนวณดูจริงๆ พวกเขาทั้งครอบครัวติดหนี้บุญคุณหว่านเยว่ ชดใช้ทั้งชาติก็ไม่หมดยิ่งไปกว่านั้นหว่านเยว่ยังคลอดลูกตัวอ้วนใหญ่ออกมาให้จิ่งสิง หากองค์รัชทายาทและพระช
“ข้า ข้า...” เห็นได้ชัดว่าสีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าซูคล้ายไม่ดีใจ“ท่านแม่?”ซูจิ้งขมวดคิ้ว ฮูหยินผู้เฒ่าซูไม่ชอบเขามาโดยตลอด“เจ้าสาม เจ้ายังเหม่ออะไร ท่านแม่จะต้องอาการกำเริบอย่างแน่นอนเจ้ารีบยกท่านแม่เข้าไป เชิญหมอมา”ซูหัวหยางวางอำนาจของพี่ชายคนโต ทำเสียจนกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงขมวดคิ้ว“ใช่แล้ว เตรียมอาหารหนึ่งโต๊ะ เตรียมสุราให้ข้าสักหน่อย พวกเราไม่ได้กินข้าวหลายวันแล้ว”“ท่านพี่ อย่าสนใจพวกเขา”นางหยางกระซิบเสียงค่อย กังวลซูจิ่งสิงจะโมโหสรุปคือถูกซูหัวหยางสบถด่า “น้องสะใภ้สาม เจ้าไม่ได้เรื่องเกินไปแล้ว นี่คือท่านแม่ของพวกเรา มีเจ้าหญิงพรรค์นี้ ถึงสั่งสอนจิ่งสิงจนเหลวไหล ข้าจะให้เจ้าสามหย่ากับเจ้า”“ท่าน...”นางหยางอึดอัดใจตาแดงแล้ว สำคัญคือกลัวซูจิ้งจะเชื่อคำพูดของสกุลซู หย่านางเพียงซูจิ้งได้ยินว่าให้หย่าภรรยาสีหน้าก็เปลี่ยนไป รีบหยิบกระดาษพู่กันขึ้นมาเขียน“พวกท่านไปเถอะ ข้าไม่สนใจ”“เจ้าสาม เจ้าถึงขั้นไม่สนใจ? นี่คือแม่แท้ๆ ของเจ้านะ เจ้าใจดำอำมหิตเกินไปแล้ว!”ซูหัวหยางกระทืบเท้า สบถด่า“จิ่งสิงเด็กคนนี้เลี้ยงเสียข้าวสุก ที่แท้ก็เหมือนเจ้านี่เอง!”เขานั่งลงหน้าปร
“เจ้า เจ้าพูดเหลวไหลอะไร ไม่ใช่แม่แท้ๆ อะไร ข้าก็คือแม่แท้ๆ ของเจ้าสาม”ฮูหยินผู้เฒ่าซูที่กำลังป่วยเกินเยียวยามีแรงขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทว่าเสียงนั้น ฟังอย่างไรก็คล้ายกำลังร้อนตัวเดิมทีซูจิ้งคิดว่าลูกสะใภ้พูดเหลวไหล หันมองทางฮูหยินผู้เฒ่าซูอย่างอดไม่ได้“ท่านแม่ ท่านไม่ใช่แม่แท้ๆ ของข้าจริงหรือ?”“ท่านพ่อ ตอนท่านยังเด็กใช่หรือไม่ว่ามีแม่นมท่านหนึ่ง?”กู้หว่านเยว่เองก็ไม่มั่นใจมาก แต่จำได้ว่าภายในหนังสือมีบทนี้จริง“มีแม่นมท่านหนึ่งจริง แต่ว่า...” ซูจิ้งย้อนคิด เรื่องตอนเด็ก ตอนนี้เขาจำได้ไม่ชัดเจนแล้ว“ตอนข้าสามขวบ นางก็กลับบ้านเดิมไปแต่งงานแล้ว”ตอนนั้นซูจิ้งเสียใจมากเพราะนับตั้งแต่เขาคลอดออกมา ก็ไม่ได้รับการต้อนรับจากฮูหยินผู้เฒ่าซู ปกติก็โยนเขาให้แม่นมชนิดที่ว่าสิบวันจนถึงครึ่งเดือนก็ล้วนไม่สนใจเขาดังนั้นตอนซูจิ้งยังเด็ก เกือบเป็นแม่นมท่านนั้นเลี้ยงจนโตเขาจำได้ ตอนนั้นหลังแม่นมกลับบ้านไปแต่งงาน เขายังร้องไห้ระยะหนึ่งสรุปคือฮูหยินผู้เฒ่าซูสั่งคนตีเขาหนึ่งยก เรื่องนี้ถึงผ่านไป“แต่งงาน? ตอนนี้นางอาจยังอยู่ในบ่อน้ำที่สวนดอกไม้ด้านหลังเรือนสกุลซู...”ภายในหนังสือ ฮูห
