แชร์

บทที่ 688

ผู้เขียน: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
“คนไหนกล้ายอมแพ้ ข้าจะฆ่าคนนั้น!”

เจียงเต๋อจื้อโมโหจนชักดาบยาวออกมา

เหล่าทหารต่างพากันตกใจกลัว ถอยหลังและวิ่งหนีกันกระจัดกระจาย

“ข้าดูสิว่าใครกล้าพูดว่ายอมแพ้ พูดมาคนหนึ่ง ข้าจะฟันคนหนึ่ง”

เขาแกว่งดาบอย่างรุนแรง ฟันทหารสองคนที่อยู่ใกล้ที่สุดจนได้รับบาดเจ็บ

เจียงเต๋อจื้อคลั่งไปแล้ว

เขาไม่ยอมให้ใครยอมแพ้ทั้งนั้น หากยอมแพ้ขึ้นมาจริง ๆ นแรกที่จะต้องตายก็คือเขา

ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ มองไปรอบ ๆ แล้วจ้องมองไปทีละคน

ใครกล้าส่งเสียง ก็ฆ่าคนนั้น

เหล่าทหารพากันถอยหลัง แต่ในใจยังคงไม่ยอมรับ

ทันใดนั้น ก็มีแสงไฟพาดผ่านท้องฟ้า ตามมาด้วยลูกไฟขนาดมหึมาที่พุ่งตกลงมาจากฟากฟ้า

เสียง “ตูม” ดังสนั่น ตกลงมาตรงตำแหน่งที่เจียงเต๋อจื้ออยู่

เขายังไม่ทันได้ส่งเสียงร้องออกมาด้วยซ้ำ ก็ถูกหินทับลงไปในดิน ถูกไฟที่ลุกไหม้บนหินเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน

ทุกคนต่างตกตะลึง ตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง

ตามด้วยเสียงกรีดร้องที่ดังขึ้น

“ท่านแม่ทัพตายแล้ว!”

“ท่านแม่ทัพถูกไฟสวรรค์ทับตายแล้ว!”

“ยอมแพ้เถอะ พวกเรายอมแพ้กันเถอะ”

“...”

บนท้องฟ้า ซูจิ่งสิงขับเฮลิคอปเตอร์ไปยังลานโล่ง จากนั้นก็ให้กู้หว่านเยว่เก็บเฮลิคอปเตอร์กลับ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 689

    ตอนกลางคืนเมื่อซูจิ่งสิงกลับมา กู้หว่านเยว่ก็พูดเรื่องนี้กับเขา“เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของข้า”กู้หว่านเยว่จึงไม่สนใจเรื่องนี้อีก แล้วถามถึงเรื่องแม่น้ำมู่ตัน“หลังจากวันนั้น ทหารห้าหมื่นนายก็พากันยอมแพ้ ส่วนคนที่เหลือที่ไม่ยอมแพ้ ก็ไม่สามารถสร้างปัญหาอะไรได้แล้ว”พวกที่หนีก็หนี พวกที่ตายก็ตาย ใช้เวลาแค่สองวันก็จัดการเรียบร้อยแล้วกู้หว่านเยว่พูดอย่างภาคภูมิใจ “หากเรื่องนี้แพร่สะพัดกลับไปถึงเมืองหลวง คนคนนั้นคงนอนไม่หลับแน่”เมืองหลวงจดหมายที่ส่งด้วยนกพิราบส่งสารด่วนแปดร้อยลี้ เพิ่งจะส่งถึงมือมู่หรงถิง ฮ่องเต้ชั่ว เมื่อเห็นเนื้อความในจดหมาย มู่หรงถิงก็เงียบไปพักใหญ่ สีหน้าดำคล้ำราวกับก้นหม้อในท้องพระโรง ขุนนางส่วนใหญ่ได้รับข่าวสารนี้แล้ว แต่ไม่มีใครกล้าส่งเสียงแม้แต่คนเดียว“ดี ดีมาก ซูจิ่งสิง!”มู่หรงถิงโกรธจนนิ้วมือชา “มหาราชครูหายตัวไป เจียงเต๋อจื้อถูกทับตาย กองทัพห้าหมื่นนาย ยอมแพ้ทั้งหมด”เขาหน้ามืด ต้องจับเก้าอี้มังกรไว้จึงไม่ล้มลงไป“ซูจิ่งสิง เขากล้าดีอย่างไร กล้าดีอย่างไร?”มู่หรงถิงรู้สึกว่าซูจิ่งสิงเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ตอนที่อยู่เมืองหลวง เขาอยากจะจัดการซูจิ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 690

