“เจ้า เจ้าพูดเหลวไหลอะไร ไม่ใช่แม่แท้ๆ อะไร ข้าก็คือแม่แท้ๆ ของเจ้าสาม”ฮูหยินผู้เฒ่าซูที่กำลังป่วยเกินเยียวยามีแรงขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทว่าเสียงนั้น ฟังอย่างไรก็คล้ายกำลังร้อนตัวเดิมทีซูจิ้งคิดว่าลูกสะใภ้พูดเหลวไหล หันมองทางฮูหยินผู้เฒ่าซูอย่างอดไม่ได้“ท่านแม่ ท่านไม่ใช่แม่แท้ๆ ของข้าจริงหรือ?”“ท่านพ่อ ตอนท่านยังเด็กใช่หรือไม่ว่ามีแม่นมท่านหนึ่ง?”กู้หว่านเยว่เองก็ไม่มั่นใจมาก แต่จำได้ว่าภายในหนังสือมีบทนี้จริง“มีแม่นมท่านหนึ่งจริง แต่ว่า...” ซูจิ้งย้อนคิด เรื่องตอนเด็ก ตอนนี้เขาจำได้ไม่ชัดเจนแล้ว“ตอนข้าสามขวบ นางก็กลับบ้านเดิมไปแต่งงานแล้ว”ตอนนั้นซูจิ้งเสียใจมากเพราะนับตั้งแต่เขาคลอดออกมา ก็ไม่ได้รับการต้อนรับจากฮูหยินผู้เฒ่าซู ปกติก็โยนเขาให้แม่นมชนิดที่ว่าสิบวันจนถึงครึ่งเดือนก็ล้วนไม่สนใจเขาดังนั้นตอนซูจิ้งยังเด็ก เกือบเป็นแม่นมท่านนั้นเลี้ยงจนโตเขาจำได้ ตอนนั้นหลังแม่นมกลับบ้านไปแต่งงาน เขายังร้องไห้ระยะหนึ่งสรุปคือฮูหยินผู้เฒ่าซูสั่งคนตีเขาหนึ่งยก เรื่องนี้ถึงผ่านไป“แต่งงาน? ตอนนี้นางอาจยังอยู่ในบ่อน้ำที่สวนดอกไม้ด้านหลังเรือนสกุลซู...”ภายในหนังสือ ฮูห
“สวะ?”ซูจิ้งสัมผัสได้ ยามฮูหยินผู้เฒ่าซูพูดว่าสวะ สายตาทอดมองมาที่ตนข้อสันนิษฐานภายในใจแจ่มชัดมากยิ่งขึ้น ความคิดเหลือจะเชื่อผุดออกมา“สวะคนนั้นที่ท่านพูดถึง คือข้า?”ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้ อย่างไรเสียนับตั้งแต่เขาคลอดออกมาก็มิได้ทำอะไร แต่กลับถูกฮูหยินผู้เฒ่าซูเกลียดทั้งๆ ที่ฮูหยินผู้เฒ่าซูคลอดลูกชายออกมามากเพียงนั้น แต่นางดีต่อลูกคนอื่นมาก เว้นเสียแต่เขา ทุกครั้งแม้แต่สบตากันสักครั้งก็เป็นเรื่องยากซูจิ้งจำได้ ตอนเขายังเด็กก็เคยเสียใจเพราะเรื่องนี้มาก่อนต่อมาเขาโตแล้ว ค่อยๆ ปลอบตนเอง เป็นเพราะพี่น้องภายในบ้านมีมากเกินไป ดังนั้นท่านแม่เมินข้ามก็เป็นเรื่องปกติตอนนี้เห็นทีมิใช่ฮูหยินผู้เฒ่าซูไม่ได้ไม่ชอบเขา แต่เพราะเดิมทีเขาก็ไม่ใช่ลูกชายของฮูหยินผู้เฒ่าซูตั้งแต่แรก“ไม่ เจ้าเป็นลูกชายของข้า...” ฮูหยินผู้เฒ่าซูลนลาน ไม่กล้ายอมรับฉู่เฟิงได้รับสายตาจากซูจิ่งสิง รีบขยับขึ้นไป จับฮูหยินผู้เฒ่าซูกดลงพื้น บิดแขนนางแรงๆ“เจ็บ เจ็บเหลือเกิน!”น้ำตาของฮูหยินผู้เฒ่าซูไหลออกมา รีบร้องอ้อนวอน“พูด ไม่พูดข้าจะทำให้ท่านอยู่ก็อยู่ไม่ได้ ตายก็ตายไม่ได้”เสียงเยียบเย็นของซูจ