กู้หว่านเยว่แจ้งรายชื่ออาหารห้าหกรายการติดต่อกัน บริกรดีใจจนยิ้มไม่หุบ“ได้ขอรับ นายท่านกรุณารอสักครู่ อีกครึ่งชั่วยาม ข้าน้อยจะนำอาหารไปส่งที่ห้องพักของนายท่าน”“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”กู้หว่านเยว่ยื่นเงินให้ แล้วหันหลังเดินขึ้นบันไดไปแต่ในขณะที่เดินผ่านห้องพัก กลับได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากข้างใน“...จำไว้นะ ลงมือทันทีที่ฟ้ามืด สังหารเยียนอวิ๋นชูได้เลย”ชื่อที่คุ้นเคยทำให้กู้หว่านเยว่ชะงักฝีเท้า รีบหลบไปแอบฟังอยู่ข้าง ๆ“เจ้าจัดเตรียมข้าวของทุกอย่างพร้อมแล้วหรือยัง?”“จัดเตรียมพร้อมแล้ว ไม่เห็นหรือ นี่คือหนังสือที่เขียนด้วยเลือด ข้าให้คนเขียนเลียนแบบลายมือของเยียนอวิ๋นชู”ชายคนหนึ่งในนั้นกล่าวอย่างภาคภูมิใจแค่เพียงเยียนสือซานได้เห็นหนังสือเลือดเล่มนี้ ก็จะระบุตัวฆาตกรว่าเป็นซูจิ่งสิง แล้วก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเราอีกในใจของกู้หว่านเยว่เริ่มเกิดคลื่นถาโถม ชายสองคนที่วางแผนลับอยู่ในห้องคือใครกัน พวกเขาต้องการฆ่าเยียนอวิ๋นชู ซ้ำยังจะโยนบาปนี้มาให้ซูจิ่งสิงอีก?เพื่อความปลอดภัย กู้หว่านเยว่ไม่ได้บุกเข้าไปในห้อง แล้วจับกุมพวกเขาในทันทีแต่เจาะหน้าต่างอย่างระ
รถเข็นของใครคนหนึ่ง พุ่งเข้ามาหากู้หว่านเยว่อย่างควบคุมไม่ได้สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไปทันที ถ้ารถเข็นคันนี้ชนตัวนาง นางต้องเอวหักแน่ในช่วงเวลาสำคัญ นางเปิดใช้งานความสามารถพิเศษ ถึงพอจะหยุดรถเข็นเอาไว้ได้“ทำไมท่านไม่ระวังหน่อย เกือบจะชนพี่รองของข้าแล้ว!”เสี่ยวถ่านตกใจจนดึงกู้หว่านเยว่มาตรวจดู“ไม่เป็นไรเสี่ยวถ่าน เขาพิการ ควบคุมรถเข็นไม่ได้”กู้หว่านเยว่เป็นคนใจดีอยู่แล้ว ไม่ถือสาชายผู้นั้น ไม่นึกว่าชายผู้นั้นกลับจ้องเขม็งใส่นางอย่างดุร้าย“เจ้าว่าใครพิการนะ?”เสียงอันโกรธเกรี้ยวทำให้กู้หว่านเยว่จ้องมองเขาอย่างจริงจัง ถึงพบว่าเขาเป็นผู้ชายที่หล่อเหลามากคนหนึ่งเพียงแต่ใบหน้าของชายผู้นั้นเฉยเมย คนที่ไม่รู้เรื่องยังนึกว่านางติดหนี้เขาหลายล้าน“ท่านเป็นคนชนพี่รองของข้าแท้ ๆ ทำไมยังดุร้ายกับพี่รองของข้าอีก?”