    อ๋องหกปกติชอบพาสุนัขไปเดินเล่น เล่นกับแมว ไม่ค่อยสนใจเรื่องราชการจู่ ๆ ถูกเรียกชื่อ ตกใจจนคุกเข่าลงกับพื้น“เสด็จพี่ ข้าไม่ได้ไปเที่ยวหอนางโลม เอ่อ เมื่อคืนข้าก็ไม่ได้ไปนอนบนเตียงของแม่นางหานเยียน...”“ข้าถามเรื่องพวกนี้เมื่อไรกัน?” ฮ่องเต้พูดไม่ออก“ข้าถามเจ้าว่า มีวิธีไหนที่จะทำให้ซูจิ่งสิงและนางกู้แตกคอกัน?”“อ๊ะ ท่านถามข้าหรือ?”อ๋องหกยังคงดูซื่อบื้อ ๆ ทำให้ความเคลือบแคลงสงสัยในสายตาของมู่หรงถิงจางหายไปไม่น้อย“อืม ถามเจ้า เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง?”“เรื่องนี้ สมองของข้าคิดไม่ทัน...” อ๋องหกเกาหัว ทำท่าทางลำบากใจอย่างมาก ครุ่นคิดอยู่นาน จู่ ๆ ก็หัวเราะออกมาเสียงดัง“เจ้าหัวเราะอะไร?” ฮ่องเต้รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงว่าอ๋องหกมักจะทำตัวเหลวไหลแบบนี้เสมอ เขาก็ไม่ได้ตำหนิอะไร“จู่ ๆ ข้าก็นึกขึ้นได้ว่า เมื่อก่อนข้ามีอนุภรรยาหลายคนในจวน เวลาที่พวกนางแย่งชิงความโปรดปรานกัน สีหน้าก็จะดูน่าเกลียดมาก ข้าก็เลยไม่ชอบพวกนางแล้ว”ดวงตาของมู่หรงถิงหรี่ลง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังออกมา แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ถูกต้อง พูดถูกต้อง”นางกู้คนนั้นช่วยซูจิ่งสิง เช่นนั้นเขาก็จะส่งของขวั

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 691

    หลายคนในโถงรับแขกเดินออกมาเมื่อได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวทันทีที่เห็นกู้หว่านเยว่ พวกนางก็ยิ้มออกมาจนใบหน้าแทบจะเป็นรอยจีบ“ซูฮูหยิน ยินดีด้วยที่ได้ลูกชาย”“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ยินดีด้วยซูฮูหยิน ยินดีด้วยนายท่านซู”เมื่อเห็นแต่ละคนตรงหน้าทำท่าจะพูดอะไรแต่ก็ยั้งไว้ กู้หว่านเยว่ก็ไม่รู้สึกว่าพวกนางมาเพื่อแสดงความยินดีที่นางคลอดลูกถ้าจะมาแสดงความยินดีจริง ๆ รอให้ครบหนึ่งเดือนก็ยังไม่สาย เหตุใดต้องแห่กันมาเยี่ยมตอนนี้ด้วย?นางหยางพูดอยู่ข้าง ๆ “วันนี้พวกนางมากันตั้งแต่เช้า”นางหยางก็ไม่รู้จะจัดการอย่างไรเช่นกัน กลัวว่าจะทำให้กู้หว่านเยว่เสียเวลา จึงให้สาวใช้เชิญพวกนางเข้ามา ต้อนรับด้วยขนมและน้ำชา“ท่านแม่ พวกท่านพาจ้านจ้านไปที่ห้องอบอุ่นก่อน”สัญชาตญาณของกู้หว่านเยว่บอกว่าพวกนางไม่ได้มาเพื่อแสดงความยินดีเฉย ๆ เท่านั้น จึงส่งลูกให้กับนางหยาง หลังจากนางหยางเดินออกไปแล้ว นางก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย พลางถามหลี่ชิวเตี๋ยว่า“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”หลี่ชิวเตี๋ยรีบเข้ามาดึงนางไว้ “ฮูหยิน คราวที่แล้วเจ้านำผงไข่มุกหยกนารีมาให้สวี่ฮูหยินมิใช่หรือ?”กู้หว่านเยว่พยักหน้า นางจำเรื่องนี้ได้ตอน

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 692

    “แค่สามสิบกล่องเท่านั้น...”กู้หว่านเยว่ยิ้มเล็กน้อย “สินค้าดีต้องรอหน่อย เป็นเพราะว่าผงหยกนารีคือของดี การพัฒนาและผลิตสักขวดจึงต้องใช้เวลานานมาก ดังนั้นจึงสามารถผลิตได้เพียงหกสิบกล่องต่อเดือนเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้มีคนมาเหมาซื้อทั้งหมดในคราวเดียว ทางร้านจึงจำกัดการซื้อเพื่อให้แน่ใจว่าจะมีคนได้ใช้มากขึ้น”“ที่พูดมาก็ถูก พวกข้าซื้อผงหยกนารีเพราะเห็นแก่ประสิทธิภาพของมัน ให้รอก็ไม่กลัว อีกสามวันก็วันที่ 15 แล้ว เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะให้บ่าวรับใช้มาเข้าแถวแต่เช้าเลย”“ข้าก็จะส่งคนมารอตั้งแต่เช้าเหมือนกัน”เมื่อฮูหยินทั้งหลายได้รู้ช่องทางในการซื้อผงหยกนารีก็เลิกตอแยกัน ต่างคนต่างกลับไปอย่างพึงพอใจหลี่ชิวเตี๋ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก “โชคดีที่เถ้าแก่เนี้ยยังหาทางได้ ไม่เช่นนั้นข้าก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะรับมือยังไง”ทุกวันนี้ นางคุ้นเคยกับการเรียกกู้หว่านเยว่ว่าเถ้าแก่เนี้ยแล้ว“เจ้ากลับไปก่อน พรุ่งนี้ข้าจะให้คนเอาผงหยกนารีสามสิบกล่องไปส่งที่ร้านดอกท้อ”กู้หว่านเยว่เข้าใจความคิดของหลี่ชิวเตี๋ย กว่าจะทำร้านขึ้นมาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอยากไขว่คว้าโอกาสไว้แน่“ตกลง ขอบคุณเถ้าแก่เนี้ย”

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 693

    “พี่สะใภ้ใหญ่กับหลานชายตัวน้อยกลับมาแล้ว แต่ไม่ออกมาต้อนรับ ไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย!” ซูจิ่นเอ๋อร์เท้าเอว กำลังจะไปตามซูจื่อชิงมานางหยางคว้าตัวนางไว้ “พี่รองของเจ้าไปล่าสัตว์ในภูเขาหิมะเมื่อหลายวันก่อน ยังไม่กลับมาเลย”“ล่าสัตว์ เขาไปล่าสัตว์อะไร?”ซูจิ่นเอ๋อร์กะพริบตาปริบ ๆ กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงก็ดูประหลาดใจเช่นกันฝีมือแย่ ๆ ของซูจื่อชิง กระต่ายตัวเดียวยังยิงแทบไม่ถูกเลย ยังจะวิ่งไปล่าสัตว์ในภูเขาหิมะอีกหรือ?“พี่รองชอบอ่านหนังสือและเขียนตัวอักษรมาตลอด จะไปล่าสัตว์ได้ยังไง ได้ยินว่ามีหมีซ่อนตัวอยู่ในภูเขาหิมะด้วย”ขณะที่ซูจิ่นเอ๋อร์กำลังพูดอยู่นั้น ชิงเหลียนก็วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน “ไม่ได้การแล้วเจ้าค่ะ ไม่ได้การแล้วเจ้าค่ะ”เมื่อเห็นนางหยางและซูจิ้งอยู่ที่นี่ ก็รีบหุบปากทันที สายตามองไปทางกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงดวงตาของซูจิ่งสิงเป็นประกาย “ท่านแม่ พวกท่านพาจ้านจ้านออกไปเล่นก่อนเถอะ”“ได้สิ แม่จะไปเตรียมอาหารเย็นที่ห้องครัว”นางหยางคิดว่าเป็นเรื่องงานราชการ อุ้มจ้านจ้านลงไปอย่างยิ้มแย้มปรากฏว่าทันทีที่นางออกไป ชิงเหลียนก็รีบคุกเข่าลงบนพื้น “เรียนฮูหยิน คุณชายรองเกิด

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 694

    ซื่อสี่รีบหุบปาก ในขณะที่ซูจื่อชิงพูดว่า “มันเป็นความประมาทของข้าเอง เลยไปเจอหมีเข้า ไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น ถ้าพี่ใหญ่พี่สะใภ้ใหญ่อยากโทษก็โทษข้าเถอะ”ว่าแล้วก็หลับตาลง ดูหมดอาลัยตายอยาก ส่งผลให้ซูจิ่งสิงสีหน้าบึ้งตึง“ถ้าเจ้าอยากตายก็ไม่มีใครห้ามเจ้าได้ เป็นลูกผู้ชายแต่แสดงท่าทีเช่นนี้ออกมาให้ใครดู?”“พี่สะใภ้ใหญ่ถามไถ่รายละเอียดของเรื่องราวด้วยความหวังดี แต่เจ้ากลับไม่ยอมให้ซื่อสี่พูด ทำไมหรือ เห็นพวกข้าเป็นคนนอกแล้วหรือ?”ซูจื่อชิงยังคงนิ่งเงียบ หลับตาอันแดงก่ำ ขนตาสั่นไหวเบา ๆ“ท่านพี่!”กู้หว่านเยว่ดึงเขาออกมา นางเข้าใจความเป็นห่วงเป็นใยของซูจิ่งสิงที่มีต่อน้องชาย“จื่อชิงอาจจะไปพบเจออะไรบางอย่าง ท่านพูดไปก็ไม่มีประโยชน์”“อาการบาดเจ็บของเขาเป็นยังไงบ้าง?”ในที่สุดซูจิ่งสิงก็ใจเย็นลง เขาไม่ได้เรียกร้องอะไรจริงจัง แค่ทนเห็นน้องหญิงต้องคับข้องใจไม่ได้ รวมถึงสภาพของน้องชายที่ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปด้วย“ข้าเพิ่งดูคร่าว ๆ ไม่เป็นอะไรมาก ทั้งหมดเป็นบาดแผลภายนอก ถึงจะดูน่ากลัว แต่ก็ไม่ถึงกับบาดเจ็บไปถึงกล้ามเนื้อและกระดูก แค่ดูแลให้ดีก็พอ แต่บนขาต้องมีรอยแผลเป็นแน่นอน”สำหรั