กู้หว่านเยว่กลับไม่เห็นใจ นี่คือผลจากการรนหาที่ของนาง เพียงสงสารนางหลี่“หลังนายท่านตื่นขึ้นมา ก็ต้องการรับนางหลี่เป็นอนุ ข้าโวยวายยกใหญ่ ขัดขวางไว้แล้ว”ฮูหยินผู้เฒ่าซูยิ้มเย็นยังดีคืนวันนั้นตื่นขึ้นมาแล้ว นายท่านผู้เฒ่าซูไม่พบว่า คืนก่อนหน้านั้นเขาถูกวางยาจึงปล่อยใจไปเช่นนั้นฮูหยินผู้เฒ่าซูอาศัยโอกาสนี้บังคับเขา ห้ามมิให้รับนางหลี่เข้ามา“ใครรู้ ท้องของนางแพศยาคนนั้นกลับบากบั่น ตั้งครรภ์เด็กแล้วนายท่านรู้ว่านางมีลูก ไม่สนใจคำคัดค้านของข้าจะรับนางเป็นอนุให้ได้ เหตุผลคือไม่สามารถปล่อยให้เด็กคลอดออกมาแล้วไม่มีฐานะชัดเจนได้ข้าทำได้เพียงใช้ความตายมาบีบคั้น เสนอว่าเด็กคลอดออกมาแล้ว สามารถใช้ชื่อของข้าได้สำหรับนางหลี่คนนั้น มอบเงินให้นางหนึ่งก้อนก็ไล่นางไป”ฮูหยินผู้เฒ่าซูยิ้มเย็น ซูจิ้งนึกถึงถ้อยคำเมื่อครู่ของกู้หว่านเยว่ สันหลังเย็นวาบ“ในเมื่อท่านพูดว่าจะปล่อยนางไป เหตุใดท่านต้องฆ่านางด้วย?”“ข้ากลัว สายตาของนายท่านค่อยๆ หยุดที่นางแพศยาคนนั้น ข้าไม่ฆ่านางไม่ได้”ฮูหยินผู้เฒ่าซูจับจ้องซูจิ้งอย่างเย็นชา ในเมื่อพูดเรื่องในอดีตออกมาทั้งหมดแล้ว ตอนนี้นางก็ไม่กลัวอีก“เจ้ารู้
“เจ้า เจ้าหมายความว่ากระไร?” ซูหัวหยางตกตะลึง“แม่ท่านทำความผิดมากมายนัก กระตุ้นตนเองตายไป ส่วนเพราะเหตุใดนางป่วย ยังมิใช่เพราะท่านลูกชายคนนี้ไร้ความสามารถอีกหรือ”กู้หว่านเยว่ดูเบาครอบครัวนี้ ตั้งแต่อดีตตอนจวนเจิ้นเป่ยอ๋องยังอยู่ พวกเขาก็สูบเลือดสูบเนื้อบ้านสามทั้งครอบครัวรอจนจวนอ๋องถูกลงโทษเนรเทศ พวกเขาก็เตะส่งบ้านสามอย่างไร้เมตตากู้หว่านเยว่นึกขึ้นได้ในทันใด เหตุใดซูจิ้งและซูจิ่นเอ๋อร์ซูจื่อชิงพวกเขาล้วนเป็นคนดีอาจเพราะบนตัวพวกเขาไม่มีเลือดของฮูหยินผู้เฒ่าซูกระมัง“เจ้าพูดเหลวไหล ก็คือพวกเจ้าทำร้ายแม่ข้าจนตาย”ซูหัวหยางส่ายหน้า ถลึงตาใส่พวกเขาแรงๆ“เป็นพวกเจ้าเห็นคนตายแล้วไม่ช่วย ทำให้ท่านแม่ข้าถูกกระตุ้นจนตายไป”“ท่านโวยวายต่อเถอะ ฉู่เฟิง ไปแจ้งทางการ”สุ้มเสียงซูจิ่งสิงเย็นชา ก่อนนี้เขาเห็นแก่ฐานะของซูจิ้ง ถึงไม่ฆ่าครอบครัวนี้ แต่ตอนนี้ไม่มีเหตุผลให้เก็บไว้แล้วองครักษ์จวนกู้มาอย่างว่องไว ลากคนเหล่านั้นออกไป“ท่านอาสาม ท่านอาสามช่วยข้าด้วย...เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอันใดกับข้า”ซูเช่อร้องตะโกน ซูจิ้งกลับไม่สนใจเขา“ฮูหยิน ภายในใจข้าทรมานมาก” ซูจิ้งถอนหายใจ “แม่ข้าในปรโล
“ดูเหมือนนางจะเอ่ยถึงเรื่องพ่อสามี ข้าก็เลยยืนฟังอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง”กู้หว่านเยว่ยกมือแสดงท่าทีจนปัญญาและกล่าวว่า“แต่นางพูดคลุมเครือมาก ตอนนั้นข้าไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ จู่ ๆ วันนี้ข้าก็นึกขึ้นได้ก็เลยยกเรื่องนี้มาระเบิดใส่นาง โดยคิดไม่ถึงว่านางจะทำมันเสียเอง”นี่คือความจริง“เห็น ๆ อยู่ว่านางมีใจคิดไม่ซื่อ” ซูจิ่นเอ๋อร์แลบลิ้นและทอดถอนใจ“ข้าเรียกว่าท่านยายมาหลายปี กลับกลายเป็นศัตรูอย่างไม่น่าเชื่อ ในใจข้ารู้สึกหดหู่ยิ่งนัก”ในใจของท่านพ่อเสียใจยิ่งกว่าแน่นอนกู้หว่านเยว่กลับกล่าวว่า “ข้ากลับคิดว่านี้เป็นเรื่องดี ดีกว่าต้องมานั่งสับสนงุนงงกับเรื่องที่ไม่เคยรู้เลย”อีกทั้งยายเฒ่าซูก็ไม่ใช่คนดีนัก เห็นธาตุแท้ของพวกเขาได้เร็ว ดีกว่านึกจินตนาการเองอยู่ในใจ“เจ้าพูดถูก”ซูจิ่งสิงพยักหน้าเล็กน้อย เห็นด้วยกับคำพูดของกู้หว่านเยว่“ยายเฒ่าซูสิ้นใจแล้ว ก็ถือว่าได้ชดใช้ให้นางหลี่แล้ว”ครั้นพูดไปพูดมา คนที่ไร้เดียงสาที่สุดสำหรับเรื่องนี้ก็คือสาวใช้ตัวน้อยอย่างนางหลี่นางทำอะไรผิดนะหรือ?เพียงเพราะรูปโฉมที่งดงาม ต้องตาต้องใจน้องชายของยายเฒ่าซู จึงถูกวางยาจนเสียความบริสุทธิ์เดิมที
หลี่ชิวเตี๋ยส่ายหน้า “ไม่สิ”แม้ว่าเพียวเซียงจูจะเลียนแบบชาดทาปากและแป้งน้ำของเรา แต่คุณภาพกลับแตกต่างจากของเขาโดยสิ้นเชิงลูกค้าไม่ใช่คนโง่ แม้ว่าจะถูกเพียวเซียงจูหลอกล่อเข้ามา แต่โดยพื้นฐานแล้วล้วนแต่เป็นคนที่เห็นแก่ของถูกทั้งนั้น “แล้วไม่ดีหรือ เราควรขอบคุณเพียวเซียงจูนะ ที่ช่วยเราคัดกรองกลุ่มลูกค้าที่มีไม่ตรงตามมาตรฐานของเราออกไป”กู้หว่านเยว่คลี่ยิ้มบาง ๆ ซึ่งนั้นทำให้หลี่ชิวเตี๋ยเข้าใจในทันทีนางยังฉุนเฉียวอยู่เล็กน้อย “แต่การที่พวกเขาเลียนแบบสินค้าของเราอย่างหน้าตาเฉย ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก”เพราะเรื่องนี้หลี่ชิวเตี๋ยถึงกับกินข้าวไม่ลงกู้หว่านเยว่ถูกเจ้าของร้านเสิ่นยั่วโมโหจนโกรธฉุนเฉียว“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ร้านดอกท้อของเราจะใช้ระบบสมาชิก”กู้หว่านเยว่กำชับว่า “แต่ลูกค้าที่มาซื้อชาดทาปากและแป้งน้ำของร้านดอกท้อจะได้รับบัตรสมาชิกหนึ่งใบ ต่อไปพวกเขาจะเป็นแขกผู้มีเกียรติของร้านดอกท้อ”“ข้าเข้าใจแล้ว”หลี่ชิวเตี๋ยพยักหน้า ความหมายของกู้หว่านเยว่คืออยากคัดกรองลูกค้า“โชคดีที่นายหญิงยังใจเย็น หากเป็นข้าคงฆ่าทิ้งไปแล้ว”หลี่ชิวเตี๋ยจำสิ่งที่กู้หว่านเยว่กำชับได้ขึ้นใจ
กู้หว่านเยว่รู้ว่าเขาหมายถึงใคร นางถึงกับหมดคำพูด“อยากถามถึงชิงหว่านก็พูดมาตรง ๆ”“ข้าเปล่า”ซูจื่อชิงโต้แย้งเสียงเบา แต่นัยน์ตาฉายแววประหม่าชิวจู๋เข้ามาเปลี่ยนยาให้เขาพอดี จึงกล่าวพึมพำว่า “เห็น ๆ อยู่ว่าคุณชายรองคิดถึงคุณหนูชิงหว่านมาก อยากให้นางมาเยี่ยมท่าน ทำไมไม่ยอมรับล่ะเจ้าคะ?”“ชิวจู๋!”