แม้ว่าเสี่ยวถ่านจะขี้ขลาด แต่หากเป็นเรื่องของกู้หว่านเยว่ นางจะขึ้นมาอยู่แถวหน้าชายผู้นั้นกลับมองไปที่กู้หว่านเยว่ “ขอโทษข้าด้วย”สายตาที่แข็งกร้าวของเขาทำให้กู้หว่านเยว่พูดไม่ออกแต่เมื่อมองไปยังขาทั้งสองที่พิการของเขา ก็พอจะเข้าใจได้บ้างคนประเภทนี้มีความนับถื
และศัตรูของศัตรูก็คือมิตรเหยลวี่เจิงมีความแค้นที่สังหารมารดาของเสี่ยวถ่าน เก็บเสี่ยวถ่านไว้ก็ไม่เสียหายอะไร“พี่หญิงกู้ ทะ ท่านไม่กลัวว่าข้าจะทำให้ท่านเดือดร้อนหรือ?”“ถ้ากลัวว่าเจ้าจะทำให้ข้าเดือดร้อนจริง ๆ ข้าก็คงทิ้งเจ้าไว้ที่โรงเตี๊ยมในเมืองชิงซานตั้งแต่แรกแล้ว ปล่อยให้เจ้าเอาตัวรอดเอง จะพาเจ้าออกมาทำไมกัน”กู้หว่านเยว่หุบยิ้ม เด็กคนนี้ดีใจจนเสียสติไปแล้วหรือ?เสี่ยวถ่านก็รู้สึกตัว เอามือลูบศีรษะด้วยความเขินอายหลังจากที่ตื่นเต้นดีใจจนลืมตัวไป นางรีบคุกเข่าลงต่อหน้ากู้หว่านเยว่“พี่หญิงกู้ บุญคุณที่ท่านช่วยชีวิตเสี่ยวถ่าน เสี่ยวถ่านจะจดจำไว้ในใจ หากมีโอกาสในภายภาคหน้า ข้าจะตอบแทนท่านอย่างแน่นอน”เสี่ยวถ่านรีบคุกเข่าลงกับพื้น โขกศีรษะลงคำนับกู้หว่านเยว่อย่างจริงจังสองครั้งกู้หว่านเยว่พิจารณารูปลักษณ์ของนาง แม้จะสวมชุดผู้ชายอยู่ แต่เมื่อใบหน้าเล็ก ๆ นั้นสะอาดสะอ้านแล้ว มองอย่างไรก็เป็นเด็กผู้หญิงชัด ๆ “เจ้าแต่งตัวแบบนี้ไม่ได้ หากเจอทหารตรวจจะถูกเปิดเผยตัวตนได้ง่าย ๆ ข้าช่วยปลอมตัวให้เจ้าดีกว่า”กู้หว่านเยว่เปิดกล่องยา หยิบอุปกรณ์ปลอมตัวออกมา นางลงมือจัดการใบหน้าของเสี่ยวถ
ก่อนหน้านี้ เสี่ยวถ่านเป็นเพียงแค่เด็กที่ไร้ซึ่งความกังวลใด ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างเสด็จพ่อและเสด็จแม่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เสี่ยวถ่านก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ“ต่อมา ข้าก็ไม่รู้ว่าแม่ทัพเหยลวี่เจิงไปพูดอะไรกับเสด็จพ่อเสด็จพ่อจึงส่งข้าและเสด็จแม่ไปที่เมืองเทียนสุ่ย”“เมืองเทียนสุ่ย?” ดวงตาดำขลับของซูจิ่งสิงเผยความตกตะลึง แล้วอธิบาย “ได้ยินมาว่าเมืองเทียนสุ่ยขาดแคลนเสบียงอาหาร สิ่งของเครื่องใช้ สภาพแวดล้อมที่นั่นเลวร้ายยิ่งกว่าเจดีย์หนิงกู่เสียอีก”“ท่านพูดถูก ตอนที่ข้าได้ยินว่าเสด็จพ่อจะส่งพวกเราไปที่เมืองเทียนสุ่ย ปฏิกิริยาแรกของข้าคือการปฏิเสธ ข้าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเสด็จพ่อถึงทำแบบนี้กับพวกเรา น่าเสียดาย ข้าอ้อนวอนมากเท่าไร เสด็จพ่อก็ไม่สนใจ เขายังคงส่งข้าและเสด็จแม่ไปที่เมืองเทียนสุ่ย”เสี่ยวถ่านยิ้มอย่างขมขื่น“หลังจากมาถึงเมืองเทียนสุ่ย ข้ากับเสด็จแม่ก็ถูกจับตามองตลอดเวลา”คงเป็นเพราะเสด็จแม่รู้สึกถึงอันตราย ตระหนักว่าตัวเองอาจประสบภัยได้ทุกเมื่อ จึงไม่ปกป้องข้าเหมือนเมื่อก่อน และเล่าทุกอย่างให้ข้าฟัง”ที่แท้เสด็จแม่ของเสี่ยวถ่านเป็นคนสกุลชุย ซึ่งสกุลชุยและสกุลเห
นี่มันของขวัญบ้าบออะไรกัน หากท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิงได้รับของขวัญชิ้นนี้จริง ๆ เขาจะโมโหอย่างรุนแรงแค่ไหนกัน“จับพวกเขาไว้ ไม่ ฆ่าพวกเขาไปเลย รีบฆ่าพวกเขาสองคนเสีย!”เจ้าเมืองชิงซานตะโกนอย่างบ้าคลั่งตอนนี้หนทางรอดเดียวของเขา คือต้องจับตัวฆาตกรสองคนนี้มาให้ได้ แล้วนำศพของพวกเขาไปมอบให้ท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิง บางทีอาจจะช่วยระงับความโกรธของแม่ทัพเหยลวี่เจิง และรักษาศีรษะของเขาไว้ได้“ท่านพี่ ไปกัน!”กู้หว่านเยว่แค่อยากยั่วโมโหเจ้าเมืองชิงซานสักหน่อย ไม่ได้อยากจะเผชิญหน้ากับเขาตรง ๆ นางยังต้องรีบไปที่เมืองอูถ่านเพื่อจัดการเหยลวี่เจิงอย่างไรเล่าซูจิ่งสิงได้รับคำสั่งจากนาง ปลายเท้าแตะพื้น โอบเอวบางของนางไว้ด้วยมือเดียว จากนั้นทะยานหายไปในความมืดมิด ทิ้งไว้เพียงเสียงกรีดร้องของเจ้าเมืองชิงซานหลังจากที่ทั้งสองคนออกจากโรงเตี๊ยมแล้ว พวกเขาไม่ได้ออกจากเมืองชิงซานในทันที แต่กลับมุ่งหน้าไปยังจวนเจ้าเมืองก่อนตามความเคยชิน กู้หว่านเยว่จึงไปที่ห้องเก็บของเพื่อกวาดทรัพย์สินก่อน กวาดเอาของทุกอย่างในจวนเจ้าเมืองจนหมดเกลี้ยง จากนั้นจึงค่อยจากไปอย่างพึงพอใจเมื่อเจ้าเมืองชิงซานพบว่าบ้านของเขาถูกขโ
แม้จะไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรออกไปตอนที่หมดสติ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงแล้ว เหยลวี่หมิงก็เดาว่าตัวเองคงเผลอพูดอะไรบางอย่างที่ไม่ควรพูดออกไป“พวกเจ้าสองคนต่ำช้าเกินไปแล้ว!”“กลศึกสงคราม ย่อมมีการใช้กลอุบาย หากจะว่ากันด้วยเรื่องความต่ำช้า ใครจะไปเทียบพี่ใหญ่ของเจ้าได้?”