ยามนี้ จิตใจของกู้หว่านเยว่กลับมาอยู่ที่นกพิราบย่างอีกครั้งอย่าละเลยอาหารโอชะและบุรุษองอาจ แต่ให้ทิ้งปัญหาทั้งหมดที่มีเอาไว้ก่อนซูจิ่งสิงหยิบนกพิราบย่างออกจากมือของนางอย่างระมัดระวัง “ข้าเอง เจ้าพักผ่อนเถอะ”“ท่านทำได้หรือ?” กู้หว่านเยว่สงสัยซูจิ่งสิงสีหน้ามืดมน เขาถูกดูถูกหรือ?“ได้หรือไม่ ลองแล้วก็รู้เอง”โดยไม่มีคำอธิบายใดๆ เขาหยิบไม้เสียบนกพิราบย่างที่วางอยู่บนตะแกรงมา แล้วเริ่มย่างมันทันทีกู้หว่านเยว่มองดูด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม นางหยิบผงยี่หร่าออกมาจากกระเป๋า แล้วโรยลงบนนกพิราบย่าง ร่วมมือกับเขาหลังจากนั้นไม่นาน นกพิราบย่างรสเผ็ดร้อนสีเหลืองกรอบก็ถูกยกขึ้นมาจากเตา อยู่ภายใต้มือของสองท่านพี่ภรรยาแล้ว“กลิ่นหอมมากเลย!” กู้หว่านเยว่อุทานขึ้นมาผงยี่หร่านี้ ได้มาจากร้านอาหารเลิศรส มีกลิ่นหอม รสชาติเผ็ดร้อนจนน้ำลายสอซูจิ่งสิงฉีกชิ้นเนื้อออกแล้วส่งเข้าปากนาง “เจ้ากินก่อน ระวังร้อน”ในแววตามีสิ่งที่เขาไม่สังเกตเห็นได้ ทอประกายขึ้นมาหยางซื่อ ซูจิ่นเอ๋อร์และซูจื่อชิงแอบมองจากด้านข้าง ยิ้มจนเห็นคิ้วไม่เห็นตาขณะกินเนื้อที่จ่อเข้าปาก กู้หว่านเยว่ก็หน้าแดงก่ำขึ้นมาอย่างหาได
กู้หว่านเยว่ระงับความตื่นเต้นเอาไว้สุดกำลัง อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปากจากนี้ไป นางจะมีอิสระทางการเงิน ซื้อของในเวทีซื้อขายได้ตามต้องการ!ด้วยอารมณ์ตื่นเต้นนี้ นางกลับไปที่เวทีซื้อขาย ค้นหาสมุนไพรที่จำเป็นตามเทียบยาหลังจากนั้นไม่นาน สมุนไพรทั้งหมดก็ถูกกว้านซื้อไปทันทีที่นางกดปุ่มชำระเงิน สมุนไพรก็ปรากฏขึ้นในตะกร้าของนางโดยอัตโนมัติกู้หว่านเยว่ซื้อกระต่ายเนื้ออีกห้าตัวและไก่ฟ้าห้าตัว ท้ายสุด จึงถือของใหญ่เล็กกลับมาเต็มไม้เต็มมือเมื่อเห็นนางกลับมาพร้อมของมากมาย ทุกคนต่างก็ตกใจ“แม่นางน้อยกู้ ท่านไปเอาไก่ฟ้ากับกระต่ายมากมายขนาดนี้มาจากไหนกัน?”กู้หว่านเยว่โกหกตาไม่กะพริบ “ข้าโชคดีน่ะเจ้าค่ะ ตอนที่เก็บสมุนไพร เจอรังกระต่ายกับรังไก่ฟ้าพอดี เลยเก็บมันมาพร้อมกันเลยทีเดียว”แล้วยื่นไก่ฟ้าและกระต่ายเนื้อให้พวกเขา“เหมือนเดิม พวกท่านจัดการกับไก่ฟ้าและกระต่าย อีกประเดี๋ยวจะแบ่งให้พวกท่านหนึ่งตัว”การแสดงออกของทุกคนเปลี่ยนจากอิจฉาเป็นตื่นเต้น แม่นางน้อยกู้ใจดีกับพวกเขามาก แบ่งอาหารให้พวกเขาทุกครั้งหลังจากได้ยิน หลายคนก็เลิกเสแสร้ง รีบหยิบกระต่ายและไก่ฟ้าขึ้นมาจากนั้นก็ตามหาแหล่งน