ซูจื่อชิงหูแดงเถือก ครั้นเสียงดังฉับพลันชิวจู๋จึงรีบคุกเข่าทันที“ข้าน้อยเสียมารยาทเองเจ้าค่ะ”“ข้าไม่ได้จะโทษเจ้า เจ้าลุกขึ้นเถิด ต่อไปอย่าพูดเช่นนี้อีก”ซูจื่อชิงยกมือปิดหน้า จริง ๆ แล้วเขาอยากถามว่าชิงหว่านมาเยี่ยมเขาบ้างไหม แต่ก็กลัวเสียหน้า ลำบากใจยิ่งนัก“ตั้งแต่วันนั้น นางก็ไม่เคยมาหาอีกเลย คงยังโกรธข้าสินะ”ซูจื่อชิงยิ้มอย่างขมขื่น นางอาจจะอยู่กับเผยเสวียนก็ได้บุรุษร่างกายกำยำทำท่ากระบิดกระบวน กู้หว่านเยว่เห็นแล้วรู้สึกขัดตายิ่งนัก“หลายวันก่อนข้าเจอชิงหว่านในร้านอาหาร”ซูจื่อชิงหูผึ่งทันที วินาทีต่อจากนั้น คำกล่าวของพี่สะใภ้ก็ทำให้เขาตะลึงงัน“นายโดนชายชุดดำไล่ฆ่า”“ดังนั้นสิ่งที่เจ้าควรสนใจในตอนนี้คือนางได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ไม่ใช่เอาแต่โศกเศร้าน้อยใจอยู่ตรงนี้ พร่ำ
“พี่ชายรอง ท่านมายืนทำอะไรอยู่ข้างนอกเจ้าคะ?”ซูจิ่นเอ๋อร์ไม่รู้ว่าเขามาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ซูจื่อชิงส่งเสียงจิ๊จ๊ะหนึ่งเสียง ก่อนจะเตะกระถางดอกไม้และวิ่งหนีไปซูจิ่นเอ๋อร์ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้านใน จึงด่าทอออกมาอย่างอดไม่ได้“พี่ชายรอง ท่านบ้าไปแล้ว กระถางมันอยู่ของมันดี ๆ ท่านไปเตะมันทำไม ดอกไห่ถังงดงามขนาดนี้ ท่านหงุดหงิดมันได้อย่างไร?”กู้หว่านเยว่วิ่งไล่ตามออกไป “หยุดพูดได้แล้ว ชิงหว่านหมั้นแล้ว”“อะไรนะ?”ซูจิ่นเอ๋อร์ปิดปากเงียบนางเพิ่งกลับมาจากจินโหลว ยังไม่ได้กลับจวนมิเช่นนั้นคงจะได้เห็นเทียบเชิญอยู่ในจวนแล้ว“พี่หญิงชิงหว่านหมั้นกับเผยเสวียนแล้วหรือ?” นางถึงกับพูดไม่ออก“แล้วพี่ชายรองของข้าจะทำอย่างไร?”มิน่าล่ะเมื่อครู่พี่ชายรองถึงได้ดูร้อนรนเช่นนั้น กู้หว่านเยว่รู้สึกหดหู่ใจแทนซูจื่อชิงครั้นอดีตโอกาสนั้นเคยปรากฏตรงหน้าของเขาแล้ว แต่เขาไม่ทะนุถนอมเอง จะโทษใครได้?ซูจื่อชิงไม่กลับมาทานอาหารเที่ยงในจวน ส่วนซูจิ่นเอ๋อร์กลับมาพร้อมกับอาหารทะเล แต่ทุกคนกลับกินกันไม่ลง“พี่สะใภ้ใหญ่ เราไปเยี่ยมพี่หญิงชิงหว่านกันเถอะเจ้าค่ะ?”ที่ซูจิ่นเอ๋อร์เอ่ยเช่นนี้ ความจริงแล
ขณะที่นำกองทหารออกจากเมืองหลวง เขาก็รู้ว่าชีวิตของตัวเอง ช้าเร็วก็ต้องถูกพรากไป“ข้าต้องการให้ท่านเขียนคำสั่งลงโทษตัวเอง”ซูจิ่งสิงพูดทีละคำ เอ่ยปากอย่างตั้งใจตอนแรกทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งกลับมาพร้อมกับชัยชนะ แต่กลับถูกฮ่องเต้ชั่วและขุนนางชั่วกลุ่มนี้เนรเทศไปที่เจดีย์หนิงกู่ในข้อหากบฏแม้ว่าฮ่องเต้ชั่วจะแต่งตั้งเขาให้เป็นเจิ้นเป่ยอ๋องอีกครั้งในเวลาต่อมา แต่ความเข้าใจผิดในอดีตก็ไม่ได้รับการล้างมลทินให้เขาเวลานี้ ในสายตาผู้คนใต้หล้า เขาคืออาชญากรที่สมคบคิดกับข้าศึกและขายชาติเขาต้องการล้างมลทินให้กับตัวเองด้วยมือของเขาเอง“ท่าน”ใบหน้าชราของหลี่กวงถิงทั้งอายและโกรธเคือง“ไม่”เขาส่ายหัวปฏิเสธ ต่อให้ต้องตายในมือของซูจิ่งสิงเช่นนี้ ก็ยังมีชื่อเสียงดี ๆ ฝากไว้แต่เมื่อคำสั่งลงโทษตัวเองนี้ถูกเขียนขึ้นแล้ว ก็เท่ากับเป็นการยอมรับความผิดอย่างเปิดเผยตอนแรกเขาให้ความร่วมมือกับฮ่องเต้ในการใส่ร้ายซูจิ่งสิงมันต่างอะไรกับขุนนางทุจริต?