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 695

    “หงเจา พรุ่งนี้เจ้าเอาผงหยกนารีนี้ไปส่งที่ร้านดอกท้อ”กู้หว่านเยว่กังวลว่าตัวเองจะลืม จึงมอบผงหยกนารีให้หงเจาก่อนเห็นเด็กสาวคนนี้รับผงหยกนารีไปแล้วแต่ก็ยังลังเลที่จะพูด จึงเลิกคิ้วขึ้น “มีอะไรก็พูดออกมาตรง ๆ เลย”“ฮูหยิน”หงเจามีอะไรจะถามจริง ๆ แต่มันค่อนข้างยากที่จะเอ่ยปากนางรวบรวมความกล้า “ท่านไปที่กระโจมของศัตรู ได้พบกับคุณชายหร่านแล้วหรือยัง?”“ฮูหยินโปรดอย่าเข้าใจผิด ข้าแค่อยากรู้ว่าเขาตายแล้วหรือยัง...ข้าแค่ถามไปอย่างนั้นเอง...”เสียงของหงเจาเบาลงเรื่อย ๆ ก้มศีรษะต่ำลงเรื่อย ๆกู้หว่านเยว่ชะงักไป เด็กสาวคนนี้ยังไม่ลืมหร่านถิงอีกหรือ? หรือว่าเป็นเพราะยังเด็กเกินไป?“เขายังไม่ตาย”กู้หว่านเยว่สังเกตอารมณ์ของหงเจา เมื่อนางได้ยินว่าหร่านถิงยังไม่ตาย ความเบิกบานก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้า พลางถอนหายใจโล่งอก“หงเจา เจ้าชอบหร่านถิงหรือ?”“ไม่ใช่อยู่แล้ว เหตุใดฮูหยินถึงถามเช่นนี้? เขาเป็นคนสุรุ่ยสุร่ายมากรัก บ่าวเองก็รู้ดี จะไปชอบเขาได้ยังไง บ่าวรังเกียจคนแบบนี้ที่สุด”เสียงของหงเจาค่อนข้างวิตกกังวล ไม่รู้เลยว่าจะปกปิดความรู้สึกของตัวเองได้อย่างไร“หงเจา เจ้ายังเด็กนัก อายุแค่สิบ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 696

    ที่แท้เผยเสวียนได้รับบาดเจ็บจากหมี แต่เมี่ยชิงหว่านมาพบเข้าพอดี“คุณชายเผยใส่ร้ายว่าคุณชายรองจงใจทำร้ายเขา แม่นางชิงหว่านปกป้องคุณชายเผย คุณชายรองต้องการปกป้องแม่นางชิงหว่าน ผลปรากฏว่าตัวเองถูกหมีตัวนั้นกัด”ในที่สุดกู้หว่านเยว่ก็รู้เรื่องราวกระจ่างที่แท้เผยเสวียนชอบเมี่ยชิงหว่าน จึงจงใจวางกับดักซูจื่อชิง แต่กลับถูกซูจื่อชิงออกอุบายใส่ จนตัวเองได้รับบาดเจ็บจากหมีและเผยเสวียนยังเป็นพวกทำตัวใสซื่อ เกลี้ยกล่อมให้เมี่ยชิงหว่านเชื่อเขา ซูจื่อชิงต้องการปกป้องเมี่ยชิงหว่าน จึงได้รับบาดเจ็บจากหมีตัวนั้นเช่นกันประเด็นคือบาดเจ็บภายนอกเป็นเรื่องเล็กน้อย บาดเจ็บภายในใจต่างหากที่เป็นเรื่องใหญ่เขาคิดว่าเมี่ยชิงหว่านไม่เชื่อเขา“คุณหนูชิงหว่านบอกว่าคุณชายรองมีเจตนาร้าย คุณชายรองโกรธมากจนสะดุดล้ม ถึงถูกหมีทำร้ายบาดเจ็บ”ซื่อสี่ไม่กล้าปิดบัง เปิดเผยเรื่องราวทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบและซูจื่อชิงก็นึกถึงความทรงจำในตอนนั้น ดวงตาแดงเรื่อกู้หว่านเยว่กล่าวอย่างไตร่ตรอง “เจ้าเคยอธิบายให้เมี่ยชิงหว่านฟังไหม?”ซูจื่อชิงยิ้มเยาะ “ในเมื่อนางเชื่อเผยเสวียน ก็ให้นางเชื่อไปเถอะ ทำไมข้าต้องอธิบายด้วย”