“ครอบครัวฮูหยินตระกูลซูเกิดอะไรขึ้น? ทำไมพวกเขาถึงน้ำลายฟูมปากกันหมดเลย?”คนอื่นๆ ต่างหวาดกลัว รวมตัวกันมาดูความสนุก แต่ไม่กล้าเข้าใกล้จนเกินไปเพราะกลัวจะติดโรค“แม่นางน้อยกู้ พวกเขาไม่ใช่ว่าติดโรคเข้าแล้วกระมัง?”ซุนอู่เอ่ยถามคำถามที่ทุกคนกังวลในเวลาเดียวกัน เขาก็ยังแอบตัดสินใจในใจว่า หากตระกูลซูเก่าป่วยติดโรคจริงๆ พวกเขาจะต้องถูกโยนลงไปในป่าภูเขาลึกไม่อาจให้มาทำร้ายทั้งกลุ่มเนรเทศได้“หลีกทาง ให้ข้าดูหน่อย”กู้หว่านเยว่รับรู้ถึงความเคร่งเครียดของเรื่องนี้ สีหน้านางจริงจังขึ้นมาทันที เดินไปตรวจสอบสถานการณ์ของตระกูลซูเก่าแต่เพียงมองแวบเดียว นางก็แน่ใจได้ในทันที ว่าตระกูลซูเก่าไม่ได้ทรมานจากโรคระบาด แต่เป็นเพราะอาหารเป็นพิษ“ทุกท่านไม่ต้องกลัวไป พวกเขาไม่ได้ติดโรคหรอก พวกเขาแค่กินเห็ดพิษ และตอนนี้พิษก็เริ่มออกฤทธิ์แล้ว”ข้าบอกพวกเขาไปแล้วว่าเห็ดมีพิษ แต่ถ้าพวกเขาก็ยังไม่เชื่อ รู้เพียงว่าตนต้องได้เห็ดเหล่านั้นไปกินแต่ไม่เป็นไรหรอก การลงโทษมาแล้วกู้หว่านเยว่ไร้ความสงสารแต่คนพวกนี้ฮูหยินผู้เฒ่ากลัวตายจับจิต เพราะคิดว่าตัวเองติดโรคระบาด แต่เมื่อได้ยินกู้หว่านเยว่บอกว่าเป็
นอกกระโจม หลี่ซือซือด้านหนึ่งอาเจียนด้านหนึ่งร้องไห้ เสียงของนางโศกเศร้ากว่าใครในนั้นกู้หว่านเยว่ไม่ได้เห็นใจนางเลยสักนิด คนใจไม้ไส้ระกำต้องโดนเกลียดชังเป็นการตอบแทน นี่คือการลงโทษของนางวันต่อมา ตระกูลซูเก่าถูกทรมานเสียจนไร้เรี่ยวแรงคร่ำครวญ ทุกคนนอนราบลงกับพื้น อาการร่อแร่ใกล้ตายไม่อาจไม่พูด คนชั้นยอดพวกนี้หนังเหนียวดีจริงๆ โดนไปขนาดนั้นแล้วยังไม่ตายอีกเมื่อเห็นว่าอาหารและสมุนไพรหมดลงอีกครั้ง กู้หว่านเยว่จึงกล่าวทักทายซุนอู่ แสร้งทำเป็นออกไปค้นหาอาหารตามปกติมองลงมาจากที่สูง น้ำท่วมลดลงมากแล้ว ดูเหมือนว่าภายในสองวันนี้ พวกเขาก็สามารถลงจากภูเขาได้แล้วทันใดนั้น ดวงตาของกู้หว่านเยว่ก็หรี่กระชับขึ้นนางมองเห็นอะไรบางอย่าง ดูเหมือนจะมีสองคนที่นอนอยู่ที่ตีนเขา ห่างจากนางไม่ไกลในตอนที่ลังเลว่าจะลงไปตรวจสอบดีหรือไม่ ชายคนหนึ่งก็โบกมืออย่างแรง และตะโกนว่า“แม่นางน้อย ช่วยด้วย ช่วยด้วย!”เยี่ยม ตอนนี้ไม่ลงไปก็ไม่ได้แล้วกู้หว่านเยว่เดินลงมาพร้อมตะกร้าในมือ ปรี่มาหาพวกเขาทั้งสองทั้งสองเป็นชายฉกรรจ์ คนหนึ่งหมดสติ อีกคนสีสติ ดูคล้ายนายกับบ่าวในแวบแรกที่มู่ชิงมองเห็นกู้หว่านเยว
จนกระทั่งได้ยินเสียงของกู้หว่านเยว่ดังขึ้นอีกครั้ง เขาจึงรู้สึกโล่งใจ รีบปลดผ้าที่ปิดตาออก แล้วหันหลังวิ่งไปหานาง“นายท่านของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”“ไม่เป็นไรแล้ว เจ้าไปดูเองเถอะ”ไม่ต้องให้กู้หว่านเยว่บอก มู่ชิงก็ก้มลงไปตรวจสอบอาการของชายคนนั้นแล้วเมื่อเห็นไม้ที่ปักอกชายคนนั้นถูกดึงออกมา และลมหายใจก็เริ่มคงที่ เขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก“แม่นางน้อย