ผู้คนทั่วหล้าจะถ่มน้ำลายด่าประนามเขาเช่นไร?“จะฆ่าจะแกง ก็สุดแล้วแต่ท่าน ข้ายังคงยืนยันประโยคนั้นเหมือนเดิมสำหรับคำสั่งลงโทษตัวเองนี้ ข้าไม่มีทางเขียนเด
เห็นเพียงท่ามกลางหมอกหนาทึบที่อยู่ฝั่งตรงข้าม มีแสงไฟเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน ราวกับหิ่งห้อยในค่ำคืนอันมืดมิดเมื่อแสงไฟนั้นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ รองแม่ทัพที่อยู่บนเรือก็เบิกตาทั้งสองกว้าง“ไม่ได้การ ทั้งหมดเป็นลูกศรติดไฟ!”ก้นลูกศรเหล่านี้ถูกมัดด้วยลำกล้องดินปืน ภายในเป็นดินปืนทั้งหมดดินปืนตกลงมาพร้อมกับลูกศรที่ยิงขึ้นมาบนเรือราวกับเม็ดฝนทั่วท้องฟ้า ภายในเวลาชั่วพริบตา เรือก็ติดไฟ“เร็วเข้า รีบถอยกลับ”หลี่กวงถิงสั่งการ เขารู้สึกอย่างเลือนรางว่าตัวเองถูกแผนชั่วของซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่เล่นงานเข้าแล้วกองทัพใหญ่ออกเดินทางแล้ว ต้องการจะถอยกลับจะทำได้ง่าย ๆ อย่างไร?ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ยังอยู่บนผิวน้ำ การเดินเรือไปข้างหน้าก็ทำได้ยากลำบากอยู่แล้วคนเหล่านี้ไม่ถนัดเรื่องการต่อสู้บนน้ำ ไม่มีสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ยังโชคดีเพราะหากพบเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิด ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะล่าถอยอย่างเป็นระเบียบเรือติดไฟแล้ว เหล่าทหารร่ำไห้อย่างน่าเวทนา ในระหว่างการล่าถอยของเรือ ต่างก็ชนกันเอง สถานการณ์วุ่นวายในระดับหนึ่งทว่าลูกศรทั่วฟ้านั้นก็ยังไม่ยอมหยุดเลยหลังจากยิงจบระลอกห
“ข้ามีความคิดดี ๆ อย่างหนึ่ง”ดวงตาของกู้หว่านเยว่กลอกไปมา ทันใดนั้นก็มีความคิดแผลง ๆ ผุดขึ้นมา“หลี่กวงถิงผู้นี้ต้องการว่าจ้างคนจากหอมือสังหารมาฆ่าท่านมิใช่หรือ? เราก็ให้คนของหอมือสังหารมาตอบรับเรื่องนี้”ซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่สบสายตากันเข้าใจทันทีว่าภรรยากำลังคิดอะไรอยู่“หนามยอกเอาหนามบ่งหรือ?”