บทล่าสุด

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1396

    ขณะที่นำกองทหารออกจากเมืองหลวง เขาก็รู้ว่าชีวิตของตัวเอง ช้าเร็วก็ต้องถูกพรากไป“ข้าต้องการให้ท่านเขียนคำสั่งลงโทษตัวเอง”ซูจิ่งสิงพูดทีละคำ เอ่ยปากอย่างตั้งใจตอนแรกทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งกลับมาพร้อมกับชัยชนะ แต่กลับถูกฮ่องเต้ชั่วและขุนนางชั่วกลุ่มนี้เนรเทศไปที่เจดีย์หนิงกู่ในข้อหากบฏแม้ว่าฮ่องเต้ชั่วจะแต่งตั้งเขาให้เป็นเจิ้นเป่ยอ๋องอีกครั้งในเวลาต่อมา แต่ความเข้าใจผิดในอดีตก็ไม่ได้รับการล้างมลทินให้เขาเวลานี้ ในสายตาผู้คนใต้หล้า เขาคืออาชญากรที่สมคบคิดกับข้าศึกและขายชาติเขาต้องการล้างมลทินให้กับตัวเองด้วยมือของเขาเอง“ท่าน”ใบหน้าชราของหลี่กวงถิงทั้งอายและโกรธเคือง“ไม่”เขาส่ายหัวปฏิเสธ ต่อให้ต้องตายในมือของซูจิ่งสิงเช่นนี้ ก็ยังมีชื่อเสียงดี ๆ ฝากไว้แต่เมื่อคำสั่งลงโทษตัวเองนี้ถูกเขียนขึ้นแล้ว ก็เท่ากับเป็นการยอมรับความผิดอย่างเปิดเผยตอนแรกเขาให้ความร่วมมือกับฮ่องเต้ในการใส่ร้ายซูจิ่งสิงมันต่างอะไรกับขุนนางทุจริต?ผู้คนทั่วหล้าจะถ่มน้ำลายด่าประนามเขาเช่นไร?“จะฆ่าจะแกง ก็สุดแล้วแต่ท่าน ข้ายังคงยืนยันประโยคนั้นเหมือนเดิมสำหรับคำสั่งลงโทษตัวเองนี้ ข้าไม่มีทางเขียนเด

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1395

    เห็นเพียงท่ามกลางหมอกหนาทึบที่อยู่ฝั่งตรงข้าม มีแสงไฟเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน ราวกับหิ่งห้อยในค่ำคืนอันมืดมิดเมื่อแสงไฟนั้นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ รองแม่ทัพที่อยู่บนเรือก็เบิกตาทั้งสองกว้าง“ไม่ได้การ ทั้งหมดเป็นลูกศรติดไฟ!”ก้นลูกศรเหล่านี้ถูกมัดด้วยลำกล้องดินปืน ภายในเป็นดินปืนทั้งหมดดินปืนตกลงมาพร้อมกับลูกศรที่ยิงขึ้นมาบนเรือราวกับเม็ดฝนทั่วท้องฟ้า ภายในเวลาชั่วพริบตา เรือก็ติดไฟ“เร็วเข้า รีบถอยกลับ”หลี่กวงถิงสั่งการ เขารู้สึกอย่างเลือนรางว่าตัวเองถูกแผนชั่วของซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่เล่นงานเข้าแล้วกองทัพใหญ่ออกเดินทางแล้ว ต้องการจะถอยกลับจะทำได้ง่าย ๆ อย่างไร?ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ยังอยู่บนผิวน้ำ การเดินเรือไปข้างหน้าก็ทำได้ยากลำบากอยู่แล้วคนเหล่านี้ไม่ถนัดเรื่องการต่อสู้บนน้ำ ไม่มีสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ยังโชคดีเพราะหากพบเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิด ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะล่าถอยอย่างเป็นระเบียบเรือติดไฟแล้ว เหล่าทหารร่ำไห้อย่างน่าเวทนา ในระหว่างการล่าถอยของเรือ ต่างก็ชนกันเอง สถานการณ์วุ่นวายในระดับหนึ่งทว่าลูกศรทั่วฟ้านั้นก็ยังไม่ยอมหยุดเลยหลังจากยิงจบระลอกห