บุญคุณที่ช่วยชีวิตครั้งนี้ ข้าจะไม่มีวันลืม หากมีโอกาส ข้าจะตอบแทนแม่นางน้อยอย่างดีแน่นอน”พูดจบ เขาก็สังเกตเห็นว่ากู้หว่านเยว่มีเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผาก และใบหน้าของนางดูเหนื่อยล้าอย่างมากจากการช่วยชีวิตนายท่านของเขาในใจก็ยิ่งรู้สึกขอบคุณ จากนั้นรีบหยิบจี้หยกออกมา“นี่คือสิ่งยืนยันตัวตนของสกุลอวิ๋น ข้าน้อยเป็นคนรับใช้ของสกุลอวิ๋น วันนี้แม่นางน้อยช่วยชีวิตคุณชายของสกุลอวิ๋นเอาไว้ หากแม่นางน้อยต้องการความช่วยเหลือ สามารถไปหาพวกเราได้ที่เมืองตงโจว”“เมืองตงโจว?”นั่นไม่ใช่จุดหมายต่อไปของพวกเขาหรอกหรือ?แต่สกุลอวิ๋นนี้ กลับไม่เคยได้ยินมาก่อนกู้หว่านเยว่เก็บจี้หยกเอาไว้ในอกอย่างเงียบๆ จากนั้นพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข
กู้หว่านเยว่ พวกเจ้าตามไป อาจจะหาอาหารไม่เจอก็ได้“พวกเจ้าจัดการกระต่ายกับไก่ฟ้าก่อน ข้าจะไปดูข้างในเต็นท์หน่อย”กู้หว่านเยว่เปิดเต็นท์ แล้วเดินเข้าไปข้างในพอเข้าไป ก็เห็นซูจิ่งสิงที่มีสีหน้าร้อนรนซึ่งนั่งพิงอยู่บนก้อนหิน แล้วมองมาทางประตูเป็นระยะ ๆเมื่อเห็นเงาร่างของนาง แววตาของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาก่อน จากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นสีหน้าเคร่งขรึม“เจ้าไปไหนมา เหตุใดถึงกลับมาช้าขนาดนี้?”ขณะพูด สายตาของเขาก็มองสำรวจนางตั้งแต่หัวจรดเท้า ดูว่านางบาดเจ็บหรือไม่ทันใดนั้น เขาสังเกตเห็นว่ามีรอยเลือดที่ชายเสื้อของกู้หว่านเยว่จริง ๆ สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันทีคราวนี้แม้อยากจะแกล้งทำเป็นดุก็ทำไม่ได้แล้ว จึงเอ่ยถามขึ้นมาตรง ๆ ด้วยความร้อนใจ“เหตุใดถึงมีเลือด เจ้าบาดเจ็บหรือ บาดเจ็บตรงไหน รีบมาให้ข้าดู”“ไม่มี ๆ”กู้หว่านเยว่รู้ดีว่าข้อแก้ตัวของนางอาจหลอกคนอื่นได้ แต่หลอกเขาไม่ได้ เขาคงพอจะเดาได้ว่าเหยื่อของนางไม่ได้หามาจากในป่า จึงตัดสินใจพูดความจริง“เลือดนี้ไม่ใช่ของข้า”“แล้วเป็นของใคร?”“ตอนที่ข้าลงจากเขา ข้าเจอนายบ่าวคู่หนึ่ง นายได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าจึงช่วยพวกเขาไว้ จริงสิ พว
ขณะที่ซุนอู่กำลังยื่นเอกสารแสดงตัวให้กับทหารรักษาประตูเมือง กู้หว่านเยว่ก็มองไปรอบๆทุกที่ที่นางมองไป เต็มไปด้วยผู้อพยพที่ไม่มีที่อยู่อาศัยชายหญิงทั้งเด็กและผู้ใหญ่ รวมตัวกันเป็นกลุ่มๆ แต่ละคนสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ใบหน้าซูบผอมไม่ต้องพูดถึงศพที่ลอยอยู่ในแม่น้ำ ริมถนนก็เต็มไปด้วยผู้คนอดอยากล้มตายจำนวนนับไม่ถ้วนหลังจากภัยพิบัติน้ำท่วมในเมืองตงโจว