“ถูกต้อง ถึงตอนนั้นเราก็มาปิดประตูตีแมวกัน”ซูจิ่งสิงเขียนจดหมายฉบับหนึ่ง นกพิราบสื่อสารก็กลับไปตามทางเดิม เพื่อส่งกลับไปที่หอมือสังหารเป็นสองวันที่สถานการณ์สงบสุขสองวันต่อมา หลี่กวงถิงก็ได้รับข่าวกรอง แจ้งว่าคนจากหอมือสังหารทำสำเร็จแล้ว“ข้าน้อยเห็นว่ากองทัพของเจดีย์หนิงกู่สงบเงียบ ดูเหมือนจะไม่มีข่าวการตายของซูจิ่งสิงแพร่ออกมา”รองแม่ทัพหลายคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้สักเท่าใดหลี่กวงถิงยังรู้สึกว่าต้องระมัดระวังด้วยหลังจากรออีกสองวัน ก็มีข่าวกรองออกมาอีกว่า ค่ายของผู้บัญชาการถูกรายล้อมด้วยกองกำลังทหารอากาศแบบนี้ภายนอกกระโจมกำลังตากปลาเค็มอยู่ จนส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง“ตากปลาเค็ม อากาศแบบนี้ตากปลาเค็มอะไรกัน?”หลายคนนั่งวิเคราะห์ด้วยกันรองแม่ทัพคนหนึ่งพูดขึ้นมาอย่างฉับพล
“ลู่จิง มองไม่ออกเลยว่า เจ้าจะรักหน้าที่การงานมากเช่นนี้”เกาเจี้ยนหัวเราะอย่างชั่วร้ายรักหน้าที่การงาน?ลู่จิงสะดุดเข้าให้ใครจะไปรักหน้าที่การงาน ชัดเจนว่าเขารักและสงสารกงซุนฉิงเขาเหลือบมองกงซุนฉิง ขณะที่คิดจะใช้โอกาสนี้เปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างสองคน“ถูกต้อง เขารักหน้าที่การงานมาก!”ทันใดนั้นกงซุนฉิงก็เหยียบเท้าของเขา แล้วรีบเอ่ยขึ้นนางละอายใจที่จะให้ฮูหยินรับรู้เรื่องราวของพวกเขาสุดท้าย ก็จ้องเขม็งใส่ลู่จิงอย่างดุดัน พลางกระซิบว่า“หุบปาก”“ก็ได้”ลู่จิงหุบปากอย่างเชื่อฟังคำพูดของคนรักต้องเชื่อฟัง นี่จะไม่ใช่ความองอาจของชายชาตรีอย่างหนึ่งอย่างไร“เช่นนั้นพวกเจ้าทั้งสองก็พูดคุยกันตามสบาย ใครจะเฝ้ายามก็ไม่สำคัญ หรือว่าถ้าไม่ได้จริง ๆ พวกเจ้าสองคนก็เฝ้ายามด้วยกันได้”ด้วยการเสริมทัพของเกาเจี้ยน ใบหน้าของกงซุนฉิงก็ยิ่งแดงขึ้น“เราไปกันเถอะ”กู้หว่านเยว่ดึงแขนเสื้อของซูจิ่งสิงเงียบ ๆ พลางยิ้มคลุมเครือมองดูผู้ใต้บังคับบัญชาคุยกันเรื่องความรักลับ ๆ ก็น่าสนุกดีเหมือนกัน“ไป”ซูจิ่งสิงจูงมือกู้หว่านเยว่จากไป“ถ้าอย่างนั้นข้าก็ต้องไปเหมือนกัน”เกาเจี้ยนถูกเตือนสต
ซูจิ่งสิงกระซิบเตือนกู้หว่านเยว่ที่ข้างหูอย่างแผ่วเบา ภรรยาเป็นคนบ้าการงาน ตั้งแต่มาถึงค่ายทหาร ก็มีเวลาพักผ่อนน้อยกว่าเขาเสียอีกเขาชอบท่าทางการวางแผนในกระโจมของกู้หว่านเยว่มาก เพียงแต่เป็นห่วงว่าร่างกายของนางจะรับไม่ไหว ดังนั้นจึงกำชับอยู่บ่อยครั้ง“ก็ได้เจ้าค่ะ ลมแรงจริง ๆ”กู้หว่านเยว่ถือโอกาสโยนกล้องโทรทรรศน์เข้าไปในมิติ แล้วลงมาจากหอสังเกตการณ์พร้อมกับซูจิ่งสิงหอสังเกตการณ์แห่งนี้สร้างโดยทหารตามคำสั่งของกู้หว่านเยว่ก่อนหน้านี้ โดยอิงตามพิมพ์เขียวที่นางให้มาหอสังเกตการณ์สูงยี่สิบเมตรพอดี เมื่อยืนอยู่ด้านบนของหอสังเกตการณ์จะสามารถมองเห็นจุดที่อยู่ไกลออกไปได้ชัดเจน สังเกตสถานการณ์ของศัตรูได้สะดวกยิ่งขึ้นทั้งสองลงมาจากหอสังเกตการณ์ ขณะที่กำลังเดินเล่นอยู่ในกองทัพกับเกาเจี้ยนก็ได้ยินเสียงโต้เถียงครู่หนึ่งโดยพลัน“ชู่ว์”กู้หว่านเยว่ส่งสัญลักษณ์มือให้ซูจิ่งสิง ดึงเขาให้เดินไปตามทิศทางที่ส่งเสียงมานางรู้สึกอยู่เสมอว่าเสียงนี้ค่อนข้างคุ้นเคย เมื่อเดินเข้าไปมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคนคุ้นเคยจริงดังคาด เห็นกงซุนฉิงและลู่จิงกำลังโต้เถียงกันหน้าแดงหูแดง“นายท่าน ฮูหยิน พวกท่านมา