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1394

    “ข้ามีความคิดดี ๆ อย่างหนึ่ง”ดวงตาของกู้หว่านเยว่กลอกไปมา ทันใดนั้นก็มีความคิดแผลง ๆ ผุดขึ้นมา“หลี่กวงถิงผู้นี้ต้องการว่าจ้างคนจากหอมือสังหารมาฆ่าท่านมิใช่หรือ? เราก็ให้คนของหอมือสังหารมาตอบรับเรื่องนี้”ซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่สบสายตากันเข้าใจทันทีว่าภรรยากำลังคิดอะไรอยู่“หนามยอกเอาหนามบ่งหรือ?”“ถูกต้อง ถึงตอนนั้นเราก็มาปิดประตูตีแมวกัน”ซูจิ่งสิงเขียนจดหมายฉบับหนึ่ง นกพิราบสื่อสารก็กลับไปตามทางเดิม เพื่อส่งกลับไปที่หอมือสังหารเป็นสองวันที่สถานการณ์สงบสุขสองวันต่อมา หลี่กวงถิงก็ได้รับข่าวกรอง แจ้งว่าคนจากหอมือสังหารทำสำเร็จแล้ว“ข้าน้อยเห็นว่ากองทัพของเจดีย์หนิงกู่สงบเงียบ ดูเหมือนจะไม่มีข่าวการตายของซูจิ่งสิงแพร่ออกมา”รองแม่ทัพหลายคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้สักเท่าใดหลี่กวงถิงยังรู้สึกว่าต้องระมัดระวังด้วยหลังจากรออีกสองวัน ก็มีข่าวกรองออกมาอีกว่า ค่ายของผู้บัญชาการถูกรายล้อมด้วยกองกำลังทหารอากาศแบบนี้ภายนอกกระโจมกำลังตากปลาเค็มอยู่ จนส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง“ตากปลาเค็ม อากาศแบบนี้ตากปลาเค็มอะไรกัน?”หลายคนนั่งวิเคราะห์ด้วยกันรองแม่ทัพคนหนึ่งพูดขึ้นมาอย่างฉับพล

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1393

    “ลู่จิง มองไม่ออกเลยว่า เจ้าจะรักหน้าที่การงานมากเช่นนี้”เกาเจี้ยนหัวเราะอย่างชั่วร้ายรักหน้าที่การงาน?ลู่จิงสะดุดเข้าให้ใครจะไปรักหน้าที่การงาน ชัดเจนว่าเขารักและสงสารกงซุนฉิงเขาเหลือบมองกงซุนฉิง ขณะที่คิดจะใช้โอกาสนี้เปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างสองคน“ถูกต้อง เขารักหน้าที่การงานมาก!”ทันใดนั้นกงซุนฉิงก็เหยียบเท้าของเขา แล้วรีบเอ่ยขึ้นนางละอายใจที่จะให้ฮูหยินรับรู้เรื่องราวของพวกเขาสุดท้าย ก็จ้องเขม็งใส่ลู่จิงอย่างดุดัน พลางกระซิบว่า“หุบปาก”“ก็ได้”ลู่จิงหุบปากอย่างเชื่อฟังคำพูดของคนรักต้องเชื่อฟัง นี่จะไม่ใช่ความองอาจของชายชาตรีอย่างหนึ่งอย่างไร“เช่นนั้นพวกเจ้าทั้งสองก็พูดคุยกันตามสบาย ใครจะเฝ้ายามก็ไม่สำคัญ หรือว่าถ้าไม่ได้จริง ๆ พวกเจ้าสองคนก็เฝ้ายามด้วยกันได้”ด้วยการเสริมทัพของเกาเจี้ยน ใบหน้าของกงซุนฉิงก็ยิ่งแดงขึ้น“เราไปกันเถอะ”กู้หว่านเยว่ดึงแขนเสื้อของซูจิ่งสิงเงียบ ๆ พลางยิ้มคลุมเครือมองดูผู้ใต้บังคับบัญชาคุยกันเรื่องความรักลับ ๆ ก็น่าสนุกดีเหมือนกัน“ไป”ซูจิ่งสิงจูงมือกู้หว่านเยว่จากไป“ถ้าอย่างนั้นข้าก็ต้องไปเหมือนกัน”เกาเจี้ยนถูกเตือนสต

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1392

    ซูจิ่งสิงกระซิบเตือนกู้หว่านเยว่ที่ข้างหูอย่างแผ่วเบา ภรรยาเป็นคนบ้าการงาน ตั้งแต่มาถึงค่ายทหาร ก็มีเวลาพักผ่อนน้อยกว่าเขาเสียอีกเขาชอบท่าทางการวางแผนในกระโจมของกู้หว่านเยว่มาก เพียงแต่เป็นห่วงว่าร่างกายของนางจะรับไม่ไหว ดังนั้นจึงกำชับอยู่บ่อยครั้ง“ก็ได้เจ้าค่ะ ลมแรงจริง ๆ”กู้หว่านเยว่ถือโอกาสโยนกล้องโทรทรรศน์เข้าไปในมิติ แล้วลงมาจากหอสังเกตการณ์พร้อมกับซูจิ่งสิงหอสังเกตการณ์แห่งนี้สร้างโดยทหารตามคำสั่งของกู้หว่านเยว่ก่อนหน้านี้ โดยอิงตามพิมพ์เขียวที่นางให้มาหอสังเกตการณ์สูงยี่สิบเมตรพอดี เมื่อยืนอยู่ด้านบนของหอสังเกตการณ์จะสามารถมองเห็นจุดที่อยู่ไกลออกไปได้ชัดเจน สังเกตสถานการณ์ของศัตรูได้สะดวกยิ่งขึ้นทั้งสองลงมาจากหอสังเกตการณ์ ขณะที่กำลังเดินเล่นอยู่ในกองทัพกับเกาเจี้ยนก็ได้ยินเสียงโต้เถียงครู่หนึ่งโดยพลัน“ชู่ว์”กู้หว่านเยว่ส่งสัญลักษณ์มือให้ซูจิ่งสิง ดึงเขาให้เดินไปตามทิศทางที่ส่งเสียงมานางรู้สึกอยู่เสมอว่าเสียงนี้ค่อนข้างคุ้นเคย เมื่อเดินเข้าไปมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคนคุ้นเคยจริงดังคาด เห็นกงซุนฉิงและลู่จิงกำลังโต้เถียงกันหน้าแดงหูแดง“นายท่าน ฮูหยิน พวกท่านมา