สถานการณ์ก็เลวร้ายกว่าที่นางคิดไว้มากได้กลิ่นโคลนผสมกับกลิ่นเน่าเหม็นในอากาศ กู้หว่านเยว่ก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีบางอย่างนางรู้สึกว่าโรคระบาดกำลังแพร่กระจายอย่างเงียบๆ รอวันปะทุออกมา“พี่ใหญ่ซุน พวกเราอย่าอยู่ที่เมืองตงโจวนานนักเลย รีบจัดการเรื่องเอกสารแล้วออกจากที่นี่กันเถอะ”“รีบขนาดนั้นเลยหรือ?” ซุนอู่เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจตามความคิดเดิมของเขา ตั้งใจว่าจะอยู่ในเมืองตงโจวนานหน่อย เพื่อเติมเสบียงให้เต็มที่ก่อนออกเดินทางกู้หว่านเยว่ลดเสียงลง “ข้าสงสัยว่าเมืองตงโจวอาจเกิดโรคระบาดหนัก”“อะไรนะ?”ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่บนภูเขาก็เคยได้ยินกู้หว่านเยว่พูดถึงเรื่องโรคระบาด ทำให้เขารู้สึกกังวลมาหลายวันแล้วหลังจากเห็นว่าทุกอย่างเรี
ทหารชี้ไปยังบุรุษที่สวมชุดขุนนางซึ่งอยู่ไม่ไกลนักกู้หว่านเยว่ก็หันไปมอง เมื่อเห็นใบหน้าของบุรุษคนนั้นชัดเจน นางก็ตกตะลึงอย่างมากฟู่หลานเหิง!เพื่อนเล่นสมัยเด็กของเจ้าของร่างเดิม หลังจากที่เจ้าของร่างเดิมถูกพระราชทานสมรสกับซูจิ่งสิง เขาก็เสียใจมากจนหนีมาเป็นเจ้าเมืองที่เมืองตงโจวคิดไม่ถึงเลยว่าจะเจอเขาที่นี่ ฟู่หลานเหิงที่หันกลับมาก็เห็นกู้หว่านเยว่เช่นกันทันทีที่เห็นกู้หว่านเยว่ ฟู่หลานเหิงก็จำนางได้ จากนั้นก็รีบเดินเข้ามาหานางด้วยความดีใจ“หว่านเยว่ เป็นเจ้าจริง ๆ หรือ? เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”การได้พบเพื่อนเก่าในต่างถิ่น ทำให้กู้หว่านเยว่รู้สึกดีใจ แต่ถึงจะดีใจอย่างไร ตอนนี้นางก็แต่งงานแล้ว จึงต้องรักษาระยะห่างกับฟู่หลานเหิงและตอนนี้ สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าสถานการณ์ในเมืองตงโจวเป็นอย่างไรกันแน่“ใต้เท้าฟู่ ได้ยินมาว่าในเมืองตงโจวเกิดโรคระบาด เป็นเรื่องจริงหรือไม่?”“ถูกต้อง”เมื่อเห็นแววตาที่ห่างเหินของกู้หว่านเยว่ ฟู่หลานเหิงก็นึกขึ้นมาได้ว่านางแต่งงานแล้ว จึงรีบตั้งสติและกล่าวอธิบายว่า “เนื่องจากผลกระทบของภัยน้ำท่วม ช่วงนี้มีคนเสียชีวิตมากเกินไป ทางตะวันตกและตะว
เดิมทีวิชายุทธ์ของเขาก็ไม่สูง หลังผ่านความตกตะลึง ขาก็ลื่นร่วงหล่นจากคานบ้านปรมาจารย์แพทย์ ‘...เหล่านี้ล้วนคือสมุนไพร ดอกไม้อะไรกัน!’