“หลี่กวงถิงต้องการควบคุมข่าวลือในกองทัพ แต่ก็ต้องดูว่านายทหารเหล่านั้นจะเชื่อเขาหรือไม่”ในกระโจมฝั่งตรงข้ามกับแม่น้ำมู่ตัน กู้หว่านเยว่กำลังแกว่งเอกสารราชการในมือเล่น ใบหน้าเผยแววเจ้าเล่ห์ออกมาซูจิ่งสิงถูปลายนิ้ว “เป็นอย่างที่เจ้าคาดไว้ไม่ผิด ทันทีที่หลี่กวงถิงได้ยินข่าวนี้ ก็เรียกประชุมทั้งกองทัพทันทีและบอกว่าข่าวนี้ เป็นเท็จ”“เขามีวิธี และเราก็มีวิธีเช่นกัน”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเก็บไพ่ใบสำคัญนี้ไว้ตลอดโดยเปล่าประโยชน์ ย่อมไม่ยอมปล่อยให้หลี่กวงถิงปกปิดเรื่องนี้ได้ง่าย ๆ“ถึงเวลาที่โจวเหล่าต้องออกหน้าแล้ว”นางเอ่ยเบา ๆหลี่กวงถิงเรียกประชุมทั้งกองทัพ พยายามปลอบขวัญทหารทว่าเขาเพิ่งพูดจบในตอนเช้า ตอนบ่ายก็มีข่าวส่งมาถึงบอกว่าโจวเหล่าออกหน้าด้วยตัวเอง เขียนเอกสารฉบับหนึ่งด้วยมือ“โจวเหล่าได้ยอมรับสถานะบุตรที่เป็นกำพร้าของอดีตรัชทายาทแล้ว”ใบหน้าของรองแม่ทัพอมทุกข์“โจวเหล่าเคยเป็นอาจารย์ของอดีตรัชทายาท เขายังเป็นนักปราชญ์แห่งยุคอีกด้วย มีลูกศิษย์ในมือนับไม่ถ้วน เขาเชี่ยวชาญในการชี้นำการพัฒนาคำวิพากษ์วิจารณ์ของมวลชนบัดนี้เขาพูดออกมาเช่นนี้ ยังมีใครที่ไม่เชื่ออีก?”
กู้หว่านเยว่ซื้อโล่และชุดเกราะมาอย่างละสองหมื่นชุดนอกจากธนูและหน้าไม้แล้ว กู้หว่านเยว่ยังซื้อลูกปืนใหญ่มาอีกชุดหนึ่งลูกปืนใหญ่เหล่านี้ถือเป็นของสำรอง จะไม่นำออกมาใช้อย่างเด็ดขาด เว้นแต่จะเป็นสถานการณ์พิเศษพลังทำลายล้างของลูกปืนใหญ่นั้นรุนแรงเกินไป หากไม่จำเป็น ก็อย่าเพิ่งนำออกมาใช้หลังจากเตรียมสิ่งของพร้อมแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ดูยอดเงินคงเหลือในบัตรอืม แทบจะไม่ขยับเลยการมีเงินใช้ไม่หมดนี่มันรู้สึกดีจริง ๆ !นอกจากสิ่งเหล่านี้ นางยังซื้อผงห้ามเลือดและยาจินชวงมาจำนวนมาก ล้วนมีประโยชน์สำหรับใช้พันแผลให้ทหารหลังจากทำทั้งหมดนี้เสร็จแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ย้ายสิ่งของทั้งหมดนี้เข้าไปไว้ในคลังเก็บของในเมืองผิงโจวเมืองผิงโจวมีทหารคุ้มกันอย่างแน่นหนา ไม่ต้องกลัวว่าของข้างในจะสูญหายหลังจากนำของเข้าไปไว้ในคลังเก็บของแล้ว ค่อยให้ทหารขนย้ายสิ่งของเหล่านี้ทั้งหมดไปยังค่ายเวลาผ่านไปรวดเร็วสิบวันต่อมา กองทัพของฮ่องเต้เดินทางมาถึงแม่น้ำมู่ตันหลี่กวงถิงมองไปยังผืนน้ำอันกว้างใหญ่ของแม่น้ำมู่ตัน ก็รู้สึกมึนงงมิน่าล่ะ ก่อนหน้านี้เจียงเต๋อจื้อนำกองทัพห้าหมื่นนายมา ผลปรากฏว่าพ่ายแพ้ย่อยยับ