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1391

    “หลี่กวงถิงต้องการควบคุมข่าวลือในกองทัพ แต่ก็ต้องดูว่านายทหารเหล่านั้นจะเชื่อเขาหรือไม่”ในกระโจมฝั่งตรงข้ามกับแม่น้ำมู่ตัน กู้หว่านเยว่กำลังแกว่งเอกสารราชการในมือเล่น ใบหน้าเผยแววเจ้าเล่ห์ออกมาซูจิ่งสิงถูปลายนิ้ว “เป็นอย่างที่เจ้าคาดไว้ไม่ผิด ทันทีที่หลี่กวงถิงได้ยินข่าวนี้ ก็เรียกประชุมทั้งกองทัพทันทีและบอกว่าข่าวนี้ เป็นเท็จ”“เขามีวิธี และเราก็มีวิธีเช่นกัน”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเก็บไพ่ใบสำคัญนี้ไว้ตลอดโดยเปล่าประโยชน์ ย่อมไม่ยอมปล่อยให้หลี่กวงถิงปกปิดเรื่องนี้ได้ง่าย ๆ“ถึงเวลาที่โจวเหล่าต้องออกหน้าแล้ว”นางเอ่ยเบา ๆหลี่กวงถิงเรียกประชุมทั้งกองทัพ พยายามปลอบขวัญทหารทว่าเขาเพิ่งพูดจบในตอนเช้า ตอนบ่ายก็มีข่าวส่งมาถึงบอกว่าโจวเหล่าออกหน้าด้วยตัวเอง เขียนเอกสารฉบับหนึ่งด้วยมือ“โจวเหล่าได้ยอมรับสถานะบุตรที่เป็นกำพร้าของอดีตรัชทายาทแล้ว”ใบหน้าของรองแม่ทัพอมทุกข์“โจวเหล่าเคยเป็นอาจารย์ของอดีตรัชทายาท เขายังเป็นนักปราชญ์แห่งยุคอีกด้วย มีลูกศิษย์ในมือนับไม่ถ้วน เขาเชี่ยวชาญในการชี้นำการพัฒนาคำวิพากษ์วิจารณ์ของมวลชนบัดนี้เขาพูดออกมาเช่นนี้ ยังมีใครที่ไม่เชื่ออีก?”

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1390

    กู้หว่านเยว่ซื้อโล่และชุดเกราะมาอย่างละสองหมื่นชุดนอกจากธนูและหน้าไม้แล้ว กู้หว่านเยว่ยังซื้อลูกปืนใหญ่มาอีกชุดหนึ่งลูกปืนใหญ่เหล่านี้ถือเป็นของสำรอง จะไม่นำออกมาใช้อย่างเด็ดขาด เว้นแต่จะเป็นสถานการณ์พิเศษพลังทำลายล้างของลูกปืนใหญ่นั้นรุนแรงเกินไป หากไม่จำเป็น ก็อย่าเพิ่งนำออกมาใช้หลังจากเตรียมสิ่งของพร้อมแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ดูยอดเงินคงเหลือในบัตรอืม แทบจะไม่ขยับเลยการมีเงินใช้ไม่หมดนี่มันรู้สึกดีจริง ๆ !นอกจากสิ่งเหล่านี้ นางยังซื้อผงห้ามเลือดและยาจินชวงมาจำนวนมาก ล้วนมีประโยชน์สำหรับใช้พันแผลให้ทหารหลังจากทำทั้งหมดนี้เสร็จแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ย้ายสิ่งของทั้งหมดนี้เข้าไปไว้ในคลังเก็บของในเมืองผิงโจวเมืองผิงโจวมีทหารคุ้มกันอย่างแน่นหนา ไม่ต้องกลัวว่าของข้างในจะสูญหายหลังจากนำของเข้าไปไว้ในคลังเก็บของแล้ว ค่อยให้ทหารขนย้ายสิ่งของเหล่านี้ทั้งหมดไปยังค่ายเวลาผ่านไปรวดเร็วสิบวันต่อมา กองทัพของฮ่องเต้เดินทางมาถึงแม่น้ำมู่ตันหลี่กวงถิงมองไปยังผืนน้ำอันกว้างใหญ่ของแม่น้ำมู่ตัน ก็รู้สึกมึนงงมิน่าล่ะ ก่อนหน้านี้เจียงเต๋อจื้อนำกองทัพห้าหมื่นนายมา ผลปรากฏว่าพ่ายแพ้ย่อยยับ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1389