“พูดเช่นนี้หมายความว่าเจ้ามาหาเจียงอวิ๋นจิ่น เจ้าอยากพานางหนีไป?” กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วเอ่ยถามเฉินจื่อวั่งสบสายตาของทั้งคู่ รีบส่ายหน้า “ข้าเปล่า ข้ารู้นางไม่มีวันไปกับข้า แม่ของนางยังอยู่ในเมืองหลวง หากนางไป แม่ของนางก็ต้องตาย ข้าเพียงอยากลอบมาดูนางสักครั้ง”กู้หว่านเยว่รู้สึกเห็นใจคนผู้นี้อยู่บ้าง เขาก็คือคนหลงใหลในความรักคนหนึ่งยิ่งไปกว่านั้นฟังจากคำพูดของอีกฝ่ายแล้ว เจียงอวิ๋นจิ่นไม่ได้ยินดีมาเป็นชายารองที่เจดีย์หนิงกู่เฉินจื่อวั่งขบกรามแน่นพูดว่า “เรื่องคืนนี้ล้วนเป็นความผิดของข้า พวกเจ้าจะฆ่าก็ฆ่า แต่อย่าโทษนางเป็นอันขาด นางน่าสงสารพอแล้ว”เขากำหมัดแน่น “จะโทษก็โทษที่ข้าไร้ประโยชน์ ไม่สามารถปกป้องนางและครอบครัวของนางเอาไว้ได้”เขามองทางซูจิ่งสิง “ท่านอ๋องขอร้องท่านหนึ่งเรื่อง อวิ๋นจิ่นเป็นคนน่าสงสารจริงๆ ต่อให้ท่านไม่รักนาง แต่ฝ่าบาทพระราชทานนางให้ท่านแล้ว ในเมื่อนางเป็นสตรีของท่านแล้ว ขอร้องท่านดีต่อนางด้วย แม้ข้าและนางเป็นคู่รักในวัยเย
เฉินจื่อวั่งสีหน้างุนงง เมื่อครู่เกิดเรื่องใดขึ้นแล้ว เหตุใดเขาไม่รู้?สีหน้ากู้หว่านเยว่สับสน ปรมาจารย์แพทย์ลูบศีรษะอย่างเก้อกระดาก“คือว่า คือว่าเวลาออกฤทธิ์ของยาพูดความจริงนี้สั้นไปบ้างยิ่งไปกว่านั้นยามเอ่ยถามปัญหาสำคัญ เป็นไปได้มากว่าฤทธิ์ยาจะหายไป...ยังไม่ทันได้ปรับปรุง”ยาสิ้นฤทธิ์ตอนถามปัญหาสำคัญ เช่นนั้นยาพูดความจริงมีประโยชน์อะไร?กู้หว่านเยว่ยิ้มไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก แต่ก็สามารถเข้าใจได้ เพียงยาน้ำขวดเดียว ยากจะทำให้จิตใจของคนสับสน“น้องหญิง ใต้วงแขนเขาคล้ายมีของ” สายตาซูจิ่งสิงคมกริบ ขยับขึ้นไปดึงสิ่งที่อยู่ใต้วงแขนของเฉินจื่อวั่งออกมาเฉินจื่อวั่งคล้ายให้ความสำคัญต่อของสิ่งนี้มากเป็นพิเศษ รีบร้องตะโกน “รีบคืนของให้ข้า!”เขาพยายามกระโจนเข้ามา ถูกฉู่เฟิงจับไว้แน่นๆ แล้ว“ของสิ่งนี้เป็นสิ่งล้ำค่าของข้า ขอร้องพวกท่านรีบคืนมันให้ข้า”กู้หว่านเยว่หันมองทางมือของซูจิ่งสิง พบว่าคือถุงหอมใบหนึ่งนางเมินข้ามคำอ้อนวอนของเฉินจื่อวั่ง หยิบถุงหอมมามองซ้ายมองขวา สรุปคือพบอักษรตัวเล็กๆ หนึ่งบรรทัดที่ด้านล่างถุงหอม“ท่านพี่ ท่านถือเทียนเข้ามาใกล้หน่อย”ตอนนี้ท้องฟ้ามืดมิด อักษ
โชคดีจริงๆเสียด้วย!กู้หว่านเยว่โมโหไม่อยากพูดแล้ว กลับเอ่ยปากอย่างใจอ่อน “ช่างเถอะๆ ข้าช่วยท่านจับชีพจร แต่หากข้าเองก็ไม่สามารถถอนพิษได้ เช่นนั้นท่านก็คงต้องตายจริงๆ แล้ว”นางจงใจทำให้ปรมาจารย์แพทย์ตกใจ ใครจะรู้ปรมาจารย์แพทย์กลับหัวเราะ “ตายเถอะๆ รีบตายรีบหลุดพ้น”“.....”นางแพ้แล้ว“เป็นเช่นไรนังหนู เจ้าสามารถคิดค้นยาถอนพิษนี้ได้หรือไม่?” ปรมาจารย์แพทย์สนใจเพียงสิ่งนี้“สามารถคิดค้นได้ แต่ต้องฝังเข็ม”กู้หว่านเยว่หยิบเข็มเงินออกมา ใช้เวลาครู่หนึ่ง ถึงขับพิษให้ไปอยู่อีกแห่งหนึ่งได้“ข้าค่อยเขียนตำรับยาให้ท่านหนึ่งเทียบ”ช่วยแล้วก็ต้องช่วยจนถึงที่สุด กำจัดพิษที่เหลืออยู่ด้วย นางก้มหน้าเขียนตำรับยา