กู้หว่านเยว่เบ้ปาก พวกเขาไม่เคยคิดจะไปเล่นสกปรกใส่เหยลวี่เจิงก่อนเลยสักครั้ง กลับกัน เหยลวี่เจิงต่างหากที่จ้องจะเล่นงานพวกเขาไม่ปล่อยพวกเขาแค่โต้กลับเท่านั้นเอง“พวกเจ้าอย่าเพิ่งดีใจไป รอให้พี่ใหญ่ของข้าเจอพวกเจ้าเมื่อไร จะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าได้อยู่อย่างสงบสุขแน่!” เหยลวี่หมิงตวาดลั่น พร้อมกับจ้องเขม็งไปที่ทั้งสองคนด้วยสายตาอาฆาต“ถ้าไม่อยากถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ ข้าขอแนะนำให้พวกเจ้ารีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้...อ๊าก!”สำหรับคุณชายจอมเสเพลใจคอโหดเหี้ยมเช่นนี้ ซูจิ่งสิงไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย จัดการปลิดชีพเขาในทันที“สกปรกจริง ๆ โยนเขาออกไปจากมิติ”กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ พลางลากศพของเหยลวี่หมิงออกไปจากมิติเวลานี้ เจ้าเมืองชิงซานกำลังนำทหารใต้บังคับบัญชาออกค้นหาทั่วโรงเตี๊ยมอย่างไร้จุดหมายคิ้วของ
“อะไรนะ?!”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงต่างตกตะลึง ทั้งสองคนไม่คิดเลยว่าซูจิ่นเอ๋อร์และฟู่หลานเหิงจะไม่ได้อยู่ในมือของเหยลวี่เจิง สวรรค์ จะให้ตื่นเต้นกันไปถึงไหน พวกเขาเสียแรงเปล่าแล้วหรือ?“พวกเขาถูกใครชิงตัวไป?”“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เหมือนจะเป็นชายผมขาวคนหนึ่ง”เหยลวี่หมิงส่ายหัว กู้หว่านเยว่แสดงสีหน้างุนงง ชายผมขาว? ใต้หล้านี้มีคนผมขาวมากมายเหลือเกิน พวกเขาจะไปหาที่ไหน?แต่ขอแค่รู้ว่าซูจิ่นเอ๋อร์และฟู่หลานเหิงปลอดภัย ทั้งสองคนก็วางใจลงได้บ้างแล้ว“พี่ใหญ่ของเจ้าวางกับดักอะไรไว้ที่เมืองอูถ่าน?”ถึงแม้ว่าซูจิ่นเอ๋อร์จะไม่ได้อยู่ในมือของเหยลวี่เจิง แต่หลังจากที่สองสามีภรรยาปรึกษากันแล้ว ก็ตัดสินใจว่าในเมื่อมาถึงทูเจวี๋ยแล้ว ก็ไม่ควรพลาดโอกาสที่จะไปเยือนเมืองอูถ่านสักครั้งอย่างแรก เพื่อกำจัดเหยลวี่เจิงซึ่งเป็นภัยอันตรายที่ซ่อนเร้นนี้อย่างที่สอง กู้หว่านเยว่ตั้งใจจะพาสัตว์น้ำแข็ง ไปตามหาดอกน้ำแข็งนิล“พี่ใหญ่ได้ยาพิษชนิดหนึ่งมาจากหมอผี ได้ยินมาว่ายาพิษชนิดนั้นแค่ได้กลิ่น ถึงแม้จะเป็นยอดฝีมือผู้มีวรยุทธ์สูงส่ง ก็จะสูญเสียพลังทั้งหมดในชั่วพริบตานอกจากนี้ พี่ใหญ่ยังได้จ้างมือสังห
การคาดเดาเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การยืนยันให้แน่ชัดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งใบหน้าของเหยลวี่หมิงแสดงความตกตะลึงอย่างมาก ในเมื่อคู่สามีภรรยาที่อยู่ตรงหน้า คือคนที่ทุบตีเขาที่ตลาดและเป็นคนที่วางเพลิงในเมืองสือโม่เมื่อคืนนี้ถ้าเช่นนั้น ตัวตนของพวกเขาก็คือเจิ้นเป่ยอ๋องและพระชายาแห่งต้าฉีใช่หรือไม่?!“เจ้าเดาถูกแล้ว ข้าคือพระชายาเจิ้นเป่ยอ๋องจริง ๆ และคนที่อยู่ข้าง ๆ ข้า ก็คือเจิ้นเป่ยอ๋อง ศัตรูตัวฉกาจของพี่ชายเจ้า”กู้หว่านเยว่ยิ้มเล็กน้อย ช่วยไขข้อข้องใจให้เขาด้วยความใจดี ถึงอย่างไรเหยลวี่หมิงก็ต้องตายอยู่แล้ว กู้หว่านเยว่จึงไม่รังเกียจที่จะบอกความจริงกับเขาคราวนี้ เหยลวี่หมิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป“ซูจิ่งสิง กู้หว่านเยว่ เป็นพวกเจ้าจริง ๆ !”พระเจ้า ทั้งสองคนนี้เพิ่งจะมาที่แคว้นทูเจวี๋ย ก็ก่อเรื่องใหญ่โตขนาดนี้แล้วทันใดนั้น เขาเริ่มสงสัยว่าพี่ใหญ่วางกับดักล่อพวกเขามาที่นี่ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องจริง ๆ หรือ?คงไม่ใช่การเชื้อเชิญหมาป่าเข้าบ้านหรอกนะ?กู้หว่านเยว่ไม่ลังเลที่จะปล่อยหมัดใส่เหยลวี่หมิงอย่างไร้ความปรานี จนอีกฝ่ายตาพร่ามัวไปหมด“ข้าถามเจ้า ซูจิ่นเอ๋อร์และฟู
กู้หว่านเยว่เอ่ยถามด้วยความสงสัย เสี่ยวถ่านยิ้มอย่างขมขื่น“เรื่องนี้ค่อนข้างยาว พวกเราถูกคนใส่ร้าย เสด็จแม่ของข้า...นางถูกฆ่าตาย ข้าหนีรอดออกมาได้อย่างยากลำบาก”เมื่อพูดถึงเสด็จแม่ เสี่ยวถ่านขอบตาแดงก่ำพยายามฝืนเช็ดน้ำตา ไม่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมากู้หว่านเยว่นึกขึ้นได้ทันที ก่อนหน้านี้นางและซูจิ่งสิงได้ยินจากตอนที่อยู่ในห้องของเหยลวี่หมิงว่า เสด็จแม่ขององค์หญิงเก้าถูกไฟคลอกตายแล้วมีเพียงองค์หญิงเก้าเท่านั้นที่หนีรอดออกมาได้ฟังจากน้ำเสียงขององค์หญิงเก้าแล้ว เสด็จแม่ของนางน่าจะเป็นราชินีของกษัตริย์ทูเจวี๋ย ราชินีผู้สูงศักดิ์กลับถูกไฟคลอกตาย ส่วนองค์หญิงก็ถูกตามล่า พวกเขาทำผิดอะไรกันแน่?ถึงแม้ว่านางจะมีข้อสงสัยมากมายในใจ แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะซักถาม ทหารข้างล่างกำลังจะล้อมพวกเขาขึ้นมาแล้ว“ไว้ค่อยอธิบายให้ข้าฟังทีหลัง ตอนนี้ เราต้องหนีออกไปจากที่นี่ก่อน”กู้หว่านเยว่ใช้สันมือสับไปที่คอของเสี่ยวถ่าน จากนั้นก็โบกมือ เก็บนางเข้าไปในมิติ“ท่านพี่ เราไปหาเหยลวี่หมิงกันเถอะ!”เหยลวี่หมิงอยากจะตามล่าพวกเขามิใช่หรือ เช่นนั้นพวกเขาก็จะสั่งสอนเขาสักหน่อย“ตกลง” ซูจิ่ง