    นางสั่งให้คนสร้างคลังเก็บของขนาดใหญ่ขึ้นที่บริเวณต้นน้ำของแม่น้ำมู่ตันในเมืองผิงโจวเมื่อนานมาแล้ว แต่ก่อนเอาไว้ใช้เก็บเสบียงอาหารยังมีคลังเก็บของอีกหลายแห่งที่ยังใช้ไม่หมดกู้หว่านเยว่ตั้งใจจะใช้กักตุนอาวุธทั้งหมดสามวันต่อมา กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงนำกองทัพใหญ่มาถึงแม่น้ำมู่ตันกองทัพใหญ่ตั้งค่ายอยู่ริมแม่น้ำกางเต็นท์อย่างเป็นระเบียบ ตามแบบแปลนที่กู้หว่านเยว่มอบให้เต็นท์เล็ก ๆ ถูกกางขึ้นริมแม่น้ำควันไฟค่อย ๆ ลอยขึ้นไปเหล่าทหารไม่ได้ตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย แต่ละคนดูเหมือนมาพักผ่อนจะทำอย่างไรได้ ก็เบี้ยหวัดทหารเยอะมากเกินไป!คนอื่นเวลาเดินทัพก็กินแต่อาหารแห้ง ซาลาเปากับหมั่นโถว แต่พวกเขากินกับข้าวสามอย่าง พร้อมน้ำแกงหนึ่งอย่างทุกมื้อ แถมยังมีทั้งเนื้อและผักอีกต่างหาก!แบบนี้จะเรียกว่าออกรบได้อย่างไร?เหมือนกับเทศกาลตรุษจีนชัด ๆ !เมื่อเห็นเหล่าทหารมีขวัญกำลังใจ กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงก็ดีใจ ทั้งสองคนปรึกษาแผนการในค่ายทหารซูจิ่งสิงไม่เป็นสองรองใครในเรื่องการรบอยู่แล้ว แต่เขาพบว่ากู้หว่านเยว่ก็มีพรสวรรค์ในด้านการทหารเช่นกันความคิดที่ผุดขึ้นมาเป็นครั้งคราว ทำให้เขา

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1388

    “ไม่ต้อง ๆ ข้าแค่พูดเล่นเท่านั้น ยาพิษของพวกนี้ ใช้ให้น้อยจะดีกว่า”แต่จริง ๆ แล้ว เขาก็แค่แสร้งทำเท่านั้น เฟิ่งอู๋ชีไม่ได้กลัวพิษเลยสักนิด เพราะร่างกายเขามีคุณสมบัติเป็นยาโดยกำเนิด“ไปแล้วนะ”เขาโบกมือ แล้วหันหลังเดินจากไป“รักษาชีวิตของท่านเอาไว้”กู้หว่านเยว่เอ่ยขึ้นอย่างช้า ๆ ไม่ใช่ว่าเป็นห่วงความปลอดภัยของเฟิ่งอู๋ชี แต่เป็นเพราะคนที่ร่างกายมีคุณสมบัติเป็นยาโดยกำเนิดนั้นหาได้ยากเผื่อในอนาคตทั้งสองกลายเป็นเพื่อนกัน นางก็อาจจะได้ศึกษาดู“ไม่ต้องห่วง สิ่งที่แข็งที่สุดของข้าก็คือชีวิตนี่แหละ”เฟิ่งอู๋ชีนหลังเดินจากไป เดินไปได้สองก้าวก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไม่ใช่ ๆ จุดแข็งที่สุดของเขาไม่ใช่ชีวิตเสียหน่อย!“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ นี่เป็นถึงองค์ชายหนานเจียงเชียวนะ จะไม่ฉวยโอกาสจับเขาไว้หรือ จะปล่อยพวกเขาไปง่าย ๆ แบบนี้หรือ?”ซูจื่อชิงรีบเข้ามา เห็นเฟิ่งอู๋ชีกำลังเดินจากไปพอดี ใบหน้าของเขาเผยความเสียดายออกมาเล็กน้อยปล่อยศัตรูไปแบบนี้ ไม่เท่ากับปล่อยเสือเข้าป่าหรอกหรือ?จากมุมมองของเขา ก็ควรจะจับองค์ชายหนานเจียงไว้ เพื่อใช้ข่มขู่หนานเจียงสิ“ฆ่าองค์ชายหนานเจียงก็ไร้ประโยช

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status