ดวงตาปรมาจารย์แพทย์ทอประกายระยับมองนาง“นังหนู วิชาพิษของเจ้าก็ไม่ธรรมดาเลยนี่”กู้หว่านเยว่หัวเราะ “โชคดีที่ไม่ธรรมดา มิเช่นนั้นท่านจะต้องไปพบยมบาลแล้ว”นางพูดอีกหนึ่งประโยคอย่างอดไม่ได้ “ภายภาคหน้าจะทำเช่นนี้ไม่ได้ หากครั้งหน้าท่านต้องการทดลองยาพิษ สามารถใช้หนูทดลองได้”“หนูทดลอง คือสิ่งใด?” ปรมาจารย์แพทย์ส่ายหัว ไม่เข้าใจกู้หว่านเยว่เล่าหลักการการใช้หนูทดลองในยุคสมัยใหม่ให้เขา
“ไป พวกเราไปดูกันเถอะ”กู้หว่านเยว่กังวลความปลอดภัยของปรมาจารย์แพทย์ ไม่ใส่ใจความเขินอาย รีบจูงมือซูจิ่งสิงไล่ตามไปสรุปคือทั้งสองคนมาถึงเรือนของปรมาจารย์แพทย์ คนชุดดำก็ล้มอยู่บนพื้นแล้ว“นังหนูๆ ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว เมื่อครู่จู่ๆ ก็มีคนชุดดำคนหนึ่งเขามา ข้าตกใจแทบแย่”ปรมาจารย์แพทย์วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา ในมือยังถือผงยาถูกเปิดออกหนึ่งขวดเห็นได้ชัดมาก คนชุดดำน่าจะโดนผงยาในมือของเขาแล้ว“ท่านมิได้วางยาพิษเขาจนตายไปแล้วกระมัง?”กู้หว่านเยว่ส่ายหัว มองดูแล้วนางกังวลโดยเสียเปล่า“เปล่าเสียหน่อย ตอนนี้ข้าไม่ฆ่าสิ่งมีชีวิตแล้ว นี่เป็นเพียงยาสลบธรรมดาๆ เท่านั้น”ปรมาจารย์แพทย์เก็บยาสลบ จากนั้นรีบตบหน้าอก“ข้าตกใจแทบแย่ เมื่อครู่ข้าเพิ่งศึกษาสมุนไพร จู่ๆ เขาก็ร่วงลงมาจากคานบ้าน”กู้หว่านเยว่เดินเข้าไปมองแวบหนึ่ง คนยังไม่ตายจริงๆ“นี่คือศัตรูของท่านหรือ?”“ศัตรูอะไรกันเล่า ข้าไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ”ปรมาจารย์แพทย์ส่ายหน้า ซูจิ่งสิงโบกมือให้องครักษ์จันทราดึงคนชุดดำขึ้นมา“นักฆ่าคนนี้ มองดูแล้วนับว่าหล่อเหลาทีเดียว”กู้หว่านเยว่ประเมินออกมาหนึ่งประโยคอย่างอดไม่ได้ ทำเสียจนซูจิ่งสิงห
“ไม่ใช่ว่าข้าเก่งนะ แต่มีคู่มือการผลิตอยู่ในมิติ ข้าแค่ทำตามคู่มือก็เสร็จแล้ว””นั่นเจ้าก็เก่งเหมือนกัน คนทั่วไปต่อให้ได้คู่มือการผลิตมา ก็อาจจะทำออกมาได้ไม่เหมือนต้นฉบับซูจิ่งสิงไม่ยอมรับการโต้แย้ง กู้หว่านเยว่วกเข้าเรื่องเดิม “ข้าตั้งใจจะผลิตแก้วให้ครบวงจร”นางกล่าวอย่างครุ่นคิด “ความจริงแล้วแก้วไม่ใช่ของหายากอะไร เป็นชาวต่างแดนที่เห็นต้าฉีของเราไม่มี ก็เลยจงใจปั่นราคาให้สูงขึ้น”ที่กู้หว่านเยว่ยืนกรานที่จะผลิตแก้วออกมาให้ได้ เพราะไม่อยากให้ชาวต่างแดนขูดรีดพวกเขา“ท่านพี่รู้หรือไม่? ความจริงแล้วแก้วมีประโยชน์ใช้สอยมากมาย ไม่เพียงแต่สามารถใช้ทำเป็นถ้วยจานชามได้เท่านั้น แต่ยังใช้ผลิตหน้าต่างกระจกได้อีกด้วย ไม่เพียงแต่สามารถกันลมกันฝนได้เท่านั้น แต่ยังทำให้แสงแดดส่องถึงอีกด้วย มากไปถึงขั้นที่สามารถใช้มันผลิตกระจกได้ด้วย กระจกทองแดงที่พวกเราใช้กันอยู่ตอนนี้จะชัดเจนและสว่างไสวมากขึ้น”ดวงตาของกู้หว่านเยว่เปี่ยมไปด้วยประกายแวววาว ในขณะที่นางพรรณนาประโยชน์ของแก้วด้วยเสียงแผ่วเบา“หากสามารถส่งเสริมการใช้แก้วออกไปได้ ก็จะเป็นเรื่องที่ดีมากที่สร้างความผาสุกให้แก่ประชาชน”นี่คือจุดประส