นางสั่งให้คนสร้างคลังเก็บของขนาดใหญ่ขึ้นที่บริเวณต้นน้ำของแม่น้ำมู่ตันในเมืองผิงโจวเมื่อนานมาแล้ว แต่ก่อนเอาไว้ใช้เก็บเสบียงอาหารยังมีคลังเก็บของอีกหลายแห่งที่ยังใช้ไม่หมดกู้หว่านเยว่ตั้งใจจะใช้กักตุนอาวุธทั้งหมดสามวันต่อมา กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงนำกองทัพใหญ่มาถึงแม่น้ำมู่ตันกองทัพใหญ่ตั้งค่ายอยู่ริมแม่น้ำกางเต็นท์อย่างเป็นระเบียบ ตามแบบแปลนที่กู้หว่านเยว่มอบให้เต็นท์เล็ก ๆ ถูกกางขึ้นริมแม่น้ำควันไฟค่อย ๆ ลอยขึ้นไปเหล่าทหารไม่ได้ตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย แต่ละคนดูเหมือนมาพักผ่อนจะทำอย่างไรได้ ก็เบี้ยหวัดทหารเยอะมากเกินไป!คนอื่นเวลาเดินทัพก็กินแต่อาหารแห้ง ซาลาเปากับหมั่นโถว แต่พวกเขากินกับข้าวสามอย่าง พร้อมน้ำแกงหนึ่งอย่างทุกมื้อ แถมยังมีทั้งเนื้อและผักอีกต่างหาก!แบบนี้จะเรียกว่าออกรบได้อย่างไร?เหมือนกับเทศกาลตรุษจีนชัด ๆ !เมื่อเห็นเหล่าทหารมีขวัญกำลังใจ กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงก็ดีใจ ทั้งสองคนปรึกษาแผนการในค่ายทหารซูจิ่งสิงไม่เป็นสองรองใครในเรื่องการรบอยู่แล้ว แต่เขาพบว่ากู้หว่านเยว่ก็มีพรสวรรค์ในด้านการทหารเช่นกันความคิดที่ผุดขึ้นมาเป็นครั้งคราว ทำให้เขา
“ไม่ต้อง ๆ ข้าแค่พูดเล่นเท่านั้น ยาพิษของพวกนี้ ใช้ให้น้อยจะดีกว่า”แต่จริง ๆ แล้ว เขาก็แค่แสร้งทำเท่านั้น เฟิ่งอู๋ชีไม่ได้กลัวพิษเลยสักนิด เพราะร่างกายเขามีคุณสมบัติเป็นยาโดยกำเนิด“ไปแล้วนะ”เขาโบกมือ แล้วหันหลังเดินจากไป“รักษาชีวิตของท่านเอาไว้”กู้หว่านเยว่เอ่ยขึ้นอย่างช้า ๆ ไม่ใช่ว่าเป็นห่วงความปลอดภัยของเฟิ่งอู๋ชี แต่เป็นเพราะคนที่ร่างกายมีคุณสมบัติเป็นยาโดยกำเนิดนั้นหาได้ยากเผื่อในอนาคตทั้งสองกลายเป็นเพื่อนกัน นางก็อาจจะได้ศึกษาดู“ไม่ต้องห่วง สิ่งที่แข็งที่สุดของข้าก็คือชีวิตนี่แหละ”เฟิ่งอู๋ชีนหลังเดินจากไป เดินไปได้สองก้าวก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไม่ใช่ ๆ จุดแข็งที่สุดของเขาไม่ใช่ชีวิตเสียหน่อย!“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ นี่เป็นถึงองค์ชายหนานเจียงเชียวนะ จะไม่ฉวยโอกาสจับเขาไว้หรือ จะปล่อยพวกเขาไปง่าย ๆ แบบนี้หรือ?”ซูจื่อชิงรีบเข้ามา เห็นเฟิ่งอู๋ชีกำลังเดินจากไปพอดี ใบหน้าของเขาเผยความเสียดายออกมาเล็กน้อยปล่อยศัตรูไปแบบนี้ ไม่เท่ากับปล่อยเสือเข้าป่าหรอกหรือ?จากมุมมองของเขา ก็ควรจะจับองค์ชายหนานเจียงไว้ เพื่อใช้ข่มขู่หนานเจียงสิ“ฆ่าองค์ชายหนานเจียงก็ไร้ประโยช