“ยังไม่กลับเจ้าค่ะ” ชิงเหลียนส่ายหัวกู้หว่านเยว่เหลือบมองสีท้องฟ้า ฟ้ากำลังจะมืดแล้ว ซูจิ่งสิงคงยุ่งมากแน่ ๆนางแทบรอไม่ไหวที่จะแบ่งปันความสุขนี้กับอีกฝ่าย “เดี๋ยวท่านพี่กลับมา รีบไปบอกข้าทันทีนะ”หลังจากยุ่งมาตลอดช่วงบ่าย นางก็เหงื่อแตกพลั่กไปทั้งตัว อาศัยช่วงเวลานี้อาบน้ำได้พอดี“ชิงเหลียน ข้าอยากอาบน้ำ”“เจ้าค่ะ” ชิงเหลียนรีบร้อนลงไป ให้ทางห้องครัวเล็กนำน้ำร้อนมาให้ ไม่นานอ่างอาบน้ำก็เต็มไปด้วยน้ำร้อนกู้หว่านเยว่แค่อยากแช่น้ำ ก็เลยไม่ได้เข้าไปอาบน้ำในมิติหยิบขวดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นกุหลาบออกมา ก่อนหยดลงในอ่างอาบน้ำ กลิ่นหอมแรงทำให้ชิงเหลียนเผยสีหน้าเคลิบเคลิ้มออกมา“ฮูหยิน หอมจัง เมื่อครู่ท่านหยดอะไรลงไปหรือเจ้าคะ? ทำไมถึงหอมเช่นนี้?“นี่คือน้ำมันหอมระเหยกลิ่นกุหลาบ”กู้หว่านเยว่ลงไปนั่งอย่างผ่อนคลาย แช่ในน้ำร้อนอุ่น ๆ หลับตาพริ้ม“ฮูหยินเก่งสุดยอดจริง ๆ “ชิงเหลียนชื่นชมอย่างจริงใจ หลังจากติดตามฮูหยินมานาน ก็ได้รู้ว่าสิ่งของอะไรที่หายาก ฮูหยินสามารถทำออกมาได้ทั้งหมด“เก่งสุดยอดไปเลย”ทำแก้วสำเร็จ กู้หว่านก็เยว่อารมณ์ดีทีเดียว พลางพยักหน้าอย่างหลงระเริงหลังจากแช่น้ำเส
“ตกลง ตกลง” นางจินเช็ดน้ำตา รู้สึกมีความหวังขึ้นมาทันใดในเวลานี้พ่อบ้านศูนย์พักพิงรีบวิ่งเข้ามา “ท่านทั้งสองเป็นญาติของท่านอ๋องใช่ไหม?”“เกิดอะไรขึ้นหรือ?” ทั้งสองรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าเมื่อครู่เพิ่งรู้สึกมีความหวังในชีวิต พอหันกลับมาก็ถูกตบหน้าแล้วหรอกนะ?“ท่านทั้งสองอย่าประหม่าไปเลย” พ่อบ้านรีบบอก “ถ้าท่านทั้งสองต้องการความช่วยเหลือใด ๆ ข้าคือพ่อบ้านศูนย์พักพิง บอกกับพวกข้าได้เลย”นี่คือญาติของท่านอ๋อง ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมถึงเร่ร่อนมาถึงศูนย์พักพิงได้ แต่ก็ไม่สามารถล่วงเกินได้อยู่ดี“ข้า พวกข้าต้องการทำงาน” ซูเช่อรวบรวมคว้ากล้า“ได้สิ ถ้าท่านรู้หนังสือล่ะก็ ศูนย์พักพิงของเราขาดนักบัญชีหนึ่งคน”“ข้ารู้หนังสือ!”“งั้นพรุ่งนี้ท่านก็สามารถมาทำงานได้เลย” พ่อบ้านกล่าวอย่างผ่อนคลาย“จริงหรือ ขอบคุณ ยังมีแม่ของข้าด้วย...”“ถ้าแม่เฒ่าไม่รังเกียจ ทางศูนย์พักพิงก็สามารถจัดหางานที่ค่อนข้างสบายให้ได้”“ไม่รังเกียจ ไม่รังเกียจ รบกวนพ่อบ้านด้วย”เมื่อเห็นพ่อบ้านออกไปแล้ว สีหน้าของซูเช่อที่เคยขมขื่น ความเคียดแค้นที่มีต่อซูจิ่งสิงก็หายไปทันที“ท่านแม่ ข้าคิดได้แล้ว ต่อไปข้าจะใช้ช
“น้องหญิง เจียงอวิ๋นจิ่น ไม่ใช่ชายารอง”ซูจิ่งสิงต้องแก้ไขให้ถูกต้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาไม่อยากให้ในอนาคตหากมีคนอื่นพูดถึงเขาอีก แล้วยังคิดว่าเขามีชายารอง“ตกลง ๆ ๆ ข้าคิดว่าเจียงอวิ๋นจิ่นผู้นี้ อาจจะไม่ได้มาโดยสมัครใจ”กู้หว่านเยว่เห็นนางลังเลที่จะพูดอยู่หลายครั้ง คำพูดนี้ทำให้ซูจินเอ๋อร์ถึงกับต้องออกปาก“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านใจดีเกินไปแล้ว นางเป็นศัตรูหัวใจของท่านนะ”“ใช่แล้วหว่านเยว่ ถ้านางไม่เต็มใจมา จะมีใครถือมีดจี้คอบังคับนางอยู่หรือ?”นางหยางเห็นแก่คนที่มาก่อน ไม่ค่อยชอบเจียงอวิ๋นจิ่นสักเท่าใด นางจับมือของกู้หว่านเยว่เอาไว้พลางถอนหายใจ “จิ่นเอ๋อร์พูดถูก เจ้าใจดีเกินไปแล้ว”“อุ๊บ!”กู้หว่านเยว่แสดงออกว่า ใช้ชีวิตอยู่มาสองชั่วอายุคน เป็นครั้งแรกที่มีคนบอกว่านางใจดี พวกท่านใส่ตัวกรองเข้มงวดเกินไปแล้ว“ยินดีด้วยท่านอ๋อง ยินดีด้วยชายาอ๋อง”ขุนนางที่รีบรุดมาถึงพากันคุกเข่าลง หลี่เฉินอันก็เดินเข้ามาหาด้วยความตื่นเต้น “อาจารย์หญิง ในที่สุดฟ้าหลังฝนก็มาถึงท่านแล้ว นับจากนี้ไปก็ไม่ได้อยู่ในสถานะนักโทษเนรเทศอีกแล้ว”เขามองกู้หว่านเยว่ด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความชื่นชม ไม่มีความ
ซูจิ่งสิงปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่า การเปิดใจของน้องหญิงเป็นเรื่องยากเพียงใดเขาจะไม่ยอมปล่อยให้เรื่องใด ๆ ที่อาจทำร้ายหว่านเยว่เกิดขึ้นเด็ดขาด“แต่งเพียงในนาม ก็ไม่ได้เช่นกัน”“ท่านพี่” ความหวานชื่นผุดขึ้นในหัวใจของกู้หว่านเยว่ เจือด้วยความซาบซึ้งขันทีเริ่มลำบากใจขึ้นเรื่อย ๆ การเลี้ยงดูสตรีในจวนอ๋อง ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรมิใช่หรือ?“ท่านอ๋อง ท่านทำเช่นนี้ ทำให้ข้าลำบากใจ”ก่อนออกเดินทาง พระองค์ท่านตรัสไว้ว่า ต้องให้ซูจิ่งสิงยอมรับเจียงอวิ๋นจิ่นให้ได้ ไม่เช่นนั้นหัวของเขาจะหลุดจากบ่าเมื่อนึกถึงภารกิจที่ที่ได้รับมอบหมาย ขันทีก็ใช้เหตุผลอธิบายให้เข้าใจ ใช้ความรู้สึกโน้มน้าวจิตใจต่อไป“ท่านอ๋อง แค่สตรีเพียงคนเดียว เก็บไว้ข้างกายท่าน จะไม่เป็นอุปสรรคต่อเรื่องใดแน่ราชโองการของฮ่องเต้ได้ประกาศลงมาแล้ว ชายารองเจียงก็เดินทางมาไกลถึงที่นี่แล้ว หากถูกส่งคืนกลับไป จะเอาหน้าที่ไหนไปใช้ชีวิตต่อเล่า?”“ความเป็นความตายของคนอื่น มันเกี่ยวข้องอะไรกับข้าด้วย?”หรือว่าต้องทำให้น้องหญิงเสียใจเพื่อคนที่ไม่สลักสำคัญอะไรเพียงคนเดียวเล่า?“จะใกล้หรือไกล ใกล้ชิดหรือห่างเหิ